รวมเรื่องเล่า+ประสบการณ์;กรรมฐานมัชฌิมาฯตามรอยพระราหุล(ตามแบบแผนของพระพุทธเจ้า)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย mature_na, 25 มีนาคม 2012.

  1. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    การเตรียมขึ้นกรรมฐาน นำมาแค่พวงมาลัย๕ พวง ก็พอครับอย่างอื่นที่วัดมีเตรียมให้หมดแล้ว ที่เหลือแล้วแต่จะทำบุญครับ ทางวัดไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น

    เราต้องการแค่การเผยแผ่กรรมฐานในพุทธศาสนาครับ
    (บางคนไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยก็ไปซื้อดอกไม้แถววัดได้ครับมีขาย)

    ขอให้โชคดีครับ



     
  2. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    [size=18pt]ยอดวิชาแห่งพระกรรมฐานมัชฌิมาสิ่งที่ท่านจะได้เมื่อเข้าสู่ขั้นสูง


    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับนั้นเป็นวิชชากรรมฐานของศาสนาพุทธโดยตรง เมื่อท่านฝึกถึงขั้นสูงแบบถูกต้องและมีบุญบารมีเพียงพอจะสามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆเช่นการรักษาโรคของตนเองและผู้อื่นรวมทั้ง การรู้เห็นสัมผัสสิ่งที่เป็นทิพย์ดังจะได้พรรณาดังต่อไปนี้ (ข้อมูลด้านล่างเป็นเพียงข้อมูลโดยสังเขปยังมีเนื้อหาอีกมากมายรอให้ท่านไปเรียนรู้ครับ)


    ๑.วิชาบังคับธาตุขันธ์ ให้บังคับจากรูปกายทิพย์ ให้เปลี่ยนอริยาบทต่างๆ เช่น ยืน เป็นนั่ง เป็นนอน เป็นเดิน ทำให้กายทิพย์เป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นแก่
    ประโยชน์ของวิชาบังคับธาตุขันธ์ ยกสมาธิจิตให้สูงขึ้น จิตมีอานุภาพมากขึ้น
    ๒.วิชาแยกธาตุขันธ์ แยกธาตุน้ำก่อน แยกธาตุดิน แยกธาตุไฟ แยกธาตุลม ไม่มีกายมีแต่ธาตุเท่านั้น
    มีประโยชน์ ใช้ทางมรรค ผล จิตขาดจากการยึดมั่นถือมั่น ในรูปกาย
    ๓.วิชาคุมจิตคุมธาตุ ใช้สมาธิขั้นเอกัคตาจิต คุมจิตตัวเอง คุมธาตุทั้ง ๔ ของตัวเองประโยชน์ ทำให้มีสติมีสมาธิเข็มแข็ง
    วิชาธาตุปีติ ยุคล สุข

    ๑.ธาตุปีติ ยุคล สุข รวมกัน เรียกว่าธาตุธรรมกาย ใช้ทำเป็นพื้นฐานแห่งอภิญญา จิตแก่กล้าใช้ตติยฌาน(สุข)ได้เลย ถ้ายังไม่แก่กล้าใช้ถึงจตุถะอรูปฌาน ถอยมา ตติยฌาน(สุข)
    ๒.ธาตุปีติอย่างเดียว เรียกว่า ธาตุปีติวิมุติธรรม ทำให้กิเลสทั้งปวงหลุด พิจารณาโดยวิธี บริกัมว่า นิพพาน
    ๓.ธาตุธาตุยุคลหก เรียกว่า ธาตุกายอมตะ ประโยชน์ใช้ทำจิตให้สงบจากกิเลส พิจารณาว่า สงบ
    ๔. ธาตุสุขสมาธิเรียกว่าธาตุ สุขนิโรธธัม ประโยชน์ ทางสุขอยู่ในความว่าง เอาพระนิพพานเป็นอารมณ์
    ธาตุปีติทั้งห้า (ธาตุเทวดา) ใช้ได้ทุกอย่างแล้วแต่จิต ธาตุยุคล(ธาตุพรหม) ใช้ทางเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    ธาตุสุข(ธาตุพระพุทธเจ้า) ธาตุกายสุข จิตสุข มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ทำจิตเป็นสุข สยบกิเลส ธาตุ อุปจารพุทธานุสติ ใช้สยบมารทั้งภายนอก ภายใน ใช้สยบภายในภายนอก
    วิชาทำฤทธิ์

    อธิฐานตั้งธาตุ ห้าดวง ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณธาตุ ให้ทำลายธาตุ น้ำ ทำลายธาตุ ไฟ ทำลายธาตุดิน ทำลายธาตุลม เหลือวิญญาณธาตุ ก่อนทำให้อธิฐานเอาฤทธิ์ก่อน
    ธาตุภูสิโต


    (ธาตุยิ่งใหญ่)
    ๑.ชุมนุมธาตุว่า เอหิปถวีพรหมา เอหิเตโชอินทรา เอหิวาโยนรายนะ เอหิอาโบอิสสรัง ว่าสามหน ธาตุทั้งสี่มาตั้งที่หทัยประเทศ
    ๒. เรียกภูตเข้าตัวธาตุ ว่าสามหน จตุรภูตา เอหิสมาคมะ ธาตุทั้งสี่ ปรากฏที่สะดือ
    ๓. เรียกภูตเข้าตัวธาตุ เตโช วาโย อาโบ ปถวี กสินะ นะโมพุทธายุ ภินทะติ นะพุทธัง นะปัจจักขามิ นะสิริ พันธนัง ธาเรมิ ให้ว่าสามหน เป่าเข้าตัวภูตมิออก ธาตุทั้ง ๔ ที่สะดือ มารวมที่หทัย


    องค์ธรรมเก้า แห่งของ จุดอานาปาน


    ๑.ที่สะดือ ตั้งมั่น คือองค์ธรรมพระนาคี ที่ชุมนุมธาตุ
    ๒.จะงอยปาก รู้กำเนิดชีวิต คือองค์ธรรมของ พระธรรมวิมุติ
    ๓. ขื่อจมูก การดำเนินของชีวิต คือองค์ธรรมของพระธรรมกลาง
    ๔.ปลายจมูก ตั้งอยู่ของชีวิต คือองค์ธรรมของ น้ำ
    ๕.ระหว่างตา ความรอบรู้ คือองค์ธรรมของ ไฟ
    ๖. ระหว่างคิ้ว ความเป็นไปเบื้องหน้า คือองค์ธรรมของ สังฆราชา สงฆ์ผู้ใหญ่
    ๗. กลางกระหม่อม รู้แจ้ง คือองค์ธรรมของ ครูบาอาจารย์ และพระพุทธเจ้า
    ๘.ลิ้นไก่ รู้ปัจจุบัน ธรรมชาติ คือองค์ธรรมของ แผ่บารมี
    ๙.กลางหทัย สูญรวมความรู้ต่างๆ คือองค์ธรรมของ พระพุทโธ


    วิชาสลายจิต


    สยบจิต ด้วยเมตตา –อุเบกขา ประโยชน์คือ
    สกดจิต ใช้เอกัคคตาจิต ประโยชน์คือ
    ปลดปล่อยจิต นั่งดูจิต ดูกิเลส ผ่านไปเฉย ประโยชนคือ


    วิชาโลกุดร สยบมาร

    ๑. ตั้งที่กลางสะดือ ภาวนาว่า สติสัมโพชฌงค์
    ๒.ตั้งที่เหนือสะดือ ๒ นิ้ว ภาวนาว่า ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
    ๓.ตั้งที่หทัย ภาวนาว่า วิริยะสัมโพชฌงค์
    ๔.ตั้งที่คอกลวง ภาวนาว่า ปีติสัมโพชฌงค์
    ๕.ทั้งที่โคตรภูท้ายทอย ภาวนาว่า ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
    ๖. ตั้งที่กลางกระหม่อม ภาวนาว่า สมาธิสัมโพชฌงค์
    ๗.ตั้งที่ระหว่างคิ้ว ภาวนาว่า อุเบกขาสัมโพชฌงค์
    แล้วเปลี่ยนมา ภาวนาว่า โลกุตตะรัง จิตตัง ฌานัง
    ผลประโยชน์ของวิชาโลกุดร สยบมาร>>
    ๑. แผ่ให้ผู้ที่ลำบาก ๒.แผ่บารมีให้มาร ๓.ทำจิตให้หลุดพ้น ๔.บูชาคุณครูบาอาจารย์ ๕. เมตตา ๖.ปราบมาร ๗. มีความเพียร ๘. ปราบคนทุศีล ๙. รักษาโรคกาย โรคจิต ตนเอง และผู้อื่น


    วิชาสำรวมอินทรีย์


    ๑.ที่สะดือตั้ง ศีลวิสุทธิ
    ๒.ที่เหนือนาภีตั้ง จิตวิสุทธิ
    ๓.ที่หทัยตั้ง ทิฏฐิวิสุทธิ
    ๔.ที่คอกลวงตั้ง กังขาวิตรวิสุทธิ
    ๕.ที่โคตรภูท้ายทอยตั้ง มัคคามัคคญาณวิสุทธิ
    ๖.ที่กลางกระหม่อมตั้ง ปฏิปทาญาณทัสนวิสุทธิ
    ๗.ที่หว่างคิ้วตั้ง ญาณทัสนวิสุทธิ แล้วว่า โลกุตรัง จิตตัง ฌานัง


    ประโยชน์ คล้ายกับ วิชาโลกุตรสยบมาร สำรวมตนเอง ตรวจศีลบริสุทธิ

    วิชาสำหรับผู้มีจิตทิพย์ สำรวจโลกภายนอก


    ๑.สะดือตั้ง อุทยัพพยญาณ เกิด ดับ
    ๒.เหนือสะดือ ภังคญาณ ดับอย่างเดียว
    ๓.หทัย ภยตูปัฏฐานญาณ คือความกลัวทั้งปวง
    ๔.คอกลวง อาทีนวญาณ เป็นโทษทั้งปวง
    ๕.ท้ายทอย นิพพิทาญาณ เกิดความเบื่อหน่าย
    ๖.กลางกระหม่อม มุญจิตุกามยตาญาณ เหมือนอยู่ในแหในชะลอม
    ๗.ระหว่างคิ้ว ปฏิสังขารุเปกขาญาณ อยากพ้นทุกข์แล
    ๘.ระหว่างตา สังขารุเปกขาญาณ วางเฉยสละเสียให้สิ้น
    ๙.ปลายจมูก สัจจานุโลมมิกญาณ หาทางไปนิพพาน


    เข้าจักรสุกิตติมา

    ๑. สะดือ ตั้งสุกิตติมา ใช้ประโยชน์ เจริญแล้วเป็นสมาธิสงบ เกิดปัญญา เรียน
    ๒.เหนือสะดือ ตั้งสุภาจาโร อะไรก็ได้ จำแม่นเกิดปัญญา
    ๓.หัวใจ ตั้งสุสีลวา
    ๔.คอกลวง ตั้งสุปากโต
    ๕ท้ายทอย ไม่มี
    ๖.กลางกระหม่อม ตั้งยสัสสิมา
    ๗.ระหว่างคิ้ว ตั้งวสิทธิโร
    ๘.ระหว่าตา ตั้งเกสโรวา
    ๙.ปลายนาสิก ตั้งอสัมภิโต


    เรียนปฏิจสมุปบาท เพื่อสลายความหลง มีชีวิต ก็มีวิญญาณ มีวิญญาณ ก็มีความยึดมั่น
    ทางไปนิพพาน พิจารณาสังเวศสาม ๑.ปลงต่อความตาย ๒.หน่ายนามรูปแล้ว เอาชีวิตแลกเอาพระนิพพาน ๓.พิจารณาให้เห็นสังขารธรรม รูปธรรม นามธรรม วิบัติไปต่างๆ ปลงตามปัญญาพระไตรลักษณะ
    นั่งจุกหู ใช้ปิดหู ปิดตา ไม่รับกิเลสภายนอก เหมาะสำหรับคนฟุ้งซ่าน ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ท่านให้ตั้งสมาธิที่หทัย ให้ตึงก่อน แล้วยกสมาธิมาปิดหูขวาก่อน สมาธิตึงดีแล้ว ยกมาที่หทัยตึงดีแล้ว ยกสมาธิไปปิดหูซ้าย ตึงดีแล้ว ยกมาที่หทัย ทำปิดตาก็เหมือนกัน
    การเอาชนะกิเลส ให้ตรวจกิเลส ตัวไหนเกิดให้จดจำเอาไว้ แล้วเอาชนะกิเลสตัวนั้น
    กิเลสตัวไหนเกิด ให้แผ่เมตตาให้กิเลส ให้อภัยกิเลส กิเลสจะไม่มาอีก คือมีสตินั้นเอง ให้เจริญความดีงามเหนือกิเลส ให้ยิ่งๆขึ้นๆไป
    ธาตุอัปมัญญา ๔

    เมตตา สีขาวธาตุน้ำ ดับโทสะตัวเอง และดับโทสะผู้อื่นด้วย

    กรุณา ธาตุไฟ สีชมพู ผู้อื่นเดือดร้อน สีแดง ได้รับการช่วยเหลือแล้ว เป็นสีชมพู ดับความมืดในใจ
    มุทิตา ธาตุลม สีฟ้า เหลืองนวล ประกายรุ้ง อากาศธาตุ ยินดีผู้อื่น เรามีความชุ่มชื่น
    อุเบกขา ธาตุดิน สีขาว สีเขียว ประโยชน์ เป็นปัญญาสูงสุด ปัญญาลุ่มลึก มีความเฉยลึกซึ้ง ดินเขียวมีความรู้มากแต่ ไม่ยอมเผยแผ่ เช่น พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ดินขาว เผยแผ่ความรู้ผู้อื่น
    ธาตุรวมอัปมัญญา สีประกายพฤษ สีเงิน ใช้ได้ทุกอย่าง


