เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

..............................................................................

 

การปรามาส ล่วงเกิน พระรัตนตรัย พระอริยบุคคล พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

ที่จริงเรื่อง หลวงปู่ฤาษีลิงเล็กและการโต้เถียงนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ยุคหนึ่ง hot มาก ขนาดในหนังสือ ธัมมวิโมกข์ มีคอลั่มน์ เขียนโดย ดร. คนดัง คนที่เป็นลูกศิษย์วัดท่าซุง ตัวจริง ต้องรู้จักหนังสือนี้ ต้องรู้จัก ดร. ท่านนี้ และ น่าจะได้ยินคำร่ำลือ ถึง หลวงปู่ฤาษีลิงเล็ก ซึ่งมา ร่ำลือ กันมาหลังปี พ.ศ. ๒๕๓๕ หลังจาก หลวงพ่อวัดท่าซุง ล่ะสังขาร ไปแดนเกษมแล้ว

ท่านฟันธงเลยว่า พระที่กำลังอ้างกัน ( ใครคิดเอาเอง ) ไม่ใช่ หลวงปู่ฤาษีลิงเล็ก ท่านเขียนยาว ผมจะไม่อ้างถึง เพราะอ่านมานานจัด แต่ประเด็นที่ท่านยกมา มีอยู่ว่า

พระองค์นี้ จะเป็นใครไม่ทราบแต่ไม่ใช่ หลวงปู่ ฤาษีลิง เล็ก พระสหายของ หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำที่ บวช ร่วมพระอุปัชาฌาย์ เดียวกัน คือ หลวงพ่อ วัดบ้านแพน

สหายของหลวงพ่อวัดท่าซุงนี้ รู้จักกันมาตั้งแต่ เป็นนายทหารเรือ ใครเป็นลูกศิษย์ตัวจริงต้องได้ยินคำนี้คือ

ปล่องเหลี่ยม งูดิน พิณสามสาย

ปล่องเหลี่ยม พวก ยุทธโยธา พวกช่างนั่นเอง ท่านผู้นี้คือ หลวงพ่อ ฤาษีลิงขาว

งูดิน พวก แพทย์ เภสัชกร พยาบาล หรือ หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำนั่นเอง ตามประวัติ ท่านเข้ารับราชการ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ในฐานะ เภสัชกร

พิณสามสาย อันนี้ดูง่ายว่าต้องเป็น พวก ดนตรีแน่นอน ท่านผู้นี้คือ หลวงพ่อ ฤาษีลิงเล็ก นั่นเอง

สามท่านนี้บวชพร้อมกัน เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๗๙ กับหลวงพ่อวัดบ้านแพน ที่จริงมีอีกท่าน แต่ท่านนี้ สึกหาลาเพศไป และ กลับมาบวชใหม่

ผมจะเล่าแค่นี้ก่อน

กลับมาที่ท่าน ดร. ท่านบอกเลยว่า ไม่ใช่ เพราะ สองท่าน คือ หลวงพ่อ ฤาษีลิงขาว และ ลิงเล็ก เมื่อบวชได้ ๑๐ พรรษาให้เข้าป่า ห้ามออกมา คนที่สั่ง จริงๆคือ พระอุปัชฌาย์ พระครูรัตนาภิรมย์ ไม่ใช่ หลวงปู่ปาน ท่านที่หลวงพ่อวัดท่าซุง และ อีกสามท่าน ก็เป็นพระครูรัตนาภิรมย์ ไม่ใช่หลวงปู่ปาน หลวงปู่ปาน เป็นพระคู่สวด กับ หลวงพ่อ เล็ก เกสโร อาหรือ น้าของท่านหลวงพ่อวัดท่าซุงครับ

พ.ศ. 2479 อายุ 20 ปี อุปสมบทเป็นภิกษุเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2479 เวลา 13.00 นาฬิกา ที่วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูรัตนาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนันโท) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์เล็ก เกสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

