ประสบการณ์มโนมยิทธิ กรรม และเรื่องยุ่งๆของผม

ช่วยสงเคราะห์ผมได้มัย ....

 

เห็นด้วยกับพี่เก่งค่ะ คุณอุทยัพค่ะ ส่วนตัวเรามองว่าเรื่องเพศนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ ไม่ว่าจะมองจากมุมทางโลกหรือทางธรรมค่ะ นี่ก็กำลังจะเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ไว้มาแชร์กันดูน้าคะ อุอุ

 

ไว้ผมจะรออ่านนะขอรับ ^^

 

ฟี่softkid9 ครับ ผมมีเรื่องอยากให้พี่ช่วย รบกวนตอบpm ผมด้วยนะขอรับ

ขอบคุณครับ

 

ผมตอบทาง pm แล้วนะครับน้องกฤษณ์ รออ่านเรื่องของน้องเฟมอยู่ และอนุโมทนากับคุณสิบหกด้วยครับ ถ้ามีอะไรก็ทางpmละกัน ปล.ยกเว้นเรื่องเงินนะก๊าบ ทุกวันนี้เม้มเงินแค่ยี่สิบ ท่านผบ.ทบ.ยังรู้เลยก๊าบ

 

คุณ Softkid 9

ขอถามอย่างหนึ่งนะคะ

ถ้าดูดวงบ่อยๆ เนี้ย จะมีผลดีผลเสีย อย่างไรบ้างคะ

คือพยายาม หาหมอดูหรือคนที่สามารถช่วยเราได้ แต่ก้อหาได้ยากจริงๆคะ

ก้อพยายาม หาอยู่นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

 

อนุโมทนากับคุณ konomiko ครับ ในความเข้าใจของผมนะครับ เรื่องการดูดวงนั้น คำว่าดวง = กฎแห่งกรรมหรือผลของกรรมในอดีตที่เราได้เคยทำไว้ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งจะส่งผลต่อตัวเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จะส่งผลต่อสิ่งที่เกี่ยวข้องทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของเรา ที่เรียกว่าความทุกข์หรือสุขนั้นเอง ถ้าสุขมากหน่อยก็คือผลกรรมดีส่งผล ถ้าทุกข์หรือทุกขังก็กรรมชั่วส่งผล

การที่เราจะหาหมอดูหรือคนที่จะช่วยเรานั้น คุณ konomiko ต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีความคงที่ มีความเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเราไม่สามารถที่จะรู้อนาคตได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในอนาคต เพราะเราต้องไม่ลืมว่าทั้งคนที่ไปดูหมอและตัวหมอดูเองก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนใคร แต่ศาสตร์เหล่านี้นั้นมีอยู่ ซึ่งหลวงพ่อท่านเคยเล่าไว้ว่าถ้าเป็นหมอเดา จากการที่เราจะไปสะเดาะเคราะห์ ก็กลายเป็นว่าเราไปเพิ่มเคราะห์ให้ตัวเราเอง คนที่สบายก็คือหมอดู

ซึ่งโดยปกติศาสตร์ของหมอดูนั้นมีทั้งของจริงและมั่ว ที่มั่วหรือยกเมฆก็มี แต่ที่บางท่านได้เรียนตำรามาก็เป็นเรื่องการจดบันทึกสถิติที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านได้รจนาหรือเขียนบันทึกไว้ก็มี และบางท่านซึ่งเป็นผู้ที่ได้ฝึกปฏิบัติทางจิตมา เป็นผู้ทรงฌานก็มี แต่โดยปกติท่านที่เป็นของจริงท่านจะไม่คุยโม้ โอ้อวดว่าตนเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มีเดชหรอกครับ เพราะท่านไม่อยากยุ่งกับคนมากนัก เพราะคำว่าคน หลวงพ่อท่านบอกว่ามันแปลว่ายุ่งเพราะนำเอาหลายๆสิ่งมาคนรวมกัน ฉะนั้นคนอยู่ที่ไหนเยอะๆ เรื่องก็มักจะยุ่งวุ่นวายเป็นธรรมดา สังเกตดูถ้าหมอดูคนไหนที่คุยโม้มากๆ หรือทำเป็นเงียบๆดูน่าเชื่อถือแต่เรียกเงินแพงๆอันนั้นให้ระวังไว้ก่อนว่าตรูจะต้องเสียตังค์แน่นอน

