ผีอำ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 19 เมษายน 2015.

  1. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เป็นไปได้
     
  2. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ผีฝากผีมาบอกหวย

    เหตุเกิด ณ จ.สุรินทร์ บ้านเกิด ( ที่บ้านนอกค่ายทหาร ) ตอนนั้นเรียนจบใหม่ ๆ ทำงานอยู่ บ.มหาชน แห่งหนึ่งเครือสาขา ในจ.สุรินทร์ ดิฉันอยู่ ณ หมู่บ้านหนึ่ง แต่ชอบไปทำบุญ ณ อีกหมู่บ้านหนึ่ง ชอบไปทำกับหลวงตาชรามากท่านหนึ่งอายุ 80 กว่า ที่วัดของท่านมีศาลาเก่าแก่ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย ( ความรู้สึกส่วนตัวรู้สึกว่าท่านเป็นพระดี ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเขาดูพระดีไม่ดีอย่างไร มันเป็นความรู้สึกลึก ๆ บอกเราเอง )

    ด้วยตัวเรานั้นตั้งแต่เด็กมาแล้วมักมีความฝันที่กลายเป็นความจริง (แต่ไม่เคยบอกใคร) ฉะนั้นวันหนึ่งฝันว่า คุณพ่ออยู่ในสภาพที่มีเลือดท่วมตัว และแล้วได้เห็นอดีตย้อนไปในอีกชาติหนึ่งของคุณพ่อ เห็นการบุกเบิกถางป่าเพื่อทำนา มีจอมดินลูกใหญ่ ๆ สภาพรกมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางจอม (ไม่รู้เรียกว่าอะไร) เห็นพ่อเผาจอมนั้นเพื่อบุกเบิกที่ทำกิน แต่ไฟได้ลุกลามขยายวงกว้างจนเกินจะดับได้ ทำให้ฝูงนกเหล่านั้นซึ่งมีจำนวนมากเป็นแสนแสนตัว บางตัวบินหนีทันก็รอด หลายตัวบินหนีไม่ทันต่างก็ร่วงลงมาสู่กองไฟมากมายมหาศาล ในขณะที่เรากำลังมองฝูงนกเหล่านั้นถูกไฟเผาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีพระสงฆ์ชรามากท่านหนึ่งโผล่มา “ ท่านบอกเราว่า พ่อเรานั้นมีเคราะห์ใหญ่ ให้บอกพ่อทำบุญใหญ่นะ ” แล้วท่านก็ไป

    ในความคิดของเราขณะนั้น ไม่เข้าใจหรอกว่าบุญใหญ่คืออะไร เข้าว่า บุญที่ใหญ่สุดคือ สังฆทาน เนื่องจากพ่อเราค่อนข้างเป็นมิจฉาทิฐิ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษใด ๆ ฉะนั้นพอสิ้นเดือนก็เลยซื้ออาหารและน้ำดื่มไปถวายพระรูปนี้ ก่อนนี้เคยไปทำบุญกับท่าน 2-3 ครั้งเท่านั้น วันนั้นเราเข้างานบ่าย เลยพาพ่อไปทำบุญช่วงเพลโดยพาหลานอายุ 2 ขวบไปด้วย

    วันนั้นพึ่งไปสระไดร์ผมที่ร้านมา พอไปถึงที่วัด เห็นหลวงตาท่านนั่งอยู่ใต้ต้นมะขามเพียงรูปเดียวพร้อมขันน้ำมนต์ ไม่มีญาติโยมอยู่เลย อย่างกะรอเราเลย พอเราไปถึงก็ถวายอาหารหลวงตา หลวงตาก็ให้พรเสร็จ ท่านก็คว้าขันน้ำมนต์จะพรมน้ำมนต์ให้ทุกคน ( คิดในใจ ตาย5แล้ว พึ่งทำผมมาใหม่ ๆ เปียกหมดแน่เรา แต่ไม่กล้าบอกท่านเลยว่าไม่ต้องรดเรานะเดี๋ยวผมเสียหมด ) พอหลวงตาพรมน้ำมนต์ให้พ่อเสร็จ ก็พรมให้หลานต่อแล้วก็หยุดพรมเลย ท่านไม่ยอมพรมให้เราเลย เราก็งงนะสิ เราคิดในใจนะ ท่านรู้ด้วยหรือว่าไม่อยากรดน้ำมนต์

    ตั้งแต่นั้นมาก็มาทำบุญกับหลวงตาเดือนละหนึ่งครั้ง และแล้วคืนหนึ่งก็ฝันว่า ผีแถวบ้านเรามาบอกว่า ผีที่วัดนั้นฝากหวยมาให้ เป็นเลข 2 ตัว ตรง ๆ เลย แต่ขณะนั้นข้าพเจ้ายังเล่นไม่เป็น ยังเดียงสากับเรื่องหวยอยู่ ไม่ได้ซื้อเองหรอก แต่บอกคนขายหมูที่เค้ามาเช่าห้องแถวเราขายหมู เค้าก็ซื้อตามที่เราบอก แล้วเขาก็ถูกหวย


    อันนี้ไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่หรอก แต่เราแปลกใจว่า ทำไมผีที่วัดไม่มาบอกเราเอง ทำไมต้องฝากผีแถวนี้มาบอกอีกต่อหนึ่งต่างหากล่ะ
    ตั้งแต่นั้นมา คนขายหมูก็จะตั้งหน้าตั้งตารอหวยจากเรา อิ อิ
     
  3. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ทหารยศ 10 โท

    ณ ค่ายเขาพนมรุ้ง หลังจากไปทำบุญที่วัดบ่อย ๆ ก็เริ่มคุ้นเคยสนิทสนมป้า ๆ พี่ ๆ น้า ๆ ย่าและยายทั้งหลายที่เป็นชาวบ้านแถบนั้น รวมทั้งช่างทั้งหลายที่มาก่อสร้างวัดด้วย

    ช่วงนั้นไม่ว่าเราจะพูดอะไร มักมีคนแอบเงี่ยหูฟังเสมอ เขาบอกว่า หวยมักออกตรง ๆ กับเลขที่เราพูดเสมอ 3 ตัวบ้าง 2 ตัวบ้าง เขาบอกว่าบังเอิญได้ยินเราพูดลอย ๆ ทีไรแล้วมันจะออกเลขนั้นแหละ เราไม่ใช่เจ้าแม่ให้หวยนะ เราไม่ได้พูดเรื่องหวยหรอก เราพูดเรื่องอื่น แต่พวกเค้าก็ยืนยันเสียงแข็งว่าเราพูดจริง ๆ เราไม่ใช่คนบ้าหวยนะ ที่เราทำบุญนี้ก็หวังอานิสงส์ในบุญ พูดอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ ตั้งหน้าตั้งตารอเราเผลอพูด แล้วก็พากันไปซื้อเองแล้วก็ถูกเอง อันนี้เราไม่เกี่ยวน้า......

