เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ว่าต่อด้วยเรื่อง...

    #บาปกรรมดี-เลว ต่อสาธารณะชน และโทษการทำลายทรัพย์สินแผ่นดินยังไม่จบ#

    ก่อนปิด ปล่อยกระทู้นี้ ให้ล่วงเลยไปตามกาลเวลา..อันสมควร
    แล้วแต่ว่าใคร...จะค้นเจอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2014
  2. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ระหว่างรอหนังฉาย..เดินสายในเมือง
    ไปเจอะเอาข้อความหนึ่งจาก F/B ใครไม่รู้...รู้แต่ชอบมาก
    (ต้องขอโทษต้นเดิมฉบับไว้ ณ ที่นี้)


    โกวเล้งเขียนไว้ในนิยาย
    ของเขาว่า...
    "ชีวิตคนเราจะมีสิบปีสัก
    กี่ครั้งกัน"
    ผมชอบประโยคนี้มาก...
    มันจริงอย่างยิ่ง

    ถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี
    เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง
    ๐ สิบปีแรก..หมดไปกับ
    ความไร้เดียงสา

    ๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับ
    การศึกษาเล่าเรียน

    ๐ สิบปีต่อมา.หมดไปกับ
    การทำงานและการใช้ชีวิต

    ๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับ
    การสร้างฐานะ สร้างครอบครัว

    ๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับ
    การลงหลักปักฐาน
    รักษาสิ่งที่สร้างมา

    ๐ สิบปีต่อมา..หมดไปกับ
    การดูแลรักษาสุขภาพ
    กาย-ใจให้แข็งแรง

    ๐ สิบปีสุดท้าย..หมดไปกับ
    การปล่อยวางทุกสิ่ง รอคอยการกลับบ้าน

    แต่ละสิบปีผ่านไป...
    ไวเหมือนโกหก
    อีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป
    มีอะไรที่เราทำไปแล้วมาก
    มาย และก็ยังมีอะไรอีก
    มากมายที่เรายังไม่ได้ทำ

    ** เวลา คือ หน่วยเงิน
    ในกำมือของเราที่เอาไป
    แลกสิ่งอื่น
    -เราเอาเวลาไปแลกงาน
    -เราเอางานไปแลกเงิน
    -แต่เราก็ไม่เคยเอาเงิน
    ไปแลกเวลาคืนกลับมา
    ได้สักที

    ถ้า 'ธนาคารเวลา' มีจริง
    เราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชี
    สักเล่มที่จะให้เราดูได้..ว่า
    ตอนนี้เหลือเวลาอยู่เท่าไหร่?

    ** เรารู้ว่าเราใช้ "สิบปี"
    ของเราไปกี่ครั้งแล้ว
    แต่เราไม่อาจรู้ว่า...
    เราจะใช้ "สิบปี" ที่เหลือ
    ของเราได้ครบมั้ย?

    แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับ
    เราใช้เวลาสิบปีของเราไป
    คุ้มค่าหรือเปล่า?
    เมื่อเราหันหลังกลับมา
    ขอให้พูดได้เต็มปากว่า
    เราใช้มันไปอย่างไม่น่า
    เสียดาย

    ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี
    "สิ บ ปี"
    สั ก กี่ ค รั้ ง กั น
    ใช้สิบปี เจ็ดครั้งของเรา
    ใ ห้ คุ้ ม ค่า

    ------------

    เป็นไงครับท่านทั้งหลาย..เด็ดมั๊ย
    เออ..มันน่าคิดอย่างมาก
     
  3. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    เด็ดมากจร้า........หลวงปู่จาน ท่านมี ตั้ง 10 นะค่ะ สาธุ
     
  4. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เรื่อง 10 ปี มี7หน ของท่านโกวเล้งนี่..สงสัยว่าแกอาจอยากได้แค่นั้นก็ได้
    อาจเกรงว่าเกินไปเข้า 10ปีที่ 8,9,10= <80 ปี เหนียงยาน คลานเล่นขี้เยี่ยวเป็นเด็กทารก
    เสียบุคคลิกคนดังแบบแกมั๊งเนอะ

    ........หลวงปู่จาน ท่านมีตั้ง 10 นะค่ะ สาธุ
    มีมาก็นำเสนอเลยครับตั้ง10 หน...อยากรู้
    เผื่อตัวเองอยู่ถึง จะได้เอามาพิจารณาตาม ว่าจริงดังท่านว่าไว้หรือเปล่า.. อิอิ

    โกวtopls99 นี้ก็เพิ่งผ่านวัย 18ฝน 18หนาว
    (มันร้าวหัวใจสับสน..)มาได้ไม่กี่ปีมานี่เอง
    ..คงอีกนานกว่าจะเข้าใจ 10 ปีหนที่7ของโก้วเล้ง
    แค่กลัวว่าจะอยู่ไม่ถึงนั่นล่ะ ปัญหา หึ..หึ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    โกวเล้งนี่แกตายตอน 10 รอบที่ 4 ไม่ทันได้ใช้รอบที่ 5 ...
    กินเหล้าตาย...
    แกเคยเลิกเหล้าตามที่หมอสั่ง...
    หลังจากเลิกเหล้าแล้ว เพื่อนฝูงที่เคยมีมาก็หายไปหมด ชีวิตอ้างว้าง วังเวง เปลี่ยวเหงา...
    แกจึงตัดสินใจกลับมาดื่มเหล้าอีกครั้ง ... เพื่อนฝูงก็กลับมา เฮฮา เหมือนเดิม...
    ได้สักพักนึง...แล้วแกก็ตาย...แกตายอย่างภาคภูมิใจว่า...
    ถ้าให้ต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย...ข้าฯสู้ขอตายอย่างมีความสุขจะดีกว่า...