คำสั่งพระอุปัชฌาย์ ขณะเข้าบวช หลวงพ่อปาน ท่านบอกท่านอุปัชฌาย์ว่า เจ้านี่หัวแข็งมาก ต้องเสกด้วยตะพดหนักหน่อย ท่านอุปัชฌาย์ท่านเป็นพระทรงธรรมเหมือนหลวงพ่อ(ปาน) หลวงพ่อเล็กก็เหมือนกัน ท่านอุปัชฌาย์ท่านยิ้มแล้วท่านพูดว่า "3 องค์นี้ไม่สึก อีกองค์ต้องสึกเพราะมีลูก เมื่อจะสึกไม่ต้องเสียดายนะลูก เกษียณแล้วบวชใหม่มีผลสมบูรณ์เหมือนกัน 2 องค์นี้พอครบ 10 พรรษาต้องเข้าป่า เมื่อเข้าป่าแล้วห้ามออกมายุ่งกับชาวบ้านจนกว่าจะตาย จะพาพระและชาวบ้านที่อวดรู้ตกนรก จงไปตามทางของเธอ ท่านปานช่วยสอนวิชาเข้าป่าให้หนักหน่อย ท่านองค์นี้ (หมายถึงฉัน) จงเข้าป่าไปกับเขา แต่ห้ามอยู่ในป่าเป็นวัตร เพราะเธอมีบริวารมาก ต้องอยู่สอนบริวารจนตาย พอครบ 20 พรรษาจงออกจากสำนักเดิม เธอจะได้ดี จงไปตามทางของเธอ ฉันบวชพระมามากแล้วไม่อิ่มใจเท่าบวชพวกเธอ"

จะเล่าขายของอะไร รู้ให้ลึกให้จริง อย่าแต่งเรื่อง คนที่สั่งคือ พระครูรัตนาภิรมย์ ไม่ใช่หลวงปู่ปาน

และ ท่าน ดร. ท่านเลย อ้างคำนี้ว่า ถ้าเป็น หลวงปู่ ฤาษีลิงเล็ก ต้องอยู่ในป่าจนตาย ไม่มายุ่งกับชาวบ้าน ตามคำสัง่ของพระอาจารย์

ถ้าไม่อยู่ป่า ก็ไม่ใช่ หลวงปู่ ฤาษี ลิงเล็ก


คำพูดนี้มีความจริงเป็นข้ออ้าง ท่านจะเมิด พระรัตนตรัย ละเมิด พระอริยบุคคล ละเมิด หลวงพ่อ ฤาษีลิงเล็ก หรือไม่ คำตอบคือ ไม่

เพราะหลวงปู่ ฤาษีลิงเล็ก ท่านก็อยู่ป่าของท่าน ตามคำสัง่พระอุปัชฌาย์ เจอกันครั้งสุดท้ายที่หลวงพ่อเล่า เจอกันที่ป่าใน จังหวัด สุโขทัย พ.ศง ๒๕๑๙ ท่านมาด้วยกันทั้งสององค์ และพระระดับนี้ จะไปไหนมาไหน คงแค่กระพริบตา

เรื่องนี้มีมาตั้งแต่ เกือบยี่สิบปีมาแล้ว คนที่มาทีหลัง ฟังเขาเล่า และ อ่านมาแทบทั้งนั้น และยิ่งเป็นพวกขายพระ จะโตยังไม่ทันเลย แต่เล่าได้เป็นฉากๆ ขนาดผมเอง อายุเกิน ครึ่งศตวรรษ ยังแค่ทันและ ฟังหลวงพ่อเล่า ได้แค่ฟังตัวจริงและกับฟังเทบ

คน พ.ศ. นี้จะฟังจากอะไร ท่านลองตรองดู

คนขายพระปัจุบัน เมื่อเอาพระเครื่อง เครื่องรางมาขาย จะมีจุดขายอยู่หลักๆ

๑) ธรรมะ จะอ้างประจำ ว่าใส สงบ สว่าง เหมือนเจ้าของศูนย์ แถวรังสิต จะขายพระ แต่ดันอ้างธรรมมะ มันคนล่ะเรื่อง กระพี้และ แก่น