    ช่วงนั้นทหาร 4 จังหวัดแดนใต้ต้องสังเวยชีวิตรายวัน มีอยู่คืนหนึ่งก่อนหวยออก เราฝันเห็นทหารยศสิบโทนายหนึ่งเขาบอกเราว่า เขาเสียชีวิต ณ จังหวัดนราธิวาส เขามาขอบุญแน่ ๆ อืมเดี๋ยวทำบุญให้แล้วกันนะ บอกหวยหน่อยสิ........(เรามักทะเล้นกับผีอย่างนี้หละ) เค้าก็ยิ้ม ๆ

    เช้ามาเอ้าลองดูซิ 10 จัดไป ล่าง 100*100 (นราธิวาสนี่) บน 20*20 (กันวืด) ปรากฏว่า 10 จริง ๆ แต่เป็นข้างบนนะ สรุปว่าถูก 20 บาท เราก็คิดในใจ... ชิ....โดนผีหลอก....พร้อมตัดพ้อผีว่า...ก็แล้วทำไมไม่บอกว่าเชียงรายเล่า จะได้แทงข้างบนเยอะ ๆ

    งวดต่อมา น้องนัท งวดนี้หวยออกอะไรคะ เราพูดเล่น ๆ เท่านั้น อ๋อ จ.จ. เจ็ดเจ็ด พี่ งวดนั้นก็ออก 77 จริง ๆ ด้วย หลังจากนั้นมา สายตาทุกคู่ ทุกคนคอยเงี่ยหูฟัง และคอยจ้องเรา อย่างจริง ๆ จัง ๆ ......เอิ่ม....กลายเป็นเจ้าแม่หวยไปแล้วหรือนี่..........



    สรุปว่า โชคลาภที่เกิดจากหวยนั้นมันขึ้นอยู่กับบุญของแต่ละคนนั้นแหละ มีโชคแค่ 20 บาท โลภอยากได้ 100 ไม่พอแล้วยังจะไปพาลผีอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2015
  4. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    อุจจาระทองคำ

    ไหน ๆ ก็พูดเรื่องหวยแล้วก็พูดไปซะทีเดียวจะได้ไม่ต้องกล่าวถึงอีก จะว่าไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เลยนั้น เห็นจะคิดผิด ทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลอยู่ในตัวทั้งสิ้น

    เรื่องนี้เกิดเมื่อปีที่แล้วนี้เองค่ะ บ้านเรา ณ ปัจจุบันเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ห้องนอนอยู่บนชั้น 2 ห้องพระก็อยู่ด้านบน มีอยู่วันหนึ่งขึ้นไปเอาของข้างบนหน้าพระ ปกติข้างบนจะร้อนอบอ้าวมากถ้าไม่เปิดแอร์ เราก็ไม่เปิดแอร์นะกะแค่หยิบของแล้วลงมาเลย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ พอนั่งลงหน้าพระปุ๊บมีความรู้สึกว่าจู่ ๆ ง่วงอย่างแรงแล้วหลับในท่านั่งอย่างนั้นเลย แล้วพบว่าตัวเรานั้น กำลังนั่งขยำอุจจาระเล่น ( นึกในใจอะไรนี่ไม่มีอะไรทำรึไงมาขยำอึเล่นนี่เรา ) สักพักพระสงฆ์วัยกลางคนท่านมายืนแบมือขออุจจาระก้อนนั้นจากเรา เราก็นำอึใส่ในมือท่าน สักพักท่านก็ส่งอุจจาระก้อนนั้นคืนใส่มือเรา แต่อุจจาระก้อนนั้นกลับกลายเป็นทองคำ 3 ก้อน อยู่ในมือเรา เราก็ตื่นจากหลับในทันที

    ไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จู่ ๆ คนขายล๊อตเตอร์รี่ก็นำมายัดใส่มือให้ 3 คู่ เราเห็นว่าเป็นเลขทะเบียนรถก็เลยซื้อไว้ ปรากฏว่าถูกเลขท้าย 3 ตัว ได้เงินมา 12,000 บาท

    งวดต่อมาก็ถูกล๊อตเตอรี่เลขท้าย 3 ตัวอีก 2 คู่ ได้เงินมา 8,000 บาท

    งวดต่อมาสามีถูกหวยใต้ดินได้เงินมา 15,000 บาท เขาให้เราหมดเลย

    ( อุจจาระทองคำ 3 ก้อน ทำให้ถูกหวย 3 งวดซ้อน )

    ทีนี้เรามาดูว่า ลาภลอยเกี่ยวข้องกับธรรมะอย่างไร

    อานิสงส์ของลาภลอยนี้ คือ การทำบุญแบบไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า คือเจอะปุ๊บทำปั๊บแบบทันทีทันใด คนที่เขาถูกรางวัลที่ 1 นี่ เขาทำบุญใหญ่แบบไม่ทันตั้งตัวมาก่อน เช่น เจอะใครทำบุญถวายสังฆทานอยู่ก็ร่วมกับเขาทันที หรือเจอะใครหล่อพระอยู่ก็ร่วมกับเขาในทันที ฉะนั้นหากใครไม่เคยทำบุญแบบนี้มาก่อน ซื้อหวยให้ตายก็ไม่มีทางถูก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2015
  5. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พบพระใช้อภิญญาต่อหน้า

    ในช่วงนั้น ดิฉันสรรหาของดี ๆ อาหารดีรสเลิศและประณีต ถึงขั้นทำขนมบวชฟักทองโดยแกะฟักทองเป็นปลาชิ้นพอคำเลยทีเดียว หุงข้าวด้วยน้ำใบเตย น้ำดอกอัญชัน สรรหาทุกอย่างที่เราชอบและดีที่สุดเพื่อถวายพระ ทุกครั้งที่ทำบุญต้องอธิษฐานด้วยคำนี้เสมอค่ะ
    1. ขอให้ข้าพเจ้า สวย รวย ฉลาด ทุก ๆ ภพ ๆ ทุกชาติ
    2. ขอให้ข้าพเจ้าเกิดในภูมิประเทศที่เป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาตลอดไป
    3. ขอให้ข้าพเจ้าได้อภิญญาทุก ๆ ภพทุกชาติ ๆ ( อันนี้คิดได้งัยไม่รู้ รู้แต่ว่าชอบเพราะคนได้อภิญญานั้นแสนจะเท่ห์ )

    พระพุทธรูปที่บ้านเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ มีอายุสัก 150 ปี ขึ้นไป ในช่วงนั้นเริ่มเห็นแสงออกจากพระพุทธรูปทุกครั้งที่มอง และที่น่าแปลกอีกอย่างคือ พระพุทธรูปเริ่มยิ้มให้ดิฉันในบางวัน (มองเห็นด้วยตาเนื้อธรรมดา ๆ นี่แหละ ) ที่เราตั้งใจสรรหาของถวายทานด้วยความตั้งอกตั้งใจ ทำให้ข้าพเจ้านั้นปีติอิ่มเอิบทำทานแบบไม่รู้เบื่อไม่รู้หน่าย อยากทำแบบยิ่ง ๆ ขึ้น เพิ่มเป็นทวีคูณ และท่านไม่ยิ้มให้เลยในวันที่ดิฉันขี้เกียจตื่นนอน และขี้เกียจไปวัด ถ้าท่านไม่ยิ้มให้วันไหนจะรู้สึกหดหู่ในวันนั้นทั้งวันเลย นี่ก็เป็นแรงกระตุ้นอีกทางหนึ่งในการสร้างความดีของข้าพเจ้า


