พระหลัก สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ หลวงพ่อฤาษี ผงพรายกุมารหลวง ปู่ทิมวัดละหารไร่ หลวงปู่หมุน และอื่นๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย muitiem, 11 พฤษภาคม 2015.

  1. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    สวัสดีครับ

    ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ผมครูพี่หมุยพระทุกองค์ที่ลงผมเก็บมานับสิบปี

    และใจจริงๆไม่เคยคิดจะนำออกมาแบ่ง แต่

    ด้วยความตั้งใจว่าเงินส่วนหนึ่งที่นำพระออกมาแบ่งให้บูชาจะนำไปทำบุญ

    ครบรอบอายุ 30 ปี ปีนี้ของผม จึงอยากให้ทุกท่านรวมบุญกันนะครับ


    การรับประกัน

    พระทั้งหมดรับประกันความแท้ตลอดชีพ ถ้าท่านส่งออกบัตรไปยังบริษัทการันตี

    พระ หรือ งานสมาคมพระเครื่องแห่งประเทศไทยแล้วตีไม่แท้ผมยินดีรับคืน

    ตลอดกาล สำหรับพระบาง

    องค์ที่มีบัตรผมจะแถมบัตรที่ผมเคยออกให้ไปด้วยจะได้สบายใจ

    แต่เงื่อนไขการรับประกันพระต้องอยู่ในสภาพเดิม ไม่ล้างหรือชำรุด หรือ กระ

    ทำอื่นใดที่มีผลต่อผิวและเนื้อของพระองค์นั้นๆ

    รวมถึงถ้าท่านบูชาไปแล้วอยากจะเปลี่ยนผมก็ยินดีรับเปลี่ยน โดยหักตาม

    มาตรฐานสากลและราคาตามสภาวะตลาดนะครับ


    การจัดส่ง

    พระองค์ไหนราคาสูงกว่า 10,000 บาท ผมยินดีนำไปส่งด้วยตนเอง

    ตามเส้นรถไฟฟ้า BTS แต่ผมขอมัดจำ 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าบูชา

    ส่วนองค์อื่นๆ ผมจะจัดส่งให้ทาง EMS ลงทะเบียน (และถ้าท่านอยากจะ

    ซื้อประกันเพิ่มผมก็ยินดี แต่ผู้บูชาต้องออกเองนะครับ)


    ติดต่อและแจ้งโอน

    PM

    LINE:muitiem

    0859757999

    PM และ LINE จะสะดวกสุดนะครับ โทรศัพท์ผมอาจจะไม่ค่อยได้รับ

    รบกวนติดต่อ 12.00-22.00 น.นะครับ ถ้าสะดวกจะรับนะครับ

    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2015
  2. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 1 สมเด็จชินบัญชร ฐานแซม (ผงพรายกุมาร) หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่

    องค์นี้ผมห้อยก่อนหน้านี้มาตลอด องค์นี้สวยระดับไว้ล่าแชมป์ได้ เพราะรุ่นนี้ปกติยันต์แดงด้านหลังมักจะไม่ติดชัดแบบนี้ แต่องค์นี้แดงแปร๊ด แถมปกติรุ่นนี้มักจะราน แต่องค์นี้สมบูรณ์มากครับ

    เป็นสมเด็จที่ดีที่สุดของหลวงปู่ทิม สร้างในวาระ เทหล่อกริ่งชินบัญชร ประสบการณ์มากมายไม่ต้องพูดถึงพระผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    พระ สมเด็จชินบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลังยันต์แดง เป็นพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จอีกรุ่นหนึ่ง ที่มีความนิยมเป็นอย่างยิ่งใน ปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ และ ศรัทธาในวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง โดยพระชุดนี้ทั้งหมด หลวงปู่ทิม ท่านได้มีดำริให้คุณชินพร สุขสถิตย์ จัดสร้างขึ้นเพื่อแจกให้กับคณะผ้าป่าที่มาจากกรุงเทพ เพื่อมาร่วมงานเททองพระชุดชินบัญชร ในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ โดยคุณชินพร ได้ว่าจ้างคุณกี่ ศรีย่าน หรือคุณ สมชาย ตั้งใจงามสง่า เป็นผู้กดพิมพ์พระ จำนวนทั้งสิ้น ๕,๐๐๐ องค์ แบ่งออกเป็น ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ หรือพิมพ์พระประธาน และพิมพ์ฐานแซม และตัดขอบพิมพ์ด้วยมืออย่างเดียว ทีละองค์ ไม่ให้ทำแบบใช้เครื่องปั๊ม หรือเรียกว่าพิมพ์กระเดื่อง จึงทำให้พระสมเด็จชินบัญชร มีจุดสำคัญ อีกจุดหนึ่งคือ ขอบพิมพ์ ทั้ง ๔ด้าน ไม่เท่ากันทุกองค์ สำหรับมวลสารที่ใช้ในการจัดสร้างนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผงพุทธคุณ และ ผงวิเศษต่างๆมากมาย อาทิเช่น
    ผงพุทธคุณผสมผงพลายกุมาร ที่หลวงปู่ทิม มอบให้ ขนาด ๑ ถุงปูน
    ผง นะปัดตลอด ของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ที่ได้เมตตาคณะผู้สร้างโดยการลบผง และปลุกเสกให้
    ดินรองรับน้ำล้างหน้า หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่

    ถือเป็นการรวมผงวิเศษจากสุดยอด พระเถราจารย์แห่งยุค ถึง ๓ รูปด้วยกัน ด้านหลัง ได้ให้คุณลุงอู๊ด หรือ คุณปราโมทย์ มาเจริญ เป็นผู้เขียนและออกแบบ ข้อความว่า “ที่ระลึก ในการเททองหล่อ พระกริ่งชินบัญชร วันอาทิตย์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗” พร้อมด้วย ยันต์ห้าหรือยันต์มหาจินดามณีอันเป็นยันต์ที่หลวงปู่ทิมใช้เป็นยันต์ ประจำตัวท่าน อยู่ตรงการข้อความ เพื่อใช้ปั้มด้านหลังของ องค์สมเด็จฯทั้ง ๒ พิมพ์ ทุกองค์ ยันต์แดงที่ประทับหรือปั๊มนั้น เริ่มปั๊มทันที่ที่นายกี่ ศรีย่านเอาพระสมเด็จมาส่งให้ใหม่ๆ ความชื้นในองค์พระยังมีอยู่จึงทำให้หมึกแดงที่ประทับไว้จางไปเหลือแต่สีแดง บางๆ ก็มี ถ้าเนื้อพระแห้งแล้วก็ติดชัดเจน นอกจากยันต์สีแดงแล้วบางองค์ใช้สีน้ำเงินก็มีอยู่บ้างแต่เป็นจำนวนน้อยเพราะเป็นการลองปั๊มโดยใช้หมึกสีน้ำเงินในตอนแรก แล้วหลวงปู่ทิม ท่านก็เมตตาปลุกเสกเดี่ยวประมาณ ๑ เดือนเต็ม ในกุฏิท่าน พระสมเด็จชินบัญชรได้สร้างเสร็จก่อนเหรียญเจริญพร แต่เจตนา เอานำออกมา แจกจ่ายในวันประกอบพิธี เททองหล่อพระกริ่งชินบัญชร เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๗ หลังจาก เหรียญเจริญพรซึ่งออกให้บูชาเมื่อปลายเดือนเมษายน ๒๕๑๗

    พระสมเด็จชินบัญชรหลังยันต์แดงทั้ง ๒ พิมพ์ เป็นพระเนื้อปูนผสมกับผงพุทธคุณต่างๆ ของหลวงปู่ทิมและมีผงพรายกุมารผสมอยู่ด้วย เนื้อพระด้านหน้า พบเห็นว่ามีทั้งที่แตกลายงาและไม่แตกลายงา ส่วนด้านหลังเรียบไม่แตกลายงา เมื่อแจกจ่ายไปแล้ว ผู้ได้รับมักไม่สนใจเพราะเป็นพระเนื้อปูนสี ขาวธรรมดาๆ แบบพระโนเนมทั่วๆ ไป เท่านั้นเอง เมื่อเอาออกใส่ตู้ในบูชาองค์ละ ๒๐ บาท ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจเช่าหากันเลย มาโด่งดังเอาภายหลัง เมื่อมีผู้คนนำเอาติดตัวไว้แล้วเกิดมีประสบการณ์ขึ้น ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันมากในยุคนั้น
    องค์นี้ เป็นพระพิมพ์แซม สภาพสวย ผิวเดิมๆ คราบแป้งยังมีให้เห็นอยู่ทั่วองค์ ไม่แตกลายงา สวยงามมากๆ ด้านหลัง รอยปั้มยันต์หมึกแดง ค่อนข้างชัดเจน เต็มองค์ สภาพนี้หายากสุดๆ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ราคา

    PM หรือ LINE สอบถามได้ครับ 0859757999


    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2015
  3. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 2 ลูกอมผงพรายกุมาร บรอนซ์นิยม หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่

    หากใครสนใจอยากได้พระขุนแผนหลวงปู่ทิมเวลานี้หลักหลายๆแสนถึงล้านถ้าเป็นพิมพ์ใหญ่ แต่ลูกอมบรอนซ์นิยมนี้เนื้อเดี๋ยวกัน องค์นี้ได้มาจากเซียนคุณเอิ้บ มรดกไทย

    ลูกอมบล็อนช์ฝุ่นบล็อนช์ทองจะคล้ายๆกับขุนแผนบล็อกนิยม เล่นหาง่ายกว่าลูกอมบล็อนช์วานิช เพราะดูง่ายกว่าลูกอมผงพรายหลวงปู่ทิม อิสริโก
    บางท่านคิดว่าเป็นเครื่องราง แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเช่นเดียวกับพระผงพรายกุมารทั้งหลาย
    อย่าห้อยต่ำกว่าเอวนะครับ พุทธคุณครอบจักรวาล เพราะก็เป็นสุดยอดผงพรายมหาภูติที่หลวงปู่ทิมได้สร้างและปลุกเสกอย่างเข้มขลังและสร้างยากแสนยาก ที่ปั้นเป็นลูกกลมๆก่อนจะกดพิมพระขุนแผน และถ้ากดไม่ทันก็จะคงสภาพเป็นก้อนกลมๆ ทานบล็อนทองเพื่อพรายและว่านมีชีวิต และหลวงปู่ปลุกเสกเพิ่ม ใหญ่และเล็ก ส่วนใหญ่เม็ดใหญ่ปั้นเพื่อกดขุนแผนพิมพ์ใหญ่ เม็ดเล็กก็จะเพื่อกดขุนแผนพิมพ์เล็ก ซึ่งเนื้อลูกอมมี เนื้อยุคเเรกคล้ายเนื้อประคำออกสีน้ำตาลคล้ำๆ มีเนื้อกระยาสาท เนือขาวบล็อนน้ำมัน และเนื้อขาวบล็อนทองคล้ายๆขุนแผนบล็อกนิยม มีทั้งมีห่วง และไม่มีห่วง แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีห่วง

    [​IMG]

    [​IMG]

    ราคา

    PM หรือ LINE สอบถามได้ครับ 0859757999


    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2015
  4. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เดี๋ยวลงต่อ
     
  5. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 3 พระพุทธศตวรรษ หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่

    สภาพสวยมาก พระ25พุทธศตวรรษหลวงปู่ทิมปลุกเสก ตอก 2 โค้ด พระเครื่องชุด 25 พุทธศตวรรษ หลวงปู่ทิมปลุกเสก ณ วัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง ประจำเมืองระยอง) นั้น มาจากในคราวที่จัดพิธี ฉลองพุทธ 25 พุทธศตวรรษ ทางราชการได้จัดให้ วัดป่าประดู่ เป็นหนึ่งในสถานที่จัดพิธีเฉลิมฉลองดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ทางวัดได้รับ พระเครื่องชุด 25 พุทธศตวรรษ จำนวนหนึ่งมาจากทางหน่วยงาน ราชการ และ ท่านหลวงพ่อหล่ำ จึงได้นำพระครื่องทั้งหมดที่ได้รับมอบมาทำการบรรจุกรุ ในปีต่อมา ดังที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น. เหตุผลของการแตกกรุ อันเนื่องมาจากเมื่อปี (พ.ศ.2547) ทางวัดป่าประดู่ จะทำการย้าย พระอุโบสถ หลังเดิมที่ดูคับแคบ ไปยัง พระอุโบสถ หลังใหม่ เลยทำการเปิดกรุดังกล่าว จึงได้พบพระเครื่องชุด พระพุทธ 25 ศตวรรษ ที่ได้บรรจุกรุไว้ ในสมัย ท่านหลวงพ่อหล่ำ และ ทางวัดได้ทำ สัญลักษณ์เป็นโค๊ต ตอกไว้บนเหรียญทุกเหรียญครับ. นอกจากนั้น พระชุดนี้ยังผ่านพิธีปลุกเสกพระเครื่อง และ วัตถุมงคลของวัดป่าประดู่ หลายต่อหลายครั้งด้วยกันเช่น ในคราวพิธีพุทธาภิเษกรูปเหมือน หลวงพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่ และ วัตถุมงคลรุ่นแรกของท่านเมื่อปี พ.ศ.2507 โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมาร่วมปลุกเสกมากมาย

    อาทิเช่น 1. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ 2. หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง 3. หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ 4. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม 5. หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ 6. หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าฯ เป็นต้น และ ถือเป็นสุดยอดพิธีของเมืองระยอง พิธีหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ตลอดไป เพราะว่าเป็นพิธีที่ทำให้ สาธุชนทั่วไปรู้ถึง กิตติคุณ ความเก่ง และ ขลัง ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ดังนั้น พระดี พิธีสุดยอดของ กึ่งพุทธกาล ผนวกกับ สุดยอดพิธีเมืองระยอง บรรจุกรุมามากกว่า 40 ปี ควรค่าในการสะสมเป็นอย่างยิ่งครับ พระทุกองค์ ทางวัดป่าประดู่ได้ทำการตอกโค๊ต ( วป ) ไว้ทุกองค์

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ราคา

    12,000 บาท (รุ่นนี้ข้อควรระวังคือ พระแท้แต่โค้ดศาลาปลอมเยอะ แต่องค์นี้ผมรับประกันทั้งพระทั้งโค้ดหลวงปู่ทิมปลุกเสกแน่นอน)


    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2015
  6. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เดี๋ยวคืนนี้มาลงต่อนะครับ
     
  7. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 4 สมเด็จองค์ปฐม รุ่น 2 ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พร้อมกล่องเดิมจากวัด (เก็บหิ้งไม่เคยใช้)

    เล่นรุ่นนี้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะไม่ทันหลวงพ่อเสกเหมือนรุ่น 3

    พระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น2 เนื้อกะไหล่ทอง จัดสร้างประมาณ 10,000 องค์เศษ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพุทธาภิเษกที่วิหารแก้วร้อยเมตร เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2535 ขนาดขององค์พระ ขนาดฐานกว้าง 1.75ซม. ขนาดความสูง 3.3ซม.