รวมความว่าการที่เราไปเสาะแสวงหาหมอดูหรือผู้ที่จะช่วยเราได้นั้น ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อนครับ ถ้าเราเป็นผู้ที่สั่งสมบุญบารมี ทั้งทาน ศีล ภาวนา และถ้าเราจะมีเคราะห์กรรม เบื้องบนหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเอง หรือถ้าเบาก็จะแคล้วคลาดไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ามีเจ้าหนี้กรรมเค้าตามทวงอยู่นี่เราต้องหมั่นทำบุญและอุทิศให้แก่ท่านเจ้าหนี้กรรม และขออโหสิกรรมกับท่านบ่อยๆ ครับถ้าท่านพอใจและอโหสิกรรมให้เราแล้วก็จะมีความคล่องตัวและไม่มีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต สิ่งที่ยากก็จะง่ายขึ้น แต่คนเราเกิดมากี่ภพกี่ชาติแล้วก็ไม่รู้ ฉะนั้นต้องหมั่นทำบุญและอุทิศให้เป็นประจำครับ เพราะสิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับตัวเรานั้นก็คือเราเป็นผู้ที่ได้บุญ 100 % เต็มครับ แล้วเราจะอุทิศแผ่เมตตาให้ใครก็ได้เพราะเราเป็นผู้ที่มีบุญ เดี๋ยวว่างๆคืนนี้จะนำวิธีการอุทิศบุญมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

สุดท้ายนี้สำหรับสิ่งที่เราจะกระโดนข้ามวงเวียนวัฏสงสาร กฏแห่งกรรม การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เบื่อในการใช้ชีวิต ไม่อยากเกิดเป็นอะไรอีก ถ้าเรามีจิตมั่นคงต้องการพระนิพพานแล้ว นั้นหมายความว่าเราเป็นผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีบุญบารมีพอสมควรแล้ว เรามาปฏิบัติเพื่อการไม่ต้องมามีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อีกดีกว่าครับ ในส่วนตัวผมสิ่งที่หลวงพ่อได้สั่งสอนและขยายความธรรมะของพระพุทธองค์นั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย และตรงที่สุด ปฏิบัติได้จริง ซึ่งมีผู้ที่ปฏิบัติและไปเห็นกันจริงมาแล้ว แล้วเราจะต้องการเกิดกันอีกทำไมจริงไหมครับ

​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=3Oi209StQSM]หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สมาธิจิต - YouTube[/ame]

นำคำสอนของหลวงพ่อของเรา เรื่องเกี่ยวกับสมาธิจิต เทศน์เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2532 ที่บ้านสายลมครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขอบคุณมากค่ะสำหรับ ข้อคิด คำแนะนำ ที่จะพึงนำไปปฏิบัติต่อไป



คือปกติ ไม่ได้ดูหมอบ่อยๆ หรอกนะคะ

ถ้าได้ดู แต่มักจะติดๆกัน

แค่อยากรู้เรื่อง ตอนนอนแล้วโดนผีอำ นะคะ

ไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนคิดว่าร่างกายอ่อนเพลีย

แต่เรามั่นใจนะ ว่าไม่ใช่

แต่ก็ไม่มีใครให้ข้อชัดเจนซักที

เราก็ทำบุญนะ แต่ก็โดนอีก

จนบางครั้งเราก็สู้ บางครั้งก็กลัวมากๆ

หรือเราทำไม่ถูกวิธี หรืออย่างไร




แค่อยากจะรู้เรื่องนี้นะคะ



ขอบคุณมากนะคะ

 

ช่วง2-3วันนี้ งานยุ่งนิดนึงครับ เมื่อสองวันก่อนผมและคณะได้โอนเงินไปร่วมทำบุญระฆังที่วิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างของวัดท่าซุงจำนวน 1 ใบ เลยนำมาให้อนุโมทนาบุญกันครับ
.