    มีอยู่วันหนึ่งคุณแม่สามีชวนไปทอดผ้าป่าที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรฯ ซึ่งเป็นการไปเป็นครั้งแรกของข้าพเจ้า สภาพของวัดอยู่บนเขาสูง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯเคยเสด็จเป็นการส่วนพระองค์มาทำบุญกับหลวงพ่อด้วย รวมถึงพระองค์ภาก็เสด็จทำบุญที่นี่บ่อย ๆ ค่ะ

    คุณแม่เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าที่วัดนี้ประจำ ปีละ 3-5 ครั้ง ในครั้งนี้คุณแม่พาลูกน้องของน้องชายสามีมาบวชที่นี่ด้วย แต่เนื่องจากที่วัดไม่มีโบสถ์ ทำให้ต้องไปบวชอีกวัดหนึ่งซึ่งอยู่เชิงเขา ซึ่งมีการบวชพระทั้งหมด 8 รูป สภาพในโบสถ์วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก ไม่มีพัดลม รวมทั้งพระและญาติโยมนั่งเบียดเสียดแออัดกันอยู่ในโบสถ์ ทำให้ยิ่งเพิ่มความร้อนเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าคือ ดอกไม้ที่ประดับหน้าพระประธานในโบสถ์ ดอกนั้นไหวได้ ไหวเพียงดอกเดียวเท่านั้น ( ก็น่าแปลกคนนั่งในโบสถ์อยู่หลายสิบคนทำไมไม่เห็น ขอยืนยันว่าเห็นด้วย 2 ตาเนื้อชัด ๆ )

    เราเริ่มมองหาที่มาของการไหวของดอกไม้ ตรงนั้นเป็นส่วนลึกสุดของโบสถ์ไม่มีช่องลมจากด้านนอกที่จะทำให้เกิดลมได้เลย และถ้าลมพัดจริง ๆ ก็ต้องไหวหลาย ๆ ดอกสิ แต่นี่อะไรไหวอยู่ดอกเดียวแล้วก็ไหวเป็นจังหวะอีกด้วย เราก็จ้อง....จ้อง....อยู่ประมาณ 2 นาทีได้ พอหลวงพ่อท่านรู้ว่าเราจ้องอยู่เท่านั้นแหละ ดอกไม้ที่ไหวไหวอยู่ก็หยุดกึกลงทันที ......เฮ้ย...ย..ย......นี่...นี่......มันคืออภิญญาชัด ๆ เลยนี่หว่า...........ท่านใช้วาโยกสิณเรียกลมแหง ๆ เลย เพราะอากาศร้อนซะขนาดนั้น .......เราก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เพราะในโบสถ์คนเยอะ ไม่กล้าพูดอะไร เดี๋ยวคนแตกตื่น ...

    จนกระทั่งกลับขึ้นมาอยู่บนวัดของหลวงพ่อท่าน..............ปกติแล้ววัดของหลวงพ่อมักจะมีญาติโยมจากแดนไกลทั่วสารทิศมาหาหลวงพ่อเสมอมิได้เว้นว่าง เนื่องจากหลวงพ่อท่านทำนายแม่นเหมือนตาเห็น และก็พูดตรง ๆ ไม่มีอ้อมค้อม เช่นใครที่มีอุปฆาตกรรมถึงชีวิต ท่านก็พูดเลยว่าเดี๋ยวรถชนตาย....เล่นทำเอาหน้าถอดสีกันเลยทีเดียวอย่างนี้เป็นต้น.....

    ขณะที่กลุ่มของเรา ประกอบด้วยคุณแม่สามี สามี น้องชายและน้องสาวของสามี และเรานั่งจับกลุ่มคุยกันที่ศาลา ห่างจากหลวงพ่อซึ่งขณะนั้นนั่งสนทนากับญาติโยมอยู่หลายท่าน ห่างออกมาราว ๆ 60 เมตรเห็นจะได้ กลุ่มเราคุยกันเบา ๆ เท่านั้น ในขณะที่ดิฉันกำลังจะเอ่ยปากเล่าให้ทุกคนฟังถึงเหตุการณ์ในโบสถ์ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดเลย หลวงพ่อตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้มือมาทางเราพร้อม ๆ กับความมึนงงสงสัยของทุกคนที่นั่งในศาลา ว่า “ ไอ้หนูเอ็งอย่าพูดนะ ไม่ต้องพูด ” เท่านั้นแหละดิฉันก็ต้องรูดซิบปากไว้ในทันที .....งานนี้หนูไม่ได้พูดนะเจ้าคะหลวงพ่อ หนูพิมพ์เอาเฉย ๆ จ้า........(หืม...ไอ้หน้ามึน)






    ไม่มีเจตนาอวดดีนะคะ เพราะไม่มีดีให้อวด มีแต่เลวเลยต้องมาอวดเลว อ่านเพื่อบันเทิงธรรมไปเถอะ คนเราล้วนเลวมาก่อนทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  6. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956
    สาธุ...ขอติดตามด้วยครับ
     
  7. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่า
     
  8. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งแรก

    ก่อนที่ดิฉันจะมาพำนัก ณ ค่ายทหารแห่งนี้ ย้อนไปช่วงอยู่ บ.เอกชนนั้น ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ในกองกิเลสด้วยเห็นว่ามันเป็นของดี คบค้าสมาคมกับกลุ่มคนที่ล้วนรักสวยรักงาม จัดปาร์ตี้เป็นปกติ เสื้อผ้าหน้าผม เครื่องสำอาง ตลอดจนแฟชั่นเสื้อผ้าคอลเลคชั่นล่าสุด หนุ่ม ๆ คนนั้น คนนี้ แม้กระทั่งหนุ่มหล่อในผับคนนั้นถึงขั้นแห่แหนไปเฝ้านักร้องร้องเพลงในผับกันเลยทีเดียว คือหัวข้อที่สนทนากันในชีวิตประจำ ในขณะเดียวกันกับตอนกลางคืน นั้นมักจะฝันกลายเป็นความจริงเสมอ ๆ รวมถึงเห็นเจ้ากรรมนายเวรของคนที่เราผูกพัน รู้ที่มาและที่ไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้น

    แต่ในโลกแห่งความจริงนั้นเราหาได้สนใจใยดีใด ๆ ไม่ ก็เรานั้นเป็นสาวสมัยใหม่นี่ มีหรือจะกล้าสนทนากับเพื่อน ๆ ในเรื่องคร่ำครึอย่างนี้ เดี๋ยวพวกเค้าก็หาว่าบ้าเท่านั้นเอง อายเพื่อนตายชัก........และแล้ววันหนึ่งก็ต้องออกจากงานแห่งนี้ด้วยอุบัติเหตุแห่งชีวิต เกิดการพลิกผันถึงขั้นออกจากงาน แต่ก็หาแยแสใด ๆ ไม่ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปหางานทำที่พัทยากับเพื่อนดีกว่า.......ท่ามกลางการคัดค้านของพ่อ......แต่ไม่ฟังหรอก......จะไป........