    ก่อนที่จะเริ่มพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อกล่าวเอาไว้ว่า....

    "วันนี้ มีพระหางหมากอยู่แสนองค์ พระพุทธรูปองค์ปฐมองค์เล็กๆมี 14,400องค์ อย่าแย่งกันนะ ท่าจะไม่พอ... แต่ว่าไม่มีกริ่งนะ...
    ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะว่า "ถ้ากริ่งถ้ามี... แทนที่จะดีกลายเป็นปรามาสพระรัตนตรัยไป เขย่า....ดีไม่ดี เล่นไปเล่นมาลงนรกไปเลย..."

    เป็นพระรุ่นเดียวที่หลวงพ่อท่านเล่าว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านเสด็จลงมาจากพระนิพพานด้วยพระองค์เอง และพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ เสด็จลงมาจากพระนิพพานทั้งหมด พรหมและเทวดาทั่วจักรวาลก็มากันหมด ถึงเวลาพุทธาภิเษกด้านลาภ พระพุทธเจ้าด้านลาภมากที่สุดคือพระพุทธกัสสป พระพุทธทีปังกรท่านมาด้านหน้า หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า พระสีวลีพระอรหันต์ที่มีลาภมากยังนั่งไปไกลมากมองไม่เห็น และรุกขเทวดาที่อยู่ในวัดตามต้นไม้ออกไปไกลมากเลยตลาดอุทัยธานีไปอีก วัดตามกำลังบารมีและความสว่าง หมายถึงท่านใดมีลาภมากก็จะอยู่ด้านหน้า ซึ่งวัดท่าซุงกับตลาดอุทัยห่างกันประมาณ 10กิโลเมตร ตอนพุทธาภิเษกอยู่ๆไฟฟ้าในวิหารร้อยเมตรก็เกิดไฟดับชั่วอึดใจ หลวงพ่อท่านพูดว่าช่วงนั้นกำลังปลุกเสกท่องคาถาเรื่องการพลางตัวไม่ให้ศัตรูมองเห็น....พุทธคุณเต็มเปี่ยม จะหาวัตถุมงคลใดๆในพื้นพิภพนี้จะเทียบเท่าได้

    สมเด็จองค์ปฐมท่านสร้างบารมี 40อสงไขยกำไรแสนกัลป์ มากที่สุด เป็นบรมครูองค์แรกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ภายหลังจากพิธีพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงพ่อยังกล่าวให้ลูกหลานฟังว่า....

    "ผู้มีสมเด็จองค์ปฐมไว้บูชา หากใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ดี อมนุษย์ก็ดี หรือสัตว์ร้ายก็ดี มีจิตคิดร้ายกับเราจะร้อนรุ่มจนทนไม่ได้ ต้องถอยไปในที่สุด"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    http://palungjit.org/attachments/a.3436369/[IMG]

    [COLOR="Red"][SIZE="5"][B]ราคา [/B][/SIZE][/COLOR]

    โทรถาม หรือ PM, LINE: muitiem

    [SIZE="5"][COLOR="red"][B]การจองและชำระเงิน[/B][/COLOR][/SIZE]

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2015
  8. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เย็นนี้มาลงต่อนะครับ
     
  9. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 5 พระผงยันต์ดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ผสมเกศา ชานหมาก องค์ที่ 1

    พระผงยันต์ดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ผสมเกศา ชานหมาก ปี ๒๕๔๓ เลี่ยมกรอบเงินพร้อมใช้ครับ พระผงดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ..... พระผงรูปเหมือนวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคลาภร่ำรวยตลอดเวลา ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้ อีกหลายร้อยเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไปด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน

    วิธีบูชาวัตถุมงคลและหลวงปู่หมุน ให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยและหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล 1.) ตั้ง นะโมฯ (๓จบ) 2.) หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล นามะเต ประสิทธิเม มะอะอุ อุอะมะ (๓จบ) แล้วบอกกล่าวหลวงปู่หมุนในเรื่องที่ต้องการให้ท่านสงเคราะห์ ภาวนาบอกท่านบ่อยๆ สำเร็จมาแล้วมากมายครับ เมื่อสมปรารถนาแล้วก็ถวายสังฆทานถวายอุทิศให้ท่านครับ หลวงปู่หมุน พระเถระ๕แผ่นดิน ประวัติปฎิปทา ท่านไม่ธรรมดาครับ ลูกศิษย์ผู้มีจิตศรัทธา มั่นใจได้ว่าพระเครื่องวัตถุมงคลของท่าน ไม่เป็นรองสำนักใด ปลุกเสก 1 ไตรมาส และเข้าพิธีอีก 5 วาระ พุทธาภิเษก ๕ วาระ (ครั้งที่๓ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน นักบุญแห่งบ้านละลม อ.ขุขันธ์ ศรีสระเกษ มาตั้งกสิณไฟ ปลุกเศกเป็นปฐมฤกษ์) ครั้งที่ 1 ทำพิธีเททองหล่อพระรูปเหมือน 9 นิ้ว 5 นิ้ว 3 นิ้วรูปหล่อพิมพ์เบ้าทุบ ครอบน้ำพระพทุธมนต์ รูปหล่อครึ่งซีกที่ติดข้างขันน้ำมนต์พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงปู่หมุนอธิษฐานจิตเดี่ยวและเป็นประธานเททองที่วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2543 ครั้งที่ 2 ทำพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถ วัดสุทัศน์ฯ 16 มีนาคม 2543 โดยมีหลวงปู่ลมัยวัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์ (อายุ 101 ปี),หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี,หลวงปู่หลุย วัดราชโยธา ,หลวงปู่ผล วัดโนนทอง ลพบุรี , หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนูหลวงพ่อสินธิ์ชัย วัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์,หลวงพ่อถนอม คณะ 2วัดสุทัศน์ฯ ครั้งที่3 เสาร์ 5 วัดป่าหนองหล่ม วันที่ 8 เมษายน 2543 หลวงปู่หมุนเป็นประธานพิธีร่วมกับหลวงปู่ถอง อายุ 102 ปี วัดสระมณฑล อยุธยา, หลวงปู่ลมัยวัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์ (อายุ 101 ปี) หลวงพ่ออิน วัดบ้านด่าน ศิษย์เอกหลวงพ่อเอียและหลวงปู่สรวง นักบุญแห่งบ้านสายลม บุรีรัมย์ มาอธิษฐานจิตตั้งกสิณไฟปลุกเสกในเวลาตี 3 กว่าด้วย ครั้งที่ 4 ที่วัดซับลำไย ในวันที่ 9 เมษายน 2543 ทำพิธีพุทธาภิเษก โดยหลวงปู่หมุน อธิษฐานปลุกเสกตั้งธาตุ หนุนธาต หมุนธาตุ ชักยันต์ครอบมณฑลพิธีอย่างตั้งใจ ครั้งที่ 5 วัดสุทัศน์ฯ ในวันอาทิตย์ที่30 เมษายน 2543 เวลา 09.19 น.ที่อุโบสถ์ วัดสุทัศน์ ฯ เนื้อผงพุทธคุณ แต่ละองค์จะมีการบิ่น-กร่อนเป็นปกติของพระเนื้อผง พุทธคุณเต็มๆมวลสารเข้มๆ พุทธคุณเกินราคา.......

    ทุกวันนี้ผมแขวนบูชายันต์ดวงเศรษฐีรุ่นนี้อยู่ ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ได้เป็น เศรษฐี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ระยะหนึ่งที่ได้อาราธนาห้อยบูชาท่านขึ้นคอ ผมได้รับประสบการณ์ที่ดีในเรื่องค้าขาย และโชคลาภ มาเป็นระยะๆโดยตลอด ไม่เคยเข้าจุดอับและจนมุม และผมอยากจะเรียกสิ่งนี้ว่า คลาดแคล้วทางการเงิน ครับ....... ท่านที่เพิ่งจะเริ่มศึกษาเก็บสะสมหรือห้อยบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เป็นครั้งแรก ผมอยากแนะนำให้ท่านลองแขวนบูชาพระรุ่นนี้ดูเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นพระที่มีราคาเช่าหาไม่สูงมาก แต่เป็นพระที่มีพุทธคุณสูงทางด้านโชคลาภเงินทองค้าขาย ธุรกิจการงานร่ำรวยราบรื่นเห็นผลรวดเร็ว ผมเองก็เริ่มต้นจากพระรุ่นนี้ และเลื่อมใสในพลังอำนาจ ของหลวงปู่ที่ดลบันดาลให้ผมได้รับแต่สิ่งที่ดีตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากหลวงปู่ และได้เกิดประสบการณ์กับตัวเองจริง..... สำหรับท่านที่ยังไม่เคยแขวนบูชาพระของหลวงปู่ หรือแขวนบูชารุ่นอื่นของหลวงปู่อยู่ แต่รู้สึกว่ายังไม่พบเห็นประสบการณ์ที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างชัดเจน ผมอยากให้ท่านลองแขวนบูชาพระรุ่นนี้ดูครับ ด้วยความปรารถนาดีและมุ่งหวังที่จะเผยแพร่ เกียรติคุณบุญญาบารมีของหลวงปู่ให้แผ่ขยายขจรขจายกว้างไกลออกไปอย่างแท้จริงครับ

    [​IMG]


    [​IMG]



    ราคา

    องค์นี้ผมให้ราคาแบ่ง สภาพไม่ได้สวยมาเอาไว้ใช้กันนะครับ
    ขอเปิดที่ 6,000 บาท

    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 6 พระผงยันต์ดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ผสมเกศา ชานหมาก องค์ที่ 2

    องค์นี้หน้าโซนเทาชัดเจน เสียนิดเดียวด้านหลังราน ไม่งั้นราคาแรงแน่นอนครับ

    พระผงยันต์ดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน ผสมเกศา ชานหมาก ปี ๒๕๔๓ เลี่ยมกรอบเงินพร้อมใช้ครับ พระผงดวงเศรษฐี หลวงปู่หมุน ..... พระผงรูปเหมือนวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคลาภร่ำรวยตลอดเวลา ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้ อีกหลายร้อยเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไปด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน

