หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่หมุน หลวงปู่ลมัย

พระเครื่องทุกรายการรับประกันความแท้ 100% หากเก๊ยินดีคืนเงินเต็มจำนวน โดยพระต้องอยู่ในสภาพเดิมตามรูปที่ถ่ายไว้ก่อนซื้อไป ไม่บิ่น แตก หัก เสียหาย หรือผ่านการล้างผิว

ท่านที่ต้องการจอง รบกวนช่วยโอนเงินภายในเวลาไม่เกิน 3 วันนับจากวันที่จองนะครับ เพื่อไม่ไห้เสียโอกาสท่านอื่นที่สนใจ หากเลยวันเวลาถือว่าท่านสละสิทธิ์โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

โอนแล้วช่วยแจ้งและลงที่อยู่ หรือ PM มาครับ ค่าจัดส่งฟรี

รายละเอียดการโอนเงิน

ชื่อบัญชี : นายธีรพจน์ พรหมดี

ธนาคาร : กรุงไทย ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์

เลขที่บัญชี : 303-0-477266

ติดต่อ : 081-8595371


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ

 

พระบูชาหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น ๑ พิมพ์นั่งตอไม้ ​

ปิดทองคำแทั วัดป่าสักภักดีภูริทัต​

พระโชว์​

​

 

พระหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น ๑ พิมพ์ยืนสมาธิ วัดป่าสักภักดีภูริทัต​

​

พระรุ่นนี้สร้างขึ้นเพื่อหาทุนก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ ของวัดป่าสักภักดีภูริ เปิดให้จองปลายปี 2542 และพระเสร็จประมาณต้นปี 2543 ปู่โทน หลำแพร ศิษย์ฆราวาส สายหลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส (ปู่โทนเป็นคนนิมนต์หลวงปู่สี ฉันทสิริจากสุรินทร์มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุนนาค หลวงปู่หมุนเองก็ยังเป็นศิษย์หลวงปู่สี และปู่โทนก็เป็นผู้คัดเลือกพระเกจิที่เป็นศิษย์สายตรงของหลวงปู่เทพโลกอุดร) คุณภักดีภูริ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เป็นผู้ดำเนินการ

สำหรับพระที่จัดสร้างขึ้นขนาดแขวนคอจะมี 2 พิมพ์เท่านั้นคือพิมพ์นั่งตอไม้ จำนวนสร้าง
1,970 องค์ และพิมพ์ยืนสมาธิ 1,920 องค์ (จริงๆแล้วมีพิมพ์ปิดตาวังหน้าอีก 108 องค์)

มวลสารหลักของพระรุ่นนี้จะประกอบด้วย เหล็กน้ำพี้ แร่โครตเหล็กไหล ว่าน 108 ชนิด กาฝากมะยม และดินจากสังเวชนียสถาน รูปแบบองค์พระอาจจะดูไม่สวยงามนัก เนื่องจากเป็นการกดพิมพ์ แบบโบราณ โดยให้พระภิกษุสงฆ์เป็นผู้กดเอง โดยต้องสมาทานศีลก่อนร่วมพิธีกดพิมพ์ ระหว่างกดพิมพ์จะต้องมีการสวดพระปริตร ตลอดการกดพิมพ์ ระหว่างกดพิมพ์มีแสงฉัพพรรณรังสี และกลิ่นหอมเย็น ที่ศิษย์สายหลวงปู่เทพโลกอุดรกล่าวว่า เป็นกลิ่นที่ปรากฏเมื่อหลวงปู่เทพโลกอุดรมา

พิธีกรรมนั้นอัศจรรย์มากแต่จำพอได้ว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านแสดงปาฏิหาริย์ร่วมในพิธีนั้นด้วย(มีอาจารย์นิรนามคนหนึ่งมาในพิธีโดยบังเอิญ ไม่สวมเสื้อ ผมยุ่งเหยิงขึ้นมาในปะรำพิธี กล่าวโองการตั้งธาตุ ถ่ายรูปไม่ติด )และพระที่มาทำพิธีก็ยอมรับว่าท่านมาจริง

พระที่ร่วมพิธีเป็นพระอริยสงฆ์ 27 รูป แยกเป็น
1. พระอริยะในสายวิปัสสนากรรมฐาน 9 องค์ได้แก่
- หลวงปู่ศรี มหาวีโร
- หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
- หลวงปู่บุญมี โชติปาโล วัดสระประสานสุข
- หลวงปู่กิ ธัมมุตโน
- หลวงปู่หลวง กตปุญโญ
- หลวงปู่โส กัสสโป
- หลวงปู่จันทา ภาวโร
- หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
- หลวงปู่ทุย ฉัทกาโม
2. พระอริยเหนือโลกผู้ทรงอภิญญา
- หลวงปู่สรวง กระท่อมกลางนา ศรีสะเกษ
- หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม
- หลวงปู่พรหมา เขมจาโร
- หลวงปู่หมุน
- หลวงปู่ทองทิพย์ รัตนโครต วัดป่าสีดาพระรามพระลักษณ์
- หลวงปู่คำพันธ์ โฆษะปัญโญ วัดธาตุมหาชัย
- หลวงปู่เรือง อาภัสโร อาศรมเขาสามยอด
- หลวงปู่ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง
- หลวงปู่อ่อน วัดเนินมะเกลือ
3. พระอริยะสายหลวงปู่ใหญ่และหลวงปู่สำเร็จลุน
- หลวงปู่กอง จันทวังโส
- หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน สวนสมุนไพร สาขาวัดโพธิ์เย็น
- หลวงปู่อิง วัดโคกทม
- หลวงปู่สวน ฉันทโร(ญาท่านสวน)
- หลวงปู่จันหอม สุภาจาโร วัดบุ่งขี้เหล็ก
- หลวงปู่เคน จารณธัมโม
- หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต เป็นผู้ชี้แนะการจัดวางตามหลักธาตุในพิธี
- พระอาจารย์เกียน ฑีฆายกุโก
- พระอาจารย์บุญชวน ธรรมโฆษะโก วัดป่าวังทิพย์

