ติดตามสถานะการณ์

แฉ "แม่ชีเชอรี่" มุสาคำโต ไม่ได้จบ "อเมริกา" คุมการเงินวัดเบ็ดเสร็จ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มิถุนายน 2557 21:42 น.




พระครูเกษม ทัศนคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิเกษตร ในฐานะเจ้าคณะอำเภอสวี ฝ่ายธรรมยุต

แม่ชีเชอรี่ ภาพจาก เชอรี่......เจ้าหญิงแห่งวัดถ้ำ - Pantip


ศูนย์ข่าวภุมิภาค - ศิษย์เก่า "วัดถ้ำขวัญเมือง" ออกโรงแฉพฤติกรรม "แม่ชีเชอรี่" มุสาคำโตไม่ได้จบ "อเมริกา" เผยเคยถูกไล่ออกกลางคันช่วงเรียน ม.3 เหตุเรื่องชู้สาว-ตบตีแย่งชาย จนหายหน้าไปจากพื้นที่ โผล่อีกครั้งเป็นใหญ่ในวัด คุมการเงินเบ็ดเสร็จ จนคนในสวีเรียกขาน "คุณนายเชอรรี่" นิสัยสุดแย่ด่าหยาบแม้กระทั่งพระ-เณร "เจ้าคณะอำเภอสวี" จี้เจ้าอาวาสและแม่ชีเชอรี่รีบออกมาชี้แจงต่อสาธารณชน อย่าปล่อยให้เรื่องบานปลาย จะทำให้ศาสนาเสื่อมเสียลง

วันนี้ (30 มิ.ย.57) แหล่งข่าวซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร หลายคนได้พร้อมใจกันออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมของนางสุปริญญา ฮุนนางกุล หรือแม่ชีเชอรี่ หลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวมีพฤติกรรมไม่เหมาะกับผู้ปฏิบัติธรรม โดยได้พพร้อมใจออกมาเปิดเผยความจริงต่อสังคมกรณีที่มีการระบุว่า แม่ชีเชอรี่ เรียนจบจากอเมริกาและมีฐานะทางการเงินเป็น 100 ล้านบาทว่า ตามที่มีการระบุในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ความจริงก็คือแม่ชีเชอรี่คนนี้เดิมที ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยมาจากไหนเลย ตอนที่เข้ามาอยู่ในวัดใหม่ๆ ก็เป็นคนที่มีฐานะธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไป แถมยังเป็นคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิตอีกด้วย

แหล่งข่าวที่เป็นศิษย์วัดนี้ เปิดเผยต่อว่า แม่ชีเชอรี่ เดิมเกิดในพื้นที่ อ.สวี จ.ชุมพร อายุปัจจุบันประมาณ 42 ปี มีพี่น้องทั้งหมด 8 คนโดยตัวแม่ชีเชอรี่ เป็นคนสุดท้อง หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตแล้วก็ไม่ได้ทิ้งสมบัติ หรือมรดกใดๆ ไว้ให้ โดยอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในพื้นที่ อ.สวี ไม่มีกิจการใดๆ เป็นของตนเอง

อย่าว่าแต่ไปเรียนอเมริกาเลย ความจริงแล้วแม่ชีเชอรีเรียนไม่จบ ม.6 ด้วยซ้ำไป โดยตอนที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนฉวีวิทยายังไม่ทันจบ ม.3 ก็โดนทางโรงเรียนไล่ออกเนื่องจากมีปัญหาเรื่องชู้สาวและตบตีแย่งผู้ชายกัน หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็เรียนไม่จบ ม.6 อีกเนื่องจากเป็นคนมีนิสัยเกเร ก้าวร้าว ใจแตก ชอบเที่ยว และก่อนที่จะมาเป็นแม่ชีก็เคยมีแฟนมาก่อนแต่ก็ล้มเหลวในความรักจนเกิดความเครียด

กระทั่งญาติได้พามาทำบุญที่วัดถ้ำขวัญเมือง และฝากให้อยู่ที่วัดเพื่อให้ทางวัดอบรมขัดเกลานิสัย ซึ่งพระครูสุธรรมวีราจารย์ (หลวงพ่อสมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ก็ได้เมตตารับไว้ โดยตอนแรกหลวงพ่อได้ให้เชอรี่ไปอยู่กับลูกศิษย์หลายๆ คนเพื่อให้ช่วยอบรมนิสัย โดยช่วงนั้นเชอรี่อายุประมาณ 25 ปี แต่นิสัยก็เหมือนเดิมและก็อยู่กับใครไม่ได้สักคน เนื่องจากเป็นคนก้าวร้าวที่สำคัญไม่มีความซื่อสัตย์ จนลูกสิษย์แต่ละคนเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของเชอรี่ จึงได้นำเรื่องไปกราบแจ้งต่อหลวงพ่อสมใจ ให้ทราบ ซึ่งหลวงพ่อสมใจก็ได้แก้ปัญหาด้วยการให้เชอรี่เข้ามาอยู่ในวัด เพื่อหวังที่จะอบรมนิสัยให้ดีขึ้น

"ช่วงที่เข้ามาอยู่ในวัดใหม่ๆ นิสัยก็เริ่มปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดี เนื่องจากได้ปฏิบัติธรรมและได้รับการอบรมจากหลวงพ่อ แต่ก็ไม่รู้ด้วยสาเหตุอันใด อยู่ๆ นิสัยแม่ชีเชอรี่ก็กลับมาก้าวร้าวขึ้นอีก และดูจะหนักขึ้นกว่าเดิม ใครทำอะไรที่ไม่ถูกใจเป็นโดนด่าหมด โดยด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมาก ไม่เว้นแม้กระทั้งพระ เณร และแม่ชีคนเก่าแก่ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่ในวัด ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากท่านมีความเมตตา เมื่อเห็นว่าหลวงพ่อท่านเมตตา ให้ท้าย ก็ยิ่งทำให้แม่ชีเชอรี่ก้าวร้าวมากขึ้น ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็จะไล่ออกจากวัดไปเลย"

แหล่งข่าวคนเดียวกันเปิดเผยต่อว่า ต่อมาไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใด หลวงพ่อถึงได้เมตตาไว้วางใจให้แม่ชีเชอรี่ เข้ามาดูแลกิจกรรมต่างๆ ภายในวัดทั้งหมด รวมทั้งเข้ามาดูแลเรื่องเงินของวัดที่มีเป็นจำนวนมากด้วย จากเดิมที่หลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ ท่านได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการเรื่องเงินของวัด รวมทั้งพระสงฆ์และฆารวาสทั้งหมด 15 คน หากมีการเบิกจ่ายเงินจะต้องมีการเซ็นรู้เห็นกันทั้งหมด 4 คน ซึ่งมีความโปร่งใสมาก แต่พอแม่ชีเชอรี่เข้ามา ก็ได้มีการปลดคณะกรรมการที่หลวงปู่สรวง แต่งตั้งไว้ออกทั้งหมด จนเหลือเพียงผู้มีอำนาจการเบิกจ่ายเงินของวัดได้เพียง 2 รายเท่านั้นคือหลวงพ่อสมใจ กับแม่ชีเชอรี โดยที่ไม่มีใครเข้าไปแตะต้องได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดสังเกตุอย่างมาก

"หลังจากนั้น แม่ชีเชอรี ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากแมชีจนๆ ที่ประสมความล้มเหลวในชีวิตก่อนมาบวช ก็กลายเป็นเป็นชีที่ร่ำรวย ขับรถหรู่ สวมใส่ยกทรงที่สวยงาม มีการใช้เครื่องประทินผิวทาให้หน้าขาว ทาปากแดง ผูกผ้าพันคอลายดอก ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมสีฉูดฉาดราคาแพง ใส่นาฬิกาข้อมือ ไม่ลงทำวัตรเช้า-เย็น แต่ไปกิจนิมนต์กับเจ้าอาวาสทุกงาน อำนาจในวัดทุกอย่างขึ้นอยู่กับแม่ชี ทั้งที่น่าจะเป็นกิจของสงฆ์ นอกจากนี้ยังมีการเข้าคอร์สสปา อบหน้า นวดตัว ขัดผิว โดยที่หลวงพ่อสมใจ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกไปหมด จนชาวบ้านในอำเภอฉวีเรียกว่า แม่ชีเชอรี่ว่า คุณนายเชอรี่" แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนที่พระประพาฬ รักฐิตศรีโร พระลูกวัดถ้ำขวัญเมือง ออกมาระบุถึงกรณีการขึ้นป้ายประกาศห้ามบุคคลบางคนเข้าวัดถ้ำขวัญเมืองวึ่งมีทั้งหมด 14 คนว่าเนื่องจากบุคคลที่อยู่ในภาพได้ฝ่าฝืนกฎระเบียบของวัดไม่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ทางวัดจึงมีมาตรการลงโทษห้ามเข้าวัดและร่วมทำกิจกรรมของวัดนั้น