    โกวเล้งไม่มีเมียที่แต่งงานออกหน้าออกตาเหมือนคนทั่วไป...
    ผู้หญิงที่น่าจะเป็นเมียโกวเล้ง เธอเป็นหญิงคณิกา...
    โกวเล้งให้เหตุผลเรื่องนี้ว่า เป็นเพราะหญิงทั่วไปต้องการให้ผู้ชายคอยเอาอกเอาใจ..เรื่องมาก..ขี้งอน..สารพัด..
    แต่หญิงคณิกานั้น ในชีวิตของพวกเธอต้องคอยเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจผู้ชาย ยอมรับและอดทนอดกลั้นได้ดีเสมอมา...
    ฉะนั้นแล้ว โกวเล้งจึงเลือกนางคณิกาเป็นภรรยา...

    ผมชอบโกวเล้งนะ...แกมีแง่คิดปรัชญาเยอะดี...ทำให้เด็กๆอยากโตขึ้นมาเป็นจอมยุทธ์ ตัวละครของโกวเล้ง พระเอกต้องดื่มเหล้า มีสาวๆสวยๆมากมาย...
    ทั้งที่จริงๆแล้ว โกวเล้ง ไม่เคยฝึกวิทยายุทธเลย ... ต่างจากอึ้งเอง ที่ฝึกมวย 8 ทิศ...
    ผู้ฝึกยุทธ์นั้นห้ามดื่มเหล้า และมั่วผู้หญิง เนื่องจากทำให้ปราณเสื่อมได้...

    ตะก่อนนี่ผมก็บ้านิยายกำลังภายในมากๆเลยนะ...ตอนนี้ระงับแล้ว...
    นี่ถ้าไม่ถูกป๋า toplus99 กระตุ้นขึ้นมาก็จะไม่ร่ายยาวซะขนาดนี้นะเนี่ย...
     
  6. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เราเรียกคนมันรู้เหลี่ยมกัน...

    ไม่ยักกะรู้ว่า โกวเล้งนี่แกตาย..ด้วยวัยไม่ถึง10 ปีที่ 5
    ก็ยังเหลือตั้งอีกหลายปีตามที่แกตั้งใจ..
    ===
    มีความรู้อะไรดีๆ ท่านป๋าระมิงค์ก็ไหลๆ เล่าออกมาเถอะ..
    เผื่อเข้าตาคณะกรรมการหลายท่าน เอาไปพิจาณณาความดีความชอบ
    ให้เข้าวินต่ออายุถึง 10 ปีที่10....
    ให้ลูกหลานเกี่ยงกันเลี้ยง เอ๊ย..แย่งกันรัก
     
  7. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เล่ากันว่า...ปรมาจารย์เตียซำฮง เจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง...มีอายุถึง 150 ปี ใบหน้าแดงก่ำ สดใส ก็ด้วยการฝึกวิชาลมปราณ ประกอบกับบั้นปลายชีวิตของ เตียซำฮง ได้ศึกษาวิชาเต๋าเต็กเก็ง จนได้ค้นพบสัจธรรม เข้าสู่วิถีแห่งเซียนไป...
    สมัยที่ จางจินเป่า บวชเป็นเณรอยู่ที่เส้าหลิน ช่วยงานอยู่โรงครัว ... ก็ให้บังเอิญได้พบคัมภีร์นพเก้า หรือคัมภีร์เก้าอิมเข้า คัมภีร์นี้เป็น 1 ใน 2 คัมภีร์ที่ปรมาจารย์ตัํกม้อ ได้แต่งขึ้น ซึ่งอีกเล่มหนึ่งคือ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น เป็นวิชาล้างพิษในร่างกาย

