ให้คนอนุโมทนาบุญ บุญไม่ได้น้อยลงไป

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ขอนไม้แห้ง, 20 ธันวาคม 2013.

  1. ขอนไม้แห้ง

    ขอนไม้แห้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +1,618

    [​IMG]

    เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น.อันนภาระถือปฏิสนธิในเรือนของตระกูลเข็ญใจ เป็นคนหาบหญ้า อาศัยสุมนเศรษฐีอยู่ . ฝ่ายสุมนเศรษฐีนั้น ให้ทำทานที่ประตูบ้าน แก่คนกำพร้า คนเดินทาง วณิพกและยาจก. ทุกวันๆ

    ภายหลัง ณ วันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่าอุปริฏฐะ เข้านิโรธสมาบัติ ที่ภูเขาคันธมาทน์ ออกจากสมาบัตินั้นแล้ว พิจารณาว่า วันนี้ ควรจะทำการอนุเคราะห์ใคร. ก็ธรรมดาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้อนุเคราะห์คนเข็ญใจ ท่านคิดว่าวันนี้เราควรทำการอนุเคราะห์ อันนภาระ จึงถือบาตรและจีวรจากภูเขาคันธมาทน์ เหาะมาปรากฏเฉพาะหน้านายอันนภาระที่ประตูบ้านนั่นเอง.

    นายอันนภาระ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ถือบาตรเปล่าจึงอภิวาทพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วถามว่า ท่านได้อาหารบ้างไหมขอรับ. พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า จักได้ผู้มีบุญมาก. เขากล่าวว่า โปรดรออยู่ที่นี้ก่อนเถิดขอรับ ว่าแล้วก็รีบวิ่งไป ถามภรรยาของตนว่า นางผู้เจริญ อาหารอันเป็นส่วนของเรา มีหรือไม่. นางตอบว่า มี จ้ะนาย. เขาก็รีบวิ่งไปรับบาตรจากมือพระปัจเจกพุทธเจ้ามาแล้ว กล่าวกับภรรยาว่า นางผู้เจริญ เพราะเราไม่ได้ทำบุญไว้ในชาติก่อน เราทั้ง ๒ จึงต้องทำงานรับจ้างคนอื่น

    วันนี้เราพบพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้าพอดี และอาหารอันเป็นส่วนของเรามีอยู่ เจ้าจงใส่อาหารที่เป็นส่วนของฉันลงในบาตรนี้. ภรรยาเป็นผู้ฉลาดคิดว่า เมื่อใดสามีของเราให้อาหารของตนทำทาน แม้เราก็พึงมีส่วนในทานนี้ จึงถวายอาหารที่เป็นของตนด้วย ลงในบาตรถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า. นายอันนภาระ นำบาตรอันบรรจุด้วยอาหารมาวางในมือของพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วกล่าวว่า

    "ขอให้พวกข้าพเจ้าพ้นจากความอยู่อย่างลำบากเห็นปานนี้เถิดขอรับ".

    พระปัจเจกพุทธเจ้า อนุโมทนาว่า จงสำเร็จอย่างนั้นเถิดผู้มีบุญมาก. เขาลาดผ้าห่มของตนลง ณ ที่ส่วนหนึ่งแล้วกล่าวว่า ขอจงนั่งฉันที่นี้เถิด ขอรับ. พระปัจเจกพุทธเจ้านั่ง ณ อาสนะนั้นแล้ว เมื่อฉันเสร็จแล้ว นายอันนภาระจึงถวายน้ำสำหรับล้างบาตร พระปัจเจกพุทธเจ้า เสร็จภัตกิจแล้วกระทำอนุโมทนาว่า

    สิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ปรารถนาแล้ว จงสำเร็จพลันเทียว ความดำริจงเต็มหมดเหมือนพระจันทร์เพ็ญ ๑๕ ค่ำฉะนั้น สิ่งที่ท่านต้องการแล้วปรารถนาแล้ว จงสำเร็จพลันเทียว ความดำริจงเต็มหมด เหมือนมณีมีประกายโชติช่วง ฉะนั้น. แล้วออกเดินทางไป.เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ฉัตรของสุมนเศรษฐีกล่าว อนุโมทนาบุญด้วยเสียงอันดังถึง ๓ ครั้ง สุมนเศรษฐีสงสัยจึงถามเทวดาว่า

    ท่านไม่เห็นเราให้ทานอยู่ตลอดหรือ จึงเพิ่งมาให้สาธุกาล เทวดากล่าวว่า เราไม่ได้ให้สาธุการในทานของท่าน เราอนุโมทนาบุญ ของ อันนภาระ

    สุมนเศรษฐีดำริว่า เรื่องนี้น่าอัศจรรย์หนอ เราให้ทานตลอดเวลามีประมาณเท่านี้ ก็ไม่อาจทำให้เทวดาให้สาธุการ นายอันนภาระนี้อาศัยเราอยู่
    ถวายบิณฑบาตครั้งเดียวเท่านั้นทำให้เทวดาให้สาธุการได้ ทานนี้คงจะบุญมาก เราควรเอาผลบุญนี้

    เรียกนายอันนภาระมาแล้วถามว่าวันนี้เจ้าให้ทานอะไร ๆ แก่ใครหรือ

    ขอรับนายท่านข้าพเจ้าถวายอาหารแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า เศรษฐีกล่าวว่า เอาเถอะเจ้า เธอจงรับเงินไปแล้วให้บิณฑบาตนั้นแก่เราเถอะ

    ให้ไม่ได้หรอกนายท่าน เศรษฐีเพิ่มทรัพย์ขึ้นจนถึงพันกหาปณะ นายอันนภาระก็ยังกล่าวว่า แม้ถึงพันกหาปณะก็ยังให้ไม่ได้ เศรษฐีกล่าวว่า ช่างเถอะเจ้า หากเจ้าไม่ให้บิณฑบาต ก็จงรับทรัพย์พันกหาปณะไปแล้วจึงให้ส่วนบุญแก่ฉันเถอะ

    นายอันภาระกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าแม้ส่วนบุญนั้น ควรให้หรือไม่ควรให้แต่ข้าพเจ้าจะถามพระปัจเจกพุทธเจ้าดู ถ้าควรให้ก็จักให้ ถ้าไม่ควรให้ก็จักไม่ให้

    นายอันนภาระเดินไปทันพระปัจเจกพุทธเจ้า ถามว่า ท่านเจ้าข้า สุมนเศรษฐีให้ทรัพย์แก่ข้าพเจ้าพันหนึ่ง ขอส่วนบุญในบิณฑบาตที่ถวายแก่ท่าน ข้าพเจ้าควรจะให้หรือไม่ให้


    พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า บัณฑิต เราจักทำอุปมาแก่ท่าน เหมือนอย่างว่า ในบ้านตำบลนี้มีร้อยตระกูล เราจุดประทีปไว้ในเรือนหลังหนึ่งเท่านั้น ตระกูลพวกนี้เอาน้ำมันเติมให้ใส้ตะเกียงชุ่มแล้วมาต่อไฟถือไป แสงของประทีปดวงเดิมยังมีอยู่หรือหาไม่

    นายอันนภาระกล่าวว่า ท่านเจ้าข้า แสงประทีปก็สว่างขึ้นไปอีกเจ้าข้า

    ข้อนี้อุปมาฉันใด ดูก่อนบัณฑิต ข้าวยาคูกระบวยหนึ่ง หรือข้าวสวยทัพพีหนึ่งจงยกไว้ เมื่อท่านให้ส่วนบุญแก่คนเหล่าอื่นในบิณฑบาตของตน พันคนหรือแสนคนก็ตาม ให้แก่คนเท่าใด บุญก็เพิ่มขึ้นแก่ตนมีประมาณเท่านั้น