    ๑.การศึกษามหาสติปัฏฐาน ควรศึกษาตั้งแต่ ๗ ขวบขึ้นไป
    หมวดกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน อานาปานปัพพะ ประโยชน์แก้จิตที่วุ่นวาย ฟุ้งซ่าน และวิตก
    หมวดอริยาบท ประโยชน์ ทำให้เจริญสมาธิมั่นคงขึ้น
    สัมปชัญญะปัพพะ ประโยชน์ทำให้เจริญสมาธิมั่นคงขึ้น
    หมวดปฏิกูลปัพพะ ต้องมีสมาธิ มีฌานแล้ว ประโยชน์ตัดราคะ โทสะ
    หมวดธาตุปัพพะ ต้องมีสมาธิ มีฌานแล้ว ประโยชน์ตัดคลายทางโลกลง
    หันมาเรียนทางธรรมมากขึ้น
    หมวดนวสีวถิกาปัพพะ(ป่าช้าเา) มีทวารทั้งเก้า มีองค์ฌาน ประโยชน์ยกจิตจากปุถุชนขึ้นสู่อริยเป็น
    โสดาบันบุคคล
    ๒.เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ต้องใช้ฌาน ใช้สมาธิ ประโยชน์ แยกเวทนาออกจากกาย
    ๓.จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ต้องใช้สมาธิ และฌาน ประโยชน์ รู้จิตตัวเอง และผู้อื่น
    ๔.ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใช้สมาธิ และองค์ฌาน ประโยชน์ ฆ่ากิเลสโดยตรง ธรรมาเช่น นิวรณ์ธรรม ๕ ขันธ์ห้า อายตนหก โพชฌงค์เจ็ด หมวดสัจจะ เป็นต้น
    หลวงปู่ ท่านสอนว่า ทำจิตให้เป็นสุขทุกเวลา นึกถึงความสุขต่างๆ เช่น การทำบุญกุศล การช่วยเหลือผู้อื่น การหลุดพ้น
    สอนเดินน้ำ ข้ามห้อย ท่านให้นั่งริมฝั่งแม่น้ำ ให้มองเห็นดิน และเห็นน้ำ ให้เข้าฌาน ทำให้รอบกายเราสว่าง ทำที่นั่งแข็ง ให้นุ่ม ทำที่นั่งนุ่มให้แข้ง ทำอาโบธาตุ ให้เป็นปถวีธาตุ ทำปถวีธาตุ ให้เป็นอาโบธาตุ ทำธาตุน้ำ เป็นธาตุดิน ทำธาตุดินเป็นธาตุน้ำ
    ก่อนทำให้นั่งริมฝั่งแม่น้ำ ให้มองเห็น น้ำ และดิน แล้วให้อธิฐานก่อน แล้วจึงเข้าฌานทำให้รอบกายของเราสว่างไสวอย่างมากมาย ทำที่นั่งแข็งให้นุ่ม ทำที่นั่งนุ่มให้แข็ง อธิฐานธาตุดิน ปถวีธาตุ ให้เป็นอาโปธาตุ ธาตุน้ำ อธิฐานอาโปธาตุ ให้เป็นปถวีธาตุ เวลาทำให้นั่งริมฝั่ง มองให้เห็นน้ำ สามารถเดินข้ามน้ำไปได้
    วิชาเหิน ขึ้นเขา ลงเขา ทำที่ไกล ให้เหมือนที่ใกล้ ให้เข้าสุขสัญญา ลหุสัญญา แล้วอธิฐาน ทำที่ไกล ให้เป็นที่ใกล้
    ทำได้แล้ว ให้ทำใจให้สงบ ไม่หลงติดในการเหิน ระงับความตื่นเต้น ดีใจ ให้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    สอนการดำเนินชีวิต อะไรควรทำก่อนทำหลัง สำรวจจิตตัวเอง ลำดับจิตตัวเอง ลำดับการงานที่จะต้องทำ ลำดับวิชาอะไรที่ ควรเรียนก่อน เรียนหลัง ทำประโยชน์ให้แก่สังคมให้มาก
    ให้ยอมรับสภาพความเป็นจริง ยอมรับสภาพการเปลี่ยนแปลง ของตัวเอง ที่บรรลุมรรคผล เจอครูบาอาจารย์มากมาย อย่าหลงตัว ประคองจิตตัวเอง ทำความเป็นอยู่ให้ปรกติ ทำให้มาก
    การอยู่ในความว่าง(สูญญตา) ดีพักผ่อน แต่วิปัสสนาจะไม่ก้าวหน้า ให้ถอยกลับมา สุข แล้ว เจริญวิปัสสนาต่อ จึงจะก้าวหน้า


    วิชาสลายจิต สลายกาย

    ประโยชน์หยุดความวุ่นวายภายนอก (สลายจากกายทิพย์ หายตัว)

    ท่านให้สลายธาตุน้ำก่อน สลายแล้วคอจะแห้ง ต่อมาให้สลายธาตุไฟ ธาตุไฟสลายแล้ว จะรู้สึกหนาว ต่อมาจึงสลายธาตุดิน สลายธาตุดินแล้ว กายจะเบา ต่อมาสลายวิญญาณธาตุ สลายแล้ว จะดับความยึดมั่น ไม่มีร่างกาย ว่างแคว้งคว้าง
    ธาตุลม ท่านห้ามสลาย จิตจะอยู่ที่ถุงลม ถ้าสลายธาตุลมต้องมีจิตกล้าแข็ง และกลับมาได้ เพราะสังขารกายเนื้อยังค้างคาอยู่
    ปู่สอน จิตกับอารมณ์อย่าแยกกัน จิตไม่ไปพร้อมกับอารมณ์ กิเลสแซก จิตไปพร้อม กับอารมณ์ กิเลสไม่แซก เรียกว่ามีสติ ประโยชน์ ใช้คุมตัวเอง ดูแลตัวเอง


    วิชาตัดขันธ์

    ใช้เมื่อมีเวทนา และข่มทุกขเวทนาได้ ต้องมีจิตสมาธิกล้าแข็ง ลืมทุกสิ่ง ทุกอย่างได้ ไม่เอาร่างกายแล้ว ตัดจากกายเนื้อ คล้ายวิธีสลายจิต ให้ตัดธาตุน้ำก่อน ตัดธาตุไฟ ตัดธาตุดิน ตัดวิญญาณธาตุ ดับความยึดมั่น ไม่มีร่างกาย ตัดธาตุลมสุดท้ายก่อนตาย
    วิชาผ่อนคลายจิต เมื่อจิตกำลังสับสน วุ่นวาย ให้ถอยจิต หายใจลึกๆ พุ้งจิตไปที่พระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูป ดูนิ่ง เฉยๆ จะหายวุ่นวายใจเอง
    วิชาสยบทุกขเวทนา ยอมรับทุกขเวทนา ถึงถึงกรรมของตัวเอง เช่น เรามีกรรมเป็นของตัวเอง เรามีกรรมเป็นกำเนิด เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย และระลึกถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้า
    วิชาโลกุตร ๒๐ ประโยชน์ เป็นที่เกิดแห่งปัญญา เป็นที่สิ้นสุดแห่งสังสารวัฏ เป็นที่บรรลุธรรม ปลงอาบัติ อธิฐานได้ต่างๆ
    กิเลสจรมา ให้ใช้จิตดูกิเลสเฉยๆ
    ธาตุโลกุดร ดวงแก้วมนินดำ ธาตุดิน สีเขียว แก้วไพฑูรณ์ ธาตุน้ำ เหลือง แก้วมณีโชติ ธาตุไฟ สีขาว แก้วบุญนาก สีขาว ธาตุน้ำ แก้วธัมราช เหลือง อากาศธาตุ แก้วมโนหอรจินดา ชมพู จิตธาตุ1

    สลายอายตนะหก


    ตา ธาตุน้ำ เห็นรูปดีก็ดี เห็นรูปทรามก็ตาม ให้ทำจิตเหมือนสายน้ำไหล
    หู ธาตุลม ฟังเสียงที่ดีก็ตาม เสียงที่ชั่วก็ตาม ให้ทำจิตเหมือนลม พัดผ่านไป
    จมูก ธาตุดิน ได้กลิ่น หอมก็ตาม ได้กลิ่นเหม็นก็ตาม ให้ทำจิตเหมือนดินสลายไป
    ลิ้น ธาตุน้ำ ได้ลิ้มรสดีก็ตาม ได้ลิ้มรสไม่ดีก็ตาม ให้ทำจิตเหมือนสายน้ำไหลไป
    กาย ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ สัมผัสดีก็ตาม สัมผัสชั่วก็ตาม ให้ทำจิตสลายธาตุทั้ง ๔
    มโน(ใจ) อากาศธาตุ รู้ธรรมดีก็ดี ธรรมชั่วก็ตาม ให้ทำจิตเหมือนอากาศสลายหายไป
    ใช้น้ำสิโณทก

    ให้เอาขันน้ำ ตั้งตรงหน้า เอานวหอระคุณ คือ อิติปิโสฯลฯ ภควาติ ตั้งที่ ๙ (ปลายจมูก)ก่อน แล้วมาที่ ๑(สะดือ) มาที่ ๒ (เหนือสะดือ) มาที่ ๓ (หทัย) แล้วไปที่ ๕ (ท้ายทอย) มาที่ ๖ (กลางกระหม่อม) แล้วมาที่ ๗ (ระหว่างคิ้ว) ถึงที่ ๘ (ระหว่างตา) เอาตรงนั้น แล้วเพ่งลงที่น้ำสิโณทก ให้ทำ ๒-๓ ที่
    ถ้าจะใช้ สิ่งใดก็ได้ทุกอัน ตามแต่อธิฐาน ใช้ทางเมตตามหานิยม ใช้ปัดรังควาน
    วิชาดูแลจิต ดูแลกาย




    [/size]
     
  3. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ยอดวิชาแห่งพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับตอนที่2
    [size=18pt]


    วิชาระวังจิต ระวังกาย



    วิชาดูแลจิต ดูแลกาย ให้ทำจิตเป็นสมาธิ ถึงองค์ฌานก็ได้ แล้วปล่อยจิตออกไป กำหนดจิตไปที่หทัย ให้หายใจเบาๆ ให้ดูนิมิต เป็นวงกลมสีขาว จะสว่างขึ้น สว่างขึ้น ที่หทัย แล้วค่อยๆเลื่อนวงกลมสีขาว ที่หทัย ลงมาที่สะดือ เป็นจุดที่สอง ให้ค่อยๆเคลื่อน วงกลมสีขาวที่หทัย มาช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อน ให้มีสติรู้ได้ทั้งนิมิตดวงกลมสีขาว และลมหายใจ เมื่อนิมิตวงกลมสีขาวนั้น มาถึงที่สะดือแล้ว ให้ตั้งสมาธิอยู่ที่นาภี(สะดือ) ประมาณคำหมากหนึ่ง(สอง-สามนาที) พอจิตสงบนิ่ง เข้าที่ดีแล้ว ก็ให้ตั้งสัจจะอธิฐานในใจว่า…….
    ข้าพเจ้า ขอเรียนพระกัมมัฏฐาน วิชาดูแลจิต ดูแลกาย ขอพระยามารทั้งหลาย อย่าได้มารบกวน ข้าพเจ้า ในตอนนี้เลย



    อธิฐานเสร็จ แล้วให้ปล่อยจิตให้ว่าง ทำใจให้สบาย ให้โปร่ง ให้โล่ง หายใจเข้า-ออก ลึกๆช้าๆ วิชานี้มีจิตเป็นใหญ่ มีจิตเป็นหัวหน้า มีจิตเป็นผู้นำ


    เมื่อจิตสงบแล้ว สติจะตามรู้ได้เท่าทันอารมณ์ วิชาจะอยู่ได้ เฉพาะผู้ที่ปรารถนาที่จะเรียนเท่านั้น หากผู้ไม่ปรารถนาจะเรียน วิชาก็จะไม่อยู่ด้วย วิชานี้ต้องมีจิต ตั้งมั่น แน่วแน่ตัวรู้ ตัวรับรู้ ต้องรู้ให้จริง ไม่มีอุปาทาน ดูแลลมหายใจ ว่าเย็น หรือร้อน ลมหายใจถี่ หรือห่าง เบา หรือแรง จิตต้องรู้ได้ละเอียด ประณีต ลึกซึ้ง


    การดูลมหายใจ เข้า-ออกนี้มีพระสาวก ของพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมาก ที่เรียนวิชาดูลมหายใจของตัวเอง รู้กิเลส รู้ธรรม และบรรลุธรรม ไปมากมายแล้ว
    ดูจิต แบ่งออกเป็นสองฝ่าย จิตฝ่ายดี จิตฝ่ายชั่ว กรรมฝ่ายดำส่งผล จิตก็ตกอยู่ในอำนาจกรรมนั้น กรรมฝ่ายขาวส่งผล จิตก็ตกอยู่ในอำนาจกรรมนั้น ถ้าจิตฝ่ายชั่วเริ่มมีอำนาจ เกิดขึ้นทีละดวง ทีละดวง จิตก็จะบังคับให้กายลุกขึ้นทำความชั่วต่างๆ จิตจะบังคับให้กายแข็งกระด้าง วจีแข็งกระด้างขณะนั้นอาสวะทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทิฏฐิ รุมอยู่ในตัวและจิตทั้งสิ้น กรรมฝ่ายชั่วเกิดขึ้นแล้วก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เขาจะค่อยดับไปทีละดวง ทีละดวง


    กรรมฝ่ายดีก็จะค่อยเกิดขึ้น ทีละดวง ทีละดวง ก็จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว เขาจะตั้งอยู่ แล้วจะค่อยเปลี่ยนแปลงไป เขาเป็นอย่างนี้เป็นธรรมดา ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ถ้าจิตดี กายก็จะดีด้วย ลมหายใจก็จะเย็น สม่ำเสมอ จิตก็จะว่างจากอาสวะกิเลสมารบกวน จิตฝ่ายดี คิดทำดี ทำบุญทำทาน


