ประสบการณ์ปราบคุณไสยพม่า

ช่วงต้นเดือนธันวาคม ปี 2554 ที่ผ่านมา ได้มีหญิงวัยกลางคน คนหนึ่งอยู่ทางภาคเหนือ
แถวๆจังหวัดเชียงใหม่ หน้าตาสวยทำงานดีมีหน้ามีตาในสังคม ได้เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อมาหา
อาจารย์ชา ที่ร้านรำมะนา กาแฟสด ย่านคลองลำเจียก เพื่อให้อาจารย์ช่วย เพราะว่าเธอ
โดนของหรือคุณไสย
เธอเล่าว่าเธอโดนของหรือคุณไสยนี้มานานหลายปีแล้ว มีอาการเดี๋ยวทรงเดี๋ยวทรุดยิ่งวันพระขึ้น
15 ค่ำแล้วอาการจะยิ่งทรุดหนัก ไปหาหมอมาทั่วทุกสารทิศแล้ว ทั้งหมอปัจจุบัน,หมอพระ,หมอ
ไสยศาสตร์ ก็ไม่มีใครสามารถช่วยแก้ให้หายขาดได้ หมดหนทางจึงได้ทำพินัยกรรมไว้รวมทั้งทำใจ
ไว้แล้วว่าคงจะอยู่ไม่รอดเป็นแน่
ต่อมาได้ยินกิตติศัพท์เรื่องอาจารย์ชาจากเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่ได้แวะไปเยี่ยมที่บ้าน เธอจึงมีกำลังใจ
ที่จะลองมาพบอาจารย์ดูอีกสักครั้ง หลังจากที่เพื่อนของเธอรบเร้าขยั้นขะยอให้เธอมาพบอาจารย์
ให้ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี
เมื่อเธอได้พบกับอาจารย์ชาแล้ว อาจารย์บอกว่าของหรือคุณไสยชนิดนี้ ที่ เธอไปโดนเข้านั้น เป็น
วิชาของพม่า แถวๆแนวตะเข็บชายแดน ของชนิดนี้แรงมาก อาจารย์บอกว่าไม่เคยพบเคยเจอแบบนี้
มาก่อน ไม่มีใครสามารถแก้ได้ แม้แต่หมอที่เป็นคนทำเองก็ตาม

อาจารย์ชาอธิบายว่าของหรือคุณไสย์นี้เริ่มต้นจากคนสนิท หรือเพื่อนที่ทำงานซึ่งเป็นผู้หญิงและรู้วัน
เดือนปีเกิดเธอ โดยใช้สิ่งของ ของเธออย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เส้นผม รูปถ่าย รองเท้า ไปให้หมอทำ
หมอก็ใช้วิชาที่แรงมาก คือใช้คาถาบังคับผูกสะกดอสูรกายไว้ให้คอยจัดการกับเธอและมีผีตายโหง
อีกแปดตน ล้อมเธอไว้อีกชั้นหนึ่ง