    แต่การได้มาซึ่งคัมภีร์นี้ เป็นการได้ฟังการถ่ายทอดจากปากของหลวงจีนรูปหนึ่ง จึงจำได้มาบางท่อน จำได้ไม่หมด...เมื่อเกิดเรื่องขึ้นที่เส้าหลิน เวลานั้น จางจินเป่าจึงหนีจากเส้าหลิน ระหว่างเร่ร่อนไปนั้น ได้ไปหลบที่ข้างบ้าน ผัวเมียคู่หนึ่ง...เวลานั้นเมียกำลังด่าผัวอยู่พอดี..ก็ให้บังเอิญว่าประโยคที่ด่านี่ไปกระทบกระเทือนจิตใจของจางจินเป่าเข้าอย่างแรง..แกด่าผัวว่า...
    "ตัวเองนั้น ได้ชื่อว่าเกิดมาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง หากคิดแต่เพียงจะหลบหนี ไม่กล้าสู้ความจริง ไม่มีอุดมการณ์ ที่จะสร้างความสำเร็จให้กับตนเองแล้ว ก็เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย"
    โห...ด่าแรงมากๆ...จางซานฟง เวลานั้นจึงตัดสินใจ บ่ายหน้าขึ้นไปยังยอดเขาบู๊ตึ๊ง นั่งคิดทบทวนคัมภีร์ที่ฟังมา แล้วคิดค้นหลักวิชาขึ้น...
    บนยอดเขาบู๊ตึ๊งซึ่งอยู่สูงมากนั้น อากาศมีออกซิเจนน้อย ทำอะไรนิดหน่อยก็จะเหนื่อยง่าย ครั้นอยู่นานเข้าก็จะทำให้อายุสั้น...
    จางซานฟง ครุ่นคิดค้นคว้าทดลอง จนได้วิชาลมปราณ เป็นการสูดปราณเข้ามาในร่างกายเพื่อเพิ่มพลังภายใน ชดเชยกับออกซิเจนที่มีอยู่เบาบาง ทำให้ร่างกายกลับแข็งแรง มีพละกำลัง...จนในที่สุดก็บัญญัติขึ้นมาเป็นวิชาไหมฟ้า หรือวิชารังไหม...

    เป็นวรรณกรรมที่โม้ได้มันมาก...ขอบอก...จนกระทั่ง...ผมไปพบคนที่ฝึกวิชาลมปราณได้จริงๆ...ถึงได้รู้ว่ามันมีอยู่จริงๆ...เพียงแต่เป็นวิชาที่ไม่ยอมถ่ายทอดกัน...สันดารคนจีนก็มีนิสัยเสียอย่างนี้เองครับ...เขาเรียกว่า โจ๋วท๊วง...คือถ่ายทอดเฉพาะทายาท ถ่ายทอดลูกชาย ไม่ถ่ายทอดลูกสาว...มันเลยทำให้วิชาค่อยๆสาปสูญไปเรื่อยๆ...จนมาหมดในยุคพระนางซูสีไทเฮา...ที่ทำให้มวยไทเก๊กเหลือเพียงกระบวนท่า แต่ไม่ได้ผนวกเข้ากับวิชากำลังภายในเหมือนแต่ก่อน...
     
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เคยดูรายการช่อง3 น่าจะรายการ 168 ชั่วโมง

    มีการนำเสนอคนในประเทศอินเดีย..ที่มีอายุมากที่ในโลกถึง.. 400 กว่าปี
    ผู้ชายเขาคนนั้นบำเพ็ญตนเป็นฤาษี และมีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือฤาษีท่านนี้มากเป็นถึงประธานาธิบดียุคแรกๆของอินเดีย

    มีการบันทึกหลักฐานต่างๆไว้..ชัดเจน

    จนกาลเวลาผ่านล่วงเลย จนประธานาธิบดีของอินเดียเสียชีวิตไปหลายรุ่นหลายยุค คนแล้วคนเล่า
    แต่ฤาษีท่านนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ แบบใช้ชีวิตอย่างสงบ อย่างสมาถะเรียบง่าย
    ...ที่กลางกระท่อมเล็กๆแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย

    ช่างน่าฉงนนัก!!!
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ย้อนไปถึงเรื่องที่ ปรมาจารย์ตั๊กม้อ อดีตราชบุตรเขย ที่เดินทางหลบหนีภัยสงครามจากการทำลายล้างของ มุสลิม มายังประเทศจีน พร้อมทั้งนำพระธรรมและวิทยายุทธมาเผยแพร่ จนเส้าหลินมีชื่อเสียงโด่งดังมาจนทุกวันนี้...

    วิชาที่ปรมาจารย์ตั๊กม้อ ฝึกมานั้น มาจากพวกฤษีของอินเดีย ดังนั้นจะว่าไปแล้ว วิทยายุทธ์เส้าหลิน มีรากเง้ามาจาก อินเดียนี่เอง...

    เมื่อตั๊กม้อ ถูกวางยาพิษ ถึงแก่มรณะภาพไปนั้น ภายหลังมีการเปิดหีบศพดูก็ไม่พบร่างของ ท่านตั๊กม้อ พบเพียงรองเท้าข้างหนึ่งในโลง...มีผู้พบเห็นหลวงจีนรูปหนึ่ง เที่ยวเดินไป พร้อมกับใส่รองเท้าเพียงข้างเดียว...ลูกศิษย์หลายคนเชื่อว่าท่านไม่ตายเพราะพิษ ด้วยวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น สามารถขับพิษออกจากร่างกายได้ทุกชนิด...