    ดูลมหายใจ เมื่อมีอารมณ์ภายนอกมากระทบ ก็จะเฉยๆไม่รู้สึกอะไร รู้สึกแปลกใจต่างหาก ลมหายใจเย็นสงบ จิตก็สงบด้วย จิตก็จะไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ใดๆ ดูอะไร รู้เห็นอะไร จิตก็จะรู้จักรูปนาม เกิด-ดับ นั้นได้ จะไม่รู้สึกผูกพันเลย ไม่รู้สึกคล้อยตามด้วย


    ถ้าจะเรียนวิชานี้ ต้องเอาจริง เอาจังกับจิต ต้องรู้ทันอารมณ์ กาย เวทนา จิต ธรรม วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา กิเลสตัวใดมาก็รู้ ทุกสิ่ง ทุกอย่างในโลกล้วนไม่แน่นอน อย่าไปติดอะไรแม้แต่ความสุข ทุกอย่างป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา อย่าทำไปตามอารมณ์ ถ้าทำตามอารมณ์ จะโดนหลอกลวง ถ้ารู้ทัน รู้ความจริงแล้ว จะไม่สะเทือน
    การระวังจิต ระวังกาย กายเป็นบ่าว ให้ระวังจิต จิตดีอย่างเดียว จิตสบายอย่างเดียว กายก็ดี กายก็สบาย


    วิชาหนีมนต์


    ให้ฝึกให้เห็นอักขระสามตัว ภาวนาว่า นะเยปะรัง ยุตเต ให้เห็นอักขระ อัง(ขอม) อยู่ระหว่างคิ้ว อักขระ อิง อยู่กลางกระหม่อม อักขระ อิ อยู่ท้ายทอย
    เอา อัง มาติดกับ อิง อยู่หน่อยหนึ่ง จึงนำอักขระสองตัว(อัง อิง) ไปสู่ อิ แล้วจึงยกแต่ สูญเปล่า(สมาธิเปล่า ไม่เอาอักขระมา) คือสมาธิมาตั้งที่ ๗ (ระหว่างคิ้ว) อย่าเอาอักขระสามตัวมาเลย ถ้าสัตรูอยู่หน้าไว้หน้า ถ้าอยู่หลังเอาไว้หลัง อยู่ขวาไว้ขวา อยู่ซ้ายไว้ซ้าย
    ประโยชน์ กันปีศาจ กันคุณไสย กันมารเข้าสิง
    อุเบกขา

    อหัง กัมมัสโก โหมิ เรามีกรรมเป็นของตน สุขก็เป็นของตัว ทุกข์ก็เป็นของตัว (เวทนา ทั้งหมด)ให้อยู่กลางๆเป็นอุเบกขา
    อหัง กัมทายาโท โหมิ เรามีกรรมเป็นมรดก มรกดกรรมคือ กรรมดี กรรมชั่ว ให้ทำจิตเป็นอุเบกขา
    อหัง กัมโยนิ โหมิ เรามีกรรมเป็นกำเนิด กรรมผูกมัดเรามาตั้งแต่ ปฏิสนธิ พร้อมเรา มีรูปสวยงาม จากกรรมดี รูปไม่สวย กรรมไม่ดี ให้ทำจิตเป็นอุเบกขา
    อหัง กัมพันธู โหมิ เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เผ่าพันธุ์ของกรรมคือ กิเลส กรรม วิปาก ให้ทำจิตอุเบกขา
    อหัง กัมปฏิสรโณ โหมิ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กาย อาศัยจิต รูปอาศัย ธาตุ และจิตด้วย ทำอุเบกขา
    แก้ให้ขาดรสราคะ จะให้ขาดรส ราคะ ปฏิสนธิ อย่าให้กายชีวิตเนื่องกัน ยกชีวิตให้พ้นกาย คือยกจากที่ ๒ (สะดือ)ไปสู่ที่ ๓(หะทัย) ไม่ถึงที่ ๓ ก็ได้ พอพ้นที่ ๒
    เข้าธาตุทั้ง ๔ แก้สารพักโรคทั้งปวง ได้สิ้น โรคปุราณ ก็แก้ได้ แต่ช้าหน่อย ไม่ต้องภาวนา ให้อธิฐาน ให้แผ่ซ่าน เข้าไปทางสายเลือด ทุกอนุของกาย
    อาราธนาว่า ข้าขอเข้าธาตุทั้ง ๔ อินทรีย์ทั้ง ๕ โพชฌงค์ทั้ง ๗ ขอให้ระงับจิต ระงับกายให้สบาย ข้าจะขอเข้าเป็นนิคคหะที่ ๑ ข้าจะขอเข้าเป็นปัคคาหะที่ ๑
    อันนิคคหะ คือข่มลงไปในที่ ๑ (สะดือ) อันปักคาหะ คือ ยกจากที่ ๑(สะดือ) มาที่ ๒ (เหนือสะดือ) มาที่ ๓ (หทัย) ทำไปจนกว่าจะได้สุข
    แก้ปวดศรีษะ เส้นกำเริบ ธาตุวิปริต ให้ตั้งแต่ที่ ๙ (ปลายจมูก)มาที่ ๑ (สะดือ) แล้วอธิฐานว่า
    ข้าขอเข้าธาตุทั้ง ๔ อินทรีทั้ง ๕ โพชฌงค์ทั้ง ๗ อธิฐานแล้วจึงมาที่ ๒ (เหนือสะดือสองนิ้ว) จึงชุมนุม ธาตุทั้ง ๔ อินทรีทั้ง ๕ โพชฌงค์ทั้ง ๗ ในที่ ๒(เหนือสะดือ) นั้น แล้วแบ่งสมาธิออกตามฐานเท้าทั้งสองข้าง แล้วยกแต่ที่ ๒(เหนือสะดือ) ไปถึงที่ ๓ (หทัย) ถึงหทัยแล้ว ขอจะขอสัมปยุตธาตุทั้ง ๔ โพชฌงค์ทั้ง ๗ ในที่ ๓ นั้นเล่า แล้วจึงแบ่งสมาธิออกไปตามเท้าทั้งสองข้าง แล้วยกสมาธิไปสู่ที่ ๔(คอกลวง) ให้เป็นสุขหน่อยหนึ่งแล้วจึงยกไป ๙(ปลายจมูก) ๘ ระหว่างตา ๗ ระหว่างคิ้ว ๖ (กลางกระหม่อม) ๕ (ท้ายทอย) มาที่ ๔(คอกลวง) แบ่งสมาธิออกไปมือสองข้าง
    ถ้าโรคไม่หนัก อย่าเข้าธาตุ อย่าชุมนุมธาตุ อย่าแบ่งธาตุ


    องค์ธรรมจุด นวหอรคุณ ๙ จุด


    ๑. สะดือ องค์ธรรมคือ พระนาคี
    ๒.เหนือสะดือ องค์ธรรมคือ ธาตุดิน
    ๓.หทัย องค์ธรรมคือ พระพุทโธ
    ๔.สุดคอกลวง องค์ธรรมคือ พระธรรมมา
    ๕.โคตรภูท้ายทอย องค์ธรรมคือ ธาตุลม
    ๖.กลางกระหม่อม องค์ธรรมคือ พระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์
    ๗.ระหว่างคิ้ว องค์ธรรมคือ สงฆ์ผู้เป็นใหญ่
    ๘.ระหว่างตา องค์ธรรมคือ ธาตุไฟ
    ๙.ปลายจมูก องค์ธรรม ธาตุน้ำ
    สัมปยุตธาตุ ๑.สะดือ ๒.เหนือสะดือ ๓.หทัย ๔. อุนาโลม
    สัมปยุตปฤกษ์ กลางหทัย เลื่อนมากลางอก
    คว่ำจักร แผ่บารมีธรรมจักรลงล่าง จุดอุณาโลม จุคไหล่ขวา จุคไหล่ซ้าย จุดเหนือสะดือ ทำสมาธิดู สี่ทิศ ลงล่างแผ่บารมี สู่นรกภูมิ
    หงายจักร แผ่บารมีธรรมจักร ขึ้นเบื้องบน จุดสะดือ จุดเหนือสะดือ จุดหทัย จุดอุณาโลม สงเคราะห์ผู้อื่น แผ่ให้ผู้มีคุณ ครูบาอาจารย์ พบพระพุทธเจ้า พบสหายธรรม แผ่เมตตา
    จันทกลา ลมซ้าย ยับยั้งมาร เวลาลมซ้ายออก สุริยกลา แผ่บารมีให้มาร ปราบมาร
    ชักคลองจักษุ ไม้หวั่นไหว ในกิเลสภายนอกที่มายั่ว ตามีธาตุน้ำมาก ตาเห็นรูปที่สวย รูปที่ชอบใจ ทำให้ระงับเหมือนสายน้ำไหลไป ตาเห็นรูปที่ชั่ว รูปที่ไม่ชอบใจ ทำให้ระงับเหมือนสายน้ำไหลไป


    วิชาดูแลจิต ดูแลกาย

    ให้ทำจิตให้ว่าง แล้ววางไว้ที่หทัย ดูที่หทัย แล้วเลื่อนลงมาที่ กลางสะดือ แล้วอธิฐานว่า ข้าพเจ้าจะขอเรียนพระกัมมัฏฐาน ดูแลจิต ดูแลกาย ขอมารทั้งหลาย อย่ามารบกวน ข้าพเจ้าในเวลานี้เลย แล้วนั่งดูความว่างที่สะดือเฉย ต่อมาให้พิจารณาธรรม แล้วประเทืองปัญญา
    วิชาระวัง จิตระวัง กาย กายเป็นบ่าว ของจิต ถ้าจิตใจสบาย กายก็สบาย จิตเป็นสุข กายก็เป็นสุข ไม่นอนกระสับกระส่าย
    เปรียบเทียบ

    วิชาสลายจิต สลายกาย วิชาตัดขันธ์ วิชาทำอิทธิฤทธิ์

    หนีความวุ่นวายโลกภายนอก หนีทุกข์เวทนา จากกายเนื้อ ทำฤทธิ์ได้ต่างๆ

    ให้ตัดจากกายทิพย์ ต้องมีสมาธิจิตกล้าแข็ง ลืมทุกสิ่งฯ มีมโนมฤทธิ์ เป็นต้น


    ๑. สลายธาตุน้ำก่อน(คอแห้ง) ๑.สลายธาตุน้ำ ๑.สลายธาตุน้ำ
    ๒.สลายธาตุไฟ (หนาว) ๒.สลายธาตุไฟ ๒.สลายธาตุไฟ
    ๓.สลายธาตุดิน (หนักเบา) ๓.สลายธาตุดิน ๓.สลายธาตุดิน
    ๔. สลายวิญญาณธาตุ ๔.สลายวิญญาณธาตุ ๔. ห้ามสลายวิญญาณธาตุ
    ดับความยึดมั่น ลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้ วิญญาณธาตุรู้แจ้งอิทธิ
    ไม่มีร่างกาย ไม่เอาร่างกาย ทางทวารทั้งหก
    ๕. ห้ามสลายธาตุลม(จิตอยู่ถุงลม) ๕. สลายธาตุลมสุดท้าย ก่อนตาย ๕.สลายธาตุลม-อาธาตุ
    เพราะสังขารยังมีอยู่ ถ้าขันธ์ยังอยู่กลับมาได้


    วิชาธาตุดวงแก้ว ๔ ดวง


    นะ แก้วมณีโชติ อาโบธาตุ น้ำ (หัว)
    มะ แก้วไพฑูรณ์ เตโชธาตุ ไฟ (ใจ)
    อะ แก้ววิเชียร วาโยธาตุ ลม (หลัง)
    อุ แก้วปัทมราช ปถวีธาตุ ดิน (ปาก)
    เสกต่อแตนใช้ใบมะขาม หรือใบไม้อะไรก็ได้ เป็นใบไม้ใต้เกราะกำบัง ใบบนต้นที่ถูกกำบัง เสกด้วย มะ ธาตุไฟ ตามด้วยธาตุลม คือ มะ อะ อุ นะ เป็นต่อแตนแล
    ทำน้ำมนต์ใช้ได้ทุกอย่าง ให้ทำตอนยามสาม ยามสี่ สงัดนักแล เสกแผ่ด้วยอำนาจแห่งเมตตา ใช้ได้ทุกอย่าง ทำลายทุกอย่าง ไม่ว่าเป็นความ สะเดาะเคราะห์ ผีเข้า เป็นไข้ เป็นต้น รดน้ำมนต์เย็นด้วยเมตตา อธิฐาน ขอให้น้ำที่เย็น เย็นเข้าถึงจิตใจผู้รับ เย็นขั้วหัวใจแล
    เป่าให้เย็นทั่วสารพางค์กาย และลมออกทวารแล ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ ๑. จิตผู้เป่าต้องบริสุทธิ์ ๒.จิตผู้รับต้องดี ๓.พระคาถาดี เวลาเป่าให้อธิฐานถ้าคนผู้นี้มีบุญ หรือมีกุศลส่งแล้ว ขอให้รับการเป่าคาถานี้ได้ หรือขอให้เกิดเวลาจิตเขารับได้ จะมีอาการขนพองสยองเกล้าฯ




