อีกหนึ่งเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโต ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ

ใช่แล้วครับ วัตถุประสงค์ของท่านก็เพื่อให้นำรายได้มาบำรุงโรงเรียนพระปริยัติธรรมของวัดอัมพวันนี้เอง รวมทั้งการสมทบทุนสร้างอาคารเรียนหลังนี้ด้วย

 

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังไม่ได้คำตอบของคำถามที่ว่าวัดอัมพวันเกี่ยวข้องอะไรกับท่านหรือท่านมาเกี่ยวข้องอะไรกับวัดนี้ ซึ่งมีคำตอบแน่ๆ ครับ และยังมีข้อมูลเกี่ยวเนื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ เพราะไม่มีใครมาสืบค้นข้อมูลที่นี้หรือเคยมาแล้วก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ แต่ผมก็ไม่เคยอ่านพบข้อมูลที่ว่านี้ที่ไหนมาก่อน ขอพักเดี๋ยวครับแล้วจะมาต่อ.

 

รออยู่ครับ ขอบคุณที่นำเรื่องราวต่าง ๆ ให้สมาชิกที่เคารพหลวงพ่อชาญณรงค์ทราบแง่มุมที่ไม่เคยทราบมาก่อน

 

รอติดตามอยู่ครับผม

 

ขอบคุณนะครับที่ติดตาม
ก็มาว่ากันต่อ ตอนนี้มาถึงตอนสำคัญในความสัมพันธ์ของหลวงพ่ออภิชิโตกับวัดอัมพวัน ความจริงจะว่าท่านมีความสัมพันธ์กับวัดก็ไม่ใช่ทีเดียวนัก แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากกว่า เป็นความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์

 

ใครที่อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างพระผงชุดสุดท้ายของท่านจะมีอยู่ตอนหนึ่งที่บอกว่าผู้ที่ขอให้สร้างพระชุดนี้คือพระมหาเหลื่อม เพื่อนำรายได้มาบูรณะวัดอัมพวัน จำได้มั๊ยครับ แล้วพระมหาเหลื่อมท่านคือใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับหลวงพ่ออภิชิโต แทบไม่มีใครทราบเลย เพราะไม่มีใครขยายความต่ออีก

 

ใช่แล้วครับ ไม่ต้องเดาอะไรมาก พระมหาเหลื่อมคือลูกศิษย์ของหลวงพ่ออภิชิโต ซึ่งน่าจะสนิทพอสมควรทีเดียว คิดว่าน่าจะเป็นศิษย์ก้นกุฏิเลยทีเดียว ไม่งั้นคงไม่กล้าขอให้ท่านสร้างพระได้หรือในทางกลับกันถ้าหลวงพ่อชาญณรงค์ไม่รักจริงๆ ท่านคงไม่สร้างพระผงชุดสุดท้ายนี้ให้แน่

 

ทำไมถึงว่าพระมหาเหลื่อมเป็นศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อชาญณรงค์ ตามประวัติท่านมหาเหลื่อมพอสังเขปนะครับ ท่านเป็นชาวอำเภอท่าบ่อโดยกำเนิด บวชตั้งแต่เป็นเณรแล้วเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อไปศึกษาต่อจนจบเปรียญธรรมหกประโยค ท่านคงจะไปอยู่มาหลายวัดในกรุงเทพ แล้วก็มาอยู่วัดเงินตลิ่งชัน ที่หลวงพ่อชาญณรงค์จำพรรษาอยู่ แต่ไม่ทราบที่ไปที่มาว่าท่านมารู้จักหลวงพ่อชาญณรงค์ได้อย่างไร รู้แต่ว่าหลวงพ่อชาญณรงค์ท่านส่งพระมหาเหลื่อมไปเรียนต่อที่อินเดียจนจบปริญญาโททางด้านพุทธศาสน์ พูดง่ายๆ ว่าให้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศนั่นเอง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะหลวงพ่อท่านมีชาติกำเนิดในตระกูลเศรษฐี น่าจะมีมรดกอยู่บ้างพอสมควร เพียงพอที่จะให้ทุนส่งลูกศิษย์ไปเรียนต่อต่างประเทศได้

 

วันนี้จะเขียนต่อให้จบไปเลยนะครับพร้อมกับลงภาพประกอบให้ดูด้วย
พระมหาเลื่อมเมื่อท่านเรียนจบกลับมาแล้วก็คงได้มาทำงานด้านการเรียนการสอนทางวิชาการที่ท่านร่ำเรียนมา แต่ไม่ทราบว่าท่านเรียนจบกลับมาปีใด ซึ่งท่านได้กลับมาที่วัดอัมพวันบ้านเกิด แล้วก็มาพัฒนางานด้านการเรียนการสอนทางพระปริยัติธรรมที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดอัมพวันให้เจริญรุ่งเรือง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่มาที่ไปในการขอให้พระอาจารย์ของท่านหลวงพ่ออภิชิโตสร้างพระผงชุดสุดท้ายให้เพื่อนำรายได้มาบำรุงโรงเรียนแห่งนี้ เรียกว่าขอบารมีท่านอาจารย์มาช่วยนั่นเอง

 

พระมหาเหลื่อมท่านได้ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวันประมาณปี 2535 ในชื่อสมณศักดิ์ว่าพระครูศรีปริยัติกิตติ์ ท่านอยู่ในตำแหน่งได้เพียงสิบปีก็ถึงแก่กาลมรณภาพในปี 2546 ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวกระทันหัน คือหัวใจวายนั่นเอง ในขณะอายุเพียงประมาณ 56-57 ปีเท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าอายุยังน้อยมาก ท่านน่าจะได้อยู่บำเพ็ญประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาได้นานกว่านี้ น่าเสียดายมาก
ขอกราบระลึกถึงพระคุณเจ้า สาธุ สาธุ สาธุ