อาจารย์กล่าวว่า……..แต่พอมีวิธีแก้คุณไสยนี้ได้ ก็คือ……….
ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับอสูรกายตนนั้น นั่นก็คือความตายโดยใครก็ตามที่จะมาแก้ของหรือคุณไสยนี้
ต้องแลกชีวิตของตน แล้วอสูรกายจึงจะสลายจากการผูกและบังคับไว้ (มันทำตามหน้าที่เท่านั้น โดย
ได้รับคำสั่งมาแบบนี้) ที่ผ่านมาจึงไม่มีใครกล้าที่จะแลกด้วย จึงไม่มีใครสามารถแก้ให้เธอได้
เอาละ…อาจารย์จะช่วย เพราะเล็งเห็นแล้วว่าถ้าไม่ช่วยชีวิตเธอ เธอก็จะตายลงในไม่เกินสาม
เดือนข้างหน้านี้ เมื่อตายไปแล้วก็ไม่ได้พ้นหรือไปดีนะ จะตกไปเป็นบริวารรับใช้ของหมอผีชาติชั่วนั่น
อาจารย์ชาจึงเริ่มเจรจากับอสูรร้ายนั่น ! มันก็ตอบว่า “ ข้าขอชีวิตของอาจารย์ จะให้ได้มั้ย”
ถ้าให้ได้ ข้าก็จะออกจากร่างผู้หญิงคนนี้ อาจารย์ ครุ่นคิดอยู่ภายในใจว่า ชีวิตของเรานั้นเราก็
จะเสียสละ เพื่อแลกกับชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งนั้นได้ แต่จะคุ้มและมีประโยชน์เพียงใดนั้น พอมาชั่งน้ำ
หนักดูแล้ว พบว่าถ้าชีวิตหลายคน อย่างน้อยสี่ถึงห้าคนแลกกับชีวิตของอาจารย์ถึงจะคุ้มหน่อย
แต่นี้แค่คนๆเดียว และอาจารย์ยังสามารถทำประโยชน์อื่นได้อีกมากมายเหลือคณา เห็นทีว่าจะ
ไม่คุ้มกันแล้วครานี้ จึงใช้ปัญญาต่อรองต่างๆ นานาเพื่อถ่วงเวลาไว้ก่อน
หลังจากนั้น อาจารย์ชาก็จู่โจม โดยใช้วิธีแยกจิตออกเป็นแปดและให้เทวดาแปดองค์ที่อาจารย์ได้
ปรึกษาและเตรียมการไว้ก่อนแล้วช่วยกันจับผีตายโหงทั้งแปด โดยจับขังไว้ในไข่ไก่แปดฟองก่อน
เมื่อเสร็จพิธีรักษาแล้วจะนำไปปล่อยที่แม่น้ำใหญ่ ซึ่งอยู่ในรัศมีของพระแม่คงคา ผีตายโหงนั้นก็จะ
กลับหรือโดนหมอเรียกกลับไปใช้งานอีกไม่ได้แล้ว (จะอยู่ได้เฉพาะบริเวณแม่น้ำนั้นเท่านั้นจนกว่า
มันจะสำนึกแล้วทำจิตสงบที่เป็นบุญเป็นกุศล จึงจะได้ไปเกิดตามกำลังกฏแห่งกรรมที่มันทำไว้)
หลังจากที่อาจารย์จับลูกสมุน ก็คือผีตายโหงแปดตนนั้นแล้ว อาจารย์ก็ได้เจรจาต่อรองกับอสูรร้าย
ตนนั้น แต่แล้วต่อรองไปต่อรองมา ก็ได้มาลงเอยที่ข้อแลกเปลี่ยนอันใหม่คือขอเป็นทรัพย์สมบัติของ
อาจารย์ชาทั้งหมดแทน ที่มันเริ่มอ่อนลงเพราะว่าอาจารย์ได้เก็บลูกสมุนทั้งแปดของมันไปแล้วนี่เอง
อาจารย์ชาเล่าว่าที่เปลี่ยนแปลงข้อแลกเปลี่ยนได้นั้นเพราะว่าอสูรร้ายมันมีหน้าที่ทำตามคำสั่งที่โดน
สะกดเอาไว้เท่านั้น อะไรก็ได้ที่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่นักหนาสาหัส จนคนแก้ไม่กล้าที่จะแก้ได้ เช่น
แลกชีวิต,ขอทรัพย์สมบัติทั้งหมด เป็นต้น ก็ให้ยอมแลกเปลี่ยนได้
แต่แล้ว อสรูร้ายตนนั้นมันคาดไม่ถึงว่า จู่ จู่ อาจารย์ตอบตกลงรับข้อแลกเปลี่ยนนั้น ด้วยสัจจะของ
ผู้มีศีล มันจึงยอมตกลงและออกจากร่างผู้หญิงคนนั้นไป
ต่อมา อาจารย์ได้บอกให้ผู้หญิงคนนั้น ไปหาต้นสาระแหน่ทั้งต้นทั้งรากฝักส้มป่อยถั่วฝักยาวลูกมะกรูด
และดอกไม้ห้าสีที่ต้นไม่มีหนามมาต้มน้ำอาบ เสร็จแล้วล้างตัวให้สะอาดและใช้ตะเกียบคีบของที่อาบ
เหล่านั้นใส่ถุง นำไปลอยน้ำในคลองหรือในแม่น้ำ ให้ทำทุกวันศกร์ ประมาณสี่อาทิตย์
จึงจะทำให้ร่างกายของเธอปรับธาตุได้ดีขึ้น จนร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติ
หลังจากนั้นต่อมา อาจารย์ได้นำไข่ไก่แปดฟองที่ขังผีตายโหงไว้ เพื่อจะนำไปทิ้งลงสู่แม่น้ำ โดย
เลือกแม่น้ำบางปะกง เป็นที่ทิ้งไข่ และปลดปล่อยวิญญาณผีตายโหงเหล่านั้น แต่ดูลักษณะไข่แล้ว
บางฟองปูดๆและเบี้ยวๆ แต่มีอยู่หนึ่งฟองที่แตกแสดงว่า มันหลุดรอดกลับไปหาหมอผีเสียแล้วหนึ่ง
ตน อาจารย์กล่าวว่าเราพลาดเสียแล้วทำให้หมอผีมันรู้ตัว ว่ามีคนสามารถแก้คุณไสยของมันได้

