เทวดา,นางฟ้า ที่มีแสงสว่างมากเพราะท่านทำบุญอะไรกันหรอครับ ?? // และเรื่องศีลครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 7 มีนาคม 2014.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คือผมอ่านจากหนังสือของคุณดังตฤณก็มีการถือศีล การเจริญสมาธิ

    ส่วนอ่านจากของหลวงพ่อฤาษีลิงดำฯ ที่เป็นเรื่องเล่า ท่านบอกการถวายพระทำให้มีแสงสว่างมาก

    คือ เทวดา นางฟ้า ท่านทำบุญพวกนี้หรอครับ ถึงมีแสงสว่าง หรือไม่จำเป็นแค่บุญพวกนี้เท่านั้นครับ

    ปล.ผมถือศีล 5 อยู่สม่ำเสมอครับ แต่บางครั้งมีผิดบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นข้อ 4 เช่นหยอกเพื่อน เลยขาดหรือหย่อน ถ้าผมจะสมาทานใหม่แต่ไม่มีเวลา สมาทานในใจได้ไหมครับ หรือแค่กล่าว ศีลข้อ 4 มุสาวาทา เวรมณีฯ แล้วก็ถือศีล 5 ต่อดีครับ ??

    ขอบคุณทุกคน ทุกท่านมากนะครับ -/\-
     
  2. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    เวลาคุณทำบุญ จะปิติ บางคราวอาจรู้สึกเหมือนกับมีอะไรแผ่ออกมาจากตัว นั่นแหละเป็นแสงจากจิตที่เป็นบุญ แต่ว่ากายมนุษย์มันหยาบปิดบังแสงที่ละเอียดนี้หมดแต่คุณสามารถรู้สึกได้ พอเป็นเทวดากายมีความละเอียดพอเหมาะ แสงบุญจึงแผ่รัศมีออกมาให้เห็นเป็นปรกติ เทวดาทุกองค์จึงมีแสงเป็นธรรมดา แต่มากน้อยต่างกันตามกำลังบุญ
    ทำบุญอะไรจึงมีแสงสว่างมาก
    1.ทำบุญเกี่ยวกับแสงสว่างโดยตรงเช่นจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายเทียนพรรษาหรือหลอดไฟ ก็จะมีแสงสว่างมาก
    2.ทำบุญแล้วปลื้มมาก แสงก็จะมาก ถ้าปิติน้อย แสงจะน้อย
    3.ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ อย่างสร้างพระพุทธรูป เพราะพระพุทธเจ้าเป็นแสงสว่างของโลก เป็นดวงตาของโลก แสงก็จะมาก
    4.เวลาทำบุญมีครูบาอาจารย์ท่านคุมบุญไม่ให้ตกหล่น แสงก็จะมาก
    ฯลฯ

    การสมาทานศีล แค่ตั้งจิตว่าจะถือศีล 5 ก็ถือว่าสมาทานแล้ว แต่อานิสงค์ไม่เท่ากับกล่าววาจา
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,363
    ความสว่างของเทพพรหม นั้น กระผมในฐานะผู้ที่ผ่านเรื่องนี้มามากขอกล่าวอธิบายได้อย่างนี้อันมีสองส่วนคือ
    1ความสว่างที่เป็นรัศมีรอบกายทิพย์ ส่วนนี้อาศัยการทำบุญถวายพระพุทธรูปและสร้างวิหารทาน เช่นเจดีย์หรืออุโบสถ จะทำให้รัศมีรอบกายทิพย์สว่างมาก แต่สภาพของตัวกายทิพย์ไม่ได้สว่างนักมีสภาพงดงามคล้ายมนุษย์
    2ความสว่างที่เกิดจากกายทิพย์ หรือเกิดจากจิตภายใน ส่วนนี้อาศัยการรักษาศีลและเจริญภาวนาสมาธิฌาณและญาณวิปัสสนา เป็นสิ่งกำหนด