๒) นรก สวรรค์ ว่ามีนรก สวรรค์ ใครไม่เชื่อ ไปลบหลู่ สิ่งที่เล่า จะตกนรก เป็นการปรามาส พระรัตนตรัย

๓) อภินิหาร พระเก่ง ยิ่งเป็นพระอริยะ บุคคล ต้องมีอภินิหาร ต้องล่องหน หายตัว คงกระพัน ยิงฟันไม่เข้า แคล้วคลาด โภคทรัพย์

แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่กล่าวข้างบน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องโดยตรง กับ เครื่องรางของขลังที่เป็น กระพ๊้ ของศาสนาเลย ขายกระพี้ แต่เอาแก่นมาอ้าง เขามีแต่ ให้เอาแก่น แต่เอากระพี้มาช่วย พอถึงเวลาให้กระพี้ทิ้งไป

ถ้าจะเอาแก่นจริๆง กระพี้ เข้าโยนทิ้งไปซ่ะนานแล้ว

พระที่เก่ง ท่านเอาธรรมะ ที่เป็นแก่น ท่านไม่มานั่งปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังแล้ว เสียเวลาของท่าน แต่คนมันติด มันอยาก ท่านบอกแล้วไม่เชื่อ ท่านก็โปรดให้ เป่าซ่ะทีเดียว ก็พอ เอาไปใช้กัน แต่ถ้าจะเอาแน่ ถึงภพหน้า คือ ธรรมมะ

และพระที่เก่งทางธรรม ท่านไม่มีอภินิหาร ก็มีเยอะ เพราะท่านไม่สนใจ ไม่บอก นรก และ สวรรค์ ไม่ใช่ทาง แต่บอก ทางธรรม

คนที่เอาพวกนี้มาอ้างขายซ่ะอีก บอกกันมาตั้งเกือบจะ ยี่สิบปีแล้ว ว่า หลวงตาท่านไม่มีอะไรเกี่ยวกับ หลวงพ่อ ฤาษีลิงเล็ก พระสหายของหลวงพ่อเลย เกิดคนล่ะที่ ทำงานคนล่ะที่ บวชคนล่ะที คนล่ะคนกัน แต่เอามาอ้างขายกันเฉย บอกก็ไม่เชื่อ เพราะไม่อยากให้คนเชื่อ เดี๋ยวขายของไม่ออก

เรื่องนี้มีมาแต่ยุค หลวงตายังอยู่ พระที่มีสมเด็จ องค์ ปฐม มี หลวงพ่อ ฤาษีลิงเล้ก ไม่ได้มี แต่คุณ.... หลานป้าอิ้ด ที่มีภรรยา เป็นพยาบาล ทำมาเป็นลังๆแค่ คณะเดียว พระที่ทำ ผมก็ยังได้แจก เป็นพระสมเด็จองค์ปฐม และ หลวงพ่อ ฤาษีลิงเล็ก ท่านผู้นี้ หลวงตาท่านบอกว่า เขามาเรียนวิชา ปลุกเสกของให้ขลัง และ ยังมีอีกหลายคณะ และหลวงตาท่านไม่ได้เลือกแจก เพราะเขายกกลับไปซ่ะส่วนใหญ่ ( ทำไมหรือ ???? ก็เขาเอาไปแจกพวกเขา ) ที่มีเหลือ ถ้าท่านไม่ทิ้งไว้จนลืม ก็แจกไปหมด การแจกของท่าน ไม่มีการพิจารณาว่าให้หรือไม่ให้ ใครขอ ได้หมด

การมาอ้าง หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก แล้วเอาของมาขาย มันกลับตรงกันข้ามกัน มีกรรมแน่นอน เพราะคือ กรรมที่ไปล่วงเกินพระ สององค์คือ หลวงปู่ฤาษีลิงเล็ก ตัวจริง และ หลวงปู่พระครูบุญศรีที่ถูกตู่อ้าง ว่าให้เป็น

