ติดตามสถานะการณ์

สยองตัวตะเข็บนับล้าน บุกบ้านสองตา-ยาย เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV วันที่ 14 กรกฎาคม 2557 16:54 น.



อุตรดิตถ์ 14 ก.ค.57 - สยองตัวตะเข็บนับล้าน บุกบ้านสองตา-ยาย หวั่นสัญญาณเตือนภัยธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายคำหล้า ดอกพุฒ นายก อบต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ว่าที่บ้านของนายเปง-นางสุข กันอยู่ บ้านเลขที่ 64 หมู่ 10 บ้านทรายงาม ต.น้ำหมัน มีฝูงตัวตะเข็บจำนวนมากบุกเข้าบ้าน พยายามกวาดทิ้ง ฉีดน้ำ พ่นยาฆ่าแมลง ฝูงตะเข็บที่มีจำนวนมากยังคงไต่เข้าบ้านอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าวอยู่ติดภูเขา พบนายเปงและนางสุข สองตา-ยาย อยู่ในสภาพอิดโรย เหนื่อยล้า โดยนายเปงกำลังใช้เครื่องฉีดพ่นสารเคมีเพื่อกำจัดฝูงตะเข็บ ขณะยายสุข ทำหน้าที่กวดและตัก เตรียมนำไปทิ้ง ทั้งนี้ตั้งแต่ทางเข้าบ้าน ขอนไม้ ต้นไม้ ฝาบ้าน เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ พบตัวตะเข็บเกาะอยู่ทุกซอกทุกมุม



นางสุข เล่าพร้อมทั้งน้ำตาเพราะความกลัวว่า ตื่นเช้าเปิดประตูบ้านพบฝูงตัวตะเข็บ จำนวนมากไต่อยู่เต็มลานบ้าน แบบดำมืดเต็มไปหมด และกำลังจะไต่ขึ้นบ้าน พยายามใช้ไม้กวาดกวาดทิ้ง แต่ฝูงตะเข็บจำนวนมาก นับเป็นล้านตัว ที่คล้ายจะยกฝูงอพยพหนีอะไรบ้างอย่าง ไต่เป็นแถวยาวมาตามร่องน้ำ ที่ไหลจากภูเขาติดตัวบ้าน และเข้ามายังบ้านของตัวเอง บางส่วนไต่ขึ้นต้นไม้เกาะเต็มไปหมด

เพื่อนบ้านมาดู พูดต่างๆนานา ที่ทำให้เกิดความกลัว ว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยอาจเกิดภัยธรรมชาติ น้ำป่า ดินถล่ม เนื่องจากตำบลน้ำหมันเคยประสบดินโคลนถล่ม บ้านเรือนเสียหาย ประชาชนเสียชีวิตมาแล้วเมื่อปี 2549นางสุขกล่าว

นายเปง กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยกำจัด แม้ว่าจะไม่กัด ไม่มีพิษ ไม่เกิดอาการคัน แต่มันน่ากลัว จะเข้าหู เวลานอนหลับ และตัวเหม็นมาก ตักทิ้งไปแล้วกว่า 2 ถังใหญ่ อาศัยอยู่ตำบลน้ำหมันมา 43 ปีไม่เคยเจอ จะใช้วิธีไหนกำจัด แต่ฝูงตะเข็บที่มีจำนวนมาก ยังคงไต่มาภูเขามาเข้าบ้านตัวเองเพียงหลังเดียว

สยองตัวตะเข็บนับล้าน บุกบ้านสองตา-ยาย - Nation TV

 

เล่ากันมาว่า ปลาช่อนงูเห่า ก็ต้องมีดอกจันทร์ ที่หัวเหมือนงูเห่า ไม่เห็นคุณ พูดถึงดอกจันทร์

 

ผวา! กองทัพตะเข็บนับล้านบุกบ้าน หวั่นคลานเข้าปาก-หู อดนอนนั่งเฝ้าทั้งคืน



เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด จ.อุตรดิตถ์ รับแจ้งว่า ที่บ้านทรายงาม ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากฝูงตะเข็บ ซึ่งมีลักษณะตัวเล็กสีน้ำตาลดำ มีขาจำนวนมาก นับล้านตัว บุกเข้าบ้านไต่ตามเสา เพดาน หลังคาและพื้นบ้าน สร้างความเดือดร้อนและหวาดผวาต่อชาวบ้านที่พบเห็น และหวั่นเป็นอันตรายเมื่อเข้าสู่ตามร่างกายและตามอวัยวะต่างๆ อาทิ หู ตา คอ และจมูก นำปูนขาวมาโรยรอบตามบ้าน ก็ยังไต่คลานขึ้นบ้านได้อีก ถึงขั้นนำยาฆ่าแมลงมาฉีดฆ่าตายหรือไล่ไปก็ยังบุกมาตลอด เฝ้าระแวดระวัง จนอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะบ้านของนายเปล่งและนางสุก กันอยู่ บ้านเลขที่ 64 ริมถนนสายทรายงาม-น้ำลี หมู่ที่ 10 บ้านทรายงาม 2 สามีภรรยา ปลูกบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร อาศัยอยู่กันตามลำพังมานานกว่า 40 ปี ไม่เคยพบเห็นฝูงตะเข็บบุกมาหาที่บ้าน แต่ครั้งนี้ต้องหวาดผวาและนอนไม่หลับกับฝูงตะเข็บที่บุกเข้ามาทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยงที่สุด



นายเปล่ง กล่าวว่า เหตุเกิดช่วงวันเข้าพรรษา ก่อนหน้านี้ตอนกลางคืนมีฝนตกหนักทำให้อากาศเย็น ตนไปนอนเฝ้าไร่ ส่วนภรรยาอยู่บ้านลำพังคนเดียว ตอนเช้าเปิดประตูบ้านออกมาพบเห็นฝูงตะเข็บนับล้านตัวเดินขึ้นมาตามร่องน้ำหน้าบ้าน มาอยู่จนเต็มลานบ้าน ภรรยาตกใจและกลัว จึงบอกให้ลูกชายซึ่งอยู่คนละบ้าน นำยาฆ่าแมลงมาไล่ฉีดตายไปเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งหนีตายและรวมตัวกันขึ้นต้นมะม่วงหิมพานต์ ต้นไม้บริเวณหน้าบ้านรวมทั้งป่าละเมาะข้างบ้านด้วย ตัวที่ตายก็เก็บกวาดโกยใส่ปี๊บขนมปัง จำนวน 2 ปี๊บไปทิ้งนอกบ้าน



นายเปล่ง กล่าวว่า เมื่อกลับมาบ้าน พบเห็นฝูงตะเข็บจำนวนหนึ่ง บุกเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว กำลังเดินไต่เกาะอาศัยตามคานไม้บนหลังคาบ้าน ห้องน้ำ ห้องครัว รวมถึงที่นอนด้วย จึงไล่เก็บกวาดและนำปูนขาวมาโรยโดยรอบบ้าน พร้อมน้ำมันทาที่โคนเสา แต่ละต้นเพื่อไม่ให้ไต่ขึ้นบ้าน แต่ยังคงมีตะเข็บจำนวนหลายตัวพยายามไต่ขึ้นบ้านอีก ไล่เก็บกวาดเท่าไหร่ไม่รู้จักหมดสิ้น

สอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันพบเห็นมีฝูงตะเข็บบุกเข้าบ้านหรือไม่ หลายคนปฏิเสธไม่มีและไม่พบเห็น พบเพียงแต่บ้านของตนเพียงหลังเดียว จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือในการปราบฝูงตะเข็บนี้ให้หมดไปเสียที เพราะอดหลับอดนอนมาหลายวันแล้ว

 

คนไทย รักในหลวง

ท่านรู้จัก "ไอรอน โดม" หรือยัง ....
ไอรอน โดม เป็นระบบไฮเทคโนโลยี ที่อิสราเอลคิดค้นขึ้นมาเพื่อปกป้องคุ้มครองน่านฟ้าของอิสราเอล ให้ปลอดภัยจากการโจมตีของขีปนาวุธแบบต่าง ๆ ที่จะถูกยิงมาจาก ฝ่ายปรปักษ์ของอิสราเอล ส่วนมากเป็นการยิงเข้ามายังอิสราเอล จากฉนวนกาซา....
ไอรอน โดม จึงเป็นระบบที่อิสราเอลใช้โต้ตอบ และ สกัด หรือ ทำลายขีปนาวุธของฝ่ายศัตรูอย่างทันทีทันควัน ทันเหตุการณ์ .....
...

อย่างไรก็ดี บางครั้ง ระบบไอรอน โดม ก็เกิดขัดข้อง ..... ทำงานไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ระเบิด หรือ ขีปนาวุธจากฝ่ายตรงข้าม ส่ามารถเล็ดลอดหลุดมาตกในดินแดนของอิสราเอลได้เช่นกัน
พี่น้องคนไทยทุกท่านจึงน่าจะหาเวลาทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ และ พยายามป้องกันตนเอง โดยทำความคุ้นเคยระบบการหลบภัย และการเตือนภัย ที่ ฝ่ายอิสราเอลจะเตือนเป็นประจำนะครับ ...