    วิธีบูชาวัตถุมงคลและหลวงปู่หมุน ให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยและหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล 1.) ตั้ง นะโมฯ (๓จบ) 2.) หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล นามะเต ประสิทธิเม มะอะอุ อุอะมะ (๓จบ) แล้วบอกกล่าวหลวงปู่หมุนในเรื่องที่ต้องการให้ท่านสงเคราะห์ ภาวนาบอกท่านบ่อยๆ สำเร็จมาแล้วมากมายครับ เมื่อสมปรารถนาแล้วก็ถวายสังฆทานถวายอุทิศให้ท่านครับ หลวงปู่หมุน พระเถระ๕แผ่นดิน ประวัติปฎิปทา ท่านไม่ธรรมดาครับ ลูกศิษย์ผู้มีจิตศรัทธา มั่นใจได้ว่าพระเครื่องวัตถุมงคลของท่าน ไม่เป็นรองสำนักใด ปลุกเสก 1 ไตรมาส และเข้าพิธีอีก 5 วาระ พุทธาภิเษก ๕ วาระ (ครั้งที่๓ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน นักบุญแห่งบ้านละลม อ.ขุขันธ์ ศรีสระเกษ มาตั้งกสิณไฟ ปลุกเศกเป็นปฐมฤกษ์) ครั้งที่ 1 ทำพิธีเททองหล่อพระรูปเหมือน 9 นิ้ว 5 นิ้ว 3 นิ้วรูปหล่อพิมพ์เบ้าทุบ ครอบน้ำพระพทุธมนต์ รูปหล่อครึ่งซีกที่ติดข้างขันน้ำมนต์พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงปู่หมุนอธิษฐานจิตเดี่ยวและเป็นประธานเททองที่วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2543 ครั้งที่ 2 ทำพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถ วัดสุทัศน์ฯ 16 มีนาคม 2543 โดยมีหลวงปู่ลมัยวัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์ (อายุ 101 ปี),หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี,หลวงปู่หลุย วัดราชโยธา ,หลวงปู่ผล วัดโนนทอง ลพบุรี , หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนูหลวงพ่อสินธิ์ชัย วัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์,หลวงพ่อถนอม คณะ 2วัดสุทัศน์ฯ ครั้งที่3 เสาร์ 5 วัดป่าหนองหล่ม วันที่ 8 เมษายน 2543 หลวงปู่หมุนเป็นประธานพิธีร่วมกับหลวงปู่ถอง อายุ 102 ปี วัดสระมณฑล อยุธยา, หลวงปู่ลมัยวัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์ (อายุ 101 ปี) หลวงพ่ออิน วัดบ้านด่าน ศิษย์เอกหลวงพ่อเอียและหลวงปู่สรวง นักบุญแห่งบ้านสายลม บุรีรัมย์ มาอธิษฐานจิตตั้งกสิณไฟปลุกเสกในเวลาตี 3 กว่าด้วย ครั้งที่ 4 ที่วัดซับลำไย ในวันที่ 9 เมษายน 2543 ทำพิธีพุทธาภิเษก โดยหลวงปู่หมุน อธิษฐานปลุกเสกตั้งธาตุ หนุนธาต หมุนธาตุ ชักยันต์ครอบมณฑลพิธีอย่างตั้งใจ ครั้งที่ 5 วัดสุทัศน์ฯ ในวันอาทิตย์ที่30 เมษายน 2543 เวลา 09.19 น.ที่อุโบสถ์ วัดสุทัศน์ ฯ เนื้อผงพุทธคุณ แต่ละองค์จะมีการบิ่น-กร่อนเป็นปกติของพระเนื้อผง พุทธคุณเต็มๆมวลสารเข้มๆ พุทธคุณเกินราคา.......

    ทุกวันนี้ผมแขวนบูชายันต์ดวงเศรษฐีรุ่นนี้อยู่ ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ได้เป็น เศรษฐี แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ระยะหนึ่งที่ได้อาราธนาห้อยบูชาท่านขึ้นคอ ผมได้รับประสบการณ์ที่ดีในเรื่องค้าขาย และโชคลาภ มาเป็นระยะๆโดยตลอด ไม่เคยเข้าจุดอับและจนมุม และผมอยากจะเรียกสิ่งนี้ว่า คลาดแคล้วทางการเงิน ครับ....... ท่านที่เพิ่งจะเริ่มศึกษาเก็บสะสมหรือห้อยบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เป็นครั้งแรก ผมอยากแนะนำให้ท่านลองแขวนบูชาพระรุ่นนี้ดูเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นพระที่มีราคาเช่าหาไม่สูงมาก แต่เป็นพระที่มีพุทธคุณสูงทางด้านโชคลาภเงินทองค้าขาย ธุรกิจการงานร่ำรวยราบรื่นเห็นผลรวดเร็ว ผมเองก็เริ่มต้นจากพระรุ่นนี้ และเลื่อมใสในพลังอำนาจ ของหลวงปู่ที่ดลบันดาลให้ผมได้รับแต่สิ่งที่ดีตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากหลวงปู่ และได้เกิดประสบการณ์กับตัวเองจริง..... สำหรับท่านที่ยังไม่เคยแขวนบูชาพระของหลวงปู่ หรือแขวนบูชารุ่นอื่นของหลวงปู่อยู่ แต่รู้สึกว่ายังไม่พบเห็นประสบการณ์ที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างชัดเจน ผมอยากให้ท่านลองแขวนบูชาพระรุ่นนี้ดูครับ ด้วยความปรารถนาดีและมุ่งหวังที่จะเผยแพร่ เกียรติคุณบุญญาบารมีของหลวงปู่ให้แผ่ขยายขจรขจายกว้างไกลออกไปอย่างแท้จริงครับ

    [​IMG]


    [​IMG]



    ราคา

    องค์นี้ผมให้ราคาแบ่ง
    ขอเปิดที่ 7,500 บาท

    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 7 สมเด็จองค์ปฐม รุ่น 2 ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เลี่ยมทองหนาๆ ร้านโต๊ะกัง ชุบทองคำขาว องค์ที่ 2


    เล่นรุ่นนี้ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะไม่ทันหลวงพ่อเสกเหมือนรุ่น 3 แถมองค์นี้ผมแขวนประจำเมื่อก่อน สนใจคุยกันได้ครับ

    พระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น2 เนื้อกะไหล่ทอง จัดสร้างประมาณ 10,000 องค์เศษ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพุทธาภิเษกที่วิหารแก้วร้อยเมตร เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2535 ขนาดขององค์พระ ขนาดฐานกว้าง 1.75ซม. ขนาดความสูง 3.3ซม.

    ก่อนที่จะเริ่มพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อกล่าวเอาไว้ว่า....

    "วันนี้ มีพระหางหมากอยู่แสนองค์ พระพุทธรูปองค์ปฐมองค์เล็กๆมี 14,400องค์ อย่าแย่งกันนะ ท่าจะไม่พอ... แต่ว่าไม่มีกริ่งนะ...
    ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะว่า "ถ้ากริ่งถ้ามี... แทนที่จะดีกลายเป็นปรามาสพระรัตนตรัยไป เขย่า....ดีไม่ดี เล่นไปเล่นมาลงนรกไปเลย..."

    เป็นพระรุ่นเดียวที่หลวงพ่อท่านเล่าว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านเสด็จลงมาจากพระนิพพานด้วยพระองค์เอง และพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ เสด็จลงมาจากพระนิพพานทั้งหมด พรหมและเทวดาทั่วจักรวาลก็มากันหมด ถึงเวลาพุทธาภิเษกด้านลาภ พระพุทธเจ้าด้านลาภมากที่สุดคือพระพุทธกัสสป พระพุทธทีปังกรท่านมาด้านหน้า หลวงพ่อท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า พระสีวลีพระอรหันต์ที่มีลาภมากยังนั่งไปไกลมากมองไม่เห็น และรุกขเทวดาที่อยู่ในวัดตามต้นไม้ออกไปไกลมากเลยตลาดอุทัยธานีไปอีก วัดตามกำลังบารมีและความสว่าง หมายถึงท่านใดมีลาภมากก็จะอยู่ด้านหน้า ซึ่งวัดท่าซุงกับตลาดอุทัยห่างกันประมาณ 10กิโลเมตร ตอนพุทธาภิเษกอยู่ๆไฟฟ้าในวิหารร้อยเมตรก็เกิดไฟดับชั่วอึดใจ หลวงพ่อท่านพูดว่าช่วงนั้นกำลังปลุกเสกท่องคาถาเรื่องการพลางตัวไม่ให้ศัตรูมองเห็น....พุทธคุณเต็มเปี่ยม จะหาวัตถุมงคลใดๆในพื้นพิภพนี้จะเทียบเท่าได้

    สมเด็จองค์ปฐมท่านสร้างบารมี 40อสงไขยกำไรแสนกัลป์ มากที่สุด เป็นบรมครูองค์แรกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ภายหลังจากพิธีพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงพ่อยังกล่าวให้ลูกหลานฟังว่า....

    "ผู้มีสมเด็จองค์ปฐมไว้บูชา หากใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ก็ดี อมนุษย์ก็ดี หรือสัตว์ร้ายก็ดี มีจิตคิดร้ายกับเราจะร้อนรุ่มจนทนไม่ได้ ต้องถอยไปในที่สุด"

    [​IMG]

    [​IMG]

    http://palungjit.org/attachments/a.3436459/[IMG]

    [IMG]http://palungjit.org/attachments/a.3436460/

    ราคา

    โทรถาม หรือ PM, LINE: muitiem

    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เดี๋ยวมาลงอีกนะคร๊าบบบ
     
  13. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    ประวัติหลวงปู่ศุข

    วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท

    (ที่มา : หนังสือ PRECIOUS VOL.1

    [​IMG]

    นามเดิม :- ศุข นามสกุล เกษเวช (ต่อมาลูกหลานได้ใช้ เกษเวชสุริยา ก็มี)

    เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีวอก พ.ศ. ๒๓๙๐ ที่บ้านมะขามเฒ่า ( เรียกกันในสมัยนั้น ปัจจุบันเรียก บ้านปากคลอง ) ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท

    โยมบิดา - มารดา :- ชื่อ นายน่วม และนางทองดี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลมะขามเฒ่า

    มีบุตรและธิดา ด้วยกัน ๙ คน

    ๑. หลวงปู่ศุข

    ๒. นางอ่ำ

    ๓. นายรุ่ง

    ๔. นางไข่

    ๕. นายสิน

    ๖. นายมี

    ๗. นางขำ

    ๘. นายพลอย

    ๙. หลวงพ่อปลื้ม

    ปัจจุบันยังมีลูกหลานของท่านอยู่ที่บ้านใต้วัดมะขามเฒ่าอีกหลายคน หรือแม้แต่ร้านค้าขายภายในบริเวณวัดเองก็ยังมี

    หลวงปู่นั้น ท่านมีลุงคนหนึ่งชื่อ แฟง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลบางเขน จังหวัดพระนคร ( ในสมัยนั้น ) มีอาชีพ ทำสวน ไม่มีบุตรหรือธิดา จึงได้มาขอหลานจากโยมบิดามารดาหลวงปู่ศุขไปเลี้ยง โยมท่านก็อนุญาตให้เลือกเอา ลุงแฟงก็เลือกเอาคนโต หรือ เรียกว่าคนหัวปี คือ หลวงปูศุข เข้าใจว่าขณะนั้นอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เมื่อหลวงปู่ศุขไปอยู่กับลุงแฟง เจริญเติบโตที่ตำบลบางเขน

    เมื่อหลวงปู่ฯ อยู่ในวัยฉกรรจ์ ท่านได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ทำมาหากินค้าขายเล็กๆ น้อยๆ โดยยึดลำคลองบางเขน ซึ่งมีปากคลองเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้จังหวัดนนทบุรีลงมา ปัจจุบันอยู่ข้างทางเข้าวัดทางหลวง เป็นที่ทำมาหากิน

    คลองบางเขนนี้ทอดขึ้นไปเชื่อมกับคลองรังสิต เมื่อก่อนนี้เป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมทางน้ำที่สำคัญและกว้างขวางเป็นอย่างมาก เมื่อการคมนาคมทางบกเจริญขึ้น การสัญจรทางน้ำก็หมดความสำคัญลง ปัจจุบันคงจะตื้นเขินไปแล้วก็ได้ เพราะขาดการทะนุบำรุงเท่าที่ควร

    หลวงปู่ฯ ท่านทำมาหากินอยู่ในคลองบางเขนอยู่ระยะหนึ่ง จนอายุได้ ๑๘ ปี ได้ภรรยาชื่อ นางสมบูรณ์ และเกิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อ สอน เกศเวชสุริยา

    หลวงปู่ฯ ท่านครองเพศฆราวาสอยู่ไม่นาน พออายุท่านครบ ๒๒ ปี ท่านได้ลาไปอุปสมบท ณ วัดโพธิ์บางเขนหรือปัจจุบันชื่อว่า วัดโพธิ์ทองล่าง ซึ่งอยู่ปากคลองบางเขนตอนล่าง ส่วนวัดโพธิ์ทองบน อยู่ตอนเหนือของปากคลองบางเขน ตอนบนบริเวณจังหวัดปทุมธานี

    อุปสมบท :-

    การอุปสมบทของหลวงปู่ศุขนั้น ท่านได้อุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๒ ปี ที่วัดโพธิ์บางเขน ( ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดโพธิ์ทองล่าง ) โดยมี พระครูเชย จนฺทสิริ วัดโพธิ์บางเขน เป็น พระอุปัชฌาย์ พระถายมเป็นพระคู่สวด การอุปสมบทนี้มีลุงแฟงเป็นผู้อุปการะทั้งสิ้น ส่วนโยมบิดามารดาไม่ได้มาร่วมพิธีด้วย เพราะการเดินทางสมัยนั้นลำบากมาก จากชัยนาทถึงกรุงเทพฯ ก็กินเวลาอย่างน้อย ๒ ถึง ๓ วัน จึงจะถึง

    พระอุปัชฌาย์ของท่านชื่อ หลวงพ่อเชย จันทสิริ อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองล่าง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ฝ่ายรามัญที่ถือเคร่งในวัตรปฏิบัติและพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงพ่อเชยท่านยังเป็นอาจารย์ทางฝ่ายวิปัสสนาธุระมีความรู้และความชำนาญรู้แจ้งแทงตลอด อีกทั้งทางด้านวิทยาคมก็แก่กล้าเป็นยิ่งนัก หลวงปู่ฯ ท่านได้รับถ่ายทอดวิชาความรู้จากอุปัชฌาย์ของท่านมาพร้อมกับอาจารย์เปิง วัดชินวนาราม และหลวงปู่เฒ่า วัดหงษ์ จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเชย วัดโพธิ์ทองล่างเหมือนกัน

