เมืองบังบด

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ubon2555, 27 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    อ้อ อีกกรณีนึง คือ เป็นพลังงานเก่าครับ คุณอาจจะเคยอยู่ที่นั่น สมัยก่อนที่ยังคงเป็นหมู่บ้าน การที่คุณระลึก นึกถึงหรือรับพลังงานเก่าๆ ที่ๆคุณเคยอยู่เคยสัมผัส มันทำให้ระลึกได้ ไม่ได้มีผี มีเทวดาอะไรหรอกครับ มันก็แค่ภาพอะไรที่คุ้นเคย (แต่อาจเป็นชาติไหนก็ไม่รู้)
     
  2. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    รูปนี้เราวาดคล่าวๆจากเหตุการณ์ที่เห็นในนั้นค่ะหลังจากภาพการใช้ชีวิตปกติประจำวันชาวบ้านก็จะมานั่งไว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองทุกคนก้มกราบลงกับพื้น มีพระเหมือนพระอินเดียลอยลงมาจากท้องฟ้าค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    แถวนั้นน่าจะเป็นป่าช้าเก่านะคะ วิญญาณเลยอยู่กันเยอะ กลายเป็นบ้านเมืองในโลกวิญญาณไป

    ในกรุงเทพฯแถบหลักสี่ยังมีเลยค่ะ เคยเจอมากะตัวเอง
    หลับอยู่ในรถช่วงหลังกินข้าวเที่ยงในอาคารจอดรถ แง้มกระจกไว้หายใจหน่อยนึง
    ขนาดกลางวันแสกๆ ก็ฝันเห็นคนมากมายเดินผ่านรถเราผ่านมาผ่านไป
    บางคนผ่านมาแวะมองดิฉันที่นอนในรถด้วย เหมือนเหตุการณ์จริงๆเลย
    บางทีก็ฝันไปบ้านคนแก่ๆบ้านก็ผุๆใกล้พังก็มีค่ะ
    ตอนหลังเลยเลิกนอนที่นี่เลย กลัวไปแล้วไม่ได้กลับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2014
  4. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    ตรงนั้นเป็นทางเกวียนเก่าค่ะใช้สัญจรค้าขายเดินทางไปมาหาสู่กันกับเมืองหรือหมู่บ้านอื่นๆ พอมีการตัดทำถนนสมัยใหม่ทับทางตรงนั้นพวกเจ้าของนาที่ถนนสายนั่นตัดผ่านมักฝันว่ามีคนมาถามทาง บอกว่างง ทำไมถนนเปลี่ยนไป กลับบ้านไม่ถูกอะไรประมาณนี้แหละค่ะ
     
  5. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    กลัวไหมค่ะ
     
  6. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    ไม่กลัวค่ะ แต่ก็ไม่ไปหลับแถวนั้นอีก
     
  7. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    ทำให้นึกถึง...

    เมื่อก่อนตอนหน้าแล้งมีวัวตัวแรกแม่ก็ให้เราไปเลี้ยงคนเดียว เพราะมันก็คุ้นกับคน เลยเลี้ยงง่าย เราก็นั่งคอยดูอยู่ห่างๆที่กระท่อม มันก็กินหญ้ากินฟางของมันเรื่อยไป จนบ่ายๆ ประมาณบ่ายสองโมงเห็นจะได้ เหมือนมันตกใจตื่นๆอะไรไม่รู้ จากที่ก้มๆกินหญ้าอยู่ดีๆก็มองทางนั้นทีทางนี้ที ทั้งๆที่ไม่มีเสียงดังรบกวนจนทำให้ตกใจได้เลย สุนัขหรือวัวควายของคนอื่นๆก็ไม่ได้มาใกล้ ซึ่งก็ไม่่น่าจะทำให้มันตื่นตกใจกลัวได้เลย มันก็จากที่กินหญ้าอยู่ดีๆก็มีท่าทีตื่นๆ ทีนี้ก็วิ่งๆๆแล้วก็หยุดมองมาข้างหลังที่เรากำลังวิ่งตามอยู่ พอเราไปใกล้ก็เลยเดินช้าๆจะไปจับ เพราะเห็นมันตื่นๆด้วย แต่มันก็วิ่งต่อไปอย่างไว เราก็วิ่งตามฉุกละหุก พอมันหยุด เราไปใกล้กะว่าจะจับ มันมองมาแล้วก็วิ่งหนีสุดกำลังเลยก็ว่าได้ เราวิ่งตามจนหอบ ตอนนั้นโมโหมากๆ จากที่วิ่งในทุ่งนา มันก็วิ่งเข้าสวนบ้านคนกรุบกรับๆ เราก็วิ่งตามไม่ทันสักที