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/IMBSWGYlnF0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

Sangbad24.net



สหประชาชาติ! สิทธิมนุษยชนคืออะไร ? Plz ไม่สนใจ! หยุดฆ่า ที่ ฉนวน GAZA # linkbangladesh
United Nation!!! What is Human Rights? Plz do not ignore! Stop killing GAZA. #linkbangladesh

 

Khot Khot

มี 5 ตอน ตามดูใน youtube ได้ครับ

ตอนที่ 1
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rM00n4GAl_E]ปาเลสไตน์ชีวิตที่ถูกยึดครอง ตอน 1 - YouTube[/ame]

ตอนที่ 2
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rIFbyXzofac]ปาเลสไตน์ชีวิตที่ถูกยึดครอง ตอน 2 - YouTube[/ame]

ตอนที่ 3
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=1OrAuPn2YYY]ปาเลสไตน์ชีวิตที่ถูกยึดครอง ตอน 3 - YouTube[/ame]

ตอนที่ 4
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=MsTfMA9z1Mc]ปาเลสไตน์ชีวิตที่ถูกยึดครอง ตอน 4 - YouTube[/ame]

ตอนที่ 5
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=CYP_iwOUmTc]ปาเลสไตน์ชีวิตที่ถูกยึดครอง ตอน 5 - YouTube[/ame]

 

Thanong Fanclub
1. ฉนวนกาซ่าอาจจะเป็นชนวนสงครามโลก



ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนกำลังอพยพหนีตายออกจากทางตอนเหนือของฉนวนกาซ่า (Gaza Strip) หลังจากที่ทางอิสราเอลประกาศว่าจะโจมตีทางอากาศต่อเนื่องเพื่อเป็นการตอบโต้การยิงจรวดใส่กรุงเทล อาวีฟโดยพวกฮามาส หรือกลุ่มปาเลสไตน์ที่ต่อต้านอิสราเอล

ในช่วง1สัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว170กว่ารายจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอล ส่วนฝ่ายอิสราเอลยังไม่มีใครเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว สหประชาชาติประกาศว่ามีชาวปาเลสไตน์17,000 คนขอสมัครเป็นผู้อพยพในค่ายลี้ภัยที่หน่วยงานของสหประชาชาติดูแลอยู่

มีข่าวว่ากองกำลังทหารของอิสราเอลได้บุกเข้าไปในกาซ่าเป็นครั้งแรกเพื่อที่จะทะลายรังของฮามาส ท่ามกลางข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่าฮามาสยิงจรวดเข้าอิสราเอลก่อน การโจมตีกาซ่าของอิสราเอลทางอากาศดำเนินมา7วันแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าโหดเหี้ยมมาก เพราะว่าผู้ที่เสียชีวิตส่วนมากจะเป็นเด็กผู้หญิง และผู้สูงอายุ มีครอบครัวหนึ่งตายยกโคตร18คน

ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาอิราเอลโปรยใบปลิวที่เมืองBeit Lahiya เพื่อเตือนชาวปาเลสไตน์ให้อพยพออก เพราะว่าจะมีการโจมตีฐานของพวกฮามาส แต่จะให้ประชาชนอพยพไปที่แห่งหนตำบลใด เพราะว่าไม่มีที่หลบภัย ไม่มีบังเก้อ ไม่มีที่ปลอดภัยจริงๆ ยกเว้นว่าต้องอยู่ในบ้าน เดินบนถนนอาจจะตายได้ทุกเวลา บ้านเมืองกาซ่ากำลังลุกเป็นไฟ

คำถามคือการโจมตีกาซ่าครั้งนี้ของอิสราเอลแตกต่างจากการโจมตีทางอากาศในปี2009 และปี2012 ที่ผ่านมาอย่างไร? ดูเหมือนว่าทางอิสราเอลจะเตรียมการล่วงหน้ามาแล้วเป็นอย่างดีในการโจมตีกาซ่า ไม่ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงกำลังจะดำเนินไปอย่างไร อิสราเอลชี้นิ้วไปที่กลุ่มฮามาสว่าอยู่เบื้องหลังในการลักพาตัวเด็กชาวอิสราเอลไป3คนเมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว และเด็กถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหมด แต่กลุ่มฮามาสปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำ และต้องการที่จะอยู่อย่างสันติ แต่ทางอิสราเอลทำการขุดคุ้ยผู้ต้องสงสัยที่West Bank และจับกุมชาวปาเลสไตน์500คน หลังจากนั้น เครื่องบินรบของอิสราเอลถล่มกาซ่าอย่างหนักหน่วงด้วยระเบิดทางอากาศ และทางอิสราเอลประกาศว่าจะกวาดล้างพวกฮามาสให้หมดสิ้นไป

มองในอีกแง่หนึ่ง การโจมตีกลุ่มฮามาสของอิสราเอลก็เพื่อที่จะทำลายเครดิตของกลุ่มฮามาสนี้ที่ได้เข้าร่วมกับPalestinian Liberation Organization หรือองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ส่วนฮามาสถูกนานาชาติโดยอิทธิพลของระเบียบโลกตะวันตกและสื่อตะวันตกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ทางอิสราเอลน่าที่จะต้องการทำให้รัฐบาลปาเลสไตน์เสียสมดุลย์ และเลือกที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อที่จะกลบเกลื่อนการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล้มเหลวของการบรรลุการเจรจาเพื่อสันติภาพระหว่างอสิราเอลและทางประธานาธิบดีMahmoud Abbasของปาเลสไตน์

thanong
14/7/2014

2. ฉนวนกาซ่าอาจจะเป็นชนวนสงครามโลก



ฉนวนกาซ่าเป็นดินแดนของประเทศปาเลสไตน์ มีพื้นที่ประมาณ360ตารางกิโลเมตร พื้นที่ทางใต้ติดกับอิยิปต์และทางตะวันออกติดกับอิสราเอล ส่วนทางตะวันตกติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประชากรมีไม่ถึง2ล้านคน ทางในปี1994อิสราเอลยอมยกฉนวนกาซ่าให้ชาวปาเลสไตน์ปกครองกันเองเป็นประเทศเอกราชตามแผนสันติภาพ มีเมืองกาซ่าเป็นเมืองหลวง กาซ่าเคยเป็นส่วนหนึ่งของซีเรียและอาณาจักรออตโตมันมาก่อนที่ตกเป็นของอิยิปต์ (ระหว่าง1958-1967) และอิสราเอล (ระหว่าง1967-1994) แต่อิสราเอลได้ทำการล้อมกรอบเขตแดนกาซ่าเอาไว้ให้ดูเหมือนกับเป็นค่ายอพยพใหญ่มากกว่าเป็นประเทศ ชาวปาเลสไตน์ครอบครองดินแดนอีกส่วนหนึ่งที่มีพื้นที่ไม่ติดกันกับกาซ่าคือWest Bank คือส่วนที่ติดอยู่กับจอร์แดน แต่West Bankซึ่งในอดีตอยู่ภายใต้การครอบครองของจอร์แดนก็ถูกทางอิสราเอลรุกคืบกินดินแดนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียดินแดนไปเรื่อยๆ

อังกฤษเป็นผู้สร้างรัฐอิสราเอลขึ้นมาในดินแดนปาเลสไตน์ในปัจจุบันภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการอพยพชาวยิวจากทั่วโลกผ่านลัทธิZionismเพื่อมาสร้างประเทศยิว โดยอ้างว่าชาวยิวเป็นชาติพิเศษที่พระเจ้าเลือกสรร และดินแดนปาเลสไตน์ในอดีตเมื่อ2,000กว่าปีมาแล้วเป็นแผ่นดินของชาวยิว ศาสนายิวและศาสนาคริสต์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศยิวนี้ แต่เพราะโชคชะตาชาวยิวโดนขับไล่ออกจากดินแดนของตัวเอง โดนโรมันทำลาย และถูกอิสลามโจมตีในอดีต ชาวยิวต้องการทวงคืนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้ามอบให้ เนื่องจากยิวมีเครือข่ายทางการเงินและธุรกิจที่เข้มแข็งในยุโรปจึงสามารถสร้างอิทธิพลเหนือนโยบายของสหรัฐฯอเมริกาและโลกตะวันตกได้ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้วงล้อมของประเทศอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นอิยิปต์ ซีเรีย จอร์แดน ซาอุดิ อาราเบีย อิสราเอลยืนหยัดอยู่ได้เพราะการช่วยเหลือทั้งการเงิน การทหารและความมั่นคงจากมหาอำนาจตะวันตกที่เซ็นเช็คใบเปล่าๆให้ ที่น่ากลัวอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือด้วย

นโยบายแบ่งแยกและปกครองทำให้ประเทศในตะวันออกกลางไม่มีเอกภาพ อิสราเอลทำสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางและได้ชัยทุกครั้ง เพราะการสนับสนุนจากมหาอำนาจทั้งโดยเปิดเผยและโดยไม่เปิดเผย เพื่อสร้างความชอบธรรมของรัฐอิสราเอล ในขณะเดียวกันประเทศมหาอำนาจดูดเอาน้ำมันทรัพยากรธรรมชาติของตะวันออกกลางไปใช้อย่างสะดวกมือแลกกับเศษกระดาษดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ ถือว่าการสร้างรัฐอิสราเอลเป็นการวางสนุ๊กการเมืองระดับโลกในตะวันออกกลางที่สุดยอดที่สุดของอังกฤษ

thanong
14/7/2014
โดย: Thanong Fanclub

 

Kaokala Fc



15 ก.ค. กองทัพสหรัฐ ทดสอบภาคสนาม 'หุ่นยนต์ลำเลียง'
นาวิกโยธินอเมริกันทดสอบใช้งานจริงหุ่นยนต์ลำเลียง ขนส่งน้ำแจกจ่ายหน่วยทหารระหว่างฝึก RIMPAC 2014 ที่ฮาวาย เจ้าหุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมให้เดินตามผู้ควบคุม ถ้าเจอสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ มันจะเดินอ้อมไปได้เอง

หุ่นยนต์สี่ขาของ Google ตัวนี้ มีชื่อว่า LS3 (Legged Squad Support System)ใช้เวลาพัฒนานาน 5 ปี สามารถเดินและวิ่งในภูมิประเทศที่ขรุขระ โดยบรรทุกอุปกรณ์สนามและอาวุธ น้ำหนัก 180 ก.ก.