    ผมเคยมีความคิดบ้าๆบอๆ ที่จะอาศัยอตีตังคญาณ ย้อนเวลากลับไปดูว่าวิชาพวกนี้ท่านสอนไว้อย่างไรบ้าง เพื่อจะลองเอามาฝึกดู...เผื่อจะเป็นปรมาจารย์ในยุคปัจจุบัน แล้วถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ที่สาปสูญไปแล้ว...

    ว่าแต่ รอรับการถ่ายทอดวิทยายุทธ์ต่อจากท่าน toplus จะดีกว่า...สำเร็จวิชาแล้วมุดหายเข้าไปในดง...นึกครึ้มๆขึ้นมาก็ออกจากในดงมาทำประโยชน์ให้พุทธศาสนาได้...
    แต่พอนึกไปนึกมานะ...ก็คิดว่าปล่อยท่าน toplus ฝึกฝน เข้าดงไป ทำประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาคนเดียวก็พอแล้ว...อย่างกระผมนี่ใช้การอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง สู้ตายๆไปอยู่กับนางฟ้าดีกว่านิ...
     
  10. chuanchom

    chuanchom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +194
    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ากายของตนเป็นของหยาบ ธาตุต่างๆคุมกันเข้าเป็นรูปร่าง มีปราณเป็นเครื่องบำรุง เมื่อปราณออกจากร่างกาย ธาตุทั้งหลายก็สลายกัน เคยถามคนที่รู้จักเรื่องฝึกไท้เก็ก เขาบอกว่าการรำไท้เก็กให้รำตัดกระแสเส้นแรงแม่เหล็กของโลก
    เลือดของเรามีธาตุเหล็ก ความเห็นส่วนตัว ตัวของเรามีเลือดไหวเวียนเมือหมุนตัดเส้นแรงแม่เหล็กโลกทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในตัวเราเอง เกิดการทะลุทะลวงช่องทางปราณในร่างกาย ไม่อุดตัน ทำให้ผู้ที่รำไท้เก็กสุขภาพ
    ดีขึ้น
     
  11. chuanchom

    chuanchom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +194
    เคยสอบถามอาจารย์ไทเก็กอีกคนหนึ่ง ท่านบอกว่าเวลารำไทเก็กท่านรำตามนิมิตร แต่เรื่องนี้ดิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ารำอย่างไร และท่านสอนว่าเวลารำต้องไปตามเส้นแนวของแรง(ตามกฎฟิสิกส์) ไม่ใช่รำตัวแข็งทื่อๆ เช่นเวลาดันมือออกไปก็จะมีกำลังภายในจริงๆออกไปจากศูนย์กลางกายวิ่งผ่านลำตัวไปที่แขนและผ่ามือ การรำจึงต้องมีทิศทางและองศาที่ถูกต้องเพื่อส่งกำลังออกไป และการเดินของไทเก็กก็ต้องเดินจากการส่งกำลังจากศูนย์กลางกาย ไทเก็กจึงเป็นมวยใน(กำลังภายใน) และมวยอ่อนไม่แข็งแกร่งเหมือนมวยเส้าหลิน ความเห็นที่กล่าวมานี้อาจผิดบ้างถูกบ้าง ถ้าผู้ใดรู้จริงโปรดกรุณามาแบ่งปันกันและชี้แนะด้วย
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มวยเส้าหลิน เป็นมวยภายนอก ฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย เช่นฝ่ามือเหล็ก วิชาระฆังทอง ข้อเสียคือ อาการบาดเจ็บ บอบช้ำ จะมีมาก และในที่สุดร่างกายก็ต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา...

    มวยไทเก๊กที่ร่ายรำกันนั้น เป็นท่วงท่าที่อาศัยประกอบให้การเดินปราณสะดวกขึ้น
    ปราณที่สอนกันมานั้น อาจเรียกได้ไม่ตรงกับสภาพที่แท้จริงของปราณเสียเลยทีเดียว
    ผมเข้าใจว่า ปราณนี้เป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วง พลังงานไฟฟ้า และพลังงานแม่เหล็กแต่อย่างใด

    ปราณนี้เป็นเหมือนพลังชีวิต เป็นพลังในการก่อกำเนิดของสรรพชีวิตบนโลกใบนี้
    สำหรับมนุษย์แล้ว นับเอาตำแหน่งกะบังลมลงไป เป็นปราณที่มีมาแต่กำเนิด โดยมีจุดศูนย์รวมอยู่ที่จุดตังชั้ง หรือจุดตันเถียน คือนับจากสะดือลงไปสามนิ้วมือ กดลึกลงไปจะเจอ เมื่อกดไปโดนจุดตันเถียนเข้า จะมีอาการอ่อนเปลี้ย คล้ายคนหมดแรง....

    ปราณที่สูดเข้านับจากกะบังลมขึ้นมาถึงศีรษะ เป็นการสูดปราณจากภายนอกเข้ามาสู่ภายใน การโคจรลมปราณย้อนกลับ ในคัมถีร์นพเก้า ที่ระบุไว้คือ การหายใจเข้าให้อกพองท้องยุบ และหายใจออก อกแฟบท้องพองออก ไม่ใช่อย่างที่ จิวแป๊ะทง หายใจออกทางรูจมูกนึงหายใจเข้าทางอีกรูจมูกนึง อันนั้นมันเป็นเรื่องในหนัง....