    เมื่อได้อุปสมบทแล้วอยู่กับพระอุปัชฌาย์ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยพอสมควรแล้ว ท่านก็ได้ออกเดินธุดงค์หาที่สงบฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน และวิชาอาคมต่าง ๆ จากสำนักที่มีชื่อเสี่ยงโด่งดังในสมัยนั้นจนชำนาญดีแล้ว จึงกราบลาอาจารย์กลับบ้านเกิดของท่าน โดยมาพักอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่งข้างหมู่บ้านของท่าน ชื่อวัดอู่ทอง ปัจจุบันนี้เรียกว่า วัดปากคลอง ชาวบ้านแถวนั้นมีความศรัทธาเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ท่านจำพรรษาอยู่ที่นั้น เพื่อที่ว่าจะได้สร้างวัดขึ้นมาใหม่ ดังนั้นท่านจึงได้อยู่ ณ ที่นั้นมาจนท่านมรณภาพ ในระหว่างที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้น ได้เริ่มพัฒนาในท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรืองด้วยจากวัดร้างที่ไม่มีอะไรเลย จนถึง พุทธาวาส ธรรมาวาส และสังฆาวาส เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบจนถึงทุกวันนี้ ยังมีพระอุโบสถและมณฑป ปรากฏให้เห็นอยู่ ส่วนการอบรมสั่งสอนนั้นท่านได้แนะแนวการประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ให้เห็นคุณและโทษของผลการปฏิบัติตนในทางที่ดีหรือไม่ดีอย่างไร จนประชาชนแถวนั้นมีความประพฤติดีมีศีลธรรมเป็นส่วนมาก

    หลวงปู่ฯ ท่านเพลินอยู่ในธรรมเสียหลายปี จนกระทั่งมารดาท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ได้ชราภาพลงตามอายุขัย และความเจ็บไข้มาเยือนอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในบิดามารดาของท่านจึงได้เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม และได้อยู่จำพรรษาปีแรกๆ ที่วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในคลองมะขามเฒ่า หรือบริเวณต้นแม่น้ำท่าจีนในปัจจุบัน แต่ทว่าสภาพของวัดอู่ทองขณะนั้นได้เกิดการชำรุดทรุดโทรมลงตามสภาพ เกินกว่าที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ให้กลับคืนมาสู่สภาพที่ดีได้ต่อไป ท่านจึงได้ขยับขยายออกมาที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และได้สร้างกุฏิขึ้นครั้งแรกหนึ่งหลังพอเป็นที่อยู่อาศัยไปพลางก่อน

    สืบต่อมามารดาของหลวงปู่ๆ ได้ถึงแก่กรรมและได้จัดการฌาปนกิจศพ และในงานนี้เอง หลวงปู่ฯ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลในรูปพระพิมพ์สี่เหลี่ยมซุ้มรัศมีออกแจกเป็นของที่ระลึกเป็นครั้งแรก เมื่อผู้ที่ได้รับแจกพระเครื่องจากท่านไปได้ปรากฏอภินิหารทางอยู่ยงคงกระพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องกันเขี้ยวงา คือสุนัขกันไม่เข้า ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่บังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะบ้านนอกอย่างในชนบทสมัยก่อนนั้นไม่ค่อยจะมีรั้วรอบขอบชิดเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ได้อาศัยสุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นยามเฝ้าบ้าน ฉะนั้นการที่จะแวะเวียนไปบ้านหนึ่งบ้านใดนั้นจะต้องระวังเรื่องสุนัขลอบกัดให้ดี มิฉะนั้นท่านจะถูกสุนัขกัดเอาง่ายๆ พระของหลวงปู่ฯ จึงมีชื่อเรื่องสุนัขกันไม่เข้า เป็นปฐมเหตุก่อน จึงบังเกิดความนิยมไปขอท่านมาแขวนคอบุตรหลานเพื่อกันเขี้ยวงาและภยันตรายต่างๆ สมัยก่อนพระวัดปากคลอง เนื้อตะกั่ว จะมีแขวนอยู่ในคอเด็กในท้องถิ่นเกือบจะทุกคน แล้วถ้าจะไปขอพรหลวงปู่ศุข ท่านมักจะถามว่า “เอ็งมีลูกกี่คน?” ท่านจะให้ครบทุกคน

    กิตติศัพท์ในความขลังประสิทธิในพระพิมพ์สี่เหลี่ยมของท่านจึงค่อยๆ เผยแพร่จากปากหนึ่งไปสู่อีกปากหนึ่ง ในเวลาไม่ช้าไม่นาน คุณวิเศษของท่านจึงค่อยๆ โด่งดังขจรขจายไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก การขนส่งสินค้า ตลอดจาการทำมาค้าขาย จะขึ้นล่องจะต้องอาศัยสายน้ำเจ้าพระยาเพียงแห่งเดี่ยวเท่านั้น เพราะในสมัยนั้นถนนหนทางทางบกยังทุรกันดาร พอตกเพลาพลบค่ำพ่อค้าแม่ขายเรือเล็กเรือใหญ่จะมาอาศัยนอนค้างแรมที่แพหน้าวัดของท่าน เพื่ออาศัยบารมีของท่านช่วยป้องกันขโมยขโจรที่จะมาประทุษร้ายต่อเลือดเนื้อชีวิตและทรัพย์สิน ถ้าจะเปรียบไปแล้วหน้าวัดของท่านจึงเป็นเสมือนหนึ่งเป็นชุมทางที่สำคัญนี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยเสริมส่งให้เกียรติคุณของท่านแผ่ขยายไปทั่วทุกภาคของประเทศ ชื่อเสียงของท่านจึงเป็นที่รู้จักกันดี “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า”

    เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯฝากตัวเป็นศิษย์ :-

    [​IMG]

    อนึ่ง มีผู้กล่าวว่าท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์เก่งมาก สามารถเสกใบไม้ให้เป็นตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย เสกก้านกล้วยให้เป็นงูได้ และเรื่องอภินิหารของขลัง คงกระพันชาตรี มีอีกมากมาย อาจจะเป็นด้วย บุญกุศลของหลวงปู่ศุข กับ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งราชนาวี ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ นับลำดับราชสกุลวงศ์เป็นพระองค์ที่ ๒๘ และเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ ๑ ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้สร้างสมกันมาแต่ชาติปางก่อน ดลบันดาลให้เสด็จในกรมฯ ซึ่งทรงศรัทธาเลื่อมใสในทางมหาพุทธาคมอยู่แล้วได้เสด็จประพาสไปในภาคเหนือ จึงเป็นเหตุให้หลวงปู่ศุขและพระองค์ท่านได้พบกัน และเป็นที่ต้องอัธยาศัยซึ่งกันและกัน จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ – อาจารย์ เพื่อจักได้ศึกษาทางมหาพุทธาคม และปรากฏว่า พระองค์เป็นศิษย์ที่มีความรู้ความสามารถได้ศึกษาแตกฉานจนกระทั่งหลวงพ่อเองก็หมดความรู้ จึงได้ให้เสด็จในกรมฯ ไปศึกษาเคล็ดวิชากับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จังหวัดพิจิตรต่อ ดังเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วนั้นและได้วาดภาพพุทธประวัติด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ที่อุโบสถด้านในหน้าอุโบสถ ซึ่งปรากฏจนทุกวันนี้ หลวงปู่ศุข ท่านมีเมตตามากจึงมีศิษย์เป็นอันมากที่มาเรียนวิชาเหล่านี้ ท่านได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระครูวิมลคุณากร และเป็นเจ้าคณะแขวง ( ปัจจุบันเรียกว่าเจ้าคณะอำเภอ ) เป็นองค์แรกของอำเภอวัดสิงห์ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเมื่อใด

    เมื่อหลวงปู่ศุข ท่านมีลูกศิษย์อย่างเสด็จในกรมฯ จึงเป็นกำลังสำคัญให้ท่านสามารถที่สร้างวัดปากคลองมะขามเฒ่าให้เสร็จสมบูรณ์ ถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาที่คงเหลือเป็นประจักษ์พยานในปัจจุบันนี้ก็คือ ภาพเขียนฝีมือเสด็จในกรมฯ บนฝาผนังพระอุโบสถ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ยังรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นภาพเขียนฝีมือเสด็จในกรมฯ บนฝาผนังพระอุโบสถ วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่ยังรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นภาพเขียนสีน้ำที่ทางกรมศิลป์ยกย่องว่าเสด็จในกรมฯ ทรงฝีมือในการเขียนภาพเป็นอย่างมาก และทรงสอดแทรกอารมณ์ขันในภาพพระพุทธเจ้าชนะมาร ในกระแสน้ำที่พระแม่ธรณีบีบมวยผมทำให้เกิดอุทกธาราหลากไหลพัดพาเอาทัพพระยามารไปนั้น พระองค์ท่านเขียนเป็นภาพลิงใส่นาฬิกาและหนีบขวดวิสกี้กำลังเดินตุปัดตุเป๋ไปเลย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฤาษีปัญจวัคคีเมื่อเห็นเจ้าชายสิทธัตถะเลิกทรมานการหันมากินอาหาร ก็นึกว่าพระองค์คงจะถ้อถอยละความเพียรแล้ว จึงพากันผละหนีพระองค์ไปนั้น เสด็จในกรมฯ ท่านเขียนใบหน้าของฤาษีปัญจวัคคี โดยสอดอารมณ์ที่ยิ้มเยาะเย้ยหยันอย่างไม่อะไรไยดีต่อพระองค์ เน้นความรู้สึกได้เด่นชัดมาก

    ฝีมือของเสด็จในกรมฯ อีกชิ้นหนึ่งก็คือภาพเขียนสีน้ำมันเป็นรูปหลวงปู่ศุขยืนเต็มตัวและถือไม้เท้า ภาพนี้เขียนขึ้นในขณะที่หลวงปู่มีอายุมากแล้วจึงต้องเดินสามขา

    ศิลปวัตถุในพุทธศาสนาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า นอกจากพระอุโบสถแล้วยังมีมณฑปจตุรมุขประดิษฐ์บานรอยพระพุทธบาท ประตูทั้ง ๔ บานนั้นแกะด้วยไม้สัก แกะลวดลายลึกถึงสามชั้น เคยมีคนสมคบกันเอาบานประตูมณฑปจตุรมุขออกขาย เอาลงมากรุงเทพฯ เตรียมใส่เรือกระแชงในคลองมหานาคเพื่อออกต่างประเทศ ด้วยดวงวิญญาณในหลวงปู่ศุขท่านผูกพันอยู่กับศาสนาวัตถุที่ท่านสร้างเอาไว้ในบวรพุทธศาสนา ท่านจึงเข้าประทับทรงจากหิ้งบูชาจังหวัดนครสวรรค์ รับเอาท่านแม่ทัพที่นครสวรรค์ (ขออภัยผู้เขียนจำชื่อท่านไม่ได้) และมารับเอาท่านนายอำเภอประจำจังหวัดชัยนาทในขณะนั้น คือ คุณสุธี โอบอ้อม แล้วนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ ร่างทรงหลวงปู่ฯ ได้พาคณะลดเลี้ยวเข้าครอกเข้าซอยจนมาถึงเรือกระแชงที่บรรทุกบานประตูมณฑปเตรียมขนออกนอกได้อย่างทันท่วงที ยึดเอาบานประตูทั้ง ๔ บาน คืนกลับไป ขณะนั้นยังคงเก็บรักษาไว้ที่วัดป่าพานิชวนาราม อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท และยังไม่ได้ส่งคืนวัดปากคลองมะขามเฒ่า เพราะเหตุอะไรนั้น ชาวจังหวัดชัยนาทเขาทราบกันดี

    ปัจจุบันชาวจังหวัดชัยนาทผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ร่วมกันสร้างรูปหุ่นขี้ผึ้งไว้ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพื่อจะได้ทำการสักการบูชาโดยทั่วกัน กรมทหารเรือเห็นความสำคัญ จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมมณฑป เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ ทำให้ประชาชนทั้งใกล้และไกลต่างจังหวัด หลั่งไหลมาสักการะบูชาทุก ๆ วันมิได้ขาด วัดปากคลองมะขามเฒ่า จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาทต่อไป

    เรื่องทรงเจ้าเข้าผีนี้ จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ แต่ที่ทรงจริงๆ นั้นมันมีน้อย อย่างในกรณีดวงวิญญาณหลวงปู่ศุขประทับทรงแล้วซอกแซกลงมาจากนครสวรรค์ถึงกรุงเทพฯ เกือบ ๓๐๐ กม. แล้วยังพาคณะเข้าครอกตรอกซอยจนถึงเรือกระแชงที่จอดลอยลำอยู่ในคลองมหานาคนั้นมันเป็นการเดินทางที่สลับวับซ้อนและวกวนน่าดู แต่ร่างทรงก็พาคณะไปจนพบและยึดบานประตูกลับคืนมาได้นั้น มันเป็นเหตุการณ์อันมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง และบานประตูมณฑปทั้ง ๔ บานดังกล่าวแล้วนั้น ทั้งเสด็จในกรมฯ และหลวงปู่ศุขได้ช่วยกันสร้างเป็นชิ้นสุดท้าย ระบุปี พ.ศ. ๒๔๖๕ อยู่ที่ซุ้มหน้ามณฑปอีกด้วย

    ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์นอกจากจะถูกอัธยาศัยกันเป็นยิ่งนัก จักเดินทางไปมาหาสู่กันเสมอแล้ว ถ้าเสด็จในกรมฯ ติดราชการงานเมือง หลวงปู่ก็จะลงมาหา โดยเสด็จในกรมฯ ได้สร้างกุฏิอาจารย์ไว้กลางสระที่วังนางเลิ้ง ซึ่งเต็มไปด้วยดอกบัววิคตอเรีย มีใบกลมใหญ่ขนาดถาด และรู้สึกว่ากลางใบจะมีหนามคมด้วย อันนี้ได้รับคำบอกเล่าจากลุงผล ท่าแร่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ติดสอยห้อยตามหลวงปู่ฯ มาแต่เล็ก ท่านเป็นชาวอุตรดิตถ์หรือพิษณุโลกจำได้ไม่ถนัดนัก หลวงปู่ศุขท่านขอพ่อแม่มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อสิ้นบุญหลวงปู่ฯ ท่านก็เลยลงหลักปักฐานได้ภริยาอยู่ที่ตำบลท่าแร่ อำเภอวัดสิงห์ ชัยนาท เลยเรียกกันติดปากว่า ลุงผล ท่าแร่

    แต่อย่างไรก็ตาม ภายในกำหนด ๑ ปี หลวงปู่ศุขท่านจะต้องลงมากรุงเทพฯ ๑ ครั้งเป็นอย่างน้อย เพราะเสด็จในกรมท่านจะกระทำพิธีไหว้ครูราวๆ เดือนเมษายน งานจะจัดเป็น ๓ วัน วันแรกไหว้ครูกระบี่กระบอง วันที่สองไหว้ครูหมอยาแผนโบราณ และวันที่สามจะไหว้ครูทางวิทยายุทธ์พุทธาคมและไสยศาสตร์ จัดเป็นงานใหญ่มีมหรสพสมโภชทุกคืนกับมีการแจกพระเครื่องรางของขลังจากหลวงปู่ศุขอีกด้วย แต่ในระยะหลังๆ หลวงปู่ศุขท่านมีอายุมากแล้วสุขภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าใดนัก ท่านจึงไม่ค่อยจะได้ลงมา

    จากการที่ผู้เขียนได้เคยศึกษาตำราอักขระเลขยันต์จากอาจารย์ท่านมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ อำเภอวัดสิงห์ ชัยนาท ผู้สืบสายมาจากท่านใบฎีกายัง วัดหนองน้อย อำเภอวัดสิงห์ ชัยนาท ซึ่งเป็นฐานาในหลวงปู่ศุข และเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ศุขรูปหนึ่ง ตำราอักขระเลขยันต์ซึ่งคุณหมอสำนวน ปาลวัฒน์วิไชย แห่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดชัยนาท ซึ่งท่านได้ใช้เวลาค้นคว้าและรวบรวมพระเครื่องในหลวงปู่ศุข ตลอดจนประวัติและเรื่องราวของท่านตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปี ได้นำออกมาตีพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือรวมเล่มขนาดหนานั้น ได้ตีพิมพ์ตำราอักขระเลขยันต์ของหลวงปู่ศุขที่สอนให้กับลูกศิษย์ของท่างลงไปด้วย และบางตอนบางหน้ายังเป็นลายมือของหลวงปู่อีกด้วย นับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆ แต่ทว่าในตำราอักขระเลขยันต์ของท่านนั้นเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานทั่วๆ ไป ซึ่งมีอยู่ในตำรามหาพุทธาคมที่เราได้ร่ำเรียนกันอยู่ในปัจจุบันนี้ อย่างเช่นการเรียนสูตรสนธ์จากคัมภีร์รัตนมาลา ในพระอิติปิโส ๕๖ พระคาถาห้องพระพุทธคุณ ลงเป็นยันต์เกราะเพชรหรือตาข่ายเพชร ยันต์พระไตรสรณาคมน์ตลอดจนคัมภีร์นะ ๑๐๘ และ นะพินธุ หรือ นะปฐมกัลป์ หรือ นะโมพุทธายะใหญ่ และยันต์ประจำตัวของท่านที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำก็คือ ตัวพุทธมวันโลก ที่ท่านใช้จารลงที่หลังพระพิมพ์สี่เหลี่ยมของท่าน นอกจากนั้นยังลงด้วยยันต์สามลง มะ อะ อุ ที่ขมวดยันต์ลงหลังรูปถ่ายของท่าน เรียกว่า ยันต์เพชรหลีกน้อย นอกจากนั้นท่านจะนิยมหนุนหรือล้อมด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ นะ มะ พะ ทะ

    อนึ่งการที่ท่านทำพระเครื่องรางของขลังได้ประสิทธิมีฤทธิ์มีเดชทั้งๆ ที่ใช้อักษรเลขยันต์พื้นๆ นั้น เป็นเพราะอำนาจจิตที่ท่านได้ฝึกฝนมานั้นกล้าแกร่งยิ่งนัก โดยเฉพาะกสิณธาตุทั้ง ๔ มี ดิน น้ำ ไฟ ลม นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจอิทธิฤทธิ์ทางใจเลยทีเดียว สำหรับการสำเร็จวิชาชั้นสูงเรียกว่า มายาการ คือความเชื่อถือ และการปฏิบัติ ที่มุ่งหมายให้เกิดผล ด้วยการใช้พลัง หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ เช่น ของขลัง พิธีกรรม หรือหลีกลี้ลับ บังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ เช่น ท่านเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย ตลอดจน การผูกหุ่นพยนต์ด้วยฟางข้าว เสกคนให้เป็นจระเข้ เป็นต้น มันเป็นมายาการชั้นสูง คือการบังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ แท้ที่จริงแล้วใบมะขามก็คงเป็นใบมะขาม หัวปลีก็คงเป็นหัวปลี และหุ่นฟางก็คงเป็นหุ่นฟางเหมือนเดิม เว้นแต่ด้วยอำนาจจิตของท่านทำให้เราเห็นไปเอง

    จากหนังสือ “พระกฐินพระราชทาน สมาคมศิษย์อนงคาราม ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เรื่องพระใบมะขาม” ท่านผู้เขียนอดีตเป็นพระมหา มีหน้าที่ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ศุข ขณะที่อาราธนาท่านมาปลุกเสกพระชัยวัฒน์ และพระปรกใบมะขาม (พ.ศ. ๒๔๕๙) ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า

    “เมื่อข้าพเจ้าไปอุปัฏฐากหลวงพ่อแล้ว มีชาวบ้านชาววัดมาขอให้หลวงพ่อลงกระหม่อมบ้าง ลงตะกรุดพิสมรบ้าง โดยยื่นแผ่นเงิน ทอง นาก ให้ลงคาถา บางคนขอเมตตา บางคนขอการค้าขาย หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลง

    ข้าพเจ้าถามว่าการค้าขาย จะให้ลงว่ากระไร?

    หลวงพ่อบอกว่า “นะชาลิติ”

    บางคนขอเมตตา ข้าพเจ้าถามว่า จะให้ลงว่ากระไร?

    หลวงพ่อพูดติดตลกว่า “เมตยายไม่เอาหรือ เอาแต่เมตตาเท่านั้นหรือ?”

    คนขอจึงบอกขอเมตตาอย่างเดียว ข้าพเจ้าถามว่า จะให้ลงว่ากระไร?

    ท่านบอกว่า “นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู”

    ข้าพเจ้าจึงบอกว่า “หลวงพ่อครับ ผมไม่มีความขลัง ลงไปก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร”

    หลวงพ่อบอกว่า “มันอยู่ที่ผมเสกเป่านะคุณมหา”

    ข้อนี้ยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะระหว่างนั่นข้าพเจ้าให้หลวงพ่อลงกระหม่อม แล้วท่านเสกเป่าไปที่ศีรษะตั้งหลายครั้ง เมื่อท่านเป่าที่กระหม่อมที่ไร ข้าพเจ้าขนลุกชันทั่วทั้งตัวทุกครั้ง ทั้งที่ข้าพเจ้าฝืนใจไม่ให้ขนลุกก็ลุกซู่ทุกครั้งที่ท่านเป่า ข้อนี้เป็นมหัศจรรย์จริงๆ ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นแต่ข้าพเจ้าคนเดียว ไปสอบถามภิกษุอุปัฏฐากรูปอื่นๆ ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า “ท่านสำเร็จสมถะภาวนาแน่ๆ”

    อนึ่ง ท่านเป็นพระที่น่าเคารพนับถือ สำรวมในศีลเป็นอย่างดี ไม่ใคร่พูดจา นั่งสงบอารมณ์เฉยๆ ไม่ถามอะไร ท่านก็ไม่ตอบไม่พูด บางอย่างข้าพเจ้าถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น เช่น “เขาว่าหลวงพ่อเสกใบไม้เป็นต่อ และเสกผ้าเช็ดหน้าเป็นกระต่ายได้ และแสดงให้กรมหลวงชุมพรฯ เห็นจนยอมเป็นศิษย์”

    หลวงพ่อตอบข้าพเจ้าว่า “ลวงโลก” แล้วท่านก็นิ่งไม่ตอบว่าอะไรอีก

    หลวงพ่อพูดต่อไปว่า “เวลานี้กรมหลวงชุมพรฯ ไปต่างประเทศ (เข้าใจว่าไปรับเรือพระร่วง) ถ้าอยู่ก็ต้องมาหาท่าน และปรนนิบัติท่านจนท่านกลับวัด และว่ากรมหลวงชุมพรฯนี้ตกทะเลไม่ตาย แม้จะมีสัตว์ร้ายก็ไม่ทำอันตรายได้”

    หลวงพ่ออยู่ที่กุฏิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) พุทธสรมหาเถรเป็นเวลาสิบวันเศษ ได้ทราบว่าสมเด็จเรียนวิทยาคมกับหลวงพ่ออีกด้วย

    มรณภาพ :-

    ท่านมรณภาพเมื่อ เดือน ๑ ปีกุน พ.ศ. ๒๔๖๖ ไม่ปรากฏวันที่ที่แน่นอน คำนวณอายุได้ ๗๖ ปี วันสวดพระพุทธมนต์ทำศพอยู่ ๗ วัน ๗ คืน จึงประชุมเพลิง

    อนึ่ง การที่เราคนรุ่นหลังจักเขียนเรื่องราวและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ศุข ซึ่งท่านมรณภาพล่วงไปแล้วกว่าครึ่งศตวรรษให้ได้ใกล้เคียงกับความจริงนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ อาศัยหลักฐานทางเอกสารที่หลงเหลืออยู่บ้าง จากการไต่ถามบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านซึ่งส่วนมากจักล้มหายตายจากกันไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การที่ท่านได้รับรู้จากการเขียนของ “ท่านมหา” ซึ่งเคยอุปัฏฐากหลวงปู่ ดังกล่าวแล้วนั้นคงจักทำให้ท่านมองเห็นสภาพของหลวงปู่ศุข ได้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1357988146.jpg
      1357988146.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.7 KB
      เปิดดู:
      4,332
    • 111_101.jpg
      111_101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      132.7 KB
      เปิดดู:
      4,070
  14. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 8 พระพิมพ์ประภามณฑล เนื้อทองแดง หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แถมตลับทองสั่งทำ

    องค์นี้เล่นหาสบายใจมีบัตรชัดเจน ประกวดมาให้หมดเลยและพุทธคุณไม่ต้องพูดถึงสภาพสวยๆว่ากันหลักหลายๆแสนถึงล้าน องค์นี้ปล่อยเบาๆ ให้ผู้ศรัทธา สภาพล้างผิว
    วัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างและเป็นที่นิยม คือ พระพิมพ์สี่เหลี่ยมประภามณฑล นับเป็นพระพิมพ์ยอดนิยมของท่านพิมพ์หนึ่ง มีแบ่งพิมพ์ย่อยออกไปอีกหลายพิมพ์ ตามลักษณะเด่นที่ปรากฎให้เป็น สร้างจากเนื้อโลหะหลายชนิด ทั้งโลหะผสมประเภททองเหลือง ทองแดง สัมฤทธิ์ ชินเงิน และชินตะกั่ว ด้านหลังเรียบ มีทั้งหลังจารอักขระ และไม่จาร รวมถึงบางองค์ บางพิมพ์ ด้านหลังเป็นยันต์นูน ก็มี

    ประเภทเหรียญ ได้แก่ เหรียญรุ่นแรก ปี 2466 และพระนาคปรกใบมะขาม ปี 2465

    ประเภทเนื้อผงคลุกรัก ได้แก่ พระปิดตา ด้านหลังเรียบ หรือ อูมเล็กน้อย มีทั้งหลังจาร - ไม่จาร และยังมีพิมพ์แจกแม่ครัว อีกด้วย นอกจากเนื้อผงคลุกรักแล้ว ยังมีเนื้อสมฤทธิ์ และเนื้อชิน อีกด้วย


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ราคา

    องค์นี้ราคาเบาสอบถาม PM หรือ LINE: muitiem Tel.0859757999

    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    ประวัติหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล

    " ตัวกูลูกพระพุทธองค์ ครูสิทธิ์ ครูธงค์ องอาจไม่ประมาทครู พบรอยก้มดู เจอครูกราบไหว้ "
    อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา อิมะมะมามา

    [​IMG]