หลวงปู่พระครูบุญศรี เป็นอาจารย์ผม ผมรักท่านเหมือนพ่อ แม่ ผมปรนนิบัติ ท่านมาจนล่ะสังขาร อุ้มท่านไปหาหมอที่โรงพยาบาล พาไปตัดแว่น พาไปทำฟัน พาไปซื้อนาฬิกา พาไปฉีดน้ำเกลือ และ อีกหลายๆอย่าง หลายๆครั้ง เป็นหน้าที่ผมโดยตรงที่ต้องป้องกันชื่อเสียงของท่าน ไม่ให้ให้ใครเอาไปอ้างขายของ ในสิ่งที่ท่านไม่ใช่

ยังมีต่อ ครับ

 

เปิดดูไฟล์ กฐินวัดใหม่ 2540.doc

ใบฎีกา กฐิน ปี ๒๕๔๐ คนเขียนประวัติวัดใหม่ ตามบันทึกเดิมของวัด คือ ครูใหญ่ โรงเรียนวัดใหม่ฯ ไม่ได้มาเขียนอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐาน

 

เล่าด้วยหลักฐาน หรือ นั่งเทียน เขียนขายของ

ใบสุทธิ ของ หลวงปู่พระครูบุญศรีว่าบวชกับใคร

แม้เวลาบวชจะไม่ตรง แต่ก็คนล่ะปี กับ หลวงพ่อวัดท่าซุง

ตามใบสุทธิ หลวงปู่บุญศรี บวช เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๘๓

พระอุปัชฌาย์ คือ พระครู อุทิศธรรมวินัย ท่านเซ็นต์ไว้ ด้วยลายเซ็นต์จริง และ เป็นเจ้าอาวาสวัด สพานหินด้วย พระขนาดนี้คงไม่มีทางพลาดไปหมดทั้ง ใบสุทธิ ว่าท่านบวชให้ หลวงปู่บุญศรี แน่นอน

ตามประวัติ หลวงพ่อ วัดท่าซุง บวชเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙

ซึ่ง หลวงพ่อ วัดท่าซุงบวชก่อน หลวงปู่บุญศรีซ่ะอีกตามหลักฐาน

ผมมี บัตรประจำตัวของ ย่าละมูล น้องหลวงปู่ ถ่ายติดมาด้วย

เล่าด้วยภาพ จะๆ

 

ข้อมูล... คม ชัด ลึก มากๆครับพี่พี
หลักฐานบรรยายด้วยภาพแบบนี้ชัดเจนไร้ข้อกังขาเป็นที่สุด

 

​

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ค่ะ​

 

หลวงพ่อทรง มีเหรียญเดียวครับ แหะๆ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ค่ะ​

 

แปลก เปิดรูปเต็มๆไม่ได้ แต่แท้นอนมาครับ เนื้ออัลปาก้าซ่ะด้วย ดีใจด้วยครับ

 

ก็ให้ผู้อ่านพิจารณาครับ

เปรียบเทียบกับข้อมูล ฟังเขามา และ นั่งเทียนเขียนขายน่ะครับ

อ้อ ยังมีพวกลอกวรรณกรรมด้วยน่ะครับ

 

เป็น ตัวหลักๆในการ เททองเลยครับ

หลวงตาเล็ก อาจารย์ อนันต์ และ ช่าง( ลืมชื่อ น่าจะชื่อ สม ) เป็นคนปั้นพระครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงตาเล็ก หลวงพ่อทรง ค่ะ

 

มากราบ หลวงตาเล็๋ก วัดใหม่ เอาฤกษ์ เอาชัย ก่อนไปทำงาน กราบ กราบ กราบ

 

วันนี้ก็จะยุ่งๆหน่อยน่ะครับ

 

กราบหลวงตาเล็ก หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ และสวัสดี ทุก ๆ ท่านครับ ...