    การใช้อักขระ ๒๗ ตัว


    ๑. นะ ใช้เรียกฝน ใช้ทางเมตตา นอ นี้ใน ว่าหามิได้ รูปร่างบ่เป็น
    ๒. โม มหาละลวย นิยมชมชอบ คนนิยม โม ว่าอ่อน บ่ห่อนแข็งเข็ญ
    ๓. พุท พระปัตติมาร ตรัสได้ทุกตัว ทำได้ทุกอย่าง , ตรัสรู้เห็นประเสริฐนักหนา
    ๔. ท หนักให้เบา เบาจิต เบากาย
    ๕. ยะ ตัววิญญาณ การเคลื่อนที่ไปของธาตุ ใช้ลงคนที่ซึมเศร้า คนง่วงหงาวหาวนอน คุยแล้วไม่สนใจลงได้ คนสนใจจ้องเขม็งไม่ต้องลง
    ๖. ทา ตรีเพช ปลุกเสกให้มั่น
    ทอ ทา ทอ ทม สี่ตัวอุดม ทรงเป็นอัตตรา
    ๗. สิ เพ็ชน่าทั่ง ตังลง ตัวคุม อักขระ สิ ว่าแข็ง เรี่ยวแรงตัวกล้า ว่ามั่นคง
    ๘. ทอ หนูหมารสะดม เมตตามหานิยม เหนียว ลงเครื่องยนต์
    ออ ว่าเห็นตรง บ่ได้มืดมัว
    ๙. อะ ตัวงาม ตัวดีมีสิ่งไม่ดี เขียนอักขระ อะ ลงไป เป็นสิ่งดีหมด
    ๑๐. อา พระยาราชสีห์ ลงคุมครองผู้ใหญ่ ข้าราชการดี อา ว่าหนา ว่าเล่น มาไม่ถึงอยู่ข้างนอก
    ๑๑. อิ – มิ พระยาราช อักขระ ตัวกัน ของไม่ดี กันของชั่วร้าย
    ( ท.ทา ท.ทม ) ลงเรื่องเกี่ยวกับการเจรจา การทูต ทนาย ทางความ
    ๑๒. อี อิ อี เรี่ยวแรงตัวกล้า
    ๑๓.อึ อื คือไว้ภายในกายา คุ้มครอง ป้องกัน อันตรายภายในภายนอก ลงให้ทหาร
    ๑๔.อื
    ๑๕.อุ อู หาที่เสมอไม่ หาที่สุดมิได้ ถือไว้ให้แน่ จักได้กุศล ถ้าจักภาวนายิ่งกว่าฝูงคน ลงค้าขาย ใช้เรียกอะไร เรียกคนก็ได้ เพิ่มพูลขึ้น ต้องการอะไรมากๆ
    ๑๖.อู
    ๑๗. ฤ ตัวมา ตัวโอม ตัวเป่า อยู่ในใส้
    ๑๘. ฤา ตัวไป ลงท้าย ว่าตรงมา
    ๑๙. ฦ ใช้ได้ไม่เปล่า ใช้เมตตา ว่าได้
    ๒๐. ฦา ไปทั้วจักรวาลย์ กันภัย ฦ ฦา ว่ารู้ ลือไปทั่วทั้ง ๘ ทิศสา
    ๒๑. เอ แอ กุมภัณลับหอก ตัดรอนสิ่งไม่ดีให้ขาด
    ๒๒. แอ ตัวงดแล
    ๒๓.ไอ มีตะบะ
    ๒๔.ใอ พระยาราชสีห์
    ใอ ไอ กล่าวเรื่องราว กล่าวกลอน ว่ากลัว ว่าอย่า
    ๒๕. โอ โหร อง บันลือ หัวทุกทีว่ามีอารมณ์ ควบคุมอารมณ์
    ๒๖. เอา อำ ให้งดไว้ก่อนพิจารณาให่แน่
    ๒๗. อัง
    อะ ปราบศัตรู ไม่มีคู่สู่ ๔ ทวีป ปราบศัตรูในล้ำโลกา

    พุทธานุสสติ


    ปีติ ๕ ทำธาตุ ยุคล ๖ ทำธาตุ สุขสมาธิธาตุ พุทธานุสติ ธรรมมานุสสติ สังหานุสสติ ภาวนาเป็นอนุโลมปฏิโลม ใช้นิ้วเรียกสติกลับ
    ตั้งจุดอานาปาน เป็นอิทธิฤทธิ์
    ๑.สะดือ ตั้งเป็นตุณหิ แต่สมาธิเปล่า ๑ บาท ๕ นาที แต่ละจุด ตั้งสมาธิเปล่า ๕ นาที บริกรรม ๕ นาที ทุกๆที่
    ๒.เหนือสะดือ ๒ นิ้ว อิติปิโสภะคะวา
    ๓.หทัยประเทศ นะ โม พุท ธา ยะ เรียงแถวชั้นนอกนี้จะถอย บริกรรมออกมาได้บ้าง ไปไว้หน้าบ้าง
    ๔.สุดคอกลวง นะจังงัง โมจังงังพุทละลาย ธาคลาย ยะห่ามิตาย หายบัดเดี่ยวใจ แก้อับจน
    ๑๐ ท้ายทอยยะทาพุทโมนะ มหาละลวย
    ๕.โคตรภูมิท้ายทอย นะวาคะภะโสปิติอิ อิทาเรนะ โอนะทา นะปิดตา โม มิเห็น
    ๖.อัชดากาษ บนกระหม่อม นะโมพุทธายะ นะจังงัง โมจังงัง พุท สิทธิกำบัง ลับอยู่ ยะหายไป (๖มา ๗ หว่างคิ้ว เดชะหายลับศูนย์ อัง อะ อะ ศูน ศูน อิ แล้วว่า อิททาเรนะ โอนะทา นะปิดตา โมมิเห็น ปัญญาศูน ธาตุนิพพานังสัมปยุตตัง จะมาจับไปไว้ ๙ หนหลัง หนหน้าอย่าเปลี่ยนเลย
    ๗.อิสวาสุ เมตตา
    ๘.ทิพย์ศุนย์หว่างคิ้ว อีงอะอะ
    ๙..มหาศูนย์หว่างจักษุ ธาตุนิพพานัง
    ๑๐.จุลศูนน้อยปลายนาสิก
    ๔-๓-๖-๗-๘ หายตัว
    ๑-๒-๓ ดำเนินธาตุ
    ๔ กันคุณไสย
    ๕ กำบังภายนอก
    ๖ เมตตา
    ๑๐ งวยงง
    อาการสามสิบสอง
    ใช้รักษาโรค ๓๒ ชนิด
    ธาตุดิน ๒๐ เกศา ผม โลมา ขน นะขา เล็บ ทันตา ฟัน ตะโจ หนัง มังสัง เนื้อ นะหารูเอ็น อัฏฐิ กระดูก อัฏฐิมิญชัง เยื้อในกระดูก วังกัง ม้าม หะทะยัง หัวใจ ยะกะนัง ตับ กิโลมะกัง พังผืด ปิหะกัง ไต ปัปผาสัง ปอด อันตัง ใส่ใหญ่ อันตุคุนัง ใส่น้อย อุททะริยัง อาหารใหม่ กะรีสัง อาหารเก่า มัตถะรุงคัง สมองศรีษะ>>
    ธาตุน้ำ ๑๒ ปิดตัง น้ำดี เสมหัง เสลด ปุพโพ หนอง โลหิตัง เลือด เสดท เหงือ เมโท มันข่น อัสสุ น้ำตา
    วะสา มันเหลว เขโฬ น้ำลาย สิงหานิกาน้ำมูก ละสิกาไขข้อ มูตตัง น้ำมูต>>
    กสิณ๑๐

    ๑.ปฐวี หม้อใหม่ เดินน้ำ
    ๒.อาโป น้ำใส ดำดิน
    ๓.เตโชเนื้อไป รักษาโรค
    ๔.วาโย ลมข้าวเปลือก บังหวน
    ๕.นีลัง เขียว
    ๖.ปิตัง เหลือง
    ๗.โลหิตัง แดงดอกชบา
    ๘.โอทาตะ ขาวน้ำเงิน
    ๙.อาโลก ขาวเหมือนเงาน้ำต้องแดด ทำให้สว่าง
    ๑๐.อากาศ เปล่าไม่มีอันใด ผ่านฝากำแพง


    อสุภกรรมฐาน ๑๐


    ๑.อุทธุมาตะกะ ซากผีพอง ทำใหญ่ ทำมาก
    ๒.วินิลกะ ซากผีเขียว กำบัง
    ๓.วิปุพพกะ ซากผีน้ำหนองไหล กำบัง เป็นน้ำท่วม
    ๔.วิทฉิททกะ เขาสับฟัน เป็นท่อนๆ ผีขาดสองท่อน แบ่งตัว แยกร่าง
    ๕.วิกขายิตะกะ กา หมา แร้ง กัดกินซากผี เสกเป็นแร้ง เป็นหมา ไล่ข้าศึก
    ๖.วิกขิตตกะ แยกเป็นท่อน หัวขาด ตีนขาด แยกมากๆ
    ๗.หตวิกขิตตกะ ขาดกระจัดกระจาย เขาเชือดเลือดทั้งตัวผี
    ๘.โลหิตกะ เขาเชือดเลือดทั้งตัวผี
    ๙.ปุฬุวะกะ หนอนกินซากผี ตามทวารทั้ง ๙
    ๑๐.อัฏฐิกะ ปรากฏ แต่กระดูกขาว ปากประกาศิต
    ๗-๘-๙-๑๐ เป็นอนุโลม ปฏิโลม เป็นวาจาสิทธิ์ ถอยหลัง เล็กใหญ่
    หตวิกขิตตกะ โลหิตกะ ปุฬุวกะ ถึงอัฎฐิกะ เข้าปฐมฌาน แล้วตรึกไป คือพูดเสียงที่เกิดในใจ
    ตรึก(นึกความเป็นไป แล้ววางเฉย) แล้วจึงพูดออกมาเป็นวาจา ให้เป็นธรรมชาติ เป็นมัชฌิมา
    จึงเป็นประกาศิตแล
    ๑-๑๐ แก้ปัญหา แก้ความ ทำน้ำมนต์ ใช้เทียนขี้ผึ้งหน้าผี ด้ายมัดผี ล้างหมดทำนิมิตจึงถึงกระดูก
    ให้เป็นกระดูกผุหมดกระจายหายไปตามลม
    ๑๐-๑ ชนะหมด ล้างหมด แก้คุณใส ทุกชนิด แก้กระทำ
    ๑-๑๐, ๑๐-๑ แก้คุณใส
    ๑-๕ แก้อาถัน อาเพศ
    ๕-๑ แก้ที่อาถัน
    ๑-๕,๕-๑ เปิดกรุ
    ๕-๑๐ แก้บ้า
    ๑๐-๕ กันพายุ กันลม เสกด้วย เห เห ปฏิเสวามิ กันไฟ เสกนกคุ้ม กันลม กันฟ้า เสกลูกสะกด
    ๕-๑๐, ๑๐-๕ เมตตาเป่าเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง

    [/size]
     
  4. pangjoo

    pangjoo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +62
    เมื่อวานได้มีโอกาสไปที่วัดได้พบหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเมตตามากครับ ดีมากเลยครับ ได้ไปนั่งสมาธิด้วย ตอนกลับได้ไปกราบหลวงพ่อด้วย
     
  5. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    อนุโมทนาทุกบญกุศลครับ
    ยินดีต้อนรับศิษย์ร่วมสำนักท่านใหม่ครับ:cool:


     
  6. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ญาติธรรมมาขึ้นกรรมฐาน-และนั่งกรรมฐานแบบลำดับ
    เมื่อวันที่4 มี.ค. 58 เวลา 10.00- 13.00 น.

    [​IMG]


    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima โทร.084-651-7023
     
  7. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    นักศึกษาวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จชมพิพิธภัณฑ์-นั่งกรรมฐานแบบลำดับ
    คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม ;วันที่3 มี.ค. 58 เวลา 11.00น.


    [​IMG]


    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima โทร.084-651-7023
     
  8. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ญาติธรรมมา ขึ้นกรรมฐาน-นั่งกรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับ
    วันที่ 1 มี.ค.58 เวลา 15.30 น.(กลุ่มคุณหมูอินเตอร์แนะนำมา)


    [​IMG]



    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima โทร.084-651-7023
     
  9. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    มาชมพิพิธภัณฑ์ -นั่งกรรมฐาน 7 มี.ค. 58 เวลา 16.30 น.

    [​IMG]

    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima โทร.084-651-7023
     
  10. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    วิธีรักษาโรคตามแบบพระกรรมฐานมัชฌิมา;ตามรอยหลวงปู่ทวด

    [size=18pt]ในนี้เพียงแต่ตัดย่อใจความมาเท่านั้นนะครับห้ามเดินจิตเองโดยไม่มีอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับควบคุมเด็ดขาดเพราะจะเป็นอันตรายได้


    [size=18pt]



    วิธีรักษาโรคตามแบบพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ นี้มีความอัศจรรย์เป็นอย่างมากผูู้สนใจฝึกต้องเรียนรู้จากพระอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาเท่านั้นและผู้ที่จะใช้วิชานี้ได้ต้องเรียนรู้พระกรรมฐานผ่านถึงห้องขั้นสูงแล้วเท่านั้นจึงจะมีผลสัมฤทธื์ที่ดีขึ้นมาได้

    ที่นำมาตัดตอนเผยแพร่เพื่อรักษาองค์ความรู้แบบโบราณไว้และเพื่อชักจูงใจกุลบุตร กุลธิดาทั้งหลาย ให้สนใจในกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ นี้และรักษากรรมฐานดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาไว้สืบๆไป

    พระนวหรคุณ 9 ที่
    และ
    วิธีรักษาตัวเอง
    ของ
    สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร สุก ไก่เถื่อน
    บัดนี้จะกล่าวในปกิณกะกถา แก้ในพระนวหรคุณที่ตั้ง มี ๙ ที่


    [​IMG]
    ๑.อัชชดากาษเบื้องต่ำ (สะดือ)
    ๒.บนนาภี นิ้วหนึ่ง
    ๓.ห้องหทัยวัตถุ
    ๔.ห้องสุดคอกลวง
    ๕.โคตรภูท้ายทอย
    ๖.อัชชดากาษ เบื้องบน (กระหม่อม)
    ๗.ทิพยสูญหว่างคิ้ว
    ๘.มหาสูญหว่างจักษุ
    ๙.จุลสูญน้อยปลายนาสิก
    ที่ทั้ง ๙ จุดนี้ เป็นทางระงับโทษต่างๆ เป็นทางที่จะซ่อนเร้นเวทนาต่างๆ เมื่อใกล้จะดับสูญ จะเป็นที่พึ่ง แก้ไข ระงับการป่วยไข้ อาพาธทุกขเวทนาต่างๆ ตามลัทธิบูรพาจารย์ ที่ได้ประพฤติปฏิบัติมาแต่ปางก่อน
    พระโยคาวจรผู้พากเพียร ได้ปฏิบัติสมถะกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน ชำนาญวสีดีแล้ว ให้ยกเอานิมิตที่ปรากฏในที่ตั้งพระกรรมฐานนั้นก็ดีด และองค์พระปีติ ๕ องค์ใดองค์หนึ่ง ที่ได้ชำนาญนั้นก็ดีและองค์พระธาตุให้เป็นอารมณ์ จึงยกเอานิมิตเอาไปไว้ในที่ตั้ง ๙ แห่ง ตามเหตุตามผล จะได้แก้ไขเจ็บไข้ทุกข์เวทนา จะให้ระงับโรคาพาธ โทษต่างๆ ได้ ให้รู้บาปธรรม คือ อกุศลจิต ๑๔ ตัว
    บาปธรรม ๑๔ ตัว

