ติดตามสถานะการณ์

ปูตินสั่งเปิดทางผู้เชี่ยวชาญเก็บหลักฐานบินมาเลย์ (ชมคลิป)

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/3FKbS8PO3P8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่ง "ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" รับรองความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกเต็มที่ให้กับทีมงานนานาชาติ ในการลงพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน เพื่อสำรวจและรวบรวมหลักฐานจากซากเครื่องบินของมาเลเซีย ที่ถูกยิงตกเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว



วันจันทร์ 21 กรกฎาคม 2557 เวลา 09:53 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ว่าทำเนียบเครมลินเผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ระบุให้ "ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" รับรองความปลอดภัยให้กับผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ ในการลงพื้นที่ซึ่งเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ประสบเหตุตกในพื้นที่ห่างไกลทางตะวันออกของยูเครน หลังถูกยิงด้วยขีปนาวุธ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. และทำให้ผู้อยู่บนเครื่องทั้ง 298 คนเสียชีวิต

ทั้งนี้ รัสเซียได้รับรายงานด้วยว่า มีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งของรัฐบาลยูเครนและมาเลเซียต้องการเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวันอาทิตย์ แต่กลับไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับรัฐบาล และจากองค์กรระหว่างประเทศ ที่รวมถึงองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ไอซีเอโอ ) จำเป็นต้องปฏิบัติงานเพื่อมนุษยธรรม ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือและการันตีความปลอดภัยอย่างเต็มที่

ถ้อยแถลงของผู้นำรัสเซียได้รับการเปิดเผยท่ามกลางกระแสกดดันจากนานาประเทศนำโดยสหรัฐ สืบเนื่องจากรายงานที่ว่า คณะผู้สังเกตการณ์จากยุโรปไม่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ และถูกจำกัดสิทธิ์ในการลงพื้นที่ ตลอดจนกระบวนการเคลื่อนย้ายศพที่มีการยักยอกศพจำนวนหนึ่ง และกล่องบันทึกข้อมูลการบินที่อยู่ในมือของกบฏ ขณะที่วอชิงตันกล่าวอย่างชัดเจนด้วยว่า กลุ่มกบฏเป็นผู้ยิงขีปนาวุธเข้าใส่เครื่องบิน และมอสโกอยู่เบื้องหลัง

ปูตินสั่งเปิดทางผู้เชี่ยวชาญเก็บหลักฐานบินมาเลย์ (ชมคลิป) | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ผู้พเนจร จากฟากฟ้า

กบฏยูเครนยันพบกล่องดำ 'MH17' จริง-เล็งส่งให้การบินระหว่างประเทศ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.ค. 2557 22:28



แกนนำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนยืนยัน พบกล่องดำของเที่ยวบิน เอ็มเอช 17 ที่ตกเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว และเตรียมจะส่งมอบให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อเล็กซานเดอร์ โบโรดาอี แกนนำกลุ่มแบ่งแยกดินแดน และเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ซึ่งประกาศแยกตัวจากยูเครนแต่เพียงฝ่ายเดียวเมื่อ พ.ค. ออกมายืนยันเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่า นักรบของเขาพบอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน หรือกล่องดำ ของเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน เอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สจริง และวางแผนจะส่งมอบกล่องดำนี้แก่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ)


@อเล็กซานเดอร์ โบโรดาอี

เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัมมุ่งหน้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนตกในพื้นที่ที่ฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนควบคุมใกล้เมืองโตเรซ ทางตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 17 ก.ค. โดยเชื่อว่าเครื่องบินถูกยิงด้วยมิสไซล์ภาคพื้นสู่อากาศจนตก ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 298 คน เสียชีวิตทั้งหมด ขณะที่รัฐบาลยูเครนและกบฏต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้

รัฐบาลยูเครนยังกล่าวหาฝ่ายกบฏว่า ไม่ยอมส่งมอบกล่องดำให้แก่เจ้าหน้าที่ และเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิตไปยังมัสยิดในเมืองโดเนตสก์ด้วย ขณะที่นายโบโรดาอีเผยต่อผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ว่า พวกเขายังไม่พบกล่องดำ และไม่ได้ยุ่งกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์นักรบกลุ่มกบฏคนหนึ่งทวีตข้อความลงบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า กล่องดำของเอ็มเอช 17 ถูกนำไปยังเมืองโดเนตสก์แล้ว


@เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินของยูเครนเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต

ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ในวันอาทิตย์ ศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากถูกขนย้ายออกไปจากจุดที่ เอ็มเอช 17 ตก และนักรบกลุ่มกบฏก็ออกไปจากพื้นที่ ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานอ้างคำพูดของโฆษกหญิงของสำนักงานฉุกเฉินยูเครนว่า กลุ่มกบฏบังคับให้เจ้าหน้าที่ส่งมอบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 196 ศพที่พบในพื้นที่จุดตก และนำศพทั้งหมดออกจากพื้นที่ไปโดยไม่บอกว่านำไปที่ใด

นายโบโรดาอี ตอบในเรื่องนี้เมื่อวันอาทิตย์ว่า ศพดังกล่าวจะถูกนำไปไว้ในตู้สินค้าแช่เย็นที่สถานีรถไฟในเมืองโตเรซ ซึ่งห่างจากจุดตกราว 15 กม. จนกว่าผู้แทนองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศจะเดินทางมาถึง และมีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ขององค์การสนับสนุนความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เดินทางเข้าตรวจสอบตู้สินค้าแช่เย็นดังกล่าวแล้ว


@ตู้สินค้าแช่เย็น ที่เก็บศพผู้เสียชีวิตในเที่ยวบิน เอ็มเอช 17
.
กบฏยูเครนยันพบกล่องดำ 'MH17' จริง-เล็งส่งให้การบินระหว่างประเทศ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

“สหรัฐฯ” ทิ้งไพ่โง่ เปิดไฟเขียวให้ “อิสราเอล” ลุย ก่อนการเปิดฉากลุยสงครามโลก
วันจันทร์ที่ 21 กรกฏาคม 2014 เวลา 04:22 น. อีเมล พิมพ์ PDF

สำนักข่าว IMM :วานนี้ 20/7/57 ทนง ขันทอง บรรณาธิการอาวุโสในเครือเนชั่น ได้เขียนบทวิเคราะห์เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า อย่างไรก็ตามมาถึงจุดๆ นี้แล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้ทิ้งไพ่โง่ สหรัฐฯ ต้องปล่อยให้อิสราเอลลุยไปก่อน แล้วค่อยสนับสนุนอิสราเอลทีหลังในสงครามตะวันออกกลางที่รอวันขยายวง

นายพล Westley Clark แห่งกองทัพสหรัฐฯเปิดเผยว่า 10 วันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 ในปี 2001 หรือประมาณวันที่ 20 กันยายน 2001 เขาไปที่เพนตากอนเห็นทั้งรมวกลาโหม Donald Rumsfeld และรองรมว. Paul Wolfowitz อยู่ที่นั่น มีนายพลคนหนึ่งที่นายพล Clark ไม่ออกนามเรียกเขาเข้าไปพบเพื่อบอกความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯได้เตรียมการบุกถล่มอิรัคแล้ว

นายพล Westley Clark ถามว่า "เพื่ออะไร?"

นายพลคนนั้นตอบว่า "ผมไม่รู้ พวกเขาคงไม่มีอะไรจะทำแล้วมั๊ง"

อีกหลายสัปดาห์ต่อมานายพล Westley Clark กลับมาเจอนายพลคนเดิมอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐฯ ส่งทหารเข้าไปบอมบ์อัฟกานิสถานเสียยับเยินแล้ว นายพล Westley Clark ถามนายพลคนนั้นอีกครั้งว่า “เรายังจะคงบุกอิรัคอีกหรือเปล่า?”



นายพลคนนั้นตอบว่า “มันเลวร้ายไปกว่านั้นมีเมโมจากสำนักงานของ Donald Rumsfeld ส่งลงมาว่าให้กองทัพสหรัฐฯ เตรียมตัวบุกถล่ม 7 ประเทศใน 5 ปี คือ อิรัค ซีเรีย เลบานอน ลิเบีย โซมาเลีย ก่อนที่จะจบด้วยอิหร่าน”

นายพล Westley Clark ถามต่อว่า "ข้อมูลนี้ลับสุดยอดหรือไม่?"

นายพลที่ไม่เผยชื่อตอบว่า "ใช่ครับผม ลับสุดยอด"

คลิ๊กชมวีดีโอการให้สัมภาษณ์ของ นายพล Westley Clark จากเว็บไซต์ยูทูป

สหรัฐฯ ถล่มอัฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย โซมาเลียเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายใหญ่สุดอยู่ที่การครอบครองอิหร่าน แต่ก่อนจะไปถล่มอิหร่าน ต้องผ่านด่านซีเรียให้ได้ก่อน แต่รัสเซียและอิหร่านหนุนซีเรียเต็มที่ สหรัฐฯ จะผลีผลามเข้าไปบุกซีเรียได้ไม่สะดวกมือ เพราะว่ามีการสร้างสถานการณ์ว่ารัฐบาลซีเรียของนาย Assad มีการใช้อาวุธเคมีเพื่อสังหารประชาชนเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และมหาอำนาจเข้าไปถล่มซีเรีย ฝรั่งจะเอาด้วย แต่โอบามาถอดใจตอนนั้น และรัฐสภาอังกฤษก็ถอดใจเสียก่อน การรุกรานซีเรียจึงไม่เกิดขึ้น

มาคราวนี้ ระบบการเงินเปโตรดอลล่าร์เอาไม่อยู่แล้ว US Federal Reserve จะเล่นกลพิมพ์เงินอุ้มแบงค์ และตลาดหุ้นตลาดทุนได้อีกไม่นาน จำต้องมีการล้มโต๊ะ แต่ปัญหาคือสหรัฐฯ อาจจะไม่พร้อมรบ เพราะว่ามหาอำนาจเกิดใหม่ไม่ว่ารัสเซีย จีน และอินเดียพร้อมรบมากกว่า