ทหารหนุ่ม 5 นายจากกองร้อยอินเดีย กองพันที่สาม ในสังกัดกรมผสมที่สามของนาวิกโยธินสหรัฐ เป็นผู้ควบคุมหุ่นยนต์ซึ่งเรียกกันเล่นๆว่า 'big dog' ตัวนี้ สิบตรี แบรนดอน ดิกแมน ทหารจากลาสเวกัส ได้รับมอบหมายให้ควบคุมหุ่นยนต์ เจ้าตัวบอกว่า เคยดูคลิปของแอสเอสทรีทางยูทูบ ไม่นึกฝันว่าจะได้เป็นคนสั่งการ
ฮิวเบิร์ธ ดูอาร์ต เพื่อนทหารร่วมกองร้อย พูดถึงวิธีควบคุมด้วยจอยสติกว่า ไม่ยากเลย คล้ายๆเวลาเล่นเกม Call of Duty







กองทัพสหรัฐ ทดสอบภาคสนาม หุ่นยนต์ลำเลียง - Voice TV 21

 

ข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาส ล้มเหลว Wed, 16/07/2014 -

สถานการณ์ในฉนวนกาซ่ากลับมาปะทุเดือดอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยอียิปต์ล้มเหลว ถูกปฏิเสธจากกลุ่มฮามาส ล่าสุดทั้งสองฝ่ายยังโจมตีตอบโต้กันอย่างรุนแรง ส่งผลให้อิสราเอลต้องสูญเสียพลเรือนเป็นคนแรก ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าเพิ่มขึ้นเกือบ 200 คน

กองพลน้อยคาสซาม (Qassam) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาส ในฉนวนกาซ่า เผยแพร่ภาพการยิงจรวดที่ผลิตขึ้นเองโจมตีเป้าหมายในอิสราเอล นอกจากนี้กลุ่มฮามาส ยังแพร่ภาพเครื่องบินไร้คนขับติดอาวุธ ขณะบินอยู่ท้องฟ้าของอิสราเอล ซึ่งเป็นเขี้ยวเล็บใหม่ในการโจมตี นอกเหนือจากจรวดที่มักจะถูกยิงสะกัดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีประสิทธิภาพของอิสราเอล หรือไอรอน โดม

การเผยแพร่ภาพของกลุ่มฮามาส มีขึ้นในขณะที่ความหวังว่าข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยอียิปต์จะมีผลบังคับใช้ต้องพังทะลายลง หลังถูกปฏิเสธจากกลุ่มฮามาส ทำให้อิสราเอล ซึ่งพักการโจมตีไป 6 ชม. เมื่อวานนี้ (15 ก.ค. 2557) กลับมาเปิดปฏิบัติการณ์โจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายในฉนวนกาซ่าอีกครั้งขณะที่กลุ่มฮามาสตอบโต้ด้วยการระดมยิงจรวดเข้าใส่ และสร้างความสูญเสียให้กับอิสราเอลได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้นมาได้กว่า 1 สัปดาห์ เมื่อพลเรือนของอิสราเอลเสียชีวิตเป็นคนแรก จากการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มฮามาส

ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ประกาศว่าจะขยายและโหมการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซ่า ขณะที่มีรายงานว่าการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่เกิดขึ้นล่าสุด ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปอีก 5 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซ่าเพิ่มสูงเป็น 197 คน และได้รับบาดเจ็บมากกว่าพันคน

ก่อนหน้านี้มีความหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในทางที่ดี เมื่อคณะรัฐมนตรีของอิสราเอล ประกาศรับข้อตกลงหยุดยิงของอิยิปต์ แต่กลุ่มฮามาสยืนกรานไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงและประกาศเดินหน้าโจมตี หากยังไม่มีข้อตกลงที่สมบูรณ์ ซึ่งก็รวมทั้งการที่อิสราเอลยอมอ่อนข้อ

<script src="//news.thaipbs.or.th/sites/all/themes/thaipbs/player/embed.min.js" data-swf="//news.thaipbs.or.th/sites/all/themes/thaipbs/player/flowplayer.swf" data-library="//news.thaipbs.or.th/sites/all/themes/thaipbs/player/flowplayer.min.js" data-skin="//news.thaipbs.or.th/sites/all/themes/thaipbs/player/skin/minimalist.css"><div class="flowplayer" data-origin="http://news.thaipbs.or.th/content/ข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาส-ล้มเหลว" style="width: 640px; height: 360px;"><video><source type="video/mp4" src="http://news.thaipbs.or.th/sites/default/files/videos16072014/259789-videomp4-406218.mp4"></video></div></script>

ข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-ฮามาส ล้มเหลว - ข่าวไทยพีบีเอส - Thai PBS News...

 

งั้นก็แปลว่า บริเวร บ้านของ สองตายาย จะต้องเป็นที่ปลอดภัย ถ้าไม่ใช่ที่ปลอดภัย ฝูงตะเข็บ คงไม่แห่กันมาแบบนี้

 

Voice TV

ยิวเล็งติดตั้งเพิ่ม จรวดสกัดกั้น Iron Dome



อิสราเอลเตรียมติดตั้งระบบสกัดกั้นจรวดเพิ่มอีก 3 ชุด หลังนักรบฮามาสระดมยิงถล่มข้ามพรมแดน

กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล เปิดเผยว่า เมื่อกลุ่มนักรบฮามาสยิงจรวดหลายลูก ข้ามเข้าไปในเขตแดนของประเทศเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม อิสราเอลได้ติดตั้ง Iron Dome จำนวน 7 ชุด และนับแต่วันนั้นได้ติดตั้งเพิ่มอีก 2 ชุด เพื่อยิงสกัดจรวดของฮามาส

เจ้าหน้าที่อิสราเอลผู้หนึ่งซึ่งขอสงวนนาม บอกกับรอยเตอร์ว่า กองทัพกำลังจะติดตั้งไอร์ออนโดมเพิ่ม 3 ชุด เพื่อป้องกันไม่ให้จรวดจากเขตกาซาตกในดินแดนของอิสราเอล

เจ้าหน้าที่ผู้นี้ไม่ได้ระบุว่า ใช้เงินจากแหล่งใดในการติดตั้งระบบสกัดกั้นจรวด แต่ยาอีร์ รามาตี ผู้อำนวยการองค์การป้องกันขีปนาวุธของกระทรวงกลาโหมอิสราเอล บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ ว่า ไอร์ออนโดมทุกชุด ยกเว้นเพียงชุดเดียว ได้รับการสนับสนุนแบบให้เปล่าจากสหรัฐ

ในวันอังคาร สถานทูตสหรัฐในอิสราเอล ยังไม่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับแผนติดตั้งไอร์ออนโดมเพิ่มเติม

ก่อนเกิดวิกฤตกาซาในรอบนี้ เจ้าหน้าที่อิสราเอลบอกว่า ต้องการติดตั้งระบบสกัดกั้นจรวดรวมทั้งสิ้น 13 ชุด เพื่อป้องกันการโจมตีจากดินแดนปาเลสไตน์ เลบานอน และคาบสมุทรซีนายของอียิปต์ แต่นักสังเกตการณ์มองว่า อิสราเอลจะไม่สามารถจัดหาได้ เนื่องจากมีการตัดงบประมาณด้านกลาโหมลงอย่างมาก

แหล่งข่าววงการค้าอาวุธของอิสราเอล เคยบอกว่า ไอร์ออนโดมชุดหนึ่งมีมูลค่าราว 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท แต่ราคาอาจลดลงเพราะรัฐวิสาหกิจ ราฟาเอล แอดวานซ์ ดีเฟนส์ ซิสเต็ม ได้ปรับปรุงเทคนิคการผลิต ซึ่งช่วยลดต้นทุน

เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลกับสหรัฐ บอกว่า ไอร์ออนโดม ซึ่งถูกออกแบบให้ยิงใส่จรวดที่มีวิถีมุ่งไปยังพื้นที่บ้านเรือนประชาชน มีอัตรายิงถูกเป้าหมาย 90% ในเหตุสู้รบที่กาซาในครั้งนี้.



ชมคลิป ยิวเล็งติดตั้งเพิ่ม จรวดสกัดกั้น Iron Dome - Voice TV 21

 

'ฮามาส' ยิงจรวดดับอิสราเอลรายแรก-ยิวเริ่มทิ้งบอมบ์รอบใหม่
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ก.ค. 2557 02:12



อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้งในวันอังคาร หลังกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาสปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของอียิปต์ และยิงจรวดข้ามพรมแดนใส่อิสราเอลจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นรายแรก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ว่า อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาอีกครั้งในวันอังคาร (15 ก.ค.) หลังจากกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาส ปฏิเสธทำข้อตกลงหยุดยิงนาน 6 ชั่วโมงกับพวกเขา และยิงจรวดหลายสิบลูกข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอล ส่งผลให้มีพลเมืองอิสราเอลเสียชีวิตเป็นรายแรก เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร ก่อนอิสราเอลจะตัดสินใจเริ่มการโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ คณะกรรมการฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลโหวต และมีมติจะยอมรับข้อเสนอของอียิปต์ ที่เสนอให้ฝ่ายอิสราเอลและฮามาสหยุดยิงเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 9:00 น. (13:00 น. ตามเวลาไทย) ก่อนเดินหน้าเรื่องการเจรจา

อย่างไรก็ตาม ซามี อาบู ซูห์รี โฆษกของ 'กองพลคาสซาม' ฝ่ายกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาสออกมาปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของอียิปต์ โดยให้เหตุผลว่า การหยุดยิงก่อนเริ่มการเจรจาเต็มรูปแบบกับอิสราเอล เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