    เมื่อท่านให้ก็ให้บิณฑบาตอันเดียวนั่นแหละ ต่อเมื่อให้ส่วนบุญแก่สุมนเศรษฐีอีกเล่า บิณฑบาตก็ขยายไปเป็น ๒ คือของท่านส่วนหนึ่ง ของเศรษฐีส่วนหนึ่ง


    • ลานธรรมจักร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2013
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บุญมีสภาพเป็นทิพย์ แบ่งได้ไม่มีวันหมด และการแบ่งหรือแผ่บุญกุศล ผู้แผ่อุทิศหรือเจ้าของบุญ ก็ต้องรู้จักวิธีแผ่บุญ ทั้งนี้เพราะผู้ที่จะรับบุญมีหลากหลายสถานะภาพ หากไม่รู้จักวิธีที่เหมาะสมกับผู้รับ บุญก็ไม่สามารถส่งถึงผู้รับได้

    ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้การแผ่บุญกุศล จะได้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเองครับ

    ส่วนวิธีการแผ่อุทิศบุญนั้นในพระไตรปิกฏก็มีกล่าวไว้บ้างพอสมควรครับ ทั้งการกรวดน้ำ และการแผ่อุทิศด้วยกำลังของสมาธิครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2013
  3. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ช่วยอธิบายวิธีแผ่บุญกุศล ให้แก่ภพภูมิต่างๆ หน่อยได้ไหมคะ
    แผ่ไม่ค่อยถูกเหมือนกัน
     
  4. win006

    win006 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +64
    สงสัยครับขอถามนิดนึงนะครับ ถ้าบุญแบ่งได้ไม่มีวันหมด ทำไมเราถึงมีโอกาสหมดบุญน่ะครับ น่าจะคนละประเด็นแต่ยังค้างๆคาๆน่ะครับ รบกวนท่านผู้รู้มาคลายความสงสัยให้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
     
  5. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    คนละประเด็นแล้วครับ คือถ้าทำบุญมาให้คนอนุโมทนาได้ บุญนั้นไม่ได้น้อยลงไป ไม่ได้หมายความว่าพอทำบุญแล้วบุญไม่มีวันหมดใช้ได้ตลอดกาล
     
  6. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ลองดูนะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่กระผมก็ปฎิบัติอยู่

    ให้ไว้ดูเป็นธรรมทาน เชื่อก็เอาไปลองทำดู ไม่เชื่อก็เอาไปอ่านเล่นๆแล้วกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    จริงๆแล้ว บุญมันก็คือกำลังของจิต ที่คิดดี มีเมตตา อยากให้พ้นทุกข์ มีแต่ความสุขนั่นเอง
    อยากให้ตนมีความสุข คิดดีแก่ตน มีสุขในใจ เป็นการสร้างบุญให้ตน
    อยากให้ผู้อื่นมีความสุข พ้นทุกข์ที่เป็น เมตตาต่อเขา ก็เป็นการหยิบยื่นความรู้สึกดีๆให้เขา
    เขายินดีที่ได้รู้ว่าเราคิดอย่างนั้น ได้รู้ว่าเราคิดดีกับเขา ปรารถนาดีกับเขา
    เขาก็มีความสุข เมื่อเขามีความสุข เขาก็ได้บุญ ได้บุญจากความยินดีของตัวเขาเอง
    บุญจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีหมด แม้จะว่าแบ่ง แต่จริงๆแล้วไม่ได้แบ่ง
    แต่ใช้บุญของเราจุดประกายบุญให้กับเขา บุญที่เขาได้ก็เป็นบุญของเขาไม่ใช่ของเรา
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =========================