    ปราณไม่ใช่ลม แต่เป็นพลังงานชีวิตที่แฝงมากับลม ดังนั้นการสูดปราณจึงสามารถสูดเข้าทางผิวหนังได้ แต่คนผู้นั้นต้องทรงฌาณ4 พร้อมๆกับเจริญมหาสติปัฎฐาน4 ให้มีสัมปชัญญะเอาไว้ให้ได้ จึงจะสามารถสูดเอาปราณชนิดพิเศษนี้เข้ามาสู่ร่างกายได้ ที่ท่าน toplus เรียกมันว่า อากาศทิพย์...
    ผลเบื้องต้นของมันคือ ทำให้ร่างกายสดชื่น เบิกบาน แจ่มใส ไม่มีอาการอ่อนเพลียหรือง่วง แม้จะไม่ได้หลับนอน 3 วัน 3 คืน ก็ยังมีหน้าตาสดชื่น แจ่มใส ผ่องใส ตลอดเวลา...

    ผลเบื้องกลางคือ การหมุนเวียนของเลือดจะเป็นการฟอกเลือด และฟอกไปถึงระดับเซลเพื่อขับของเสียออกมายังกลางศีรษะ ทำให้เซลสดใหม่ และร่างกายจะดูอ่อนกว่าวัย ผิวพรรณจะกลับมาผ่องใสอีกครั้งเวลาโคจรปราณนี้ จะเริ่มจากการทะลวงจุด ชีพจรในไขกระดูกก่อน หมุนเวียนจากจุดตันเถียน ผ่านท้องน้อย ไปกระดูกก้นกบ แล้วผ่านกระดูกสันหลังขึ้นมาที่หัว แล้ววนผ่านอก กลับมายังจุดตันเถียนอีกครั้ง....แต่ตอนผมฝึกผมเริ่มจากกระดูกก้นกบก่อน ซึ่งเมื่อเวียนมาบรรจบ ก็ให้ผลเหมือนกัน...จากนั้นจึงเดินปราณผ่านกล้ามเนื้อ จะผ่านจุดชีพจรเหมือนอย่างในหุ่นของพวกวิชาฝังเข็มเลยทีเดียว...จุดที่เจ็บปวดมากคือตอนที่ปราณเดินผ่านกล้ามเนื้อหัวใจ อาการเหมือนใจจะขาด เจ็บมาก ทีแรกยังคิดว่าเป็นโรคหัวใจหรือเปล่านะ...แต่จริงๆเป็นโรคประสาท เพราะวิชาพวกนี้คนดีๆเขาคงไม่ฝึกกันหรอกนะ...

    บั้นปลายนั้น เป็นอย่างไรไม่ทราบเหมือนกัน เพราะยังฝึกไปไม่ถึง เนื่องด้วยมีข้อจำกัดและข้อห้ามเยอะแยะมากมายไปหมด...คงต้องรอไปอยู่ป่าแบบถาวรก่อนน่ะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2014
  13. chuanchom

    chuanchom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +194
    ดิฉันขอขอบคุณ คุณraming2555 ที่อธิบายเรื่องการฝึกการเดินลมปราณให้ดิฉันและสมาชิกคนอื่นๆทราบ ดิฉันเคยฝึกไทเก็ก 10 ท่ามานิดๆหน่อยๆ ถ้ามีโอกาสดิฉันจะกลับไปฝึกอีก แต่ฝึกเพื่อสุขภาพ เพราะดิฉันมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังบางอย่าง
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,376
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    สิบปีสุดท้าย..หมดไปกับ การปล่อยวางทุกสิ่ง รอคอยการกลับบ้าน

    *************************************
    มีใครบ่นเรื่องอายุนะคะ กระเทือนกันหลายคนเลย (เด็ดดอกไม้กระเทือนถึงดวงดาว)

    ชีวิตนี้น้อยนัก ▬ เสียงอ่านโดย โจโฉ

    Published on May 8, 2013
    บทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายก
    จัดทำเสียงอ่านโดย : โจโฉ
    https://www.youtube.com/watch?<wbr>v=VZV9P10Nd64

    ขอขอบคุณภาพประกอบคลิปจาก : http://ธรรมาภิรมย์.com/?<wbr>attachment_id=5 และ
    http://พื้นหลัง.net/category/%<wbr>E0%B8%9E%E­
     
  15. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    หึ..หึๆ ทำงานด้านเทคโนโลยีสื่อสารแท๊แท้.
    ดันเล่น Line ไม่เป็น ใช้สมาร์ทโฟนไม่เป็น..สารพัดแอปฯ โคตรแอปฯ
    เฮ้อ ทั้งเหนื่อย.. ทั้งอาย

    เทคโนโลยีนวัตกรรมนี่มันไปเร็วจริงๆ...

    เอาเหอะถ้าเข้าป่า หาศพตัวเองได้เมื่อไร..
    ข้าจะไม่ง้อ .. ไม่สนใจมันเลย
    ข้าล่ะเบี๊อเบื่อ!!!