 

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 40 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 37 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]

แสงแข, เจินโจ้, bearkery

สวัสดียามบ่ายค่ะ

 

แฟนๆทางบ้านมาหาสัจจธรรมในกระทู้ที่เขียนความจริงให้พวกท่านพิจารณา ตามหลักฐาน ตามเหตุ ตามผล

วันนี้ไหว้ครูรวม ทำบุญถวายสังฆทานและอุทิศเผื่อให้สัมภเวสีด้วยครับ

 

QUOTE=พี เสาวภา;1671385

นวนิยายมีเยอะ ในนิตยสาร พระเครื่อง เท่าที่ผมจำได้มีสองฉบับ นอกนั้นก็เป็นโฆษณาในเว็ป บางเรื่อง ผมอ่านแล้วไม่กล้าไปถามหลวงพ่อว่าจริงหรือเปล่า เลยเลิกซื้ออ่าน

คนเราบางทีต้องมีจรรยาบรรณบ้างน่ะครับ ตอนเรียนมาตั้งแต่เด็ก จนได้มีโอกาสมาเรียนวิศวะ ครูบาอาจารย์ท่านก็สอนให้ตรงไปตรงมา อย่าไปโกงเขา คำนวณอะไรก็ให้พอดี เผื่อ safety factor เพื่อ ความปลอดภัย ไม่ใช่เพื่ออัพราคา พ่อแม่ เรามาแต่เด็กก็สอนว่า อย่าไปโกง ไปหลอกลวงเขา ให้พอใจในของๆเรา


การโฆษณาอะไรจนเกินเหตุ ฟังดูเป็นเรื่องโกหก แทนที่จะมีผลดี บางครั้งคนที่เขามีสติปัญญาพอเขาอ่านดู เขาจะไม่เชื่อเอาซะอีก เขาอ่านแล้วอาจจะสมเพช ดีไม่ดี ความไม่รู้ ความที่เขาไม่เคยสัมผัส กลับปรามาสครูบาอาจารย์เราซะอีก ซึ่งจะไปซวยเขา ก็เกิดเป็นกรรมกันมาอีก เพราะเราดันผ่าไปโฆษณาให้เขาฟังไว้เพราะจะขายของ ตัวหลวงพ่อน่ะท่านไม่รู้เรื่องหรอก ท่านนอนอยู่ที่วัด...แหะๆ

หลวงพ่อทรง ท่านก็คล้าย หลวงปู่อาจารย์ ผม ท่านมีสติดีมากครับ คนมีสติดี ทุกลมหายใจ จะไม่เผลอครับ การไม่เผลอนี้รวมทั้งการไม่เผลอแสดงฤทธิ์ด้วย เพราะเข้าข่ายหมิ่นเหม่ต่อพระวินัย เป็นการอวดฤทธิ์ พระระดับนี้ท่านไม่อวดแล้วครับ เลยระดับอวดมานานแล้ว ทิ้งมาไกล การไปเขียนซ้ำซาก เหมือนหลวงปู่ หลวงพ่อ มีฤทธิ์ มีเดชมาก ชอบแสดงฤทธิ์แสดงให้คนเห็นประจำ จะเสกรุ่นไหน ( สังเกตุข้อเขียนแบบนี้ ทำนองนี้จะเน้นวัตถุมากกว่า ธรรมสมถะ ที่หลวงพ่อ หลวงปู่แสดงให้ดู เพราะธรรมขายไม่ได้ แต่วัตถุ ทำ มาขายได้ ) ก็เลยต้องให้หลวงพ่อแสดงอภินิหารประจำ มีแสง มีสี มีอภินิหารทุกอย่าง เหมือนพวกหนังแขก เหาะ ล่องหน หายตัว กันจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราไม่เคยเห็นพี่แขกเหาะเป็นๆให้ดูสักที...แหะๆ อยากดูมากเลย