แหล่งข่าวซึ่งเป็นศิษย์เก่าวัดถ้ำขวัญเมือง เปิดเผยว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้ง 14 คน ที่มีชื่อติดประกาศห้ามเข้าวัดนั้นล้วนเป็นศิษย์เก่ามาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสรวง ปริสุทโธ บางคนเป็นไวยาวัจกรวัด กรรมการวัด เป็นผู้อุปถัมภ์วัด และเคยร่วมสร้างวัดถ้ำขวัญเมือง มากับหลวงพ่อสรวง มาก่อน รวมทั้งหลายคนยังเคยเป็นผู้ที่เคยรับตัวแม่ชีเชอรี่ ไปอุปการะดูแลมาก่อนที่จะมามีบทบาทเป็นใหญ่ในวัดด้วยซ้ำ

"สาเหตุที่ทั้ง 14 คน โดนไล่ออกเนื่องจากไปรู้ความลับหลายๆ อย่างที่ไม่เหมาะสมของแม่ชี โดยเฉพาะเรื่องเงินของวัด ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเล้นทางการของวัดว่ามีการนำไปใช้จ่ายในด้านใดบ้าง โปร่งใสหรือไม่" แหล่งข่าวจากลูกศิษย์วัดถ้ำขวัญเมือง กล่าว

**เจ้าคณะสวีจี้เจ้าอาวาส-แม่ชีรีบมาแจง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพรว่า หลังจากแม่ชีเชอรี่ ตกเป็นข่าวมานานเกือบ 1 สัปดาห์จนถึงขณะนี้ที่วัดถ้ำขวัญเมือง ทั้งเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง และแม่ชีเชอรี่ ก็ยังหายตัวไปโดยไม่มีผู้ใดให้ข้อมูลได้ว่าทั้ง 2 ไปอยู่ที่ไหน ขณะที่พระสงฆ์และแม่ชีภายในวัดก็ปฏิเสธที่จะพูดคุยเรื่องดังกล่าว โดยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่จะให้ข้อมูลหรือข่าวใดๆ กับสื่อมวลชนได้ นอกจากเจ้าอาวาสกับแม่ชีเชอรี่เท่านั้น

ด้านพระครูเกษม ทัศนคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิเกษตร ในฐานะเจ้าคณะอำเภอสวี ฝ่ายธรรมยุต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาตมาไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะหลายฝ่ายก็ให้ความสนใจ ในส่วนของอาตมานั้นเบื้องต้นได้มีการสอบถามผู้เกี่ยวข้องในวัดถ้ำขวัญเมืองบ้างแล้ว ซึ่งทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งภายในวัดเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ ของผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และเมื่อมีคนเห็นแม่ชีขับรถเก๋งราคาหลายล้านบาท และใช้กระเป๋าหรูราคาแพง ซึ่งเบื้องต้นก็ได้ข้อมูลว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเป็นของญาติโยมที่เข้ามาปฏิบัติธรรม และอนุญาตให้แม่ชีเชอรี่นำไปใช้ในกิจธุระได้เป็นครั้งคราว

ดังนั้น เมื่อมีคนเห็นแม่ชีขับรถเก๋งราคาแพงจึงมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจึงถ่ายรูปแล้วนำไปลงในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้สังคมเคลือบแครงใจ แล้วสื่อมวลชนก็นำเสนอเป็นข่าวจึงต้องขอชมเชยสื่อที่พยายามติดตามค้นหาความจริง ซึ่งที่ผ่านก็มีให้เห็นอยู่หลายเรื่องในแวดวงศาสนาที่สื่อได้เป็นผู้นำเสนอความจริงมาตีแผ่ จึงถือเป็นการปกป้องพระพุทธ

ส่วนพฤติกรรมของแม่ชีเชอรี่ ที่ขับรถปอร์เช่หรูราคาแพงและใช้กระเป๋าแบรนด์เนมยีห้อดัง จนถูกมองว่าอาจจะนำเงินบริจาคจำนวนมากในวัดไปใช้เป็นการส่วนตัวนั้น พระครูเกษม ทัศนคุณ กล่าวว่า ปกติมีกฎระเบียบการปฏิบัติของวัดมีอยู่แล้ว และหากมีผู้ร้องเรียนเข้ามาผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งทั้งสำนักพุทธศาสนาก็สามารถตั้งกรรมข้าไปตรวจสอบได้ และหากพบว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้เป็นการส่วนตัวก็ถือเป็นความผิดทางอาญาอยู่แล้ว และเรื่องนี้คงจะต้องมีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน

"แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อาตมาอยากจะให้เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง และแม่ชีเชอรี่ รีบออกมาชี้แจงต่อสังคมต่อสาธารณชนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะแม่ชีเชอรี่ หากขับรถคันดังกล่าวออกไปก็ขอให้ขับกลับมาเลย เพราะทุกวันนี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และพูดกันปากต่อปาก จากเรื่องมดตัวเล็กๆ จนกลายเป็นมดที่งอกหูงอกงวงงอกงาพอกพูนจนตัวใหญ่โตไปเรื่อยๆ จึงขอให้รีบออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเร็วๆ อย่าปล่อยให้เรื่องราวใหญ่โตบานปลายไม่มากกว่านี้อีกเลย ซึ่งจะทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียไปทุกวัน"

 

Piyacheep S.Vatcharobol





อีกแล้วนะครับ ช่วงเวลาวิกฤติ อุปกรณ์ต่างๆมักมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ
๒ อาทิจบ์ที่ผ่ามานาซ่าพยายามปกปิดข้อมูลเรื่องการระเบิดบนด้วยอาทิตย ์ CME แล้วบอกว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ปีที่แล้วบอกแอร์เสียต้องเปลี่ยนแอร์ใหม่ ปิดเปลี่ยนแอร์ ๖ เดือน ไม่รายงานผลก็มี หรือ ลงซอฟแวร์ใหม่ปิดอีก ๓ เดือนก็มี ในช่วงวิกฤติตลอด

ในขณะที่ ดร.ก้องภพ อยู่เย็นเตือนเรื่องที่ CME จะมาถึงโลก
วันที่ CME มาถึงโลก มตราวัดต่างๆที่รายงานบนเว็บ ดูราบเรียบเป็นปกติ ตัวแปรต่างๆต่ำหมด เหมือนไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างเลย อย่างเช่นวันอาทิตย์ที่ ๒๙ ตามรายงานทุกอย่างตำ่ไปหมด แบบชิวๆ

แต่เราร้อนอบอ้าวไปหมด แผ่นดินไหวใหญ่ๆเกิด ๓ ที่ต่อเนื่อง พายุเขาน้ำท่วมไปมากมายหลายประประเทศในทุกทวีป

มาคราวนี้ดาวเทียมหลัก ๒ ดวงที่ส่งไปจับค่าปฏิกิริยาต่างๆบนดวงอาทิตย์ ต้องเปลี่ยนมุมใหม่ เพราะเสาอากาศร้อนเกินไป ต้องใช้เสาอากาศสำรอง อันจะทำให้การส่งข้อมูลจะต้องเป็นเต่าเดินทั้งที่ที่ยังไม่ตื่นนอนดี the telemetry rate will be extremely low แล้วที่ผ่านๆมาทำไมเสาส่งสัญญาณมันไม่ร้อน ในเมื่อการทำมุมต่อโลกและดวงอาทิตย์เป็นแบบนี้มาตลอดกี่ปีแล้วเอ่ย ??

วงโคจรมีปัญหา?
มีพลังงานตวามร้อนมาจากแหล่งอื่น ที่ทำมุมตรงกันให้เกิดอันตราย?

สภาวะปิดหูปิดตาประชาชน ควบคุมสื่อ เริ่มอีกแล้วนะครับ และต่อไปก็จะมีข้ออ้าง หรือ ปัญหาอื่นๆตามมาในอุปกรณ์อื่นๆอีก โดยไม่บอกว่าความจริงคืออะไร

แต่ที่แน่ๆ สถานการณ์ที่ไม่ดี รุนแรงกำลังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะวงโคจรของนิบุรุและบริวารที่มีผลต่อ ดวงอาทิตย์ และสิ่งต่างๆในระบบสุริยะ รวมทั้งดาวเทียมต่างๆ ขนาดดาวเสาร์อยู่ไกลกว่า ยังโดนพลังงานพายุสุริยะเล่นงาน ออโรร่าที่ขั้วใต้ของดาวเสาร์แรงมาก ขยายพื้นที่มากขึ้นมหาศาล แต่เป็ยพลังงานพายุสุริยะของดวงอาทิตย์ดวงไหน? หรือ มีมากกว่า ๑ ดวง ?