    (ขออรัมภบทไว้อาลัยให้ตัวเอง สักนิดหนึ่งเถอะ)

    นึกถึงคำพูดของ โน๊ต อุดม แต้ฯ เดี่ยวไมค์ ชุดล่าสุดว่า
    "คุณจะเอาภูมิความรู้อะไร..ไปสั่งสอนลูกหลานเด็กยุคดิจิตอลนี้ ให้มันเชื่อเราด๊าย..."

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004

    เมื่อหลายปีก่อนเคยอ่านในหนังสือ ตายแล้วฟื้น ของพอ.(พิเศษ) เสนาะ จินตรัตน์ เมื่อครั้งที่เสียชีวิตลงไปยังนรกขภูมิ แล้วพบอดีตข้าราชการหลากหลายกระทรวงที่ต้องถูกลงโทษลงทันฑ์อย่างแสนทรมานเป็นที่เวทนา
    (ใน youtube ก็มีการนำเสนอเรื่อง พันเอกเสนาะ..ลองค้นหาดู)

    จากการสอบถามท่านยมบาล...ว่ามีข้าราชการสาขาอาชีพใดที่ลงนรกมากที่สุด...
    ผลก็คือ อาชีพเกี่ยวกับความยุติธรรม คือผู้พิพากษา ตำรวจ อัยการ ที่ใช้อำนาจหน้าที่เอาผู้บริสุทธิ์ลงโทษจองจำ หรือรับโทษประหารชีวิต แต่เพราะอำนาจเงินตรามาบดบังใจ หรือเห็นแก่ตัว มักง่ายหวังเอาผลงานรีบปิดคดี ขาดเมตตาธรรม อคติส่วนตัว โดยไม่สนใจในความทุกข์อันแสนสาหัสที่เกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ตลอดถึงลูกหลานญาติพี่น้องของนักโทษ...

    อาแปะตายไป..ญาติพี่น้องเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ก็ช่วยอะไรไม่ได้
    หิวมาก..มีแค่ข้าวดิบ ข้าวบูด ข้าวไหม้ ผลไม้เน่า กล้วยดิบไม่กี่ลูก ที่ตัวเองเคยแกล้งพระโดยใส่บาตรลงไปเพื่อให้รู้ว่า..เพราะรำคาญที่พระชอบมายืนรับบาตรเกะกะหน้าร้านค้าของตัวเอง และคิดว่าพระขี้เกียจ ไม่รู้จักทำมาหากิน..อกุศลกรรมส่งผล
    =====


    เมื่อพันเอก(พิเศษ)เสนาะ มีโอกาสขึ้นไปบนชั้นสวรรค์ ก็พบเทวดา ที่เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ชีวิตอยู่...ก็เป็นคนฐานะเป็นชาวนา ชาวบ้านยากจน
    ครั้นตายไปกลับได้ขึ้นสวรรค์ มีที่อยู่อาศัยมีวิมานสวยงาม เพราะครั้งยังมีชีวิต มีจิตเป็นทานกุศล มีจิตสาธารณะชอบช่วยเหลือสังคมรวม ไม่มุ่งหวังเงินทองเป็นเครื่องตอบแทน

    บุญกุศลทำได้แบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้เงินทองมากมาย พบเห็นเส้นทางถนน ที่สัญจรเดินผ่านเป็นหลุม เป็นบ่อ ก็หาจอบเสียมมาดินหิน เพื่อขุดกลบโดยหวังให้ผู้อื่นเดินทางปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุ เห็นศาลา สะพานหมู่บ้าน ผุพังก็ซ่อมแซมโดยไม่ได้มุ่งหวังคำสรรเสริญ เยินยอใดๆ อาศัยทำทานด้วยจิตและกำลังกายเข้าแลกบุญ..นี่คือผลตอบแทนจากกรรมที่เกิดเพราะการความคิดดี จิตใจดี ทำดีบำเพ็ญประโยชน์แก่คนหมู่มากส่งผล


    ส่วนคนที่มีจิตใจต่ำเห็นแก่ตัว ที่คึกคะนองชอบทำลายของสาธารณะ เบียดบังของส่วนรวมสาธาณะชนหรือของหลวงของราชการ ข้าวของเครื่องใช้ วัตถุสถานทั้งหลายที่ใช้งานร่วมกัน อีกประเภทคือแอบขโมยไม้ศาลาประจำทาง หรือพวกแอบเผาทำลายศาลาที่พัก ศาลากลาง โรงเรียนสถานที่ราชการ

    แล้วคนชั่วเหล่านี้มีสิทธิ์อะไรไปทำลายทรัพย์สินของส่วนรวม..ของคนทั้งประเทศนับแต่บรรพบุรุษเราที่เสียสละมากี่ยุคกี่สมัยกันแล้ว

    พวกชอบทุจริตฉ้อราฏร์ยักยอกเงินหลวง หาโกงกินกันเป็นขบวนการ ขอแบ่งเปอร์เซนต์30-40% ของแต่ละโครงการ ชอบกินตามน้ำบ้าง กินถนน กินหินดิน กรวดทราย ..ตายไปได้กินแน่