บ้านหลังหนึ่งในกาซาซิตี ถูกการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลจนพังยับ
ส่วนการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอลเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 15:00 น. หลังจากกลุ่มฮามาสยิงจรวด 47 ลูก เข้าสู่ดินแดนอิสราเอล และมีรายงานว่า ชาวอิสราเอลอายุ 38 ปี ถูกสังหารด้วยจรวดขณะส่งอาหารให้ทหารในค่ายใกล้ด่านข้ามพรมแดน 'อีเรซ' โดยถือเป็นชาวอิสราเอลรายแรกที่เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มฮามาส ซึ่งตั้งแต่ 8 ก.ค. พวกเขายิงจรวดโจมตีอิสราเอลมากกว่า 1,000 ลูก และทำให้มีผู้บาดเจ็บ 4 รายก่อนหน้านี้

การโจมตีทางอากาศครั้งใหม่ ถูกเป้าหมายที่เมืองกาซาซิตี, เมืองคาน ยูนิส และเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของกาซา มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทำให้จำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิต ตั้งแต่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮามาสเมื่อ 8 ก.ค. เพิ่มเป็น 194 ราย แล้ว

อนึ่ง แม้ฝ่ายกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มฮามาสจะปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของอียิปต์ แต่นายมุสซส อาบู มาร์ซัค สมาชิกคณะกรรมการบริหารสูงสุดของฮามาส กล่าวว่า ทางกลุ่มยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิง และการพิจารณากำลังดำเนินต่อไป

ขณะเดียวกัน นายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ผู้เป็นสมาชิกพรรค 'ฟาตาห์' อีกกลุ่มการเมืองใหญ่ของปาเลสไตน์เคียงคู่กับกลุ่มฮามาส เตรียมเดินทางไปอียิปต์ในวันพุธ เพื่อเจรจาเรื่องการหยุดยิง ตามคำเชิญของอียิปต์ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายฮามาสหรืออิสราเอลจะส่งผู้แทนไปอียิปต์ด้วยหรือไม่



'ฮามาส' ยิงจรวดดับอิสราเอลรายแรก-ยิวเริ่มทิ้งบอมบ์รอบใหม่ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ใจบางบาง ใยไหม หญิงในเชิงบวก

โพลชาวมะกันหนุนไล่โอบามา ! ผลโพลความเห็นเผยชาวมะกันส่วนใหญ่สนับสนุนการไล่โอบามาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ผลสำรวจความเห็นของสองสำนักเปิดเผยว่า ชาวสหรัฐส่วนใหญ่เห็นควรที่จะให้สภาคองเกรสดำเนินการขับไล่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นครั้งนี้ ดำเนินการโดยสื่อที่ฝักใฝ่ผ่ายซ้ายอย่างหนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ซึ่งจัดทำร่วมกับยูกอฟ และสำนักโพลที่ฝ่ายขวาอย่างราสมูสเซน รีพอร์ทส ซึ่งได้ผลเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกันว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันเห็นตรงกันว่าสภาคองเกรสควรพิจารณาตั้งข้อหาเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโอบามาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ผลโพลทั้งสองยังพบอีกว่า 68% และ 58% ของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน คิดว่าประธานาธิบดีสหรัฐสมควรโดนไล่ออกจากตำแหน่ง ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังมีรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรมีแผนที่จะฟ้องร้องเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโอบามา
. ออกจากตำแหน่ง จากกรณีใช้อำนาจในทางมิชอบด้วยการสร้างกฎของตนเอง ซึ่งประเด็นนี้ก็คือการเดินหน้าอนุมัติใช้กฎหมายหลักประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ โอบามาแคร์ ด้าน จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงว่า.
การพิจารณายื่นเรื่องฟ้องร้องขับไล่ประธานาธิบดีโอบามาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ เป็นกลยุทธ์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่ใช่เฉพาะ โอบามา ใช้อำนาจ ผลักดันกฎหมายของตนเองโดยไม่ผ่านสภาคองเกรส "หนทางที่เรากำลังเดินอยู่ที่เป็นทางที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสถาบันของเราจากการล่วงล้ำของผู้ปกครอง และเพื่อธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ" โบห์เนอร์กล่าว ทั้งนี้ รายงานระบุว่า แม้ความเห็นเรื่องการฟ้องขับไล่ออกจากตำแหน่งจะมีจุดเริ่มต้นมาจากฝั่งรีพับลิกัน แต่ผลสำรวจพบว่า สมาชิกบางส่วนของพรรคเดโมเครต และมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่ไม่สนับสนุนพรรคใดเห็นด้วยที่จะให้มีการฟ้องขับไล่ประธานาธิบดีโอบามา โดยให้เหตุผลว่าผู้นำสหรัฐรายนี้ทำเกินหน้าที่ในกรณีผลักดันกฎหมายโอบามาแคร์ และสมควรโดนลงโทษ.... อ่านต่อได้ที่ : โพลชาวมะกันหนุนไล่โอบามา - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก



รูปภาพ : ใจบางบาง ใยไหม หญิงในเชิงบวก

โพลชาวมะกันหนุนไล่โอบามา ! ผลโพลความเห็นเผยชาวมะกันส่วนใหญ่สนับสนุนการไล่โอบามาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ผลสำรวจความเห็นของสองสำนักเปิดเผยว่า ชาวสหรัฐส่วนใหญ่เห็นควรที่จะให้สภาคองเกรสดำเนินการขับไล่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นครั้งนี้ ดำเนินการโดยสื่อที่ฝักใฝ่ผ่ายซ้ายอย่างหนังสือพิมพ์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ซึ่งจัดทำร่วมกับยูกอฟ และสำนักโพลที่ฝ่ายขวาอย่างราสมูสเซน รีพอร์ทส ซึ่งได้ผลเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกันว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันเห็นตรงกันว่าสภาคองเกรสควรพิจารณาตั้งข้อหาเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโอบามาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ผลโพลทั้งสองยังพบอีกว่า 68% และ 58% ของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน คิดว่าประธานาธิบดีสหรัฐสมควรโดนไล่ออกจากตำแหน่ง ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังมีรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรมีแผนที่จะฟ้องร้องเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโอบามา
. ออกจากตำแหน่ง จากกรณีใช้อำนาจในทางมิชอบด้วยการสร้างกฎของตนเอง ซึ่งประเด็นนี้ก็คือการเดินหน้าอนุมัติใช้กฎหมายหลักประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ โอบามาแคร์ ด้าน จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงว่า.

การพิจารณายื่นเรื่องฟ้องร้องขับไล่ประธานาธิบดีโอบามาออกจากตำแหน่งครั้งนี้ เป็นกลยุทธ์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่ใช่เฉพาะ โอบามา ใช้อำนาจ ผลักดันกฎหมายของตนเองโดยไม่ผ่านสภาคองเกรส "หนทางที่เรากำลังเดินอยู่ที่เป็นทางที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสถาบันของเราจากการล่วงล้ำของผู้ปกครอง และเพื่อธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ" โบห์เนอร์กล่าว ทั้งนี้ รายงานระบุว่า แม้ความเห็นเรื่องการฟ้องขับไล่ออกจากตำแหน่งจะมีจุดเริ่มต้นมาจากฝั่งรีพับลิกัน แต่ผลสำรวจพบว่า สมาชิกบางส่วนของพรรคเดโมเครต และมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ที่ไม่สนับสนุนพรรคใดเห็นด้วยที่จะให้มีการฟ้องขับไล่ประธานาธิบดีโอบามา โดยให้เหตุผลว่าผู้นำสหรัฐรายนี้ทำเกินหน้าที่ในกรณีผลักดันกฎหมายโอบามาแคร์ และสมควรโดนลงโทษ....

อ่านต่อได้ที่ : โพลชาวมะกันหนุนไล่โอบามา - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก
ถู

 

Kaokala Fc

16 ก.ค. วุฒิสภามะกันอนุมัติเงินช่วยเหลือ “อิสราเอล” ราว 2 หมื่นล้านบาท มุ่งพัฒนาระบบต้านขีปนาวุธ “ไอออนโดม”



จากภาพ..ระบบต่อต้านขีปนาวุธ "ไอออนโดม" ในเมืองอาชดอด ทางตอนใต้ของอิสราเอลยิงขีปนาวุธสกัดจรวดจากฉนวนกาซา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.ค.)
ในยามที่อิสราเอล ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ กำลังถูกโจมตึด้วยกองทัพจรวดจากฉนวนกาซา คณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของวุฒิสภาอเมริกันวานนี้ (15 ก.ค.) ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ให้แก่อิสราเอล เพื่อนำไปพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธ “ไอออนโดม”

หากมาตรการดังกล่าวถูกประกาศใช้เป็นกฎหมาย สหรัฐฯ จะต้องจัดหาเงิน 621.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 หมื่นล้านบาท) ให้แก่โครงการต่อต้านขีปนาวุธของอิสราเอล ในปีงบประมาณ 2015 ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมนี้ โดยเงิน 351 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 หมื่นล้านบาท) ในกองทุนนี้จะถูกนำไปใช้พัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธพิสัยใกล้ไอออนโดม ซึ่งกำลังถูกทดสอบประสิทธิภาพอย่างหนักหน่วงในช่วง 8 วันทีผ่านมา ขณะที่ขบวนการติดอาวุธฮามาสระดมยิงจรวดตอบโต้ปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอิสราเอล

เมื่อปีที่แล้ว รัฐสภาสหรัฐฯ ได้จัดสรรเงินช่วยเหลือ 235 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.5 พันล้านบาท) เพื่อสนับสนุนระบบไอออนโดม

ทำเนียบขาวได้ทำเรื่องขอเงินราว 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.6 พันล้านบาท) เพื่อพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธในปี 2015 แต่สมาชิกสภาตัดสินใจเพิ่มวงเงินเป็น 2 เท่า ทั้งนี้ รัฐสภาอเมริกันมักจะเพิ่มเงินสนับสนุนโครงการด้านความมั่นคงของอิสราเอลที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดันอยู่บ่อยครั้ง