    ตอนนั้นกลัวมากๆว่ามันจะวิ่งเข้าไปในป่า เพราะมันวิ่งมุ่งหน้าไปทางนั้น แล้วป่านั้นก็ติดกับป่าช้าด้วย ซึ่งพอพ้นบ้านคนที่ปลูกกันอยู่ห่างๆ จะเป็นสวนซะมากกว่า พอพ้นไปจะมีถนนแล้วตรงข้ามคือป่าและป่าช้าวัด เราก็เริ่มใจฝ่อ กล้าๆกลัว ตอนนั้นเด็กอยู่ด้วยแล้วก็คนเดียวอีก วันนั้นเป็นวันอะไรไม่รู้ ไม่มีคนสักคนพอจะเรียกให้ช่วยจับวัวให้ได้บ้างเลย แล้วพอมันข้ามถนนไปได้ อยู่ดีๆมันไปหยุดกึกตรงริมถนนในเขตป่าช้าที่มีต้นไม้ต้นนึงที่มีผ้าจีวรพระที่เก่าๆแล้วพาดอยู่บนต้นไม้นั้น มันก็เดินวนรอบต้นไม้ต้นนั้นช้าๆ นึกสภาพเหมือนมีคนผูกไว้กับหลัก มันเลยเดินวน เราเข้าไปใกล้ดูเชือกก็ไม่ติดอะไร แล้วน่าแปลกที่มันไปเดินวนตรงนั้นทำไม หญ้าตรงนั้นก็ไม่มีที่คิดว่ามันหยุดเพราะจะได้กินหญ้า...ต้นไม้ที่ป่าช้าก็มีขนาดแทบจะเท่าๆกัน จำพวกต้นอะไรที่คนสมัยก่อนใช้สานทำผนังกระต๊อบ ต้นไม่ใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งคืบได้ แล้วเจ้าวัวก็ยอมให้เราจับดีๆ แต่เราไม่มีกะจิตกะใจจะเลี้ยงต่อแล้ว วันนั้นเลยเอามันกลับเข้าบ้านตั้งแต่หัววันเลยทีเดียว นี่ถ้ามันเข้าไปในป่าก็คงไม่กล้าเข้าไปตาม...น่ากลัว...มีแต่ต้นไม้รกๆ มาคิดๆดู ไม่รู้ว่ามีอะไรที่เรามองไม่เห็นมาแกล้งเราหรือเปล่า... ทั้งกลัว ทั้งเหนื่อย... จำไม่ลืมจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
     
  8. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    รูปภาพที่คุณubonวาดคล้ายๆความฝันดิฉันเมื่อก่อนที่เคยฝันเห็น แต่ในฝันเป็นเหมือนผา แล้วมีคนมากมายนั่งชุมนุมกันอยู่ พวกเขาสวมชุดเหมือนชาวบ้านในสมัยก่อน แล้วก็มีเสียงหนึ่งตะโกนบอกว่าหลวงปู่ชอบหรือหลวงปู่แหวนนี่แหละว่ามาแล้วๆ แล้วก็ถ้าจำไม่ผิดจะมีพระสงฆ์หลายรูปเดินมาด้วยเหมือนเป็นขบวนเลย
     
  9. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    ...