    หรือจ้องแต่จะหาโครงการสารพัด อ้างว่าเพื่อการพัฒนาบ้านเมือง แท้จริงก็หวังหาโอกาสสร้างช่องทางยักยอกผลประโยชน์เข้าตัวเพื่อพวกพ้องซุกซ่อนอยู่
    ลงทำงานการเมืองก็เพื่อเงินเพื่ออำนาจ หวังผลต่อยอดธุรกิจของตนเอง

    ...ลงทุนลงเลือกตั้งไปแล้วหาโอกาสช่องทางยักยอกถอนทุนพร้อมกำไรคืน... เล่นการเมือง...เห็นบ้านเมืองเป็นของเล่น คิดว่าการทุจริตถอนทุนเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำเขาก็ทำกันทั้งนั้น...ช่างเลวชาติสิ้นดี

    อย่าลืมว่านี่คือการทำลายทรัพย์สินของแผ่นดินถิ่นที่ให้กำเนิด เงินค่าก่อสร้างก็ล้วนมาจากเงินภาษีของคนทั้งชาติเพื่อพัฒนาประเทศ ที่วิญญาณปู่ ย่า ตาทวด บรรพบุรุษเรายอมเสียสละ หลั่งเลือดชะโลมทาผืนดินเพื่อปกป้องต่อสู้รักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้เพื่อลูกหลานในภายหน้าให้เจริญ อยู่อย่างสงบร่มเย็น
    ...คนเลวเหล่านี้จะชดใช้คืนยังไง?

    คิดดูเถอะหมู่บ้านจนๆที่เขารักบ้าน รักแผ่นดิน รักใคร่สามัคคีที่ร่วมมือกัน ช่วยกันสร้างศาลาที่พัก ถางหญ้า ถมถนน สร้างสะพานในหมู่บ้านกันเองโดยไม่ใช้งบหลวง ถ้อยทีถ้อยอาศัย เมื่อดับสังขารลงไปเขายังมีชั้นสวรรค์วิหารเป็นเครื่องตอบแทน


    แล้วบรรดานักการเมืองที่ร่วมมือกันข้าราชการบางคน ที่ชอบโกงบ้าน โกงแผ่นดินจำนวนมหาศาล สร้างผลประโยชน์เชิงนโยบายเลิศหรูขาดความจริงใจ แถมสร้างกระแสความปั่นป่วนเชิงจิตวิทยาสารพัด ให้คนในชาติครึ่งค่อนประเทศต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่าย หวาดระแวง ทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันล้มตายด้วยนี่

    บาปกรรมมันจะหนักหนาสาหัสปานใด..นึกแล้วสยองแทน


    คิดว่าอีกไม่นานเทวดาฟ้าดินได้กำลัง ได้เวลาทำงานแล้ว...กรรมยุคนี้ติดจรวด รวดเร็วไม่ต้องรอนาน ต่อให้ได้ยาดีอายุวัฒนะชั้นเลิศของโลก ราคาแพงเป็นพันล้านก็ช่วยลดพลังแห่งวาระเวรกรรมนี้ไปไม่ได้


    ดี-เลว เจตนาเป็นเครื่องชี้วัดกรรม...ของมันเอง
    เจ้าตัวรู้ดีที่สุด หรือหากจิตมืดดำปฏิเสธไม่รู้ดีชั่ว แต่บัญชีบาป-บุญในนรกภูมิ บัญชีสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นเองอยู่แล้ว

    - บุญ กศลกรรมเป็นของสุขเย็น ชื่นใจยาวนาน ทั้งในภพนี้และภพหน้า
    - บาป อกุศลกรรมเป็นของทุกข์ร้อน กระวนกระวายให้หวาดผวาตลอดเวลาทั้งในยามหลับและยามตื่น เพราะหวั่นในความชั่วจะถูกเผยและกลัวการถูกลงทันฑ์

    ต่างกรรมต่างวาระ กรรมดีส่วนกรรมดี-กรรมชั่วส่วนกรรมชั่ว หักกลบลบแทนกันไม่ได้
    ไม่ต้อง...เสียเวลามาโต้เถียงใครในสภา
    ไม่ต้อง..ยกมือโหวต ไม่ต้องตอกบัตร
    ไม่ต้อง...หาหลักฐานการโกงมายืนยัน
    ไม่ต้อง..เรียกร้องหาพรรคพวกที่ไหนมาช่วย

    ...ฉะนั้นอย่าให้จิตใจชั่ว มารร้ายจัญไรมาสิงสู่ครอบงำได้

    ...กรรมชั่วไม่เคยมีการละเว้น..ทำผิดทำชั่ว1คน ก็รับกรรมในนรก 1คน


    ผิดหมื่นคน ก็นรกหมื่นคน..แสนคนก็ลงนรกทั้งแสนคน ผลกรรมชั่ว กรรมดีมันทำงานเที่ยงแท้แน่นอนไม่มีเลือกหน้า
    ไม่ใช่ทำเลวชั่วเหมือนกันหลายๆคน ผลกรรมที่ต้องรับมันจะกระจาย ลดทอนให้เบาบางลงซะเมื่อไรเล่า