    กรณีการอุทิศบุญสองวิธีที่ กล่าวมานั้น

    1 การกรวดน้ำอาศัยเจตนาและขอบารมีแห่งพระแม่ธรณีพระแม่คงคาท่านช่วยอนุเคราะห์ กระแสบุญจึงสำเร็จแก่จิตทั้งหลายที่เราปราถนาอุทิศให้ได้ คืออาศัยท่านช่วยเหลือ นำกระแสบุญไปบอกกล่าวให้รับรู้และอนุโมทนา แต่สำหรับท่านที่ทำกรรมหนักมากคืออนันตริยะกรรม นั้นหมดสิทธิ์ครับเพราะเกินกำลังที่เทพหรือใครจะช่วยเหลือได้ ย่อมเป็นไปตามวาระแห่งกรรมหนักมากเหล่านั้นให้ผล

    2 กรณีการแผ่อุทิศด้วยกำลังสมาธิ คืออาศัยจิตตั้งมั่นกล่าวอุทิศเฉพาะเจาะจงลงไป เป็นวิธีการที่รวดเร็ว แต่อย่างที่กล่าวไปแล้ว กรณีที่ผู้รับทั้งหลายมีทุกขเวทนามากก็จะไม่สามารถรับรู้ได้เช่นเดียวกัน แต่ในกรณีนี้ ผู้แผ่อุทิศให้ ต้องมีกำลังสมาธิ กำลังจิตที่ตั้งมั่นดีพร้อม เป็นพื้นฐานสำคัญ สำหรับบุคลที่ชำนาญแล้วย่อมกล่าวเฉพาะเจาะจงได้ครั้งละหลายๆท่านได้เช่นกัน แต่ถ้าหากกำลังสมาธิยังไม่มั่นคงดีพอ กระแสจิตส่งไปไม่ถึง เขาไม่รับรู้ เขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถทราบและอนุโมทนาได้

    ดังนั้นเริ่มต้นคือควรกรวดน้ำและฝึกสมาธิในการแผ่อุทิศไปด้วยเมื่อทำบ่อยๆจน ชำนาญ จิตมีกำลังมาก สมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ต่อไปก็ ไม่ต้องกรวดน้ำแต่ให้ ใช้กำลังจิตแผ่ออกไปได้เลยครับ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บุญที่ทำการอุทิศแผ่ไปให้นั้น หากผู้ที่จะรับบุญ เหล่านั้น ไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่ได้อนุโมทนา ก็ไม่สามารถรับบุญเหล่านั้นได้ สาระสำคัญจึงอยู่ตรงนี้ครับ
    แม้เขาไปเกิดเป็นอะไรก็ตาม หากเขารู้ว่า เราแผ่อุทิศให้ หากเขาทราบและอนุโมทนาเขาก็ได้รับ

    แม้กระทั้งเขามาเกิดเป็นลูกของเรา หรือใคร อะไรที่ไหนก็ตาม หากเราบอกบุญให้เขาทราบ เขายินดี อนุโมทนา เขาก็ได้รับ เช่นกัน
    บุญจึงสำเร็จได้เพราะจิต อนุโมทนาครับ
    จะอยู่ในสภาวะไหนไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ว่า ผู้ที่จะรับบุญ รู้หรือไม่ ทราบหรือไม่ หากรู้แล้ว อนุโมทนา บุญเหล่านั้นเขาก็จะได้รับอานิสงค์ของบุญนั้นไปด้วยเสมอครับ