    เพื่อนได้สามีฝรั่งอาศัยอยู่ในพัทยา.......ไปถึงวันแรกเราไปเล่นน้ำทะเลกันจนเหนื่อยแล้วถึงกลับมาที่พัก เปิดทีวีดู ขณะที่กำลังคุยกันอยู่กับเพื่อนนั้นเกิดมีความรู้สึกว่าอยากพัก แต่ขอยืนยันว่าไม่หลับแน่นอน เสียงทีวีก็ยังได้ยินอยู่ เสียงเพื่อนพูดก็ยังได้ยินอยู่ เราแค่พักสายตาเท่านั้น ...........แต่ทันทีที่หลับตาเท่านั้นกลายเป็นว่าเราอยู่ที่ไหนไม่รู้......เป็นภูเขา.....ต้นไม้ใหญ่.....สนามหญ้า.....เห็นอยู่นานเป็นนาทีได้ ก็พยายามสลัดภาพออก .....เพื่อกลับมาสู่สภาวะปกติ.......ทุกทีเห็นในฝันนี่นา.....แต่นี่มันเห็นจะจะเกินไปแล้ว.....เรื่องนี้เราก็เก็บความสงสัยไว้ก่อน ไม่กล้าบอกเพื่อน ขืนบอกมีหวังโดนพาไปเช็คประสาทแน่นอน....

    ต่อมาไม่กี่วันเราก็ได้งานเป็นรีเซฟชั่นโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ณ โรงแรมแห่งนี้ดิฉันก็ได้วิชาเพิ่มคือหาค่าขนมแบบง่าย ๆ ปกติแล้วฝรั่งมักจะมาพักเพื่อหนีหนาวกันประจำ มาทีก็อยู่เป็นเดือนหรือหลายเดือน และและห้องที่พวกเค้าทุกคนต้องการนั้นมักจะอยู่สูงสุดและซีวิวทะเลเท่านั้น พวกเรารู้ข้อนี้ดี เมื่อพวกเค้าเช็คอินปุ๊บก็จัดไป ชั้นกลาง ๆ และไซวิว คือเห็นทะเลแค่ด้านข้าง ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ ๆ คือพวกเค้ามาขอเปลี่ยนห้องพร้อมกับทิป 10, 20 ,50, 100 ,500 ดอลลาร์ แล้วแต่กระเป๋าแขก

    บางคนเคยมาบ่อย ก็จะจัดสอดมาในพาสปอร์ตเลยในครั้งแรกที่เช็คอิน รายได้นั้นไม่ต้องพูดถึง งดงามมากอยู่แล้ว บางวันหารกันแล้วถึงวันละ 6,000 บาทกันเลยทีเดียว คนไทยนั้นไม่มีทางที่พวกเราจะจัดให้ห้องที่ดีทีสุดหรอก คนไทยเรื่องมาก ทั้งงกทั้งขี้เรียกร้อง ทิปก็ไม่เปย์ซักบาทอีกต่างหาก เก็บห้องดี ๆ ไว้ให้ฝรั่งดีกว่า ฝรั่งไม่เคยเรื่องมาก แถมไม่จิกและดูถูกอาชีพบริการอย่างเราเลยด้วย บางคนถึงกับมานินทาพวกเราหน้าเคาน์เตอร์เป็นภาษาอังกฤษ โถแม่คุณคิดได้งัย ร.ร.ของเรามีแขกทั้งญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน และรัสเซีย แถมเกาหลีอีก พวกเราหลายคนฟัง พูดได้หลายภาษานะ ส่วนใหญ่จบท่องเที่ยวและการโรงแรมมาโดยตรง บางคนจบจากโรงเรียนการโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกจากสวิตฯเชียว

    ยกเว้นดิฉันจบวิทย์คอมพิวเตอร์มา ภาษาอังกฤษ งู ๆ ปลาๆ ตอนสอบทำได้เต็มทุกข้อ ยกเว้นเขียนเป็นประโยคภาษาอังกฤษ ทำไม่ได้เลยสักข้อเดียว ฝ่ายบุคคลถึงกับงงว่าทำข้อสอบ กขค ได้เต็มหมดทำไมเขียนเป็นประโยคไม่ได้ล่ะ เราตอบความจริงแบบไม่อ้อมค้อมเลยว่าไม่รู้ศัพท์โรงแรมเลยค่ะเขียนก็ไม่ถูกด้วย ถ้างั้นให้ผู้จัดการรีเซฟชั่นตัดสินแล้วกันนะ ซึ่งปกติจะเข้มงวดมากเรื่องฟัง อ่าน เขียนภาษาอังฤษนี่ แต่ดิฉันหลุดเข้าไปยังไงไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

    โรงแรมแห่งนี้ในปีนั้นเป็นที่เก็บตัวและประกวดนางสาวไทย ฉะนั้นนักข่าวทุกสำนักมาอออยู่ที่นี่ทุกวันเป็นเดือนเลย พวกเค้ามักมาตีสนิทรีเซฟชั่นอย่างพวกเรา และพวกเราแต่ละคนก็หน้าตาดีพร้อมหุ่นดีกันทั้งนั้นนี่คะ มาบ่อย คุย บ่อยๆ ถึงขั้นมายืนจีบอยู่ทุกวัน มีนักข่าวจากมายาแชลแนลกับนักข่าวจากเชียงใหม่ มาแข่งกันขายขนมจีบดิฉัน แข่งกันนำของฝากมาให้ แข่งกันเกี้ยวไปอยู่ในสังกัด เดี๋ยวปีหน้าให้พี่ส่งประกวดนางสาวไทยนะ.... พี่ขอจอง........(เพียงแต่เล่าความเลวในอดีตค่ะ)

    สุดท้ายแพ้ผู้พันทหารบกที่เงินเดือนจี๊ดดเดียว..........ก็พ่อคุณเล่นส่งลูกน้องที่เป็น ส.ห. มาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นกันเลย จะว่าไปแล้วมันก็เป็นวิบากที่เราต้องเจอต่างหากละคะ ทีนี้ที่พัทยาก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเต็มไปด้วย.......เมียเช่า....และเมียจริงของฝรั่งทั้งหลายเหล่านั้น มันเต็มไปด้วยความคาวที่เกลื่อนกลาดไปหมด

    พวกแขกผู้ชายตกกลางคืนมักออฟผู้หญิงติดมาด้วย ส่วนแขกผู้หญิงก็ออฟผู้ชายติดมือมาเหมือนกัน ส่วนเพศทางเลือกเค้าก็ออฟของเค้ามาเช่นกัน ค่าชาร์ตจอยส์เนอร์ตอนนั้นคนละ 500 บาท พวกเรามักแซวแขกสนุก ๆ ว่าเลดี้จากข้างห้องคิด 500 แต่ถ้าเป็นเลดี้ตรงเคาน์เตอร์นี้ 1 มิลเลียนเท่านั้นค่า แขกนั้นแสนสุภาพกับพวกเรา ไม่มีมองด้วยสายตาโลมเลียเลยเลยค่ะ ทีนี้มาเข้าเรื่องเลยด้วยความที่เป็นเมืองแห่งการแสดงความรัก ก็มีทั้งแสดงแบบมิดชิดและแสดงแบบเปิดเผย ณ ชายหาดบ่อย ๆ ก็เห็นจนชินนั้นแหละ แต่ลึก ๆ มันอดที่จะขยะแขยงไม่ได้ ความรู้สึกนี้มันติดอยู่ในจิตใต้สำนึกมาด้วย.....

