-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

เบื่อไหมครับพี่ๆและอาจารย์ทุกท่าน ป่วยการที่จะไปพูดจาหรือเสวนาด้วยครับ

 

มีเรื่องจิงในวงเหล้า..มาเล่าสู่กันฟัง


มีชายนั่งกินเหล้าดัวยกัน..พอเมาได้ทีก็ทายปัญหากันชิครับ

นายก.ทายปัญหา โดย หยิบกล่องไม้ขีดสมัยก่อน ตราพญานาดขึ้นมา แล้วถามว่า.บนกล่องไม้ขีด ว่าตัวอะไร ใครก็รุ้ว่าพญานาค ก็ตอบไปว่า พญานาค นายก.ก็บอกว่า ผิด มังกรชัดๆ ทุกคนงง ก็เลยเถียงกะนายกกันนาดำหน้าแดง เลยถามว่า มัยเป็นมังกรตรงไหน นายก.ก็ตาบไปว่า เห็นมั่ย มันมีหนวดมีเกล็ด มันคือมังกรชัดๆ..

ทุกคนมองหน้ากันแล้วลุกไปหานายก.โดยไม่นัดหมาย

ทุกท่านคงเดาออกนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับ นาบก..55555 เป็นเรื่องเล่าคลายเครียดครับ

 

อาจารย์ พี พูดถูกครับ
ให้คนไร้ค่า เข้ามาเห่าหอนอยู่แบบนั้น พอไม่มีใครคุยด้วย เดี๋ยวก็ หอบผ้าผ่อน เสื่อผืน หมอนใบ ใส่ถุงกรอบแกรบ หนีไปหากลุ่มของพวกเขาเองครับ

.
.

 

จากการอ้างอิงของทั้งฝั่งพี่peetและพี่ศนิวาร
ทั้งเอกสารและงานพระราชนิพนธ์ต่างๆตอนนี้
ผมมีความรู้สึกว่า ออกได้ทั้งสองแบบนะครับ
การใช้เลขยามเขียนหนังสือไทยก็ใช้เลขไทย
ยามต้องใช้ในแบบฝรั่งก็ใช้ในแบบเขาให้ถูกต้อง

แต่ประเด็นอยู่ที่การใช้เลขอราบิก บนของที่เป็นไทยแท้ๆนี่สิครับ ที่เรายังจบเรื่องนี้กันไม่ได้ ดังนั้นหนทางพิสูจน์เรื่องนี้ที่จะใกลเคียงที่สุดคือ การหาวัตถุในสมัยนั้นทีมีเลขอราบิกพิมพ์ หรือจารึกลงไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้วย โถ โอ ชาม ที่ชาววังใช้ในสมัยนั้น หรือจะให้ลึกกว่านั้น อาจต้องสืบค้นไปยังเครื่องบรรณาการ ที่ระลึกในโอกาสต่างๆ ยามที่เราไปเจริญสัมพันธไมตรีกับชาวต่างชาติ ผมไม่ทราบว่าในพิพิธภัณฑ์บ้านเรา หรือในต่างประเทศ มีเก็บไว้บ้างหรือไม่ หากมีท่านใด
พอจะมีหลักฐานตรงนี้ ก็อาจทำให้การอภิปรายในประเด็นนี้ ช่วยกันหาข้อสรุปได้เร็วขึ้นนะครับ
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ

 

เรื่องที่ท่านบัวรอบานพูดมีเหตุผลรับฟังได้ครับ แบบนี้สิเรียกว่าคนมีปัญญาของจริง ผมไม่ได้ยอคุณบัวรอบาน แต่ผมว่าคุณเป็นบัวที่บานแล้วครับ

เรื่องหลักฐานเชิงวัตถุพยานผมจะลองสืบหามาให้ครับ อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งแวะไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมาแต่ก็ไม่ได้สังเกตุวัตถุโบราณเหล่านั้นว่ามีอะไรที่จารึกเลขอารบิกอยู่หรือไม่ ไว้โอกาสหน้าจะหามาให้ชม

ท่านอื่นๆ ผมอยากให้นำข้อมูลมาเสนอหักล้างหลักฐานของผม ถ้าจะเอาแต่ใช้ผรุสวาสวาจาอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์อะไร เปรียบได้เหมือนกับนางจิญจมารวิกาใช้ผรุสวาสวาจาต่อองค์พระพุทธเจ้าเท่านั้น กรรมทั้งหลายก็ตกแก่ผู้ผรุสวาสนั่นเอง

 