    อันนี้น่าจะจริง เพราะแถวหมู่บ้านดิฉัน เมื่อก่อนตอนเย็นๆช่วงวันพระวันโกนคนเฒ่าคนแก่บอกว่ามักจะได้ยินเสียงดนตรีปี่พาทย์ลอยมาให้ได้ยินจนนึกว่าคงเป็นหมู่บ้านอื่นมีงานอะไร แต่พอถามไปถามมาคนหมู่บ้านนั้นก็นึกว่าหมู่บ้านนี้มีงานอะไรเหมือนกัน สรุปว่าไม่มีหมู่บ้านไหนจัดงานอะไรตอนเย็นๆเลย แล้วก็เมื่อไม่นานมานี้มีเจ้าที่มาเข้าแม่บอกว่าเมื่อก่อนเพื่อนๆเนี่ยเยอะ แต่เดี๋ยวนี้เงียบ ไม่รู้ว่าพวกเขาหายไปไหนหมด... น่าจะเป็นไปได้ตามที่คุณว่ามาค่ะ
     
  10. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    ขอบคุณค่ะที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ให้ฟังค่ะ
     
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ที่อุตรดิตถ์ เมืองลับแล นั้นไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด ความหมายคำว่าลับแล คือแลไปลับตา เนื่องจากเป็นป่าละเมาะ การเดินผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก็มองกันไม่เห็นเพราะต้นไม้ต่างๆบังตา ปัจจุบันความสำคัญคงเป็นทุเรียน หลินลับแล และ หลงลับแล ที่กินเข้าไปแล้ว หยุดไม่ได้...อร่อยมาก...ก...

    แต่ที่บึงทุ่งกะโล่ อุตรดิตถ์ มีประวัติเล่ากันมาว่า มีชายคนหนึ่งพายเรือออกไป แล้วเกิดฟ้ามืดครึ้มคล้ายฝนจะตก จึงรีบพายเข้าหาฝั่ง พายไปก็ไปเจอะเกาะเล็กๆ มีชายแก่คนหนึ่งยื่นใบไม้มาให้ เมื่อเขารับมาแล้ว พายกลับมาทางเดิม ก็ถึงฝั่ง ใบไม้นั้นได้กลายเป็นทองคำ...
    เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น มีการทิ้งระเบิดลงไปยังบึงทุ่งกะโล่ หลายลูกด้วยกัน ตกกลางคืนได้ยินเสียงร้องไห้กันระงม พร้อมกับ มีเสียงการเคลื่อนขบวนเดินทางเหมือนกับคนย้ายถิ่นฐาน นับจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่ค่อยมีผู้พบเห็นหรือเจอเหตุการณ์แปลกๆอีก..
    บึงทุ่งกะโล่ เป็นบึงน้ำไม่ลึกมีพื้นที่พันกว่าไร่ ยังเคยมีคนงมได้ของโบราณหลายชิ้นด้วยกัน...

    เมืองบังบด ยังสามารถไปเยี่ยมพบได้ที่วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ เมื่อครั้งที่หลวงพ่อจำเนียร ท่านจะไปสร้างวัดที่นั่น ก็ได้คนบังบดมาช่วยกันสร้างบันไดขึ้นวัด หากไปพักด้านหลังวัด ที่มีต้นไม้โบราณอายุนับพันปีอยู่ที่นั่น กลางคืนคงได้เจอกัน มีทั้งหญิงและชาย
    สำหรับเมืองบังบดนี้ คนทางเหนือเรียกเมืองลับแล แต่ก็มีสภาพคล้ายๆกัน...

    เมืองลับแลนี้ ผู้คนจะมีศีลมีสัจ ดำรงชีพเหมือนกับชาวบ้านปกติ กลางวันแม้จะสว่างแต่ก็ไม่จ้า มองไม่เห็นดวงอาทิตย์ ผู้คนพูดจาไพเราะ แต่หากจะถามว่าเป็นเทวดาไหม ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ คงเป็นอีกภพภูมินึงกระมัง ...
    เมืองลับแลก็คนละที่กับป่าหิมพานต์ แม้สัตว์ป่าหิมพานต์จะมีรูปร่างหน้าตาแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ทำร้ายผู้ที่อยู่ปฏิบัติธรรม และแยกกันอยู่คนละส่วน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน การพูดคุยกันก็อาศัยผ่านทางกระแสจิต สัตว์และคนจึงพูดคุยกันได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครคุยกัน ส่วนมากจะนั่งภาวนาทำความเพียรกันไป อาหารจะเป็นผลไม้คล้ายแอปเปิลบ้าง คล้ายส้มบ้าง กินผลหนึ่ง สามารถอิ่มไปได้หลายราตรี การขับถ่ายก็ไม่เห็นมี มีแต่นั่งหลับตาภาวนากันไป...