Important news regarding the STEREO spacecraft mission via the STEREO website.

"Unexpectedly high temperatures in the high gain antenna feed horns on both STEREO spacecraft will require corrective action in the coming months that will severely limit science operations. The high temperatures are being caused by the small angle between Earth and the Sun as seen from each spacecraft. In other words, pointing the antenna at Earth is putting too much solar heat on the antenna feed horn. To bring down the feed horn temperature, and preserve the spacecraft for years to come, the antennas will be pointed off at an angle from both Earth and the Sun, so that less heat will fall on the feed horns. Communication will still be possible using one of the antenna side lobes, but the telemetry rate will be extremely low. What instrument operations can be supported while the antennas are off-pointed is still being studied."

More information at the following link.
STEREO - Solar Conjunction Notice

 

ตุรกี พร้อมแบ่งแผ่นดินอิรัก



หนังสือพิมพ์อังกฤษ Financial Times รายงานว่า ตุรกี เตรียมพร้อมในการแบ่งประเทศอิรักออกเป็นชิ้นๆ และแยก ดินแดนชาวเคิร์ด ออกจากประเทศอิรัก

โดยหนังสือพิมพ์อังกฤษ ฉบับนี้ได้อ้างอิง ความเห็น ของนาย ฮูเซน ซีลิก โฆษกประจำพรรคยุติธรรมและการพัฒนาการปกครอง ได้เขียนบันทึก ในตุรกีว่า “ก่อนหน้านี้มีการนำเสนอให้แยกเคิร์ดเป็นเอกราชจากอิรัก ด้วยเหตุผลด้านการสงคราม ทว่าในตอนนี้ไม่มีใครมีสิทธิที่จะยื่นมือเข้าไปเกี่ยวในเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าอิรัก ถูกแบ่งแผ่นดินขึ้นมาเมื่อไหร่ แผนนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาคือพี่น้องของเรา (ชาวเคิร์ด) แต่ก็น่าเสียดายที่สภาพอิรักในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะเท่าไหรนัก แน่นอนอิรักกำลังไปสู่การแยกออกเป็นส่วนๆ”

นอกจากนี้ยังมีแผนการแบ่งประเทศอิรัก และสร้างประเทศของชาวเคิร์ดซึ่งแยกตัวเป็นเอกราชอจากอิรัก ซึ่งถูกเสนอโดย รมต.ต่างประเทศอิสราเอล และ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ด้วยเช่นเดียวกัน

โดย ยูซุฟ ญาวาดี
ที่มา Alalam

 

ข่าวข้น รับอรุณ

"อัมพวา" ช่วงนี้น้ำลงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ



ภาพถ่ายโดย Nay Sabu วันที่ ๒๙ มิ.ย.๕๗

#NationTV

 

นักบินหญิงเปิดใจเคยขายบริการผ่านผู้ชายเป็นหมื่น(ชมคลิป)





นักบินหญิงเปิดใจเคยขายบริการผ่านผู้ชายเป็นหมื่น(ชมคลิป)??นักบินหญิงเปิดใจเคยขายบริการผ่านผู้ชายเป็นหมื่น(ชมคลิป)??นักบินหญิงเปิดใจเคยขายบริการผ่านผู้ชายเป็นหมื่น(ชมคลิป)??นักบินหญิงเปิดใจเคยขายบริการผ่านผู้ชายเป็นหมื่น(ชมคลิป)?
นางสาวกวินเน็ธ มอนเตเนโกร วัย 36 ปี นักบินหญิงของสายการบินพาณิชย์แห่งหนึ่ง

วันอังคาร 1 กรกฎาคม 2557 เวลา 21:10 น.
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของอังกฤษ “มิรเรอร์” รายงานเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า นางสาวกวินเน็ธ มอนเตเนโกร วัย 36 ปี นักบินหญิงชาวออสเตรเลียของสายการบินพาณิชย์แห่งหนึ่งเปิดใจเขียนหนังสือแฉชีวิตด้านมืดของตนเองว่าอันที่จริงแล้ว เธอเคยทำอาชีพโสเภณีเป็นเวลานานถึง 12 ปี มาก่อน เธอให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ “เดอะ มิรเรอร์”ว่า สิ่งที่พาเธอเข้าสู่ด้านมืดดังกล่าวคือ ยาเสพติด “โคเคน”และความไม่เคารพตนเอง กวินเน็ธเคยเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อครั้งเธอยังเป็นเด็กสาว เธอถูกเพื่อนแกล้งเป็นประจำ ดังนั้นจึงไม่มีความเคารพตนเองหลงเหลืออยู่ ชอบเก็บตัวและสนใจแต่เรื่องของตนเอง

ขณะเดียวกันเธอก็ต้องการหาเงิน และความไม่เคารพตนเองนี้ก็ทำให้เธอเลือกที่จะเดินเข้าสู่อุตสาหกรรมความบันเทิงทางเพศ เมื่อจบการศึกษาเพื่อนๆของเธอต่างทำอาชีพหมอหรือทนายความ แต่กวินเน็ธ เลือกที่จะเป็น “เพื่อนเที่ยว”และเป็น “โสเภณี” เมื่อเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย เธอจะจดบันทึกไว้ทุกครั้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาที่กวินเน็ธเลิกทำอาชีพดังกล่าว เธอพบว่า ตนเองร่วมหลับนอนกับผู้ชายมาแล้วถึง 10,091 ราย

ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยทำงานที่ทำงานบริษัท พวกเขาเผยกับเธอว่า เขาไม่ได้ต้องการนอกใจภรรยาแต่บางทีก็ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาได้ด้วยเหตุผลประการต่างๆ จึงต้องแสวงหาทางออกอื่น ทั้งนี้ กวินเน็ธเคยได้รับรายได้มากถึงวันละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (65,000 บาท) ลูกค้าที่อายุมากที่สุดของเธอคือ คุณปู่วัย 84 ปี เธอโกหกพ่อแม่ว่า เธอได้เงินมาจากการไปเป็นนางแบบ

กวินเน็ธเริ่มจมลงสู่การค้าประเวณีมากยิ่งขึ้นเมื่อเธอเริ่มติด “โคเคน”ต้องเสพมันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง และการใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อหรูหราด้วยเงินที่ลูกค้าปรนเปรอ อย่างไรก็ตาม เธอสามารถเลิกอาชีพดังกล่าวได้ เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุร้ายแรง เธอเริ่มคิดได้ว่า ชีวิตคนเรามีแค่ครั้งเดียวและอยากออกจากความเสื่อมทรามที่เป็นอยู่ กวินเน็ธตัดสินใจบอกความจริงกับพ่อแม่ทั้งหมด เธอกลับใจและหันมาลงเรียนหลักสูตรขับเครื่องบิน จนได้เป็นนักบินพาณิชย์และเขียนหนังสือ “10,000 เมน แอนด์ เคาท์ติง”(10,000 men and Counting)เล่าเรื่องราวของตนเองให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่น

นักบินหญิงเปิดใจเคยขายบริการผ่านผู้ชายเป็นหมื่น(ชมคลิป) | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

โสมแดงเอาอีกยิงขีปนาวุธ2ลูก



เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธระยะใกล้อีก 2 ลูกเมื่อเช้าวันพุธ แต่จรวดตกทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกของประเทศ โดยไม่มีผู้ใดรับอันตราย

วันพุธ 2 กรกฎาคม 2557 เวลา 09:16 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่2 ก.ค.ว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้อีก2ลูกตกสู่น่านน้ำทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศเมื่อเช้าวันพุธ หนึ่งวันหลังจากเกาหลีใต้ปฏิเสธข้อเสนอลดความตึงเครียด รวมทั้งการยกเลิกซ้อมรบประจำปีระหว่างอเมริกากับเกาหลีใต้

ทั้งนี้ขีปนาวุธ ซึ่งมีพิสัยทำการ180 กิโลเมตร ได้ถูกยิงออกมาจากวอนซานเมืองชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือและตกสู่ทะเลเมื่อเช้าตรู่วันพุธ โดยไม่ได้สร้างอันตรายหรือความเสียหายใดๆ แต่การยิงจรวดของฝั่งเกาหลีเหนือมีขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง แห่งจีน เดินทางเยือนเกาหลีใต้เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกับประธานาธิบดีปาร์กกึน-เฮของเกาหลีใต้

นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธมาแล้วไม่ต่ำกว่า3 ครั้ง ซึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้3 ลูกจากนั้นในวันอาทิตย์ เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้อีก2 ลูก ขณะที่สื่อเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดได้มาร่วมชมการยิงขีปนาวุธด้วย

โสมแดงเอาอีกยิงขีปนาวุธ2ลูก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Chatree C Sinsup กับ Nutaya Kwang Thongnunnoi

วิธีการเช็คเส้นเลือดอุดตันในสมอง อาการบ่งชี้ และการทดสอบ



วิธีการเชคเส้นเลือดอุดตันในสมอง อาการบ่งชี้ และการทดสอบ ใช้เวลาอ่านบทความนี้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ถ้าเราสามารถจำสิ่งง่ายๆเหล่านี้ได้ เราอาจมีโอกาสช่วยชีวิตคนบางคนได้.....