และได้ทำพิธีอาราธนาบารมี หลวงปู่ใหญ่ (พระมหากัสสปเถรเจ้า) หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี และ อาราธนาขอบารมีหลวงปู่เทพโลกอุดร แผ่พลังบารมีลงในวัตถุมงคลที่จัดสร้างนี้ด้วย พระรุ่นนี้นับได้ว่าสุดยอดจริงๆครับ
ในด้านพิธีนั้นมีหลายครั้ง เนื่องจากเป็นการยาก ที่จะอาราธนาพระทั้งหมด มาเข้าพิธีพร้อมกัน พิธีใหญ่จริงๆจะเป็นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีหลวงปู่หมุน เป็นองค์ประธานพิธี มีพระอริยะเจ้าจำนวนมากที่เข้าพิธีในวันนั้น หลังจากพิธีเสร็จ หลวงปู่หมุนได้ให้ลูกศิษย์เก็บสายสิญจ์ในพิธีกลับไปด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพิธีนี้สุดยอดเพียงใด

คุณภักดีภูริ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ มีความประสงค์ อยากให้พระทุกรูป มาทำพิธีครบตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็มาไม่ครบด้วยเหตุว่าพระบางรูปที่ไม่ได้มาก็คือ หลวงปู่กิ ธัมมุตโต เนื่องจากท่านละสังขารแล้ว หลวงปู่อ่อน พุทธสโก เนื่องจากท่านอาพาธ หลวงปู่จันทา เนื่องจากท่านไม่สะดวกในการเดินทาง และหลวงปู่คำพันธ์ เนื่องจากท่านอาพาธ พึ่งออกจากโรงพยาบาล แต่คุณภักดีภูริ ก็ได้นำไปให้ พระครูบาวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป หลวงปู่ท่อน ญานธโร และ พระอาจารย์ชาญ สุมังคโล อธิษฐานจิตให้ เฉพาะหลวงปู่ครูบาอิน และครูบาชัยวงศ์ คุณภักดีภูริเล่าความประทับใจว่า พระแค่บาตรเดียว ท่านเมตตาอธิษฐานให้ถึงครึ่งชั่วโมงและที่เพิ่มมาอีกท่านคือ ท่านอาจารย์นิรนาม ซึ่งเป็นผู้ผ่านญาณของหลวงปู่เทพโลกอุดร ในพิธีนั้น อาจารย์นิรนาม ได้แสดงให้เห็นถึงความอัศจรรย์ โดยท่านเพียงแค่แตะกล่องวัตถุมงคลแต่ละอย่างก็สามารถบอกได้ถึงชนิดของวัตถุมงคลในกล่องนั้น โดยไม่ต้องเปิดออกดูเลย และตลอดพิธีกรรมจะมีกลิ่นหอมตลอด ซึ่งคุณภักดีภูริ บอกว่าเป็นกลิ่นหอมประจำองค์ ของหลวงปู่เทพโลกอุดร อีกทั้งพระเกจิคณาจารย์ ที่มาทำพิธีก็ยอมรับว่าท่านมาจริง

พิธีศักดิ์สิทธิ์ขนาดที่ว่า หลวงปู่หมุนสั่งให้เก็บของในพิธี รวมทั้งสายสิญจน์ไปจนหมดสิ้น นับเป็นอีกรุ่นที่มีการพุทธาภิเษกถูกต้องตามธรรมเนียมโบราณ
เนื่องจากพระหลวงปู่เทพโลกอุดร รุ่นนี้จัดสร้างจำนวนน้อยมาก โดยเฉพาะเนื้อเหล็กน้ำพี้ นับว่าหายากแบบสุดๆ (อาจจะหายากกว่าพระทุกรุ่นของหลวงปู่) ใครมีเก็บรักษาไว้ให้ดีๆนะครับ เพราะโอกาสที่จะเจอคงยากมากๆครับ

พระที่นำมาให้บูชานี้ เป็นเนื้อผง พิมพ์นั่งตอไม้ (ผู้สร้างคนเดียวกับที่สร้างเนื้อเหล็กน้ำพี้ ให้กับวัดป่าหนองหล่ม) มาพร้อมกล่องเดิมจากวัดครับ (แม่เหล็กดูดติด) เหมือนกับพระปิดตารวยทันใจของหลวงปู่หมุน

ข้อมูลจาก หนังสือโลกทิพย์โดยคุณภักดีภูริ

ปิดรายการนี้แล้วครับ ให้บูชา 3,500 บาท

 

พระร่มโพธิ์ไทร เลื่อนสมศักดิ์
พระมงคลวิสุทธิ์ ( หลวงปู่สุภา กันตสีโล )​

​

ต้องการดูภาพขนาดใหญ่คลิ๊กที่รูปครับ​

พระร่มโพธิ์ไทรนี้หลวงปู่ท่านได้มีดำริว่าอยากจะสร้างเหรียญ​

ที่เป็นตัวแทนท่านเมื่อยามที่ท่านจากไปเวลาใครคิดถึงท่าน​

ให้มาอธิษฐานที่เหรียญนี้ท่านจะรับรู้ โดยเหรียญนี้แบ่ง​

เป็น 2 เนื้อคือ เนื้อเงิน และทองแดง ​

โดยรายละเอียดประเภทของเหรียญมีดังนี้คือ​

1. เนื้อเงิน 109 เหรียญ จองหมดตั้งแต่พระยังไม่ได้ทำ​

ตอกโค๊ด ม.วิสุทธิ์ มีหมายเลขกำกับทุกเหรียญ ​

โดยหมายเลข 1-20 จะจัดเป็นชุดกรรมการ มีโค๊ดตอกที่ใต้ใยแมงมุมและใต้พัดยศ ​

ส่วนหมายเลข 21-109 เป็นชุดธรรมดา มีโค๊ดตอกที่ใต้ใยแมงมุมเพียงอย่างเดียว​

2. เนื้อทองแดง 10000 เหรียญ​

ตอกโค๊ด ม.วิสุทธิ์ มีหมายเลขกำกับ 1-50 ​

โดย 1-20 นำไปจัดเป็นชุดกรรมการ มีโค๊ดตอกที่สังฆาติ และใต้พัดยศ ​

ส่วน 21-50 นำไปจัดเป็นชุดเพื่อมอบแด่สมาชิกกลุ่มร่มโพธิ์ไทร ​

ส่วนที่เหลือไม่มีหมายเลขกำกับ ตอกโค๊ดที่สังฆาติเพียงอย่างเดียว​

พระชุดนี้สร้างตั้งแต่ปี 47 สมาชิกที่ไปร่วมกันทำงานได้ใกล้ชิดกับหลวงปู่ทุกคนครับ​

ไปค้างกันที่วัดนำพระออกมาตอกโค๊ด ตอกเลขและบรรจุกล่อง ตอนตอกโค๊ดพระเราย้ายมาตอกคนละฝากถนนกับ​