การมอบเงินช่วยเหลือถือเป็นส่วนหนึ่งของคำขอของรัฐบาลอเมริกันที่ประสงค์จะส่งความช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 แสนล้านบาท) ให้แก่อิสราเอล ซึ่งเป็นชาติที่ได้รับผลประโยชน์รายใหญ่ที่สุด จากกองทุนช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ

 

Kaokala Fc

16 ก.ค. สลด!เด็กซีเรียเล่นน้ำในหลุมระเบิด



16 ก.ค. 57 สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า หลุมระเบิดขนาดใหญ่ในเขตชาร์ พื้นที่ยึดครองของกบฏในเมืองอะเลปโป เมืองใหญ่อันดับสองของซีเรีย ที่เกิดจากการโจมตีทางอากาศของรัฐบาลโดนแหล่งน้ำใต้ดิน ได้กลายสภาพเป็นสระว่ายน้ำให้เด็กๆ ได้ลงว่ายเล่น แม้ว่าน้ำในหลุมจะไม่สะอาด แต่สำหรับเด็กที่ผจญสงครามมานานสองปีในเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าของประเทศ แต่ปัจจุบันขาดแคลนทั้งน้ำและไฟฟ้า ก็มองว่าสระน้ำจำเป็นแห่งนี้ คือโอกาสที่หาได้ยากในการเล่นสนุกและคลายร้อน

ภาพถ่ายสะท้อนให้เห็นเด็กเล็กและเด็กโต เพลิดเพลินกับการเล่นน้ำในหลุมระเบิดยักษ์ที่ฉากหลังเป็นซากอาคารสองข้างทางถูกทำลายยับเยิน
อับเดล กาดาร์ วัย 12 ปี กล่าวว่า ในอดีต พวกเขาเคยว่ายน้ำในสระน้ำย่านตัวเมือง แต่ประธานาธิบดีบาชาร์อัล อัสซาด ทิ้งระเบิดถัง (บาร์เรล บอมบ์) ใส่เรา หลุมระเบิดของพวกเขากลายเป็นสระน้ำ ตอนนี้ร้อนมาก พวกเขานอนไม่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

นับจากปี 2555 อะเลปโปถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่กบฏยึดครองกับรัฐบาลควบคุม รัฐบาลส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มพื้นที่กบฏของเมืองตลอด 7 เดือน ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตกว่า 2,000 คน อีกหลายหมื่นต้องอพยพออกจากบ้าน

 

Took-Ta Rattanupakarn

Ubon Ratchathani

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/-JFhia5H6R4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

อีกมุมมองหนึ่งในปัญหาตะวันออกกลาง

 

สหรัฐฯ ยื่นหนังสือโวย ICAO ชี้ “จรวดโสมแดง” เป็นภัยต่อเครื่องบินพลเรือน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กรกฎาคม 2557 10:27 น.



สหรัฐฯ ยื่นหนังสือโวย ICAO ชี้ “จรวดโสมแดง” เป็นภัยต่อเครื่องบินพลเรือน
ผู้นำ คิม จอง อึน แห่งเกาหลีเหนือ นั่งชมการทดลองยิงจรวดทางยุทธวิธีโดยกองกำลังทางยุทธศาสตร์ของกองทัพประชาชนเกาหลี ณ สถานที่ซึ่งไม่เปิดเผย ภาพเผยแพร่โดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

เอเอฟพี - สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อองค์กรด้านการบินของสหประชาชาติเกี่ยวกับการทดลองยิงจรวดของเกาหลีเหนือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าจรวดเหล่านี้อาจเป็นภัยต่อเครื่องบินพลเรือน

สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศอ้างว่า เกาหลีเหนือได้ทดลองยิงจรวดและขีปนาวุธหลายระลอกในระยะนี้ โดยไม่แจ้งให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ทราบล่วงหน้า

เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า หนังสือร้องเรียนซึ่งวอชิงตันร่วมลงนามถูกส่งไปยังประธาน ICAO โดยมีเนื้อหาระบุว่า การกระทำของเกาหลีเหนือเป็น “ภัยคุกคามร้ายแรง”

“การที่เกาหลีเหนือทดลองยิงจรวดโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้าก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเที่ยวบินนานาชาติ และยังแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือไม่ใส่ใจกฎระเบียบใดๆ ทั้งสิ้นของ ICAO”

ซากีระบุว่า หนังสือฉบับนี้ถูกส่งถึง ICAO ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม แต่ไม่เปิดเผยว่ามีประเทศใดบ้างที่ร่วมลงนาม

อย่างไรก็ดี สื่อในกรุงโซลได้อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเปิดเผยว่า ประเทศอื่นๆ ที่ร่วมลงนามในเอกสารฉบับนี้ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, อังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศซึ่งมีฐานที่เมืองมอนทรีออล เป็นหน่วยงานในสังกัดยูเอ็นซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยการสัญจรทางอากาศนานาชาติ ซึ่งเกาหลีเหนือเองก็เป็นรัฐสมาชิกด้วย

โสมแดงซึ่งอ้างถึงภัยคุกคามจากสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13) ก็ได้ยิงจรวดสกั๊ดอีก 2 ลูกลงสู่ทะเลญี่ปุ่น

แม้จะสร้างความหวาดหวั่นต่อเพื่อนบ้านในระยะนี้ แต่ในอดีตโสมแดงก็เคยแจ้งให้ ICAO และองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ทราบล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการยิงจรวดพิสัยไกลนำดาวเทียมสำรวจขึ้นสู่วงโคจรในเดือนธันวาคมปี 2012

 

Kaokala Fc

16 ก.ค. “อัสซาด” จ่อสาบานตนนั่งเก้าอี้ผู้นำซีเรียต่ออีก 7 ปี ทั่วโลกเริ่มตระหนักภัยคุกคาม “นักรบอิสลามิสต์” เลวร้ายยิ่งกว่า



ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเตรียมสาบานตนในวันพุธ (16 ก.ค.) รับตำแหน่งผู้นำซีเรียต่ออีกสมัยท่ามกลางภาวะสงครามกลางเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อก้าวเข้าสู่ขวบปีที่ 4 และคร่าชีวิตชาวซีเรียไปแล้วมากกว่า 170,000 คน ขณะที่อีกหลายล้านชีวิตต้องกลายสภาพเป็น “ผู้ลี้ภัย”

อัสซาดในวัย 48 ปี ซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะประธานาธิบดีแห่งซีเรียต่อจาก “ฮาเฟซ” บิดาของเขา ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2000 จะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอีก 1 สมัยเป็นระยะเวลา 7 ปี หลังจากชนะการเลือกตั้งในวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา

การสาบานตนรับตำแหน่งอีกสมัยของอัสซาด มีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่โลกตะวันตก โดยเฉพาะชาติในยุโรป รวมถึงประเทศในโลกอาหรับกำลัง “เปลี่ยนท่าที” จากเดิมที่มีจุดยืนต้องการโค่นล้มระบอบการปกครองของอัสซาดอย่างแข็งขัน มาสู่ท่าทีในปัจจุบันที่เริ่มยอมรับความจริงแล้วว่า “ระบอบอัสซาด” ถือเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลาง “น้อยกว่า” บรรดากลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงของพวกอิสลามิสต์ ที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลอย่างเต็มกำลังในเวลานี้ โดยเฉพาะในกรณีของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรียที่สร้าง “ความหวาดกลัว” แพร่กระจายไปทั่วโลก

ซามีร์ นาชาร์ แกนนำอาวุโสของ“แนวร่วมแห่งชาติซีเรีย” หนึ่งในองค์กรเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ออกมายอมรับว่า สถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางกำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และในเวลานี้ดูเหมือนโลกทั้งใบกำลังจับจ้องให้ความสนใจต่อการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่มไอเอส ตลอดจนปัญหาในอิรักและอียิปต์ มากกว่าปัญหาความไร้เสถียรภาพและชะตากรรมของชาวซีเรีย

“ดูเหมือนประชาคมโลกจะไม่สามารถตัดสินใจได้ว่า ในตอนนี้พวกเขาควรให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาใดในภูมิภาคตะวันออกกลางก่อน ระหว่างภัยคุกคามของกลุ่มไอเอส ความวุ่นวายในอิรัก หรือสถานการณ์ทางการเมืองในอียิปต์” นาชาร์กล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในตะวันออกกลางออกมาให้ความเห็นว่า การพุ่งทะยานขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ของอิทธิพลของพวกนักรบอิสลามิสต์ กลายเป็น “ของขวัญกล่องใหญ่” สำหรับผู้นำซีเรียอย่าง บาชาร์ อัล-อัสซาด เนื่องจากอัสซาดได้ “โอกาสทอง” ในการพิสูจน์ให้ทั่วโลกได้เห็นว่า ระบอบการปกครองของเขามีความ “เป็นพิษเป็นภัย” ต่อสันติภาพและความสงบสุขของโลกน้อยกว่าพวกนักรบมุสลิมสุดโต่ง

 

ฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ



รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม "ขบวนการไซออนิสต์ " ! ใกล้ตัวจนทำให้ "คนไทย" หลายคนเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) ต้นตำหรับ ของ ลัทธิทฤษฎีสมคบคิด "สร้างวาทะกรรม" สรรค์สร้าง "การโกหกจนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง"
รวบรวมมาเรียบเรียง โดย

การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ขบวนการไซออนิสต์ (อังกฤษ: Zionism) เป็นชื่อเรียกขบวนการคืนสู่มาตุภูมิประวัติศาสตร์ในดินแดนปาเลสไตน์ดั้งเดิม (The Eretz Israel) ของชนชาติยิว หลังจากการถูกชาวอียิปต์ขับกระจัดกระจายออกไปอยู่ที่อื่นนานนับศควรรษ ชาวยิวมีความเชื่อว่า เมื่อใดที่ชาวยิวย้ายกลับมาครอบครองถิ่นเดิม ความเจริญรุ่งเรืองจะเกิดขึ้นดังที่เกิดขึ้นมาแล้วในสมัยกษัตริย์เดวิด ความเชื่อนี้ทำให้เกิดการรณรงค์เผยแพร่ความคิดที่เรียกกันว่า “ไซออนิสต์” ขบวนการไซออนิสต์ยุคใหม่นี้เริ่มต้นเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 (ประมาณ พ.ศ. 2400-2443) โดยธีโอดอร์ เฮิร์ซล์ (Theodore Herzl) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแผนการทางการเมืองเพื่อให้บรรลุถึงความเป็นรัฐอิสระเหนืออาณาเขตที่ครองครองโดยชาวปาเลสไตน์ ความคิดนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา วัตถุประสงค์และเป้าหมายนี้ได้รับการสนับสนุนโดยปฏิญญาบอลโฟร์ (Balfour Declaration) ของประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2460 โดยเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำให้ประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวในอาณาบริเวณนั้นเสียสิทธิ์

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2491 การจัดตั้งรัฐอิสระของชาวยิวได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยองค์การสหประชาชาติ จนถึงบัดนี้ขบวนการรวบรวมชาวยิวที่ถูกขับไล่กระจัดกระจายพลัดถิ่นแต่โบราณให้กลับถิ่นเดิมก็ยังคงดำเนินการไปอย่างเดิม มีชาวยิวที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกอพยพกลับสู่ดินแดนปาเลสไตน์อย่างไม่ขาดสายอยู่เช่นเดิม ขบวนการไซออนิสต์ได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวปาเลสไตน์และประเทศอาหรับ

ขบวนการไซออนิสต์ "การก่อการร้ายซ่อนรูป" !
ขบวนการไซออนิสต์เริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมในปี ค.ศ.1897 เมื่อนักหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรีย เชื้อสายยิว ชื่อ ธีโอดอร์ เฮอร์ตเซิล (Theodore Hertzl) ได้จัดประชุมใหญ่ผู้นำยิวคนสำคัญ ๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีผู้เข้าร่วมมากกว่าสามร้อยคน และที่ประชุมครั้งนั้นได้มีมติให้จัดตั้งองค์การหนึ่งขึ้นมาเรียกว่า “องค์การไซออนิสต์สากล” (The world Zionist Organization)

อุดมการณ์ของขบวนการไซออนิสต์
ภายหลังการประชุมของผู้นำขบวนการไซออนิสต์ มีเอกสารที่รู้จักกันว่า “ปฏิญญาสากลของปราชญ์อาวุโสแห่งไซออน” (The Protocol of The Elder of Zion) เผยแพร่ออกมา แม้จะมีการกำจัดผู้มีส่วนนำเอกสารนี้สู่สายตาชาวโลกด้วยวิธีการทารุณ โหดร้าย ต่าง ๆ นานา แต่ก็มิอาจปิดบังความจริงของเอกสารที่เปิดเผยให้เห็นธาตุแท้ของขบวนการไซออนิสต์ได้ ปฏิญญาดังกล่าวแสดงถึงอุดมการณ์บางอย่างที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษยชาติให้เป็นไปในเชิงการรับใช้วัตถุประสงค์ของผู้นำขบวนการ เป็นอุดมการณ์ซึ่งครอบคลุมทั้งมิติทางความเชื่อ สังคม/การเมือง และเศรษฐกิจ ซึ่งผู้รักในการศึกษาค้นคว้าอย่าง ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ถอดความไว้บางส่วน ดังนี้

1.ในมิติทางความเชื่อ
“พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เราผู้เป็นประชากรที่ได้รับการคัดสรรแล้วจากพระองค์ ได้สร้างพรสวรรค์อันเกิดจากการต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ซึ่งดูคล้ายเป็นความอ่อนแอของเรา แต่ที่จริงกลับเป็นพละกำลังของเรา ซึ่งกำลังนำเราไปสู่ความมีอำนาจสูงสุดเหนือโลกทั้งโลก”
“ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกมานี้จะมาจากเบื้องบน เพื่อทำลายพลังอันไร้สาระที่เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ มิใช่โดยเหตุผล เคลื่อนไหวไปด้วยความเป็นสัตว์ มิใช่ความเป็นมนุษย์ ขณะนี้...พลังเหล่านี้กำลังแสดงชัยชนะด้วยการสำแดงออกซึ่งการปล้นสะดม และการใช้ความรุนแรงทุกชนิด ภายใต้หน้ากากของหลักการแห่งอิสรภาพและเสรีภาพ พวกมันได้โค่นล้มความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมทุกรูปแบบ เพื่ออะไรหรือ...??? ก็เพื่อให้ซากปรักหักพังเหล่านี้กลายเป็นฐานรองรับบัลลังก์ของกษัตริย์ชาวยิวนั่นเอง และบทบาทของพวกมันจะยุติลง เมื่อกษัตริย์ของเราได้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระองค์ และจะกวาดล้างพวกมันให้ออกไปจากทางของพระองค์เสีย เพื่อให้หนทางนั้นราบเรียบ ปราศจากเสี้ยนหนามปุ่มปมใด ๆ ... ครั้นแล้วชาวยิวทั้งหลายก็จะกล่าวกับประชาชาติของโลกทั้งโลกว่าว่า...จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าของเรา และจงคุกเข่าโค้งคำนับพระองค์ พระองค์ทรงมีตราแห่งการกำหนดชะตากรรมของมนุษย์ และจะไม่มีใครอื่นนอกจากพระองค์ที่จะสามารถปลดปล่อยมนุษย์ให้พ้นไปจากความชั่วร้ายทั้งหลายได้...กษัตริย์แห่งอิสราเอลนั้นจะเป็นพระสันตะปาปาที่แท้จริงแห่งสากลโลก เป็นบิดาแห่งศาสนาสากล และเป็นบิดาของคนทั้งโลก...”

2. ในมิติทางสังคม/การเมือง
“อำนาจของเราจะมีอยู่ท่ามกลางสภาพอันง่อนแง่นของอำนาจทุกรูปแบบ และเป็นอำนาจที่เหนียวแน่นมากกว่าอำนาจอื่นใด เพราะยังคงเป็นอำนาจที่ไม่มีใครมองเห็น จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่มันมีพลังสูงสุด ก็จะไม่มีอำนาจหรือเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ สามารถทำลายมันลงได้อีกเลย” “นี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องทำลายความศรัทธาทั้งมวลลงไปให้หมด ต้องยึดเอาหลักการความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าออกไปเสียจากจิตใจของพวกกอยยิม(พวกที่ไม่ใช่ยิว) แล้วเอาการคำนวณทางคณิตศาสตร์และความต้องการทางวัตถุใส่เข้าไปแทนที่ เพื่อไม่ให้พวกมันมีเวลาคิดและสังเกตสังกา เราจะต้องเบี่ยงเบนความสนในพวกมันไปยังการค้าและการอุตสาหกรรม เพื่อให้ชาติทุกชาติถูกดูดกลืนเข้าไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์และการแข่งขันเพื่อผลกำไร และพวกมันจะมองไม่เห็นศัตรูที่แท้จริงของมันได้ และเพื่อจะขจัดอิสรภาพออกไปจากชุมชนของพวกมันให้หมด เราจะต้องเอาอุตสาหกรรมมาวางเอาไว้บนพื้นฐานแห่งการเสี่ยงโชค เพื่อให้ผลของมันลื่นหลุดไปจากมือผ่านเข้าไปสู่ระบบแห่งการเสี่ยงโชค... นั่นก็คือ... ผ่านเข้ามาสู่มือของเรา...อุตสาหกรรมจะสูบเอาแรงงานและเงินทุนออกไปจากที่ดิน และถ่ายโอนเงินทั้งโลกเข้ามาสู่มือเราด้วยระบบการเสี่ยงโชคหากำไร และมันจะทำให้พวกกอยยิมทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องกลายเป็นคนชั้นต่ำในแต่ละชุมชน”