    อกุศลเจตสิก ๑๔ ตัว
    ให้พรโยคาวจรเจ้าผู้พากเพียร รู้จักบาปธรรม อกุศลเจตสิก ๑๔ ตัวนี้ให้เข้าใจ จะระงับโทษได้
    โมโห หลง
    อโนตตัปปัง มิกลัวแก่บาป
    โลโภ อยากได้ด
    มาโน มานะ
    อิสสา ริสษา
    กุกกุจจัง กินแหนงใจ
    มิทธัง หลับง่วง

    อหิริกัง มิละอายแก่บาป
    อุทธัจจัง สะดุ้งใจ ฟุ้งซ๋าน
    ทิฏฐิ ถือมั่น
    โทโส โกรธ
    มัจฉริยะ ตระหนี่
    ถีนัง หดหู่
    วิจิจฉา ลังเลสงสัย

    นี้บาปธรรม อกุศลเจตสิก ๑๔ ตัว
    กิเลสบาปธรรมทั้ง ๑๔ ตัวนี้ เมื่อเกิดขึ้นในตัวเราจะทำให้ธาตุทั้ง ๔ กำเริบ เกิดเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้

    [​IMG]
    รูป แสดงจุทีตั้งนวหรคุณ ๙ จุด

    ที่ ๑. เป็นที่ระงับเวทนาทั้งปวงแล
    ที่ ๒. เป็นที่เกิดแห่งบาปธรรมทั้งปวง ตั้งที่ ๒ ที่ ๓ เกิดกำลังนัก อันห้องพระพุทธคุณนั้น คือระหว่างที่ ๓ มาถึงที่ ๒ นั้นเป็นชุมนุมธาตุ
    ที่ ๓. เป็นที่ปฏิสนธิ กุศล และ อกุศลสัมปยุตธาตุ
    ที่ ๔. เป็นที่หลับ ที่ขาดรส ที่ภังคะ ที่นิโรธสัจ ร่วมกัน
    ที่ ๕. เป็นที่ซ่อนเวทนาทั้งปวง ทั้งขาดบาปธรรม เมื่อจะอาสันนกรรม ดับพิษงู ฝีทั้งปวง
    ที่ ๖. เป็นที่อดใจ เป็นขันติ ความอดทน โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม
    ที่ ๗. เป็นที่ประหารแห่งโทษทั้งปวง เป็นตบะเดชะด้วย
    ที่ ๘. เป็นที่เกิดปัญญาเห็นโทษ
    ที่ ๙. เป็นที่นำแห่งความยินดีทั้งปวง และนำปฏิสนธิแห่งสัตว์


    แก้ธาตุกำเริบวิบัติ

    ถ้าธาตุทั้ง ๔ กำเริบก็ดี จะแก้ให้ยกจิต ประกอบด้วยนิมิต ลงไปไว้ที่อัชชดากาษเบื้องต่ำ คือ สะดือ ก่อนที่เดียว จึงอธฐานจิต ชุมนุมธาตุทั้ง 4 อินทรีย์ทั้ง 5 โพชฌงค์ 7 อย่าให้รายออกตามที่นั้นเลย ให้อธิฐานซึ่งธาตุทั้ง 4 อินทรีย์ทั้ง 5 โพชฌงค์ 7
    ธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    อินทรีย์ทั้ง 5 คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
    โพชฌงค์ 7 คือ สติสัมโพชฌงวค์ ธัมวิจยสัมโพชฌงค์ วิริยะสัมโพชฌงค์ ปิติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชเงค์ ลงในที่อันเดียวกันนั้นเถิด ฯ ครั้นจะรายตามที่ตั้งขึ้นมา ธาตุซึ่งกำเริบนั้น และ โรคที่กำเริบนั้น ก็จะเคลื่อนตามโรคที่ขึ้นมานั้น จึงห้ามมิให้รายขึ้นมา ถ้าว่าจะหายใจก็ดี ให้เอาสติกดรักษาลง ไว้ที่อัชชดากาษเบื้องต่ำ คือสะดือ มิให้ลอยขึ้นมาจนได้ จนกว่าโรคนั้นจะสงบลง
    (จบ แก้ธาตุกำเริบวิบัติ)

    แก้โทสะ โมหะจิตต์ เกิดวิตกหนัก

    ถ้าโทสะจริตได้เกิดโทสะหลง เกิดวิตกหนักก็ดี จะคลายลง ให้เอา เจตสิกกับจิตอารมณ์ที่แต่งให้เป็น กุศล อกุศล อัพยากฤต เป็นต้น กลางๆ ทั้งปวงประมวลลงมาที่ 1 จึงอธิฐานให้ระงับจึงยกไปสู่ที่ 5 เมื้อจะไปนั้นอย่าให้ขึ้นทางตรงทางเก่านั้นจะฟุ้ง ให้ขึ้นชิดสันหลัง จิตไม่ฟุ้ง นี้แก้วิตก แก้โทสะจิตต์ โมหะจิตต์แต่ที่เบาๆ นั้น ครั้นถึงที่ 5 แล้วให้ตั้งอยู่หน่อยหนึ่งจึงถอยไปที่ 9 แล้วปลายสวาสดิ์ไปให้ไกล แล้วเอาสติกลับลงไปตั้งที่ 1 นั้นเล่า ทำให้ได้ 2 – 3 หน จึงจะได้ความสุขนั้น
    ถ้าให้บังเกิดร้อนนักอย่างเดียว จะให้คลายลง ให้ประมวลเจตสิก ตามอย่างเมื่อครั้งแรก แต่เมื่อจะขึ้นจากที่ 1 ไปสู่ที่ 5 นั้น อย่าพึ่งขึ้นตามสันหลังก่อนให้ขึ้นตามทางกลาง จาก 1-2-3-4 สามทีก่อน จึงให้หนี ขึ้นไปทางชิดสันหลังไปสู่ที่ 5 เมื่อจะกลับลงมาทางที่ 1 นั้นให้กลับลงมาทางชิดสันหลังทางเดียวกันนั้นให้ทำอีก 2 ครั้ง รวมเป็น 7 ครั้งด้วยกัน ถ้าความร้อนนั้นมิหยุด ก็ให้รู้ว่าอาสันกรรมจะมาถึงแล้ว ก็ให้ซ่อนอยู่ในที่ อนุโลมนั้นเถิดฯ

    ถ้าจะใช้น้ำสิโณทก

    ถ้าจะใช้น้ำสิโณทกให้เอาน้ำตึงซึ่งหน้า แล้วเอาพระนวหรคุณทั้ง 9 (อะสังวิสุดลปุสะพุภะ) ให้ตั้งที่ 9 ก่อน แล้วไปที่ 1-2-3 แล้วไปที่ 5-6-7 ครั้นถึงที่ 8 ให้เอาตรงที่ 8 แล้วลงน้ำสิโณทกนั้น ให้ทำ 2 – 3 หนเถิด ถ้าจะใช้สิ่งใดก็ได้ทุกอัน ตามแต่จะอธิฐานเถิด ทำเหมือนกันสิ้น
    แก้เป็นวัณโรค
    ถ้าเป็นวัณโรคจะให้เคลื่อน ให้เอาหัวแม่มือกดเพดานบน บริกรรมว่า สูญๆ ให้เต็มกลั่นแล้ว น้ำลายที่ติดหัวแม่มือนั้น ทาที่วัณโรคนั้นสัก 2 – 3 ครั้ง บริกรรมว่า สูญๆ หายแล
    แก้ลมขึ้น
    ถ้าลมขึ้นเบื้องบนให้เดินจงกรม แล้วปรายสวาสดิ์ คือหายใจออก ไปไกลเที่ยวให้เต็มเหนื่อยจงได้ จะขึ้นหนักเท่าไรพึงตั้งที่ 1 ชักที่ 2 ไปที่ 3 ห้องหทัยวัตถุ ขึ้นไปข้างไหนให้ชัดกวาดข้างนั้น เถิดฯ


    แก้ขัดยอก

    ถ้าขัดยอกขาให้เพลียไปก็ดีให้ตึงก็ดี จะแก้ให้นอนหงายก็ได้ นั่งเหยียดเท้า นั่งพิงพนักก็ได้ ให้ตั้งที่ 9 ให้ขาดก่อน จึงส่งไปลงที่ปลายเท้า เอาขึ้นมาปลายเสีย แล้วให้ส่งไปปลายเท้าใหม่เล่าแล้ว จึงขึ้นมาประหารเสียที่ 7 เล่าให้ทำเวียนอยู่ที่นี้กว่าโรคจะหายนั้น
    จะบำเพ็ญทาน
    ถ้าจะบำเพ็ญทานสิ่งใดให้ตั้งที่ขาดบาปธรรม จึงได้ผลานิสงส์มาก ขาดบาปธรรมคือที่ 5
    จะใช้พระคาถา
    ถ้าจะใช้พระคาถาบริกรรมทั้งปวงนั้น ให้เอาพระคาตั้งที่ 9 พร้อมจิต จึงเอาสมาธิวิถีทับลงเถิด


    [/size]



    ในนี้เพียงแต่ตัดย่อใจความมาเท่านั้นนะครับห้ามเดินจิตเองโดยไม่มีอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับควบคุมเด็ดขาดเพราะจะเป็นอันตรายได้

     
  11. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    นิตยสารที่ประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ ลงข่าวเรื่องกรรมฐานแบบโบราณในพุทธศาสนา และวัตถุมงคล ของคณะ ๕ วัดราชสิทธาราม (พลับ)
    ที่อธิษฐานจิต ปลุกเสกโดย พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม

    [​IMG]

    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima โทร.084-651-7023
     
  12. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎสมเด็จเจ้าาพระยา ธนบุรี มาทำกิจกรรม และ
    นั่งเจริญสมาธิภาวนานั่งกรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับ

    วันที่ 9 มี.ค. 58
    เวลา 16.16 น.

    [​IMG]


    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร ( (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม)
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
    โทร.084-651-7023 (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม
     
  13. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    โยมมาขึ้น-มานั่งกรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับ ) คณะ๕ วัดราชสิทธาราม 8 มี.ค. 58 เวลา 10.30น.- 15.00น.


    [​IMG]


    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร ( (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม)
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
    โทร.084-651-7023 (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม
     
  14. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ============================================================================
    ปฐมบท

    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เป็นกรรมฐานเหมาะกับทุกจริต



    โดยเริ่มแรกของผู้ปฎิบัติลำดับห้อง ในการภาวนา กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
    ในระดับขั้นต้น พระพุทธานุสสติ มี 3 ห้อง
    คือรูปกรรมฐาน ตอน ๑ ได้แก่
    ๑.ห้องพระปีติห้า
    ๒.ห้องพระยุคลหก
    ๓.ห้องพระสุขสมาธิ
    พระกรรมฐาน ๓ ห้องนี้เป็นพระกรรมฐาน สำหรับฝึกตั้งสมาธิ เป็นพระกรรมฐานต่อเนื่องของจิต จากจิตหยาบ ไปหาจิตที่ละเอียด ถึงขั้นอุปจารสมาธิเต็มขั้น หรือ เรียกว่ารูปเทียมของปฐมฌาน สอบนิมิต เป็นอารมณ์


    เมื่อจะเรียนพระกรรมฐานนั้น ต้องมอบตัวต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ อาจารย์ ผู้บอกพระกรรมฐาน โดยให้จัดเตรียม ดอกไม้ ๕ กระทง ข้าวตอก ๕ กระทง เทียน ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก ใส่เรียงกันในถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาขึ้นในวัน พฤหัสบดี ข้างขึ้น หรือ ข้างแรมก็ได้ มาขอขึ้นกรรมฐานที่วัดราชสิทธารามคณะ5 กับพระครูสิทธิสังวร(หลวงพ่อวีระ) ผู้สืบทอดกรรมฐานมัชณิมาในยุคนี้ (โทร. 084-651-7023;weera2548@yahoo.co.th )


    [size=20pt]ถ้าผู้ใดยังไม่สะดวกมาไหว้ครูกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับหลวงพ่อว่าก็สามารถภาวนาไปก่อนได้แล้วค่อยมาไหว้ครูกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับพร้อมแจ้งอารมณ์กรรมฐานภายหลัง[/size]