กุฏิท่าน เพราะตอกกันจนดึกดื่นเกรงว่าจะหนวกหูท่านครับ โดยที่ไม่ได้บอกท่านเลยว่าจะตอกโค๊ดกัน​

แต่ตอนกลางดึกท่านกลับถามแม่ชีและโยมที่เอายาเข้าไปถวายท่านด้วยความเป็นห่วงว่า​

" ไอ้พวกที่ตอกโป๊กๆๆ นะมันเป็นยังไงกันบ้าง เสร็จหรือยัง " ​

แถมตอนเช้าท่านยังให้คนมาตามพวกเราเข้าไปหาและมอบชานหมาก​

ที่ท่านปั้นเก็บไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนและของที่ระลึกอย่างอื่นด้วยครับ​

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กลุ่มร่มโพธิ์ไทร​

ให้บูชา 1,200 บาท มีเพียง 1 เหรียญครับ​

 

พระครูปลัดธนาทร (หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร)​

​

ต้องการดูภาพขนาดใหญ่คลิ๊กที่รูปครับ​

หลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร เป็นพระอีกรูปหนึ่ง ที่มีความเมตตาต่อศิษย์อย่างมาก และยังเป็นพระที่ปฏิบัติดี มีความแตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ เช่นอักขระ ยันต์ และวิชาต่างๆไม่ว่าจะเป็น การสักยันต์ ทำตะกรุด ดูดวง ลงทองที่หน้าผาก และเชี่ยวชาญในการเล่นอักขระมากๆ ท่านเป็นลูกศิษย์ในสายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยทุกๆ วันจะมีลูกศิษย์ลูกหา มากราบนมัสการ จากที่ต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นกันเองกับลูกศิษย์ คุยสนุกสนาน พูดตรงไม่ถือเนื้อถือตัว ใครได้มากราบนมัสการ ก็จะสัมผัสได้ในความเมตตาของท่าน ที่มีต่อศิษย์ มีความสุขสบายใจกลับไปทุกราย พุทธคุณของท่านนั้น ที่ลูกศิษย์ได้พบเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ คงกระพัน แคล้วคลาด เจริญก้าวหน้า โชคลาภ เมตามหานิยม มีความศักดิ์ศิษย์ยิ่งนัก

ท่านเป็นพระที่ไม่ยึดติดพัฒนาวัดไหนให้ดีขึ้นและเจริญแล้วท่านก็ย้ายวัดไปพัฒนาที่อื่นเรื่อยไป ท่านได้เดินทางจากนครสวรรค์ มาที่จังหวัดนครราชสีมาและได้มาอยู่ที่ วัดมิตรภพ ต.กลางดง อ.ปากช่อง ได้ 4 ปี เจ้าคณะอำเภอได้ส่งให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสที่ วัดซับสวอง ต.ขนงพระ เมื่อปี 40 ท่านได้เปิดการสักยันต์ในสายของ หลวงปู่ศุข จนมีลูกศิษย์มากมายและเป็นที่รู้จักของคนใน อำเภอปากช่องและจังหวัดอื่นๆมากมาย ท่านเป็นเจ้าอาวาสได้ 10 ปี ท่านก็ได้ลาออกและเดินทางไปอยู่วัดดอยน้อย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แต่ก็อยู่ได้แค่ครึ่งปี ท่านก็ต้องได้กลับมาอยู่ปากช่องอีกครั้ง เพราะลูกศิษย์ขอให้กลับมา จึงกลับมาอยู่ที่วัดหนองแก ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
จนลูกศิษย์ลูกหามานิมนต์ขอบารมีท่านให้ท่านมาช่วยพัฒนา วัดป่าคุณากร(โพธิ์นิมิตร) ซึ่งแต่ก่อนเป็นวัดป่าโพธิ์นิมิตร ที่ อ . บ้านฝาง จ . ขอนแก่น ท่านได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดป่าคุณากรเพื่อถวายพระครูวิมลคุณากร หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า

ชาติภูมิและการอุปสมบท ​

หลวงพ่อท่านเป็นคนวัดพระยาไกร เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เป็นบุตรของ นายเฉลียว และ นางสมจิตร สงปรีดี มีพี่น้อง 5 คน ท่านเป็นคนที่ 4 ครอบครัวของท่านได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ จ . สมุทรปราการ ในวัยเด็กท่านชอบเรื่องของพระมาก และศึกษาการเป็นอยู่ของพระ และเมื่ออายุ 15 ปี นั่งกสินทุกอย่าง คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ หลังจากที่ ท่านได้ไปเป็นทหารจนครบ 2 ปี เมื่อปลดจากทหารท่านก็ได้บวชเป็นพระเมื่อปี 2530 แต่การบวชของท่านนั้นต้องสูญเสียพี่สาวของท่านไป ท่านได้บวชหน้าไฟเป็นสามเณรให้กับพี่สาวของท่านที่วัดหนามแดงและก็บวชเป็นพระต่อเลย โดยมีหลวงพ่อพุธ วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นอุปชาย์ ในสมัยนั้นครอบครัวของท่านนั้นค่อนข้างที่จะยากจน แต่เมื่อถึงปี 2533 ท่านต้องสึกจากการบวชเป็นพระเพราะไม่มีใครดูแลแม่ แม่ของท่านป่วยหนัก จนหลังจากที่แม่ของท่านหายป่วย ในปีเดียวกันท่านก็ได้กราบลาแม่ของท่านขอบวชเป็นพระต่อไป เพราะท่านชอบในชีวิตของสงค์ไม่ชอบการเป็นฆารวาส แม่ของท่านก็อนุญาติให้บวชเพราะเห็นว่าหลวงพ่อท่านไม่ได้มีภาระอะไร เพราะลูกเมียก็ไม่เคยมี แต่โยมแม่ของท่านก็ไม่ได้มีเงินทองที่จะจัดงานบวชให้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของท่าน ท่านจึงเอาข้าวของส่วนตัวของท่าน ที่ท่านหาได้เองที่มีอยู่ในบ้านออกมากองขายเพื่อที่จะนำเงินมาบวชโดยทั้งหมดนั้นท่านจะขายเพียง 700 บาท หลังจากที่ได้เงินแล้วท่านก็ได้ไปกราบหลวงพ่อพุธ วัดบางพลีใหญ่ใน ที่เคยเป็นอุปชฌาย์ให้กับท่าน เพื่อขอบวช หลวงพ่อพุทธได้ถามท่านว่าจะบวชจริงไหม ท่านตอบว่าจริง บวชเพื่ออะไร ท่านตอบว่าบวชเพื่อหาที่ตาย หลวงพ่อพุธก็หัวเราะและได้เห็นความมุ่งมั่นของท่าน ท่านจึงบวชให้และพระลูกวัดเห็นถึงความตั้งใจของท่านจึงได้ช่วยกันบริจาคช่วยหลวงพ่อ ท่านก็ได้บวชเป็นพระที่วัดหนามแดง จ . สมุทรปราการ