ระหว่างงานเลี้ยง เพื่อนคนหนึ่งสะดุดล้มลงไปกองกับพื้น แต่เธอบอกกับทุกคนว่าเธอไม่เป็นไร (เพื่อนๆถามว่าจะให้เรียกแพทย์มั้ย) เธอบอกว่าเธอแค่สะดุดก้อนหินเพราะยังไม่ชินที่ใส่รองเท้าคู่ใหม่มา ทุกคนช่วยกันปัดเศษสกปรกออกไปจากตัวเธอและไปตักอาหารมาให้ใหม่ ตัวเธอเองหลังจากนั้นรู้สึกว่าจะมีอาการสั่นเล็กน้อย แต่ก็สนุกสนานดีตลอดเย็นวันนั้น

หลังจากนั้น สามีของเธอโทรหาเพื่อนๆทุกคนว่า ภรรยาเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล (และเสียชีวิตในเช้าวันรุ่งขึ้น) เธอมีอาการของเส้นเลืดอุดตันในสมองตั้งแต่ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงแล้ว

ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอมีอาการนี้เสียตั้งแต่แรก บางทีเธออาจจะยังอยู่กับพวกเราในวันนี้ก็ได้ บางคนก็ไม่เสียชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างคนสิ้นหวังและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ (เพราะเป็นอัมพฤกษ์ หรืออัมพาต)

แพทย์ด้านประสาทวิทยากล่าววา ถ้าแพทย์สามารถไปถึงตัวผู้ป่วยเส้นเลือดสมองอุดตันได้ภายใน 3 ชั่วโมง แพทย์จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แน่นอน ที่สำคัญก็คือต้องทราบว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคนี้ วินิจฉัยได้ได้ จากนั้นก็ให้การรักษาภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องจริงนั้นเป็นไปได้ยากอยู่ นอกจากจะรู้ก่อนว่ามันคือเส้นเลือดสมองอุดตัน

บางครั้งอาการของโรคเส้นเลือดสมองอุดตันก็เป็นการยากที่จะรู้กันได้ แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ การไม่รู้อาจหมายถึงหายนะได้ สมองผู้ป่วยอาจจะโดนทำลายอย่างรุนแรง แต่คนรอบข้างไม่ได้รู้เลยว่านี่คืออาการของเส้นเลือดสมองอุดตัน

หมอบอกว่า คนที่ยืนอยู่รอบข้างก็สามารถรู้อาการได้ โดยคำถาม3 ข้อ ดังนี้

S *Ask the individual to SMILE. คือบอกให้ผู้ป่วย ยิ้ม

T *Ask the person to TALK and SPEAK A SIMPLE SENTENCE (Coherently) (i.e.. It is sunny out today.)
คือบอกให้ผู้ป่วยพูด โดยอาจจะเป็นประโยคง่ายๆ เช่น วันนี้อากาศดีนะ

R *Ask him or her to RAISE BOTH ARMS.
คือบอกให้ผู้ป่วยยกแขนทั้งสองข้างขึ้น

ถ้าผู้ป่วยมีความลำบากในการทำข้อใดข้อหนึ่ง ให้โทร.หาเบอร์ฉุกเฉินทันทีและแจ้งไปว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร

Blood Clots/Stroke - They Now Have an Indicator, the Tongue
สัญญาณใหม่ของเส้นเลือดสมองอุดตัน -- แลบลิ้นออกมาดู
คือ ลองให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา หากลิ้นมีลักษณะม้วนงอ ตกไปด้านใดด้านหนึ่ง นั่นคือข้อบ่งชี้ว่ามีอาการเส้นเลือดสมองอุดตัน

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจบอกว่า หากคุณได้รับทราบข้อความนี้ และส่งต่อ อาจมีโอกาสช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างน้อย ๑ คน ก็เป็นได้

ปล. ถ้าพบเพื่อนมีอาการดังกล่าว จะสามารถช่วยเขาได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียอย่างร้ายแรงครับ

 

Kaokala Fc

...ภัยใกล้ตัวจริงๆ !!!

1 ก.ค. ระทึก! ไฟไหม้รถเก๋งติดแก๊สคาปั๊ม-เผ่นกันกระเจิง



รถเก๋งติดแก๊ส เติมเสร็จคนขับสตาร์ตเครื่อง เกิดไฟลุกพึ่บ เด็กปั๊มใช้ถังเคมีฉีด แต่ไม่ดับ เลยเผ่นหาที่กำบัง กลัวระเบิดวินาศสันตะโร เพราะในปั๊มมีถังบรรจุขนาดใหญ่ 8 ตันอยู่ด้วย สุดท้ายรถดับเพลิงมาดับไว้ได้ด้วยความระทึก

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 ก.ค. 57 พ.ต.ต.สุวิทย์ ปะกำแหง พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลภายในปั๊มแก๊ส LPG ของบริษัท ซุปเปอร์แก๊ส จำกัด เลขที่ 63 หมู่ 3 ถนนพหลโยธิน ขาเข้า ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลเมืองคลองหลวง จำนวน 2 คัน รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นปั๊มแก๊สรถยนต์ชนิดแอลพีจี มีหัวจ่ายด้านใน 3 หัวจ่าย บริเวณหัวจ่ายที่ 1 พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กง -1301 ร้อยเอ็ด เกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรง แสงเพลิงและกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า น่ากลัวอย่างยิ่ง พนักงานของปั๊มรวมทั้งผู้ขับขี่ต่างวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง เพราะกลัวแก๊สไวไฟชนิดแอลพีจีภายในรถยนต์ และของทางปั๊มที่มีถังบรรจุขนาด 8 ตัน จะระเบิด จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบ แต่รถยนต์ได้รับความเสียหายทั้งคัน ส่วนตัวอาคารปั๊มได้รับความเสียหายเล็กน้อย

(อ่านต่อ.ระทึก! ไฟไหม้รถเก๋งติดแก๊สคาปั๊ม-เผ่นกันกระเจิง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์)

 

Kaokala Fc

1 ก.ค. ครม.ญี่ปุ่นเห็นชอบ'ตีความใหม่'รธน. เปิดทางใช้กำลังทหารร่วมรบต่างปท.-ปชช.ประท้วงคัดค้าน



เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ มีมติอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (1 ก.ค.) ยอมรับการตีความรัฐธรรมนูญเสียใหม่ โดยที่เมื่อเรื่องนี้ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ก็จะเป็นการปลดเปลื้องพันธนาการทำให้กองทัพอันทรงพลังของประเทศ มีสิทธิในการร่วมรบเพื่อปกป้องชาติพันธมิตร นับเป็นการเปลี่ยนจุดยืนจากแนวทางสันตินิยมซึ่งแดนอาทิตย์อุทัยยึดมั่นมายาวนานตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ภายหลังจากหารือต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับกลุ่มการเมืองต่างๆ ตลอดจนถูกฝ่ายค้านวิจารณ์โจมตีมานานหลายเดือน ในที่สุด อาเบะ ผู้นำอนุรักษนิยมและชาตินิยมจัดของญี่ปุ่น ก็ออกมาแถลงในวันอังคารว่า คณะรัฐมนตรีของเขามีมติเห็นชอบอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อให้มีการตีความรัฐธรรมนูญกันเสียใหม่ ในบทมาตราซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นการห้ามไม่ให้ญี่ปุ่นใช้กองกำลังติดอาวุธ ยกเว้นแต่ในสถานการณ์ที่เป็นการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัดเท่านั้น

อาเบะกล่าวในการแถลงข่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า “ผมจะขอปกป้องชีวิตของประชาชนชาวญี่ปุ่น และการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่สำคัญถึงเพียงนี้ และคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบนโยบายพื้นฐานเพื่อความมั่นคงของชาติ ด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่”

“มีผู้เข้าใจผิดว่า (จากการตีความรัฐธรรมนูญกันใหม่คราวนี้) ญี่ปุ่นจะเข้าร่วมทำสงครามที่เป็นการปกป้องต่างชาติ แต่เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย เพราะนี่คือมาตรการด้านการป้องกันอันเข้มงวดเคร่งครัด ซึ่งจะใช้เพื่อปกป้องประชาชนของเราเอง”

ความพยายามในเรื่องนี้ของอาเบะ ไม่ใช่จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หากแต่มีกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวางของประชาชน ซึ่งปะทุตัวอย่างรุนแรงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อชายวัยกลางคนคนหนึ่งพยายามจุดไฟเผาตนเองเพื่อประท้วงแผนการนี้