    ผู้เขียน : ClubMahaAud(73)
    * วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ " ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน "

    # หลวงปู่หมุน ท่านกำเนิดเมื่อ พศ.2437-2546 อายุยืนถึง 109 ปี พระเครื่องของท่านออกมา ช่วงบั้นปลายชีวิต ในปีพศ.2542-45 จึงดูเหมือนเป็นพระเครื่องใหม่ อายุพระไม่เกิน10ปี ความนิยมในท้องตลาดพระเครื่อง ยังมีไม่มาก มีเฉพาะกลุ่มลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธา แต่ก็มีแนวโน้มกลุ่มลูกศิษย์มากขึ้น จากปากต่อปากของผู้บูชาพระเครื่องหลวงปู่ ที่พบประสบการณ์เหนือธรรมชาติ

    - สาเหตุที่ท่านอนุญาติให้สร้างพระเครื่อง ในช่วงบั้นปลายชีวิตนั้น เพราะยุคแรกๆนั้น ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการออกธุดงค์ไปในป่าดงดิบ ละธุดงค์ไปแดนพุทธภูมิ ในต่างประเทศ หลายสิบๆปี จึงไม่ได้ทำวัตถุมงคลออกมาเพื่อให้ชาวบ้านบูชาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เป็นคนดีมีศีล และรวมถึงหารายได้มาสร้างวัดซ่อมอุโบสถ บำรุงเสนาสนะให้ดำรงคงอยู่ สืบสานวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามในแผ่นดินสยาม วัดวาอาราม เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้คนรุ่นเก่า ได้กระทำแต่ความดี ละความชั่ว และขัดเกาจิตใจคนรุ่นใหม่ ให้อ่อนโยน มีเมตตาธรรม สร้างสรรค์สังคม หลีกเลี่ยงพฤติกรรม สร้างเสื่อมสังคม.. หากไม่มีวัด ก็ไม่มีพระ หากไม่มีพระ คนรุ่นใหม่ก็ย้าย ศาสนาไปเป็นคริสต์จักรกันหมด แล้วพุทธศาสนาก็จางหายไปตามกาลเวลา.. หลวงปู่หมุน ท่านไม่ยึดติดลาภยศสมณศักดิ์ ท่านเป็นพระสงฆ์ สายพระป่าที่เคร่งกรรมฐานอย่างแท้จริง ท่านใดที่มองหา พุทธคุณทางด้านอิทธิปาฎิหาริย์, แคล้วคลาดอายุยืน, โชคลาภเสริมดวง และเมตตาบารมี ที่สามารถสัมผัสพุทธคุณในพระเครื่องได้ เติมเต็ม!ในสิ่งที่ท่านขาดหาย ประสบการณ์ใหม่ๆรอท่านอยู่..

    คำอาราธนา บูชาหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล
    ท่องนะโม ๓ จบ แล้วภาวนาว่า
    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล มะ อะ อุ
    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อุ อะ มะ

    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล สกุลเดิม ศรีสงคราม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 5 ปีชวด พ.ศ. 2437 ณ บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ บิดาชื่อดี มารดาชื่ออั๊ว บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปี ครอบครัวได้นำไปฝากกับพระอาจารย์สีดา เจ้าอาวาสวัดบ้านจานผู้เป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกัมมัฎฐานและมีวิชาอาคมที่ เก่งมาก กระทั่งปี พ.ศ. 2460 ทำการอุปสมบท โดยมีหลวงพ่อสีดา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพ็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ฐิตสีโล" แปลว่าผู้มีศีลตั้งมั่น

    หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดบ้านจาน ศึกษาเล่าเรียนอักษรไทย อักษรขอม ฝึกกัมมัฎฐานในหมวดสมถะและวิปัสสนากรรมฐานจากพระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์ต่างๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา 4 ปีเต็ม จากนั้นท่านมีความคิดว่า จะต้องแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงๆ ขึ้นไปอีก จึงออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ และร่ำเรียนวิชาอาคมกับพระเถระชื่อดังหลายรูป เกือบทั่วประเทศจนถึงประเทศลาว มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย

    ตลอดชีวิตแห่งการครองเพศบรรพชิต อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ได้อุทิศตน ปฏิบัติตนตามแนวทางแห่งคำสอนของพระศาสดาอันพึงจะกระทำ สมกับฉายานามอันได้รับเมื่อครั้งอุปสมทบคือ "ฐิตสีโล" แปลความว่า ผู้ตั้งมั่นในศีล 85 พรรษาแห่งการครองผ้ากาสาวพัตร ศึกษาเล่าเรียน พระธรรมวินัยออกจาริกธุดงค์

    - หลวงปู่หมุน พระเถระ๕แผ่นดิน ประวัติปฎิปทา ท่านไม่ธรรมดาครับ ลูกศิษย์ผู้มีจิตศรัทธา มั่นใจได้ว่าพระเครื่องวัตถุมงคลของท่าน ไม่เป็นรองสำนักใด

    * ข้อมูลล่าสุด วีดีโอที่หลวงปู่ให้สัมภาษณ์ใน "รายการเปิดบันทึกตำนาน" ทางช่อง5 เมื่อปี ๒๕๔๓ นอกจากสืบทอดสายวิชาสมเด็จลุน แล้วท่านยังสืบสานวิชาสายวัดช้างให้ และสายตำนานสงฆ์ ระดับเทพอย่างหลวงพ่อจาด

    - ท่านฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา ( จตุรสงฆ์ในตำนานสงครามอินโดจีน ในนาม จาด จง คง อี๋ )
    - เป็นพระสหายธรรม อยู่ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับ หลวงปู่ทิม วัดช้างให้ 1ปีเศษๆ ดึงความรู้หลวงปู่ทิม จนหมดภูมิ






    ประวัติปฎิปทา " หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล " อมตะเถระ 5 แผ่นดิน แห่งวัดบ้านจาน

    หลวง ปู่หมุน ฐิตสีโล เกิดในสกุล“ ศรีสงคราม”หรือ “ แก้วปักปิ่น” ถือกำเนิดเมื่อ วันพฤหัสบดี เดือน 5 ปีชวด พ.ศ. 2437 ณ บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ บิดา ชื่อ " ดี "มารดาชื่อ " อั๊ว " มีอาชีพทำไร่ทำนา เป็นเด็กยากจน แต่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ต่อมาบิดามารดาเห็นแววทางด้านพระพุทธศาสนา จึงให้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปี และนำไปฝากกับพระอาจารย์สีดาเจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ซึ่งเป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกรรมฐานและมีวิชาอาคมที่เก่งมาก ในปี 2460 ขณะอายุได้ 23 ปีได้เข้าอุปสมบทหมู่จำนวน 9 รูป โดยหลวงปู่เป็นรูปที่ 9 โดยมีโยมลุงของท่านเป็นเจ้าภาพ โดยมีหลวงพ่อสีดา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพ็งเป็นพระอนุสาวนาจารย์และหลวงพ่อผุยเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับรับฉายาว่า " ฐิตสีโล " แปลว่า " ผู้มีศีลตั้งมั่น "จากนั้นได้ศึกษาวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา 4 ปี ก่อนออกแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันธธุระและวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงๆ ขึ้นไป

    ปี พ.ศ.2464 หลวงปู่หมุน เริ่มออกศึกษาแสวงหาประสบการณ์โดยได้ร่ำเรียนทั้งเวทย์วิทยา และสมถกรรมฐานจากครูบาอาจารย์หลายสำนัก การเดินทางในสมัยนั้นเป็นที่ลำบากยากเย็น ต้องเดินเท้าเปล่าผจญภัยจากผีป่า หรือสัตว์ร้ายนานัปการ แต่หลวงปู่มิได้ย่อท้อ ได้เดินทางไปศึกษาวิชาอาคมที่ สำนักตักศิลาแห่งบ้านจิกใหญ่ อ.พิบูลมังสาหาร จังหวัด อุบลราชธานี กระทั่งศึกษาคัมภีร์มหาพุทธาคม อันเป็นแม่บทของคัมภีร์ปถมัง คัมภีร์อิทธิเจ คัมภีร์มหาราช คัมภีร์ตรีนิสิงเห ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งอำนาจจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำราพิชัยสงคราม เช่น คัมภีร์นิติประกาศิต คัมภีร์ธนูรเวทว่าด้วยการแต่งเครื่องครอบมนตร์ในสงคราม เป็นต้น

    ในช่วงปี 2475-2482 เมื่อหลวงปู่สำเร็จการศึกษาวิชาการต่าง ๆ ก็เก็บบริขารออกธุดงค์ป่าผ่านถิ่นทุรกันดารในชนบทโดยเท้าเปล่ามายังกรุงเทพ ฯ ในระยะแรกหลวงปู่เข้าพักที่ วัดเทพธิดาราม เป็นการชั่วคราว โดยมีครูทองอินทร์ เป็นครูสอนของวัดเทพธิดาราม เป็นผู้เอื้อเฟื้อจัดหาที่พำนักให้ ท่านได้ให้หลวงปู่อยู่ที่วัดวัดอรุณราชวราราม พำนักอยู่กับพระพิมลธรรม(นาค) ศิษย์สายสมเด็จพระสังฆราชแพ โอกาสนี้หลวงปู่ได้ร่ำเรียนวิชาคัมภีร์มูลกัจจายน์สูตร ซึ่งเป็นหลักสูตรโบราณอันเก่าแก่ของคณะสงฆ์ไทยที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นตำราที่ละเอียดลึกซึ้ง แตกฉานพระบาลีว่าด้วยคัมภีร์อรรถกถายากยิ่งที่จะมีผู้เรียนได้สำเร็จ ปัจจุบันวิชานี้ได้ยกเลิกไปแล้ว

    หลวงปู่หมุนได้เข้าสอบวิชามูลกัจจายน์ นั้น ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งการสอบในสมัยนั้นมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธาน และสมเด็จพระสังฆราช(แพ) เป็นประธานกรรมการฝ่ายสงฆ์ และพระเถราจารย์เป็นผู้ทดสอบด้วย โดยมีการถามตอบแบบมุขปาฐะ (ปากเปล่า) ถ้าถามตอบบาลีผิดเกิน 3 คำ ให้ปรับเป็นตกทันที ด้วยความรู้ความสามารถที่แตกฉานในคัมภีร์หลวงปู่สามารถสอบได้เปรียญธรรมถึง 5 ประโยคในคราวเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นหลวงปู่ได้ใช้วิชาความรู้อย่าง คุ้มค่า โดยได้เป็นครูสอนมูลกัจจายน์อยู่ที่วัดหงส์รัตนาราม(ฝั่งธนบุรี) เป็นเวลานานหลายปี มีลูกศิษย์มากมาย นอกจากนี้ในช่วงหนึ่งหลวงปู่มาพักกับสมเด็จพระสังฆราชแพ ที่วัดสุทัศน์ฯ และได้ศึกษาวิชาบางอย่างกับสมเด็จพระสังฆราชแพอีกด้วย

    จากนั้นก็เก็บ บริขารเดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์ทองดี ที่มาจาก อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ธุดงค์ ไปทางภาคเหนือเข้าเขตพม่าเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าลงภาคใต้ไปพำนักกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ เพื่อปฎิบัติกรรมฐานและแลกเปลี่ยนวิชาอาถรรพณ์เวทมนต์กับพระอาจารย์ทิมอยู่ ประมาณปีกว่า ๆ ก่อนธุดงค์เข้าเขตประเทศมาเลเซีย เพื่อจะเรียนวิชากับพ่อท่านครน วัดบางแซะ ใช้เวลาธุดงค์อยู่ถึง 7 วัน แต่ไม่พบจึงตัดสินใจกลับวัดช้างให้ ต่อจากนั้นก็ได้เรียนวิชาจากพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จ.นครศรีธรรมราช โดยได้ของที่ระลึกจากพ่อท่านคล้ายคือ ชานหมากเม็ดใหญ่เป็นที่ระลึก จากนั้นก็เดินธุดงค์เรื่อยมาจนกลับสู่เขตอีสานอีกครั้งและได้พบกับหลวงปู่สี ฉันทสิริ ในป่าแถบ จังหวัดหนองคาย และได้วิชาลบผงสีจากหลวงปู่สี ซึ่งได้รับสืบทอดมาจากสมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆังโฆษิตาราม

    ช่วงที่ท่าน ธุดงค์แถบอุบลราชธานีได้พบกับหลวงปู่มั่น และขอเรียนข้อวัตรปฏิบัติในพระกรรมฐาน แต่ไม่ได้ร่วมคณะธุดงค์ เพราะท่านอยู่นิกายมหายาน หลวงปู่เคยเล่าประวัติในช่วงธุดงค์ให้กับพระภิกษุที่เป็นหลานของท่านว่า เคยได้เป็นศิษย์หลวงปู่มั่นอยู่พักหนึ่ง ในช่วงที่หลวงปู่ต้องการเจริญสมณธรรม เป็นธรรมอันล้ำลึกยากยิ่งที่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงจะล่วงรู้ถึงอารมณ์ของ วิปัสสนานี้ได้ หลวงปู่หมุนได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้พระอาจารย์มั่นอยู่ระยะหนึ่งแล้วก็แสวงหา ความวิเวก เพื่อประพฤติปฏิบัติต่อไป จนกระทั่งหลวงปู่แตกฉาน เชี่ยวชาญ ครั้งนั้นหลวงปู่หมุนได้ศึกษาธรรมจนที่สหธรรมมิกที่เป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น รู้จักสนิทสนมกับหลวงปู่ทุกองค์ เช่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นต้น ..ในตอนที่หลวงปู่หมุนไปกราบนมัสการ หลวงปู่มั่น ท่ามกลางศิษย์สายกองทัพธรรม ในขณะสนทนาธรรมหลวงปู่มั่นได้ปรารภกับหลวงปู่หมุนว่า " ท่านหมุน ท่านเก่งพอตัวอยู่แล้ว หากไม่เจอกันหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปริยัติ ปฏิบัติ และ