หลังจากที่ท่านเดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย อุดร ขอนแก่น ศรีษะเกศ และอีกหลายจังหวัด และ เมื่อกลับมาถึงวัดหนามแดง จ . สมุทรปราการ ท่านก็ได้พบเจอกับ อาจารย์มานิต อาจารย์มานิตเป็นศิษย์ของ อาจารย์ย่ามแดงลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท อาจารย์มานิตนั้นเรียนวิชาของหลวงปู่ศุขจาก อาจารย์ย่ามแดงรุ่นเดียวกับหลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง จ . อยุธยา ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ย่ามแดงเหมือนกัน หลวงพ่อไฉน ท่านก็ได้เรียนวิชาจาก อาจารย์มานิต ไม่ว่าจะเป็นการ สัก เสก เลขยันต์ ตะกรุด การทำตะกรุดใต้น้ำ การนั่งกรรมฐานแบบหลวงปู่ศุข การเล่นแร่แปรธาตุ และวิชาโบราณต่างๆ และยังมีพระอีก 3 รูป ที่ได้เรียนวิชา ของหลวงปู่ศุข กับอาจารย์มานิต พระที่เรียนกับอาจารย์ มานิต มีหลวงพี่จาบ หลวงพี่ทิพ หลวงพี่เม และหลวงพ่อไฉน ต่างคน ต่างได้วิชาคนละแบบกัน อาจารย์มานิตนั้น เป็นฆารวาสที่เรืองในวิชาอาคมมาก อาจารย์มานิตนั้น ได้รับการถ่ายทอดวิชาของหลวงปู่ศุข ที่หลวงปู่ศุขถ่ายทอดให้ อาจารย์ย่ามแดงหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ค่อยจะพบเจออาจารย์มานิตง่ายๆ มักอยู่แต่ตามป่าตามเขา มีหนวดเครารุงรัง ใส่ชุดขาว ไม่อาบน้ำ แต่ก็แปลกที่ไม่มีกลิ่นตัวแม้แต่นิด นานๆ ทีท่านจะออกมา ถ้าอยากเจอตามหา มักไม่เจอแต่เมื่อถึงเวลาท่านจะออกมาเอง

ประสบการณ์ของลูกศิษย์ที่พบเจอ ​

ประสบการณ์เหล่านี้เป็นประสบการณ์จริงทุกประการที่ลูกศิษย์ลูกหาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคงกระพันชาตรีก็มาก ด้านความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุขก็ไม่แพ้กัน เคยมีวัยรุ่นที่ขนงพระใต้ ในบรรดาเพื่อนๆกันจะเรียกว่าไอ้แฝดเพราะว่ามีฝาแฝด ได้โดรปืนจ่อยิงที่หัวหน้าเซเว่นปากช่อง2นัด เสียงปืนดัง แชะ แชะ ยิงไม่ออกก็มี มาสักหนุมานไปขับรถล่มหัวชนกับฟุตบาดตั้งหลายครั้งแต่ไม่เป็นอะไรก็มี และวัยรุ่นที่บุรีรัมย์มาสักมัจฉานุแล้วโดนรุมทำร้ายสิบกว่าคนต่อหนึ่งโดนทั้งมีดฟัน แทง ปืนยิงก็ไม่ออก และยังโดนสนับมือต่อยจนล้มกลับไม่เป็นอะไร แล้วกลับมากราบพระอาจารย์ท่านที่วัด แล้วเปิดเสื้อรอยที่โดนรุมทำร้าย ให้ท่านดู รอยที่โดนแทงก็เป็นเหมือนกับรอยที่ถูกปากกาทิ่มเล็กน้อย รอยฟันก็เป็นเพียงยางบอน แล้วแถมคนที่เห็นเหตุการณ์ยังฝากวันหลังถ้าไปกราบท่านที่วัด ฝากบูชาวัตถุมงคลของพระองค์นี้มาให้หน่อย ทำให้วันที่เจ้าตัวและเพือนของเขามากราบท่านนั้น เพื่อนที่มาด้วยกันบูชาวัตถุมงคลไปหมดเกือบห้าพันบาทใน และนอกจากนี้ยังเคยมีนายตำรวจที่ปากช่องคนหนึ่งมาขอให้ท่านลงวิชากะโหลกทองคำให้ ปกติวิชานี้ต้องลงแผ่นทองคำที่หน้าผากให้ครบ108แผ่นจงจะครบแต่ลงได้แค่56แผ่นก็มีข่าวดีได้เลื่อนขั้นแล้วย้ายไปเป็นผู้กำกับที่ ที่อื่นซึ่งสร้างความปลื้มใจให้กับเขามาก
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ได้พบเจอกับตนเองด้วยแล้วนำมาเหล่าให้พระอาจารย์และลูกศิษย์ลูกหาฟังและผู้ที่พบเจอยังมีชีวิตอยู่สามารโทรไปถามได้จากเจ้าตัวที่เกิดประสบการณ์