“การต่อสู่แข่งขันเพื่อความวิเศษกว่ากันในทางเศรษฐกิจเช่นนี้นี่แหละ ย่อมจะสร้างชุมชนที่แล้งน้ำใจ เย็นชา และปราศจากหัวใจขึ้นมา ชุมชนเหล่านั้นจะหล่อเลี้ยงความเกลียดชังต่อชนชั้นที่สูงกว่า...และกระทั่งต่อศาสนาอื่นใด ผู้นำทางอย่างเดียวของพวกเขาก็คือ...ผลกำไร นั่นก็คือ...ทองคำอันสามารถตอบสนองความยินดีปรีดาทางวัตถุให้กับเขาได้...กงล้อทุกอัน และเครื่องจักรกลของกลไกแห่งรัฐต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่หมุนไปได้ด้วยเครื่องยนต์ซึ่งอยู่ในมือของเรา...ซึ่งก็คือเจ้าแม่แห่งทองคำนั่นเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานอัจฉริยภาพให้เรา ถ้ามีคนเป็นอัจฉริยะอยู่ในฝ่ายตรงกันข้าม แม้นว่ามันคิดจะสู่กับเรา...แต่คนมาใหม่น่ะหรือจะสู้กับคนที่ตั้งรกรากมาแล้วเก่าแก่ ศาสตร์แห่งเศรษฐกิจการเมืองซึ่งนักปราชญ์อาวุโสของเราได้ประดิษฐ์มานานแล้ว...มือหนึ่งซึ่งของไม่เห็นในทุก ๆ ส่วนของโลกนี่แหละ ที่จะให้พลังทางการเมืองที่เป็นอิสระแก่เงินทุน การค้า อุตสาหกรรม อำนาจในการที่จะใช้กิเสสตัณหาของพวกเขาระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟ...ครั้นแล้วก็จะถึงเวลาที่พวกชนชั้นต่ำเหล่านี้จะเดินตามการนำทางของเราไปต่อสู่กับอำนาจที่เป็นคู่แข่งขันของเรา มิใช่เพื่อการบรรลุถึงสิ่งที่ดีงาม หรือแม้กระทั่งในท้ายที่สุดก็มิใช่เพื่อทรัพย์สินเงินทองด้วยซ้ำ...แต่เพราะความเกลียดชังที่มีต่อพวกบรรดาชนชั้นสูงต่างหาก... เมื่อใดก็ตามที่ถึงเวลาซึ่งเราได้สร้างวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อนั้น...เราก็จะโยนฝูงกรรมกรลงไปในท้องถนน ฝูงชนเหล่านี้จะวิ่งไปวิ่งมาอย่างยินดีปรีดา เพื่อที่จะหลั่งเลือดบรรดาผู้ที่เขาอิจฉาริษยามาตั้งแต่ยังนอนเปล และพวกที่เขาจะปล้นยึดทรัพย์กลับมาเป็นของเขาได้...ส่วนสมบัติของเรา พวกเขาจะไม่แตะต้อง และไม่มีวันแตะต้องได้เลย เพราะเราย่อมรู้เวลาที่พวกเขาจะเข้าโจมตีเนื่องจากเป็นเวลาที่เราจะกำหนดเอาไว้ให้...และเราย่อมสามารถหามาตรการป้องกันเอาไว้ได้ก่อนล่วงหน้า”
“ทุกประเทศจะต้องจำเอาไว้ในใจว่า...ใครก็ตามที่พยายามทำข้อตกลงใด ๆ เพื่อต่อต้านอำนาจของเรานั้น...จะไม่ได้ก่อให้เกิดผลกำไรแก่พวกมันเลย...เรานั้นแข็งแกร่งเกินไปกว่าที่ใครจะต่อต้านได้ อำนาจ ของเราจะไม่มีวันหายไป ชาติไหน ๆ ก็จะไมมีวันทำความตกลงอะไรกันได้โดยที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างลับ ๆ หรอก Per Me reges regnant…กษัตริย์จะครองราชย์ได้ด้วยข้า...”
“ย้อนหลังไปไกลในสมัยโบราณนั้น...เราเป็นพวกแรกที่ตะโกนก้องอยู่ท่ามกลางมวลชนว่า...เสรีภาพ – เสมอภาค – ภราดรภาพ นับแต่นั้นมาคำเหล่านี้ก็ถูกพูดซ้ำ ๆ หลายครั้งโดยพวกนกแก้วโง่ ๆ ที่ถลาลงมากินเบ็ดในทุกทิศทุกทาง แล้วนำเอาสิ่งที่ดีของโลกและอิสรภาพที่เคยถูกระแวดระวังเอาไว้เป็นอย่างดีในแต่ละชุมชนไปกับพวกมันด้วย...พวกปัญญาชนในหมู่พวกกอยยิมนั้นไม่สามารถทำอะไรจากถ้อยคำอันเป็นนามธรรมเหล่านี้ พวกมันไม่เคยสังเกตว่าในธรรมชาตินั้นไม่เคยมีความเสมอภาคและไม่อาจเป็นอิสรภาพได้เลย พวกมันไม่ยักเห็นว่าธรรมชาติได้สร้างความคิดอุปนิสัยใจคอ และความสามารถที่ไม่เท่าเทียมกันขึ้นมาอย่างเปลี่ยนรูปไปไม่ได้เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของตัวธรรมชาติเอง...”
“อิสรภาพทางการเมืองนั้น...จึงเป็นเพียงความคิด...ไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เราต้องเรียนรู้ว่าจะใช้ความคิดนี้อย่างไร ให้เป็นเบ็ดที่จะเกี่ยวประชาชนเข้าไปอยู่ในกลุ่มก้อนต่าง ๆ และกลายเป็นพลังในการบดขยี้ผู้ที่มีอำนาจในสังคมนั้น ๆ งานนี้จะทำได้ง่ายดาย เมื่อพวกมันหลงเข้าไปอยู่ในความคิดเรื่องอิสรภาพอย่างที่เรียกกันว่า...เสรีนิยม จุดนี้นี่แหละที่จะนำเราไปสู่ชัยชนะ เมื่อรัฐบาลต่าง ๆ ได้หย่อนบังเหียนลงมา บังเหียนนั้นก็จะถูกคว้าเอาไว้ทันทีด้วยมืออันใหม่ที่เข้าใจต่อกฎธรรมชาติแห่งชีวิต...”

“คำว่าอิสรภาพนั้น สามารถทำให้ฝูงชนออกมาต่อสู้กับอำนาจทุกชนิด แม้กระทั่งต่อสู้กับพระเจ้าหรือกฎธรรมชาติ และมันสามารถเปลี่ยนฝูงชนให้กลายเป็นสัตว์ป่ากระหายเลือดได้...และก็เป็นความจริงที่เจ้าสัตว์ป่าเหล่านี้จะหลับไปทุก ๆ ครั้งที่มันได้ดื่มเลือดไปจนอิ่มแล้ว ซึ่งในเวลาเช่นนั้นเราก็อาจเอาโซ่ไปสวมมันไว้ได้ง่าย ๆ แต่ถ้าเราไม่ให้เลือดมันดื่ม มันก็จะนอนไม่หลับและต่อสู้ต่อไป...”
“งูตัวนี้จะซอกซอนเข้าไปในหัวใจของชาติต่าง ๆ แล้วก็จะเขมือบและทำลายอำนาจของชาติที่ไม่ได้เป็นชาวยิวทั่วทั้งหมด ได้มีการคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า งูตัวนี้จะยังคงเคลื่อนไหวต่อไปตามแผนการที่กำหนดเอาไว้อย่างเข้มงวด จนกระทั่งหนทางที่จะชอนไชไปนั้นทำให้หัวของงูวกกลับมายังภูเขาไซออน ด้วยประการนี้จึงกล่าวได้ว่างูตัวนี้จะชอนไชไปรอบทวีปยุโรปจนครบวงรอบของมัน และด้วยการที่มันล้อมยุโรปเอาไว้ก็เท่ากับมันล้อมโลกเอาไว้ด้วย การที่หัวงูจะย้อนกลับมายังภูเขาไซออนได้สำเร็จ ก็ต่อเมื่ออำนาจของประเทศในยุโรปลดต่ำลง นั่นก็คือเมื่อวิกฤติการณ์เศรษฐกิจได้ทำลายอำนาจของพวกมันจนหมดสิ้น และนำความเสื่อมโทรมทางจิตวิญญาณ ความฉ้อฉล ความไร้จริยธรรมมาให้กับพวกมัน... ความสำเร็จของสิ่งเหล่านี้จึงสามารถเกิดขึ้นได้ก็โดยการเอาชนะด้วยอำนาจเศรษฐกิจ”

3. ในมิติทางเศรษฐกิจ
“เงินกู้ทุกชนิดนั้น...ย่อมนำมาซึ่งความไม่มั่นคงให้กับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งความไมเข้าใจในสิทธิที่ประเทศตัวเองพึงมีได้โดยง่าย มันจะเป็นเสมือนดาบที่ห้อยต่องแต่งอยู่เหนือหัวของผู้ปกครองแต่ละประเทศ ผู้ซึ่งแทนที่จะพอใจอยู่เพียงแค่การรับเงินภาษีพลเมืองของตัวเอง...แต่กลับต้องมาแบมือขอเงินจากนายธนาคารของเรา และเมื่อพวกมันพร้อมที่จะกู้...มันก็จะไม่สามารถถึงดาบเล่มนี้ออกไปจากประเทศของมันได้ จนกระทั่งมันหล่นลงมาเองหรือจนกว่าจะมีใครมาดึงและขว้างมันทิ้งไป แต่โดยทั่วไปแล้ว ประเทศของพวกกอยยิมนั้นไม่เพียงแต่จะคิดขว้างมันทิ้งไปเท่านั้น แต่จะกลับดื้อดึงยื้อยุดมันเอาไว้มากขึ้นไปอีก แม้กระทั่งต้องตายไปเพราะถูกสูบเลือดไปหมดแล้วก็ตาม”
“เงินกู้ก็คือการออกตั๋วเงินของรัฐบาลซึ่งมีดอกเบี้ยเป็นอัตราตามส่วนของเงินต้นที่กู้ไป ถ้าเงินกู้นั้นต้องเสียดอกเบี้ย 5 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 5 ปี ประเทศนั้นก็ต้องเสียเงินค่าดอกเบี้ยไปเท่ากับจำนวนเงินต้นที่กู้ยืมมา ในเวลา 40 ปีจะต้องจ่ายเป็นสองเท่า ใน 60 ปีต้องจ่ายเป็นสามเท่า..และตลอดเวลาเงินต้นก็ยังคงเท่าเดิมโดยไม่ได้ลดลงไปเลย...จากการคำนวณนี้จะเห็นได้ว่า ท้ายที่สุดแล้วพวกมันจะต้องบีบคั้นเอาเงินเหรียญสุดท้ายจากผู้จ่ายภาษีที่ยากจนที่สุดมาให้กับผู้ที่ร่ำรวยเพื่อหักกลบลบบัญชีต่อไปเรื่อย ๆ...ตราบใดที่เงินกู้เหล่านี้เป็นเงินในประเทศตัวเอง พวกกอยยิมก็จะเปลี่ยนเงินจากกระเป๋าคนรวยเท่านั้น...แต่ถ้าหากเราสามารถทำให้พวกมันต้องโอนเงินกู้ไปสู่วงภายนอก ทรัพย์สินทั้งหมดในแต่ละประเทศก็จะหลั่งไหลเข้ามาสู่หีบเงินสดของเรา และในไม่ช้าพวกมันทั้งหมด...จะเริ่มจ่ายเครื่องบรรณาการของพลเมืองของมันมาให้เรา ผู้นำของพวกกอยยิมที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น...ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้จริงจังอะไรมากนักกับเรื่องกิจการระหว่างประเทศ ความคดโกงในหมู่ผู้บริหาร หรือการขาดความรู้ความเข้าใจในศิลปะเรื่องการเงินของผู้ปกครองเหล่านั้นย่อมทำให้พวกมันจะตกเป็นลูกหนี้แห่งท้องพระคลังของเราจนไม่สามารถใช้คืนได้...”