    ดังนั้น ความสว่างหากกล่าวโดยละเอียดประกอบด้วยสองส่วนคือ รัศมัรอบกายทิพย์หรือรัศมีรอบจิต และความสว่างที่เกิดจากจิตหรือกายทิพย์ของตนเอง

    ทั้งนี้หากพิจารณาละเอียดขึ้นจะพบว่า ความสว่างด้วยบุญทาน ย่อมไม่สามารถสว่างได้ยิ่งกว่า ความสว่างจากศีล ภาวนา และจิตที่บรรลุธรรมชั้นสูงย่อมมีความสว่างมากจนทำให้มีอำนาจมากกว่า เมื่อไปรวมกับรัศมีกายที่มีอยู่แล้วจึงสว่างไสวเป็นทวีคูณครับ

    แต่พระพุทธองค์ก็กล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่า
    นัตถิปัญญา สมาอาภา
    ความสว่างใดเสมอเหมือนปัญญา นั้นไม่มี
    ปัญญาในที่นี้ย่อมชำระจิตให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์ ดั่งแก้วประกายพฤต ที่สว่างไสวยิ่งนักนั่นเองครับสาธุ
     
  4. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    แบบพื้น ๆ ก็คือสร้างพระ ถวายเทียนหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแสงสว่าง

    แบบขั้นสูงคือ บำเพ็ญจิตให้สะอาดปราศจากกิเลส ยิ่งกิเลสน้อยรัศมียิ่งสว่างมาก

    บุญอื่น ๆ เป็นตัวคูณ
     
  5. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกคำตอบนะครับ สาธุครับ -/\-

    ขอให้ทุกท่านมีความสุขกาย สุขใจ ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา ตลอดไปนะขอรับ
     
  6. kamio

    kamio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    646
    ค่าพลัง:
    +756
    เวลาจะสมาทานศีลอเอาง่ายๆก็คือตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดศีลอีก แค่นี้ก็ได้ครับ เน้นไปที่การปฎิบัติดีกว่าครับ สู้ๆเอาใจช่วยนะครับ และการทำผิดศีลนั้นผิดได้ทั้ง กาย วาจา ใจ เรื่องกายและวาจาอาจจะไม่ยากเท่าไหร่ แต่เรื่องมโนกรรมและกรรมทางความคิดนี่ควบคุมกันยาก ยังไงก็สู้ๆนะครับ ถ้าตั้งใจจริง ต้องเห็นผลแน่นอนครับ และถ้าเลิกกินเนื้อสัตว์ด้วยจะดีมากๆเลยครับ เพราะไม่มีวิญญาณสัตว์ที่เรากินเข้าไปมาขัดขวางการปฎิบัติธรรมของเราครับ
     
  7. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    เคยอ่านจากนารทชาดก
    คุณธรรมที่ทำให้มีฤทธิ์มากมีแสงสว่างเจิดจ้า เพราะสั่งสมคุณธรรมต่างๆ มี
    สัจจะ ,ธรรมะ (สุจริตธรรม) ,ทมะ (การข่มใจ) ,จาคะ เป็นต้น

    http://www.84000.org/tipitaka/atita10/jataka10.php?i=8&p=1
    (อรรถกถาเรื่องนารทชาดก)

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มีนาคม 2014
  8. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    แล้วในที่นี้มีใครเคยเห็นมนุษย์ธรรมดาที่มีแสงสว่างที่เห็นด้วยตาเปล่ามั้ยครับ
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำบุญกับพระอรหันต์ที่ออกนิโรธสมาบัติ คนเดียวครับ สว่างมากที่สุด
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระอินทร์ท่านไปสวนนันทวัน เทวดาทั้งหมดก็ตามไป ปรากฏว่าไปเจอะเทวดา ๔ องค์มีแสงสว่างมากกว่าพระอินทร์ แต่เกิดทีหลัง พระอินทร์ไม่ทราบ เพิ่งเห็นในวันนั้น เห็นเข้าแล้วก็ถามปัญจสิกขเทพบุตร ถามว่าเทวดา ๔ องค์มาเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่