ส่วนของเมื่อเสกไปแล้ว เกิดไปแสดงอภินิหาร เพราะขลังเสกมาดี บางทีหลวงพ่อหลวงปู่ท่านก็ไม่รับรู้ ไปเล่าให้ฟังก็ เออๆ อือๆ ไปอย่างนั้นตามใจคนพูด หรือแค่ยิ้มๆ หรือแค่พูดซะอีกว่า บุญกรรมรักษา พระท่านช่วย ไปโน้นเลย


ท่านที่เชียร์พระ เชียร์อภินิหารในองค์หลวงพ่อ แล้วลงท้ายขายของน่ะ ถ้าของๆท่านมีอภินิหารแบบนั้นจริงๆ ท่านเคยประสพมากับตา ผมว่าท่านคงไม่ขายกินหรอกครับ ยกเว้นเข้าตาจนจริงๆ ผมไม่ได้มาเตือนอะไรหรอก เพราะโตๆกันแล้ว แต่อยากจะบอกว่าคนเขารู้ไต๋ ตั้งนานแล้ว เด็กมันอ่านเดี๋ยวนี้มันยังไม่เชื่อเลย...แหะ เปลี่ยนมุขมั่งเหอะ

เราคนพุทธต้องมีความเชื่อ ๔ อย่าง

๑) เชื่อในกฎแห่งกรรม
๒) เชื่อในผลของกรรม
๓) เชื่อในวิบากกรรม
๔) และสุดท้ายต้องเชื่อในการตรัสรู้ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

การทำกรรมบางอย่าง บางทีไม่แน่อาจจะไปล่วงเกินในพระอริยะบุคคลบางประเภท ไปล้อเล่น อ้างอิงท่านเพื่อผลของการค้า มันอาจจะมีกรรมเกิดขึ้น เพราะเราไม่ได้เข้าใจในกรรมถ่องแท้ เหมือนพระอริยบุคคลบางประเภท เพราะเรื่องของกรรมบางอย่างมันยากที่จะเข้าใจในฉากเดียว ชีวิตเดียว

แล้วผลของกรรมนั้นบางอย่างมันมีสูง แรง มันก็จะเกี่ยวตวัดมายังตัวท่าน บางที บางร้าย มีผลต่อไปถึงคนรอบข้าง ครอบครัว คนที่เรารัก เช่นลูกเต้า เพราะการอยู่ด้วยกัน มันมีมาจากผลกรรมต่อกัน ผู้นำเป็นอะไรไปคน ผู้ตามก็มีผลไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย แต่กรรม เขายุติธรรม เขาไม่เลือกคน ไม่เลือกลูกเล็กเด็กแดง พอกรรมมา กรรมมีผลไปทั่ว ถ้าผิดกฎแห่งกรรม จะโดนกันไปหมด


แม้เป็นพระอริยะบุคคลกรรมก็จะไม่เว้น ตัวอย่างเช่นพระโมคคัลลานะ ท้ายที่สุดก็ยังต้องถูกทุบตีจน ละสังขารเข้าพระนิพพาน แม้จะเป็นพระมหาสาวก พระอรหันต์ปฏิสัมภิทัปปัตโตแบบพิเศษ แบบมีฤทธิ์มาก ได้รับการยกย่องจาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ท่านเองก็เหาะหนีคนร้ายนี้ไปหลายครั้งด้วยอิทธิฤทธิ์ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องปลง เพราะกรรมเขาแรงกว่า มากกว่าฤทธิ์ที่มี ต้องยอมให้เขาทุบตีจนละสังขาร

อันนี้ ไม่ได้หมายความถึงใครเเบบเจาะจงจริงๆ อ่านๆแล้วก็ข้ามไปก็ได้น่ะครับ...แหะๆ/QUOTE


คุณพี เสาวภาเขียนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ หน้า ๙๓ แล้วค่ะ อ่านแล้วได้ความคิดทั้งเหตุการณ์ยังมาเข้ากับ ปี ๒๕๕๖ ปัจจุบันด้วยค่ะ
ขออนุญาตยกมาค่ะ

 

มากราบหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ขอโชค ขอลาภ กลับจากทำงาน