แผ่เมตตาตามแนวทางของหลวงพ่อเกษมวัดสามแยกได้ผลหลายด้าน...เยี่ยม

ทำไมยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกมันออกทะเลอยู่นะ-*-

 

พระอาจาย์เกษม อาจิณฺณสีโล เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า พระอริยเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2529 ในฝ่ายธรรมยุติ หลังจากอุปสมบทไม่นานก็เกิดความประทับใจกับประสบการณ์ทางจิตที่ได้รับจากการฝึกเล่นๆ จึงตั้งใจอยู่ปฏิบัติต่อ ไปขออยู่กับหลวงตามหาบัว แต่ท่านแนะนำให้ไปอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่หล้าที่ ภูจ้อก้อ เมื่อไปก็ไม่ได้อยู่กับหลวงปู่หล้า แต่อยู่วัดใกล้ ๆ กับหลวงปู่หล้า ได้ฝึกฝนตัวเองอย่างอุกฤต เป็นเวลา 5 ปี จึงรู้จักธรรมชาติ พอเป็นที่สบายใจ ท่านมีประสบการณ์ทางจิตที่โลดโผนพิสดาร แม้เดิน
จงกลมก็สามารถเดินเหยียบอากาศเอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูงสิบเมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็นภูตผีปีศาจเทวดา
นาค ครุฑ ยักษ์อย่างแจ่มชัด แม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้มากมายหลาย ชาติ เป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์บ่อยที่สุด คล้ายนิทานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก เป็นพระสงฆ์รูปเดียวและรูปแรกที่กล้าพูดกล้าเปิดเผยเรื่องราวลี้ลับโดยไม่สนใจเสียงส่อเสียดของชาวโลก และเป็นพระที่ไม่สนใจในลาภ ยศ ชื่อเสียง เป็นพระสงฆ์ที่เทพยดาทั้งสูง - ต่ำ ตลอดจนภูตผีปีศาจให้ความเคารพรักมาก
<TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD height=118>

<TABLE width=401 border=0><TBODY><TR><TD>

การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน
พระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดของบุญไว้ 3 ประการย่อ ๆ คือ​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=264 align=center border=0><TBODY><TR><TD>1. บุญเกิดจากการให้ทาน
2. บุญเกิดจากการรักษาศีล
3. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
สรุปแล้วการสร้างความดีทุกประการล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งสิ้น
การอุทิศบุญ ไม่ต้องพูด ไม่ต้องกรวดน้ำ ให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดให้ทันที อย่าชักช้าเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายไปอยู่ในสวรรค์ ถ้าเราฝึกบ่อย ๆเราจะชำนาญในการคิด เพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปากเวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันที และคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราก็ให้คิดทันที อย่าช้า
การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับตัวเราสืบเนื่องจากเจ้ากรรมนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชัง กระทำทั้งสิ้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมมีสุขภาพไม่ดี ดังนั้นการรักษาต้องส่งบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้น ๆ และให้แก่เทวดาผู้รักษาตัวเราในขณะเดียวกัน โปรดอธิษฐานว่า “ หมอใดยาใดที่สามารถรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย ถ้าเราหายจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่ง ๆ ขึ้นไป ” การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละหลาย ๆ ครั้งจนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น
วิธีการให้บุญแก่เจ้ากรรมนายเวรควรทำดังนี้เป็นตัวอย่างเช่น คนป่วยมะเร็งจุดไหน เมื่อส่งบุญให้คิดว่า “ บุญนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรง .......... พวกเชื้อโรคมะเร็งเมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม เลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น
http://www.geocities.com/watsamyaek/

 

เรียน เพื่อน ๆ ทุกท่าน

ถ้าท่านเมตตาต่อวิญญาณ กรุณาสวดบท เมตตาใหญ่ แบบพิสดาร ของครูบาศรีวิชัย http://palungjit.org/showthread.php?t=121067 หรือจะฟังเสียงสวดมนต์ เชิญเข้ามาได้ที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mettajetovimuti&group=11

 

ทุกวันนี้ข้าพเจ้าสุขสบายเพราะหลวงพ่อท่าน ข้าทำตามหลาย ๆ ท่าน มาแล้วมิได้ผลอย่างที่ทำตามหลวงพ่อเกษม ยอดเยี่ยมมาก เพราะท่านเอามาจากพระไตรปิฏก ที่ข้ามิได้ศึกษา จะเอาคาถาเปิดโลกมาอ่าน มาท่อง เปิดพระไตรปิฏกอ่านแล้ว อ๋อมันอย่างงี้นี่เอง

 

รู้นะ คุณ KODOMO คิดอะไร แหะ ๆ อะไรเกินไปก็ขออภัยด้วยนะครับ

 

ปริยัติ + ปฏิบัติ = ปฏิเวท

เมื่อรู้ ก็ปฏิบัติตามรู้ แล้วก็จะเกิด แจ้ง แจ้งในสิ่งที่รู้

 

นอกจากสวดมนต์แล้ว แนะนำให้จ๊อกกิ้งครับ วิ่งอย่างน้อย 15 นาที ต่อเนื่องนะครับ ถ้าหยุดก็ต้องเริ่มนับใหม่ แรกๆอาจจะเดินเอา แล้วค่อยวิ่งเหยาะๆ พอชินก็อยากใ้ห้วิ่งสัก 25-30 นาที อย่าวิ่งเร็วนะครับ จะเหนื่อยเกิน เอาแบบว่าวิ่งแล้วพอคุยกับคนข้างๆได้ ไม่ใช่วิ่งจนลมออกหู ถ้าตามสูตร ก็คิดอย่างนี้ครับ อัตราชีพจรเต้นสูงสุดของคนเรา คือ 220-อายุ เช่นถ้าอายุ 30 ปี ชีพจรสูงสุดคือ 220-30 เท่ากับ 190 ครั้งต่อนาที เราก็วิ่งให้ชีพจรเต้น 70-80 เปอร์เซนต์ของชีพจรสูงสุด