แต่พร้อมไม่พร้อมสหรัฐอเมริกาก็จำต้องรบ เพราะว่ามิฉะนั้นเมื่อเปโตรดอลล่าร์พัง สหรัฐอเมริกาจะไม่เหลืออะไร จะกลายเป็นประเทศโลกที่ 3 มีการจราจลภายในอย่างรวดเร็ว

อันนำมาถึงการเปิดไฟเขียวให้อิสราเอลลุยก่อน เพราะว่าอิสราเอลรู้ตัวว่าโดนอาหรับที่พร้อมที่จะย้ายข้างล้อมเอาไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะขีปนาวุธของอิหร่านที่พร้อมจะถล่มอิสราเอลทุกเมื่อ ซาอุดิอาระเบียรู้ตัวดีว่าเงินทุนสำรองที่ถือเป็นดอลล่าร์ $600,000-$700,000 ที่สะสมมาหลาย 10 ปี จากการขายน้ำมันอาจจะกลายเป็นกระดาษ ถ้าเปโตรดอลล่าร์ล่ม ซาอุดิอาระเบียอาจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ได้

อย่างไรก็ตามมาถึงจุดๆ นี้แล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้ทิ้งไพ่โง่ สหรัฐฯ ต้องปล่อยให้อิสราเอลลุยไปก่อน แล้วค่อยสนับสนุนอิสราเอลทีหลังในสงครามตะวันออกกลางที่รอวันขยายวง เหตุร้ายที่ยิง MH17 ตกเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยมธรรมดาๆ เพื่อการสกัดปูตินชั่วคราว ในขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรขอชิงความได้เปรียบก่อนในการเปิดฉากลุยสงครามโลก

จะเข้าใจเหตุร้ายหรือที่มาที่ไปของ MH17 ต้องมองทะลุผ่านบริบทโลกเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรบังเอิญ ทุกอย่างเกี่ยวโยงกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

ที่มา / www.facebook.com/ThanongFanclub

- See more at: “สหรัฐฯ” ทิ้งไพ่โง่ เปิดไฟเขียวให้ “อิสราเอล” ลุย ก่อนการเปิดฉากลุยสงครามโลก

“สหรัฐฯ” ทิ้งไพ่โง่ เปิดไฟเขียวให้ “อิสราเอล” ลุย ก่อนการเปิดฉากลุยสงครามโลก

 

หมอปลาย ทํานายเกิดสึนามิในไทยช่วง มิ.ย. ถึง ก.ค. 57







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตื่นมาคุย โพสต์โดย คุณ WOODYTALK CH สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

หมอปลาย ณวรชา พินิจโภคากร หมอดูชื่อดังในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เตือนเกิดสึนามิครั้งใหญ่ในไทย ช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนกรกฎาคม 2557 ด้าน ดร.สมิทธ ธรรมสโรจน์ ระบุ ยังไม่มีใครทำนายได้ว่าจะเกิดสึนามิเมื่อใด

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2557 รายการตื่นมาคุย ช่อง 9 ได้นำเสนอข้อมูลการทำนายเรื่องสึนามิในประเทศไทยของ หมอปลาย ณวรชา พินิจโภคากร หมอดูชื่อดังในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ระบุว่า ประกาศเตือนภัยสึนามิ ตั้งแต่วันที่ 15-17 มิถุนายน และวันที่ 20-25 ไม่ทราบเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมนี้ ขอให้ทุกคนระวังและหลีกเลี่ยงอย่าอยู่ใกล้ชายทะเล ขอให้ระวังฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน และต่อมาฟ้าจะสดใสผิดปกติ

โดยหมอปลาย ยังระบุอีกว่า จะมีเหตุการณ์ทางน้ำเกิดขึ้น 2 ระยะ คือ เกิดแล้วกระทบกับทางใต้สุดของประเทศไทย โดยใกล้ประเทศอินโดนีเซียจะมีภูเขาไฟปะทุ และอีกครั้งจะเกิดขึ้นแถบอันดามัน ด้านภูเก็ต พังงา และกระบี่ ซึ่งการสั่นสะเทือนใต้น้ำครั้งนี้จะรุนแรง ทำให้เกิดรอยเลื่อนในอ่าวไทย และรอยเลื่อน หรือรอยแยกใหม่นี้ จะเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดคลื่นสึนามิใหญ่กว่าที่เคยเกิดขึ้นมา ทำให้ด้ามขวานหายไปได้ในพริบตา เพราะฉะนั้น ขอให้แชร์ข้อความดังกล่าว เพื่อที่จะระวังตัวและหาทางหนีก่อนที่จะเกิด ซึ่งรู้ว่าสัญญาณเตือนภัยจะไม่ทำงาน" ...ลงชื่อ ปลาย ณวรชา

และในเวลาต่อมา ได้มีการสอบถามเรื่องการเกิดสึนามิในประเทศไทยกับ ดร.สมิทธ ธรรมสโรจน์ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิภัยพิบัติแห่งชาติ โดย ดร.สมิทธ ธรรมสโรจน์ ระบุว่า ยังไม่มีใครทำนายได้ว่าจะเกิดสึนามิเมื่อใด เพราะการเกิดสึนามิจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีการทำนายเรื่องเกิดแผ่นดินไหวเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ เราอาจสังเกตการณ์การเกิดสึนามิได้ง่าย ๆ คือ ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวและน้ำในทะเลลดลงอย่างรวดเร็วให้รีบขึ้นไปยังที่สูงโดยเร็ว เพราะความเป็นไปได้ที่จะมีคลื่นยักษ์สึนามิตามมา

นอกจากนี้ ดร.สมิทธ ยังกล่าวอีกว่า หากเกิดสึนามิครั้งที่ 2 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากรอยเลื่อนที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะอยู่ใกล้ประเทศไทยถึง 500-510 กิโลเมตร ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างรุนแรง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะเกิดสึนามิเมื่อใด

<iframe width="550" height="373" src="//www.youtube.com/embed/eLDDyxnvSlM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

Sorrana Nil Chankrachang

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/Lz0Y0JeaE5A" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ร่างทรงพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ฆราวาสแห่กราบไหว้ ชาวเน็ตแชร์ภาพว่อน



ร่างทรงพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ฆราวาสแห่กราบไหว้ ชาวเน็ตแชร์ภาพว่อนโลกออนไลน์

ร่างทรงพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ฆราวาสแห่กราบไหว้ ชาวเน็ตแชร์ภาพว่อน

วันที่ 21 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพบรรยากาศพิธีกรรม กราบไหว้บูชาชายวัยกลางคนรายหนึ่ง แต่งกายนุ่งขาวห่มขาว โดยชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็น ร่างทรงพระพุทธเจ้า โดยภายในภาพชายคนดังกล่าวนั้งอยู่บนแท่นสีทอง ล้อมรอบไปด้วยพานเครื่องเซ่นบูชามากมาย

อีกทั้งด้านล่างยังมีทั้งพระสงฆ์ แม่ชี และเหล่าฆราวาสทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มากมายอยู่ในกิริยาหมอบกราบ ด้วยความศรัธรา ทั้งนี้ยังไม่มีการระบุว่าภาพชายที่อ้างว่าเป็น ร่างทรงพระพุทธเจ้า เป็นสถานที่ใด ซึ่งก็มีผู้ที่แสดงความคิดว่า เหตุการณ์นี้อาจไม่ใช่ที่เมืองไทย

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

tnews

เรียบเรียงโดย

boxza.com

ร่างทรงพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ ฆราวาสแห่กราบไหว้ ชาวเน็ตแชร์ภาพว่อน - ข่าว ทั่วไป ข่าวล่าสุด

 

สภานักการศาสนาปาเลสไตน์ “ประณามชาติอาหรับ” และ “ยกย่องอิหร่าน” กรณีปาเลสไตน์
วันจันทร์ที่ 21 กรกฏาคม 2014 เวลา 06:40 น. อีเมล พิมพ์ PDF

สำนักข่าว IMM :เชคมุฮัมมัด มูอิด หัวหน้าฝ่ายวิเทศสัมพันธ์แห่งสภานักการศาสนาสุนนี่ปาเลสไตน์ ได้มีแถลงการณ์ ประณามผู้นำชาติอาหรับที่มีอาการนิ่งเงียบงันต่อเหตุการณ์ในฉนวนกาซา และได้กล่าวยกย่องสรรเสริญความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา


สำนักข่าว

 

แผนที่แผ่นดินไหวใหม่เผยให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นมากในสหรัฐฯ
โพสต์เมื่อ 18 กรกฎาคม 2014 (New earthquake map reveals risks rising for much of the U.S. Posted on July 18, 2014 by The Extinction Protocol)