ต่อมา…
หลังจากนั้นไม่นาน คำสัจจะที่ได้ตกลงกับเจ้าอสูรร้ายก็เริ่มบังเกิดผลโดยเรื่องต่างๆ ก็เริ่มประดังเข้า
หาอาจารย์ โดยทำให้เสียทรัพย์ เรื่องแรกก็เรื่องบ้านของอาจารย์ที่จะมีคนโกงและแอบขาย
ต้องรีบไปเคลียร์เสียเงินไปหลายแสน เรื่องที่สองรถยนต์ก็ต้องซ่อมยกเครื่องใหม่ เสียเงินไปเป็นหมื่น
เรื่องที่สามสัตว์เลี้ยงที่เป็นแมวพันธ์เปอร์เซียชื่อโซดา ของอาจารย์ชา
ก็ได้หายไปสามวันกลับมาขาหัก ต้องทำการผ่าตัดใหญ่ หมดค่ารักษาและผ่าตัดไปห้าพันบาท
ครั้งที่สี่ล่าสุดนี้ เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ได้ทำให้ปังปอนลูกชายอาจารย์ชาคนโตประสบ
อุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ จนต้องผ่าตัดใหญ่โดยตัดม้ามทิ้ง กระดูกไหปลาร้าหักทิ้มปอดและปอดฉีก
นอนอยู่ห้องไอซียู ต้องให้เลือดอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเสียเลือดมาก และอาการหนักมากต้องรอดู

อาการเป็นระยะ จนกระทั่งคืนที่สามในห้องไอซียู เจ้าอสูรร้ายกะจะเอาชีวิตไปให้ได้เพราะมันถือว่า
ลูกและภรรยา ถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติของอาจารย์เหมือนกัน มันเล็งเห็นแล้วว่าจะต้องเข้าแฝงร่าง
คุมร่างปังปอนไว้เพื่อที่จะถอดสายเครื่องช่วยหายใจและถอดสายท่อยางต่างๆออก จนพยาบาลเวร
ที่เฝ้าในห้องไอซียูเห็นเข้าแล้วตกใจ เห็นเงาตะครุ่มๆดำๆคุมร่างของปังปอนอยู่ และปังปอนก็
อาละวาดไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กระชากถอดสายเครื่องช่วยหายใจและสายท่อยางต่างๆ
ออก เหตุการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่พ้นญาณรู้ของอาจารย์ไปได้ แต่อาจารย์ที่เฝ้าอยู่นอกห้อง
ไอซียูก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะได้ให้สัจจะตกลงแลกเปลี่ยนกับเจ้าอสูรร้ายนั่นแล้ว อาจารย์
ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ จนมุกภรรยาอาจารย์ในฐานะที่เป็นแม่ ที่จะทนเห็นลูกตายต่อหน้าต่อตาโดย
ไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ จึงได้รวมจิตสงบลงนั่งสมาธิและใช้บุญบารมีทั้งหมดที่ได้บำเพ็ญมาแผ่ให้กับ
ลูก และขอให้ลูกแก้วธาตุกายสิทธิ์ทุกสีมาช่วยด้วย หลังจากนั้นอาจารย์ก็เห็นลูกแก้วธาตุกายสิทธิ์
ทุกสีของทุกคนมาวิ่งวนอยู่รอบๆตัวมุก สักครู่นึงพรุ่งหายวับเข้าไปในห้องไอซียู ได้ไปต่อสู้กับเจ้าอสูร
ร้ายนั้น
ยังไม่ทันได้ต่อกรกัน เจ้าอสูรร้ายนั้นก็รีบเผ่นไปอย่างไม่คิดชีวิต ธาตุกายสิทธิ์ทั้งหมดที่ไปแต่เพียงดวง
จิตนั้นก็ได้แผ่รัศมีคุมร่างของปังปอนไว้และจะอยู่คุมร่างไว้ให้ถึงเจ็ดวัน
ต่อจากนั้นธาตุกายสิทธิ์ทุกสีก็ช่วยกันทำการรักษาร่างกายของปังปอน ช่วยกันสมานปอดที่เลือดไหล
ให้หยุดและที่ฉีกช้ำต่างๆนั้นก็ช่วยสมานแผลให้จนสามารถออกจากห้องไอซียูได้และพักฟื้นพอสมควร
จนถึงวันที่ 30 มกราคม ก็แข็งแรงเป็นปกติ หมอเอ็กซเรย์ปอดดูแล้วหายเป็นปกติ วันรุ่งขึ้น จึงให้กลับ
บ้านได้ และหมดค่ารักษารวมทั้งผ่าตัดไปอีก แปดหมื่นกว่าบาท ที่ทำให้อาจารย์ต้องเสียทรัพย์
ก่อนกลับหมอได้เปิดเผยกับอาจารย์ว่าวันแรกที่มาน้องเค้าชีพจรไม่เต้นแล้ว ความดันก็ไม่มี
เสียเลือดมาก ตัวนี่ซีดเชียว ก็คือตายแล้วนั่นเอง แต่พอมาถึงตอนนี้หมอและพยาบาลที่โรงพยาบาล
ทุ่งสงต่างงงกันมากว่าทำไมน้องเค้าฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้…………!
ซึ่งนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียงแค่ 10 วันเท่านั้นเอง
เรื่องราวร้ายๆที่จะเกิดขึ้นกับอาจารย์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ จนกว่าจะพ้นวันที่16 เมษายนไปแล้ว
นี่เป็นเพราะความเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ของอาจารย์ชา ที่ ได้ช่วยชีวิตคนไว้หนึ่งคนคือเธอผู้หญิง
คนนั้น.
ที่มา...พระอาจารย์ชา วัดวังหอมวิปัสสนาราม: ประสบการณ์ลี้ลับ ตอนที่11 ปราบคุณไสย