ครับ ถ้าลักลอบคงไม่มีภาพ อย่างที่คุณ peet ว่าเอาไว้จริง ๆ แต่การบูรณะวัดพระแก้ว นั้นเป็นงานของทางราชการไม่ใช่หรือครับ ถ้าเป็นของราชการจริงต้องมีภาพขั้นตอนการทำงาน หรือว่าถ้ามีพระหรือพบเห็นจริงก็ต้องมีภาพให้เห็นบ้างใช่หรือไม่ครับ เพราะขั้นตอนการขุดหรือบูรณะอะไรต่าง ๆ ต้องทำเป็นขั้นตอน ตามแผนที่วางไว้ ผมก็ยังงง ๆ ล่ะครับ หรือว่าถูกลักลอบขุดออกไปก่อนที่จะบูรณะุหรือทำการรื้อเพดานโบสถ์

 

มันแปลกดีนะครับ

ผู้ที่เเย้งว่า... ของเก๊อุปโลก เป็น ของหลอกลวง ที่มีมาตั้งแต่สมัยนานเเล้ว

กลับโดน เเบน ...

แต่ ผู้ ที่นำเสนอ ของ เก๊ กล่าวส่อเสียด.. กลับหน้าหนาชื่นตา ชื่นใจ

แถม ยังกล่าวว่า...รับซื้อของโจรจากในวัง..นี่ สินะ น่ายกย่อง

คงเป็นอำนาจของผู้มีปัญญาน้อย.. จริงฯ

ขอไว้อาลัย แด่ ท่าน สุเขฐ นะครับ...

 

ผมให้ข้อมูลท่านอย่างหนึ่งนะครับ

h ttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rattanakosin225&month=12-07-2007&group=2&gblog=65

เดี่ยวผมสรุปรายละเอียดมาลงครับ หรือจะอ่านเองก็ได้ครับ

สรุปคือ
สมัย ร.3 และ ร.4 มีผู้เรียนรู้ภาษาอังกฤษน้อยมาก
จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำเลขอารบิค มาใช้สื่อสารกันในทางราชการหรือเป็นทางการทั่วๆไป
นอกจากจะสื่อสารกับชาวต่างชาติ หรือใช้ประกอบการบอก วันที่ เดือน ปี ทางคริสต์ศักราช เท่านั้น

อย่าลืมว่า แต่ก่อนสยามปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช ระบบเจ้าขุนมูลนาย ระบบทาส ไม่มีโรงเรียน การเล่าเรียนต้องเรียนกันในวัด และก็ไม่ใช่ทุกวัดที่จะเปิดสอนได้ การเรียนการสอน ก็สอนด้วยภาษาไทย เลขไทย และภาษามคธ ผู้ที่จะมีสิทธิ์ได้เล่าเรียนก็แต่คนระดับสูงเท่านั้น ข้าทาสบริวาร ไม่มีสิทธิ์ได้เล่าเรียน

ดังนั้น
ในทางพุทธศาสนา ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเอาเลขอารบิคมาใช้ประทับลงบนองค์พระเครื่อง
แม้แต่พวกเครื่อง ถ้วย โถ โอ ชาม หรือ เครื่องบรรณาการ ก็ไม่ใช่สิ่งของที่ใช้เฉพาะในศาสนาพุทธ
แต่ พระเครื่อง เป็นตัวแทนของศาสนาพุทธเท่านั้น ศาสนาอื่นไม่มี

 

ก่อนที่เรา จะขยายวงออกไป..จากวัตถุ ที่เรากำลังกล่าวถึง

ว่า เป็นของเก๊อุปโลก หรือ เป็นของจากกรุที่ลักลอบขโมยมา

( ในที่นี้ ผมขอใช้คำว่า วัตถุ ไปก่อน เพราะ ท่านเจ้าของสิ่งนั้น ยังทำให้ปักใจเชื่อไม่ได้ ใน วัตถุ ตามที่กล่าวอ้างมาแต่ ข้างต้น..)

จากที่อ้างมา ผมยังไม่เห็นหลักฐาณชิ้นไหนเลย ที่บ่งบอกได้ว่า เป็นของมีที่มา

และ ที่ไปมาจาก ที่นั่น ที่นี่ หรือ ที่ไหน ..??

คำกล่าวอ้าง ก็มาจากเจ้าของวัตถุ ที่ กล่าวเอง พูดเองทั้งนั้น

"จึงยังฟังไม่ขึ้น และ ใช้ประกอบ ในการพิจารณา วัตถุ ชิ้นนี้ หรือ ชิ้นอื่นฯไม่ได้"

และ "จึงจำเป็นต้องเชื่อไว้ก่อน "ว่าไม่ใช่ของจริง"ตามที่เจ้าของวัตถุกล่าวอ้าง"

จนกว่า...เจ้าของวัตถุจะสามารถ หาหลักฐาณ ที่น่าเชื่อถือ ที่สากลยอมรับ มานำ

เสนอ ในการพิจารณาใหม่ ก็ให้นำมาเสนอใหม่ได้............