กรกฎาคม 2014 - CALIFORNIA - สำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ,The U.S. Geological Survey, เปิดตัวแผนที่อันตรายจากแผ่นดินไหวใหม่ 17 กรกฏาคม เผยให้เห็นความเสี่ยงแผ่นดินไหวที่เพิ่มขึ้นสำหรับหลายภูมิภาค ปรับปรุงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ.2008, แผนที่ใหม่ประกอบด้วยการวิจัยจากน่าแปลกใจ 2011 แผ่นดินไหวในรัฐเวอร์จิเนีย ด้วยขนาด 5.8, มันเป็นหนึ่งในการเกิดแผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดที่โจมตีชายฝั่งตะวันออก และช่วยให้นักวิทยาศาสตร์วัดความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นผลให้แผนที่ใหม่สรุปว่าภาคตะวันออกของสหรัฐมีศักยภาพที่สูงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ทุกรัฐมีความเสี่ยงที่อาจเกิดแผ่นดินไหว ที่นักวิทยาศาสตร์ยังได้ข้อสรุปว่า 42 รัฐมีโอกาสที่จะประสบแผ่นดินไหวในอีก 50 ปี ซึ่งบันทึกโดยทั่วไป ถือว่าอายุการใช้งานทั่วไปของอาคาร แผนที่ยังแสดงให้เห็นว่า 16 รัฐที่มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสค่อนข้างสูงในการประสบอันตรายพื้นดินสั่นภายใน 50 ปีต่อมา เช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมาเวสต์ยังคงเป็นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่มีความเสี่ยงสำหรับการเกิดแผ่นดินไหว16 รัฐที่มีความเสี่ยงสูงสุดรวมถึง อลาสก้า อาร์คันซอ แคลิฟอร์เนีย, ฮาวาย, ไอดาโฮ, อิลลินอยส์ เคนตั๊กกี้, มิสซูรี, มอนแทนา, เนวาดา, โอเรกอน, เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี, ยูทาห์ วอชิงตัน และไวโอมิง ตามรายงาน ด้วยการขัดขวางในการเกิดแผ่นดินไหวในรัฐโอคลาโฮและภูมิภาคอื่น ๆ ของภาคกลางของสหรัฐอเมริกานักวิจัยกำลังตรวจสอบว่ากิจกรรมในอุตสาหกรรมเช่นการกำจัดของเสียที่มีการตำหนิ แต่ไม่มีการเชื่อมโยงข้อสรุปที่ได้รับการพบ
July 2014 – CALIFORNIA – The U.S. Geological Survey released a new earthquake hazard map July 17, revealing increased seismic risks for many regions. Updated for the first time since 2008, the new map incorporates research from the surprising 2011 earthquake in Virginia. With a 5.8 magnitude, it was one of the largest earthquakes to hit the East Coast and helped scientists gauge the possibility of larger events in that area. As a result, the new map concludes that the Eastern U.S. has a higher potential for bigger earthquakes than previously estimated. While all states have some potential risk for an earthquake, scientists also concluded that 42 states have a reasonable chance of experiencing an earthquake in the next 50 years, which it notes is generally considered the typical lifetime of a building. The map also showed that 16 states are at high risk and have a relatively high likelihood of experiencing damaging ground shaking within the next 50 years. As in the past, the West remains the most at-risk region for earthquakes. The 16 states with the highest risk include Alaska, Arkansas, California, Hawaii, Idaho, Illinois, Kentucky, Missouri, Montana, Nevada, Oregon, South Carolina, Tennessee, Utah, Washington and Wyoming, according to the report. With a spike in earthquakes in Oklahoma and other regions of the central United States, researchers are examining whether industrial activities, such as wastewater disposal, are to blame. But no conclusive links have been found.

“Injection-induced earthquakes are challenging to incorporate into hazard models because they may not behave like natural earthquakes and their rates change based on man-made activities,” the USGS said. The government uses the updated report and maps to look at the potential ground shaking levels and does risk analysis based on things like how populated an area is and building construction practices, then considers that information when setting building codes. Local governments also use the information in setting emergency preparedness plans. In terms of some good news, the new findings slightly lowered the risk of earthquakes in the California locales of Irvine, Santa Barbara and Oakland, as well as in New York City. But if you want to skip earthquakes altogether, head over to North Dakota, Minnesota, Wisconsin and Florida. These states are almost entirely in the “lowest hazard” category of the map. –Tech

New earthquake map reveals risks rising for much of the U.S. | The Extinction Protocol

 

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์ สถานะ ของ Sun Watch







ครั้งแรกเตือนจากเมื่อเช้านี้ผมได้นำคำพูดนี้ไปความสนใจของคุณ !!! First a reminder from this morning when I brought this quote to your attention!!!

ด้านล่างนี้เป็นคำพูดจาก SPACEWEATHER.COM
"เหตุการณ์ทั้งหมดค่อนข้างเงียบ ": สำหรับวันที่ 5 ในแถว ที่ดวงอาทิตย์อยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบกับจุดเริ่มต้นของเดือนกรกฎาคม เมื่อจุดดับ (sunspots) มีอยู่เป็นจำนวนมาก เอาท์พุท รังสี X-ray กับโลกของดวงอาทิตย์ได้ลดลง โดยปัจจัยที่สิบ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2014 จำนวนจุดดับบนดวงอาทิตย์ได้ลดลงทุกทางไปศูนย์. (อย่าลืมว่าวันที่ 17 กรกฎาคม) เราเรียกมันว่า "เหตุการณ์ทั้งหมดที่เงียบสงบ".
Below is a quote from SPACEWEATHER.COM
THE "ALL QUIET EVENT": For the 5th day in a row, solar activity is extremely low. Compared to the beginning of July, when sunspots were abundant, the sun's global X-ray output has dropped by a factor of ten. Moreover, on July 17th the sunspot number fell all the way to zero.(Remember the date July 17) We call it "the All Quiet Event."

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2014 สิ่งที่เกิดขึ้น !! ด้านล่างนี้เป็นภาพจากสเตอริโอข้างหน้าและข้างหลัง ให้คุณเริ่มต้น "ข้างหน้า" หมายความว่าในหน้าของดวงอาทิตย์และ "หลัง" หมายถึงด้านหลังของดวงอาทิตย์
On July 17, 2014 something happened!! Below are pics from Stereo ahead and behind. For you beginners "AHEAD" MEANS IN FRONT OF THE SUN AND "BEHIND" MEANS BACK OF THE SUN.

สองดาวเทียมได้ถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่คนอยู่เบื้องหลังได้เหี้ยมเกรียมได้ลบการทำงาน (ลบ) และ ทำการแก้ไขภาพ (Photoshopping) ที่จะซ่อนความจริงจากพวกเราทุกคนบนโลกใบนี้ หลังจากที่ทุกสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ ('เหตุการณ์ทั้งหมด QUIET ") ทั้งหมดเป็นที่เงียบสงบ ไม่มีอะไรให้ดูที่นี่ ... ย้ายไป ... กลับไปยังทีวีของคุณและเกมเบสบอลในขณะที่เราได้รับความรู้ทั้งหมดที่ Yes. !! ฉัน การเสียดสีและโกรธและฉันมีสิทธิในฐานะที่เป็นสติเป็นทุกที่จะเป็นสิ่งที่เคยฉันเลือกที่จะอยู่ในช่วงเวลาที่

Two satellites photographed the event but unfortunately the people behind the scenes were hard at work deleting(removing) and Photoshopping to hide the truth from all of us on this planet. After all we are experiencing the ('ALL QUIET EVENT") All is quiet, nothing to see here...move along ...go back to your TV's and baseball games while we acquire all the knowledge. Yes!! I'm being sarcastic and pissed, and I have every right as a conscious being to be what ever I choose to be in the moment.

บางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ได้รับการปล่อยตัวจากฝั่งตะวันออก (10 สเตอริโอนาฬิกาข้างหน้า) และ (2 เมื่อสเตอริโอนาฬิกาที่อยู่เบื้องหลัง) สเตอริโอที่อยู่เบื้องหลังภาพและกรอบเวลาที่ได้ถูกลบออก .... พวกเขามักจะสามารถใช้ได้หลังจาก Photoshop เสร็จสมบูรณ์ Something of great magnitude was released from the eastern side (10 on a clock Stereo ahead) and (2 on a clock Stereo behind).
The stereo behind pics and time frames have been removed....they will most likely be available after Photoshop is complete.

ในขณะที่รูปด้านล่างได้บอกว่า .... ขนาดเล็กที่สุดของทั้งสองชิ้นมีขนาดใหญ่กว่าโลกของเรา ......... และเป็นที่แน่ชัดว่า พวกมันไม่ใช่ ยูเอฟโอ
As the pic below says....the smallest of the two pieces is bigger than our planet.........and to clarify these are NOT UFO'S.

ฉันไม่สามารถให้คำตอบที่ชุมชนนี้ทั้งหมดที่คุณอาจต้องการเนื่องจากข้อมูลจะถูกซ่อนจากเรา
I can't give this community all the answers you may want because the data is being hidden from us.

 

ด.ญ.กตัญญู วัย 15 ปี เก็บขยะขาย หาเงินดูแลแม่อัมพาต - พ่อพิการ และเลี้ยงน้องอีก 2 คน



หลังมีการโพสต์-แชร์ สนั่นโลกโซเซียล กรณีด.ญ.ยอดกตัญญู น้องกุ้งนางวัย 15 ปี ที่ดูแลแม่ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองแตกเป็นอัมพาต คอยเช็ดตัวป้อนน้ำ-ข้าว ส่วนพ่อพิการ และยังต้องเลี้ยงน้องอีก 2 คน โดยการเก็บขยะขายเลื้ยงชีพ ผู้สื่อข่าวจึงพื้นที่ตรวจสอบขอเท็จจริง จากนายธนาธิป ไชยยศ พลเมืองจิตอาสา เจ้าของโพสต์ที่มีการลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนนี้

วันนี้ 20 ก.ค.57 ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ได้เดินทางไปที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตามคำบอกเล่าในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ไม่พบตัว ด.ญ.กุ้งนาง น่าชม อายุ 15 ปี พบแต่ยายของน้องกุ้งนาง และได้พบกับนายชณาภัทร ยอดดี สมาชิกเทศบาลตำบลโพธิ์งาม (สท.) ที่ทราบข่าว ได้เดินทางมาหาเพื่อมอบเงินช่วยเหลือให้เด็กหญิง แต่ยายบอกว่า ด.ญ.กุ้งนาง กลับบ้านเพื่อที่ไปดูแลพ่อและน้องอีก 2 คน

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเพื่อจะดูความเป็นอยู่ ที่ม.2 ต.บ้านทาม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี เมื่อเดินทางไปถึงที่บ้านของน้องกุ้งนางเราก็พบขยะกองโตอยู่ที่บริเวณทางเข้าหน้าบ้าน และบ้านปลูกแบบพออาศัยหลบแดดหลบฝนไปวันๆ เมื่อเข้าไปภายในบ้านฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก พบเด็กหญิงกำลังวิ่งหาหม้อหากะละมังมารองน้ำฝนที่รั่วจากหลังคา

