ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ขออนุญาติเสนอความเห็นหน่อยครับ ตามประวัติหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปยืน ปางอุ้มบาตร ก่อด้วยอิฐหรือปูน ประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทรวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณ ชื่อวัดบางขุนพรหมนอก อยู่ที่ตำบลบางขุนพรหม อำเภอพระนคร กรุงเทพ ฯ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) เป็นผู้สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ แต่ยังสร้างไม่เสร็จ คงสร้างค้างไว้เพียงถึงพระนาภี สูงประมาณ 9 วาเศษ พระครูจรรยานุกูล (หลวงปู่ภู) เจ้าอาวาสวัดอินทร์จึงดำเนินการสร้างต่อแต่ก็ยังไม่เสร็จ พระครูสังฆบริบาล (แดง) ได้สร้างเพิ่มเติมได้สร้างต่อจบเกือบเสร็จ ขาดเพียงยอดพระเมาลี ได้องค์พระสูงประมาณ 16 วา ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2467 พระครูสังฆรักษ์ (เงิน) เจ้าอาวาสได้ดำเนินการสร้างต่อมา ใช้เวลา 4 ปี จึงสำเร็จเรียบร้อย และได้จัดให้มีงานสมโภช เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2471
***แสดงว่าในเศียรหลวงพ่อโตไม่มีสมเด็จอยู่ แต่สมเด็จเผ่าน่าจะมีส่วนผสมของผงหลวงปู่ภูมากกว่าครับ***

 

พระครูสังฆ์ท่านย้ายมาเป็นเจ้าอาวาส วัดอินทร์แทนหลวงปู่ภูเมือปีพศ.2467 ได้เริ่มงานก่อสร้างองค์หลวงพ่อโตยืนที่ค้างคาอยู่ สำรวจพบว่ามี พระสมเด็จกองอยู่ข้างบนมากมาย ในลักษณะที่เตรียมจะบรรจุในองค์หลวงพ่อโตว่ากันว่าสมเด็จ โต ท่านสร้างพระเหล่านี้ไว้เตรียมที่จะบรรจุแต่ท่านก็มรณะเสียก่อน ตามประวัติพระครูสังฆ์ท่านพบในปี พศ. 2467 และได้ให้ช่างชาวจีนที่เป็นแรงงานในการก่อสร้างขนโดยเอาลงมา ซึ่งส่วนมากเป็นพระแตกหักชำรุด

โดยพระที่สมบูรณ์ พระครูสังฆ์ฯก็คัดเลือกเก็บไว้ และคณะกรรมการได้จัดสร้างพระสมเด็จเผ่า เพื่อบรรจุในพระเศียรต่อไป ดังนั้น พระที่อยู่ในพระเศียรหลวงพ่อโต ก็มีทั้ง พระสมเด็จโต และพระสมเด็จเผ่าแหละครับ

 

.......
....อันนี้ผมยืนยันว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง......
......ที่ผ่านมาผมเล่าแค่เคร่าๆ....
...ก็ดีที่..porpek...เอาข้อมูล..ที่ลงในรายละเอียด..มาให้อ่านกัน...
...เนื่องจาก..เรื่องบรรจุพระ..เป็นดำริห์..และเตรียมการไว้ก่อน..ลูกศิษย์ท่าน..หลวงปู่ภู..ดำเนินการต่อตามประสงค์..สมเด็จโต..ขอให้เข้าใจ
ตามนี้..ผมยึดถือเรื่อง..ข้อมูลเป็นสำคัญครับ..ผมไม่ทรยศผู้อ่านผม..
..ไม่ต้องห่วง..ถ้าผมไม่รู้ผมไม่เล่า...
......ไปหาอ่าน..ประวัติการดำเนินการสร้างตัวจริง..นะครับได้..มีบอกรายละเอียดไว้..ข้อมูลอยู่ที่วัดอินทร์ก็มี......ถ้าคุณญาณวิจิตร..ไม่เห็นด้วย
....ก็ไม่ต้อง..post..หรือ..อ่าน..ในกระทู้ผมอีกนะครับ...
...เพราะผม..ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด..เสียเวลาคนอื่นที่
จะเข้ามาอ่าน..ข้อมูล..ของผม...ผมขอสงวนสิทธิ์ไว้..เพราะนี่..เป็นกระทู้ที่..ผมเล่าเรื่องคนเดียว..ไม่ได้เปิดเสรี..แบบกระทู้อื่น..