    สิ่งสำคัญเมื่อเราอุทิศบุญหรือบอกบุญ ให้ใครก็ตาม พึงต้องให้ความสำคัญว่า ต้องทำอย่างไรให้เขาผู้อื่นนั้น รู้และทราบในบุญที่เราให้ หรือบอกให้ไปครับ
    จุดนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ เพื่อให้เขารู้ เมื่อรู้แล้วก็จะได้ อนุโมทนาได้นั่นเอง ครับ
    ถ้าไม่สามารถทำให้เขารู้ได้ ทราบได้ เขาก็ไม่สามารถอนุโมทนาได้ เมื่อเขาไม่สามารถอนุโมทนาได้ ก็จบกัน บุญย่อมไม่เกิดประโยชน์สำเร็จแก่เขาครับ สาธุ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    จึงขออธิบายเสริมว่า
    การที่เราใช้กำลังจิตแผ่อุทิศให้ไป สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิจิตมาดีเยี่ยมแล้วสามารถกระทำได้ เพราะอำนาจของกำลังจิตที่ฝึกมาดีมากแล้วจะกำหนดและส่งกระแสจิต ได้รวดเร็วมาก ตามที่กระผมทำวิธีนี้มานานแล้วคือ การกำหนดระลึกหรือส่งกระแสจิตไปยังบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น มารดา ปู่ยา ตายาย ป้า ผู้มีพระคุณ ครูอาจารย์ เทพพรหม ท้าวจาตุมหาราชทั้ง4 ท่านพระยายมราช ท่านยมบาล ท่านยมทูต ท่านสุวรรณ นายนิริยบาล จิตที่เสวยทุกขเวทนาในนรกภูมิ
    ในเวลาไม่เกิน3นาทีเมื่อสมาธิอันดีเยี่ยมของเราตั้งมั่นเกิดแล้ว ทิพยจักษุเราเปิดแล้ว กระแสจิตเราวิ่งไปแล้ว สามารถรู้และเห็นแล้วถึงกระแสจิตตนที่ส่งกระแสไปยังจิตเขาเหล่านั้น ทั้งหลาย ตลอดจนสามารถเห็นว่าจิตเหล่านั้นทั้งหลายมีสภาพอย่างไร ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันเมื่อเราแผ่อุทิศบุญกุศลให้เขาทั้งหลายนั้น นอกจากกระแสจิตของตนที่วิ่งไปหรือส่งกระแสจิตไปถึงเขาแล้วนั้น ยังมีกระแสบุญหรือกำลังบุญของตนเคลื่อนไปพร้อมกันกับกระแสจิตด้วยเสมอ เป็นปกติเพราะกำลังบุญย่อมเคลื่อนไปตามกำลังหรือกระแสของจิตที่วิ่งไปส่งไปด้วย ตามเจตนาเป็นตัวกำหนด
    อันเป็นแสงสว่างที่เป็นทิพย์เคลื่อนไปพร้อมกับกระแสจิตนั่นเอง

    นี่เป็นผลจากการฝึกสมาธิ เป็นผลจากการปฏิบัติภาวนาทางจิตอย่างหนึ่ง แม้พระอริยะหลายท่านก็ใช้วิธีนี้กระผมเองก็ได้รับการสั่งสอนให้ทำอย่างนี้ และทำมานานแล้วครับ จึงกล่าวแสดงความเห็นออกไปอย่างนี้ครับ

    ดังนั้นสิ่งที่กระผมกล่าวไปจึงไม่มีในตำรา ครับ เพราะนอกเหนือจากวิธีการปฏิบัติ
    อย่างที่กระผมบอกคือ ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิต จิตต้องมีกำลังมากพอที่จะใช้ประโยชน์ในการที่จะทำภาระกิจต่างๆ หากเราฝึกจิตมาดี และรู้วิธี ก็ย่อมสามารถกระทำได้ครับ
    กระผมยินดีแนะนำแนวทางทุกอย่างหากท่านทั้งหลายสนใจ ครับ เพราะไม่ได้มีอะไรเป็นความลับหรือ ต้องหวงแหนครับ เป็นการดีที่เราทั้งหลายจะได้รู้วิธีช่วยเหลืออุทิศบุญให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้เขาเป็นสุข หลุดพ้นจากทุกขเวทนาได้ครับ สาธุ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อีกนิดครับเรื่องกำลังของบุญ
    เจ้าของบุญนั้นได้เต็มร้อย ส่วนบุคคลที่เราแผ่อุทิศให้ไปจะได้รับบุญมากหรือน้อย นั้นขึ้นอยู่กับผู้รับว่า มีสภาพจิตเป็นอย่างไร หากมีสภาพจิตดีงามบริบูรณ์ ก็จะได้รับบุญไป90ถึงเกือบเต็มร้อย แต่ถ้าหากสภาพจิตไม่สุขสบายไม่ปกติ การอนุโมทนายังมีทุกขเวทนาปะปน ก็จะได้รับกำลังบุญน้อยลง หรือหากจิตเคร้าหมอง ก็เช่นกัน