ในวันอังคารเอง ก็มีผู้ประท้วงราว 10,000 คนชุมนุมกันที่ใกล้ๆ กับทำเนียบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงการคัดค้านการเคลื่อนไหวคราวนี้ ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโด

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการตีความรัฐธรรมนูญใหม่ในคราวนี้ เพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถ “ทำการป้องกันตนเองโดยร่วมกับชาติอื่นๆ” ยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแดนอาทิตย์อุทัยเสียก่อน แต่การที่พรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของอาเบะสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก็ทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กระบวนการนี้จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไร

ทั้งนี้ แต่เดิมอาเบะได้วางแผนที่จะแก้ไขมาตรา 9 ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่สหรัฐฯเป็นผู้ร่างให้ ในช่วงเข้ายึดครองแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยที่กำหนดว่าญี่ปุ่นต้องไม่ใช้ “การคุกคามหรือการใช้กำลัง มาเป็นเครื่องมือสะสางความขัดแย้งกับนานาชาติ”

แต่เมื่อยังไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมาก 2 ใน 3 จากทั้งสองสภา ทั้งยังไม่มีแนวโน้มว่าประชาชนจะโหวตรับรองในการจัดลงประชามติ เขาก็เปลี่ยนมาใช้การตีความรัฐธรรมนูญเสียใหม่ อันเป็นวิธีการที่ฝ่ายค้านกล่าวว่า เป็นการใช้กลโกงเพื่อเปลี่ยนเนื้อหาสาระในกฎหมายรัฐธรรมนูญ

บรรดาผู้สนับสนุนกล่าวว่า การตีความรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ความมั่นคงในเอเชียตะวันออกกำลังทวีความเลวร้ายลงเรื่อยๆ จากการที่จีนซึ่งกำลังมีความมั่นใจสูงขึ้น ได้เริ่มออกมาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนพิพาทต่างๆ ขณะที่เกาหลีเหนือซึ่งมีพฤติกรรมคาดเดาไม่ได้ก็ข่มขู่จะทำลายเสถียรภาพอยู่เป็นประจำ

ภายหลังจากการตีความรับธรรมนูญใหม่ กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจะสามารถเข้าช่วยเหลือกองทัพของบรรดาชาติพันธมิตร โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในกรณีถูกโจมตีโดยศัตรูร่วมของทั้งสองฝ่าย ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้งก็ตาม

ตัวอย่างที่คณะรัฐมนตรีของอาเบะยกขึ้นมาประกอบได้แก่ หากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามแดนอาทิตย์อุทัย เพื่อโจมตีกองทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะเปิดทางให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นสามารถยิงสกัดขีปนาวุธที่กำลังลอยข้ามผ่านประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ในปัจจุบันไม่สามารถทำได้

จีนได้ออกมากล่าวเตือนไม่ให้ญี่ปุ่นตีความรัฐธรรมนูญใหม่ โดยชี้ว่าเป็นการเปิดทางให้แดนอาทิตย์อุทัยซึ่งยังไม่ได้แสดงท่าทีสำนึกผิดอย่างเพียงพอ ต่อพฤติกรรมโหดร้ายป่าเถื่อนโหดเหี้ยมที่เคยกระทำในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีโอกาสสร้างกองทัพขึ้นอีกครั้ง

ก่อนญี่ปุ่นจะออกมาประกาศความเคลื่อนไหวได้ไม่นาน ปักกิ่งได้กล่าวตำหนิว่า โตเกียวกำลังทำผิดด้วยการจุดชนวนปัญหาในประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่

โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติที่เรารู้สึกคลางแคลงสงสัย หากญี่ปุ่นจะเปลี่ยนจุดยืนผละออกจากการเป็นชาติสันตินิยม หลังจากที่ยึดถือมานานนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2”

ทางด้านรัฐบาลญี่ปุ่นได้โต้แย้งถ้อยแถลงของแดนมังกรว่า การตีความรัฐธรรมนูญใหม่จะเปิดโอกาสให้แดนอาทิตย์อุทัยได้ส่งเสริมแนวคิดที่เรียกว่า “สันตินิยมเชิงรุก”

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่นำไปสู่การส่งกำลังทหารญี่ปุ่นไปปฏิบัติภารกิจในต่างแดน เช่น ในอัฟกานิสถาน

อาเบะเน้นย้ำว่า “หลักการห้ามส่งกองกำลังไปประจำการในต่างแดนของเราจะยังคงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง”

“เราจะไม่เผชิญความโหดร้ายของสงครามร้ายซ้ำสอง ญี่ปุ่นผ่านพ้นยุคสงครามมา 70 ปีแล้ว ญี่ปุ่นจะไม่มีทางกลายเป็นประเทศที่ไปร่วมสงครามอีก”



(ภาพจากแฟ้ม) เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานดับเพลิงกำลังเข้าตรวจสอบทางเดินบริเวณสถานีรถไฟชินจูุกุ ในกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นจุดที่มีชายวัยกลางคนเผาตัวเองประท้วงแผนการตีความรัฐธรรมนูญใหม่ของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เมื่อวันอาทิตย์ (29 มิ.ย.)

ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากสหรัฐฯ โดยเป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วที่วอชิงตันคอยผลักดันให้ญี่ปุ่นแสดงบทบาทให้มากขึ้น ในสนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือและความมั่นคงร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่มีลักษณะไม่สมดุลอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม แผนการนี้ได้จุดชนวนให้เกิดกระแสโกรธเคืองในญี่ปุ่น ดินแดนที่ประชาชนจำนวนมากยึดมั่นในหลักสันตินิยมที่ได้รับการเทิดทูนในรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น

ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยหนังสือพิมพ์ฉบับสุดสัปดาห์ชี้ว่า ประชากรชาวญี่ปุ่นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งต่อต้านการที่ญี่ปุ่นต้องการเสริมสร้างอำนาจให้แก่กองกำลังป้องกันประเทศ

ประชาชนชาวญี่ปุ่นหลายร้อยคน และบางครั้งมีมากถึงหลายพันคน ได้ออกมารวมตัวประท้วงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น ในการชุมนุมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

การเผาตัวเองประท้วงที่สถานีรถไฟอันพลุกพล่านจอแจของกรุงโตเกียวเมื่อวันอาทิตย์ (29) เป็นตัวอย่างของการแสดงความรู้สึกอันแรงกล้าในรูปแบบที่รุนแรงสุดขีด

คนจำนวนมากต่างแสดงความกังวล ในกรณีที่ญี่ปุ่นจะยกระดับศักยภาพกองกำลังป้องกันประเทศ และการตีความรัฐธรรมนูญ ในระหว่างการประท้วงเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (1) ซึ่งประมาณการกันว่ามีผู้มาชุมนุมหลายร้อยคน และต่อมาจำนวนก็เพิ่มขึ้นอีกจนอยู่ในระดับ 1 หมื่นคน

โยชิโนะ ทานิ คุณแม่ลูกแฝดวัย 38 ปีกล่าวว่า “คณะรัฐมนตรีเพียงกลุ่มเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีตีความรัฐธรรมนูญได้ด้วยหรือ นั่นน่ะผิดกฎหมายชัดๆ”

“ฉันไม่ได้คลอดลูกออกมาเพื่อส่งไปสนามรบหรอกนะ”


(อ่านต่อ

 

ผู้นำ ISIL ยึดอิรัก แพร่คลิปเสียงร้องมุสลิมทั่วโลกทำสงครามแก้แค้นพวกดูหมิ่น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2557 03:16 น.

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/AkFKwExBu1Y" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

รอยเตอร์/เอเอฟพี - แกนนำกลุ่มที่แตกออกมาจากอัลกออิดะห์ซึ่งควบคุมพื้นที่บางส่วนคร่อมพรมแดนอิรักและซีเรียเมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) เผยแพร่คลิปเสียงแรกที่เผยแพร่ออกมานับตั้งแต่ประกาศจัดตั้ง “รัฐอิสลาม” ที่ปกครองด้วยระบบคอลีฟะห์ (กาหลิบ) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เรียกร้องมุสลิมทั่วโลกต่อสู้เพื่อแก้แค้นการกระทำผิดๆต่อศาสนาอิสลาม ขณะที่อิหร่านยันพร้อมส่งอาวุธช่วยเหลือรัฐบาลแบกแดดสู้นักรบสุหนี่กลุ่มนี้

อบู บาการ์ อัล-บักดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ (ISIL) ซึ่งเวลานี้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ “รัฐอิสลาม” (IS) ออกคำแถลงเรียกร้องชาวมุสลิมทำญิฮัด (สงครามศักดิ์สิทธิ์) ในคลิปเสียงความยาวเกือบ 20 นาทีที่โพสต์บนโลกออนไลน์เมื่อวันอังคาร(1 ก.ค.)