    ปฎิเวธ ให้สอบถามท่านแหวนได้ เพราะเขาเก่งมาก " หลวงปู่มั่นได้มอบของที่ระลึกให้หลวงปู่หมุน 2 อย่าง คือ แผ่นจารอักขระใบลาน ม้วนเป็นลูกอมกลม ๆ เขียนเป็นภาษาขอมว่า เย ธมมา เหตุปภวา ฯลฯ เป็นต้น และธนบัตรรัชกาลที่ 8 พร้อมลายเซ็นหลวงปู่มั่น ภายหลังหลวงปู่ได้มอบให้โยมแม่ท่านไป ต่อมาหลวงปู่มีความกังขาสงสัยในกัมมัฏฐานในเรื่องของ จตุธาตุวัฏฐาน ซึ่งเป็นเรื่องของการปฏิบัติในธาตุทั้ง 4 เป็นมูลฐานของอิทธิปาฏิหาริย์ต่าง ๆ จึงได้เดินทางไปกราบของความรู้เพิ่มเติมจาก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ก็ได้รับความกระจ่าง จากนั้นก็ธุดงค์ต่อไป ท่านยังได้ร่ำเรียนวิชาจาก พระอาจารย์สิงห์ วัดป่าสาลวัน หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา

    ต่อมาไม่นานก็ ได้ร่ำเรียนวิชามีดหมอมหาปราบจากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว และหลวงพ่อเงิน วัดมะปรางค์หลวง ซึ่งวิชานี้หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ก็เรียนจากหลวงพ่อขำและหลวงพ่อเงิน เช่นกัน นอกจากนี้ในช่วงที่หลวงปู่ธุดงค์มาสู่ภาคตะวันออกแถบจันทบุรี ท่านได้พำนักอยู่กับ หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง กระทั่งหลวงพ่อสอนไว้ใจให้วิชาอาคมและครอบครูให้กับหลวงปู่

    หลวงปู่หมุน นับเป็นหนึ่งในทายาทผู้สืบสายเวทวิทยาพุทธาคมในสายสมเด็จลุนแห่งนครจำปา ศักดิ์ราชอาณาจักรลาวที่ยังดำรงขันธ์อยู่ในปัจจุบัน โดยสมเด็จลุนเป็นที่เลื่องลือในคุณธรรมและอภิญญาอภินิหารอาทิ สามารถเดินบนน้ำได้ ย่นระยะทางได้ แปลงร่างได้ เดินทะลุภูเขาได้กล่าวกันว่าภิกษุสงฆ์ยุคก่อนโน้นต่างดั้นด้นสืบเสาะหาสม เด็จลุน เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษามหาวิทยาคม ตลอดจนวิปัสสนากรรมฐาน หลวงปู่หมุนเองก็ดั้นด้นธุดงค์ผ่านอุบลราชธานีเข้าประเทศลาวเพื่อสืบเสาะสม เด็จลุน แต่ไม่พบ แล้วมาพักอยู่กับหลายพ่อมหาเพ็ง วัดลำดวน ในช่วงนั้นหลวงปู่ได้ใช้เวลาค้นคว้าศึกษาพระไตรปิฏก ในเรื่องพระวินัยปิฏก และพระอภิธรรม ซึ่งเป็นพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงการเจริญกัมฏฐานล้วน ๆ ประมาณ 2 เดือนกว่า แล้วก็ออกธุดงค์กลับสู่ประเทศไทยเข้ากรุงเทพฯ มาพักนักที่วัดหงส์รัตนาราม ต่อมาธุดงค์ไปทางอีสานเข้าสู่ประเทศลาวอีก หลายครั้ง จนกระทั่งท่านมีอายุ 30 ปีกว่าแล้ว คราวนั้นหลวงปู่ได้พบกับฆราวาสชื่ออาจารย์ฉันท์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนของสมเด็จลุน ที่จังหวัดนครพนม โดยเรียนวิชาจากอาจารย์ฉันท์จนหมดภูมิแล้ว อาจารย์ท่านจึงได้แนะนำฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ดำเหลนของสมเด็จลุนปรมาจารย์ ใหญ่ที่สืบสายเวทวิทยาพุทธาคมในสายสมเด็จลุน

    ในการฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงปู่ดำนั้น มีกฎเกณฑ์รายละเอียดมากทั้งยังต้องทดสอบภูมิปัญญา และอำนาจของกระแสจิตที่ต้องเข้มแข็งพอที่จะเรียนวิชาของท่านได้ ในรุ่นที่หลวงปู่ฝากตัวเป็นศิษย์นั้นมีมากกว่า 50 รูป แต่หลวงปู่ดำท่านทดสอบวิชา แล้วคัดออกจนเหลือแค่ 3 รูป มีหลวงปู่หมุน หลวงพ่อสงฆ์ (วัดม่วง ลพบุรี) และอีกรูปหลวงปู่ลืมชื่อไปแล้ว สำหรับพิธี ครอบครูของหลวงปู่ดำนั้นมีของยกครูที่หลวงปู่จำได้อย่างแม่นยำคือ 1.ผ้าไตรจีวร 2.บาตร 3.ทองคำหนัก 10 บาท (สำหรับทองคำ จะคืนให้เมื่อเรียนจบ) และมีข้อห้ามประการสำคัญอีกคือ ห้ามสึกตลอดชีวิต ถ้าสึกไปชีวิตก็จะหาไม่

    ในการครอบวิชานี้ถือว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชา วิทยาคม ในสายของสมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ซึ่งกว่าจะเรียนจบต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญเพียรอย่างมาก ได้จำวัดพักผ่อนวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น อาหารต้องฉันมื้อเดียว และขั้นตอนสุดท้ายที่จะสำเร็จวิชานี้จะมีการทดสอบอย่างพิสดาร

    อย่างไรก็ ตาม เป็นที่เชื่อกันว่าหลวงปู่หมุนท่านสำเร็จวิชาสำเร็จธาตุ 4 มาจากสายสมเด็จลุน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าวิชาสายนี้ลึกลับเกินปุถุชนคนธรรมดาจะเรียนได้สำเร็จ ผู้ที่จะเข้าถึงได้ต้องเป็นผู้ที่มีบารมีมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เพราะการควบคุมธาตุ 4 ได้นั้นผู้ที่จะสามารถทำการนี้ได้ต้องสำเร็จจตุตฌานเป็นบาทฐานในการทำ และยังต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของกสิณจตุธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟอีกด้วย

    หลังจากนั้น หลวงปู่ก็กลับมาจำพรรษา ที่วัดบ้านจาน จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์ รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน ที่" พระครูหมุน ฐิตสีโล" หลวงปู่ได้ปฎิบัติศาสนกิจตามที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลาถึง 20 ปี จึงลาออกจากทุกตำแหน่ง ต้องการใช้ชีวิตที่เหลือบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติพระวิปัสสนาธุระ อย่างเดียว ประมาณปี 2487 ในช่วงที่หลวงปู่อายุ 50 ปี ท่านเก็บบริวารออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าดงดิบ โดยลำพังแต่ผู้เดียว และในช่วงนี้เองที่หลวงปู่ได้พบกับอาจารย์จ่อยและอาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ในระหว่างที่หลวงปู่ธุดงค์โดยบังเอิญ อาจารย์ทั้ง 2 จึงได้นิมนต์หลวงปู่โปรดญาติโยมที่วัดป่าหนองหล่ม หลังจากที่หลวงปู่หมุนเดินธุดงค์แสวงหาธรรม อยู่หลายสิบปี ประมาณปี 2520 ท่านจึงกลับมายังวัดบ้านจาน ซึ่งวัดบ้านจานในยามนั้น มีอายุกว่า 200 ปี อยู่ในสภาพทรุดโทรม ท่านจึงได้พัฒนาวัด สร้างอุโบสถขึ้นมา ด้วยหยาดเหงื่อและแรงจิต ทำให้อุโบสถเสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น

    นอกจาก นี้ท่านยังได้ช่วยเหลือ ลูกศิษย์และสหธรรมิก อีกหลายวัดเช่น วัดป่าหนองหล่ม, วัดโนนผึ้ง ,วัดซับลำใย, และคณะศิษย์วัดสุทัศน์ฯ ในการสร้างถาวรวัตถุของวัด จนเป็นที่มาของ วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมในหลายรุ่นต่อมา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังแทบทุกรุ่น ที่ท่านจัดสร้างขึ้น จึงเป็นที่นิยมในหมู่ศิษยานุศิษย์ ด้วยเชื่อในพลังแห่งบุญฤทธิ์จิตตานุภาพของท่าน

    จนกระทั่งเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 11 มี.ค.2546 หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระอมตะเถระ 5 แผ่นดิน แห่งวัดบ้านจาน อ. กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มรณภาพลงอย่างสงบบนกุฎี สิริอายุ 109 ปี 86 พรรษา

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • showimage.jpg
      showimage.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.8 KB
      เปิดดู:
      5,221
    • showimage (2).jpg
      showimage (2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.2 KB
      เปิดดู:
      3,582
  16. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    ประวัติหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [​IMG]

    หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ท่านเกิดวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 โยมบิดาชื่อ แจ้ โยมมารดาชื่อ อินทร์ พอหลวงปู่ทิมท่านอายุได้ 17 ปี โยมบิดาก็ได้นำตัวไปฝากกับท่านพ่อสิงห์ ที่วัดได้เล่าเรียนหนังสือกับพ่อท่านสิงห์เป็นเวลาหนึ่งปี ก็สามารถเรียนรู้เข้าใจอ่านออกเขียนได้ แล้วโยมบิดาจึงมาขอลาหลวงปู่ทิมให้กลับมาช่วยทำงานที่บ้าน พออายุครบบวชหลวงปู่ทิมท่านจึงได้อุปสมบท ในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2449 ที่ วัดระหารไร่ โดยมีพระครูขาว วัดทิมมา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เกตุเป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อท่านบวชแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาอยู่ที่วัด 1 พรรษา จึงได้ขออนุญาตพระอาจารย์ออกธุดงค์ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา 3 ปี พอใกล้เข้าพรรษาท่านก็ได้กลับมาที่วัด ตลอดเวลาที่หลวงปู่ทิมท่านธุดงค์ไปนั้น ท่านก็ได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ ทั้งกับพระภิกษุและกับฆราวาส อีกทั้งยังได้ศึกษาตำราของหลวงปู่เฒ่าสังข์ ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของท่าน ซึ่งเป็นพระปรมาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมอย่างยิ่งในสมัยนั้นต่อมาเมื่อ หลวงปู่ทิม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดระหารไร่ ท่านก็ได้ซ่อมแซมกุฏิและอื่นๆ อีกหลายอย่าง ด้วยความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อท่าน เมื่อท่านดำริว่าจะก่อสร้างพระอุโบสถก็สามารถสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยในระยะ เวลาเพียงหนึ่งปีเศษ ต่อมาท่านก็ได้ก่อสร้างโรงเรียนประชาบาล โดยมีทางอำเภอและจังหวัดมาช่วย ใช้เวลาเพียง 8 เดือนก็แล้วเสร็จ สามารถเปิดให้นักเรียนได้เข้าเรียนได้ และท่านก็ยังชักชวนชาวบ้านให้ช่วยกันสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง งานทุกอย่างก็สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ เนื่องจากความเคารพเลื่อมใสของญาติโยมและชาวบ้านที่มีต่อหลวงปู่ทิม ประวัติพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิมพิมพ์เศียรโต คาถาพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ คาถาขุนแผนหลวงปู่ทิม

    หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ท่านเป็นพระสมภะ ไม่ยินดียินร้ายกับลาภยศสรรเสริญ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวนเมื่อปี พ.ศ. 2478 ท่านก็ไม่ได้บอกใครและไม่ได้ไปรับจนทางจังหวัดได้มอบตราตั้งให้ทางอำเภอนำมา มอบให้ท่านที่วัด และเป็นพระครูทิม อิสริโก อยู่มาจนถึงปี พ.ศ. 2497 ทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้ท่านเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร ท่านก็ไม่ยอมบอกใคร จนทางอำเภอได้ส่งหนังสือไปที่วัด ชาวบ้านจึงได้รู้กันและได้จัดขบวนแห่มารับท่านไปรับสัญญาบัตรพัดยศ ที่เจ้าคณะจังหวัด และได้เป็นพระครูภาวนาภิรัต เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2507 ประวัติหลวงปู่ทิม วัดช้างให้ ประวัติหลวงปู่ทิม วัดพระขาว