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]-->

[FONT=&quot]ปกติญาติธรรมทุกท่านที่ทำบุญบ่อยๆทั้งทาน ศีล[/FONT] [FONT=&quot]ภาวนาแล้วละก็ แปลว่าเราเป็นผู้ที่มีบุญแล้ว สามารถอุทิศให้ใครก็ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่เลยครับ[/FONT] [FONT=&quot]เวลาต้องการจะอุทิศให้ใครหรือมีผู้ที่มาขอบุญแล้วละก็สามารถทำได้เลยครับ เพราะถ้าเป็นช่วงเร่งด่วนหรือติดงานไม่มีเวลาเราจะทำยังไง [/FONT]
[FONT=&quot]
การอุทิศบุญทำได้ดังนี้คือ ตั้งจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และกล่าวคำว่า[/FONT] "[FONT=&quot]ขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์[/FONT] [FONT=&quot]โปรดนำส่งบุญของข้าพเจ้าให้กับ......."(ผู้ที่เราต้องการจะอุทิศให้) ซัก [/FONT]3 [FONT=&quot]รอบ แล้วก็กล่าวต่อว่า[/FONT] "[FONT=&quot]บุญบารมีใดก็ตามที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญเพียรมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน[/FONT] [FONT=&quot]ชาติ จะส่งผลแก่ตัวข้าพเจ้าเท่าใดก็ตาม[/FONT] [FONT=&quot]ขอท่าน.......(ชื่อผู้ที่เราต้องการจะอุทิศให้)กล่าวคำอนุโมทนาผลบุญนั้นและ[/FONT][FONT=&quot]ได้รับผลเช่นเดียวกับตัวข้าพเจ้าด้วยเทอญ"[/FONT]

[FONT=&quot][FONT=&quot]อันนี้เป็นแบบที่ผมอุทิศบุญซึ่งได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง[/FONT][/FONT] [FONT=&quot]ผสมกับ[/FONT][FONT=&quot][FONT=&quot][FONT=&quot]วิธีการอุทิศบุญแบบของหลวงพ่อ [/FONT][/FONT]ลองทำตามดูนะครับ[/FONT] [FONT=&quot]ข้อสำคัญคือตัวเราจะเป็นผู้ได้บุญเต็ม [/FONT]100 % [FONT=&quot]ด้วยครับ

[/FONT]​

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot][FONT=&quot]วิธีการอุทิศบุญแบบของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน[/FONT][/FONT]

อิทัง ปุญญะ พะลัง
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้
ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี
ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้
ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบท้าว เข้าสู่พระนิพพาน
และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย
ที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช
ขอให้เทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้
ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้า ในครั้งนี้ด้วยเถิด
และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว
ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี
เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้
พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้
ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ


​

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่เก่ง ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับเนี่ย ฮ่ะๆ ^^

 

ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ

 

แฮะๆ เมื่อเช้ามีเรื่องงานของบุญน่ะครับน้องกฤษณ์ เลยต้องตื่นเช้าหน่อย พอดีวันนี้พี่แหม่ม พี่สาวที่นับถือกันที่ผมเคยเล่าถึงประวัติของพี่แก วันนี้จะนำระฆังและกลองเพลไปถวายที่วัดพระธาตุแอ้ว อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน มีรถแล้วแต่ไม่มีคนขับ ผมซึ่งได้ช่วยทั้งเรื่องเอกสารและช่วยแจกซองมาแล้วก็ต้องไปช่วยให้งานบุญสำเร็จให้จงได้ ก็เลยมาโพสเมื่อเช้าแว้บเดียวเองครับ แล้ววัดพระธาตุแอ้วก็อยู่ใกล้ๆวัดพระธาตุห้าดวง วัดพระบาทห้วยต้ม วัดพระบาทป่าไผ่ เป็นวัดที่มีความเกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อของพวกเราทั้งนั้น และวัดพระธาตุแอ้วหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพระมหาสิงห์ด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะนำเรื่องราวที่ได้ไปทำบุญและรูปภาพมาฝากกันครับ มีเหตุการณ์น่าแปลกและอัศจรรย์ด้วย วันนี้เก๊าเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะก๊าบ ขอความสุขสวัสดิ์ดีจงมีแก่ญาติธรรมทุกท่านครับ