จากการสอบถาม นายสำรวย น่าชม อายุ 56 ปี พ่อน้องกุ้งนาง ทราบว่า ตนเองประสบอุบัติเหตุจนต้องถูกตัดขา ก็ทำงานได้ไม่เต็มที ก็จะมีนางวันเพ็ญซึ่งเป็นมารดาของน้องเป็นผู้หารายได้โดยการออกเก็บขยะขาย แต่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 แม่ของน้องกุ้งนางก็ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก จนเป็นอัมพาต ซึ่งหลังจากนั้นตนเองก็ต้องพยายามออกหาเอง โดยมีซาเล้งและต้องใช้ไม้ค้ำออกไปหาเก็บขยะแล้วเมื่อน้องกุ้งนาง กับน้องๆ กลับมาจากโรงเรียนก็จะมาช่วยกันคัดแยกขยะที่สามารถนำไปขายได้เพื่อเป็นค่ากับข้าวค่าขนมไปโรงเรียน อยู่แบบนี้เป็นประจำ

ทั้งนี้ หลังจากที่แม่ของน้องกุ้งนาง ล้มป่วยลงก็ตกเป็นหน้าที่ของน้องกุ้งนาง โดยมีครูประจำชั้น ช่วยขับรถมาส่งที่บ้านและพาไปที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นประจำ โดยน้องกุ้งนางทำหน้าที่ทำความสะอาดร่างกายแม่ ป้อนน้ำข้าว ล่าสุดได้พาน้องกุ้งนางเดินทางไปเปิดบัญชี โดยได้รับการอนุเคาระห์จากคุณเสาวณีย์ พันธ์ศิริ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขา บิ๊กซี ศรีมหาโพธิ์ เปิดบัญชีพิเศษให้

สำหรับผู้ที่จะช่วยเหลือน้องสามารถช่วยเหลือที่บัญชีเลขที่ 520-2-51599-3 ด.ญ.กุ้งนาง น่าชม และ นายชณาภัทร ยอดดี ธนาคารกสิกรไทย สาขา บิ๊กซี ศรีมหาโพธิ์ สนง.ย่อยสาขานิคมฯ 304 บัญชีออมทรัพย์

 

กบฏยูเครนทยอยลำเลียงศพเหยื่อบินมรณะ MH17 ใส่รถไฟแช่แข็ง วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 02:32 น. ข่าวสดออนไลน์



ดีพีเอรายงานว่า เมื่อ 20 ก.ค.ทางการยูเครนและกบฏฝ่ายฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออก ตกลงขนย้ายศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ถูกยิงตกในหมู่บ้านกราโบโว แคว้นโดเนตสก์ เขตการควบคุมของกบฏ จำนวน 196 ราย จากทั้งหมด 298 รายใส่ตู้รถไฟแช่แข็งออกจากจุดเกิดเหตุไปยังห้องแล็บในเมืองคาร์คิฟ ที่อยู่ห่างออกไปทางเหนือ 250 ก.ม.

ทางกลุ่มกบฏเผยด้วยว่าพบกล่องบันทึกการบินแล้วและจะส่งให้กับเจ้าหน้าที่ต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและทหารจากมาเลเซียราว 300 คนเดินทางถึงยูเครนแล้วและเข้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อค้นหาศพที่เหลือและหลักฐานการประกอบคดี

โดยกลุ่มกบฏให้ความร่วมมือดีขึ้น หลังจากถูกตำหนิว่าพยายามปกปิดหลักฐาน ด้านเยอรมนีประกาศส่งผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์สาเหตุเครื่องบินตก และอินเตอร์โพลส่งทีมช่วยพิสูจน์ศพไปยังยูเครน

ส่วนการกดดันในเวทีผู้นำโลก นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี นายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หารือกันทางโทรศัพท์และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียสั่งการให้กลุ่มกบฏนิยมรัสเซียในยูเครนเปิดทางให้ทีมนานาชาติเข้าไปสอบสวนยังจุดเกิดเหตุ มิเช่นนั้นจะมีมาตรการตามมาในการประชุมสหภาพยุโรปวันอังคารที่ 22 ก.ค.นี้

 

แผ่นดินไหว 6.2 เขย่าชายฝั่ง ตอ.เฉียงเหนือญี่ปุ่น-ไม่มีรายงานความเสียหาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2557 08:34 น.



เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ตามมาตราแมกนิจูดนอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (21 ก.ค.) ล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหาย

สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่า แรงสั่นสะเทือนครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.32 น. (00.32 น.ตามเวลาในไทย) โดยมีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้พื้นมหาสมุทรแปซิฟิกประมาณ 70 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด ใกล้กับหมู่เกาะคูริล

USGS วัดแรงสั่นสะเทือนเบื้องต้นได้ถึง 6.6 และคาดว่าศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปเพียง 60 กิโลเมตรเท่านั้น ก่อนจะปรับลดตัวเลขความรุนแรงลงมา

ล่าสุด ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ

ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย ห่างจากเมืองคูริลิสก์เพียงราวๆ 94 กิโลเมตร ส่วนเมืองญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้มากที่สุดคือเนมุโระ ซึ่งห่างออกมา 291 กิโลเมตร

หมู่เกาะคูริลถือเป็นดินแดนพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซียมานานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยถูกทหารโซเวียตเข้ายึดครองก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะปิดฉากเพียงไม่กี่วัน

ทุกวันนี้รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงเรียกร้องให้รัสเซียคืนเกาะทั้ง 4 ซึ่งชาวแดนหมีขาวรู้จักในนาม “หมู่เกาะคูริลใต้” ส่วนทางญี่ปุ่นเรียกขานว่า “ดินแดนตอนเหนือ”

หมู่เกาะญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณที่แผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นมาบรรจบกัน จึงเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบ่อยครั้งในแต่ละปี โชคดีที่รัฐบาลมีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคารอย่างเข้มงวด แผ่นดินไหวซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อบางประเทศจึงไม่ส่งผลต่ออาคารบ้านเรือนในแดนปลาดิบมากนัก

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 เขย่าอาคารสูงในกรุงโตเกียว ทำให้มีผู้บาดเจ็บไป 17 ราย

 

จีนอ่วม พายุรามสูรคร่าชีวิตปชช.แล้ว 18 ราย บ้านเรือนพังกว่า 5 หมื่นหลัง-ความเสียหายยับ วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09:23:54 น.



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นรามสูรที่พัดถล่มทางตอนใต้ของจีน และเป็นพายุรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ได้ส่งผลให้มีชาวจีนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 18 ราย ในหลายจังหวัด และมีประชาชนกว่า 3.3 ล้านคนได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ โดยที่เมืองไห่หนาน ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรามสูรได้ทำลายบ้านเรือนผู้คนกว่า 51,000 คน ทำลายพืชผลครอบคลุมพื้นที่กว่า 40,600 เฮคเตอร์ และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่ากว่า 752 ล้านดอลลาร์

ขณะที่เมืองเหวิ่นฉาง ซึ่งถูกพายุไต้ฝุ่นถล่มอย่างรุนแรง ส่งผลให้อาคารที่อยู่อาศัยกว่า 90 เปอร์เซนต์ถล่มพัง และมีผู้คนกว่า 1,000 คนติดอยู่ใต้ฟาร์มในเมืองเหลาเดา ซึ่งระดับน้ำทะเลได้สูงเกือบมิดศีรษะผู้คน

นอกจากนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้ยังทำลายตัดขาดระบบไฟฟ้าและน้ำประปา เครือข่ายโทรคมนาคม ท่าเรือ และถนน ทำให้ปฎิบัติการกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบากด้วย โดยระบบไฟฟ้ากว่า 80 เปอร์เซนต์ของเมืองเหวิ่นฉางได้รับผลกระทบ ส่วนระบบน้ำประปาในเมืองชายฝั่งทางตะวันออกก็ถูกตัดขาดนับตั้งแต่พายุพัดเข้าถล่ม ด้านรัฐบาลท้องถิ่นเมืองไห่หนานยังได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่นับหมื่นคน เพื่อช่วยราษฎร์อพยพออกจากถิ่นฐานในพื้นที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งส่งเสบียงความช่วยเหลือก่า 100 ตันให้แก่ชาวบ้านด้วย

ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดว่า พายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชม. และจะทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทางตะวันตกของมณฑลไห่หนานและยูนนานด้วย

จีนอ่วม พายุรามสูรคร่าชีวิตปชช.แล้ว 18 ราย บ้านเรือนพังกว่า 5 หมื่นหลัง-ความเสียหายยับ : มติ

 

ที่ประชุมเอดส์นานาชาติเผยผลวิจัย "ขลิบเจ้าโลก" ช่วยลดความเสี่ยงติดเอชไอวี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2557 17:06 น.