    จากนี้ไปจะเป็นการเริ่มนั่งกรรมฐานตามรูปแบบนะครับ เริ่มโดยกล่าวบททำวัตรพระก่อน


    บททำวัตรพระ
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
    (ให้ว่า ๓ หน)
    พุทธํ ชีวิตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ ฯ
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสะทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสสานํ พุทโธ ภควาติ ฯ
    เย จ พุทธา อตีตา จ, เย จ พุทธา อนาคตา,
    ปจฺจุปฺปนฺนา จ เย พุทธา, อหํ วนฺทามิ สพฺพทา,
    พุทธานาหสฺมิ ทาโสว, พุทธา เม สามิกิสฺสรา,
    พุทธานญฺ จ สิเร ปาทา, มยฺหํ ติฏฐนฺตุ สพฺพทาฯ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ, พุทโธ เม สรณํ วรํ,
    เอเตน สจฺจ วชฺเชน, โหตุ เม ชยฺมํ คลํ ฯ
    อุตฺตมํเคน วนฺเทหํ, ปาทปงฺสุํ วรุตฺตมํ,
    พุทโธ โย ขลิโต โทโส, พุทโธ ขมตุ ตํ มมํ ฯ
    (กราบแล้วหมอบลงว่า)
    ข้าฯจะขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระพุทธเจ้า และคุณพระพุทธเจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระพุทธเจ้า อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลนานทุกเมื่อ และข้าฯจะขอเป็นข้าแห่งพระพุทธเจ้า ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ขอพระบาทบาทาของพระพุทธเจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าฯสิ้นกาลนานทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าฯหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ข้าฯไหว้ละอองธุลีพระบาท ทั้งพระลายลักษณ์สุริยะฉาย ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด อนึ่ง โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระพุทธเจ้า อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน ขอพระพุทธเจ้าจงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านี้เถิด ฯ (คำแปล พระเทพโมลีกลิ่น)
    (กราบ)
    ธมฺมํ ชีวิตํ ยาว นิพฺพานํ สรณํ คจฺฉามิ ฯ
    สวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติฯ
    เย จ ธมฺมา อตีตา จ, เย จ ธมฺมา อนาคตา,
    ปจฺจุปปนฺนา จ เย ธมฺมา, อหํ วนฺทามิ สพฺพทาฯ
    ธมฺมา นาหสฺสมิ ทาโสว, ธมฺมา เม สามิกิสฺสรา,
    สพฺเพ ธมฺมาปิ ติฏฐนฺตุ, มมํ สิเรว สพฺพทาฯ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ, ธมฺโม เม สรณํ วรํ,
    เอเตน สจฺจ วชฺเชน, โหตุ เม ชยฺมํ คลํ ฯ
    อุตฺตมํ เคน วนฺเทหํ ธมฺมญฺ จ ทุวิธํ วรํ,
    ธมฺเม โย ขลิโต โทโส, ธมฺโม ขมตุ ตํ มมํฯ
    (กราบแล้วหมอบลงว่า)
    ข้าฯจะขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระปริยัติธรรมเจ้า และพระนวโลกุตตระธรรมเจ้า และคุณพระธรรมเจ้าในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งมวล อันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบันสิ้นกาลทุกเมื่อ แลข้าฯจะขอเป็นข้าฯแห่งพระธรรมเจ้า ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ข้าฯขออาราธนาพระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้น จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าฯสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าฯหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระธรรมเจ้าทั้งมวลนั้นเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าฯขอกราบไหว้พระธรรมเจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาดพลั้งไว้ในพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ ขอพระธรรมเจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านี้เถิดฯ
    (กราบ)
    สงฺฆํ ชีวิตตํ ยาวนิพฺพานํ สรณํ คจิฉามิ ฯ
    สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสํโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสะยุคฺคานิ อฏฺฐะ ปุริสปุคะลา, เอส ภควโต สาวกสํโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทกฺขิเนยโย อญฺชลีกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญญกฺเขตตํ โลกสฺสาติ
    เย จ สงฺฆา อตีตา จ เย จ สงฺฆา อนาคตา
    ปจฺจุปปนฺนา จ เย สงฺฆา อหํ วนฺทามิ สพฺพทา ฯ
    สงฺฆานาหสฺสมิ ทาโสว สงฺฆา เม สามิกิสฺสรา
    เตสํ คุณาปิ ติฏฐนฺตุ มมํ สิเรว สพฺพทา ฯ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ สงฺโฆ เม สรณํ วรํ
    เอเตน สจฺจวชฺเชน, โหตุ เม ชยฺมงฺคลํฯ
    อุตฺตมํ เคน วนฺเทหํ, สงฺฆญฺ จ ทุวิธุตฺตมํ,
    สงฺเฆ โย ขลิโต โทโส สงฺโฆ ขมตุ ตํ มมํ ฯ
    (หมอบกราบ แล้วว่า)
    ข้าฯขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระอริยสงฆ์เจ้า และคุณพระอริยสงฆ์เจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าอันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลทุกเมื่อ และข้าฯจะขอมอบตัวเป็นข้าฯแห่งพระอริยสงฆ์เจ้า ขอพระอริยสงฆ์เจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ ข้าฯขออาราธนาคุณแห่งพระอริสงฆ์เจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าสิ้นกาลทุกเมื่อ สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าหามิได้ ถ้าเว้นไว้แต่พระอริยสงฆ์เจ้าป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด ข้าฯขอกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาด พลั้งไว้ในพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ ขอพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านั้นเถิดฯ
    (กราบ)


    2. จากนั้นให้กล่าวคำขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยซึ่งโทษนั้นๆที่เราเคยทำอาจเป็นอุปสรรคปิดกั้นการเจริญพระกรรมฐาน
    (สำหรับทุกท่านที่เพิ่งเริ่มปฎิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับต้องกล่าวทุกครั้งก่อนนั่งกรรมฐาน)

    คำกล่าวขอขมาโทษ
    อุกาสะ วนฺทามิ ภนฺเต สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺ เต มยากตํ ปุญญํ สามินา อนุโมทิตพฺพํ สามินา กตํ ปุญญํ มยฺหํ ทาตพฺพํ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ (กราบ)
    ข้าขอกราบไหว้ ขอท่านจงอดโทษแก่ข้าฯ บุญที่ข้าฯทำแล้ว ขอท่านพึงอนุโมทนาเถิด บุญที่ท่านทำ ท่านก็พึงให้แก่ข้าฯด้วยฯ (กราบ)
    สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเต, อุกาสะ ทวารตฺตเยน กตํ สพฺพํ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเต, อุกาสะ ขมามิ ภนฺเต (กราบ)
    ขอท่านจงอดโทษทั้งปวงให้แก่ข้าฯด้วยเถิด ขอท่านจงอดโทษทั้งปวงที่ข้าฯทำด้วยทวาร(กาย วาจา ใจ) ทั้งสามแก่ข้าฯด้วยเถิด ข้าฯก็อดโทษให้แก่ท่านด้วย (กราบ)
    ก่อนที่จะนั่งภาวนาพระกรรมฐานนั้น จะเกิดผลสำเร็จได้ ต้องมีการขอขมาโทษก่อน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ขมานะกิจ คือการนำดอกไม้ธูปเทียนแพ ไปตั้งจิตอธิษฐาน ขอขมาโทษต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ท่านทั้งหลายอาจเคยล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็น อดีต ปัจจุบัน เป็นเหตุให้มีโทษติดตัว การเจริญกุศลธรรมอาจไม่เกิดขึ้นได้ หรือ เจริญขึ้นได้ และ อาจเป็นอุปสรรคปิดกั้นการเจริญพระกรรมฐาน จึงต้องมีการ ขอขมาโทษก่อน เพื่อไม่ให้ เป็นเวร เป็นกรรม ปิดกั้น กุศลธรรม ที่กำลังบำเพ็ญอยู่ และเป็น ปฏิปทาห่างจากกรรมเวร


    [​IMG]

    3.จากนั้นกล่าวคำอาราธนาพระกรรมฐานเป็นบาทฐาน(สำหรับทุกท่านที่เพิ่งเริ่มปฎิบัติพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับต้องกล่าวทุกครั้งและเริ่มด้วยพระลักษณะ พระขุททกาปีติธรรมเจ้า จนกว่าจะสอบอารมณ์กับพระอาจารย์วีระผ่านท่านจึงจะให้เปลี่ยนคำอาราธนาครับ ห้ามเปลี่ยนเองโดยพลการ)



    อธิบายคำอาราธนาสมาธินิมิต(เหตุใดต้องกล่าวคำอาราธนาพระกรรมฐานทุกครั้ง)
    เมื่อจะนั่งเข้าที่ภาวนานั้น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ว่า ต้องอธิษฐานสมาธินิมิต หรือ อาราธนาสมาธินิมิต เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้น ให้เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป กุศลธรรมในที่นี้หมายถึง สมาธิจิตที่ตั้งมั่น เป็น สัมมาสมาธิ อีกประการหนึ่งเพื่อเป็นการ เตรียมจิต ก่อนที่จะภาวนาสมาธิ ดังปรากฏใน พระสุตตนฺตปิฏก องฺคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปาปณิกสูตรที่ ๑

    คำอาราธนาพระกรรมฐาน
    (อธิษฐานสมาธินิมิต)
    ของ สมเด็จพระสังฆราช ไก่เถื่อน

    ข้าฯขอภาวนาพระพุทธคุณเจ้า เพื่อจะขอเอายัง พระลักษณะ พระขุททกาปีติธรรมเจ้า นี้จงได้ ขอพระพุทธเจ้าจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ ขอพระธรรมเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ ขอพระอริยะสงฆ์เจ้าตั้งแรกแต่พระมหาอัญญาโกญฑัญญะเถรเจ้าโพ้นมาตราบเท่าถึงพระสงฆ์สมมุติในกาลบัดนี้ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯนี้เถิดฯ ขอพระอริยะสงฆ์องค์ต้นอันสอนพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวล จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ ขอพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวลจงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้านี้เถิดฯ
    อุกาสะ อุกาสะ ในที่นี้เล่า ข้าจะขอปฏิบัติบูชาตามคำสั่งสอนของพระสัพพัญญูโคดมเจ้า เพื่อจะขอเอายัง พระลักษณะ พระขุททกาปีติธรรมเจ้านี้จงได้ ขอจงเจ้ากูมาปรากฏบังเกิดอยู่ใน จักขุทวาร มโนทวาร กายทวาร แห่งข้าฯในขณะเมื่อข้านั่งภาวนาอยู่นี้เถิดฯ


    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทโธ วิชชาจะระณะสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวะมนุสสานํ พุทโธ ภควาติ ฯ
    สมฺมาอรหํ สมฺมาอรหํ สมฺมาอรหํ
    อรหํ อรหํ อรหํ
    (องค์ภาวนา พุทโธ)



    ปล.

    การเริ่มนั่งกรรมฐานตามแบบที่พระอาจารย์บอกสืบๆกันมา โดยแรกท่านจะให้ องค์ภาวนาว่าพุท-โธ ให้ตั้งจิต คิด นึก รู้ อยู่ใต้สะดือ2 นิ้ว

    คำว่า2 นิ้วนี้วัดโดยใช้นิ้วมือของเรา2นิ้วทาบใต้สะดือสุดที่ใดก็ให้ตั้งจิต คิด นึก รู้ไว้ตรงจุดนั้นนั่นเอง



    4. คำอธิบายเวลากำหนดจิต


    หลังจากอาราธนาองค์พระกรรมฐานแล้ว ครั้งแรกกำหนดจิตให้มารวมไว้ที่ใต้สะดือ ๒ นิ้วมือ(ภาวนา พุท-โธ) กำหนดด้วยความตั้งใจจริง ค่อยดำเนินไปด้วยความเพียรชั้นกลาง แลมีสติค่อยประคับประคองให้ตรงต่อจุดมุ่งหมาย อย่ารีบร้อนให้มี ให้เป็นจนเกินไปกว่าเหตุผลจะอำนวยให้ เพราะคุณสมบัติสมาธินี้เป็นของกลาง เป็นเองด้วย บังคับไม่ได้ เราอยากให้เป็นสมาธิก็ไม่เป็น ไม่อยากให้เป็นสมาธิก็ไม่เป็น เราทำก็ไม่เป็น เราหยุดเสียไม่ทำก็ไม่เป็น แต่จะสำเร็จผลในขณะที่เราทำให้มาก เจริญให้มากโดยสายกลาง ไม่หย่อนนัก ไม่ตึงนัก เป็นไปโดยสม่ำเสมอ ไม่ขาดสายทำไปโดยอาการเยือกเย็น และจิตกล้าหาญ ในเมื่อจิตรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว กระบวนการแห่งสมาธิก็จะเป็นไปเอง

    วิธีนั่งเข้าที่ภาวนาโดยละเอียด


    นั่งคู้บัลลังก์ เท้าขวาทับ เท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้ายตั้งกายตรง บริกรรม พุทโธ กำหนดจิตดังนี้


    ๑.สมาธินิมิต คือเครื่องหมายสำหรับตั้งสมาธิ ให้ตั้งที่ใต้นาภี คือ สะดือ สองนิ้วมือ เป็นที่ชุมนุมธาตุ และ สัมปยุตธาตุ บริกรรมในที่นี้จะเกิดกำลังมาก อันห้องพระพุทธคุณ อยู่ใต้นาภี สองนิ้วมือ
    ๒. ปัคคาหะนิมิต คือการยกจิตไปอยู่ที่สมาธินิมิต คือที่ใต้นาภี สองนิ้วมือ จิต ได้แก่ การนึก การคิด การรับรู้อารมณ์ หรือ สติ
    ๓. อุเบกขานิมิต คือ การวางเฉยในอารมณ์ จิตไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์ ที่เป็น อดีต ที่เป็นอนาคต ให้มีจิตอยู่ในอารมณ์ปัจจุบัน จิตที่แล่นไปใน อดีต อนาคต เป็นจิตที่ฟุ้งซ่าน
    การกำหนด สมาธินิมิต (นาภี) โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
    การกำหนดปัคคาหะนิมิต (ยกจิต) โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตเป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่าน
    การกำหนด อุเบกขานิมิต (วางเฉย) โดยส่วนเดียว เป็นเหตุให้จิตไม่ตั้งมั่น
    ต้องกำหนดนิมิต สามประการ คือ สมาธินิมิต ปัคคาหะนิมิต อุเบกขานิมิต ไปพร้อมกันตลอดกาล ตามกาล จึงทำให้จิตอ่อนควรแก่การงาน จิตที่อ่อนควร แก่การงาน คือ จิต ที่ปราศจากนิวรณธรรม คือ กามฉันท์ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส พยาบาท ได้แก่การปองร้าย ถีนะมิทธะ ความง่วงหงาวหาวนอน อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่าน รำคาญ วิจิกิจฉา ความสงสัย
    การกำหนด สมาธินิมิต ปัคคาหนิมิต อุเบกขานิมิต มาใน พระสุตตันตปิฏก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต สมุคคสูตร ว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดภิกษุประกอบสมาธิจิต กำหนดไว้ในใจซึ่ง สมาธินิมิต ตลอดกาล ตามกาล กำหนดไว้ในใจซึ่ง ปัคคาหะนิมิต ตลอดกาล ตามกาล กำหนดไว้ในใจซึ่ง อุเบกขานิมิต ตลอดกาล ตามกาล เมื่อนั้นจิตย่อมอ่อนควรแก่การงาน ผุดผ่องและ ไม่เสียหาย จิตย่อมตั้งมั่นโดยชอบ เพื่อความสิ้นอาสวะ และ ภิกษุนั้นย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อ ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยธรรมอันยิ่งใดๆเธอย่อมสมควรเป็นพยานในธรรมนั้นๆ ในเมื่อเหตุเป็นอยู่ มีอยู่
    ก่อนนั่งสมาธิภาวนาพึงสำเหนียกในใจก่อนว่า
    จิตของเราจักเป็นจิตหยุด ตั้งมั่นอยู่ภายใน ธรรมทั้งหลายอันเป็นบาปอกุศล ที่เกิดขึ้นแล้ว จะต้องไม่ยึดจิตของเรา ตั้งอยู่
    เป็นการอธิษฐานจิต ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้จิตซัดส่ายไปตามอารมณ์ต่างๆ เป็นการวางอารมณ์ ของจิตให้แน่วแน่ มีสติรู้ทัน ธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปอกุศล เช่น นิวรณธรรมเป็นต้น ไม่ให้มารบกวนจิต ยึดจิตติดอยู่ ทำให้จิตไม่บรรลุสมาธิได้ง่าย