    เมื่อหลวงปู่ทิม ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์ พระครูภาวนาภิรัต แล้วบรรดาศิษยานุศิษย์จึงได้ประชุมกัน ขออนุญาตหลวงปู่ทิม จัดงานฉลองสมณศักดิ์ให้กับท่าน เพื่อให้ญาติโยมได้มีโอกาสแสดงความยินดีและแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ที่ หลวงปู่ทิมท่านได้มีเมตตาต่อเหล่าลูกศิษย์ หลวงปู่ทิมจึงขัดไม่ได้ นายสาย แก้วสว่าง ในฐานะไวยาวัจกรและศิษย์ใกล้ชิดจึงได้นัดประชุมกรรมการและชาวบ้าน ปรึกษากันว่าจะจัดฉลองสมณศักดิ์และเพื่อหารายได้สบทบทุนในการก่อสร้างกุฏิ และบูรณะซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุดในครั้งนี้ โดยจะขออนุญาต หลวงปู่ทิมเพื่อจัดทำเหรียญรูปเหมือนของท่าน เอาไว้แจกแก่พวกญาติโยมและศิษย์ทั้งหลาย เพื่อเป็นที่ระลึกในการร่วมกันทำบุญในงานวันฉลองสมณศักดิ์ของท่าน เพราะใครๆ ก็ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระที่น่าเคารพบูชาอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมพระวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นพระมักน้อยสมถะ ไม่ยินดียินร้ายในสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น

    รูปหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    รูปหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวเท่านั้น และเป็นอาหารมังสวิรัติ หลวงปู่ทิม ท่านไม่ฉันพวกเนื้อสัตว์ แม้ในยามปัจฉิมวัยที่ท่านอาพาธท่านก็ยังปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย เคร่งครัดรักษาศีล ยึดมั่นพระธรรมวินัย เท่าที่สังเกตดูปรากฎว่า ท่านจะฉันเช้าประมาณ 7 โมงเช้า และฉันน้ำชาเวลา 4 โมงเย็น ถ้าเลยเวลาแล้วหลวงปู่จะไม่ยอมฉันเป็นเด็ดขาด แม้แต่น้ำชา ท่านฉันมื้อเดียวมาตลอด 50 ปีแล้ว โดยที่ไม่มีอาหารพวกเนื้อหมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิดเลย แม้แต่น้ำปลาก็ไม่เคยฉัน อาหารที่หลวงปู่ทิม ท่านฉันก็เป็นพวกผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่น เป็นประจำอยู่เป็นนิจตลอดมา เนื้อหนังมังสาและผิวพรรณของท่านก็คงเป็นปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของ หลวงปู่ทิมท่านก็แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ ทั้งนี้คงจะเป็นเพราะอำนาจบารมีของท่านที่เคยได้สร้างสมมาในชาติปางก่อน จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดและบริสุทธิ์ในธรรมวินัย ดำรงชีวิตมาได้อย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ หลวงปู่ทิม ท่านยังแข็งแรงสมบูรณ์ เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ท่านสายตาดีมากยังมองอะไรได้ชัดเจนดี ฟันก็ไม่เคยหักแม้แต่ซี่เดียว ถึงแม้ว่าอายุของท่านเกือบจะ 100 ปีแล้วก็ตาม จนท่านมรณภาพลงด้วยอาการสงบ ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 หน้าหอสวดมนต์ วัดระหารไร่ สิริอายุได้ 96 ปี พรรษาที่ 69


    พระเครื่อง

    พระขุนแผนผงพรายกุมาร ความนิยมสูงสุดและเป็น พระขุนแผน ผงพรายกุมารที่แพงที่สุด
    หลวงปู่ทิม ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้ให้แก่ศิษย์หลายอย่าง เช่น ตะกรุด ลูกอมผงพรายกุมาร พระกริ่งชินบัญชร พระขุนแผนผงพรายกุมาร เหรียญและพระเครื่องต่างๆ หลายอย่าง พระขุนแผน หลวงปู่ทิม เป็นที่นิยมอย่างมากเพราะประสบการณ์ด้านเมตตามหาเสน่ห์เป็นที่ประจักษ์ วัตถุมงคลที่ หลวงปู่ทิมท่านได้สร้างไว้ล้วนแต่มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย

    ขุนแผน พระเครื่องขุนแผน พรายกุมาร
    ขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็น พระขุนแผนยุคหลังที่มีความต้องการในตลาดสูงมากราคาขยับ จนแพงกว่าพระขุนแผน พระกรุเก่าๆ ผงพรายกุมารมหาภูติ ที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า "ผงพรายกุมาร" การทำผงพรายกุมาร นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผู้สร้างจะต้องกำหนดฤกษ์ผานาทีตลอดจนพิธีกรรมต่างๆ ให้ถูกต้องตามตำรา ซึ่งเคล็ดการจะเป็นเคล็ดการสร้างโดยนำภูติ (ไม่ใช่ผี) ที่ยังไม่ถึงเวลาจุติแล้วมีเหตุต้องมีอันเป็นไปก่อนเวลาอันควร มาอธิษฐานจิตบวชให้เป็นเทพ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ที่ทำได้จะต้องสำเร็จธรรมชั้นสูงเท่านั้น เมื่อภูติได้รับการบวชเป็นเทพ เราจะเรียกว่า "พ่อพลาย" ชื่อเต็มก็คือ "พ่อพรายมหาภูติ" มีฤทธิ์ มีเดช มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง พระเกจิอาจารย์ที่สร้าง ผงพรายกุมารได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อาราธนาพกติดตัว 100% ที่วงการยอมรับถือเป็นต้นตำรับ ก็คือ หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม ผู้สร้างกุมารทองอันโด่งดังจนถึงปัจจุบันกับ หลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ จ.ระยอง นี้ละครับ พระขุนแผนของ หลวงพ่อเต๋ คงทอง และโดยเฉพาะ พระขุนแผนหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จึงได้รับความนิยมและแพงที่สุด

    ดังนั้นเมื่อนำคุณเทพมารวมกับคุณพระทำให้ พระผงพรายกุมาร มีประสบการณ์แปลกๆ เหนือกว่าพระทั่วไปครับ เพราะพ่อพลายจะออกมาช่วยในเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศลคนที่ใช้ พระขุนแผนผงพรายกุมาร เลยมักมีความรู้สึกแปลกๆ คล้ายๆมี six sense สัมผัสพิเศษต่างๆอยู่เสมอจะเห็นผลไวกว่าการใช้คุณพระทั่วไป

    ในวันนี้ผมได้นำรูปพระเครื่อง พระขุนแผนผงพรายกุมารพิมพ์เล็ก และรูปพระปรกใบมะขามของหลวงปู่ทิมมาให้ท่านชมกันครับซึ่ง พระขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ทั้งพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ปัจจุบันเริ่มหายากแล้วแต่ พระขุนแผนหลวงปู่ทิม ก็เป็นที่ต้องการของใครหลายๆคนอย่างมาก สนนราคาก็สูงอยู่พอสมควรครับ
    ด้วยความจริงใจ แทน ท่าพระจันทร์ ที่มา... ฉบับที่ 6629 ข่าวสดรายวัน

    เหรียญหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รุ่นเจริญพรบน
    เหรียญหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รุ่นเจริญพรบน

    ประวัติหลวงปู่ทิม ท่านเป็นที่รู้จักและโด่งดังมากในวงการพระเครื่องในยุค ปี2500 เป็นต้นมา พระเครื่องหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ แทบทุกรุ่นเป็นที่กล่าวขานและต้องการอย่างมากของนักสะสมพระเครื่องเนื่องด้วยประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะพระผงตระกูลผงพรายกุมาร เช่น พระขุนแผน พระผงหลวงปู่ทิมพิมพ์เศียรโต ลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ พระกริ่งชินบัญชร ปี 2517 เหรียญเสมา 8 รอบ เหรียญนาคปรก 8 รอบ เหรียญนั่งพานหลวงปู่ทิม เหรียญห่วงเชื่อมหลวงปู่ทิม เหรียญหลวงปู่ทิม เจริญพรบน เหรียญเจริญพรล่าง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี17 เหรียญพระพุทธโสธร หลวงปู่ทิม ปี2518 พระปิดตาข้าวตอกแตก พระปิดตาอุตตโม หนุมาน 500 หนุมาน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ภาพถ่ายหลวงปู่ทิมและรูปถ่ายหลวงพ่อทิม รูปหล่อไตรมาส พระปรกใบมะขามและยังมีอีกมากมาย ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าพระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านหลายๆรุ่นเป็นที่นิยมและมีราคาค่านิยมที่สูงมาก สูงกว่าพระกรุพระเก่าหลายๆรุ่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • putim.jpg
      putim.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.8 KB
      เปิดดู:
      6,705
  17. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เดี๋ยวมีหลวงปู่ทิมมาลงเพิ่มครับ
     
  18. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    องค์ที่ 9 เหรียญเจริญพร ล่าง หลวงปู่ทิมตำหนิครบ บล็อกเขยื้อน (องค์นี้ไม่แถมเลี่ยมทองนะครับ)

    มีบัตรจีพระสบายใจได้

    “ชวน หลีกภัย” ประกาศ เหรียญเจริญพร หลวงปู่ทิม ยิงไม่เข้า! “ลูกน้อง ๒ - ๓ คนถูกยิงไม่เข้า ไม่ตาย ... หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ที่ใต้ดังมากนะ”

    เมื่อวันอังคารที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๒ เวลาประมาณ ๑๑ นาฬิกาเศษ คุณชวน หลีกภัย พร้อมผู้ติดตาม ๕-๖ คนได้เข้ามาที่ตลาด อตก. เพื่อหาซื้อของ ขณะที่กำลังชมผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวงดอยคำอยู่นั้น นายปณิธาน วรรณวนิช เจ้าหน้าที่โครงการหลวงดอยคำ ซึ่งทำหน้าที่จัดของให้ผู้ซื้ออยู่ โดยไม่ได้เงยหน้ามองผู้ซื้อว่าเป็นใคร เห็นเพียงชายเสื้อสูท ดูภูมิฐาน ก็คิดว่าเป็นลูกค้าระดับไฮโซ
    จนลูกค้าผู้นั้นเอื้อมมือมาจับเหรียญเจริญพรหลังเรียบหลวงปู่ทิมซึ่งหลุดออกมาจากคอเสื้อ แล้วพูดว่า “คนนี้เหนียว ยิงไม่เข้านะ” นายปณิธานจึงเงยหน้ามองก็เห็น คุณชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ซื่อสัตย์ คุณชวนดูเหรียญแล้วยังพูดต่อไปว่า
    “เหรียญเจริญพร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ดังมากนะ ลูกน้องใกล้ชิด ๒-๓ คนถูกยิงไม่เข้า...รอดตาย เหรียญนี้ดังทางใต้มาก ไม่ใช่แต่เหรียญนะ กระดาษยันต์ของท่านก็ยิงไม่เข้า รอดตายกันมามากแล้ว” นายปณิธานเล่าให้ฟัง

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    ราคา

    องค์นี้ราคาเบาสอบถาม PM หรือ LINE: muitiem Tel.0859757999

    การจองและชำระเงิน

    ผมขอสงวนสิทธิ์การจองภายในวันเดียวกันนะครับ

    ธนาคารไทยพาณิชย์

    เลขบัญชี 2182317090 ธนัช ลาภนิมิตรชัย สาขาสยามพารากอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เกร็ดเพิ่มเติมจากเซียน คุณผดุงชอบ

    เหรียยที่นิยมที่สุด คือ เจริญพร แต่ เจริญพร มีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ
    1 เจริญพร บน
    2 เจริญพร ล่าง
    3. เจริญพร สอง หรือ ไตรมาส

    จะสังเกตุเห็นได้ว่า ทั้ง สอง เหรียญ มีคำว่าเจริญพร และ สมัยก่อน เจริญพรไตรมาส ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะว่า เหรียญที่แขวน แล้ว มีประสบการณ์มากกว่า คือ เจริญพร บน และ เจริญพรล่าง ส่วนเจริญพร สองนั้น ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในหมู่นักสะสม เราะว่า เหรียญเจริญพรสอง ไม่มีคำว่า เจริญพร มีเพียงแค่รูปหลวงปู่เท่านั้น แต่หลาย ๆ ท่านมองข้ามไป เพราะว่า เหรียญเจริญพร สอง นั้น อักขระ ยันต์ต่าง ๆ หลวงปู่พอใจมาก ดั้งนั้นจะสรุปได้ว่า เหียญเจริญพร หรือ วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม อิสริโก ทุกรุ่น ทุกเหรียญล้วนแต่ไม่ด้อย เรื่องพุทธคุณเลย จะแขวนหรือจะใช้เหรียญไหนก็ได้ครับ ถ้าถามผม ผมเล่นเจริญพรล่าง เพราะว่า เป็นเหรียญที่สวยในใจผม เจริญพรล่างสร้างตาม ฤกษ์ ทุกประการ จนบล๊อคแต่ เลยทำเจริญพรบนขึ้นมา และที่สำคัญ เจริญพรล่างราคายังไม่แพงเท่ากับเจริญพรบน จะสรุปได้ว่า ชุดเหรัยญ หรือ ชุดผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิมนั้น น่าใช้หมดครับ แล้วแต่คนชอบ เนื้อไหน แต่ผมเล่นทางผงพรายกุมารมากกว่า
     
  20. muitiem

    muitiem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +104
    เดี๋ยวมาอีกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...