เอเอฟพี - การรณรงค์ส่งเสริมให้มีการขลิบหนังหุ้มปลายองคชาตในพื้นที่แอฟริกาที่อยู่ทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา เพื่อช่วยป้องกันการติดไวรัสเอดส์ได้รับการหนุนหลังด้วยผลวิจัยชิ้นใหม่ที่ถูกเปิดเผยในวันนี้ (21 ก.ค.) โดยพบว่าชายที่ผ่านการขลิบมีแนวโน้มที่จะนิยมการมีเซ็กส์แบบปลอดภัย

จากการทดลองครั้งใหญ่ 3 ครั้งที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่า สำหรับชายที่ชอบเพศตรงข้าม การขลิบปลายองคชาตช่วยลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวีสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้องค์การอนามัยโลกออกมารับรองโดยทันที ให้วิธีนี้เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับใช้ควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัย

แต่มีผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่า ชายผู้รับการขลิบเหล่านั้นเชื่อว่าตัวเองได้รับการปกป้องแล้ว จึงมีแนวโน้มที่จะมีเซ็กส์แบบสำส่อนมากยิ่งขึ้นหลังการทดลอง และอาจจะใช้ถุงยางน้อยลง

ผลการศึกษาใหม่นี้ ซึ่งออกมาในช่วงประจวบเหมาะกับการประชุมโรคเอดส์นานาชาติครั้งที่ 20 ในนครเมลเบิร์น มุ่งเน้นไปที่ประเด็นถกเถียงนี้ แต่ไม่พบหลักฐานสนับสนุนว่าคำเตือนดังกล่าวเป็นความจริง

ทั้งนี้ บรรดานักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์วิทยาเขตชิคาโก ได้สำรวจชายวัย 18-35 ในเขตเอ็นยันซา ประเทศเคนยา มากกว่า 3,000 คน ที่ได้รับฟังการอธิบายเกี่ยวกับการขลิบและคำแนะนำในการมีเซ็กส์แบบปลอดภัย ตลอดจนรับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี

ตอนเริ่มต้นการศึกษานี้ ครึ่งหนึ่งของผู้ได้รับการสำรวจตัดสินใจที่จะขลิบ ส่วนที่เหลือเลือกที่ปล่อยไว้เหมือนเดิม พวกเขาจะถูกถามเกี่ยวกับชีวิตทางเพศ โดยจะมีการติดตามสอบถามในทุกๆ 6 เดือน ตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปี

นักวิจัยพบว่า ตลอดช่วงเวลาของการสำรวจ กิจกรรมทางเพศของทั้งสองกลุ่มต่างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-24 แต่การมีเซ็กส์แบบเสี่ยง อย่างเช่นการมีคู่นอนหลายคนหรือการใช้เงินซื้อบริการทางเพศกลับลดลง ขณะที่การใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ชายในกลุ่มที่ขลิบ เชื่อว่าพวกเขามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวีน้อยลง โดยก่อนขลิบมี 30 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าพวกเขามีความเสี่ยงสูง แต่พอหลังการขลิบเหลือแค่ 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยังคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวี

ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้ขลิบ ในช่วงต้นของการสำรวจ มีประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อตัวเองมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวี และเมื่อการสำรวจสิ้นสุดก็ยังมีประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูง

อย่างไรก็ตาม การรับรู้ที่ต่างกันไม่ได้หมายความว่าจะทำให้พฤติกรรมต่างกัน

เนลลี เวสเตอร์แคมป์ หัวหน้านักวิจัยของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ได้ระบุไว้ในเอกสารแถลงข่าวว่า หลายประเทศที่ได้ระงับการดำเนินโครงการขลิบหนังหุ้มปลายองคชาต เนื่องจากขาดหลักฐานพิสูจน์ว่ามันจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสียหรือไม่ ก็ควรที่จะเลิกกังวลได้แล้ว



ด้านการประชุมโรคเอดส์นานาชาติที่เมลเบิร์น ก็มีการเสนอผลการศึกษาที่ระบุว่า การจ่ายเงินชดเชยในรูปแบบของคูปองอาหารที่มีมูลค่าประมาณ 9 - 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการจูงใจที่ได้ผลสำหรับโครงการรณรงค์ให้ชายเข้ารับการขลิบ

องค์การอนามัยโลกและโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ เวลานี้ได้แนะนำให้มีการขลิบด้วยความสมัครใจใน 14 ประเทศทางตะวันออกและทางใต้ของทวีปแอฟริกา ที่มีการระบาดของโรคเอดส์อย่างแพร่หลาย

อย่างไรก็ตาม ประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงมีตัวเลขผู้เข้ารับการขลิบไม่ถึงยอดที่ตั้งไว้ นอกจากนี้นักวิจัยยังระบุถึงอุปสรรคอีกอย่างก็คือ การสูญเสียรายได้เนื่องจากต้องหยุดงาน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาขลิบเท่าที่ควร

ฮาร์ชา ธิรูเมอร์ธี จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาวิทยาเขตแชเปิลฮิลล์ ได้นำทีมทำการศึกษาชายผู้ที่ยังไม่ขลิบจำนวน 1,504 คน ในเอ็นยันซา ที่มีอายุระหว่าง 25-49 ปี และได้มีการแบ่งกลุ่มแบบการสุ่ม โดยที่แต่ละกลุ่มจะได้รับข้อเสนอเป็นคูปองอาหารหลากหลายราคา รวมถึงกลุ่มที่ไม่มีการจ่ายค่าชดเชยให้ด้วย

ผลสำรวจพบว่า 9 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับข้เสนอเป็นคูปองอาหาร 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตัดสินใจที่จะขลิบภายในเวลา 2 เดือน ส่วนกลุ่มที่ได้รับคูปองมูลค่า 8.75 ดอลลาร์ มีผู้ตัดสินใจขลิบ 6.6 เปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มที่ได้รับคูปอง 2.5 ดอลลาร์ มีผู้ตัดสินใจขลิบเพียงแค่ 1.9 เปอร์เซ็นต์ ด้านกลุ่มที่ไม่ได้รับข้อเสนอคูปองอาหาร มีเพียงแค่ 1.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ตัดสินใจขลิบ

รายงานการศึกษาชิ้นนี้ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมแพทย์อเมริกัน ระบุว่า ตัวเลขผู้ขลิบโดยรวมถือว่าเพิ่มขึ้นแค่ "พอประมาณ" แต่สำหรับกลุ่มผู้ที่แต่งงานแล้วและผู้สูงอายุมีตัวเลขเข้ารับการขลิบที่เพิ่มขึ้นมาก ทั้งที่เคยเป็นกลุ่มที่โน้มน้าวใจให้ขลิบได้ยาก

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก

เกิดปรากฏการณ์แสงสีแดงสุดแปลกบนท้องฟ้า เหนือเม็กซิโก วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557



เกิดปรากฏการณ์สุดแปลกบนท้องฟ้าหรือที่เรียกกันว่า วิญญาณสีแดง(Red Sprites) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.57 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก โดยภาพนี้ถูกถ่ายไว้ได้จาก Harald Edens ซึ่งเขาทำงานอยู่ในห้องปฏิบัติการ Langmuir เป็นห้องศึกษาเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศโลก

ปรากฏการณ์นี้ทางนักวิทย์เรียกว่า Red Sprites ซึ่งเป็นแสงในชั้นบรรยากาศ ที่เกิดขึ้นช่วงฝนฟ้าคะนองและเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่เศษเสี้ยวของระยะเวลากระพริบตาเท่านั้น แต่ในปัจจุบันสามารถเก็บภาพและบันทึกภาพปรากฏการณ์นี้ไว้ได้ โดยผ่านการถ่ายภาพด้วยกล้องในสภาวะแสงน้อย (Low Level Television) Red Sprites เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติฟ้าผ่าในชั้นบรรยากาศรูปแบบใหม่ที่ค้นพบล่าสุด และไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนจนกระทั้งเวลาล่วงเลยเกือบถึงศตวรรษที่ 20 มันจึงถูกพบเห็น การค้นพบนี้มีความสำคัญเปรียบเหมือนการค้นพบล่าสุด และการค้นพบนี้มีความสำคัญเปรียบเหมือนการค้นพบเจออวัยวะใหม่ในร่างการมนุษย์ นักวิจัยบางคนเชื่อว่าพวกเขาจะศึกษาเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้ เข้ากับรังสีคอสมิกอนุภาคจากห้วงอวกาศที่มาปะทะกันกับชั้นบรรยากาศของโลก จนทำให้เกิดการจุดประกายแสงหรือที่เรียกว่า วิญญาณสีแดง(Red Sprites)

ที่มา Spaceweather.com Realtime Image Gallery

ข้อมูลเพิ่มเติม
เกิดปรากฏการณ์แสงสีแดงสุดแปลกบนท้องฟ้า เหนือเม็กซิโก | สถานการณ์ภัยพิบัติ

 

Heng Kittipun



- รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ. 2563 อัพเดทล่าสุด
คาดการณ์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ฟ สหรัฐอเมริกาน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองที่อยู่ริมชายฝัง , เกาะ , เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน
อาจจมน้ำได้ปริมาณน้ำที่เคยเป็นหิ้งน้ำแข็ง และที่เคยหักเป็นก้อนอยู่ในทะเลในฤดูหนาวนั้นมีปริมาณหลายพันลูกบาศก์กิโลเมตร ซึ่งมากพอที่จะเพิ่มระดับ
น้ำทะเลให้สูงกว่าเดิมถึง 6,400 นิ้ว หรือ 16,000 เซนติเมตร หรือ 160 เมตร ในปี ค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ. 2563 นั้นแสดงว่า ไอพีซีซี คำนวณการเพิ่ม
ของระดับน้ำทะเลพลาดไป 1 เท่าตัว เพราะไม่ได้เอาปัจจัยหิ้งน้ำแข็งมาคำนวณ จากผลการศึกษาชุดล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปทั้ง 3 คนนี้
คาดว่า เร็วๆนี้ ไอพีซีซี คงจะออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยตัวใหม่ที่ส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก ‘ สรุประดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง
160 เมตรทั่วโลก ดร.จิรพล กล่าว

รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ 160 เมตร ประมาณ พ.ศ. 2563
1. นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน
2. ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน
3. ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน
4. โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน
5. ออสตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน
6. ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน
อเมริกาใต้
7. การากัส เวเนซุเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน
8. บัวโนสใฮเรส อาร์เจนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน
9. โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน
10. เซาเปาลู บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน
11. ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน
ไปดูยุโรปบ้าง
12. ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน
13. เฮงซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน
14. ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน
15. สตอสโฮร์ม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน
16. อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน
17. ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน
ไปดูแถบเอเชียบ้านเรากัน
18. โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน
19. นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน
20. โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน
21. ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน
22. เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน
23. ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน
24. ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน
25. กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน (15,000,000) คน + ประชากรแฝง
26. สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน
27, ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน
ลงไปออสเตรเลีย
28. ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน
29. วิกตรอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน
30. เวงลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน

 

“กองทัพอิสราเอล” ใช้ “ระเบิดฟอสฟอรัสขาว” โจมตีพลเรือนในกาซาแล้ว
วันอังคารที่ 22 กรกฏาคม 2014 เวลา 00:32 น. อีเมล พิมพ์ PDF