เข็มแทงไม่เข้า ( เหรียญรุ่นแรก )​

- คุณบุญเพ็ง เกษร อายุ 58 ปี ทำงานชลประทานที่ขอนแก่น เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา ได้ไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นครั้งที่ 60 ของตนเอง ปกติไปบริจาคเลือดทุก ๆ ครั้งจะแขวนพระไปเป็นพวง ๆ เต็มคอก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ ๆ คุณบุญเพ็งก็ถอดพระที่เป็นพวง ๆ ไว้แล้วก็แขวนแต่เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อไฉนเนื้อนวะไปองค์เดียว เพราะตนเองเพิ่งได้รับพระหลังจากที่จองกับทางวัดได้ไม่กี่วัน ก็เลยลองเอาขึ้นคอดูไม่ได้คิดอะไร แต่พอถึงตอนบริจาคเลือดก็นอนให้หมอเอาเข็มแทงที่แขนปกติอยู่หลายครั้งก็ผิดสังเกตุที่ว่าทำไมแทงไม่เสร็จสักที่เลยหันไปถามว่า" เข็มไม่แหลมหรอ " หมอหันมาตอบว่านี้เข็มใหม่เลยนะค่ะคุณลุงก็แทงอีก3-4ทีก็ผิดสังเกตุ หมอเลยหันไปถามว่าคุณลุงมีของดีอะไร หรือป่าวแขวนพระอะไรหรอถอดออกก่อนได้ไหมค่ะ คุณบุญเพ็งเลยตกใจนึกได้ว่าแขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อไฉนที่เพิ่งจองจากวัดมาจึงตัดสินใจจับเหรียญ แล้วอาราธนาขึ้นหัวพูดว่า"หลวงพ่อครับผมมาบริจาคเลือดมาช่วยเหลือคน มาทำความดีผมไม่ได้มาลองของนะครับหลวงพ่อ ให้เข้าเอาเลือดผมไปเถอะครับ" จากนั้นหมอเลยแทงเข็มอีกทีปรากฎว่าแค่ทีเดียวเท่านั้นก็แทงเข้าปกติไม่มีอะไรแล้วก็บริจาคเลือดได้ปกติ เรื่องนี้ทำเอาคุณบุญเพ็งถึงกับงงมากๆและขนลุกเลย เพราะว่าทุกๆครั้งที่มาบริจาคก็แขวนพระมาเป็นพวงๆเต็มคอไปหมดก็ไม่เป็นอะไรแต่ครั้งนี้แปลกมากๆแขวนหลวงพ่อไฉนมาเพียงองค์เดียว คุณบุญเพ็งบอกว่ามีโอกาสต้องไปกราบหลวงพ่อไฉน ฉนฺทสาโร วัดหนองแก ด้วยตนเองให้ได้เลยครับ

 

เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉันทสาโร เนื้อทองแดง ​

เปิดดูไฟล์ DSC00118r.JPG เปิดดูไฟล์ DSC00119r.JPG ​

ต้องการดูภาพขนาดใหญ่คลิ๊กที่รูปครับ​

เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อไฉน ฉันทสาโร จัดสร้างขึ้นเพื่อนำรายได้มาสร้างศาลาปฏิบัติธรรมวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข)
ที่วัดหนองแก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2553

จำนวนการจัดสร้าง

เหรียญรุ่นแรก เนื้อทองคำ สร้าง 9 เหรียญ เป็นหลังจารทั้งหมด
เหรียญรุ่นแรก เนื้อเงิน สร้าง 49 คู่ แบ่งเป็นหลังเรียบจาร และหลังยันต์
เหรียญรุ่นแรก เนื้อนวะโลหะ สร้าง 300 เหรียญ
เหรียญรุ่นแรก เนื้ออัลปาก้า สร้าง 599 เหรียญ
เหรียญรุ่นแรก เนื้อทองแดง สร้าง 3,000 เหรียญ ตอกโค้ตที่สังฆาติ

ให้บูชา 700 บาท (ทางวัดไม่ได้จัดทำกล่องใส่พระครับ)

 

รูปหล่อรุ่นแรก (รุ่นงูใหญ่) หลวงพ่อไฉน ฉันทสาโร​

องค์ที่ให้บูชาเป็นองค์ที่บรรจุกรุใต้ฐานพระประธานหลวงพ่อขาวที่วัดหนองแก​

เปิดดูไฟล์ DSC00115r.JPG เปิดดูไฟล์ DSC00114r.JPG ​

ต้องการดูภาพขนาดใหญ่คลิ๊กที่รูปครับ​

รูปหล่อรุ่นแรก (รุ่นงูใหญ่) จำนวนสร้าง 900 องค์ ปี 2552 (ออกที่วัดหนองแก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา)ในขณะที่หลวงพ่อทำพิธีปลุกเสกมีงูใหญ่สองตัวมาแผ่แม่เบี้ยหันหน้าออกที่หน้าประตูกุฎิหลวงพ่อจนเสร็จพิธีงูทั้งสองตัวนี้ก็แยกจากกันไปเอง** ออกให้บูชาในปี 2552 เพียง 600 องค์ บรรจุกรุใต้ฐานพระประธานหลวงพ่อขาวที่วัดหนองแก 300 องค์ และเมื่อปลายปี 2553 ท่านได้เอาออกมาจากกรุเพื่อให้คนบูชานำรายได้ไปสร้างกุฎิสงฆ์วัดป่าคุณากร(โพธิ์นิมิตร) จ.ขอนแก่น **

ให้บูชา 2,200 บาท (ทางวัดไม่ได้จัดทำกล่องใส่พระครับ)

 

ขอราคาบูชาด้วยครับ........

 

ไม้ครูเศียรพระฤๅษีสัมฤทธิ์ผล ​

หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน เสาร์ ๕ ( อจินตรัย) “ รวยทันตา ”​

จัดสร้างจำนวน ๕๐๐ เล่ม ขนาดยาว ๑๒ นิ้ว​

​

​

ราคาบูชาสอบถามทาง PM ครับ

 

พระขรรค์ชัยศรีปราบสามภพด้ามไม้พญางิ้วดำ

หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน เสาร์ ๕ ( อจินตรัย) “ รวยทันตา ”

จัดสร้างจำนวน ๙ เล่ม ขนาดด้ามยาว ๖ นิ้ว ใบพระขรรค์ขนาด ๙ นิ้ว ยาวรวม ๑๕ นิ้ว

หายากสุดๆ



​

ราคาบูชาสอบถามทาง PM ครับ

 

เหรียญหล่อโบราณหลวงปู่ลมัย เนื้อปรอท​

หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน เสาร์ ๕ ( อจินตรัย) “ รวยทันตา ”​

จัดสร้างจำนวน ๑,๑๐๐ องค์ องค์นี้ตอกโค้ต จารมือ​

ลงยันต์ ด้านหน้า นะ มะ อะ อุ ด้านหลังก็มีจาร แต่ไม่ทราบยันต์ครับ​

​

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

เหรียญหล่อโบราณ ร.ศ.๒๒๘ เนื้อปรอท​

หลวงปู่ลมัย ฐิตมโน เสาร์ ๕ ( อจินตรัย) “ รวยทันตา ”​

จัดสร้างจำนวน ๑,๐๐๐ องค์ องค์นี้จารมือ ลงยันต์ ด้านหลัง มะ อะ อุ​

​

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

พระปิดตาเหล็กน้ำพี้ เสาร์ ๕ มหาเศรษฐี​

หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อายุ ๑๐๕ ปี วัดป่าหนองหล่ม ปี ๒๕๔๓​