 

จะรออ่านและติดตามเรื่องราวของพี่เก่งนะค้าบผม วัดพระพุทธบาทห้วยต้มเป็นวัดของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มีความเกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อของเราอย่างแน่นแฟ้นเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศ์ ท่านเป็นพี่น้องกับหลวงพ่อของเรามาหลายภพหลายชาติ โดยท่านเป็นน้องของหลวงพ่อครับ และ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ยังเป็น2ใน3วัดที่ได้รับพระพุทธพยากรณ์ว่าจะเป็นวัดที่อยู่สืบเนื่องไปจนถึงศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมครูศากยมุนีจะดับสิ้นไปเมื่อห้าพันปี ผมเองก็เลยนับถือท่านไปด้วย และ ตามเก็บวัตถุมงคลของท่าน (มีประคำของท่านกับเหรียญตานใช้ ตานแทน ซึ่งเป็นเหรียญที่คู่กับเหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อของเราครับ) ซึ่งก็มีเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดจากบารมีของหลวงพ่อของเราและหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศ์รวมถึงบารมีของพระที่สงเคราะห์ด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม่ผมจู่ๆท่านก็เกิดอาการแน่นหน้าอก หัวใจเต้นแรง เหงื่อออกมือและเท้า และ สติดับ กล่าวคือ ร่างกายยังคงใช้การได้ แต่แม่ผมนั้นจำเหตุการณ์อะไรในช่วงนั้นไม่ได้เลย ผมที่ไม่รู้จะทำยังไง พอตั้งสติได้จึงรีบขึ้นไปเจริญภาวนา สวดชุมนุมเทวดา และขอบารมีพระ และ ครูบาอาจารย์(อันมีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคทหลวงพ่อของเรา หลวงปู่ ดู่ วัดสะแก และ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม)สงเคราะห์ จากนั้นก็ชักประคำสวดโพชฌงค์ปริตร สวดไปด้วยเกือบครึ่งสาย น้องที่ทำงานแม่ผมก็โทรเข้ามาบอกว่าตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว ผมรู้สึกใจชื้นอย่างบอกไม่ถูก แต่น่าแปลกที่ว่า แม่ผมจำอะไรไม่ได้เลยว่าเมื่อวานนี้ทำอะไร และ พูดอะไรออกไปบ้าง ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้แม่ผมกลับมาอยู่บ้านแล้วครับ ด้วยอาการที่ปกติแล้ว ^^

 

เดี๋ยวเรื่องราวที่ผมได้ไปทำบุญเมื่อวานซืนเดี๋ยวต้องติดไว้ก่อนนะครับ ถ้าเย็นนี้สะดวกจะมาโพสจ้า น้องกฤษณ์ที่คุยกะพี่ไว้ นี่เลยครับ ชุดนี้พี่ห้อยคอตลอด

ภาพแรกสมเด็จองค์ปฐมวัดโขงขาวพิมพ์ใหญ่ ถ้าจำไม่ผิดรุ่นนี้สร้างก่อนสมเด็จองค์ปฐมรุ่น1วัดท่าซุงเสียอีกครับ องค์นี้ไปเจอที่แผงพระที่ร้านของมือสองที่ลำพูน บูชามาองค์ละ 50 บาท พี่คิดว่ายังมีสิทธิ์เจออีกแน่ๆ ชาวบ้านแถวนี้เค้าไม่รู้จักกัน (ถ้าพี่เจอก็เรียบร้อยครับ เบื้องบนท่านบอกว่าถ้าเจอและราคาไม่แพงให้บูชาเก็บไว้)