 

......
..ขอบคุณporpek..ที่เอารายละเอียดมาชี้แจงให้

 

....
..หวัดดี..กำธรน้องรัก..โอ้ตตี้..และ..porpek...
.............................
....ต่อจากตอนที่แล้ว....
...............................
...........................................................
......คือ..ถ้ามีใครยอมสละ..ถ้ำเสือ วัดเขาดีสลัก..ที่พบพร้อม พระบาทจำลอง..ไปทดสอบ..ที่ห้อง
Lab..test คาร์บอน๑๔...หาอายุให้มันแน่เลย..แบบคุณเพรียวพันธุ์ทำคงดี..แล้วยอมยก..พระบาท
จำลองไปtestด้วย..อันนี้..ยากหน่อย..ต้องหาอายุสารที่ฝังตัวอยู่ตามซอก..หลืบ..ตอนสมัยสร้าง
.....อย่างพระบาท..นี่..จริงๆแล้วแค่สันนิษฐาน..นะครับ...เพราะ..รูปแบบคล้ายๆ..กับในยุคนั้น
..แต่รายละเอียด..นี่..๑เดียวในประเทศไทย.....
...............เพราะปกติ..ตามคติแล้ว..พระบาทจำลอง..โดยทั่วไป..จะบรรจุภาพ..มงคล๑๐๘ ประการ
อยู่ในช่องสี่เหลี่ยม..(..หรือ..พูดง่ายคือ..ตีตาราง..แล้ว..บรรจุรูปลง..เหมือนๆกับ..ในทั่วๆไป..)
...แต่พระบาทนี้...กลับไม่มีตาราง..ภาพมงคล๑๐๘ ประการ..บรรจุ..อยู่ในวงกลม..๑๐๘ อันแทน..
....แถมพระบาท..จำลองทั่วไป..จะบุ๋มลงไป..เหมือนกับ..รอยเท้าที่กดลงไปในดิน..แต่นี่กลับกัน
...เป็นNegative..นูนขึ้นมา..แทน....
.....แต่ไม่ว่ายังไง...ผมว่า..ไม่น่าทันยุคของ..พระถ้ำเสือ..เพราะไม่เคยพบ..พระบาทจำลองที่มีรูป
มงคล ๑๐๘ ประการเก่า..ไปถึง..พุทธศควรรษที่ ๑๐ เลย...
....ซึ่ง..ตอนหลังมีการอ้างกัน..ทำนองว่า..สร้างขึ้นพร้อมกัน..กับพระถ้ำเสือ(ผมจะกล่าวเรื่องนี้
ทีหลัง).........
........................ผมได้มีโอกาศไปวัดเขาดีสลัก..ไปที่ถ้ำ..และไปดู..รอยพระบาทจำลอง...มาหลัง
..จากที่มีข่าว..แตกไปอีกรอบ(..อันที่เป็นปัญหา)..ซักปีหรือ..สองปี..นี่เอง...ตอนนั้น...พวกเซียน
ทางสุพรรณ..ก็ยังส่ายหน้ากันเลย....ผมเองก็ไม่สนใจ...เพราะรู้อยู่แล้วว่า..งวดหลังนี่..คงยอมรับ
กันยาก...ขนาดคราวปี ๒๕๑๖-๒๕๑๗...ราคาเล่นหาก็ถือว่าถูก..เพราะถึงแม้จะมีการยอมรับกัน
..แต่..ขอโทษ..เช่ามาแล้ว..ปล่อยลำบากครับ...ถ้าปล่อยได้ก็เสียราคา....
........แล้วผม..ก็ไม่สนใจอีก..เรื่องที่มีปัญหากัน..ขี้เกียจอ่าน..ไร้สาระ....
......แต่แปลก...คนในบอร์ดนี้..มาให้ความสนใจกัน..หรือ..เพราะ..น้องเหลิม..ไม่มีอะไรจะถามหรือไง
..............................................................
....พอน้องเหลิม..ให้Link..เรื่องนี้มา..ผมก็ถึงไปอ่านข้อมูล..เพราะบอกแล้วว่าเดิมไม่สนใจ..และ
ตอนที่มามีข่าว..ตามในนั้น..เป็นช่วงที่..ผมเลิกเล่นพระไปแล้ว....ผมก็ลองไปsearch..ข้อมูลดุ...
......ก็ถึง..บางอ้อ...เพราะ..มิสเตอร์แจ๊ด..คนดังนี่(..อายุน่าจะเกิดปีเดียวกับ..ผมนะ..เห็นข่าวว่า
ปีหน้าเกษียณ...ผมถ้ายังรับราชการอยู่..ปีหน้าก็เกษียณ..เหมือนกัน)..เอา..พระถ้ำเสือ..จำนวนไม่