จำนวนสร้าง ๑๐๙ องค์​

​

ด้วยคณะกรรมการวัดป่าหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และพระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต เจ้าอาวาสศิษย์เอกที่อุปัฏฐาก ดูแลหลวงปู่หมุนมาโดยตลอดตั้งแต่หลวงปู่ยังไม่มีใครรู้จักจนได้รับความไว้วางใจ จากหลวงปู่ให้จัดสร้างวัตถุมงคล ชุดพิเศษซึ่งในอดีตจวบจนปัจจุบัน “ไม่เคยมีครูบาอาจารย์ท่านใดเคยจัดสร้างมาก่อน” เพื่อนำรายได้จัดสร้างกุฏิสงฆ์และเสนาสนะที่ยังขาดแคลน โดยวัตถุมงคลชุดพิเศษมีธาตุโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เลื่องชื่อ เหล็กน้ำพี้ เป็นธาตุหลัก

สร้างโดย วัดป่าหนองหล่ม ฯ ปลุกเสดเดี่ยว ไตรมาส และพิธีใหญ่ ๕ พิธี ด้วยคณะกรรมการวัดป่าหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว และพระอาจารย์จ่อย สิริคุตโต เจ้าอาวาสศิษย์เอกที่อุปัฏฐาก ดูแลหลวงปู่หมุนมาโดยตลอดตั้งแต่หลวงปู่ยังไม่มีใครรู้จักจนได้รับความไว้วางใจ จากหลวงปู่ให้จัดสร้างวัตถุมงคล ชุดพิเศษซึ่งในอดีตจวบจนปัจจุบัน “ไม่เคยมีครูบาอาจารย์ท่านใดเคยจัดสร้างมาก่อน” เพื่อนำรายได้จัดสร้างกุฏิสงฆ์และเสนาสนะที่ยังขาดแคลน โดยวัตถุมงคลชุดพิเศษมีธาตุโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เลื่องชื่อ “ เหล็กน้ำพี้ ” เป็นธาตุหลัก

ครั้งที่ ๑ ทำพิธีเททองหล่อพระรูปเหมือน ๙ นิ้ว ๕ นิ้ว ๓ นิ้ว รูปหล่อพิมพ์เบ้าทุบ ครอบน้ำพระพทุธมนต์ รูปหล่อครึ่งซีกที่ติดข้างขันน้ำมนต์ พระปิดตายันต์ยุ่ง หลวงปู่หมุนอธิษฐานจิตเดี่ยวและเป็นประธานเททองที่ วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓

ครั้งที่ ๒ ทำพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถ วัดสุทัศน์ฯ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๓ โดยมีหลวงปู่ละมัย สำนักสวนสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์ (อายุ ๑๐๑ ปี),หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี ,หลวงปู่หลุย วัดราชโยธา ,หลวงปู่ผล วัดโนนทอง ลพบุรี , หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนู หลวงพ่อสินธิ์ชัย วัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์,หลวงพ่อถนอม คณะ ๒ วัดสุทัศน์ฯ

ครั้งที่ ๓ เสาร์ ๕ ณ วัดป่าหนองหล่ม วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๓ โดย เวลา ๐๒.๓๐ น.ของวันพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ ๕ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน พระเกจิอาจารย์ผู้อยู่เหนือกาลเวลา เทพเจ้าแห่งบ้านละลม อ.ขุนขันธ์ จ.ศรีษะเกษ ได้มาถึงวัดป่าหนองหล่ม ท่านได้กำหนดจิตปลุกเสกเดี่ยวก่อนเป็นปฐม แล้วท่านก็ได้กลับไปในเวลา ๐๔.๓๐ โดยประมาณเป็นที่ปลาบปลื้มแก่ผู้ที่อยู่ร่วมในพิธีในขณะนั้น
จากนั้นเมื่อถึงเวลาฤกษ์ พิธีพุทธาภิเษก เวลา ๐๘.๐๙ น. หลวงปู่หมุน ก็ได้จุดเทียนชัยมงคลนำฤกษ์ และได้เริ่มกำหนดจิตอธิฐานปลุกเสก โดยในพิธีนี้ได้มีพระปรมาจารย์มหาเถระ ร่วมพุทธาภิเษกทั้งสิ้น ๕ รูป อันประกอบด้วย
๑. หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อายุ ๑๐๕ ปี วัดบ้านจาน โดยขณะนั้นท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว
๒. หลวงปู่อิง โชติโย อายุ ๑๑๔ ปี สำนักสงฆ์โคกคมคงคา จ.บุรีรัมย์
๓. หลวงปู่กอง จันทวังโส อายุ ๑๐๒ ปี วัดสระมณฑล จ.อยุธยา พระเกจิผู้แตกฉานและสืบทอดวิชาทำตะกรุดและวัตถุมงคลต่างๆสายวิชา วัดประดู่ในทรงธรรมสำนักตักศิลา แห่งเมืองเก่าอยุธยา
๔. หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน อายุ ๑๐๑ ปี วัดโพธิ์เย็น จ.เพชรบูรณ์ ผู้สำเร็จวิชาปรอท และโด่งดังมากในวิชาสมุนไพรและวิชาปรอท
๕. หลวงปู่เที่ยงธรรม โชติธัมโม สำนักเวฬุวัน จ.ศรีสะเกษ

ครั้งที่ ๔ ที่วัดซับลำไย ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๓ ทำพิธีพุทธาภิเษก โดยหลวงปู่หมุน อธิษฐานปลุกเสกตั้งธาตุ หนุนธาตุ หมุนธาตุ ชักยันต์ ครอบมณฑลพิธีอย่างตั้งใจ (ซึ่งหลวงปู่ ทำกิริยา คว้ามือจากอากาศเหวี่ยงเข้าเบ้าพระและชักยันต์กลางอากาศรอบมณฑลพิธีทั้งหมด อันเป็นสุดยอดแห่งตำรับพิชัยสงครามโบราณ)

ครั้งที่ ๕ วัดสุทัศน์ฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๓ เวลา ๐๙.๑๙ น.ที่อุโบสถ์

ราคาบูชาสอบถามทาง PM หรือโทรถามครับ

 