    ส่วนที่จังหวัดอยุธยา วัดเก่าๆ ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ตอนที่ไปรับงานก่อสร้างอยู่นั้น เวลาคืนจันทร์เพ็ญ บางวัด บางแห่ง จะมีการจัดงานวัด มีเด็กหัวจุกออกมาเดิน มีงานรื่นเริง หญิงชายแต่งตัวย้อนยุค มักเกิดขึ้นหลังเที่ยงคืนไปแล้ว...ลูกน้องเคยจะเข้าไปร่วมงานด้วยแล้ว แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ก็รีบหักมอเตอร์ไซด์วิ่งกลับทันที...เจออยู่ 2 ครั้ง แต่นั้นมาก็ไม่ค่อยมีใครออกไปเที่ยวเล่นช่วงดึกๆอีก...ว่างๆไปดูแถววัดมเหยงค์ก็ได้...น่าสนุกดีเหมือนกัน เงินที่เขาใช้กันในงานยังเป็นเบี้ยอยู่เลย...แบบนี้ก็ไม่คล้ายกับบังบด หรือลับแล แต่จะเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน เรื่องภพภูมิคงต้องถามคุณ Nop เพราะดูจะมีประสบการณ์เยอะดี...

    ที่โม้ๆมานี่ก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะไปหรืออยากจะรู้หรอกครับ เพียงแต่ว่าเคยหลงทางผ่านไปมาก็เล่าสู่กันฟังเป็นนิทาน...ไปใช้อ้างอิงไม่ได้เชียวนะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2014
  12. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    ผมเสริมท่าน raming2555 เพราะคล้า่ยๆกัน

    ..เรื่องนี้ ปู่ผมเอง เล่าให้ฟังว่า สมัยแกบวชและออกธุดงแกได้เจอ

    ประสบการณ์แปกลๆมา แต่ตอนนี้แกตายไปนานแล้ว

    แกไปธุดงแถวเขาหลวง ไปพักถ้ำแห่งหนึ่ง เขาหลวงติดต่อกันหลายจังหวัด

    อุทัย นครวสวรรค์ กำแพงเพขร


    แกไปท่ี่ถ้ำเขาหลวง มีผู้หญิงเหมือนเป็นหัวหน้าหมู้บ้าน

    ชวนแกเที่ยวเมืองลับแล

    แกก็ตามไปดู แกเล่าให้ฟังว่า ป่าไม้เขียวขจีมาก มองออกไป

    เห็นเป็นทุ่ง แมกไม้สวยงาม แสงสว่าง ชัดเจน มองอะไรอะไร

    มันเห็นชัด แต่แปลก ไม่รู้สึกร้อน พอเงยหน้าขึ้นขึ้นไปบนท้อง

    แต่แปลกกลับไม่เห็นมีดวงอาทิตย์ และก็ไม่ร้อน อากาศดีมาก

    ลมพัดเย็นกำลังดีตลอดเวลา

    ...อีท่านหนึ่ง ท่านเป็นพระ ท่านเล่าให้ฟังว่า

    ชาวลับแล ก็ชาวบ้าน ชั้นดีนี่เอง เป็นมนุษย์

    เป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์แบบ ศีลห้าครบ

    (ซึ่งไม่เหมือนกับในสังคมโลกๆของพวกเรา

    ตัวเป็นแค่คน ตัวเป็คนใจไม่ใช่คน..

    อย่าไปพูดถึงความเป็นมนุษย์เลย)

    แถมใจประเสริฐอีกตั้งหาก

    พวกเค้าเหล่านั้น อยู่บนโกลใบเดียวกับเราก็จริง

    ความดีมันคัดสันจึงทำให้เราไม่มีโอกาส ที่จะได้เสวนา

    กับพวกเค้าเหล่านั้นอยู่แบบ เป็นมิติ ท่ีัซ้อนกันอยู่กับเรา

    แต่เป็นโลกเดียวกัน ไม่ถึงกับคนละโลก อย่าง โลกมนุษย์

    โลกสวรรค์ โลกนรก แบบนี้คนละโลก คนละภพภมูิกันเลย

    ..ถอยหลังไปสัก 70-80ที่

    อันนี้อีกเรื่องคนเก่าคนแก่เล่าให้ฟัง

    สมัยก่อน ถ้วยโถโอชาม ยังไม่มีโรงงานผลิต

    ได้มากมาย ง่ายๆขนาดนี้

    จะทำช้อน ทำชามชั้นดี ออกมาแต่ละชิ้น

    ละอัน จะต้องใช้ฝีมือ เวลา แรงงานชั้นดี ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