น้อย..เอามาจำหน่าย..หาทุน..ที่เขาตั้งขึ้นในนาม..พ่อกับแม่....โดยให้..มิสเตอร์ต้อย..เป็นผู้วาง
จำหน่ายให้....
.....ผมได้ดู...ในYoutube..ที่มีรายการพระทางเคเบิ้ลทีวี..ไปสัมภาษณ์..บักแจ๊ด..เรื่องนี้..๒ ตอน
(...ขอเปลี่ยน..สรรพนาม..ออกแนวอีสานดีกว่า..พลศิริน้องรัก...ผม..คงชอบ..)
...ตามนี้ครับ..
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=eefBBebJ0to]เปิดตำนานพระเครื่อง คนเมือง ตอนพระถ้ำเสือ Part1 - YouTube[/ame]
........................................................................
ดูจบ..ทั้งสองตอน..แล้วก็มาอ่าน..ความเห็นผม...
....ผมจะยังไม่พูดถึง...เรื่องกรุเขาดีสลักที่เจอตอนครั้งสุดท้ายนี่....แต่ผมจะวิเคราะห์อย่างนึง
คือ..อีตาที่ให้พระบักแจ๊ดนี่..ที่เป็นพระ..ตอนที่ไปเจอ..พระบาท..และ..พระนั้น....แสดงว่า..
..แกตอนที่ยังเป็นพระ..แกแอบกั๊ก..ไว้..เอาพระจำนวนนึง..แอบซ่อนไว้ก่อน..แล้วถึงค่อยมา
แจ้งเจ้าอาวาส...ทั้งเรื่องพระบาทและ..พระที่เจอ..ซึ่ง..ผมคาดว่า..น่าจะครึ่งต่อครึ่งเลยมั้ง...
........จะเห็นว่า..บักแจ๊ด..ยืนยันว่า...พระที่แกเห็นในปี๊บ...และแกได้แบ่งมาส่วนนึง...นั้น...
ยืนยันจาก..ตานั่นว่า..คือ..พระจากส่วนที่พบครั้งใหญ่เมื่อปี ๒๕๑๖-๑๗.........
...แกแบ่งมาให้..บักแจ๊ดนะ..ส่วนนึง..แต่ก่อนหน้านี้..ผมว่า..แกน่าจะทยอย..ปล่อยออกมา..
เป็นระยะแล้ว..แต่ปล่อยออกมาไม่มากนัก...แล้วเมื่อแก..แบ่งให้..ไปส่วนนึงแล้ว..แกก็ยังเก็บไว้
อยู่อีก..และ..อาจไม่แค่ที่บักแจ๊ดเห็น..อาจมีมากว่านั้น..ก็ได้...นั่นเป็นเหตุการณ์..ตอนปี ๒๕๓-
..ก่อน..การแตกกรุครั้งสุดท้าย...
............ถ้ายังจำได้...ที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้...ว่า..เมื่อการพบใหญ่ครั้งแรก..บอกว่ามีการพบ
แม่พิมพ์ด้วย..บางพิมพ์(..แล้วไอ้บางพิมพ์ตอนนั้น..ไม่รู้อยู่ไหน..ตอนนี้)..ก็ขนาดพระ...แกยัง
กั๊กไว้เลย..มันก็มีโอกาศที่..แกอาจจะ..เอาแม่พิมพ์ไปไว้ด้วยก็ได้.....
........ปัญหามันตามมา...คือ....ตอนที่แตกกรุ..ครั้งล่าสุดนี่....ที่มา..พระจริงๆมาจากไหน....
....อย่างที่ผมเคยเกรี่นมา..ก่อนหน้านี้...
...ผมเชื่อว่า...ในตอนที่พบครั้งใหญ่นั้น...ในถ้ำนี่..คงไม่มีทางเหลือพระ..อยู่แน่...เพราะช่วงธุรกิจ
พระกำลังบูม..อย่างที่ว่า..มาแล้ว...ทางวัดค้นเอง...ชาวบ้านแอบมาค้นต่อ..อีกหลายรอบ...
....เรียกว่า..แค่ปี..๒๕๑๘...นี่...ผมเชื่อว่า...เกลี้ยงสนิท..แน่นอน.......
...............นักเลงพระทั้งในสุพรรณ..และ..ในกรุง...ก็คงคิดอย่างเดียวกับผม....
.......................แล้วพระเสด็จมาจาก..ไหน........เงื่อนงำ..และ..ที่มา...ต้องวิเคราะห์..
........................ต่อตอนหน้า........................