 

pmorn สิ่งทีท่านผูดมามีส่วนถูกต้อง แต่พระรูปลอยองค์สมเด็จโตเนื้อทองคำที่มีเลขอารบิก 2411 สร้างโดยพระองค์เจ้าชายยอดยิ่งยศ พระราชกุมารพระองค์โตของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งต่อมาได้เป็นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ครองวังหน้าในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งท่านได้เรียนรู้สรรพศาสตร์จากบิดาท่านและครูสอนภาษาต่างชาติมา เรื่องเลขอารบิกคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่าน

ถ้าพระของผมเป็นของปลอมที่ทำเทียมขึ้นมาผมถามว่าทำไมต้องเป็นเนื้อทองคำแล้วนำมาให้ผมเช่าซื้อที่ราคาต่ำกว่าราคาตามเนื้อทองคำมากมายเล่า อีกอย่างพระองค์นี้มีพลังพุทธคุณแรงมากของปลอมจะมีพลังพุทธคุณเหรอครับ พิจารณาดู

 

ของที่ขนออกมาเป็นของที่ลักลอบขนถูกต้องแล้วครับ ส่วนภาพการบูรณะวัดพระแก้วนั้นหาดูได้ทั่วไป ที่พิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือก็มาก ใน google ก็หาได้ไม่ยาก ของที่ลักลอบแน่นอนว่าเป็นของผิด คนที่ลักลอบก็เป็นคนผิด

ของที่ผมได้มานั้นเป็นของผ่านมาสองมือแล้วครับผมเป็นมือที่สาม คือ ๑.คนลักลอบขน ๒.คนที่ซื้อมาจากคนลักลอบ (ผมได้อธิบายไปแล้วว่าคนที่รับซื้อคนแรกรับซื้อแบบเหมาจ่ายไป 400,000 บาทเอาเงินจากการขายที่่ไปซื้อ) และ ๓.คือผมเป็นคนที่ได้รับแบ่งให้เช่าบูชาจากคนที่รับซื้อ

คนที่รับซื้อคนแรกเล่าให้ผมฟังว่าช่วงแรกพระกระจายออกมามาก ที่ตลาดท่าพระจันทร์และข้างวัดมหาธาตุวางขายกันเกลื่อนขายองค์ละ 1 บาท บ้าง 10 บาทบ้างแล้วแต่พิมพ์ และของออกได้สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจมาตามจับและริบของเก็บคืนไป คนที่เก็บของไม่ทันก็โดนยึดคืนไป ส่วนคนที่ผมรู้จักนั้นหลังจากรับซื้อมาแล้วก็ไม่ได้เอามาออกวางจำหน่ายเก็บเงียบ แกเล่าว่ามีคนที่รับซื้อเหมาในปริมาณมากอยู่สองคนคือ แก กับเพื่อนของแกซึ่งเปิดร้านขายเครื่องหนังอยู่แถวท่าพระจันทร์ ซึ่งแกเองก็เพิ่งเอาของออกมาจำหน่ายบ้างไม่นานมานี้เองคือช่วงประมาณปี 2553 ส่วนเพื่อนแกตายไปแล้วและขณะที่ลูกชายเพิ่งเอาของปล่อยออกมา

ตัวผมเองก็ได้ของชุดแรกๆทั้งจากแก และลูกชายของเพื่อนแก ซึ่งผมก็คัดเลือกเช่าหาแต่พระเนื้อทองคำก่อน ส่วนพระพิมพ์เนื้อปูน เนื้อกระเบื้อง เนื้อดิน เนื้อเนาวโลหะก็คัดมาอย่างละไม่กี่สิบองค์เพื่อเอามาศึกษาดูพิมพ์

ไม่ต้องห่วงว่าผมจะโดนหลอกอะไร ผมเล่นพระมาเยอะดูพระเป็น พระหลักๆที่พวกเซี้ยนเฝ้าตู้พระในห้างใหญ่เล่นกันผมมีครบ เงินทองผมก็มีเยอะแยะ หาได้ไม่หมด ไม่มีแรงกดดันจากการซื้อมาขายไปเหมือนพวกเซี้ยนเฝ้าตู้