    ปัญจสิกขเทพบุตร ก็บอกว่าเพิ่งมาเกิดเมื่อวานนี้เองครับ พระอินทร์เห็นว่าเทวดาที่เป็นลูกน้องมีแสงสว่างมากกว่าก็ไม่สบายใจ ประกาศสั่งกลับเวชยันตวิมานทันที

    …….แล้วก็มานั่งนึกดู ว่าเวลานี้มีที่ไหนบ้างที่จะเป็นบุญกุศลใหญ่ ก็ทราบว่าพระมหากัสสปะออกจากนิโรธสมาบัติ ตั้งใจจะไปใส่บาตรขณะที่ท่านเตรียมตัวอยู่ พอดีนางฟ้าทั้งหมดก็กลับไปถึงพอดี นางฟ้าก็ถามว่าพ่อเจ้าจะไปไหน ท่านก็บอกว่าฉันจะไปใส่บาตรพระมหากัสสปะ พวกนางฟ้าบอกอย่าไปเลยเจ้าข้า พวกฉันไปมาแล้ว ท่านพระมหากัสสปะท่านไล่กลับมา ท่านบอกท่านจะสงเคราะห์คนจน พระอินทร์ก็เลยบอกว่าถ้าไปอย่างเธอพระมหากัสสปะก็ขับ ถ้าไปอย่างฉันพระมหากัสสปะไม่ขับ

    ท่านสองคนตายายก็แปลงเป็นคนแก่ เนรมิตกระท่อมเล็กๆอยู่ชายเมือง ทำเป็นคนแก่สองคนไม่มีลูกไม่มีหลาน เอาจิตก็ตั้งใจนึกว่าวันนี้เราจะใส่บาตรพระมหากัสสปะ ถ้าจิตใครเขานึกอยู่ความเป็นทิพย์นี่มันจะชนกันทันที พอ ดีพระมหากัสสปะก็ใคร่ครวญคิดว่าวันนี้จะมีใครใส่บาตรกับเราบ้าง จิตก็ไปชนกันเข้ากับสองคนตายายอยู่นอกเมืองแก่มาก ลูกหลานก็ไม่มี ต้องทำเลี้ยงตัวเองมีความลำบากและก็มีความยากจน ฉะนั้นวันนี้เราจะสงเคราะห์ให้สองคนตายายเป็นคนร่ำรวย จึงได้ห่มจีวรประคองบาตรแล้วก็เหาะไปจากยอดภูเขา พอใกล้จะถึงนั่นก็ลงเดิน เดินไป

    เวลานั้นพระอินทร์แปลงเป็นคนแก่ ทำทีเหมือนคนดายหญ้าถอนหญ้าอยู่ เห็นพระมหากัสสปะเข้า ท่านบอกว่า เอวังปิตัตถะ ภันเต ซึ่งแปลว่า ขอพระคุณเจ้าหยุดก่อนเถิดเจ้าข้า นิมนต์ก่อนขอรับ พระมหากัสสปะก็หยุด ท่านก็แกล้งเรียกชายาว่า ยาย….อาหารของเราเสร็จหรือยัง เวลานี้พระท่านมาโปรด ยายก็บอกเสร็จแล้วเจ้าข้า

    เห็นไหมพระอรหันต์ก็ถูกต้มเหมือน กัน ไม่ต้มนี่ขั้นตุ๋นเลยนะ และความจริงความเป็นทิพย์พระอรหันต์นี่ไม่ได้ใช้ทุกเวลานะ ใช้เฉพาะเวลา ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า เวลาที่มีความจำเป็นต้องการจะรู้จึงจะรู้ ถ้าไม่มีความจำเป็นก็ไม่รู้ และสิ่งที่เขาทำมาแล้วในกาลก่อนต้องการรู้ก็รู้ได้ และส่วนใหญ่พระอรหันต์นี่ไม่อยากจะรู้ เพราะขี้เกียจรู้ ซึ่งมันเป็นกังวล