    กับของจำนวนมากๆ

    คนสมัยก่อน นู้นน! มีความใกล้ชิดกับพวกคนลับแล

    หรือคนบังบดมาก มีงานบุญ งานบวชที

    ที่ต้องใช เครื่องครัวต่าง ช้อน กาละมัง

    ถ้วย โถ โอชาม ก็จะไปยืมกับพวกคนลับแล

    แต่จะไม่ค่อยได้เห็นตัวนะ

    คือพวกของใช้ ช้อน จาน ชามพวกนี้

    เป็นของสวยงาม ชั้นดี งานปราณีตมาก

    จะมีอยุ่ตามถ้ำ แต่ไม่เห็นเจ้าของนะ

    ขอยืมแบบ ปลากเปล่า พูดกับอากาศ

    ลางคนโชคดีก็ได้เจอเจ้าของบ้างก็มี

    แต่ส่วนมากไม่เจอ เวลาไปขอยืมสิง่ของ

    ของมีจำนวนกีี่ กี่อัน ก่อนหยิบ ก่อนขอยืมต้องรู้จำนวน

    ตอนเอาไปคืน ก็ต้องเอาไปคืนให้ครบจำนวน

    เอามากี่ชิ้น กี่อันก็ต้่องคืนให้ครบ

    จำนวน ไม่ขาดไม่เกิน พอดิบพอดี

    พอพักหลังๆ คนพวกเราฉลาดขึ้น หรืออันใดก็ไม่ทราบ

    ตอนขอยืมน่ะดี แต่ตอนคืนนี่สิ คืนไม่ครบจำนวนบ้าง

    ได้ของดี แต่พอใช้คืนกลับเอาของเลว ของไม่ดีสอดใส้

    พอเป็นแบบบนี้ ต่อมาไม่นาน พอเอาไปคืน สิง่ของต่างๆ

    ค่อยๆ หายไป

    จากนั้น ต่มา แม่แต่ชิ้นเดียว ข้าวของในถ้ำ ไม่มีใครเคยพบเคยเห็นอีกเลย

    หมดสิทธิ์ เอามาใช้ หยิบยืม

    สมัยก่อนความใกล้ชิด ชาวบ้านเรา กับชาวบ้านลับแล

    มีความใกล้ชิดกันมาก เกือบจะไปมาหาสู่กัน

    เรื่องเล่า ผู้ชายชาวบ้านเรา ไปได้ผู้หญิงสาวสวย

    เมืองลับแล ก็ยังเคยมีเล่าขานกันไปต่างๆนาๆ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  13. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    น่าสนใจมากเลยค่ะ
     
  14. greenoak

    greenoak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    เมืองลับแลก็คนละที่กับป่าหิมพานต์ แม้สัตว์ป่าหิมพานต์จะมีรูปร่างหน้าตาแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ทำร้ายผู้ที่อยู่ปฏิบัติธรรม และแยกกันอยู่คนละส่วน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน การพูดคุยกันก็อาศัยผ่านทางกระแสจิต สัตว์และคนจึงพูดคุยกันได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครคุยกัน ส่วนมากจะนั่งภาวนาทำความเพียรกันไป อาหารจะเป็นผลไม้คล้ายแอปเปิลบ้าง คล้ายส้มบ้าง กินผลหนึ่ง สามารถอิ่มไปได้หลายราตรี การขับถ่ายก็ไม่เห็นมี มีแต่นั่งหลับตาภาวนากันไป...