<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> [FONT=&quot]ภาพที่สอง[/FONT]
[FONT=&quot]1.องค์แรกผ้ายันต์พิชัยส[FONT=&quot]ง[/FONT]คราม ปีที่แล้วผมไปบูชาที่วัดโขงขาวรับกับมือหลวงพ่อบุญรัตน์ตอนก่อนท่านจะละสังขารประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2556 บูชามา[/FONT] [FONT=&quot]300.- หรือ 350.-นี่แหละจำไม่ค่อยได้ เลี่ยมพลาสติกห้อยคอเลย[/FONT]
[FONT=&quot]2.เหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้า วัดเขาแร่ เข้าพิธีที่ถ้ำนารายณ์ วัดเขาวง ราคาไม่แพงครับ ผมบูชาในเว็บนี้ละครับ 350.-[/FONT]
[FONT=&quot]3.เหรียญหลวงปู่ปาน ด้านหลังยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อสร้างปี 2526[/FONT]
[FONT=&quot]4.สมเด็จหลวงปู่นาควัดระฆัง ตะกรุด 1 ดอก น้องเขยให้มา (เอามาใส่ก่อนขอทีหลังอิๆ [/FONT]^_^[FONT=&quot])[/FONT]
[FONT=&quot]5.พระคำข้าวมหาลาภ ไปเฝ้าร้านให้น้องเขย น้องเขยเลยให้มา[/FONT]
[FONT=&quot]6.พระทุ่งเศรษฐี 100 ปี หลวงพ่อปลุกเสกทุกคืนตลอดพรรษา(ไตรมาส)[/FONT]

[FONT=&quot]ชุดนี้ผมห้อยคอตลอด ขึ้นรถลงเรือ ไปเหนือ ล่องใต้ ห้อยประจำ ถ้าเผื่อกลับบ้านเก่าก็ไม่ทุกข์ไม่เครียดครับ ทำใจสบายๆ และถ้าเจอพระของหลวงพ่อที่ราคาไม่แพง จะนำมาฝากพี่ๆน้องญาติธรรมในกระทู้ประสบการณ์มโนมยิทธิกรรมและเรื่องยุ่งๆของผม ไม่เสียตังค์แน่นอนครับ ถ้ามีก็แจกกันละ [/FONT]
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->

 

พระสมเด็จองค์ปฐมองค์ละ50บาท คุณพระคุณเจ้า ในเว็บนี่ราคาแพงมากๆครับ แต่ละรุ่นแต่ละองค์ ผมชอบส่องในห้องพระเครื่อง-วัตถุมงคลตลอดครับ หาพระของหลวงพ่อชื่นชม แหม แต่ละองคราคาสูงๆทั้งนั้น ผมไม่มีปัญญาจะเช่าบูชาจริงๆ แต่ถึงจะอย่างนั้น แค่ได้เฝ้ามองดูก็ดีแล้วล่ะครับ ฮ่ะๆ

 

เดี๋ยวคืนนี้จะถามท่านผบ.ทบ.ให้นะครับ
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]-->

[FONT=&quot]
ประวัติสมเด็จองค์ปฐมวัดโขงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงและหลวงปู่ครูบาชัยยะวงษาฯ อธิษฐานจิต[/FONT]
​