    มาจนกระทั่งเรามาอยู่ในเซฟเฮา์ ณ ค่ายทหารเชิงเขาพนมรุ้งที่แสนจะกันดาร ห่างไกลจากความศิวิไลน์อย่างลิบลับเทียบกับที่ที่เราจากมา มันเป็นวิบากค่ะ เราเริ่มป่วยเป็นธาลัสซีเมีย ( อาจเพราะกรรมติดจรวดจากการรีดไถเงินแขก ) ต้องออกจากงานต้องจากรายได้ที่งดงาม มาอยู่เซฟเฮ้าส์ในตำแหน่งคุณนาย ฟังดูดีนะ แต่ในความเป็นจริงแสนขมขื่น อยู่ในสภาพต้องประหยัด มาใหม่นั้นเครียดมาก น้อยอกน้อยใจในชะตาชีวิต เพื่อนฝูงนั้นได้ดิบได้ดีหน้าที่การงานก้าวหน้า แต่ละคนเงินเดือนครึ่งแสนค่อนแสนกันแล้ว

    แต่เราสิชีวิตต้องพลิกแล้วพลิกอีกแถมป่วยด้วย ตอนนี้แหละทุกอย่างมันเริ่มประเดประดังมาพร้อมกับการค่อย ๆ เรียนรู้ในเรื่องความดี

    หลังจากที่เรานั้นเริ่มมีจิตที่รักการให้ทานอย่างยิ่งแล้ว
    ณ คืนหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2015
  9. konomiko

    konomiko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +363
    มีอยู่วันหนึ่งคุณแม่สามีชวนไปทอดผ้าป่าที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรฯ



    ชื่อวัดอะไรค่ะ หลวงพ่อชื่ออะไรค่ะ เผื่อไปทางอีสาน จะไปแวะไปกราบท่าน และทำบุญด้วยนะคะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  10. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงพ่อเหรียญชัย วัดถ้ำสุมณฑาค่ะ ท่านมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ฝั้น อาจาโรด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  11. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้..........รู้อีกทีก็........ข้าพเจ้าอยู่ในท่ามกลางการบรรเลงรัก ระหว่างหญิงไทยกับชายฝรั่ง พร้อม ๆ กันหลายคู่ในสถานที่เดียวกัน ดิฉันนั้นรู้สึกขยะแขยงจนเกินจะรับ มันน่ารังเกียจ ทำไมคนเรานั้นมันมีสันดานดิบที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้ หนีไปที่ไหนก็เจอะ เล่นบทรักกันในทุกที่ จู่ ๆ พระพุทธเจ้าท่านเสด็จมา เรานั้นทั้งตกตะลึงและดีใจมากเป็นที่สุด (คิดในใจว่าอุตส่าห์เจอท่านทั้งทีทำไมต้องเจอในสภาพนี้ด้วย ) และความขยะแขยงของการแสดงบทรักนั้นมีมากเกินกว่าที่เราจะทนอยู่ตรงนั้นได้ เลยรีบหนีมาอีกที่หนึ่ง

    พระพุทธองค์ก็เสด็จตามเรามาด้วย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกายเนื้อ ท่านงดงามมาก ในหนังสือเขาบรรยายความงามของมหาบุรุษนั้นเราจินตนาการตามไม่ถูกหรอก ไม่คิดว่าความงามของกายมนุษย์ใด ๆ จักงามเท่า พระเกศา และคิ้วดำสนิทเป็นเงา พระเนตรพระองค์ท่านดำขลับเป็นประกาย งนตางอนงาม พระพักต์งามได้รูป พระโอฐเป็นสีชมพู ผิวพรรณเนียนละเอียดเป็นสีชมพู ทรงจีวรอย่างพระสงฆ์ พระวรกายใหญ่มาก ใหญ่กว่าพระประธานในโบสถ์อีก

    ท่านมาในท่านั่งสมาธิ มือข้างซ้ายวางที่ตัก มือข้างขวาวางลงมาที่หน้าขา กระแสพระเมตตาแผ่ออกมาจากพระวรกายนั้นทำให้เราอิ่มเอิบและมีความสุขอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน อยู่ใกล้ท่านนั้นมีความสุขที่หาประมาณมิได้ อยากอยู่ใกล้ ๆ ท่านตลอดเวลาเลยค่ะ ท่านยิ้มน้อย ๆ เวลาพูดปากไม่ขยับ ท่านพูดด้วยจิตค่ะ ความรู้สึกซาบซ่านเข้ามาที่จิตเราเลย

    ท่านเมตตาสอนเราในเรื่องที่เราค้างคาใจนี่แหละ คือเรื่องความน่ารังเกียจของผู้หญิงไทยกับผู้ชายฝรั่ง พระองค์สอนว่า


    “ อย่าเอาจิตไปยุ่งกับเขา เห็นให้สักแต่เห็น รู้ให้สักแต่รู้ ”

    พระองค์ตรัสเพียงสั้น ๆ เท่านั้น แต่ทำไมเหมือนเรารู้แจ้งไปหมด ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไรหมด เหมือนคำพูดสั้นนิดเดียว แต่ใจความนั้นหลายหน้ากระดาษอย่างนั้นแหละ ตั้งแต่บัดนั้นมาเราก็ทำจิตได้ไม่ข้องใจเรื่องนี้อีก และในการเสด็จมาของพระองค์นั้น ทำให้ดิฉันยิ่งมั่นใจใน พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ อย่างสนิทใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2015
  12. choovy

    choovy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +344
    รอตอนต่อไปอยู่ครับ ขอบคุณครับ
     
  13. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    รัดเกล้า ซุนหงอคง

    ณ ค่ายทหารเชิงเขาพนมรุ้ง กลับจากบนวัด ทบทวนเรื่องที่เหล่าคนไปทำบุญบนวัดพูดถึง คือ บุคคล.....................หนึ่งไปงานศพ น้องโบว์ เหยื่อสลายการชุมนุมจากแก๊สน้ำตา พวกเค้าคิดว่าท่านเข้าข้างอีกฝ่ายทางการเมือง...... โดยปกติแล้วเราไม่เคยมีความคิดจาบจ้วง..........ท่านเลย แต่ครั้งนี้มันอดคิดไม่ได้ มันแว๊ปขึ้นมา เอ......ถ้าท่านไม่ลำเอียงแล้วท่านไปงานศพทำไมหละ........หรือว่าท่านจะเป็นอย่างที่พวกเค้าคุยกันจริง ๆ น้า......เพียงเท่านี้ .........

    ทันใดนั้น......มีอะไรหนัก ๆ มาบีบที่ขมับทั้งสองข้างของดิฉันอย่างรุนแรง ทำให้เจ็บปวดอยู่ประมาณ 1 นาที แล้วก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ดิฉันเรียกอาการอันเป็นส่วนตัวนี้ว่า “ รัดเกล้า ซุนหงอคง ” มันคือสัญญาณเตือนทุกครั้งที่เรากำลังจะคิดหรือกำลังจะทำอะไรที่ผิดพลาดในขั้นรุนแรง..........