 

ขอบคุณครับพี่
ปล.สรรพนามแบบอิสาณ อ่านแล้วได้อรรถรสดีครับ

 

ขอบพระคุณครับคุณลุง รออ่านตอนต่อไปครับ

 

น้าครับผมสงสัยเรื่อง test คาร์บอน๑๔ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วแต่ผมหาคนตอบคำถามให้ผมไม่ได้ตอนนี้ผมเชื่อว่าผมเจอคนที่ให้คำตอบผมได้แน่ๆครับ ผมเชื่อว่าน้าตอบได้แน่ๆ คือเรื่อง test คาร์บอน๑๔ สมมุติว่าถ้าโบราณวัตถุนั้นสร้างขึ้นจากคนอันนี้ผมเชื่อว่าพอจะคำนวณอายุการสร้างได้ แต่ที่สงสัยคือถ้า โบราณวัตถุชิ้นนั้นสร้างจากหินการหาอายุจาก คาร์บอน๑๔ ค่าที่ได้จากการคำนวณมันอาจจะเป็นค่าของอายุหินชิ้นนั้นแทนค่าของอายุโบราณวัตถุแทนหรือครับ เขาเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ตัดสินครับ งงตรงนี้ละครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

สวัสดีครับคุณลุง... พระสมเด็จวัดระฆังของหลวงปู่นาค มีส่วนผสมของพระสมเด็จจำนวนมากเท่ากับสมเด็จเผ่า วัดอินทร์ 2495 หรือเปล่าครับ

อยากทราบการสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ด้วยครับ

 

....
...ตามที่ผมเข้าใจ..อาจไม่ตรงนักคือ..อย่างวัตถุแกะสลักจากหินนี่...
...ของฝรั่ง..เขาใช้วิธีตรวจสอบ..อายุซากอินทรีย์วัตถุที่ฝัง..ตัวอยู่ใน..ผิวของตัวอย่างนั้นๆ..ครับ..
...เพราะเมื่อเรา..แกะสลักเอาวัตถุไปวางไว้...อินทรีย์วัตถุ..ที่ลอยมากับลม..น้ำ..หรือ..ฝน..จะเข้าไปติดตามรูพรุนของหิน..ซากที่เก่าที่สุด
จะติดกับ..ผิวสัมผัสหิน..ด้านในสุด..เพราะมาก่อน..อันที่ใหม่สุด..จะอยู่ด้านนอกสุด..ซึ่งพอประเมินอายุเคร่าๆได้..ยิ่งวัสดุยิ่งหยาบ..(อย่างหินทราย)..ผิวจะพรุนมาก..ก็จะมี..ซากอินทรีย์ติดเข้าได้ง่าย..และ..มีขนาดใหญ่..ขึ้น

 

....ไม่ว่า..จะหลวงปู่นาค..หลวงปู่หิน..หรือ..แม้แต่พระปิลันธ์..ที่ผสม..คือ..ผงเก่าของสมเด็จโต..
...ไม่ใช่..เศษพระสมเด็จ..คนละกรณีกัน
..........หลวงปู่ทิม..ถือว่า..เป็นพระรุ่นใหม่..ผมไม่ออกความเห็น

 