    5.
    หลังเลิกนั่งภาวนา

    เมื่อเจริญภาวนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าพึ่งลุกออกจากอาสนะ ให้แผ่เมตตา กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์ก่อน จึงลุกออกจากที่ เมื่อนั่งแล้วรู้เห็นอะไร ห้ามไปคุยกันเอง ให้ไปแจ้งบอกกล่าว กับพระอาจารย์กรรมฐาน โดยมากพระอาจารย์จะให้กล่าวบทกรวดน้ำยังกิญจิ

    บทกรวดน้ำยังกิญจิ
    ของพระเจ้าโลกวิชัย ผู้เป็นพระบรมโพธิสัตว์

    ยังกิญจิ กุสะลัง กัมมัง กัตตัพพัง กิริยัง มะมะ
    กาเยนะ วาจามะนะสา ติทะเส สุคะตัง กะตัง
    เย สัตตา สัญญิโน อัตถิ เยจะ สัตตา อะสัญญิโน
    กะตัง ปุญญะผะลัง มัยหัง สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต
    เย ตัง กะตัง สุวิทิตัง ทินนัง ปุญญะผะลัง มะยา
    เย จะ ตัตถะ นะ ชานันติ เทวา คันตวา นิเวทะยุง
    สัพเพ โลกัมหิ เย สัตตา ชีวันตาระเหตุกา
    มะนุญญัง โภชะนัง สัพเพ ละภันตุ มะมะ เจตะสาติฯ
    กุศลกรรมอย่าง ใดอย่างหนึ่งเป็นกิจที่ควรฝักใฝ่ ด้วยกาย วาจา ใจ เราทำแล้วเพื่อไปสวรรค์ สัตว์ใดมีสัญญา หรือไม่มีสัญญา ผลบุญที่ข้าฯทำนั้นทุกๆสัตว์ จงมีส่วน สัตว์ใดรู้ก็เป็นอันว่าข้าฯให้ แล้วตามควร สัตว์ใดมิรู้ถ้วน ขอเทพเจ้าจงไปบอกปวงสัตว์ ในโลกีย์ มีชีวิตด้วยอาหาร จงได้โภชนะสำราญ ตามเจตนา ของข้าฯเทอญ ฯ





    6.วิธีแจ้งพระกรรมฐาน
    (รูปกรรมฐาน สอบนิมิต อรูปกรรมฐาน สอบอารมณ์)


    เมื่อจะไป แจ้งพระกรรมฐาน หรือไปสอบอารมณ์นั้น พระภิกษุให้ห่มผ้าเรียบร้อย ไปพร้อมดอกไม้ธูปเทียน กราบพระพุทธรูปก่อนแล้ว จึงกราบพระอาจารย์ผู้บอกพระกรรมฐาน ถวายดอกไม้ให้พระอาจารย์ด้วย แล้วจึง แจ้งอารมณ์พระกรรมฐาน กับพระอาจารย์(ถ้าเป็นฆราวาสก็เพียงแต่ติดต่อไปยังพระอาจารย์วีระ หรือ
    หลวงพ่อจิ๋ว โทร. 084-651-7023;หรือแจ้งทาง e-mail : weera2548@yahoo.co.th
    ;[พระครูสิทธิสังวร;วีระ ฐานวีโร ;ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง]

    รายละเอียดของสถานที่ฝึก
    ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023)

    รูปพระอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับที่ท่านควรรู้จักครับ



    [​IMG]




    [​IMG]

    [​IMG]
     
  15. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    [size=18pt]ความสำคัญโดยย่อ ของ
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับสำหรับพระพุทธศาสนาในไทยนั้นสำคัญขนาดที่ว่า พระมหากษัตริย์ในแทบจะทุกยุคของไทยแลแถบสุวรรณภูมิตั้งแต่สมัย ทวารวดี สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้ทรงให้ความใส่ใจและทรงศึกษาเพื่อรักษา พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับให้คงอยู่ตลอดมา รัชกาลที่1-2-3-4นั้นก็ยังทรงศึกษาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับนี้กับสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)[/size]

    [size=20pt]***ข้อควรรู้ล้นเกล้ารัชกาลที่สองทรงสังคายนาพระกัมมัฏฐานแบบลำดับ(กรรมฐานมัชฌิมา)[/size]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ใน ขณะนั้น พระกรรมฐานและเนื้อหาการเรียนรู้ในบวรพระุพุทธศาสนายังไม่้เรียบร้อยและไม่เป็นหมวดหมู่ดีนัก
    ล้นเกล้ารัชกาลที่สองทรงเล็งเห็นว่าจะเป็นภัยแก่พระศาสนาที่คนรุ่นต่อไปจะหา ของจริงที่ถูกต้องไว้เล่าเรียนไม่ได้จึงทรงมีพระบรมราชโองการ ให้ทำ สังคายนาพระกัมมัฏฐานแบบลำดับ ไว้เป็นหมวดหมู่ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)ทรงเป็นองค์ประธาน ในการชุมนุมพระสงฆ์สังคายนาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับเมื่อพุทธศักราช ๒๓๖๔

    อนึ่งมูลเหตุของการทำสังคายนาพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับนั้นเกิดจากการพูดคุยสนทนากัน ในหมู่พระสงฆ์จากหัวเมืองและชานกรุงว่า ...... การปฎิบัติกรรมฐานอย่างนี้ถูกการปฎิบัติกรรมฐานอย่างนี้ผิด เสียงวิจารณ์เล่าลือขยายไปทั่วกรุงรัตนโกสินทร์ .......


    ความนั้นทราบไปถึงเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการผู้ใหญ่ในราชสำนักผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการคณะสงฆ์ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการผู้ใหญ่สองท่านนั้น จึงนำความทั้งหลายเหล่านี้ขึ้นกราบบังคมทูลให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงทราบฝ่าพระบาท

    ต่อมาจึงมีการประสานงานระหว่างทางราชการและคณะสงฆ์ให้ชุมนุมสงฆ์ ทำการประชุมสังคายนาพระกรรมฐานขึ้น3วัน ....พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานถวาย ภัตตาหาร น้ำปานะ แด่พระสงฆ์ ๓ เพลาทุกวัน


    ซึ่งพระกัมมัฎฐานแบบลำดับนั้นต่อมาก็ได้เผยแพร่สืบต่อกันเรื่อยๆมาอย่างไม่ขาดสายสมกับ พระราชประสงค์ จนถึง พระสังวรานุวงศ์เถระ(ชุ่ม) วัดราชสิทธาราม ปรากฏว่า พระกัมมัฎฐานแบบลำดับนั้นรุ่งเรืองมาก มีภิกษุ สามเณร ร่ำเรียนมากมาย

    ===============================================================



    รายละเอียดของสถานที่ฝึก
    ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023

    รถเมล์สาย 19 40 56 57 149 ผ่านหน้าวัด


    [img width=500 height=600]http://images.palungjit.org/attachments/18581-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A3-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81-%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99-2611-jpg[/img]

    =================================

    ================================


    ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    [size=24pt]
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ[/size]
    หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน คณะ5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    www.themajjhima.com
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima

    [size=22pt]
    ติดต่อได้ที่ หลวงพ่อจิ๋ว โทร. 084-651-7023
    ;[พระครูสิทธิสังวร;วีระ ฐานวีโร ;ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง]
    [/size]
    [size=20pt]
    รายละเอียดของสถานที่ฝึก
    ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023
    [/size]
    [​IMG]
    [​IMG]

    รถเมล์สาย 19 40 56 57 149 ผ่านหน้าวัด



    ที่ขอเรียกกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ว่า "กรรมฐานตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดฯ" เพราะมีเหตุผลดังนี้ครับ

    1. มีหลักฐานชัดเจนว่า ประเทศไทยของเราตั้งแต่สมัย ทวาวดี สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการฝึก กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ เป็นอันมากและเป็นกรรมฐานหลักในการฝึกฝนในประเทศไทย เป็นแบบเดียวที่มีการฝึกฝนกัน พึ่งมาสูญหายในช่วงที่มีการแยกนิกาย นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่4 มา

    2. แน่นอนว่า หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนั้นท่านมีชีวิตช่วงพระ เอกาทศรถ ดังนั้นกรรมฐานที่ท่านเล่า้เรียนจึงเป็นกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ แน่นอนครับ



    ทีนี้ขออธิบายก่อนนะครับ ว่ากรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ คืออะไร

    ก่อนอื่นขอกล่าวคำนมัสการพระก่อนนะครับ

    [size=15pt]คำถวายนมัสการ

    ข้าบังคมพระบาทบรมนาถผู้ทรงญาณ พระธรรมอันพิศดารทั้งพระสงฆ์อันบวร
    ข้าเชิญพระญาณสังวรเจ้ามาปกเกล้าฯปกเกษี ชัยชนะแก่โลกีย์ทั้งภัยพาลอันตราย
    ขอให้พบพระพุทธศาสนาด้วยศรัทธาอันพากเพียร รู้แจ้งคัมภีร์เรียนสมถะ-วิปัสสนาทุกชาติไป
    ขอเชิญคุณครูบามารักษาให้มีชัย ดลจิตบันดาลใจสำเร็จทุกประการ
    สิทธิกิจจังสิทธิกัมมังสิทธิการิยะตะถาคะโต
    สิทธิเตโชชโยนิจจังสิทธิลาโภนิรันตะรัง สัพพกัมมังประสิทธิเมสัพพสิทธิภะวันตุเม

    ประพันธ์โดย
    พระครูสังฆรักษ์วีระฐานวีโร
    ๕ธันวาคม๒๕๔๖

    [size=18pt]1. ย้อนไปสมัยพุทธกาลนั้น พระราหุลมหาเถระเจ้า ได้บรรลุอรหันต์เป็นเอตทัคคะในทางผู้ใคร่ในการศึกษา

    พระองค์ ได้สอบถามกับพระพุทธองค์ว่าพุทธองค์มีการปฎิบัติกรรมฐานอย่างใด และท่านได้รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่อีกทั้งท่านยังได้ ไปเรียนรู้และสอบถามความรู้เพิ่มเติมกับพระอรหันต์สาวกองค์อื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก และรวบรวมการปฎิบัติกรรมฐานของพระพุทธศาสนาไว้เป็นด้วยกันเป็นการฝึกฝนแบบตามลำดับขั้นตอน

    จากนั้นจึงกำเนิดการเรียนรู้กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ในขอบเขตของบวรพระพุทธศาสนาขึ้น จากการเรียบเรียงของพระราหุลนั่นเอง


    บูรพาจารย์เล่าว่าในสมัยโบราณผู้ศึกษากรรมฐานในพุทธศาสนานั้นมีการฝึกฝนสมาธิและวิปัสสนาตามแบบกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ทั้งสิ้นไม่มีการแบ่งแยกเหมือนสมัยนี้แต่อย่างใด

    รูปพระราหุลมหาเถระเจ้า

    [​IMG]

    เหตุที่เรียก พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ เพราะเป็นพระกรรมฐานที่ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ในพระสมถะกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง และเรียนเป็นลำดับไปจนครบ ๔๐ กอง จนถึงลำดับสู่วิปัสสนากรรมฐาน จึงเป็นการรวบรวมเอาพระสมถะกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง และวิปัสสนากรรมฐานทั้งมวลไว้ในที่เดียวกัน เพื่อมิให้แตกกระจายไปในทางปฏิบัติ มิต้องให้ความสำคัญกับพระกรรมฐานกองใดกองหนึ่ง

    สรุปได้้่ว่่ากรรมฐานมัชฌิมา คือการเรียนปฎิบัติไปตามกำลังของจิต เกิดสมาธิเป็นขั้นๆไป นั่นเองครับ

    จากนั้น กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ได้รับการสืบทอดต่อๆกันมาเรื่อยๆได้เข้ามาแถบเอเชียอาคเนย์ และทางสุวรรณภูมิ โดยกลุ่มของพระโสณะและพระอุตตระ นั่นเองครับ

    รูปภาพที่มีผู้เชื่อว่าเป็นกลุ่มของพระโสณะและพระอุตตระ[​IMG]

    จากนั้น ประเทศไทยของเราตั้งแต่สมัย ทวาวดี สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการฝึก กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ เป็นอันมากและเป็นกรรมฐานหลักในการฝึกฝนในประเทศไทย เป็นแบบเดียวที่มีการฝึกฝนกัน