    ย้อนกลับเมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าต้องออกจากงาน บ.เอกชน ดิฉันทำหน้าที่ดูแลระบบทั้งหมดของสาขา ระบบงานเอกชนนั้นขัดแข้งขัดขา ชิงไหวชิงพริบ ชิงดีชิงเด่น เหยียบหัวกันอย่างที่เราเห็นกันในละครไม่มีผิดเลย เนื่องจากเป็น บ.ของฝรั่ง ระบบบริหารงานพนักงานก็เป็นแบบฝรั่งด้วย คือ เน้นประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ ไม่เน้นวุฒิการศึกษาเหมือนของไทย ส่วนเรื่องอิจฉาริษยาอันนี้ฝรั่งไม่ได้สอนมันเป็นนิสัยส่วนตัวของคนไทย

    ตอนเราเข้ามาครั้งแรก มีคนสมัครทั้งหมด 4,000 กว่าคน รับแค่ 35 คน และในตำแหน่งที่ดิฉันทำเพียง 3 คน ทั้ง 35 คนนี้มีเพียงดิฉันคนเดียวที่พึ่งเรียนจบโดยยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานที่ไหนมาก่อน เพื่อน ๆ มักจะแซวเสมอหลุดมายังไง ดิฉันทุ่มเทให้กับการทำงานที่นี่มาก เพื่อหวังเอาประสบการณ์ เพราะหากใครผ่านงานจากที่นี่ ที่อื่นมักจะอ้าแขนรับและอัฟตำแหน่งพร้อมเงินเดือนได้หลายเท่าตัว อย่างตำแน่ง RM ที่นี่เงินเดือน 150,000 บ.คู่แข่งซื้อตัวไป 300,000เป็นต้น ฯ

    เพราะที่นี่เข้มงวดเรื่องคุณภาพของพนักงานมาก คัดแล้ว คัดอีก ดิฉันนั้นโดนเรียกสัมภาษณ์และแสดงความสามารถถึง 3 ครั้ง และด้วยเหตุที่ไม่เน้นการศึกษานี้เอง พนักงานเก่า ๆ ที่เขาทำงานก่อน เขาจบแค่ ม.ปลาย แต่ดำรงตำแหน่ง ดีวีชั่น และจีเอ็มสาขา เขาไต่เต้าจากประสบการณ์ล้วน ๆ แต่งานพวกนี้มันต้องอาศัยความรู้ด้วย ฉะนั้นพวกเขามักมาพึ่งบริการดิฉันเสมอ อย่างงานเขียนแบบแปลนในการทำเยียร์เอ็นสต๊อคเทค มันเป็นงานของสถาปนิกชัด ๆ ฝรั่งก็ใช้งานเราคุ้มค่า ต้องทำเป็นทุกอย่าง งานนี้เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยจีเอ็ม แต่ด้วยความที่เขาทำไม่เป็น

    เขาต้องมาให้เราช่วย ( โชคดีที่ตอน ม.ต้น ถูกบังคับเรียนวิชาเขียนแบบถึง 3 ปี เขียนตั้งแต่หัดเรื่องเส้นจากดินสอ hb 2b 2h จนถึง ม. 3 เทอมสุดท้าย ต้องทำโมเดลบ้านส่ง ณ ตอนนั้นเกลียดวิชานี้ยิ่งนัก แต่ตอนนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ) งานอื่น ๆ ที่เขาทำไม่ได้อีกมาก โดยปกติตำแหน่ง เอแอลซี ของเราก็เป็นงานที่ต้องดูแลระบบทั้งหมดอยู่แล้ว ยังจะมีงานของผู้บริหารมาให้เราบ่อย ๆ อีก

    ผ่านมาประมาณ 3 ปีได้ และอีก 2 วันข้างหน้า เราก็จะได้ตำแหน่ง ดีวิชั่น มานั่งกอดอยู่แล้ว ซึ่งเรานั้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในการได้ตำแหน่งมาจากคนที่มีอายุงานน้อยที่สุด ก็ต้องมาเกิดการขัดขา เนื่องจากมีการสับเปลี่ยน จีเอ็มประจำปี จีเอ็มใหม่ที่มาที่นี่ถูกเลื่อนขึ้นมาหมาด ๆ ส่วนเราก็โดนหาเรื่องเพราะสาขาไหนที่มี เอแอลซีแข็ง ๆ สาขานั้นจะทำงานด้วยความราบรื่นและเป็นหน้าเป็นตา เพราะจีเอ็มแต่ละคนก็ต้องทำผลงานแข่งกันด้วย

    สาเหตุที่โดนก็คือ คนที่เราคบหาเกินเพื่อนอยู่เขาเป็นเอแอลซีที่สาขาหนึ่ง แล้วโดนขัดขาออกไปก่อนหน้าเราแล้ว และกำลังจะเปิดกิจการของตัวเอง และแค่ต้องการฟอร์แมตงานบางอย่างเพื่อไปปรับใช้กับงานตัวเอง เราก็ก็อปฟอร์แมตงานใส่ดิสก์ โดยลืมลบข้อมูลของ บ.ออกก่อน โดยส่งให้เขาผ่าน บ.รับส่งเอกสารของแต่ละสาขาไปให้เพื่อนของเขาและฝากให้เขาอีกที โดยไม่เฉลียวใจสักนิดว่าเลขาของสาขานี้เป็นกิ๊กกับจีเอ็ม เขาแอบแกะเอกสารของเราดูและเอาไปให้จีเอ็ม เขาได้ทีเลยเอาเรื่องนี้มาเล่นงานเราเพื่อตัดแขนขาของจีเอ็มสาขาเรา เพราะถ้าสาขานี้ไม่มีเราก็เหมือนแทบจะเสียศูนย์ไปเลย

    ทำให้เราถูกไล่ออกจากงาน พร้อมกับถูกดำเนินคดีในคดีอาญาเพราะถือว่าเป็นการขโมยความลับของ บ.ไปให้บุคคลภายนอก ( ดิฉันคิดในใจข้อมูลของ บ.อยู่ในสมองเราทั้งหมดนั้นหละ ไม่ต้องขโมยหรอก แต่เขาจะหาเรื่อง ) เป็นเหตุให้เราต้องออกจากงาน แต่ด้วยเดชะบุญอะไรไม่รู้ ที่ทำให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ทั้ง ๆ สาขาแม่สั่งให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

    แปลกมากวันนั้น ปกติที่โรงพักจะถูกรับเรื่องโดย ร้อยเวร แต่วันนั้น ตร.ยศ พ.ต.ท.รับเรื่องของเรา เขามองหน้าเราแล้ว ก็ปฏิเสธการรับเรื่อง โดยพูดขึ้นมาดื้อ ๆ เลย ว่าอย่าเอาเรื่องน้องเขาเลย ต่อให้คุณจะเอาเรื่องยังไงผมก็ไม่รับเรื่องหรอก ทำให้ บ.ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยปล่อยเราซะเฉย ๆ อย่างนั้นหละ ( ท่านผู้อ่านว่าแปลกไหม ดิฉันยังแปลกใจไม่หายเลยค่ะ )

    แต่ก่อนออกมาดิฉันก็แสบสุดฤทธิ์โดยป่วนระบบคอมพิเตอร์จนเละ หมายถึงแฮกเครื่องจากสาขาเราไปป่วนในสาขาที่หาเรื่องเราค่ะ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับเอแอลซี สาขานั้น จีเอ็มสาขานั้นแทบคลั่งเลยค่ะ แต่เขาไม่รู้ว่าเราเป็นคนทำหรอกค่ะ เขาได้แต่โทษเอแอลซีของเขา นี่ก็เป็นบาปที่ดิฉันก่อขึ้นมาอีกบาปหนึ่ง.....