[FONT=&quot]สมเด็จ[/FONT] [FONT=&quot]องค์ปฐม รุ่น 1 วัดโขงขาว พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง[/FONT] [FONT=&quot]พุทธาภิเษกพร้อมพิธีบวงสรวง ที่วัดโขงขาว 3 ปี ตั้งแต่ 2532- 2534[/FONT] [FONT=&quot]ตอนทอดกฐินที่วัด เดิมที[/FONT] [FONT=&quot]ทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นรูปพระพุทธชินราช[/FONT] [FONT=&quot]ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม[/FONT] [FONT=&quot]พอกราบเรียนให้หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านอธิษฐานจิต ท่านก็ถามว่า[/FONT] [FONT=&quot]อะไรอยู่ในกล่องลองเอามาให้ดูหน่อยสิ[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์มาหยิบไปให้ท่านดู ท่านก็ปรารภว่า[/FONT] “[FONT=&quot]นี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม[/FONT]” [FONT=&quot]จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ และก็ อธิษฐานให้อีก [/FONT]2 [FONT=&quot]วาระ ในปี [/FONT]2533 2534 [FONT=&quot]คราวนำกฐินมาทอดที่วัดโขงขาว เท่ากับว่ารุ่นนี้เป็นสมเด็จองค์ปฐมรุ่นแรก[/FONT] [FONT=&quot]พุทธาภิเษก [/FONT]3 [FONT=&quot]ครั้ง คือ ปี [/FONT]2532 ,2533 ,2534

[FONT=&quot]พระรุ่นนี้พุทธลักษณะ[/FONT][FONT=&quot]คล้ายกับพระตามท้องตลาดทั่วไป แยกเป็นพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ใหญ่แบ่งเป็นติดกากเพชรและไม่ติดกากเพชร ส่วนพิมพ์เล็กแบ่งเป็นกะไหล่ทองและกะไหล่เงิน ถ้าไม่แม่นพิมพ์ถือว่ายากพอสมควร เนื่องจะไม่ใช่พระพิมพ์เฉพาะ[/FONT] [FONT=&quot]และเป็นพระโรงงาน ต้องเช่าจากที่มาดีๆ[/FONT] [FONT=&quot]หรือลูกศิษย์และผู้ที่อยู่ในพื้นที่จึงจะได้พระของวัดโขงขาวโดยตรง[/FONT][FONT=&quot] กับสมบัติพ่อให้นอกวัดครับ...[/FONT]

[FONT=&quot]ปัจจุบันสมเด็จองค์ปฐมที่วัดโขงขาว หมดไปนานหลายปีแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]และหลวงพ่อบุญรัตน์ลูกศิษย์หลวงพ่อท่านก็ละสังขารเมื่อปีที่แล้วนี่เองด้วย[/FONT]

​

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->

 

ขอบคุณมากๆเลยค้าบบบ พี่เก่ง ตอนนี้ผมสนใจพระไพรีพินาศของหลวงพี่เล็กด้วยแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆ (กิเลสหนาแบบนี้คงได้ขัดเกลากันอีกนาน :'( )

 

เรื่องของคุณแม่น้องกฤษณ์นั้น ด้วยความที่คุณแม่ของน้องกฤษณ์ยังมีบุญอยู่ และด้วยเหตุปัจจัยที่น้องกฤษณ์ได้ทำการสวดมนต์และขอบารมีเบื้องบนท่านช่วยสงเคราะห์ จึงทำให้ผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ด้วยดี ช่วงต่อจากนี้ไปก็ชวนคุณแม่ทำบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา เพื่อเป็นความไม่ประมาทดีกว่าครับ เน้นพวกสัตว์ที่เค้ากำลังจะฆ่าในตลาดนั้นละครับ พวกปลาชนิดต่างๆ นก อะไรพวกนี้ แล้วก็บุญวิหารทาน สังฆทานแล้วก็ให้คุณแม่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และเทวดาที่คุ้มครองตัวของคุณแม่น้องกฤษณ์ด้วยละกันนะครับ อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดขึ้นเอง ลองทำดูนะครับ

​

เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เองครับ พอดีวันนั้นพี่แหม่ม พี่สาวที่นับถือกันที่ผมเคยเล่าถึงประวัติของพี่แก จะนำระฆังและกลองเพลไปถวายที่วัดพระธาตุแอ้ว อำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน มีรถแล้วแต่ไม่มีคนขับ ผมซึ่งได้ช่วยทั้งเรื่องเอกสารและช่วยแจกซองมาแล้วก็ต้องไปช่วยให้งานบุญสำเร็จให้จงได้ ก็เลยต้องมาเป็นสารถีขับรถนำคณะบุญไปถวายที่วัดพระธาตุแอ้ว และวัดพระธาตุแอ้วก็อยู่ใกล้ๆวัดพระธาตุห้าดวง วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม วัดพระบาทป่าไผ่ เป็นวัดที่มีความเกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อของพวกเราทั้งนั้น และวัดพระธาตุแอ้วหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพระมหาสิงห์ลูกศิษย์ของหลวงพ่อของพวกเราด้วย