    เคยฝันว่าไปทำบุญที่ทำประจำ แล้วเดินทางต่อทางมันเหมือนขึ้นดอย แต่ในความจริงทางมันเป็นพื้นราบและรกมากคะ มันเป็นหมูบ้านที่สวยงามบรรยากาศและอากาศดีมาก แต่ในฝันเหมือนต้องแอบกลัวคนในหมู่บ้านเห็น แล้วในฝันตามรั้วบ้านเค้าจะต้นไม้สูงกว่าคนหน่อยหนึ่งมีลูกเหมือนแอปเปิ้ลแต่มันเล็กกว่าแอปเปิ้ลคะ จำไม่ได้ว่ากินหรือเปล่า ซักพักก็ตื่น มันเป็นความฝันที่ติดจิตมากๆๆคะ อยากฝันอีกแต่ก็ไม่มีวี่แววเลย มนุษย์เราไปเมืองลับแลในความฝันได้มั้ยคะ
     
  15. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    เรื่องนี้ไปอ่านเจอในเน็ตค่ะ
    ชาวบังบดยกภูทอกให้พระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ
    กลางพรรษาปี ๒๕๑๒ พระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ ได้เกิดสุบินนิมิตว่า ได้ออกไปบิณฑบาตที่ภูทอกใหญ่ ตามหน้าผา อุ้มบาตรเดินเลียบไปตามหน้าผา อ้อมไปเรื่อยๆ เห็นหน้าต่างปิดอยู่ตามหน้าผา มองไม่เห็นคนเลย ท่านจึงเดินอ้อมไป

    ท่านจึงหยุดยืนรำพึงว่า....ทำไมมีแต่หน้าต่างปิด ไม่เห็นคนออกมาใส่บาตรเลย สักครู่หนึ่งก็เห็นคนเปิดหน้าต่างออกมาใส่บาตร ท่านจึงตั้งจิตถามขึ้นว่า เขาเป็นใคร เขาก็ประกาศขึ้นมาเองว่า “พวกผมนี้เป็นพวกบังบดขอรับ อยู่กันที่ภูทอกใหญ่ ภูแจ่มจำรัส” พวกบังบด คือพวกภุมมเทวดา ที่เขามีศีล ๕ ประจำ

    เขาอธิบายให้ฟังต่อว่า “ชื่อเดิมของภูทอกใหญ่นี้ เรียกกันว่า ภูแจ่มจำรัส แต่ก่อนนี้มีพวกฤาษีชีไพรมาบำเพ็ญพรตภาวนากันอยู่ที่ภูแจ่มจำรัสนี้มาก”

    เมื่อเขาใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงภามเขาว่า “ทำไมจึงรู้ว่าอาตมามาบิณฑบาต”

    เขาก็ตอบยิ้มๆ ว่า “รู้ครับ รู้ด้วยกลิ่น ถูกกลิ่นพระผู้เป็นเจ้า”

    “กลิ่นเป็นอย่างไร” ท่านซักต่อ

    “กลิ่นหอมขอรับ ถูกกลิ่นพระผู้เป็นเจ้า ก็เลยพากันเปิดหน้าต่างมาใส่บาตรพระผู้เป็นเจ้ากัน ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ควรแก่การบูชา พวกเราจึงพร้อมใจกันมาใส่บาตร”

    พอพวกเขาใส่บาตรเสร็จ ท่านก็กลับ พอดีรู้สึกตัวตื่น พิจารณาดูนิมิตนั้นก็เห็นแปลก และเช้าวันนั้น อาหารที่บิณฑบาตได้ ขบฉันก็รู้สึกว่ารสเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีใครอื่นมาใส่บาตรจริงๆ มีแต่ชาวบ้านเท่านั้น และอาหารก็เป็นอาหารพื้นๆ

    พรรษาแรก พระเณรเจ็บไข้กันมาก บางองค์ก็บอกว่า เทวดาประจำภูเขามาหลอกหลอน ดึงขา ปลุกให้ลุกขึ้นทำความเพียร บางทีก็ไล่ให้หนี เพราะมาแย่งวิมานของเขา ท่านได้พยายามตักเตือนพระเณรให้มีศีลบริสุทธิ์ บำเพ็ญความเพียร แผ่เมตตา และให้ทำความเพียรอย่าได้ประมาท ภายหลังก็เกิดนิมิตว่า มีพวกเทวดามาหาท่านบอกว่า “ขอน้อมถวายภูเขาลูกนี้ ให้แก่พระผู้เป็นเจ้า ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดรับไว้รักษา พวกข้าพเจ้าจะลงไปอยู่ข้างล่าง” และยังขอให้ท่านประกาศแก่มนุษย์ที่จะมาเที่ยวภูเขาลูกนี้ต่อไปว่า ขออย่าได้กล่าวคำหยาบ อย่าส่งเสียงดังอึกทึก อย่าถ่มน้ำลายลงไปข้างล่าง อย่าขว้างปาหรือทิ้งเศษขยะไว้บนเขา