    ทีนี้ย้อนไปในขณะที่ดิฉันกำลังจะส่งข้อมูลเจ้าปัญหานั่นในตอนบ่าย ในตอนเช้าวันนั้น ก็เกิดอาการ “ รัดเกล้าซุนหงอคง ” เช่นกัน หลังจากเหตุการณ์นั้นมา ไม่ว่าจะคิดหรือจะทำอะไรถ้ามันเป็นไปในทางเสื่อมเมื่อใด จะเกิดอาการนี้เสมอค่ะ แต่ในตอนนั้นดิฉันหาได้เฉลียวใจไม่ เพราะดิฉันเป็นคนสมัยใหม่นี่ค่ะ ก็เราถูกยัดเยียดวิธีคิดแบบนี้มาตั้งแต่เกิดนี่ ประกอบกับจิตใจเรานั้นมันพร้อมจะถูกกิเลสลากไปอยู่แล้วด้วยนั่นเอง..............



    เพียงแต่เล่าให้ฟัง.....
     
  14. konomiko

    konomiko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +363
    ขอบคุณมากๆค่ะ
     
  15. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงพ่อเหรียญชัย วัดถ้ำสุมณฑาค่ะ ท่านมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ฝั้น อาจาโรด้วยค่ะ
     
  16. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    เหมือนกับเรื่องพวกนี้ ซวยๆ พวก พอเกิดขึ้น สถานการณ์ทุกอย่างเป็นใจ เหตุการณ์ก็คล้องไปหมด แม้แต่ผมก็เคยโดนเป็นช็อตๆ รับสถานการณ์ตลอด บทจะยุติก็ยุติอย่างไม่่น่าเชื่อ ราวกับ กรรมที่ส่งผลจะหมดวาระลง
     
  17. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802

    ใช่ค่ะ ทุกสิ่งอย่างล้วนกรรมจัดสรร
     
  18. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เมื่อเราถือศีลห้า และรักศีลยิ่งชีพ

    ในระหว่างเก็บตัวในเซฟเฮาส์ ขณะนี้มีความมั่นคงในเรื่องของ ทาน และมีความมั่นใจในพระรัตนตรัยแล้ว ก็เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ โดยเริ่มอ่านหนังสือ เรื่อง กรรมทีปนี รจนาโดยพระพรหมโมลี ( วิลาศ ญาณวโร ) ท่านอธิบายเรื่องกรรมไว้ละเอียดยิบเลยค่ะ สรุปก็คือเราทำความดีในชาตินี้จะส่งผลหลักในชาติหน้า บางอย่างส่งผลในชาติถัดไป ดิฉันก็มานั่งคิดว่า เราทำทานมากขนาดนี้ แล้วถ้าชาติหน้า เราต้อง สวย รวย ฉลาด ตามที่เราอธิฐานแน่ ๆ ซึ่งเรามั่นใจในผลของทานจะให้ผลอยู่แล้ว แต่สมมุติชาติหน้าเราเกิดมามีคุณสมบัติครบสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ถ้าเรากลายเป็นคนเอาแต่ใจ และกลายเป็นคนเลวขึ้นมาหละ ชาติต่อไปก็คงจะไม่พ้นต้องวนไปตกนรกแน่ ๆ แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ ทำอย่างไรให้ชาติที่ 3 และชาติต่อ ๆ ไป ของเราไม่ตกนรก........ถึงตอนนี้เริ่มทุกข์ค่ะ

    ไปวัดทำบุญทุกวันก็จริงแต่ทุกข์เพราะความคิดวน ๆ อยู่ในเรื่องนี้ คนอื่นเขาไปวัด เขามีความสุข หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เห็นมีใครมีความคิดเหมือนเราเลย เราไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะปรึกษาใครได้ แล้วใครหละที่มีความรู้เรื่องนี้จริง ๆ ความคิดวน ๆ ซ้ำ ๆ แล้วก็ทุกข์อยู่อย่างนี้ทุกวัน

    จนกระทั่งวันหนึ่ง
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสด็จมาเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ท่านประทานพระเครื่ององค์เล็ก ๆ ส่งมาให้ พร้อมกับทรงตรัสว่า “ ฝากพระให้พ่อด้วย ” เราก็รับมาพร้อมกับความสงสัยว่าทำไมให้แต่พ่อ แล้วของหนูละค่ะ ท่านตรัสกับเราว่า “ ของเธอ ท่านฤาษีจะเป็นคนให้ ”แล้วท่านก็เสด็จกลับในทันที ......ปล่อยให้เรางง....สงสัย...ทำไมท่านไม่ให้เรา ทำไมคนที่ให้เราต้องเป็นฤาษีด้วย แล้วฤาษีเป็นใคร อยู่ที่ไหน ความสงสัยเกิดขึ้นกับเรามากมาย...........

    ในขณะนั้นความทุกข์ของเราประกอบด้วย

    1. ความไม่สมหวังในหน้าที่การงานในทางโลก
    2. ความทุกข์ในเรื่องของชาติที่ 3 กลัวชาติหน้าเผลอทำตัวไม่ดีแล้วพลาดลงนรก
    3. ความทุกข์จากการเจ็บป่วย


    ถึงแม้เราจะทำบุญทุกวันก็จริง แต่มันไม่เห็นอิ่มเอิบสุขใจเหมือนเมื่อก่อนเลย อยู่มาวันหนึ่ง หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.............รู้อีกทีก็.........รู้สึกว่าอยู่ ๆ เรามีความรู้เรื่องธรรมะผุดเข้ามาในจิตเรา ให้ละ 8 อย่าง คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์

    มันเป็นความรู้ที่ผุดขึ้นมาเอง เอ....นี่อะไรกัน....เราไม่เคยมีความรู้อย่างนี้มาก่อนเลย.....แล้วเรารู้เองได้อย่างไรนี่....หนังสือธรรมะเราก็ชอบอ่านแต่เรื่องผลของทาน เนื่องจากเราเป็นคนรักสวยรักงาม อะไรที่พระไตรปิฏกบอกไว้เรื่องทำทานอย่างนี้ จะให้ผลอย่างนั้น เราก็สรรหามาทำเพราะอยากได้ผลของทานอย่างที่ท่านว่าไว้........แต่เรื่องนี้...? เราต้องหาว่ามันคืออะไร ? ..หลังจากหาข้อมูลได้.........เฮ้ย..ยย...... มีจริง ๆ ด้วย เขาเรียกว่า "โลกธรรมแปด" การละโลกธรรมแปด ทำไมการทำสมาธิมันอัศจรรย์แท้.......