นี่คือรูปหล่อเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของท่านพระครูพระมหาเหลื่อม

 

เข้ามาติดตามครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เอามาเผยแพร่ครับ

 

ในระหว่างที่ท่านพระมหาเหลื่อมครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวันนี้เอง ท่านได้ดำเนินการหล่อรูปเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่ออภิชิโตขึ้นเพื่อระลึกถึงพระอาจารย์ของท่านและเป็นการบูชาคุณอาจารย์ของท่านด้วย การหล่อได้ดำเนินการอยู่ที่วัดอัมพวันทุกขั้นตอนจนเสร็จสิ้น รวมถึงวัตถุมงคลแบบอื่นๆ ในนามของหลวงพ่ออภิชิโตด้วย?

 

ในการจัดสร้างรูปเหมือนหลวงพ่ออภิชิโตในคราวนั้น พระมหาเหลื่อมท่านได้จัดสร้างเหรียญหล่อกลมรูปอาจารย์ท่านหลวงพ่ออภิชิโตขึ้นด้วย มีสองขนาดด้วยกันคือ ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว และขนาดเล็กขนาดประมาณเหรียญสิบบาทที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ จำนวนประมาณหลักร้อยขึ้น แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าจำนวนเท่าใดกันแน่

 

เป็นเหรียญที่หล่อขึ้นด้วยทองเหลือง จัดสร้างแบบแม่พิมพ์และเททองหล่ออยู่ที่วัดอัมพวันในคราวเดียวกันเลย ไม่ได้สั่งสร้างมาจากโรงงานใดๆ รูปแบบเหรียญน่าจะเป็นการนำรูปแบบของเหรียญกลมที่กองกษาปณ์จัดสร้างให้ท่านหลวงพ่ออภิชิโตมาเป็นต้นแบบ





ลองพิจารณาดูจากรูปนะครับ นี่เป็นเหรียญกลมขนาดใหญ่ด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งได้พ่นสีทองทับไว้อีกชั้นหนึ่ง

 

ส่วนเหรียญขนาดเล็กไม่สามารถหาตัวอย่างมาได้ต้องขออภัยด้วยครับ แต่รูปแบบก็เหมือนกันเพียงแต่ต่างขนาดกันเท่านั้นเอง

 

ในขณะที่ดำเนินการเททองหล่อนั้น ได้ทำพิธีพุทธาภิเศกไปด้วย โดยท่านพระมหาเหลื่อมได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่ท่านเคารพนับถือมานั่งปรกด้วย แต่ไม่สามารถสืบค้นได้ว่ามีพระอาจารย์องค์ใดบ้าง

 

อ้อ เกือบลืมไปในการหล่อรูปเหมือนหลวงพ่ออภิชิโตคราวนั้นได้ดำเนินการหล่อรูปเหมือนหลวงปู่พรหมด้วย ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ให้ดูที่รูปถ่ายหน้าแรกของกระทู้นะครับ รูปหล่อหลวงปู่พรหมจะอยู่ลำดับที่สองจากซ้ายมือ ส่วนรูปหล่อองค์แรกนั้นจะเป็นรูปเหมือนของท่านพระครูวิมลสิกขากร หรือหลวงปู่คำ อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวันเช่นกัน

 

สำหรับพระผงชุดสุดท้ายที่หลวงพ่ออภิชิโตท่านจัดสร้างนั้น หลายคนคงมีคำถามว่าได้ออกให้คนบูชาเฉพาะที่กรุงเทพเท่านั้นหรือ แล้วนำมาให้คนในพื้นที่อำเภอท่าบ่อบูชาบ้างหรือไม่ ขอตอบว่า ไม่ทราบครับ ไม่ทราบจริงๆ

ทราบแต่เพียงว่าพระมหาเหลื่อมท่านนำกลับมาที่วัดอัมพวันจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้นำออกมาให้คนเช่าบูชานะครับ ท่านได้แจกจ่ายให้แก่ญาติโยมที่มาทำบุญจนหมดสิ้นแล้ว รวมถึงเหรียญหล่อหลวงพ่ออภิชิโตที่ท่านจัดสร้างเองก็นำมาแจกจ่ายให้คนที่มาร่วมทำบุญทั้งสิ้น ตามคำบอกเล่า ท่านพระมหาเหลื่อมท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาและอารมณ์ดี ใครมาขออะไรท่านก็ให้หมด

 

ขอขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้มากๆครับ ที่หาข้อมูลต่างๆมาเผื่อแผ่ได้มากขนาดนี้ ... ติดตามอ่านอยู่ตลอดเวลาครับ

 

ที่ผ่านๆ มาเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพ่ออภิชิโต ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ ที่ปรากฎออกมาสู่สาธารณชนส่วนใหญ่จะมีแต่เรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของท่าน เพราะผู้คนก็ให้ความสนใจแต่เรื่องราวทางด้านนี้ น้อยคนที่จะให้ความสนใจในปฏิปทาในด้านอื่นๆ ของท่าน ตามเรื่องราวที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้จะเห็นได้ว่าท่านก็ให้ความสนใจและสนับสนุนด้านการเล่าเรียนศึกษาด้านพระปริยัติธรรมแก่พระเณรมิใช่น้อยเลยนะครับ






ขอกราบระลึกถึงพระคุณเจ้าหลวงพ่ออภิชิโต ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ สาธุ สาธุ สาธุ