คลิปเสียงดังกล่าวนับเป็นสารแรกของนายอบู บาการ์ อัล-บักดาดี นับตั้งแต่ทางกลุ่ม ประกาศจัดตั้ง “รัฐอิสลาม” ที่ปกครองด้วยระบบคอลีฟะห์ (กาหลิบ) ครอบคลุมอาณาบริเวณตั้งแต่จังหวัดอะเลปโปทางตอนเหนือของซีเรีย เรื่อยมายังเมืองดิยาลา ทางภาคตะวันออกของอิรัก

นายบักดาดีได้พาดพิงหลายประเทศ ไล่ตั้งแต่สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ไปจนถึงพม่า ดินแดนที่พวกเขาบอกว่ามีชาวมุสลิมถูกล่วงละเมิด “พี่น้องทั้งหลายในทุกๆ แห่งทุกหนของโลก พวกเขากำลังรอความช่วยเหลือจากคุณ ในนามพระอัลเลาะห์ เราจะแก้แค้น แม้ต้องใช้เวลาอีกสักพัก” เขากล่าวในสารที่เผยแพร่ออกมาในวันที่ 3 ของเทศกาลรอมฎอน

“พวกนักรบควรอ้าแขนรับโอกาสและปกป้องศาสนาของพระอัลเลาะห์ผ่านการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์” นายบักดาดีกล่าว พร้อมเรียกร้องชาวมุสลิมอพยพสู่ “รัฐอิสลาม” โดยบอกว่ามันเป็นหน้าที่

เมื่อวันอาทิตย์ (29 ก.ย.) ISIL อ้างมีอำนาจการปกครองเหนือโลกมุสลิมทั้งมวล และประกาศให้นายอบู บาการ์ อัล-บักดาดี ขึ้นเป็นผู้ปกครองของชาวมุสลิมทุกแห่ง โดยจะเป็นที่รู้จักในชื่อ “คอลีฟะห์อิบรอฮีม” ซึ่งเป็นชื่อจริงของเขา

*กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ (ISIL) ซึ่งเวลานี้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ "รัฐอิสลาม" (IS)

นับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของศาสดามูฮัมหมัด ก็มีการแต่งตั้งคอลีฟะห์ หรือ “กาหลิบ” ขึ้นเป็นผู้นำศรัทธาชนชาวมุสลิม จวบจนกระทั่งการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมันในปี 1924 ระบบคอลีฟะห์จึงสิ้นสุดลง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นตามหลังปฏิบัติการรุกคืบยึดดินแดนโดยนักรบ ISIL และพันธมิตรในหมู่มุสลิมชนกลุ่มน้อยสุหนี่ของอิรัก ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 สัปดาห์ ขณะที่รัฐอิสลาม ซึ่งปกครองด้วยระบบคอลีฟะห์ (กาหลิบ) มีเป้าหมายลบแนวเขตแดนยุคอาณานิคม และท้าทายอำนาจของรัฐบาลชีอะห์ของนายนูรี อัล-มาลิกี นายกรัฐมนตรีอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสหรัฐฯและอิหร่าน

นอกจากนี้แล้วมันยังเป็นการท้าทายอย่างชัดเจนต่อเครือข่ายอัลกออิดะห์ ที่ไอซิลแยกตัวออกมาเป็นการเฉพาะ เช่นเดียวกับคณะผู้ปกครองชีอะห์หัวอนุรักษ์นิยมในชาติต่างๆแถบอ่าวเปอร์เซีย ที่ล้วนแต่มองว่านักรบกลุ่มนี้เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ทางอิหร่านที่มีชาวชีอะห์เป็นชนกลุ่มใหญ่และเสนอช่วยเหลืออิรักก่อนหน้านี้ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) ว่าเตหะรานจะไม่ส่งทหารเข้าไปสู่รบกับพวกนักรบสีหนี่ในอิรัก แต่จะให้การสนับสนุนทางอาวุธหากทางแบกแดดร้องขอมา “เราไม่มีความตั้งใจส่งทหารเข้าไปยังอิรัก อิรักมีทหารทรงแสนยานุภาพของตนเอง” ฮุสเซน อามีร์ อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศกล่าวระหว่างเยือนมอสโก

เขาบอกต่อว่า “อิรักยังไม่ได้ร้องขออาวุธ แต่ในกรณีที่มีความประสงค์ เราจะสนับสนุนอาวุธที่จำเป็นในการต่อสู้กับก่อการร้าย” อย่างไรก็ตาม เขาเผยว่าอิหร่านอาจส่งคณะที่ปรึกษาทางทหารไปยังแบกแดด

 

ผู้พเนจร จากฟากฟ้า

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/Cs3BBpfh4RE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รั­­ชกาลที่5) เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1 ในวันที่ 13 กรกฏาคม พ.ศ. 2440 (ค.ศ.1897)

เป็นภาพยนตร์ขณะเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่­­งของสวีเดน "วาสะออเดน" ณ ท่าลอการ์ด เมืองสตอกโฮล์ม (Logardstrappan,Stockholm)

ซึ่งรับเสด็จมาจากเรือใหญ่ของรัสเซีย โดยมีการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ โดยพระเจ้าแผ่นดินแห่งสวีเดนและนอร์เวย์(K­­ing Oscar II)

ซึ่งในครั้งนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฏราชกุมาร(รัชกาลที่6)โดยเสด็จด้วย

โดยก่อนหน้านั้นวันที่ 19 มิถุนายน และ 2-4 กรกฏาคม 2440 ท่านเพิ่งเสด็จประพาสรัสเซีย

เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก(Saint Petersburg) แล้วจึงเสด็จด้วยเรือกลไฟชื่อ Polstjernan ไปสวีเดน

ซึ่งพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2(Tsar Nicholas II)แห่งรัสเซีย ทรงจัดให้



ถึงจะเห็นพระองค์ท่านเพียงเสี้ยวเดียว แต่ก็รู้สึกตื่นตันอย่างบอกไม่ถูก

บุญตาจริงๆ รูปนี้ ไม่ใช่ภาพวาดนะ ภาพจริงๆเลยแหล่ะ ขอบคุณชาวต่างชาติที่ถ่ายรูปพระองค์ท่านไว้

วีดีโอที่ชัดที่สุดเท่าที่หามาได้ รัชกาลที่5 เสด็จประพาสยุโรป เพิ่งเคยเห็น พระพักตร์ ของ

 

ยูเครนเดือด! เปิดศึกยกใหม่ ถล่มด้วยรถถัง-เครื่องบินทิ้งระเบิด หลังไม่ขยายเวลาหยุดยิง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2557 01:16 น.

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=KUP0G2gYyEc]End of ceasefire in Ukraine marks continued fighting - YouTube[/ame]

เอเอฟพี - รถถังและเครื่องบินทิ้งระเบิดของยูเครน โจมตีอย่างดุเดือดต่อนักรบกบฏนิยมรัสเซียเมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) หลังเคียฟปฏิเสธแรงกดดันจากสหภาพยุโรปที่อยากให้ขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก

การสู้รบครั้งเลวร้ายที่สุดในยุโรปในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ ที่ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งในวันอังคาร เรียกเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างทันทีทันใดจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และกระตุ้นให้นานาชาติต้องตะเกียกตะกายรอบใหม่ในความพยายามดึงสถานการณ์ภายในชาติอดีตสหภาพโซเวียตให้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมอีกครั้ง

ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ออกถ้อยแถลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ (30 ก.ย.) บอกกับประชาชนทั่วประเทศว่าพวกนักรบอาศัยช่วงเวลาของการหยุดยิงจัดตั้งแนวรบใหม่และลอบระดมอาวุธหนักมาจากรัสเซีย “สันติภาพเคยเป็นและยังเป็นเป้าหมายหลักของผม แต่วิธีทางแห่งความสำเร็จ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง” ผู้นำวัย 48 ปีบอก

โฆษกกระทรวงกลาโหมยูเครนบอกว่าได้เปิดปฏิบัติการโหมโจมตีทางอากาศและถล่มด้วยปืนใหญ่ในแนวเขตแดนทางภาคตะวันออก อันเป็นถิ่นฐานของประชากรกว่า 7 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย

ด้านรัสเซียรุดออกมาแสดงความกังวลอย่างยิ่งแบบทันทีทันใด โดยประธานาธิบดีปูติน บอกว่านายโปโรเชนโก ต้องรับผิดชอบต่อเหตุความสูญเสียใดๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าเคียฟจำเป็นต้องชี้แจงต่อการก่ออาชญากรรมกับพลเรือนผู้รักสันติ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสประกาศว่าชาติตะวันตกจะไม่ละความพยายามในการหาทางออกถาวรของวิกฤตนี้