    การอนุโมทนานั้นจิตต้องพร้อมและอนุโมทนาในบุญนั้นโดยสุจริตใจแบบหมดสิ้น ไม่มีข้อระแวงสงสัยหรือเครื่องเศร้าหมองใดๆรบกวน ย่อมได้รับบุญนั้นมาก จนเกือบเต็มกำลังของบุญนั้น ไม่เกี่ยวด้วยจำนวนคนที่เราจะให้ บุญเรามี100 เราก็ให้ทุกคน 100เท่ากันหมดครับ เราจะให้ล้านคน เราก็ให้ได้ทุกคน คนละ100เท่ากันหมด แต่ว่าใน1ล้านคนนั้นใครพร้อมมากกว่ากัน มีสภาพจิตที่ดีเยี่ยม การอนุโมทนาอย่างเต็มใจหมดสิ้นไม่มีเครื่องเศร้าหมอง ก็ได้รับไปเกือบเต็ม100ครับ
    ปัญหาใหญ่จึงอยู่ที่ผู้ให้หรือผู้ส่งกระแสบุญ กับผู้รับนี่แหละเป็นเรื่องสำคัญครับ
    จากที่กระผมกล่าวมา นั้นอาศัยการปฏิบัติมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แม้กำลังใจจะมั่นคงตั้งมั่นดีแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่ทิ้งวิธีการกรวดน้ำเพราะมีข้อดีหลายอย่างที่เป็นแบบแผนที่ดีงามที่ควรปฏิบัติ สำหรับความเห็นของกระผมจึงควรทำทั้งสองวิธีให้สลับกันไปครับเพราะการกรวดน้ำนั้นเป็นวิธีการที่แน่นอนมั่นใจได้ครับ จะได้กันพลาดด้วยครับ สาธุ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ลองปฏฺิบัติดูนะครับ เวลาแผ่ให้ทำด้วยสมาธิอันสงบนิ่ง กำหนดจิตเฉพาะเจาะจงลงไป ด้วยบุญอะไร ส่งไปให้ใคร ให้ฝึกฝนทำให้ชำนาญ จนจิตสามารถรับรู้ถึงกระแสบุญที่เกิดและกระแสจิตของตนที่เคลื่อนไปให้เขานะครับ สาธุ
     
  13. ดาบโจ

    ดาบโจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +291
    สาธุ จะได้นำไปปฏิบัติครับผม
     
  14. StarHub

    StarHub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +115
    ก็อยากให้คนอนุโมทนาบุญด้วยเหมือนกันเวลาทำบุญทุกครั้ง แต่พี่น้องคอยว่าอยู่เรื่อยๆ กล้าทำบุญแต่ไม่ช่วยพี่น้อง อันที่จริงช่วยเยอะแล้วทั้งบ้านทั้งรถ แต่พอทำบุญเจอแบบนี้ กับเพื่อนไปทำบุญด้วยกัน เห็นเราทำบุญเยอะ เลยมายืมตังส์ (ให้ยืมตังส์ต้องทำใจไม่ได้คืนแน่) ก็ให้นะแต่ยืมบ่อยๆ ก็ไม่ไหว สุดท้ายเลยต้องเลือกทำบุญแบบไม่เอ่ยนาม เก็บไว้โมทนาคนเดียว ทำถูกไหมก็ไม่รู้ สบายใจด้วย
     
  15. kraiwit

    kraiwit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +743
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...