.........
...หวัดดีAnunn..และ..น้องเหลิม...
.....................................
........ต่อจากตอนที่แล้ว.....
.......................................
.................................................................
.......ก่อนอื่น...เราต้องเอาข้อมูลเดิม..ที่กล่าวมาแล้ว..วิเคราะห์เบื้องต้น..เพื่อฟันธง..
...บีบ..การวิเคราะห์ลงมา...ตอนนี้..ตั้งสมมุติฐานไว้เลยว่า......
........พระชุดนี้...ไม่ได้อยู่ในถ้ำ..แต่มีการออกข่าวว่าเจอ...ซึ่ง..แยกแยะออกมาเป็น....
...๑. เอาไปใส่ในถ้ำก่อน..แล้วทำเป็นหา..แล้วก็เจอ..แล้วก็ออกข่าว...
...๒. พระอยู่ในมือ..ของเจ้าของไอเดีย(มาเฟียวงการฯท้องถิ่น)..อยู่แล้ว..แต่ปล่อยข่าวว่า..เจอในถ้ำ..
...ตอนนี้..ยังสรุปไม่ได้ว่า..เป็นพระชุดเดียวกับ..ที่เคยเจอเมื่อปี ๑๖-๑๗ ทั้งหมดรึเปล่า..
.....หรือ...ไม่ทั้งหมด..แต่มีของปลอม..มาปะปนอยู่..โดยอาศัย..แม่พิมพ์เดิม....
....หรือ..ปลอมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด..โดยอาศัยแม่พิมพ์เดิม.....
.......ถ้าเรามาแยกวิเคราะห์ความน่าจะเป็น..โดยแยกแต่ละหัวข้อที่กล่าวมา...คือ
..................๑. พระเป็นชุดเดียว..กับ ที่เจอมาแล้วพร้อมรอยพระบาท(..ปี ๑๖-๑๗)......
.....อันนี้..มีโอกาศเป็นไปได้...โดยจาก..พิจารณา..จาก..linkของ..น้องเหลิมที่ให้มา...ก่อน
.....จะเห็นว่า...ตอนครั้งแรกที่เป็นข่าวนั้น..พระเกือบทั้งหมด..อยู่ในมือ..มาเฟียฯ..และถ้าคิดว่า
..เป็นของรุ่นรอยพระบาท(ปี ๑๖-๑๗)จริง..ก็แสดงว่า..ไอ้คนนี้..ได้ไปเหมา..หรือ..รับเช่า..มาจาก
คนที่..เก็บกักตุน..ไว้ตั้งแต่แรก..ก็เป็นไปได้.....
......หลายท่าน..สงสัยว่า..อ้าวแล้วไอ้นั่น..ทำไม..มันไม่ปล่อยไปเอง..อ๋อ..มันก็คงปล่อยเองได้..
แต่..ปล่อยทีละ..มากๆ..มันก็แปลก..และผิดสังเกต..แถม..คนก็อาจไม่เชื่อก็ได้กว่า..ของจริงรึ
เปล่า..ทำไมมึงมีเยอะจัง..วงการนี้..มันช่างสังเกตกันเองอยู่แล้ว..ต้องระแวงกันเอง..ตลอดเวลา
...ก็เลย..ทำให้ปล่อยครั้งละมากๆ..ไม่ได้...แต่ถ้าไอ้คนที่เก็บไว้..มันเบื่อที่จะทยอยปล่อยแล้ว..
เพราะ..ได้เงินทีนึงๆ..ไม่มาก..เนื่องจาก..เป็นของวัดดีสลัก..ราคามันไม่แพง..และ..ไม่ใช่ปล่อย
กันง่ายๆ...
........หรือมีเหตุ..ที่อยากได้เงินจำนวนมากเพื่อ..เอาไปทำอะไรสักอย่าง..ในครั้งเดียว......
..............มันก็จำเป็น..ต้องไปติดต่อ..คนที่มีกะตังจำนวนมากๆ..เหมาไปทีเดียว..แต่ก็คงคิดได้ว่า
...ไอ้คนที่เหมาไป..มากๆ..มันก็คงอยากได้กำไรคืนเร็วๆ...แล้ว..อยู่ดีๆ..พระจำนวนมากเลย...
หลุดเข้าตลาด..เฉยๆ..เวลาพร้อมๆ..หรือ..ไล่เลี่ยกัน..มันก็ผิดสังเกต..เพราะพวกที่จะมาเช่า..
ตามปกติ..มันก็ซื้อขายพระกันอยู่..และพวกนี้มันกว้าง..มันก็จะโทรสอบถามข้อมูล..และราคา..
กับพรรคพวกกันอยู่แล้ว...พอเริ่มปล่อยออกไปไม่เท่าไหร่..มันโรสอบถามข้อมูลถึงกัน..
..อ้าวมึงก็มี..ไอ้โน่นก็มี..ไอ้นั่นก็มี...ก็เจ๊งแล้วปล่อยไม่ออกแน่..เพราะผิดสังเกต..พระมาจากไหน
...................วิธีที่จะให้ดูแยบยลหน่อย..ก็คือ..ทำว่าเป็นการไปพบครั้งใหม่..ซะเลย..หมดเรื่อง..
อย่างนี้...พอมีเริ่มมีข่าวออกไป..ไอ้พวกวิ่งพระ..ก็แห่กันมาแล้ว..ยังไง..ก็ปล่อยได้เยอะกว่าแน่..
.....ถ้าไอ้คนที่ตุนไว้นั้น..มันคิดได้..และผมเชื่อว่า..มันคงคิดได้..ว่าจะออกแนวนี้...
...เพราะก่อนหน้า..มันปล่อยพระ..มันก็ต้องรู้เรื่องในวงการฯบ้างอยู่แล้ว....มันก็ต้อง..
กั๊กไว้อีกบางส่วน..เพื่อ..รอกระแสหลังจากที่ไอ้มาเฟีย..ปล่อยพระออกไป...แล้วตอนนั้น...
เป็นข่าว..ความต้องการมากขึ้น...มันจะได้ปล่อยส่วนที่เหลือของมันส่วนนึง..ตามกระแสได้อย่าง
สบาย...โดยได้ราคาแต่ละองค์ดีกว่า..ที่ให้ไอ้มาเฟีย..เหมาไป...แล้วถ้าพระติดลมบน..ราคาขึ้นไป
อีก..มันก็จะได้ทยอยปล่อยออกมาอีก..ได้เงินมากกว่าเดิม.....
.....................ต่อตอนหน้า...............................