“ยูเครน”ประกาศไม่ขยายเวลาหยุดยิง – ภาพที่แจกจ่ายโดยทำเนียบประธานาธิบดียูเครน แสดงให้เห็น ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ขณะกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อคืนวันจันทร์(30) ระบุว่าเขาจะไม่ขยายเวลาหยุดยิงกับพวกกบฎนิยมรัสเซียในภาคตะวันออกของประเทศแล้ว แต่จะหันมาใช้กำลังปราบปรามอย่างรุนแรง

เหล่าผู้นำจากทั้งฝ่ายนักรบแบ่งแยกดินแดน และของฝ่ายฝักใฝ่ยูเครน รายงานว่ามีเหตุปะทะกันอย่างหนักหน่วงทั้งยิงปืนใหญ่และทิ้งระเบิดจากเครื่องบินทั่วจังหวัดลูกานสก์และจังหวัดโดเนตสก์ ตามแนวชายแดนรัสเซีย อันเป็นป้อมปราการของฝ่ายกบฏ

คณะบริหารท้องถิ่นโดเนตสก์ซึ่งเป็นพันธมิตรกับมอสโก บอกว่ามีพลเรือน 4 รายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 5 คน จากเหตุรถบัสถูกโจมตีใกล้เมืองครามาตอร์สก์ พร้อมระบุท้องถนนอันตรายเกินไปสำหรับการเดินทางและได้มีการระงับเส้นทางรถบัสระหว่างเมืองไปแล้วหลายสาย “พวกเขาประกาศหยุดยิง แต่ก็ยังคงปะทะกัน ตอนนี้หลายๆ อย่างกำลังเลวร้ายลงกว่าเดิม” เจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่งบอก

ชาวบ้านหลายคนในเมืองครามาตอร์สก์บอกว่า กระสุนปืนใหญ่ในตอนเช้าวันเดียวกัน ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 5 ราย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธทุกอย่างที่มีกวาดล้างศัตรู ขณะเดียวกันผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่ามีรถถังคันหนึ่งเข้าร่วมต่อสู้ใกล้เมืองคาร์ลิฟกา ของจังหวัดโดเนตสก์ และมีการปะทะกันอย่างดุเดือดที่หมู่บ้านมาริอินกา ที่อยู่ใกล้ๆ กัน

การตัดสินใจหวนคืนสู่ความขัดแย้งของนายโปโรเชนโก มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนี ร่วมหารือทางไกลกับนายปูติน นับเป็นการสนทนาลักษณะนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 วัน

ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เห็นพ้องกับนายปูตินว่านายโปโรเชนโกควรขยายเวลาหยุดยิงออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาโดยมีคนกลางระหว่างเหล่าผู้บัญชาการพวกแบ่งแยกดินแดนกับเคียฟ

แต่การติดต่อประสานงานกันล้มเหลวในการหยุดยั้งเหตุสู้รบที่ยืดเยื้อมานานกว่า 11 สัปดาห์และคร่าชีวิตชาวบ้านมากกว่า 450 คน ด้วยนายโปโรเชนโก บอกกับทั้ง 3 ผู้นำว่าพวกกบฏโจมตีจุดตรวจของยูเครนมากกว่า 100 ครั้งระหว่างการหยุดยิง แต่พวกแบ่งแยกดินแดนก็ตอบโต้ว่าเป็นกองกำลังรัฐบาลเองที่ยังคงยิงจรวดถล่มเมืองต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาระหว่างช่วงเวลาหยุดยิงอย่างเป็นทางการ

 

โห...รายงานข่าววันนี้ทั้งนอกโลกในโลกดูมันออกแนวเบรกแตก
ทั้งนั้นเลย
มันชักจะยังไง ยังงัย เสียแล้วละเนี่ย!!!

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=RT9-1gUc0LY&feature=youtube_gdata_player]ความจริงที่แอบแฝง! - YouTube[/ame]

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก ได้แชร์ลิงก์

ผลการศึกษาพบ “ขยะพลาสติก” ลอยเกลื่อนมหาสมุทรทั่วโลก “แปซิฟิกเยอะสุด” ชี้จะกระทบห่วงโซ่อาหารมนุษย์ วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557



ผลการศึกษาของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย “กาดิซ” ประเทศสเปน ซึ่งมีการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2010 และนำโดยอันเดรส โกซาร์ นักวิจัยชื่อดังระบุว่า ในเวลานี้ ขยะพลาสติกในทะเลเปิดได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนก่อให้เกิดการปนเปื้อนในมหาสมุทรในสัดส่วนที่สูงถึง “ร้อยละ 88 “ ของตัวอย่างน้ำทะเลจำนวน 3,070 ตัวอย่าง ที่ทีมวิจัยเก็บจากมหาสมุทรต่างๆทั่วโลก

จากผลการศึกษาพบว่า น่านน้ำบริเวณตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก มีการปนเปื้อนโดยขยะพลาสติกในสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลกถึงราว 12.4 ตัน และมีจำนวนขยะพลาสติกสูงกว่ามหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือที่พบขยะพลาสติกราว 6.7 ตันถึงเท่าตัว

ขณะที่มหาสมุทรอินเดียกลายเป็นน่านน้ำที่มีปริมาณขยะพลาสติกน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับน่านน้ำแห่งอื่นๆของโลก โดยมีปริมาณขยะพลาสติกราว 5.1 ตัน

ผลการศึกษาบ่งชี้ว่า การเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจอย่างขนานใหญ่ของประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือ ปัจจัยหลักที่ทำให้มีการปล่อยขยะพลาสติกออกสู่ทะเลเปิดและมหาสมุทรมากขึ้น และส่งผลให้น่านน้ำบริเวณตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก กลายเป็นน่านน้ำที่มีการปนเปื้อนโดยขยะพลาสติกในสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลก

อันเดรส โกซาร์ ผู้นำทีมวิจัยเตือนว่า ขยะพลาสติกจำนวนมหาศาล ที่กลายเป็นสิ่งปนเปื้อนต่อมหาสมุทรต่างๆทั่วโลกถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ รวมถึงนกทะเลสายพันธุ์ต่างๆ หลังพบการล้มตายของสัตว์เหล่านี้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี เพราะการที่พวกมันกินชิ้นส่วนขยะพลาสติกเข้าไป พร้อมเตือนว่า การล้มหายตายจากของสัตว์น้ำที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อ “ห่วงโซ่อาหาร” ของมนุษย์ในระยะยาวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ที่มา manager thewatchers.adorraeli.com
- See more at: ผลการศึกษาพบ “ขยะพลาสติก” ลอยเกลื่อนมหาสมุทรทั่วโลก “แปซิฟิกเยอะสุด” ชี้จะกระทบห่วงโซ่
ผลการศึกษาพบ “ขยะพลาสติก” ลอยเกลื่อนมหาสมุทรทั่วโลก “แปซิฟิกเยอะสุด” ชี้จะกระทบห่วงโซ่

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก ได้แชร์ลิงก์

ทีมนักวิจัยน้ำแข็งขั้วโลกตะลึง!! เมื่อผลสำรวจพบการขยายตัวของทะเลน้ำแข็งที่ทวีปแอนตาร์กติกา(ขั้วโลกใต้) สูงมากผิดปกติ จนทำลายสถิติในรอบ 35 ปี



โดยการบันทึกเก็บสถิติถูกทำขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย.2557 เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับความผิดปกติที่เกิดขึ้นของผลสำรวจทะเลน้ำแข็งซีกโลกใต้นี้ ซึ่งเกิดการขยายตัวล้อมรอบทวีปเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ มากกว่าเดิม โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นคิดเป็น 2,067,000 ตารางกิโลเมตร

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เรื่องน้ำแข็งในแอนตาร์กติกเพิ่มขึ้น แต่น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก(ขั้วโลกเหนือ) กลับลดลงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอาร์กติกเป็นมหาสมุทรที่ล้อมรอบด้วยแผ่นดิน ขณะที่แอนตาร์กติกา ซึ่งล้อมรอบด้วยมหาสมุทร และช่วงที่น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกลดลงจะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่กลับกันก็จะมีน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในฤดูหนาวที่ขั้วโลกใต้ จากการที่โลกเอียงไป 23.5 °C และมีการโคจรรอบดวงอาทิตย์หมุนเวียนไปตามฤดูกาล

แต่สิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นมันกลับมีอัตราการขยายตัวของทะเลน้ำแข็งสูงมากกว่าปีที่ผ่านมาๆ เสียอีก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า เพราะมนุษย์เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้โลกมีความเพี้ยนผิดปกตินี้ขึ้น ไม่เป็นไปตามวัฏจักรธรรมชาติของโลก เพราะฉะนั้นการที่โลกกำลังปรับตัว มันอาจจะส่งผลรุนแรงต่อทุกอย่างรอบๆบนโลก และถ้าเราไม่ช่วยกันดูแลโลกใบนี้ อีกไม่นานในอนาคตสิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งมันอาจจะทำให้เราต้องย้ายไปอยู่ดาวดวงอื่นเหมือนในหนังฮอลลีวู้ดบางเรื่องก็ได้