พี่ๆน้องๆญาติธรรมเคยขับรถที่ไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์กันไหมครับ บางท่านที่เคยแล้วคงจะเข้าใจ ถ้าท่านที่ยังไม่เคย ผมจะเล่าให้ฟัง ปกติรถในสมัยปัจจุบันพวงมาลัยพาวเวอร์มักจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ส่วนใหญ่ทั้งรถเก๋งและรถกระบะ รถบรรทุก แต่ไอ้คันที่พี่แหม่มยืมเพื่อนแกไว้เพื่อนำกลองเพลและระฆังไปถวายวัดนั้น ม่ายมีพาวเวอร์ครับ +++ ขอย้ำว่าไม่มี เวลาขับถ้าตอนรถเคลื่อนตัวแล้วละก็ ไม่มีปัญหาครับ แต่เวลารถจอดอยู่นิ่งๆเฉยๆ ละก็เหมือนเราสาวคันโยกน้ำบ่อบาดาลสมัยก่อนนั้นละครับ แข็งพอๆกัน ตอนผมขับรถคันนั้น เวลาเลี้ยวต้องออกเสียง อัยย่ะ!!!ไว้ก่อน มีความรู้สึกว่าเวลาสาวพวงมาลัยแล้วออกเสียงจะมีแรงเพิ่มมากขึ้นน่ะครับ อิๆ ^_^ กลับมากล้ามแขนขึ้นมาหน่อยๆเล้ย

ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองลำพูน ขับไปตามเส้นทางลำพูน – ป่าซาง (สมัยก่อนเป็นถิ่นที่ร่ำลือกันว่าสาวงามม๊วกๆ) ใช้เวลาเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ประมาณเที่ยงก็เดินทางมาถึงวัดพระธาตุแอ้วครับ จอดรถแล้วก็พร้อมลุย คณะศรัทธาช่วยกันนำจัตตุปัจจัย กลอง ระฆัง ไปถวายหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่กุฏิท่าน พอประเคนถวาย รับศีลรับพร เรียบร้อยแล้วก็พร้อมใจกันสามัคคีกินข้าวที่ซื้อมาระหว่างทาง ม่ายงั้นลมรับประทานแน่ๆ เพราะก่อนออกมาผมกินนมมากล่องเดียว เสร็จแล้วก็ไปสรงน้ำพระธาตุกัน ตอนที่คนอื่นเค้าสรงน้ำพระธาตุกันนั้น ผมก็อุทิศบุญแผ่เมตตาให้กับทุกดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ที่นั้น แปลกมากครับตอนนั้นกำลังเที่ยงกว่าๆแดดกำลังแรงระยิบระยับเลย มีเมฆอยู่ก้อนนึงมาลอยอยู่เหนือบริเวณวัดที่พวกผมกำลังสรงน้ำพระธาตุอยู่ มีอยู่ก้อนเดียวจริงๆ แปลกใจดีครับ แต่ลืมถ่ายรูปเมฆก้อนนั้นมา