    เมื่อท่านตื่นจากนิมิต จึงมาพิจารณาคำขอร้องของเทวดา ก็เห็นว่าแยบคายดี น่าจะเป็นข้อที่กัลยาณชนควรจะปฏิบัติอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่มีเทวดามาขอร้องก็ตาม อย่างไรก็ดี ในวันนั้น มีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังว่า พวกเขาต่างฝันกันว่า มีคนมามอบภูเขาให้ท่านอาจารย์จวนรักษาไว้ และพวกเขาจะลงไปอยู่ข้างล่างแทน บังเอิญมาฝันตรงกันหลายคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2014
  16. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เคยฝันว่าไปทำบุญที่ทำประจำ แล้วเดินทางต่อทางมันเหมือนขึ้นดอย แต่ในความจริงทางมันเป็นพื้นราบและรกมากคะ มันเป็นหมูบ้านที่สวยงามบรรยากาศและอากาศดีมาก แต่ในฝันเหมือนต้องแอบกลัวคนในหมู่บ้านเห็น แล้วในฝันตามรั้วบ้านเค้าจะต้นไม้สูงกว่าคนหน่อยหนึ่งมีลูกเหมือนแอปเปิ้ลแต่มันเล็กกว่าแอปเปิ้ลคะ จำไม่ได้ว่ากินหรือเปล่า ซักพักก็ตื่น มันเป็นความฝันที่ติดจิตมากๆๆคะ อยากฝันอีกแต่ก็ไม่มีวี่แววเลย มนุษย์เราไปเมืองลับแลในความฝันได้มั้ยคะ

    ปกติเวลาจะไปสถานที่พวกนี้ ก็มักเหมือนไปในความฝัน เพียงแต่ว่าก่อนนอนจะบริกรรมภาวนาไปตลอดเวลาจนหลับไป ส่วนเรื่องคิดที่จะไปนั้นไม่เคยคิด เพราะว่าไม่สนใจจะไปสักเท่าไรครับ...ต่อเมื่อไปถึงแล้ว ก็รู้เรื่องตลอดเพราะกำลังของฌาณมันยังทรงตัวอยู่ ยังมีสติสัมปชัญญะ ยังโต้ตอบได้ เพียงแต่บางอย่างที่เราเรียกกับเขาเรียกมันต่างกัน เช่นจะไปถามว่านั่นเมืองลับแลไหม..เขาก็ไม่ได้ตอบว่าที่นั่นคือเมืองลับแล...จนกว่ามาเจอหลวงพ่อท่านก็บอกว่าเออ...นั่นแหละ...ก็แค่นั้น...

    เคยผ่านไปที่แห่งหนึ่ง ทางเข้าเป็นทุ่งหญ้าเขียว สูงเท่าเข่า มองไปไกลๆเป็นเทือกเขายาวๆ มีเนินสูงขึ้นไป อากาศเย็นสบายลมพัดเบาๆ ในใจเวลานั้นบอกว่าบั้นปลายเราต้องมาเจริญภาวนาอยู่ที่นี่...แต่ก็ไม่รู้ที่ไหน...เวลาผมเดินทางไปดูงานทั่วประเทศก็พยายามจะหาสถานที่นั้น หลายปีผ่านไปก็หาไม่เจอครับ...จนหลวงพ่อบอกว่า นั่นมันป่าหิมพานต์ ...
    เพราะผ่านเข้าไปแล้ว ก็มีทั้งฆารวาส ฤษี พระสงฆ์ ผ้าขาว แยกกันนั่ง ห่างๆกัน เหมือนเป็นศาลาหลังเล็กๆ ตั้งห่างๆกัน ข้างๆมีจานผลไม้ สัก 3-5 ผล ต่างคนต่างนั่งสมาธิกันเงียบๆ ไม่มีใครคุยกัน และไม่มีใครสนใจต่อกัน...สัตว์ป่า ประหลาดๆ บางทีก็ครึ่งคนครึ่งสัตว์ มีอยู่ไปห่างๆ ไม่เข้ามาใกล้ พอเราจะไปใกล้ๆสัตว์พวกนี้จะส่งเสียงสื่อมาถึงเราได้ แต่คุยไม่รู้เรื่อง เพราะไม่รู้จะคุยอะไร มันร้องออกมาแต่คำว่า "ไม่ๆๆๆๆๆๆ" "อย่าๆๆๆๆๆ" เหมือนไม่อยากให้เข้าใกล้ ไม่อยากให้เราไปยุ่งด้วย จึงไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้เข้าใกล้ เพราะดูไม่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่เป็นมิตร....