ธีโอดอร์ เฮอร์ตเซิล เคยยื่นข้อเสนอต่อพระเจ้าไกเซอร์วิลเลียมที่ 2 แห่งเยอรมัน และต่อสุลต่านอับดุลฮาหมีด แห่งออตโตมาน เพื่อขอใช้พื้นที่ในเขตปกครองของทั้งสองจัดตั้งอาณานิคมชาวยิวขึ้น แต่ได้รับการปฏิเสธ และแม้นายโจเซฟ แชมเบอร์เลน รัฐมนตรีกระทรวงอาณานิคมของอังกฤษจะเสนอให้ตั้งรัฐยิวในอูกันดาซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แต่สมัชชาไซออนิสต์ก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย (ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ 2550 : 161-162)

สมัชชาไซออนิสต์ปฏิเสธดินแดนอื่น ๆ ทั้งหมด เพราะความตั้งใจและใฝ่ฝันของพวกเขา รัฐยิวจะตั้งที่อื่นไม่ได้นอกจากดินแดนปาเลสไตน์เท่านั้น การเลือกดินแดนปาเลสไตน์เป็นที่ตั้งของรัฐยิว มีเหตุผลอันลึกซึ้งหลายประการ ที่สำคัญคือ
1. ที่ตั้งของปาเลสไตน์เอง อยู่ในกลุ่มอาหรับ ใกล้ใจกลางของโลกอิสลาม หากตั้งรัฐยิวขึ้นในดินแดนนี้ได้ ย่อมช่วยให้การควบคุมโลกอิสลามทำได้ง่ายขึ้น รัฐยิวจะทำหน้าที่เป็นรัฐกันชน ทำให้โลกอิสลามต้องพะวักพะวงอยู่กับอิสราเอลแทนการคิดถึงศูนย์กลางของไซออนิสต์ ยิ่งกว่านั้น การดำรงอยู่ของอิสราเอลในแถบนี้ อาจนำไปสู่ความแตกแยกของกลุ่มอาหรับ ซึ่งจะช่วยให้การครอบครองทรัพยากรน้ำมันเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น และหากมีประเทศใดคิดแข็งข้อขัดขืน ไซออนิสต์ก็มีที่เก็บสะสมหรือผลิตอาวุธซึ่งอยู่ใกล้และพร้อมใช้งานในการเข่นฆ่าทำลายล้างศัตรูได้ทันที ซึ่งก็คือรัฐอิสราเอลนั่นเอง
2. การเลือกดินแดนปาเลสไตน์ แม้จะเป็นการเลือกบนฐานคิดที่เกิดจากความละโมบต่อลาภยศทางโลกล้วน ๆ ก็จริง แต่เป็นการเลือกที่สามารถนำเหตุผลทางศาสนามาสนับสนุนและช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้เพราะศาสนายูดายก็ผูกพันกับเยรูซาเล็มเช่นเดียวกับอิสลามและคริสต์ ประเด็นทางศาสนาจึงถูกนำมาเป็นเครื่องมือเพื่อรับใช้เป้าหมายทางโลกของขบวนการไซออนิสต์ โดยการอ้างว่าแผ่นดินเยรูซาเล็มคือพื้นที่แห่งพันธะสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่าจะมอบให้ชาวยิวเท่านั้น เป็นพันธะสัญญาที่มีมาแต่ครั้งศาสดาอิบรอฮีม (อับราฮัม) ข้ออ้างนี้สอดรับกับคำสอนของศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์พอดี ในขณะที่นิกายโรมันคาทอลิกสอนว่าแผ่นดินแห่งพันธะสัญญา คือสรวงสวรรค์ในปรภพ มิใช่ดินแดนในโลกใบนี้
ข้ออ้างที่สอดรับกันของทั้งสองศาสนา คือยูดายและคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้การอพยพชาวยิวจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกไปสู่ปาเลสไตน์ ภายใต้การอำนวยการช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้เริ่มมีการอพยพชาวยิวระลอกแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1897-1902 และระลอกล่าสุดคือเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนการประกาศสถาปนารัฐอิสราเอลในปี ค.ศ.1948
นอกจากเหตุผลหลัก ๆ สองข้อที่กล่าวแล้ว สถานการณ์ที่ผลักดันให้ชาวยิวจากที่ต่าง ๆ อพยพสู่ปาเลสไตน์มากขึ้นคือ ลัทธิเกลียดชังยิว (Anti Semitic) ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไปในยุโรปและการทารุณกรรมชาวยิวของนาซีเยอรมันระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งได้ทำให้เกิดภาวะตื่นตระหนกในหมู่ชาวยิวและนำไปสู่จำนวนผู้อพยพที่เพิ่มมากขึ้น

เครดิต::จากเพจการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

 

อิสราเอล-ฮามาส เปิดแนวรบใหม่ 'สงครามไซเบอร์'
16 กรกฎาคม 2557 เวลา 20:55 น.

นอกจากอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะเปิดศึกทำสงครามทางอากาศอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีสิ้นสุดแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังเปิดแนวรบใหม่ ทำสงครามข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์อย่างดุเดือดด้วย

การเปิดฉากโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเหนือฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้การยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ข้ามมายังฝั่งอิสราเอลของกลุ่มฮามาส ดำเนินเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้ว 208 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก แต่ในอีกทางหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายกำลังเปิดแนวรบทำ "สงครามไซเบอร์" ด้วยการตอบโต้ผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์กันอย่างดุเดือดด้วย

นับตั้งแต่การเปิดฉากโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในวันที่ 8 กรกฏาคมที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้ทำสงครามข้อมูลข่าวสารทันที ผ่านทวิตเตอร์ ด้วยการรายงานข้อมูลการโจมตีของกลุ่มฮามาสแบบ "นาทีต่อนาที" ไม่เพียงแค่นั้น กองทัพอิสราเอลยังรายงานจำนวนขีปนาวุธของกลุ่มฮามาสที่ถูกยิงข้ามมายังฝั่งอิสราเอลแบบ "ลูกต่อลูก" ขึ้นจำนวนให้เห็นกันอย่างชัดเจน รวมไปถึง การรายงานว่าระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยใกล้หรือไอออนโดม สามารถยิงขีปนาวุธของกลุ่มฮามาสตกไปแล้วกี่ลูกด้วย

ส่วนกองกำลังฮามาสก็เปิดแอคเคาท์ทวิตเตอร์ในชื่อกองพลน้อย Al Qassam รายข่าว 3 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาอารบิกและภาษาฮิบรู โดยส่วนใหญ่จะรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต และความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล รวมทั้ง การติดตามข้อมูลข่าวสารจากทวิตเตอร์ของกองทัพอิสราเอลตลอดเวลา เพื่อการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างทันควัน ขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสใช้แฮชแท็ก เช่น #GazaUnderAttack, #Gaza, #StopIsrael #PrayForGaza เพื่อจัดกลุ่มและรวบรวมข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีของอิสราเอลในทวิตเตอร์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ภาพกราฟฟิก ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทั้งสองฝ่ายนิยมใช้ตอบโต้ เพื่อให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจข้อมูลได้อย่างง่ายดาย โดยหลายครั้งกลุ่มฮามาสได้นำภาพกราฟฟิกจากทวิตเตอร์ของกองทัพ มาใส่ข้อความที่หักล้างว่า ข้อมูลข่าวสารของกองทัพอิสราเอลนั้นเป็นเรื่อง "โกหก"

ส่วนการเลือกภาพที่กระตุ้นอารมณ์ของผู้รับสารก็เป็นหนึ่งในกลยุทธเพื่อเรียกความเห็นอกเห็นใจหรือการสนับสนุนจากสังคมโลกได้ดี เช่น กลุ่มฮามาสโพสต์รูปเด็กชายผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีในทวิตเตอร์ เป็นต้น ส่วนวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายก็ได้รับความนิยมจากทั้งสองฝ่ายเช่นกัน

เรื่องการเรียกร้องความเห็นใจ ฮามาสย่อมชนะได้ไม่ยาก เพราะมีคนตายมากกว่าหลายสิบเท่า แต่อิสราเอลก็ไม่ยอมแพ้ในด้านการทำสงครามจิตวิทยาเรียกร้องขอความเข้าอกเข้าใจ เช่นการปล่อยแอพพลิเคชั่นที่โชว์พิสัยการยิงของขีปนาวุธชนิดต่างของกลุ่มฮามาส และให้ผู้ใช้ลองจินตนาการหากกลุ่มฮามาสยิงขีปนาวุธมายังเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารมวลชน กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายรู้ดีว่าพวกเขามีผู้ชมให้ความสนใจอยู่ตลอดเวลา โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวต่างชาติที่ติดตามข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ การที่กลุ่มฮามาสเลือกใช้สื่อออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นไปได้ว่า กลุ่มฮามาสต้องการส่งสารถึงสื่อสากลและผู้นำในโลกตะวันตกโดยตรง และเรียกเสียงสนับสนุนจากวัยรุ่นชาวปาเลสไตน์ ที่ส่วนใหญ่นิยมเล่นสื่อออนไลน์

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=111141" ></iframe>

อิสราเอล-ฮามาส เปิดแนวรบใหม่ สงครามไซเบอร์ - Voice TV 21