ที่มา talkingabouttheweather.wordpress.com










ทีมนักวิจัยขั้วโลกตะลึง!! เมื่อผลสำรวจทะเลน้ำแข็งขั้วโลกใต้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 35 ปี..สถ

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก ได้แชร์ลิงก์

เกิดพายุฝนตกหนักฟ้าผ่าหลายร้อยครั้งและน้ำท่วมที่มิดเวสต์ของสหรัฐฯ อ่วมหนัก
วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557



เกิดพายุฝนตกหนักฟ้าผ่าหลายร้อยครั้ง-น้ำท่วมบางแห่ง และลมกระโชกแรงด้วยความเร็ว 60-100 ไมล์ต่อชั่วโมง เข้าพัดถล่มเขตมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกาอ่วมหนัก

โดยรัฐอิลลินอยส์ ที่เมืองชิคาโก้ , เมืองโคแฟกซ์ และเมืองมิลวอกี ได้รับผลกระทบเสียหายหนักเช่น มีต้นไม้-เสาไฟฟ้า หักโค่นล้มเป็นจำนวนมาก และมีบ้านเรือนบางหลังเกิดเพลิงไหม้สืบเนื่องมาจากโดนฟ้าผ่า ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย ที่เมืองชิคาโก้กับเมืองมิลวอกี

ที่รัฐอินดีแอนามีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 2 คน จากการเกิดต้นไม้ถล่มลงมาทับบ้านด้วยความเร็วลม 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมยอดความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยมีบ้านเรือนกว่า 128,000 เสียหาย , อาคารธุรกิจกว่า 150,000 พังเสียหายใช้การไม่ได้ และหลายๆพื้นที่ของเขตมิดเวสต์เกิดไฟฟ้าดับไม่สามารถใช้การได้

ที่มา www.weather
- See more at: http://warningdisasters.blogspot.com/2014/07/blog-post_7574.html#more

<iframe width="854" height="510" src="//www.youtube.com/embed/4s6YENuZugM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=4s6YENuZugM

<iframe width="854" height="510" src="//www.youtube.com/embed/uW9sLNDxzkk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=uW9sLNDxzkk

<iframe width="854" height="510" src="//www.youtube.com/embed/OKgbGt8q_LE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=OKgbGt8q_LE







http://warningdisasters.blogspot.com/2014/07/blog-post_7574.html#more

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก



กราฟวิเคราะห์ ขั้วแม่เหล็กดวงอาทิตย์
3 กรกฎาคม 2557

.......กราฟวิเคราะห์ ขั้วแม่เหล็กดวงอาทิตย์มาแล้วครับ

อาจจะงงกับกราฟนิดนึง (เขียนเองก็ยังงง) ต้องแยกขั้วภูมิศาสตร์ กับขั้วสนามแม่เหล็ก ครับ

-- สรุปอีกที --

......คือ "ถ้าเป็นไปตามปกติ" ตอนนี้ขั้วแม่เหล็กใต้ ต้องก่อตัวในขั้วภูมิศาสตร์ใต้ของดวงอาทิตย์ และ ขั้วแม่เหล็กเหนือ ต้องก่อตัวในขั้วภูมิศาสตร์ด้านเหนือ (เพราะก่อนหน้านี้ สนามแม่เหล็กทั้ง 2 ขั้ว อยู่ตรงกันข้ามกับขั้วภูมิศาสตร์ในช่วงท้ายวัฎจักร 23 ต่อ วัฎจักร 24 ) ถ้าสลับสำเร็จในครั้งนี้คือคือ แม่เหล็กเหนือ - เหนือ และ แม่เหล็กใต้ - ใต้ นั่นเอง

......แต่ถ้าไม่สลับ ก็คือ สนามแม่เหล็ก 2 ขั้ว ย้ายคืนตำแหน่งเดิม เหมือนช่วง ท้ายวัฎจักร 23 - 24 ซึ่งดูแนวโน้มตามกราฟด้านล่างมีโอกาสอยู่พอสมควร และถ้าเกิดขึ้นจะเป็นครั้งแรกที่สามารถบันทึกพฤติกรรมของสนามแม่เหล็กที่ "ทลาย" สนามแม่เหล็กชุดเก่าหมดแล้ว และ สร้างใหม่ในตำแหน่งเดิม

คำถาม
แล้วรู้ได้ไงว่าสีไหนเป็นขั้วไหนครับ คนเขียนกราฟได้ระบุไหม

ลอร์ด เซย์เรน
polar field นี่คือการวัดกำลังสนามแม่เหล็กโดยภาพรวมของบริเวณขั้วดาว ละติจูดตั้งแต่ 60 ํ ขึ้นไปทั้ง เหนือ - ใต้ ครับ ว่าขั้วไหนมีกำลังแรงกว่า ..........เช่นภาพขวาล่าง ตามที่เขียนกำหนดไว้คือ สีน้ำเงินเป็น ขั้วภูมิศาสตร์ เหนือ ตอนแรก (solar minimum 23-24) อยู่ในซีกล่าง ที่เป็นค่า - หรือสนามแม่เหล็กขั้วใต้ พอช่วง ปี 2013 มันขึ้นไปโซนที่เป็นค่า + ก็คือมีสนามแม่เหล็กเหนือมากกว่าในเขต polar field ครับ

คำถาม แล้วรู้ได้ไงว่าสีไหนเป็นขั้วไหนครับ คนเขียนกราฟได้ระบุไหม
...................... ดูดีดีครับภาพล่างซ้าย ระบุเอาไว้ครับ ผมเอามาขยายความว่า เส้นกราฟมันคือ ขั้วภูมิศาสตร์ ไม่ใช่ขั้วแม่เหล็ก

ลอร์ด เซย์เรน
ปกติคือผมชอบ ใช้สีแดงเป็นขั้วเหนือ แต่เจอกราฟนี้มันดันกำหนดให้สีน้ำเงินเป็นขั้วเหนือ (คนพล็อตกราฟทางทีมวิจัย) เลยสับสน

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก



ในเดือนกรกฏาคม จะมีช่วงวันสำคัญทางดาราศาสตร์เป็นพิเศษสามช่วงด้วยกันเกี่ยวกับปฏิกริยาดวงอาทิตย์ได้แก่ ระหว่างวันที่ 2-7, 16-22 และ 24-26 กรกฏาคม และทางเว็บจะทดลองคาดการณ์ปฏิกริยาดวงอาทิตย์ในเชิงของปริมาณจุดดับต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์มีปริมาณจุดดับในระดับต่ำ โดยปริมาณจุดดับจะขึ้นสูงสุดในระหว่างวันที่ 15-17 กรกฏาคม และ จะลดลงต่ำสุดในช่วงระหว่างวันที่ 20-24 กรกฏาคม สำหรับวันสำคัญทางดาราศาสตร์เกี่ยวกับโลกเป็นพิเศษนั้น จะได้แก่ช่วงวันที่ 10 และ ในวันที่ 26-27 กรกฏาคม ท่านที่สนใจสามารถสังเกตการณ์ไปพร้อมๆกัน จัดทำโดย ดร.ก้องภพ อยู่เย็น





ข้อมูลเพิ่มเติม
จับตาการเรียงตัวของดาวเคราะห์ช่วงเดือน กรกฏาคม คศ 2014..สถานการณ์ภัยพิบัติ

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก



พบปลาวาฬสีน้ำเงิน มาเกยตื้นตายบนชายหาด TAPUAE ของประเทศนิวซีแลนด์
MAX77 SEM COMENTARIOS สัตว์เกยตื้น วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

พบปลาวาฬสีน้ำเงิน หรือวาฬบาลีน มาเกยตื้นตายบนชายหาด Tapuae ของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งปัจจุบันปลาวาฬน้ำเงินถือเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ โดยวาฬตัวนี้ที่ตายบนหาดมีความยาว 20-25 เมตร หนักกว่า 200 ตัน และสาเหตุการตายยังคงเป็นปริศนา

ที่มา : Signs of the Times - Independent Unbiased Alternative News for Sun, 06 Jul 2014
- See more at: พบปลาวาฬสีน้ำเงิน มาเกยตื้นตายบนชายหาด Tapuae ของประเทศนิวซีแลนด์..สถานการณ์ภัยพิบัติ

พบปลาวาฬสีน้ำเงิน มาเกยตื้นตายบนชายหาด Tapuae ของประเทศนิวซีแลนด์..สถานการณ์ภัยพิบัติ