เหรียญบาตรน้ำมนต์ รุ่นเสาร์ 5 บูชาครู หลวงปู่หมุน หมายเลข 561​

​

เหรียญบาตรน้ำมนต์ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อายุ 105 ปี รุ่นเสาร์ 5 บูชาครู รุ่นสุดท้ายโดยคณะศิษย์วัดสุทัศน์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ซม. ด้านข้างประกอบด้วยพระยันต์นะโมพุทธายะสำเร็จซ้อนตรีนิสิงเหแฝด อันหมายถึงความสำเร็จทั้งปวง ด้านหลังเป็นพระยันต์ปทุมคงคา ดอกบัวบานเต็มสูตรของสำนักวัดสุทัศน์ ซึ่งค้นพบจากหนังสือของท่านเจ้าคุณศรีสนธ์ โดยตรง จัดสร้างเพียงเนื้อทองผสมชนิดเดียว จำนวน 2,999 เหรียญ โดยมีโค้ตและหมายเลขกำกับ

พิธีพุทธาภิเษก 5 ครั้ง
ครั้งที่ 1 วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2543 โดยมีหลวงปู่หมุนเป็นประธาน
ครั้งที่ 2 วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ วันที่ 16 มีนาคม 2543 โดยมีหลวงปู่ละมัย อายุ 101 ปี หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกรินกฐิน หลวงปู่หลุยส์ วัดราชโยธา หลวงปู่ผล วัดโนนทอง(ศิษย์เอกหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู) พระครูภัทรวิริยคุณ วัดสุทัศน์ และพระคณาจารย์อีกมากมาย
ครั้งที่ 3 วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว วันที่ 8 เมษายน 2543 โดยมีหลวงปู่หมุนเป็นประธาน ร่วมกับหลวงปู่ละมัย อายุ 101 ปี หลวงปู่กอง อายุ 102 ปี โดยในพิธีนี้พิเศษสุดคือ หลวงปู่สรวงแห่งบุรีรัมย์ มาร่วมอธิษฐานจิตในเวลาตี 3 อีกด้วย
ครั้งที่ 4 วัดซับลำใย ลพบุรี วันที่ 9 เมษายน 2543 พิธีพุทธาภิเษก ปลุกเสกเดี่ยว โดยหลวงปู่หมุน พอปลุกเสกเสร็จ หลวงปู่ท่านพูดว่า “ ใครบูชารุ่นนี้แล้วจะรวย ”
ครั้งที่ 5 วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ วันที่ 30 เมษายน 2543 หลวงปู่หมุนเป็นประธานในพิธี โดยชักยันต์กลางอากาศครอบมณฑลพิธี

ปิดรายการนี้แล้วครับ

 

ขอปิดรายการเหรียญปรอทหลวงปู่ละมัย ทั้ง 2 เหรียญครับ ราคาตามตกลง PM

 

ขอประวัติ พระหลวงปู่เทพโลกอุดรจากถ้ำจังหวัดชัยภูมิ หน่อยได้ไหมครับ

 

พระหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น ๑ พิมพ์นั่งตอไม้ วัดป่าสักภักดีภูริทัต
ยังพอหาได้อีกไหมครับ พิมพ์ยืนก็ได้นะครับ

 

พระหลวงปู่เทพโลกอุดรจากถ้ำจังหวัดชัยภูมิ องค์ที่ 5
ยังอยู่ไหมครับ

 

พระหลวงปู่เทพโลกอุดรจากถ้ำจังหวัดชัยภูมิ​

คำถาม พระหลวงปู่เทพโลกอุดรจากถ้ำจังหวัดชัยภูมิ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรครับ แต่ละสีเนื้อต่างกันหรือครับ​