สำนักข่าว IMM :มีรายงานล่าสุดว่า กองทัพอิสราเอลทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ ใช้ระเบิดที่มีส่วนผสมฟอสฟอรัสขาวโจมตีบ้านเรือนพลเมืองในเขตฉนวนกาซา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสารชนิดนี้จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการเผาไหม้ที่ผิวหนังอย่างรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตภายในเวลาอันรวดเร็ว

สำนักข่าวเพรสทีวี PRESS TV รายงานว่า มีรายงานล่าสุดว่า กองทัพอิสราเอลทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศ ใช้ระเบิดที่มีส่วนผสมฟอสฟอรัสขาวโจมตีบ้านเรือนพลเมืองในเขตฉนวนกาซา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสารชนิดนี้จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการเผาไหม้ที่ผิวหนังอย่างรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตภายในเวลาอันรวดเร็ว

“ฟอสฟอรัสขาว” เป็นสารที่มีลักษณะ คล้ายขี้ผึ้ง มีสีขาวใสออกเหลือง มีกลิ่นคล้ายกระเทียม จะทำการสันดาปอย่างรวดเร็วเฉกเช่นเดียวกับออกซิเจน จะทำให้เกิดประกายไฟและควันสีขาว และเมื่อได้เจอกับความชื้นจะทำปฏิกิริยาจนเกิดกรดฟอสฟอริก เมื่อสัมผัสผิวหนังของมนุษย์ จะไหม้ทั้งผิวหนังและเนื้อทุกส่วนจนเหลือแต่ซากกระดูกเท่านั้น

การใช้กระสุนระเบิดฟอสฟอรัสขาว กับพลเรือนถือเป็นข้อห้ามในกฎหมายระหว่างประเทศ ถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามกับพลเรือนที่ไร้อาวุธ



แพทย์อาสาสมัครท่านหนึ่งชาวนอร์เวย์ในเขตฉนวนกาซา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “ล่าสุดกองทัพของอิสราเอลได้โจมตีทั้งทางบกและทางอากาศในเขตฉนวนกาซา ที่มีพลเรือนอาศัยจำนวนมาก และเป็นเขตอาศัยของพลเรือน ด้วยระเบิดที่มีฟอสฟอรัสขาว และระเบิดสารก่อมะเร็งแล้ว”

แพทย์บางท่านได้เปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าวว่า “ผู้ที่บาดเจ็บจากการโจมตีของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาบางคน ที่ถูกส่งตัวมารักษา บางรายที่ได้รับผลกระทบบาดเจ็บจากอาวุธชนิดใหม่มาก ที่พวกเขาเองก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอาวุธประเภทใด แม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์รักษาผู้บาดเจ็บจากภัยสงครามมามากแล้วก็ตาม”

จากการเปิดเผยของบรรดาแพทย์ที่รักษาผู้บาดเจ็บในฉนวนกาซาเวลานี้ ชี้ชัดว่า กองทัพของอิสราเอลได้ใช้อาวุธที่ร้ายแรง ซึ่งมีส่วนผสมของยูเรเนียม และฟอสฟอรัสขาว ในการโจมตีพลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาอย่างหนัก

ผ่านไปเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ที่กองทัพอิสราเอลได้บุกโจมตีทั้งทางอากาศและทางบกในเขตฉนวนกาซา ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ราว 510 คนเสียชีวิต ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนมากเป็นพลเรือนรวมทั้งเด็กๆ และสตรีผู้ไร้หนทางสู้ และบาดเจ็บอีกว่าห้าพันคนแล้ว

ในขณะที่สหประชาชาติ ได้แค่ประกาศเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง และได้แค่แสดงความกังวลต่อเรื่องของสิทธิมนุษยชน และเป็นกังวลต่อเรื่องของชีวิตพลเรือนที่ถูกฆ่าสังหารตายทุกวัน โดยไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมจนถึงเวลานี้

ที่มา / PRESS TV

- See more at: “กองทัพอิสราเอล” ใช้ “ระเบิดฟอสฟอรัสขาว” โจมตีพลเรือนในกาซาแล้ว

“กองทัพอิสราเอล” ใช้ “ระเบิดฟอสฟอรัสขาว” โจมตีพลเรือนในกาซาแล้ว

 

MH17 ตกที่ยูเครน “ใครอยู่เบื้องหลัง? ใครได้ประโยชน์? อะไรคือเป้าหมาย?”
วันจันทร์ที่ 21 กรกฏาคม 2014 เวลา 20:17 น. อีเมล พิมพ์ PDF

สำนักข่าว IMM :สหรัฐฯกำลังสร้างความชอบธรรม ในการประกาศสงคราม เกมส์นี้ยิ่งช้า สหรัฐอเมริกานั่นแหละ เสียเปรียบที่สุด ไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร? เพราะหนี้สาธารณะที่สร้างมานั้น ชาตินี้ทั้งชาติยังไงสหรัฐฯก็ใช้ไม่หมด มีหนทางเดียวก็คือ ล้มทุกอย่างด้วยสงคราม แล้วถ้าใครเป็น "ผู้ชนะ" จะเป็นคนกำหนด เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่นั่นเอง...

หลายวันก่อน ผมได้วิเคราะห์หาสาเหตุ และแรงจูงใจ จากเหตุการณ์ MH17 ตกที่ยูเครนนะครับ และพยายามที่จะหาที่มา จากเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ใครได้ประโยชน์บ้าง? แล้วเราก็จะรู้ว่า ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง?

วันนี้จากการอ่านบทวิเคราะห์ของสื่อๆหลายๆสำนัก ที่เริ่มตั้งข้อสังเกต ถึงพิรุธและห้วงเวลาที่เกิดขึ้น เช่น Pepe Escobar ทำงานอยู่ที่ เอเชียไทม์ ฮ่องกง นะครับ ส่วนใหญ่จะมุ่ง ประเด็นไปที่ ใครได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ (So who profits?)

และสิ่งที่น่าแปลกก็คือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 2 วันภายหลังจากที่ BRICS ประกาศ ก่อตั้งธนาคารร่วมกันขึ้น โดยไม่ใช้เงินดอลลาร์ เป็นการตอกหน้าสหรัฐ ในขณะเดียวกับที่ อิสราเอลกำลังส่งทหารบุก ฉนวนกาซา ส่วนมาเลเซีย ตกอยู่ในที่นั่งที่ฝ่ายถูกกระทำและยากที่จะปฏิเสธ

และถามว่าทำไม ถึงเป็นมาเลเซีย มีคนตั้งข้อสังเกตนะครับว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น อาจจะไม่พอใจ ที่มาเลเซียนำโดย ดร.มหาเธร์ เคยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม เรื่องเหตุการณ์ 9/11 โดยเชิญสื่อมวลชน และนักวิเคราะห์ ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก มาให้ข้อมูลว่าใครอยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ 9/11 ที่ กัวร์ลาลัมเปอร์ในเดือน พ.ย.2012 หนึ่งในวิทยากร ที่ได้รับเชิญ คือ ศาสตราจารย์ มิเชล โชซูดอฟสกี้ ชาวแคนาดา ผู้ก่อตั้งเว็บ Globalresearch เป็นหนึ่งในวิทยากร ในการบรรยายในครั้งนั้น ซึ่งจริงๆเหตุการณ์ 911 พุ่งเป้าไปที่ ซีไอเอของสหรัฐ และมอสสาด หรือรัฐบาลอิสราเอล ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น



นอกจากนี้จากกระแสข่าว กองทัพยูเครนกำลังจะเพลี่ยงพล้ำในสถานการณ์การสู้รบกับกองกำลังติดอาวุธ เพราะตามรายงานเสียชีวิตจำนวนมาก และทางสหรัฐและนาโตก็ไม่สามารถสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ได้ทัน ช่วงเวลาเหล่านี้จึงมีค่าเป็นอย่างยิ่ง ในการเจรจากับกลุ่มติดอาวุธเพื่อหยุดยิง เพื่อรอเสริมกำลังและอาวุธจากกองกำลังนาโต

แน่นอนครับ เรื่องนี้ทางรัสเซีย มีล้วงรู้ข้อมูลทุกอย่าง พร้อมทั้งหลักฐานอย่างชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้น? เพราะเรดาร์ของรัสเซียสามารถจับการทำงานทุกอย่างเครื่องบินทุกลำที่เคลื่อนไหวในยูเครน แต่รัสเซียดูเหมือนว่า จะไม่บุ่มบ่ามครับ กำลังรอดูท่าทีของสื่อมวลชนและสำนักข่าวต่างประเทศ ว่าจะมีกี่สำนักที่รับลูกจากรัฐบาลวอชิงตัน

แตกต่างจากรัฐบาลวอชิงตัน โดยสิ้นเชิงที่เวลานี้ ที่รู้ทุกอย่างทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียว ส่วนภาพถ่ายรถบรรทุกขีปนาวุธ ที่อ้างว่าเป็น BUk ของรัสเซียนั้น แต่ไม่รู้ว่าไปแอบถ่ายจากที่ไหน แต่สื่อตะวันตกหนังสือพิมพ์หลายสำนัก ก็ประโคมข่าวทั้งวัน แล้วก็รับลูกกันเป็นทอดๆ

นอกจากนี้ขณะนี้รัฐบาลวอชิงตัน ก่อนหน้าที่จะประกาศจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่บรรดาผู้นำของสหภาพยุโรปในที่ประชุมที่ กรุงบรัสเซลล์ของเบลเยียม มีมติไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่สามารถเพิ่มแรงกดดันไปยังสหภาพยุโรป หรือไม่ก็วัดกันไปเลยว่า ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้น สหภาพยุโรปจะเลือกใคร?

โดยเฉพาะทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ คือ ซาแมนธา พาวเวลล์ และ ฮิลลารี คลินตัน ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ คนถัดไปต่อจาก บารัค โอบามา ออกมาฟันธงล่วงหน้าว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่จริงๆ ก็คือต้องการพุ่งเป้าไปยังขีปนาวุธ BUK ของรัสเซีย เพราะเขารู้ว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่มีแค่ขีปนาวุธประทับบ่านั้น ไม่สามารถสอยเครื่องบินโดยสารที่มีเพดานบินมากกว่า 10,000 เมตรได้ เพราะฉะนั้นชัดเจนครับว่า เรื่องนี้รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตร โดยเฉพาะอิสราเอล ได้ประโยชน์เต็มๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากหลักฐานภาพถ่าย และพิรุธต่างๆ ที่ออกมา และบทสนทนาในทวิตเตอร์ที่เป็นภาษาสเปน ของเจ้าหน้าที่ หอบังคับการบินชาวสเปน และชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในยูเครน ซึ่งข่าวล่าสุดคือ ถูกไล่ออก และตอนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะไปเผยแพร่ข้อมูลว่าพบเครื่องบินรบของยูเครนบินอยู่ใกล้กับเครื่องบินลำดังกล่าว

นอกจากนี้ยังมีภาพที่ถูกบันทึกขณะที่เกิดการระเบิด เหนือเครื่องบินนั้น มีแชฟท์ (shaft) หล่นลงมาท่ามกลางกลุ่มควัน shaft และ Flare เป็นสิ่งที่ใช้กับเครื่องบินทหาร เพื่อหลบหนีการตรวจจับของเรดาร์ (Radar tracking) ส่วน Flare ใช้หลอกขีปนาวุธที่นำวิถีด้วยความร้อนหรืออินฟราเรด (IR tracking)shaft แล้วถามว่ามี เศษของ Shaft ร่วงลงมาท่ามกลางกลุ่มควันได้อย่างไร? แสดงว่ามีเครื่องบินทหารบินอยู่เหนือเป้าหมายที่เกิดการระเบิด

และนอกจากนี้ คลิ๊ปที่สื่อตะวันตกเผยแพร่ออกมานั้น ต้นฉบับจริงๆ เป็นการดักฟังการสนทนาระหว่าง นายทหารระดับสูงด้านการข่าวของรัสเซีย คุยกับหัวหน้ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลเคียฟ พูดถึงเหตุการณ์การยิงเครื่องบินขนส่งทหารของยูเครน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ทางยูเครนเอามาตัดต่อขึ้น ซึ่งทำล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์ MH17 เพียงหนึ่งวัน

และตอนนี้กระแสข่าวว่า ตารางบินที่ได้จากเว็บ Flightradar24.com - Live flight tracker! ปรากฎว่าเที่ยวบิน MH17 ในวันนั้นยกเลิก หรือเที่ยวบินวันนั้นไม่ได้วิ่งขึ้นจากอัมสเตอร์ดัมส์

แล้วถามว่าเครื่องบิน ที่บินในยูเครนมาจากไหนครับ? แล้วซากเครื่องบินที่อ้างว่าเป็น MH17 และคลิ๊ปที่ปรากฏเผยแพร่ออกมา ที่เห็นเปลวเพลิงลุกไหม้นั้น แท้จริงแล้วมาจากเครื่องบินลำใดนั้นแท้จริงแล้ว เป็นของเครื่องบินลำใด? หรือเป็น MH370 ที่ที่หายไป? แล้วสหภาพยุโรปมีส่วนมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่? ส่วนรัฐบาลมาเลย์นั้นคงไม่ต้องถามครับ เพราะถ้าเหตุการณ์นี้ ทำให้ประเทศในสหภาพยุโรปเงียบได้ ประเทศเล็กๆ อย่างมาเลเซียคงไม่ต้องไปพูดถึง

อย่าลืมนะครับว่า ช่วงเกิดกรณีของเครื่องบิน MH370 มีกระแสข่าว่า ทางการเนเธอร์แลนด์ได้ส่งเครื่องบิน F-16 ขึ้นสกัดกั้น เครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้า บินมาจากฟลอริดาและกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ประชุมผู้นำ นิวเคลียร์ของโลก เพราะไม่ยอมตอบทรานสปอนเดอร์ เครื่องบินลำนี้โผล่มา ภายหลังจากการหายไปของ MH370 เพียงไม่ถึงสองสัปดาห์ ซึ่งช่วงนั้นทางการอิสราเอลถึงกับสั่งปิดน่านฟ้า และสถานทูตทั่วโลก

แต่ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น จะเป็น MH17 หรือเครื่องบินลำใด แต่ตอนนี้ "ชัดเจน 100%" ครับว่า ทั้งหมดเป็นการสร้างสถานการณ์ (False flag) เพื่อทำลายรัสเซียครับ ตอนนี้คงไม่ต้องถามว่า มหาอำนาจใดอยู่เบื้องหลัง และนี่คือสัญญาณอะไร?

เพราะฉะนั้นช่วงนี้ ถ้าท่านยังมัวแต่ ติดตามข่าวสาร ที่สื่อตะวันตกและสหรัฐพยายามชี้นำสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่พยายามศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน สื่อฟรีทีวีบ้านเราคงไม่ต้องไปพูดถึงนะครับ เพราะส่วนใหญ่ก็ไปลอกสื่อตะวันตกมาอีกที เพราะมิเช่นนั้น ท่านจะพลาดห้วงเวลาที่ สำคัญที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เพราะก่อนหน้าเหตุการณ์ เครื่องบิน MH17 รัฐบาลเยอรมันที่เพิ่งเริ่มได้กลิ่นของ ปฏิบัติการ "False flag" ขึ้น และคาดว่า ก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคมนะครับ และกำลังขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย เพราะเกรงว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าหมาย จากการดักฟังแผนการของ ซีไอเอ และขับซีไอเอออกนอกประเทศ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับ กลุ่ม ISIL ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่อิรัก และเกี่ยวข้องกับ "อาวุธนิวเคลียร์" แต่งานนี้ยังไม่รู้ว่า ใครจะเจอแจ็คพ็อต

เพราะไม่แน่ว่า ถ้าเหตุการณ์ MH17 ในครั้งนี้ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของ เป็นเพียงออเดิร์ฟในการเตรียมพร้อมในสงครามเท่านั้น ครั้งต่อไปน่าจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่า เพราะน่าจะเล่นกันถึงนิวเคลียร์เพื่อจุดชนวนสงครามโลกให้ได้ ถามว่าเพราะอะไร?

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (bank of international settlement) หรืออีกอย่างว่า "central bank" ประกาศออกมาแล้วว่า กำลังล้มละลายทั้งนี้ตั้งแต่ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ ประธานIMF เคยพูดไว้ตั้งแต่ต้นปีว่า กับปริศนาของเลข 7 ที่เคยนำเสนอไปแล้วนั่นแหละครับ และช่วงเวลานี้จึงเหมือนห้วงเวลา ที่ชาติมหาอำนาจ กำลังชิงไหวพริบในการ สร้างความชอบธรรม ในการประกาศสงคราม

เพราะเกมส์นี้ยิ่งช้า สหรัฐอเมริกานั่นแหละครับ เสียเปรียบที่สุด ไม่ต้องถามครับเพราะอะไร? เพราะหนี้สาธารณะที่สร้างมานั้น ชาตินี้ทั้งชาติยังไงก็ใช้ไม่หมด มีหนทางเดียวก็คือ ล้มทุกอย่างด้วยสงคราม แล้วถ้าใครเป็น "ผู้ชนะ" จะเป็นคนกำหนด เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่นั่นเอง

โดย ... chalee.naroied

ที่มา / www.facebook.com/chalee.naroied

- See more at: MH17 ตกที่ยูเครน “ใครอยู่เบื้องหลัง? ใครได้ประโยชน์? อะไรคือเป้าหมาย?”

กำลังออกจาก Facebook...

 

จับยายวัย 73 ขายอาหารป่าพร้อมของกลาง แกง 2 ถุง เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV วันที่ 9 กรกฎาคม 2557 18:47 น.



เวลาประมาณ 14.10 น. ของวันที่ 7 ก.ค.57 ชุดตรวจสืบสวนร่วม ตำรวจ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สต.1(ทุ่งนุ้ย) เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสะตว์ป่าหนองปลักพระยาและเขาพระยามังสา ได้เข้าตรวจสอบที่ร้านป้าชีพ นางชีพ บัวทอง อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ที่ 1 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จว.สตูล รับเป็นเจ้าของร้าน พบซากสัตว์ป่าหวงห้ามที่ใช้ในการผลิตหรือปรุงเป็นอาหารป่าแล้วจำนวน 2 รายการ คือ ซากตะกวด(แกง)น้ำหนักประมาณ 220 กรัม ซากกระรอก(แกง) น้ำหนักประมาณ 240 กรัม จึงได้ควบคุมตัวนางชีพฯ พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนกาหลง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ข่าวรายงานว่า ล่าสุดในวันนี้ (9 ก.ค.) คุณยายได้รับการประกันตัวแล้วด้วยวงเงิน 100,000 บาท

จับยายวัย 73 ขายอาหารป่าพร้อมของกลาง แกง 2 ถุง - Nation TV

 

รู้จัก"แมงมุมพิษ"มหาภัย สารพัดสายพันธุ์-กัดถึงตาย!

แมงมุม ตัวเล็กนิดเดียว แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์พิษร้ายแรงก็ทำให้ "มนุษย์" เราถึงตายได้ถ้าโดนกัด



เคสภัยแมงมุมสยองล่าสุดในเมืองไทย เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือ นายอุทัย เวียงคำ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ที่ 5 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่

วันที่ 8 ก.ค. เข้านอนอยู่ในบ้านตัวเองแท้ๆ จู่ๆ ถูกแมงมุมตัวสีน้ำตาลกัดเข้าให้ ด้วยปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ จึงฆ่าแมงมุมตาย



จากนั้นนอนหลับต่อ ไม่ได้คิดอะไร

ผ่านไปไม่กี่วัน ปรากฏว่าแผลเริ่มปวดบวมอักเสบร้ายแรง พิษจากแผลลามเข้าสู่ร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาลเด่นชัย ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแพร่

ล่าสุดแพทย์วินิจฉัยว่าอาจต้องตัดขาทิ้ง เพื่อรักษาชีวิต ขณะที่ญาติยังไม่แน่ใจ รอว่าอาจเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นได้!