ในภาพถ่ายจะเห็นรูปหลวงพ่อของพวกเราด้วยนะครับ


​

พอเสร็จทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็กราบนมัสการลาหลวงพ่อท่าน แล้วก็ชวนกันไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ไปกราบนมัสการพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย สร้างโดยหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ซึ่งบางคนก็เรียกว่าเจดีย์ชเวดากองของไทย แต่ผมว่าไม่ค่อยเหมือนนะครับ ทั้งศิลปะ ไม่รู้สิ อาจจะเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ พอจอดรถได้ก็เข้าไปบูชากระเบื้องทำบุญก่อสร้างรอบเจดีย์ก่อนเลย เสร็จแล้วก็เดินไปถ่ายรูป เมี่ยงๆมองๆแถวนั้น สำหรับตอนนี้ก็เป็นอีกอย่างที่แปลกเป็นอย่างที่สองสำหรับผม คือมีเมฆก้อนหนึ่งลอยอยู่เหนือพระเจดีย์ศรีเวียงชัย รอบบริเวณนั้นแดดเปรี้ยงเลยครับ ร้อนมากๆ มีร่มอยู่ที่เดียวคือบริเวณพระเจดีย์ ผมก็แปลกใจ เดี๋ยวเดียวเท่านั้นเอง ฝนตกตกแบบฝนไล่ช้างน่ะครับ ตกจั๊กๆแป๊บเดียวไม่ถึงห้านาที หายหมดเลย แล้วแดดก็ออกมาแบบไม่ร้อนด้วย อัศจรรย์มากนะในความรู้สึกของผม เลยไปบูชาพระธาตุข้าวซึ่งเป็นของดีที่คนทั่วๆไปแถวนี้เค้ารู้จักกันมานานแล้วราคาไม่แพงด้วยครับ ถุงนึงมีพระธาตุข้าว จีวรหลวงปู่ ถุงละ 60 บาทเอง

ภาพที่ถ่ายในขณะนั้นครับจะเห็นว่ามีเมฆดำมาลอยอยู่เหนือพระเจดีย์ศรีเวียงชัย


​

ตามประวัตินั้นเมื่อหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาได้มาจำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มนั้น ท่านได้นิมิตเห็นพระธาตุข้าวซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กม. ที่ดอยเกิ้ง ท่านจึงได้อัญเชิญพระธาตุข้าวบางส่วนมาไว้ที่วัดและแจกให้ลูกหลานนำไปสักการะบูชา ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรมที่มีพระธาตุข้าวไว้บูชาแล้ว ความอดอยากขาดแคลนจะไม่บังเกิดขึ้น การทำมาค้าขายโดยสุจริตจะได้ผลเจริญงอกงาม เมื่อประสงค์สิ่งใดให้ทำสมาธิ จิตระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหลวงปู่ครูบาชัยวงศาฯ แล้วตั้งจิตขอในสิ่งที่ปรารถนา จะได้ผลดีมากสำหรับผู้ที่มีศีล 5 เป็นปกติครับ เลยนำมาเล่าสู่กันฟังตามแบบฉบับของผมซึ่งตั้งตัวเองเป็นศิษย์รุ่นจิ๋วของหลวงพ่อท่านครับ

​

 

อนุโมทนาครับพี่เก่ง กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากงานบุญนี้ แม่ผมท่านก็สวดมนต์ไหว้พระทุกวันพระนะครับ (เนื่องจากเวลาไม่เอื้ออำนวยต้องทำงานหาเงินเลี้ยงผมกับน้อง อิอิ) ผมเคยชวนท่านใหัทำบุญกับวัดต่างๆที่ลงประกาศในเว็บพลังจิตนะครับ แต่ท่านบอกว่าท่านไม่ค่อยอยากทำตามเว็บแบบนี้ มันให้ความรู้สึกแปลกๆ ท่านเลยเลือกที่จะทำบุญกับมือเวลาไปวัดมากกว่า แล้วก็ท่านมักจะทำบุญกฐิน-ผ้าป่าอยู่ทุกๆปีครับ ทำทั้งวัดที่ญาติผู้ใหญ่ผมเคารพนับถือที่จังหวัดอุดรธานี และ ทำกับซองต่างๆที่มีเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักหยิบยื่นให้ แม่ผมท่านก็ชอบบอกผมนะครับว่าให้ทำบุญอย่างพอประมาณ ไอ้ผมมันก็เป็นพวกชอบร่วมบุญวิหารทาน แล้วก็เช่าวัตถุมงคล เลยโดนท่านติเตือนเอาบ่อยๆ ก็แหงล่ะครับ ก็เงินของท่านทั้งนั้นนี่หน่า อิอิ