 

สวัสดีครับคุณลุง แวะมาติดตามเหมือนเคย...เป็นกำลังใจให้เสมอครับ...(^๐๐^)

 

ขอบคุณครับพี่ รอฟังตอนต่อครับ

ปล.จากรายการใน youtube ที่พี่แปะมา ผมดูตอนที่สองแล้วตะหงิด ๆ นิดหน่อย

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=WhX038DMbIk]เปิดตำนานพระเครื่อง คนเมือง ตอน พระถ้ำเสือ Part 2 - YouTube[/ame]

ตรงที่ "ใส่ปี๊บแล้วฝังดินไว้ตั้งแต่ปี 17 ปี๊บก็สนิมกินหมดแล้ว มีดินเต็มไปหมด" (ช่วงเวลาที่ 02.31)

กับข้อมูลตอนก่อนที่พี่บอกว่า นอกจากเจอพระแล้วยังเจอแม่พิมพ์ เท่ากับว่า ถ้าปลอม ก็มีเวลา มีระยะฟักตัว บ่มฝังในดินเป็นสิบ ๆ ปี

 

......
....คือ..เรารู้กันว่า..มีเจอแม่พิมพ์..แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ที่ใคร..
..แต่แนวโน้ม..ที่อีตานี่..เจอพระเป็นคนแรก...แล้วแม่พิมพ์..ที่ข่าวบอกว่าเจอมีบางพิมพ์..ซึ่งตามหลักความจริงแล้ว..ควรจะเจอทั้งหมด..คือ..ถ้าไม่เจอเลย..ก็หมดเรื่องไป..แต่พอมาเป็นแบบนี้..แนวโน้มความน่าจะเป็น..มันก็..น่าจะมาตกอยู่ที่นี่..บางส่วน...เพราะเป็นคนเจอ..เป็นคนแรก..แล้ว..กั๊กพระไว้..บางส่วนโดยไม่ให้ใครทราบในตอนนั้น....
......แนวโน้ม..มันก็มีโอกาศเป็นไปได้..ตามที่น้องเหลิมบอก..
...หรือ...เขาเอาพระ..ส่วนใหญ่..ใส่ไว้ข้างล่าง..แล้วเอาดินมาใส่ปิดทับ..ด้านบน..อำพรางไว้..ถ้าเกิดมีใครมา..เจอ..จะได้ไม่สงสัยอะไร...อาจจะ
นึกว่า..เป็นปี๊บใส่ดินปลูกต้นไม้..อะไรทำนองนี้....
......มันออกได้..หลายหน้า..แล้วที่..บักแจ๊ด..เล่านะ..ในรายละเอียดถูกต้อง..แน่รึเปล่า..เราก็ไม่ทราบ...หรือ..อาจจะเป็น..ดินที่ปนกับ..ขี้ค้างคาว
ที่อยู่ในถ้ำ...เพราะอาจจะเป็นแบบ..รีบๆโกยมาก่อน..เอามาทั้งยวง...
...ใส่กระสอบ..หมักซ่อนไว้แถวๆนั้นก่อน...พอได้จังหวะ..ลาไปเยี่ยมบ้าน
..ก็แอบมาขน..ออกไป..ถึงบ้านแล้วก็ยัดทั้งหมดลงปี๊บ..ฝังดินไปเลย..
..ก็เป็นไปได้....