เชื่อไม่เชื่อเป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่านครับ ผมแค่อยากพูดในสิ่งที่ผมมีประสบการณ์มา และผมพูดจริงไม่มีประโยชน์ที่ผมจะโกหกใครเพื่อผลประโยชน์อันใด การตอบในกระทู้นี้ก็ทำให้ผมเสียเวลาไปมาก แต่ผมก็ยินดีสำหรับใครก็ตามที่เข้ามาอ่าน ที่เลือกตอบกระทู้นี้เพราะว่ากระทู้นี้ดูมีเหตุผล มีหลักฐานที่สุดแล้ว ผมก็ได้อ่านข้อมูลที่ pmorn นำมาเสนอแล้วเห็นช่องโหว่มากมายและยังเป็นการสรุปแบบไม่สมเหตุสมผล ใช้ตรรกะผิดๆอีกด้วย เลยต้องออกมาแก้

และขอยืนยันว่าพระกรุชุดวัดพระแก้วมีจริง พวกเซี้ยนเฝ้าตู้พระในห้างใหญ่จะเล่นไม่เล่นก็เรื่องของท่านครับ

 

สำหรับท่านแล้วผมยินดีครับ

จุดประสงค์ของการตอบในกระทู้นี้ของผมไม่ได้ต้องการมายืนยันเรื่องความแท้ไม่แท้ของพระชุดกรุวัดพระแก้วของผม ถึงแม้จะปลอมผมก็ไม่เดือดร้อนเพราะว่าเป็นพระเนื้อทองคำ แค่เอาทองไปหลอมขายผมก็ได้เงินนับ 100 ล้านบาทแล้ว ในขณะที่ใช้เงินเช่าซื้อหามาไม่ถึงล้านบาท

จุดประสงค์จริงๆของผมคือต้องการนำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มาหักล้างชุดข้อมูลของนาย pmorn ที่นำเสนอออกมาอย่างมีเงื่อนงำทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดแล้วสรุปว่าพระชุดกรุวังหน้า และชุดกรุวัดพระแก้ว เป็นของปลอมอุปโลกขึ้นมา โดยการอ้างอิงผิดๆและไม่สมเหตุสมผล

โปรดเข้าใจ

 

สุดท้าย ไงมาจบที่พลังพุทธคุณแรง...........

เวรกรรม....เวรกรรม

^_^

 

ครับใช่ครับ สุดท้ายคือมีพระพุทธคุณแรง
ผมถามพวกท่านๆหน่อยครับว่าเล่นหาสะสมพระกันเพื่อเพราะอะไร

๑. เพื่อซื้อขายทำกำไรเลี้ยงชีพ
๒. เพื่อศึกษาสะสมเหมือนพวกสะสมของเก่า สะสมเหรียญตราต่างๆ
๓. เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
๔. เพื่ออารธนาพลังพุทธคุณเพื่อให้มีชีวิตหน้าที่การงานดี เงินทองดี
๕. เพื่ออื่นๆตามแต่ละคน

ถ้าท่านเลือกข้อ ๑ ท่านก็เล่นพระหลักไปเถิดครับ วิธีการของพวกท่านคือดู พิมพ์ ดูทรง แล้วก็ดูเนื้อ วิธีการศึกษาก็คือไปอ่านตำราที่มีคนรุ่นเก่าๆเขียนกันออกมา หรือมีคนรุ่นใหม่ๆเขียนกันออกมา ซึ่งคนบางคนก็เชื่อถือได้บ้างไม่ได้บ้าง รู้จริงบ้าง หรือเป็นขบวนการหลอกลวงบ้าง บางกลุ่มบางคณะก็พัฒนาถึงขั้นก่อตั้งสมาคมได้ ออกกิจกรรมประกวดพระโดยเอาคนของตนมานั่งตัดสินว่าพระองค์นี้แท้ องค์นี้เก๊ มีการปั่นราคากันไปหลักแสน หลักล้าน หลักสิบล้าน อีกหน่อยคงมีหลักร้อยล้านบาทกระมัง

พระสมัยก่อนไม่ต้องไกลแค่สมัยหลวงปู่ทิม พระส่วนใหญ่แจกฟรีกับญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด ไม่ได้ตั้งราคาค่างวดอะไรแบบปัจจุบัน ปัจจุบันทำกันเป็นพุทธพานิชย์ไปเรียบร้อยแล้ว

พระของสมเด็จโตท่านทำแจกอย่างเดียวไม่มีการขาย ท่านออกบิณฑบาตรไปท่านก็แจกของท่านไป บางครั้งท่านก็ทำบรรจุไว้ในองค์พระ บรรจุไว้ในเจดีย์เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ครบ 5,000 ปี