พระหลวงปู่เทพโลกอุดร เป็นพระที่ผมได้มาเมื่อ 18 ปีก่อน จากหัวหน้าในหน่วยงานราชการ สอบถามหัวหน้าทราบว่า ได้มาจากถ้ำในจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งพวกหาของป่าไปพบอยู่ในถ้ำ จึงขนออกมา หัวหน้าไปบูชาจากพวกหาของป่า มีพระบูชาหลายขนาด หลายพิมพ์ และพระเครื่องจำนวนมาก ไม่ทราบว่ามีพิธีการปลุกเสกหรือไม่ แต่คงจะเป็นพระของสายหลวงปู่เทพโลกอุดร เพราะว่าผมนำพระเครื่องที่บูชามาไปเทียบในหนังสือพุทธสยามแล้วตรงกัน และเคยนำพระเครื่องไปเช็คพลังกับอาจารย์นก (ท่านจบปริญญาเอก ปัจจุบันสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร) เมื่อปี 2548 ผลการเช็คพลังเป็นพระระดับเกรด A พุทธคุณครบทุกด้าน ที่เด่น ๆ จะเป็นด้านพุทธบารมี (ปกป้องคุ้มครอง) เมตตา ค้าขายโชคลาภครับ ระยะคุ้มครอง 15 เมตรขึ้นไป ณ วันที่เช็คอาจารย์บอกว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านก็มา แต่ท่านยืนอยู่เหนือหัวเรา ผมก็ได้แต่แต่ฟังและน้อมจิตบูชาหลวงปู่ ก็ผมคนธรรมดาไม่มีตาที่ 3 เหมือนอาจารย์ จึงไม่ทราบว่าจะพิสูจน์จริงเท็จได้อย่างไร ตอนเช็คพระเสร็จคนที่รุมล้อมอาจารย์อยู่ก็อยากจะได้พระไปบูชาครับ แต่ ณ วันนั้นผมเช่าไว้น้อยเลยไม่สามารถแบ่งให้พวกเขาได้ ต่อมาจึงได้ไปบูชาจากหัวหน้ามาเพิ่มเติมตามกำลังของเงินเดือนข้าราชการ และคิดจะบูชามาเก็บไว้อีก แต่มาทราบภายหลังว่า พระชุดนี้ถูกชาวสิงคโปร์บุกถึงบ้านหัวหน้า เพราะสำนักร่างทรงบอกให้มาหา และได้เหมาพระชุดนี้ไปหมดเลยครับ
<?XML:NAMESPACE PREFIX = "O" /><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<>เหตุที่ผมบูชามา ก็ด้วยความศรัทธาในองค์หลวงปู่เทพโลกอุดร เพราะตอนลาราชการบวชพระเมื่อปี 2537 ฟังหลวงพี่เล่า ก็เกิดสนใจและอธิษฐานขอหลวงปู่ว่า อยากได้พระของท่านไว้บูชา พอสึกออกมาก็เลยเริ่มหาข้อมูลที่เกี่ยวกับหลวงปู่ ก็พอได้รู้เรื่องราวของท่านมากขึ้น ก็เริ่มสวดคาถาบูชาท่าน แต่กว่าจะได้พระชุดนี้มาก็เป็นปี 2539 ตอนได้พระท่านมาก็เหมือนเป็นท่านดลใจให้ไปพบครับ</O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<>คำถาม พระหลวงปู่เทพโลกอุดรกรุวังหน้านั้น ใช่ที่เดียวกับของที่ถ้ำนี้หรือเปล่าครับ</O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<></O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<>พระกรุวังหน้าสร้างสมัยรัชกาลที่ 1 วังหน้าได้เรียนวิชาจากหลวงปู่ และได้อาราธนาขอหลวงปู่สร้างพระไว้ เนื่องจากว่าท่านบอกว่า ท่านและวังหน้าคงจะไม่ได้พบกันอีก วังหน้าจึงขอจัดสร้างพระของหลวงปู่ไว้เพื่อบูชาคุณครูบาอาจารย์ และเพื่อให้ได้ระลึกถึงองค์หลวงปู่ อีกทั้งเพื่อนำไว้แจกจ่ายเหล่าทหารและข้าราชบริพาร จัดสร้างไว้ 55 พิมพ์(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) โดยหลวงปู่ได้เข้าฌานสมาบัติแล้วอธิษฐานให้รูปกายท่านเปลี่ยนสภาพไปแล้วให้ช่างสิบหมู่จดจำลักษณะ นำไปจัดทำแม่พิมพ์ แล้วท่านก็จากไป แล้วสั่งวังหน้าให้หามวลสารว่านไว้ให้ครบ จัดทำองค์พระขึ้นมา แล้วค่อยส่งจิตไปอัญเชิญท่านมาปลุกเสกตามวันเวลาและฤกษ์ยามที่ท่านกำหนดไว้ให้ มีการจัดสร้างพระเครื่องไว้ประมาณ 84,000 องค์ เมื่อถึงวันตามฤกษ์ท่านก็มา แต่มิได้ทำอย่างไร เป็นแต่เพียงพูดคุยกับวังหน้า จนกระทั่งเที่ยงคืนพระจันทร์เต็มดวง ท่านจึงเข้าฌานสมาบัติปลุกเสก ในสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ทั้งวังสว่างไสวด้วยแสงแห่งองค์ญานของหลวงปู่ จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่นอกวังสงสัย พอถึงรุ่งเช้าท่านจึงออกจากฌาน และจากไป</O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<></O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<>วังหน้าจึงนำพระแจกจ่าย ที่เหลือนำไปบรรจุไว้ในวัดพระแก้ววังหน้า ตามตำราว่ามีพระบางส่วนได้นำออกไปจากวัง แต่ในตำราไม่บ่งบอกว่านำไปที่ใด ต่อมาเมื่อวังหน้าสิ้นพระชน รัชกาลใหม่ก็ได้เปลี่ยนวัดเป็นวัง จนปัจจุบันก็คือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในปี 250 กว่าๆ ผู้อยู่เวรยามได้พบพระของหลวงปู่ผุดขึ้นมาจากดิน จึงแอบเก็บไว้บางส่วน โดยตั้งใจว่าจะเอาไว้เพื่อทำบุญ จะไม่เอาไว้ขายกิน ที่เหลือได้แจ้งให้พิพิธภัณฑ์เก็บไว้ ไม่นานชาวบ้านได้พบปาฏิหารย์ จึงได้กดดันให้พิพิธภัณฑ์ให้นำพระออกมาให้บูชา ในราคาหลักร้อยต่อองค์ จนพระหมดไป ปัจจุบันพระวังหน้าของหลวงปู่อยู่ในราคา 6-7 หลัก อันนี้คือเรื่องย่อๆ นะครับ</O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<></O<></O<>
<O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<><O< title="Tongue out" class=inlineimg smilieid="24" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" O< O<>ส่วนที่สอบถามว่า พระหลวงปู่เทพโลกอุดรกรุวังหน้านั้น ใช่ที่เดียวกับของที่ถ้ำนี้หรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ เพราะตามตำราก็ว่า มีพระบางส่วนนำออกไปจากวังแต่ไม่ทราบว่านำไปที่ใด ผมคิดว่า พระที่ผมมีอยู่ก็น่าจะมีส่วนอยู่บ้าง เพราะได้ตรวจเช็คตามข้อมูลในหนังสือพุทธสยามในหลายๆพิมพ์ที่ผมมีอยู่ ก็เหมือนในหนังสือทุกพิมพ์ ทั้งรายละเอียดในพิมพ์พระ สีของพระซึ่งมีตั้งแต่สีขาว เหลือง เขียว ฟ้า แดง เทา ดำ น้ำเงิน เนื้อความเก่าของพระ แต่ถึงไม่ใช่พระวังหน้า ผมก็เชื่อว่าดินแดนแห่งถ้ำวัวแดงซึ่งเป็นมิติลึกลับ กินเขตแดนตั้งแต่จังหวัดชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดถ้ำวัวแดง จังหวัดชัยภูมิ เป็นเขตแดนที่มีถ้ำมาก และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งพระ ฆราวาส ได้พบหลวงปู่อยู่มากที่นี่ ก็พอจะเชื่อได้ว่าหลวงปู่อาจจะสร้างพระไว้ เพราะท่านจะไม่อยู่เฉยให้เวลาสูญเปล่า ถ้าว่างท่านจะทำพระ ทำธูป ไปโปรดศิษย์ แต่ถ้ามองไปอีกขั้น ถึงหลวงปู่ไม่ได้เป็นผู้สร้างพระจากถ้ำ แต่ก็คงเป็นลูกศิษย์ของท่านสร้างไว้ โดยขอให้หลวงปู่อธิษฐานให้ คงคล้ายกับพระหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น๑ วัดป่าสักฯ ที่ท่านส่งฌานผ่านท่านฤาษีนิรนามมาร่วมปลุกเสกด้วยครับ ​

</O<></O<>

 

หนังสือที่นำมาเทียบเคียงพระจากถ้ำ​

​

พระเครื่องในหนังสือนี้จะมีไม่ครบทุกพิมพ์ พระเครื่องบางองค์ที่ผมลงอาจจะไม่มีรูปเทียบเคียงให้ชมครับ