    ท่าน ยายก็เอาอาหารมาให้ตา สองคนตายายก็ช่วยกันใส่บาตร อาหารอันเป็นทิพย์ที่พระมหากัสสปะท่านอยู่ในป่า ท่านฉันเป็นปกติ อาศัยเทวดาฉัน พอใส่บาตรไอ้กลิ่นอาหารที่เป็นทิพย์ก็ไปชนจมูกท่านพระมหากัสสปะเข้า แตะจมูกนะ แตะจมูกหน้าหงายตาโพลงแล้วนี่ พอตาโพลงลุกขึ้นมามีความสงสัยก็ทราบทันทีว่านี่คือพระอินทร์

    ก็ถามท้าวโกสีย์ทำไมถึงทำแบบนี้

    พระอินทร์ก็ถาม ทำไมครับ ผมจะใส่บาตร

    พระมหากัสสปะถาม ทำไมมาแย่งคนจน พระออกจากนิโรธสมาบัติเขาจะสงเคราะห์คนจน

    พระอินทร์ก็บอกว่า ผมก็จนครับ

    ท่านถามว่า จนยังไงในเมื่อเป็นหัวหน้าเทวดา

    ท่าน ก็เลยบอกว่าเวลานี้มีเทวดาเกิดใหม่ ๔ องค์ มีแสงสว่างมากกว่าผม ในฐานะที่ผมเป็นราชาปกครองเทวดามีแสงสว่างไม่เท่าเขา ผมทนไม่ไหวจำเป็นต้องทำบุญต่อ

    พระมหากัสสปะก็บอกว่า ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ

    มัน เสร็จไปแล้ว เขาใส่บาตรแล้ว บุญเขาได้แล้วใช่ไหม บอกว่าทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ พระอินทร์ท่านก็ไม่ตอบ แสดงว่าไม่ยอมรับใช่ไหม ถ้าโง่ต่อไปอีกก็เอาอีก

    ……..ก็เป็นอันว่าเมื่อพระมหากัสสปะปิดบาตรกลับ พระอินทร์ก็เหาะขึ้นไปบนอากาศกล่าววาจาถือข้อความปลื้มใจว่า สุทินนัง จะตะ เม ทานัง อะโห ทานัง ปรมัตทานัง มหาสเปนะ อาสวะคะยาวะหัง โหตุ แปลง่ายๆบอก ทานที่เราถวายพระมหากัสสปะเป็นทานที่ดีแล้ว ต่อไปข้างหน้าขอให้ฉันไปนิพพานเถอะ

    เสียง นี้ก็ก้องไปในวิหารที่พระพุทธเจ้ากำลังเทศน์อยู่ พระก็ถามสมเด็จพระบรมครูว่าเสียงอะไรพระพุทธเจ้าข้า พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ภิกษุทั้งหลาย กัสสปะลูกตถาคตเสียท่าพระอินทร์อีกแล้ว เห็นไหมพระถูกต้ม….

    ก็ เป็นอันว่าการทำบุญของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทในวันนี้ ถ้าจะถามว่าการทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติกับการถวายสังฆทาน ใครจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน การออกจากนิโรธสทาบัติเป็นทานส่วนบุคคลนะ เป็นเฉพาะบุคคล การถวายสังฆทานเป็นทานในหมู่สงฆ์ การถวายสังฆทานมีอานิสงส์มากกว่า

    พระมหากัสปโดนอุบายพระอินทร์หลอกเอาบุญรึป่าวครับ - มีคำตอบ - กูรู
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ๑.ถวายพระพุทธรูปเป็นของสงฆ์ อานิสงส์ก็คือ ถ้าเป็นเทวดาจะมีรัศมีกายสว่างไสวมากเพราะว่าเทวดาหรือพรหม เขาไม่ดูกันที่เครื่องแต่งตัว เขาดูแสงสว่างจากกาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...