ถามว่าที่พวกท่านซื้อขายพระกันนี้ซื้อขายกันด้วยอะไร สำหรับผมพลังพุทธคุณสำคัญที่สุดเพราะว่าพระที่แรงๆแต่ละองค์ผ่านการอธิฐานจิตด้วยพลังจิตอันแก่กล้าของพระเถรานุเถระมาทั้งนั้น บางองค์ก็ได้รับเมตตาจากพระใหญ่เบื้องบนอีก ของดีๆไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงเพราะว่าสมัยก่อนเค้าทำแจกกัน

ผมสัมผัสพลังพุทธคุณได้ก็ด้วยฝึกสมาธิมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อมีจิตที่ฝึกดีแล้วมีความอ่อน ควรแก่การงาน จึงสามารถใช้พลังจิตอารธนาสัมผัสพลังพุทธคุณได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเซี้ยน (อ่านว่าเสี้ยน)เฝ้าตู้พระในห้างใหญ่มาชี้บอกผมว่าพระองค์นี้เก๊ องค์นี้จริงโดยการเอากล้อง 10 แรง 15 แรงส่องเพื่อดูพิมพ์ ดูเนื้อว่าถูกต้องตามตำราหรือไม่ :VO

หวังว่าคงเข้าใจ

 

ที่ผมบอกเนี่ยไม่ได้เกี่ยวว่าจะพาณิชย์หรือไม่

เพียงแค่จะบอกว่า ผมเจอมาเยอะ ไอ้พวกอุปโลกพระเก๊นะ มักจะอ้างเรื่องพุทธคุณ จับพลัง แต่งนิยาย และอีกสาระพัดวิธีการ ให้คนหลงเชื่อ ก้อเท่านั้นเองครับ

ผมแค่สงสัยเท่านั้นว่า เถียงในกระทู้นี้มาตั้งนาน ทำไมต้องเอาพลังพุทธคุณมาอ้าง.

ก้อแค่นั้นเองครับ (ว่าจะไม่เอาตัวลงมาเกือกกัวกะพวกแบบนี้แล้วนะ เฮ้อ.... ลาขาดเลย)

^_^

 

เอามาจากเพื่อน..


แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืนก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ
คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนก็ยังคงโง่เท่าเดิม

ผมว่าจะบล๊อกกระทู้ไว้
เพื่อประท้วงที่ อาจารย์สุเขฐ ถูกแบน
เขาทำกันยังไง ครับ

 

เอิ๊กส์ๆๆๆ

 

เป็นกำลังใจให้พี่ สุเขฐ ครับ เปลี่ยนเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆนะครับพี่ peet "พระหล่อโบราณ ประวัติพระธาตุ ตราครุฑ จับพลัง"

 

แล้วของที่พี่ เอามาลง นี่ มาตรฐานอะไรครับ

กลุ่มที่พี่เล่น ก็มีซื้อขาย เหมือนกันแหละครับ อย่าไปว่าคนอื่นเลย ประวัติก็ไม่แน่นอน เขียนตำรา เออเองพระสมเด็จทองคำงี้ ตั้งราคา 10 ล้าน แล้วที่มีไม่แจกเขาไปให้หมดละครับ จะเก็บไว้ทำไม

ฝึกจิตแล้วมโนเองไม่ได้หรือ รู้ได้อย่างไรที่ เห็นงะ จริงหรือปรุงแต่ง เคยเอาจิตไปให้คนฝึกจิต กลุ่มอื่นๆได้ จับไหม หรือว่าคิดว่าจิตฉันแน่แล้วไม่ต้องถามใคร เขาเรียกว่า "จิตในกะลา" ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครเคยได้ยินคำนี้ ผมก็พึ่งคิดได้นี่แหละ เอาพลังไปนั่งจับพระแท้เกิดมโนว่าไม่มีพลังทั้งๆที่พระเขาแท้ รับผิดชอบไหมครับ

จะซื้อจะขาย มันก็อีกเรื่อง แต่เรื่องคือ ของที่ได้มานั่นแหละ จริงหรือเปล่า เอาของเก๊ ประวัติแต่งมาหลอกขายเขาก็บาปนะครับ

เอาตัวเองเป็น 0 กลางจักรวาล

ฟังดูดี มีหลักการ แต่ไร้สาระล้วนๆ

 

พุทธคุณ..มีเครื่องวัดด้วยเหรอ..

ไม่ใช่เครื่องวัด..คนเมาแล้วขับเด้ออออ.พี่น้อง..ฮ่าๆๆๆๆๆ...งมงายอีหลีน้อออออ

พระพุทธองค์สอนใว้ว่า.ห้ามอวดอุตริ...