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น นั้นผู้ที่ สืบทอดต่อมาเป็นปรมาจารย์ต้นของยุคนี้ คือ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเถระเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)
    [​IMG]
    รูปสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเถระเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)ครับ


    และในช่วงนี้ 2554 ผู้ที่ดำรงการสืบทอดกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ คือ พระครูสิทธิสังวร (วีระ ฐานวีโร ) ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม(พลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โทร. 084-651-7023
    ผู้บอกวิชชาพระกรรมฐาน ยุคปัจจุบันครับ
    [​IMG]

    [size=20pt]
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ


    [/size]


    [/size]




    [/quote]
     
  16. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    [size=19pt]oxford "ทึ่ง" พบแหล่งเก็บคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับครบถ้วนที่สุดท้ายในโลกที่วัดพลับ;วัดราชสิทธาราม คณะ5[/size]


    oxfordทึ่งพบแหล่งเก็บคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับครบถ้วนที่สุดท้ายในโลกที่วัดพลับ;วัดราชสิทธาราม คณะ5(กรรมฐานแบบลำดับหรือ กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับคือพระกรรมฐานของศาสนาพุทธที่ฝึกเป็นลำดับขั้นตอนปฎิบัติไปตามกำลังของจิต เกิดสมาธิเป็นขั้นๆไป )


    ห้องสมุดBodleian มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด เชิญพระครูสิทธิสังวร เป็นที่ปรึกษาโครงการเปิดเผยความรู้ที่ซ่อนอยู่(ของคัมภีร์โบราณ);ในส่วนของพุทธศาสนาในเอเชีย;ในส่วนของกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ

    พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ)
    [​IMG]

    ประวัติพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ)
    ประวัติพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ) | Somdechsuk.org cl



    [​IMG]

    รูปของ Dr .Andrew Skilton ( Project Manager On behalf of the Revealing Hidden Collection project an team; Bodleian libraries;Oxford University)

    ถ้าท่านเข้าไปที่Linkด้านล่าง รายการก่อนท้ายสุดจะพบชื่อของโครงการที่ Dr .Andrew กำลังทำอยู่คือโครงการเปิดเผยความรู้ที่ซ่อนอยู่(ของคัมภีร์โบราณ)ครับ

    http://www.bodleian.ox.ac.uk/bdlss/itsd cl

    Dr .Andrewได้มาประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วประมาณเดือนกันยายน 2011 และได้ค้นพบว่าที่ วัดราชสิทธาราม คณะ5 ยังคงมีแหล่งเก็บคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับครบถ้วนที่สุดท้ายในโลกอยู่ !!!


    ที่ว่าเป็นที่สุดท้ายในโลกเพราะมีครบทั้งตำราและวิธีปฎิบัติกรรมฐาน(คือมีผู้ฝึกสอนที่รู้จริง)ถ้าจะเรียกว่าแหล่งเก็บคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับอย่างครบถ้วนแล้วต้องมีทั้งคนสอนและทฤษฎีคือตัวคัมภีร์จริงหรือไม่ครับ เพราะถ้ามีตำราแต่ไม่มีผู้สอนก็ยากที่จะเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและขาดความรู้ในพระคัมภีร์อย่างละเอียดไป

    Dr .Andrew Skilton ให้ความสนใจวัดราชสิทธาราม คณะ5อย่างมากเพราะเขาตระเวนไปแถบเอเชียมาหลายประเทศมากทั้ง ศรีลังกา พม่า ลาวและประเทศอื่นๆ พบว่า บางที่มีตำรากรรมฐานแบบลำดับเกือบครบ แต่ขาดคนสอน บางที่มีตำราไม่ครบอีกทั้งขาดผู้สอน


    ดังนั้นพอมีผู้แนะนำให้Dr .Andrewรู้ว่าที่วัดราชสิทธาราม คณะ5ยังคงมีแหล่งเก็บคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับครบถ้วนที่สุดท้ายในโลกอยู่คือมีทั้งตำราและผู้สอน เขาจึงรีบมาศึกษาและได้รับความร่วมมืออย่างดีมากจนเข้าใจความเป็นมาเป็นไปและความสำคัญของคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับ(พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ)จากพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ)


    หลังจากนั้นด้วยความเข้าใจอันดีที่มีต่อกันและความประทับใจในความรอบรู้อย่างลึกซึ้งในคัมภีร์กรรมฐานแบบลำดับของหลวงพ่อเขาจึงได้ตัดสินใจเชิญพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ),มาเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ

    โดยจะเพิ่มชื่อของท่าน ในฐานะพระอาจารย์ที่ปรึกษาของโครงการเปิดเผยความรู้ที่ซ่อนอยู่(ของคัมภีร์กรรมฐานโบราณ) ในเว็บไซ้ต์ ของโครงการนี้ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า และจะออนไลน์ ในเร็วๆนี้ บนเว็บไซ้ต์หลัก ของห้องสมุดบ๊อดเลียน (Bodleian libraries;Oxford University)


    ทุกท่านสามารถอ่านจดหมายจากDr .Andrew Skilton ได้ด้านล่าง รวมทั้งคำแปล(แบบคร่าวๆ)ได้ครับ ถ้าท่านมีข้อสงสัยในเรื่องนี้เพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่

    พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ) โทร. 084-651-7023
    ;[พระครูสิทธิสังวร;วีระ ฐานวีโร ;ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง]
    weera2548@yahoo.co.th

    และร่วมกันแสดงความยินดีในข่าวนี้ร่วมกันนะครับ(ที่พระพุทธศาสนาจะได้เผยแพร่ไปอีกทางหนึ่งในต่างประเทศ)

    [​IMG]


    Revealing Hidden collections (coby)

    Bodleian libraries oriental collections

    Clarendon Building

    Bodleian Library

    Oxford OX1 3BG

    Bodleian Libraries | Home

    To Phrakhrusitthisangvorn Veera Thanaveero

    Division, Wat Ratchasittharam,

    Soi Issaraphab ,Wat Arun Sup District,

    Bangkok Yai District, Bangkok ,

    Dear Venerable phrakhrusitthisangvorn,

    I am writing on behalf of the Revealing Hidden Collections ProJect at the Oxford University Bodleian Library to invite you to become an academic advisor to the project.

    This invitation is made in grateful acknowledgement of the heavy debt to you already felt byThe research team for your generous support and help given in September. We also wish to Continue our working relationship and to benefit from your knowledge both of the majjhima Kammatthan baab lumdup tradition, and of further temples to which we might extend our research.

    We would be most grateful if you would accept this invitation. If you are willing to do so, we Would like to be able to add your name as project advisor on the project web page, which is being Finalized at the moment and will go online shortly on the Bodleian Library website,

    I look forward to hearing your response.

    Yours sincerely



    Andrew Skilton DPhil(Oxford)

    Project Manager

    On behalf of the Revealing Hidden Collection project an team


    ==============================================
    Revealing Hidden collections
    Bodleian libraries oriental collections

    Clarendon Building

    Bodleian Library

    Oxford OX1 3BG

    Bodleian Libraries | Home

    ถึง พระครูสิทธิสังวร (วีระ ฐานวีโร)

    คณะ๕ วัดราชสิทธาราม

    ซอยอิสรภาพ ๒๓ แขวงวัดอรุณ

    เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐

    นมัสการ ท่านพระครูสิทธิสังวร

    ข้าพเจ้า เขียนจดหมายนี้ ในนามของ โครงการเปิดเผยความรู้ที่ซ่อนอยู่(ของคัมภีร์กรรมฐานโบราณ) ของห้องสมุด บ๊อดเลียน มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด เพื่อที่จะเชิญท่านมาเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ ของโครงการนี้

    จดหมายเชื้อเชิญนี้ ได้ถูกเขียนด้วยความซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ที่พระอาจารย์พระครูสิทธิสังวร ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ทีมวิจัย ของข้าพเจ้า ด้วยความมีน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเดือนกันยายน ปี๒๕๕๔

    อนึ่งข้าพเจ้ายังต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์ และรักษาการติดต่อ กับท่านอาจารย์พระครูสิทธิสังวร เพื่อที่จะได้รับองค์ความรู้ ของพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ และเพื่อที่จะยังประโยชน์ ในการเพิ่มเติมองค์ความรู้ ของการวิจัยที่วัดอื่นๆอีก แก่ห้องสมุดบ๊อดเลียน มหาวิทยาลัย อ๊อกฟอร์ด

    ข้าพเจ้า จะซาบซึ้ง เป็นอย่างมาก ถ้าท่านอาจารย์ ตอบรับ การเชื้อเชิญนี้ ถ้าท่านอาจารย์ตอบรับ, เรายินดีที่จะ เพิ่มชื่อของท่าน ในฐานะพระอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ของโครงการเปิดเผยความรู้ที่ซ่อนอยู่(ของคัมภีร์กรรมฐานโบราณ) ในเว็บไซ้ต์ ของโครงการนี้ ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงนี้ และจะออนไลน์ ในเร็วๆนี้ บนเว็บไซ้ต์หลัก ของห้องสมุดบ๊อดเลียน

    ข้าพเจ้ากำลังรอคอยคำตอบจากท่านอาจารย์

    ด้วยความเคารพอย่างสูง

    ดร. แอนดรู สกิวตั่น

    (แอนครู สกิวตั่น)

    ผู้จัดการโครงการเปิดเผยความรู้ที่ซ่อนอยู่(ของคัมภีร์โบราณ)

    link ที่เกี่ยวข้อง

    ห้องสมุดบ๊อดเลียนมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด เชิญพระครูสิทธิสังวร เป็นที่ปรึกษาโครงการกรรมฐานมัชฌิมา
    http://www.somdechsuk.org/node/253

    ประวัติพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ)
    ประวัติพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ) | Somdechsuk.org

    พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน บูรพาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับยุคกรุงรัตนโกสินทร์

    พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน | Somdechsuk.org

    somdechsuk.org; เวทาสากุฯ
     
  17. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    โยมมานั่งกรรมฐานวันพระ 15 ค่ำ 28 พ.ค.57 เวลา10.10 น.


    [​IMG]

    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023  
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ  ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima    โทร.084-651-7023
     
  18. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    เชิญร่วมปฎิบัติธรรม ช่วงสงกรานต์ที่วัดพลับคณะ๕


    [​IMG]


    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร ( (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม)
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
    โทร.084-651-7023 (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม
     
  19. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    พระวัดสละบาปมาขึ้นกรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับ 14 ต.ค. 57 เวลา 14.15 น.



    [​IMG]

    สนใจศึกษากรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)แบบลำดับได้ที่ พระครูสิทธิสังวร ( (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม)
    คณะ 5 วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ซ.อิสรภาพ 23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โทร.084-651-7023
    พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ;กรรมฐานแนวสมเด็จพระสังฆราชสุก(ไก่เถื่อน)
    -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม
    Somdechsuk.org | เวทาสากุ
    somdechsuk.com - หน้าแรก
    url=http://www.themajjhima.com]
    http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
    http://www.facebook.com/themajjhima
    โทร.084-651-7023 (หลวงพ่อจิ๋ว) รองเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม
     
  20. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    [​IMG]

    [​IMG]

    [size=18pt]
    สำหรับผู้สงสัยวิธีปฏิบัติมัชฌิมากรรมฐานแบบลำดับ;

    *กรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ สืบต้นสายมาจากพระราหุลเถระเจ้าซึ่งเรียนมาจากพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกผู้ชำนาญทางกรรมฐานแบบต่างๆ แลท่านได้รวมเป็นการศึกษาแบบกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ

    *สมเด็จพระสังราช สุก ไก่เถื่อน (สมเด็จพระญาณสังวรมหาเถรเจ้า) องค์บรมครูวิปัสสนาจารย์ เป็นผู้สืบทอดสายวิชชาประจำกรุงรัตนโกสินทร์

    *พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ฝ่ายเถรวาท ถือคติตามพระธรรมวืนัย และพระธรรมปฏิบัติ พระอรหันตสาวก

    *แนวการปฏิบัติสายวิชชาพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ แบบแผนเดิม มีขั้นตอนลำดับหมวดหมู่จากสมถะ (หยาบ) ไปสู่ขั้นวิปัสสนา (ละเอียด)

    * องค์คุณของการนอบน้อม เริ่มจากพระศรีรัตนตรัยสูงสุด (พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา) และคูณครูบาอาจารยืสืบ ๆต่อ ๆ กันมา

    * วิถีการบอกกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ แบบดั้งเดิม จะต้องได้รับการดูแลตรวจสอบสภาวะจิต โดยครูบาอาจารย์ผู้รู้ ที่สุดแห่งสายวิชชา คือ อัปปมัญญาเมตตาเจโตวิมุตติ หรือเรียก การออกบัวบาน(สายวิชชาพระกรรมฐานมิชฌิมา แบบลำดับ - แท้- จะไม่ได้มีการมุ่งเน้นญาณอภิญญาใดใด)

    *จริยประเพณี ไม่ว่าจะมีสาขาแตกสายไปที่ใดใด ครูบาอาจารย์โบราณ จะให้ความเคารพความสำคัญที่สุดแห่งศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ (วัดพลับ - ราชสิทธาราม)

    *ณ ศูนย์กลางพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ วัดพลับ อยู่ระหว่างการฟื้นฟู จัดเป็นตำหนักพิพิธภัณฑ์พระกรรมฐาน เก็บรักษาสิ่งของสำคัญ เช่น ไม้เท้าพระราหุลเถระเจ้า เครื่องอัฐบริขารครูบาอาจารย์ ฯลฯ ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับทรงธรรมในล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัวฯ อาทิ ร.๑ ร.๒ และ ร.๓ ปัจจุบัน

    *ปัจจุบันมีพระครูสิทธิสังวร (วีระ ฐานวีโร) เป็นผู้สืบทอดสายวิชชาพระกรรมฐาน องค์ปัจจุบัน
    [/size]
     

แชร์หน้านี้

Loading...