ภพภูมิที่ทับซ้อนกันอยู่

ก็แค่ ปล่อยให้มันผ่านไป เราเห็นยังไงเราก็เชื่ออย่างนั้น ใครไม่เห็นยังไง เค้าก็ไม่เชื่ออย่างนั้น นานาจิตตัง เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด

 

ผมดูเวลาจากภาพ มันไม่ได้บอกวินาทีครับ ภาพ 3 เวลา 12.20 ภาพ 4 เวลา 12.21 ห่างกัน นาทีนึง...

ผมเป็นตากล้องถ่ายภาพนกบินมานานครับ นกบินเร็วๆ ไม่เกิน 5 วิ...หายจากจอแล้ว และการจะถ่ายให้ติดภาพเขาต่อเนื่อง กล้องที่ผมใช้ขนาด 6 เฟรมต่อวินาทียังต้องแพนตามแพนไล่เลย...

ผมก็เป็นคนปฏิบัติธรรมครับ ผมให้ความเห็นตามสิ่งที่ผมเห็น ไม่ได้ตั้งใจมาโต้แย้งครับ หากท่านเชื่อตามที่ท่านเชื่อ ก็ไม่ได้ผิดอะไร หากเชื่อแล้วเราตั้งใจจะทำความดี เชื่อไปเถอะครับ
เรื่องภพภูมิซ้อนทับกัน ผมก็เชื่อ รู้ และก็เคยถ่ายภาพแปลกๆได้หลายครั้ง... เพียงแต่ภาพนี้ผมวิเคราะห์ตามที่ผมเห็น ผมเชื่อ... ถ้าทำให้เกิดอารมณ์ปฏิฆะใดๆ ก็ขออโหสิกรรมนะครับ

 

คือเรื่องเวลาในภาพถ่าย ที่บอกเป็นวินาทีนั้น เพื่อนสมาชิคเค้าตรวจสอบให้ผมนะครับ ซึ่งเข้าใช้โปรแกรมตรวจดูข้อมูลภาพ เค้าจึงนำมาตอบว่า ภาพที่ถ่ายติดกับภาพที่2ห่างกัน 24 วินาทีนะครับ ส่วนที่คุณว่าต้องแพนกล้องตามนั้น คืออย่างนี้นะครับ ผมถ่ายภาพติดผมก็มองด้วยตาเปล่าไปที่ท้องฟ้าโปร่งๆนอกเฟรม มันไม่มีนกที่ไหนบินอยู่เลยนะครับ แล่้วก็ไม่มีที่ใหนกหลบซ่อนไปได้ครับ มันไม่ได้เกี่ยวกับการแพนตามนะครับ เพราะถ้าตาเปล่ามองเห็นจุดที่นกบินอยู่ผมก็คงแพนตามไปถ่ายแล้วหละ อีกอย่างผมถ่ายแบบ เลนส์วาย มุมกว้างนะครับ แต่นี่มันหายไปเฉยๆจากท้องฟ้าครับ มันจึงไม่ได้เกี่ยวกับการแพนตามให้ทัน ลองดูภาพที่ผมอธิบายนี้หน่อยนะครับ เพราะพอถ่ายๆด้ก็มองตามด้วยตาเปล่าในท้องฟ้าโปร่งๆเลย ขอบคุณนะครับสำหรับความคิดเห็น

 

อยากให้ดูรูปที่เกี่ยวกับ ระยะ ห่างของสิ่งต่างๆ ผ่านรูปถ่าย 2 มิตินะครับ ว่าเมื่อดูแล้วมันเหมือนอยู่ใกล้กัน และขนาด ของสิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะเล็ก ซึ่งระยะห่างนี้มันทำให้ดูเหมือน สิ่งที่บินอยู่ เหมือนไม่ไกลจากวงแหวนพระอาทิตย์ทรงกลด และคาดว่า ภายใน 24 วินาที นกจะบินออกจากวงแหวนแล้วหลุดเฟรมได้
ซึ่งเมื่อถ่ายติดผมก็ เงยหน้าขึ้นไปดูบนฟ้าโปร่งๆทันทีว่า คืออะไร แต่ไม่เห็นอะไรเลย จึงรีบถ่ายภาพที่ 2ต่อซึ่งคิดว่าเผื่อจะติดอีกซักครั้ง แต่มันก็ไม่มีนะครับ ถ้าหากผมยังเห็นนกนั้นอยู่ผมก็คงจะตามถ่าย และผมก็คงไม่ต้อง มางงกับ ภาพนี้แน่ครับ ยังไงถ้าผมกู้ข้อมูลรูปแรกได้ ผมจะเอามาให้ดูนะครับ