 

เคยฝันเห็นหมาดำ ตาสีแดงหมาตัวเล็ก ลอยที่เตียงนอนอันนี้คือไรค่ะ

 

อ่านแล้วงง ปรกติการถอนของจะไม่ใช้พลังของตัวเอง จะขอบารมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน

จากนั้นสวดเชิญท้าวจาตุมหาราชิกาทั้ง 4 หรือเชิญครูของผู้ถอนของนั้นเอง ต่อมาก็ทำน้ำมนต์ประพรมไปที่ตัวผู้โดนของ

เมื่อหายดีแล้วให้รักษาศีล ทำบุญอุทิศให้เค้า นี่คือที่เราเคยโดนนะ พระท่านถอนให้ ตอนนั้นโดนมีสติแต่จิตหลุดเหมือนคนเมายา

 

ฮึๆ รู้สึกว่า โพสหัวข้อนี้ จขกท. มีจุดประสงค์เข้าอีหรอบเดิมอีกล่ะ ....... *_*" เพลีย...แท้

 

ว่าจะไม่พูดแล้ว..เอาว่าวิธีการที่ใช้ในกรณียังมีอะไรแปลกๆ
แอบแฝงเคลือบแคลงอยู่ครับ.ก็อ่านๆไว้เล่นๆแล้วกันครับ..
ผู้อ่านควรพิจารณาสิ่งที่แฝงในข้อความให้ดีๆครับ..

 

อ่านแล้วเกิดคำถาม จะมีอสูรร้ายที่เหมือนอยู่นอกกฏกรรมเวร สามารถทำอะไรใครก็ได้แบบนี้มีด้วยหรือครับ ออกแนวแฟนตาซีไปนิด ไม่ขัดแย้งแค่อยากรับฟังครับ

 

อ่านแล้วแปลกๆเหมือนกัน เคยโดนเอาวิญญาณมาครอบเราแบบนี้แต่ไม่รู้มีองครักษ์ด้วยหรือป่าว จนได้มาเจอครูบาอาจารย์ช่วยเหลือไว้ แต่ไมใช่แบบนี้ ทุกวันนี้ก็สวดมนต์ ถือศีล ปฏิบัติธรรมตามโอกาส