 

สวัสดีครับคุณลุง... อยากให้คุณลุงแนะนำพระที่แขวนเดียวได้อย่างสบายใจ หวังพึ่งพุทธคุณครบทุกด้าน คนปกติธรรมดาสามัญสามารถบูชาได้ครับ

 

ขอบคุณน้าครับ ที่ให้คำตอบครับ

 

สวัสดีครับคุณครู _/\_
สาระความรู้แน่น+แซ่บมากครับ ยิ่งอ่านก็ยิ่งอยากรู้

ข้อมูลแบบนี้เซียนใหม่บางท่านจะมีข้อมูลที่ไม่ลึกพอ (ค้น google แล้วก๊อป+แปะ ออกมาเหมือนๆกันหมด) ขนาดทำเป็นหนังสือพระออกมาขายเป็นเล่มหนาๆ ข้อมูลยังเหมือนกับในเนตเลย เปิดอ่านผ่านๆแล้วต้องวาง บางเรื่องก๊อปกันจนมั่วไปหมด ลงประวัติครูบาอาจารย์ผสมกันมั่วไปหมดเลย เอาขององค์นู้นนิด ขององค์นี้หน่อย ผสมกันออกมาเป็นประวัติของอีกองค์นึง ผมว่าถ้าหลวงพ่อหลวงปู่ท่านได้อ่านประวัติตัวท่านเองตอนนี้ ผมว่าท่านคงจะจำตัวท่านเองไม่ได้แน่ๆเลยครับ -__-'

ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลที่หาอ่านจากที่อื่นไม่ได้อีกครั้งครับคุณครู _/\_

 

.......
....ผมเพิ่งแนะนำ...ไปหยกๆ..ย้อนหน้ากลับไปหาอ่านเอา..ไม่ถึงเดือนเอง..
..ไปดูเหตุผลว่า...ทำไมถึงเลือกแบบนี้..ผมไม่มาเขียนซ้ำ..
......................................
..พระที่ไม่ใช่พิมพ์นิยม...ที่ปลุกเสกในพิธีมหาจักรพรรดิพุทธาภิเษก..
.....ที่วัดพระพุทธชินราช..พิษณุโลก..ปี ๒๕๑๕....
.............................
...อย่าขึ้เกียจ..ไปค้นเอา..ทีผมยังไม่ขี้เกียจ..เขียนเรื่องให้คุณอ่านเลย....
....ทางที่ดี..คุณเริ่มอ่านแบบ..ใจเย็นๆ..ตั้งแต่..หน้า๑ นะดีที่สุด...

 

.......
...ยุคนี้มันยุคธุรกิจ...ทำอะไรก็ต้องเร่งรีบ..และ..นิยมความสะดวก...
.....สมัย ๓๐-๔๐ ปีก่อน..เขาไม่กล้าไปก๊อปข้อมูลกัน..ทุกค่าย..ก็มีศักดิ์ศรี....หลวงพ่อเดียวกัน..ก็ไปหาข้อมูลกันเอง..ใครลงเรื่องนี้แล้ว..
เล่มอื่นก็ไปค้นคว้า..เรื่องใหม่..มาลง..ผลคือ..ผู้อ่านได้ประโยชน์มากขึ้น...ส่งผลต่อเนื่องมาถึง..ยุคนี้เลยสบาย..นั่งอยู่กับที่..ไม่ได้ลุกไปไหน..ยังหาข้อมูลได้เยอะแยะ..และ..ทำให้คนขี้เกียจ..ลงไปทุกที...