ไม่น่าเกิน 1-2 เดือน อาการก็จะดีขึ้นครับ ใครที่แพ้อากาศหรือหอบหืด อาการดีขึ้นทุกราย แต่ต้องหารองเท้าดีๆใส่หน่อยนะครับ พวกรองเท้าวิ่งโดยตรงอย่างไนกี้ หรืออะดิดาส

ขอให้อาการดีขึ้นครับ

 

แม่ผมบอกผมว่า.....
คำสอนของพระพุทธเจ้า สอนให้เข้าใจเรื่อง เหตุ และผล
เมื่อมีเหตุ ก็ย่อมมี ผล ตามติดมา

ไม่ควรมีที่พึ่ง ที่ระลึกอื่นใด
นอกจาก สรณะ สาม คือ พุทธ – ธรรม – สงฆ์ เป็นที่จิตเกาะติด

เป็นคนนึงครับที่เชื่อเรื่อง กรรม ผมศึกษาเรื่องโอนบุญเพื่อรักษา
ตนเองมีแผลจากยุงกัด หรืออะไรไม่ทราบที่สะบักซ้าย
ตอนแรกแผลเล็กนิดเดียว ยิ่งเกายิ่งมันขอรับไม่ได้คิดอะไรเกาไปเรื่อย ๆ
ยิ่งเกายิ่งมัน ทั้งคันทั้งเจ็บเป็นปี
จนวันนึงเกา และแกะแผล ปรากฏว่ามีเลือดสด ๆติดเล็บมาด้วย

ก็เริ่มรักษาสิครับ รักษามาหลายเดือนก็ไม่หาย
ผิวหนังตรงแผลก็หนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ไม่กล้าแกะ และเกาแล้ว
แม่บอกว่าผิวของแผลที่หนา ๆนั้น สีมันออกเขียว ๆ น่ากลัวเหมือนกัน
ใช้เล็บจิก ๆรอบแผลเพื่อบรรเทาการคัน ทายาสารพัดก็ไม่หาย
แผลกลับโตเกือบเท่าปลายนิ้วก้อย หมดตังค่ายาไปมาก
พอดีมีพระลูกศิษย์ของแม่
บอกแม่ผมให้ลองโอนบุญให้เจ้ากรรมนายเวรบริเวณแผล
แม่ผมเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ลอง แบบนึกได้ก็โอนบุญ
ระหว่างนี้ไม่ได้ทายาเลย แผลไม่คันหรือเจ็บอีก
แผลค่อย ๆเล็กลง น่าจะสัก 6 เดือนครับแผลหายไปแล้ว

เป็นเรื่องแปลกสำหรับผมกับแม่ แม่บอกว่าพระพุทธเจ้าสอนไม่ให้งมงาย
ให้เชื่อในเรื่อง เหตุ และผล แผลนี่น่าจะเป็นกรรมของเรา
ที่หายเพราะเราเอาบุญให้เจ้ากรรมนายเวร(ที่เป็นเชื้อโรค)

ตรงกับที่พระหลวงพ่อที่แม่นับถือมาก ท่านก็สอนไม่ให้งมงาย ไม่รับเงิน
ท่านว่า "หากผมตายไป แล้วพระมาเห็นว่าผมมีเงิน มีสมบัติมากมายก็เสียชื่อพระวัดป่าหมด"

นี่ละครับเรื่องของผม กับแม่ผมที่เชื่อเรื่องการโอนบุญ

 

บังเอิญผมเพิ่งเป็นสมาชิกไม่นาน
หากเป็นหวัดอีก ลองทานวิตตามินซีชนิด 1000มิลลิกรัม 3เวลาหลังอาหารทันที
หายครับ แล้วไม่ต้องเสียตังทำบุญให้นายเวร นะครับ
เอาบุญของเราให้เชื้อโรค ไม่เสียตัง
ผมเป็นภูมิแพ้ทานวิตตามินซีชนิด 1000มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด
ไม่เป็นหวัดอีกเลย สุดแสนแฮบปี้คับ

 

ไม่เคยได้ยิน พระอริยะเจ้าท่านไหนไม่ให้สวดมนต์ พระคาถาชินบัญชร
ใครๆ ก็สวดได้ ยิ่งสวดมากยิ่งมีบุญบารมีเพิ่มขึ้นมาก
ไม่มีใครสวดคาถาชินบัญชรแล้ว มีทุกข์ มีแต่สุข
รู้ได้อย่างไร ว่าเหล่าโลกทิพย์ฟังคาถาแล้วจะร้อน อยู่ไม่ได้ มีแต่ในหนังผีไทยโบราณ
ทำไมไม่คิดว่าเหล่าวิญญาณเหล่านั้น อยากได้บทอานิสงค์ของพระคาถา
จากการสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เพื่อการหลุดพ้นจากทุกขเวทนา
เพราะในสมัยยังมีชีวิตอยู่ ไม่เคยสวดบทพระคาถาใดๆเลย

เรื่องการโอนบุญแผ่เมตตา สำนักที่ไหนก็สอนกันหมด ไม่ใช่เรื่องแปลก
ทุกสำนักเขาก็นำเอาคำสอนจากพระไตรปิฎกมาทั้งนั้น

แต่ไม่เห็นสำนักไหน ที่เจ้าสำนักไหน เอ้าเท้าถีบพระพุทธรูป

 

ต้องรักษาศีล 5 ก่อนครับถึงจะสวดแล้วไม่มีโทษ