    ไกลออกไป มันมีต้นมักกะลีผล เหมือนกัน แต่มีเฉพาะเพศหญิง เหมือนผู้หญิงเกือบทุกอย่าง เวลาผลสุก หล่นลงมา ลืมตาได้ด้วย...เมื่อผ่อก็หดเล็กลง ไม่เน่า ไม่เหม็น แต่ไม่เหมือนเรื่องเล่าที่เคยได้ยิน ได้อ่านมา เพราะที่เห็นมันเหมือนเป็นผลไม้มากกว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต...เรื่องพวกนี้เล่าไปก็เหมือนฟังคนบ้า เพ้อเจ้อ...ขอไม่เล่าต่อดีกว่า...
    เนื่องด้วย คำถามของครูบาอาจารย์ ยังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา ท่านถามว่า...

    "รู้สิ่งเหล่านี้แล้ว ทำให้คุณพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้หรือไม่"
     
  17. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    ก็คงคล้ายๆการเรียนประวัติศาสตร์มั่งค่ะ
    เพื่อรู้จัก ...ในสิ่งที่แตกต่างจากเรา..เหมือนการอ่านหนังสือสักเล่ม..
    มิได้เพื่อต้องการพ้นทุกข์ แต่อย่างใด
     
  18. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    เคยฝันไปเที่ยว น่าจะเป็นเมือง บังบด เมืองลับแล....เขาพาผมไปนะ...เขามีทั้ง ญ ช เด็กน้อย....มีคนนำทางคนหนึ่ง แปลงกายเป็นเสือให้ผมขี่ไปเฉยเลย....เห็นบ้านเขา ไม่มีอะไรมาก บ้านธรรมดา ทรงเดียวกันหมดคล้าย เรือนไทย แต่ไม่มีผนัง....บ้านไม่สูงแต่ติดดิน สูงกว่าดินนิดเดียวเอง....พาเที่ยวเสร็จก็ให้ผมไปรับ ขันครูเปล่าไม่แน่ใจ มีรับขันครูสามคนเอง...ฝันไปนะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มีนาคม 2014
  19. T.cha

    T.cha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2010
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +641
    "รู้สิ่งเหล่านี้แล้ว ทำให้คุณพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้หรือไม่"

    การรับรู้สิ่งเหล่านี้จากคำบอกเล่าจากผู้รู้ บางทีก็อาจจะมีประโยชน์กับคนที่อินทรีย์ยังอ่อนอยู่ก็เป็นได้ครับ...
     
  20. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    เมืองบังบดที่เป็นข่าวดังในสมัยก่อนก็
    ผีจ้างหนัง พญานาค เกาะลอยน้ำ ... อาถรรพณ์ ป่าคำชะโนด ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้เกาะนั้นกลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว ใครเคยไปเท่วแถวนั้นมั่งครับ เมืองบังบัดมีหลายแห่งที่ในตำนานกล่าวว่าบางแห่งจะมีแต่แม่หม้าย ดังนั้นสำหรับผม ที่อินทรีย์อ่อนๆ แนวๆ ท่องเที่ยวฟรี แบบพี่นพแนะนำ ผมไม่ค่อยอยากไป เจอสาวๆสวยๆ เดี๋ยวไม่ยอมกลับ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...