ข่าวคราวแมงมุมมหาภัยดังกล่าว ทำให้คนหวาดผวาไปทั่ว

สำหรับผลการตรวจวิเคราะห์โดย "ศิริราช" ชี้ชัดออกมาว่า แมงมุมพิษที่เล่นงานนายอุทัย ไม่ใช่สายพันธุ์ "แม่ม่ายสีน้ำตาล"

แต่แท้จริงแล้ว คือ พันธุ์ "แมงมุมพิษสีน้ำตาล"

18 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ตึกอำนวยการ ร.พ.ศิริราช พญ.ธัญจิรา จิรนันทกาญจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาคลินิก ศูนย์พิษวิทยาศิริราช แถลงข่าว ผลพิสูจน์ซากแมงมุม ว่า

ศูนย์พิษฯ ได้รับการติดต่อจากร.พ.แพร่ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยที่สงสัยว่าถูกแมงมุมพิษกัดที่ขา 2 ข้าง เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สองหลังจากผู้ป่วยถูกแมงมุมกัด

จากการพิจารณาพบว่าผู้ป่วยน่าจะถูกแมงมุมกัดจริง เนื่องจาก ผู้ป่วยเห็นตัวแมงมุม สามารถบอกได้ว่าเป็นสีน้ำตาลแดง ระบุขนาด และได้ตีแมงมุมจนตาย

อาการของผู้ป่วยเข้าได้กับกลุ่มอาการที่เรียกว่า "ล็อกโซเซลิซึม (Loxoscelism)" ซึ่งเกิดจากแมงมุมพิษสีน้ำตาลในกลุ่มล็อกโซเซเลส สปีชีส์ เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณรอยกัด

ต่อมาผิวหนังบริเวณโดยรอบที่กัดมีการบวม เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินคล้ำ และมีถุงน้ำสีน้ำเงินออกม่วง

นอกจากนี้ ยังมีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ การทำงานของตับและไตผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ และติดเชื้อแทรกซ้อนในกระแสโลหิต จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาหดหลอดเลือด การฟอกไต และการผ่าตัดแผลที่ติดเชื้อ

"อาการป่วยเช่นนี้เป็นคนละกลุ่มกับแมงมุมแม่ม่าย สีน้ำตาล แต่อาจมีการสับสนเกี่ยวกับชื่อได้ เพราะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน ซึ่งอาการของผู้ป่วยที่ถูกแมงมุมแม่ม่ายสีน้ำตาลกัดจะมีอาการปวดอย่างรุนแรง อาจมีเหงื่อไหลออกมาก ปวดเกร็งกล้ามเนื้อท้อง ปวดขา อาการจะเด่นทางระบบประสาท และแผลไม่มีการอักเสบเช่นผู้ป่วยรายนี้" พญ.ธัญจิรากล่าว

พญ.ธัญจิรากล่าวอีกว่า นอกจากวินิจฉัยจากอาการของผู้ป่วยแล้ว ต้องดูลักษณะของแมงมุมที่กัดด้วย จึงบอกได้ว่าถูกแมงมุมชนิดใดกัด

โชคดีที่ผู้ป่วยรายนี้ได้ตีแมงมุมจนตาย โดยญาติผู้ป่วยได้เก็บซากแมงมุมนำส่งศูนย์พิษวิทยาศิริราช ซึ่งเราได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านแมลงและสัตว์ขาข้อคือ ผศ.ณัฐ มาลัยนวล และ รศ.พญ.สุภัทรา เตียวเจริญ ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ด้วยการดูแมงมุมด้วยตาเปล่าและกล้องจุลทรรศน์

ผลตรวจเบื้องต้นพบว่า แมงมุมที่ส่งมานั้นมีทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก โดยแมงมุมตัวใหญ่เป็นแมงมุมที่พบทั่วไปตามบ้านและสวน ไม่มีพิษ ส่วนตัวเล็กขนาด 7 มิลลิเมตรนั้นพบว่าเป็นแมงมุมในกลุ่มแมงมุมพิษสีน้ำตาล (Family Brown Rescluse) ลักษณะเด่นของแมงมุมกลุ่มนี้คือ มีตา 3 คู่กระจายอยู่เป็นรูปตัวยู รวมเป็น 6 ตา ซึ่งต่างจากแมงมุมทั่วไปที่มี 4 คู่หรือ 8 ตา ขณะที่เขี้ยวของแมงมุมก็โค้งเข้ามาด้านใน ไม่ได้โค้งลง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซากแมงมุมมีการเปลี่ยนสภาพ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบลักษณะเด่นของแมงมุมกลุ่มนี้ได้คือลายที่มีลักษณะคล้ายไวโอลินที่ลำตัว จึงต้องมีกระบวนการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป ก่อนระบุได้ชัดเจนมากกว่านี้

ถือว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นรายแรกของประเทศไทยที่เข้ามารักษาจากการถูกแมงมุมชนิดนี้กัด พร้อมด้วยซากแมงมุม เพราะปกติส่วนใหญ่จะเข้ามารักษาอย่างเดียว โดยไม่มีซากแมงมุมและมักจะอธิบายลักษณะแมงมุมไม่ได้

ด้าน รศ.พญ.สุภัทรากล่าวว่า แมงมุมพิษที่พบทั่วไปเท่าที่มีรายงานคือ แมงมุมแม่ม่ายดำ แม่ม่ายน้ำตาล และแมงมุมพิษสีน้ำตาล

โดยแมงมุมแม่ม่ายดำจะมีขนาด 1-2 เซนติเมตร ตัวสีดำ เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะ "จับตัวผู้กิน" จึงได้ชื่อว่าแม่ม่าย ลักษณะเด่นคือมีลายนาฬิกาทรายใต้ท้อง

ส่วนแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลจะมีลักษณะเช่นเดียวกับแมงมุม แม่ม่ายดำ แต่มีสีน้ำตาล

โดยพิษในกลุ่มแมงมุมแม่ม่ายจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผิวหนังตาย มีเลือดออก มีพิษรุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้

ส่วน "แมงมุมสีน้ำตาล" มีขนาดเล็กเช่นกันประมาณ 1-2 เซนติเมตร ลักษณะเด่นคือมีลายไวโอลินที่ส่วนของอก แต่พิษของแมงมุม สีน้ำตาลจะไม่เป็นพิษต่อระบบประสาท แต่พิษจะทำปฏิกิริยาที่เยื่อ หุ้มเซลล์ ทำให้เซลล์ตาย เมื่อถูกกัดมักไม่มีอาการในระยะแรกแต่ หลังจากนั้น 3-8 ชั่วโมงจะเริ่มรู้สึกเจ็บ บวมแดง มีการอักเสบ เป็นผื่น แผลเริ่มมีสีดำไหม้ เป็นหนอง ขนาดแผลเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2.5 เซนติเมตร

หากไม่รักษาเนื้อจะตายลุกลามไปเรื่อยๆ

แมงมุมสีน้ำตาลไม่ใช่แมงมุมในถิ่นบ้านเรา ส่วนใหญ่ อยู่แถบอเมริกากลาง เช่น เม็กซิโก

นพ.สุชัย สุเทพารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายกสมาคมพิษวิทยาคลินิก และที่ปรึกษาสถานเสาวภา ให้ความรู้ว่า

สถานเสาวภามีคลินิกพิษจากสัตว์ รับปรึกษาผู้ป่วยจากงูกัด สัตว์มีพิษ สำหรับแมงมุมมีเข้ามาปรึกษาประปราย ปีละไม่ถึง 10 ราย แต่เชื่อว่าคนที่ถูกแมงมุมกัดมีมากกว่านั้น แต่ไม่ได้เข้ามาปรึกษา

ทั้งนี้ แมงมุมนั้นมีพิษทั้งหมด อยู่ที่ว่ามีพิษมากหรือพิษน้อย อย่างแมงมุมทั่วไปก็สามารถกัดได้ แต่อาการจะคล้ายแมลงกัดต่อย มีอาการปวดบวมร้อน ดังนั้น เวลาถูกแมงมุมกัดจะแยกว่ามีพิษมากหรือน้อย ควรไปพบแพทย์หรือไม่ ให้สังเกตจากอาการ เพราะส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจำลักษณะแมงมุมไม่ได้

หากถูกกัดแล้วให้รอดูอาการ 1 คืน หากมีอาการแค่ปวดบวมธรรมดา เจ็บหรือผื่นขึ้นก็ไม่เป็นไร แต่หากอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบ มาพบแพทย์

นอกจากนี้ หากถูกกัดแล้วมีอาการปวดจนทนไม่ไหว หน้ามืด อาเจียน ไข้ขึ้น ให้มาพบแพทย์ทันที

ส่วนการป้องกันแมงมุมกัดนั้น พวกยาทาป้องกันอาจใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทางที่ดีคือควรจัดบ้านให้สะอาด และไม่แหย่แมงมุมเล่น

"แมงมุม 1 ตัว ทำให้เสียชีวิตน้อยมาก แต่ทำให้อาการหนักได้ บางสายพันธุ์แม้พิษจะรุนแรงมากกว่างู แต่ด้วยสัดส่วนของแมงมุมแล้ว ซึ่งมีขนาดเล็ก ปริมาณพิษจึงน้อยมาก ก็ไม่ทำให้เกิดพิษรุนแรง นอกจากนี้ แมงมุมแต่ละตัวปริมาณน้ำพิษไม่เท่ากัน แม้จะเป็นแมงมุมชนิดเดียวกัน แต่กัดแต่ละครั้งก็ทำให้ ผู้ป่วยเกิดอาการมากน้อยต่างกันได้ บางรายกัดเป็นแผล บางรายก็อาจรุนแรง" นพ.สุชัยกล่าว