    และแล้ววันหนึ่ง.....จากวันที่เราคิดว่า...จะทำอย่างไรไม่ให้เราตกนรกในชาติที่ 3 นั้น จากวันนั้นถึงวันนี้ประมาณ 3 เดือนได้ ........3 เดือนที่ต้องทุกข์ทุกวัน จู่ ๆ ก็ให้บังเอิญมีคนให้หนังสือธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแก่ข้าพเจ้ามาอ่าน

    ในเนื้อหาหนังสือ ท่านบอกว่า วิธีหนีนรก โดย
    1. ถือศีลห้าให้บริสุทธิ์
    2. เคารพพระรัตนตรัย
    3. มีเป้าหมายคือพระนิพพานเป็นที่ไป
    4. ไม่ลืมความตาย

    เพียงเท่านี้เราจะสามารถปิดอบายภูมิได้ตลอดไป โดยจะไม่มีวันกลับไปตกนรกได้อีกเลย เพียงเท่านี้เราถึงกับโล่งไปหมด เหมือนยกภูเขาออกจากอก ทุกข์ที่เราแบกไว้มาตั้ง 3 เดือนหายไปหมดสิ้น เรารู้แล้ว เรารู้แล้ว เรารู้วิธีแล้ว.....หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพระที่ชุบชีวิตให้เราเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยค่ะ เรารู้สึกรักและผูกพันกับท่าน เหมือนท่านมาตอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้เรา มอบแสงสว่างแห่งชีวิตให้เรา เรารักหลวงพ่อฤาษีลิงดำ รักท่านที่สุดในสามโลก...กกกกก........เราจะทำตามนี้เพื่อเราจะไม่ต้องตกนรก


    นี่ไงหละที่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบอกเราว่า “ ของเธอท่านฤาษีจะเป็นคนให้ ” ใช่เลย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2015
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    รออ่านเรื่อง หลวงปู่ เทวดาเดินดิน ครับ..
     
  20. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ถูกไล่ลงจากดาวดึงส์

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้..........รู้อีกทีก็..........พี่....พี่.....หนูพาไปเที่ยว.....กุมารีน้อยน่าตาน่ารักอายุประมาณ 8 ขวบ ตาใสแจ๋วเลย.........ปะ.....พี่ไปเล่นน้ำที่สระอโณดาษกันเถอะ.........แป๊บเดียวเราทั้งคู่ก็ลงเล่นน้ำที่ใสจนมองเห็นพื้นสระเลยหละ.....และมีคนอื่นมาร่วมเล่นกันหลายคนประมาณ 50 คนได้

    ความรู้สึกบอกเราว่าไม่ใช่มนุษย์ และดูเหมือนเราจะสนิทสนมคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างดี แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักที่ไหน... รู้แต่ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเราแน่ ๆ มีทั้งหญิง....ชาย...หนุ่ม...สาว...แก่....เหมือนคนเด๊ะเลย.....แต่งตัวเหมือนคนชนบท...เสื้อผ้าค่อนข้างเก่า....แต่ที่น่าแปลกก็คือ....พวกเขาเหล่านั้น.....ทุกคนผิวพรรณผ่องใสเนียนละเอียด คนแก่ก็สวยผิวไม่เหี่ยวย่นเลยสักนิดหนึ่ง ดวงตาสวยใสเป็นประกาย.....พวกเขาตาสวยมาก.....มากเกินมนุษย์ และที่สำคัญตาไม่กะพริบเลยสักคนเดียว.....ช่างตรงกันข้ามกับการแต่งตัว

    เล่นอยู่สักพัก.........พี่หนีเร็ว.....ไอ้เราก็....ฮะ...หนีอะไรเหรอ.....ไปเร็วพี่...ไปทางนี้......หนีทหารไง.........หา..อะ...อะ...ไร...นะ... ทำไมต้องหนี......ไปเหอะ.... และเราก็หลบมาจนได้ภายใต้การช่วยเหลือของกุมารี และพรรคพวกช่วยกันใช้พลังซ่อนจากการตามล่าของทหารคนนั้น มาอีกสถานที่หนึ่ง มีภูเขาสูงใหญ่มาก ต้นไม้ก็สูงใหญ่และร่มรื่น เราอยู่กันบริเวณเชิงเขา กุมารีพาเดินเล่นและคุยกันสารพัดเรื่องด้วยความสนิทสนมและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ( คุยเรื่องอะไรจำไม่ได้สักเรื่อง )

    จนถึงสถานที่หนึ่ง พี่มานี่สิคะ......หนูมีอะไรให้พี่ดู........เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ โอ้โห..........สวยจัง......มีเครื่องแบบเสื้อผ้าของนางฟ้าประเภทต่าง ๆ ที่เห็นน้องให้เลือก 4 เครื่องแบบ มีชุดกินรี และชุดเครื่องทรงของนางฟ้าอื่นอีกที่เราไม่รู้จักเลยเรียกไม่ถูกค่ะ เราก็เลือกชุดเครื่องแบบของกินรี หลังจากเลือกปุ๊บ เครื่องแบบนั้นมาใส่อยู่บนตัวเราเป็นอัตโนมัติเลยค่ะ ทำให้เรากลายเป็นกินรีแสนสวยในบัดดล ........เราก็คุยกันกระหนุงกระหนิงต่อ....

    จนกระทั่งดิฉันสงสัยถึงทหารคนนั้นเลยถามน้องไปว่า เขาเป็นใคร.....ทำไมเขาดูใจร้ายจัง.....แต่น้องกุมารีแทนที่จะตอบคำถามเรา น้องกลับทำตาเจ้าเล่ห์แบบล้อเลียนเรา.....ก็เขาเป็นเนื้อคู่ของพี่ไง........พี่จำเค้าไม่ได้เหรอ.......

    ฮะ...อะ...ไร..นะ.....เนื้อคู่.....เฮ้อ....ไม่...ไม่.....พี่ไม่เอา.....พี่ไม่ชอบเค้าหรอก.....เนื้อคู่พี่ แล้วเขาใจร้ายกับพี่นี่นะ ไม่มีทาง...หล่อซะเปล่า...เชอะ......และแล้วพูดถึงได้แป๊บเดียว

    และแล้ว....ทหารหนุ่มคนนั้น.....รูปงามมาก..กกก แต่งกายเป็นชุดเทวดาแบบเครื่องแบบทำงาน ที่ไม่ใช่เต็มยศ ถือดาบมาด้วย......หน้าที่ของเขาคือดูแลรักษาเขตแดนของดาวดึงส์ เห็นหน้าหล่อ ๆ อย่างนั้นดุชะมัดเลย........ใบหน้าบึ้งตึง....... หลังจากนายตัวร้ายโผล่มาตรงหน้าเรา 2 คน พร้อมกับพูดแบบดุ ๆ ว่า ตามหามาตั้ง 2 ชั่วโมง มาหลบอยู่นี่เอง อ๋อมิน่าหละหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เพราะกุมารีนี่เองที่พรางไว้ ตอนแรกคิดว่าแอบขึ้นมาเที่ยวได้ยังไง ที่แท้ใช้.......กุมารีนี่เอง ( ไม่รู้เรียกว่าอะไร คงประมาณว่าใช้รหัสของกุมารีขึ้นมาหนะค่ะ )

    ความรู้สึกของเรานั้นแสนเกลียดและโกรธผู้ชายคนนี้พร้อมคิดในใจ....เราจะไม่มีวันญาติดีกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไป ถ้าเป็นมนุษย์ก็ประมาณว่า ...เลิกกันไปเล้ย เราคิดได้แค่นี้...ไอ้ทหารคนนั้นก็ออกปากไล่เราลงมาทันที ไป !.........รีบกลับไปเดี๋ยวนี้..........ไป !
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...