    ..เพราะฉนั้นพวกมาก ก็อาจลากกันไปนรกอเวจีทั้งยวงเลยก็ได้ ใช่/ไม่ใช่

    กรรมใคร..กรรมมัน
    กรรม..ไม่มีเสียงข้างมากข้างน้อย และไม่เกี่ยวสีการเมืองใด
    กรรม..ไม่ได้สนใจว่าเป็นลูกใคร ญาติใคร
    ทำชั่ว..ก็รับกรรมชั่ว ทำดี..ก็รับกรรมดี

    เหมือนการดื่มกินยาพิษเข้าไปก็ให้ผลเฉพาะตัว อีกร้อยคนกินเข้าไปเหมือนกันก็ให้ผลเฉพาะตัวของคนคนนั้น อย่าคิดว่าใครก็ทำเป็นเรื่องปกติ ..ระวังไว้ให้ดี
    มีหิริโอตัปปะ รู้จักเกรงกลัวละอายต่อบาปไว้แหละดี

    ===

    ข้อเตือนใจบางอย่าง :ประท้วงคัดค้านอะไรก็ทำไป อย่าได้หลงไปทำลายทรัพย์สินของส่วนกลางแผ่นดินเชียว...กรรมหนักเหลือเกิน
    กี่ภพชาติถึงจะชดใช้คืนได้หมด?

    หลังชดใช้กรรมในนรกภพอเวจี ตามความรุนแรงมากน้อยแล้ว
    กรรมต่อไปเมื่อต้องมาเกิดบนโลกมนุษย์คือการหลุดไปเกิดในดินแดนบ้านป่าเมืองเถื่อน ขาดแคลนสาธาณูปโภคดำรงชีพด้วยความยากลำบาก ทุกข์เข็ญต้องมีเหตุให้หวาดระแวงจากการภัยทำร้ายรอบตัวตลอดเวลา...

    เมืองไทยเราเวลานี้นี่ก็หลายสถานที่ ก็มีการเลือกตั้งหลายระดับ ทั้งท้องถิ่นเล็กใหญ่ และจนถึงระดับประเทศ...
    รวมถึงการรับเงินเขามาแล้วไปเลือกให้เขา เพื่อตอบแทนบุญคุณคืน
    ให้ระวังนักการเมืองชั่วๆ ว่ามันจะถอนทุนคืนในรูปแบบไหน

    เราก็ควรต้องมาพิจารณาถึงบาปกรรมที่กระทำต่อแผ่นดินกันให้มากๆ...ว่าตัวท่านเองมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนคนชั่วพวกนี้อยู่ด้วยหรือไม่?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2014
  17. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1ladTeKk2PY]พันเอก (พิเศษ) เสนาะ จินตรัตน์ 1 - YouTube[/ame]
     
  18. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เพลง...ถามคนไทย

    หัวใจถูกแทงกี่ขั้ว ตามตัวถูกฟันกี่แผล
    ปู่ไทยตายไปกี่คนแน่ ไทยจึงได้แผ่มาถึงแหลมทอง

    กระดูกไทยกระเด็นไปกี่ท่อน เชิงตะกอนเผาไปกี่หน
    คอขาดกันไปกี่คน ไทยทุกคนจึงได้ไทยครอบครอง

    เสียเลือดกันไปเท่าไหร่ เสียใจกันไปกี่ครั้ง
    น้ำตาของไทยไหลหลั่ง ทุกๆครั้งที่ถูกเฉือนขวานทอง

    เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
    ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง
    วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร

    ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง
    วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
    วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร!!
     
  19. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,620
    ค่าพลัง:
    +13,004
    เรื่องราวต่อไปก็จะว่าไปถึง...

    ทำอย่างไรดี ทางหนีทีไล่..ทางรอดของผู้รับราชการ ผู้ได้ชื่อว่า "คนของหลวง ..ข้าของพระราชา"

    ที่รู้สึกสำนึกเกรงกลัวบาปกรรมต่อแผ่นดิน ที่เกิดจากการทุจริตของหมู่คณะ ที่ตนเองต้องเข้าไปร่วมเอี่ยวเกี่ยวข้องในขบวนการด้วย...จะเอาตัวรอดอย่างไรดี ?

    จึงจักว่าดีแบบคนไทยสำนึกบุญคุณแผ่นดิน และพุทธศาสนิกชนที่พึงกระทำ


    ครั้งหน้าเราจะมานำเสนอทางออกอันสวยงาม โสภา
    " บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น " ทั้งที่ยังต้องดำรงชีพรายล้อมไปด้วย...
    ในหมู่วงคนเลว.. คนโกงแผ่นดิน มากมาย


    รอหน่อยนะ..จุ๊บุ จุ๊บุ
     
  20. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    รอนานแล้วจร้า ก็ต้องรอต่อไป....ต่อไป....ต่อไป มะว๊ากกกกก
     

แชร์หน้านี้

Loading...