 

อ่านไปยิ้มไปคนถ่ายก็ไม่อยากให้ภาพที่ถ่ายได้เป็นแค่นกตัวนึง แต่หลายท่านก็ว่ามันคือนก แต่มันก็เหมือนนกที่เห็นในรูปส่วนครุฑเคยเห็นแต่หน้าธนาคาร
ในเมื่อเข้ามาดูครุฑงั้นสรุปว่าครุฑก็ครุฑ

 

555 ตามนั้น อยากให้เป็นอะไรก็เป็นครับ แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ผมไม่เคยบอกว่าเป็นพญาครุฑ หรือพญาสดายุจริงๆเลยซักครั้งนะครับ ลองอ่านดูได้ ผมแค่บอกว่า ร่างทรงพญาครุฑเค้าบอกมาอย่างนี้ ผมจึงเอามาถามผู้มีญาณทิพย์ ช่วยตรวจสอบ แต่ผู้ที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นักวิทยาศาสตร์ แล้วก็นักถ่ายถาพ ซึ่งก็ดีครับ ไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ไม่ได้เจอด้วยตัวเองครับ
ส่วนผมก็ยืนยันตามข้อมูลของผม ที่ผมได้เจอมาด้วยตัวเอง ส่วนท่านที่รับชมจากรูปไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์กับผม จะคิดว่าผมมันรั้น ไม่ยอมให้เป็นแบบที่เขาว่า ยังไงก็ได้ครับ เพราะผมก็ไม่รู้จะโกหกไปทำไม ผมถึงบอกไว้ว่าใช้วิจารณญาณ ในการชมแล้วก็ชั่งน้ำหนัก ด้วยจิตของตัวเองแล้วกันครับ ผมไม่ได้บังคับใครให้เชื่อ แต่ผมแค่เอาประสบการณ์ของผมมาเล่าให้ฟังนะครับ

ขนาดเรื่องพญานาค ที่เค้าบอกมีกัน ยังถกเถียงกันไม่จบเลยครับ ขนาดมีพระอริยะเคยมาบอกเล่าไว้มากมาย ก็ยังมีคนไม่เชื่ออยู่ดี จะไปนับประสาอะไรกับผม คนธรรมดาคนหนึ่ง

 

เรื่องแบบนี้มีถกเถียงกันมาตั้งแค่สมัยพุทธกาลแล้วนะครับ แต่สมัยนั้นไม่มีรูปถ่ายมาให้เราถกเถียงกันอย่างปัจจุบันแค่นั้นเอง

ผมจึงอยากถามทุกท่านว่า ท่านเชื่อเรื่อง จิตวิญญาณ เรื่องผี เรื่อง เทวดา นรก สวรรค์ เปรต พญานาค และเรื่องลึกลับอีกหลายๆเรื่องหรือไม่ครับ
ถ้าเชื่อ เชื่อเพราะอะไร
ถ้าไม่เชื่อ ไม่เชื่อเพราะอะไร
ผมคิดว่าทุกท่านคงจะมีคำตอบของของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งนั่นมันจึงเป็นคำตอบที่ไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงได้นอกจากตัวท่านเอง ดังนั้น เรื่องที่ผมนำมาเสนอนี้ก็ขอให้ดูเป็นข้อมูล แล้วใช้ปัญญาและวิจารณญาณ ของท่านตรึกตรองเอาเองละครับ ส่วนตัวผมทำได้เพียงนำเสนอข้อมูลที่ประสบมาด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น ไม่ได้หวังให้ใครเชื่อ ถ้าไม่ได้เจอด้วยตัวเองครับ ขอขอบคุณที่ทุกท่านได้เสียสละเวลาเข้ามารับชมกันนะครับ สาธุครับ

 

มาอีกครั้งครับ พอดีเจอรูปถ่ายรูปแรก ซึ่ง ถ่ายได้ในเวลา 12.19.56 วินาที
ซึ่งก่อนถ่ายรูปที่ 2 ในเวลา 12.20.26 วินาที
ซึ่งในช่วงเวลา 30 วินาทีนั้น ในสถานที่นั้น เป็นท้องฟ้าโปร่ง และมีเมฆเพียงก้อนเดียว ที่บังพระอาทิตย์อยู่ ซึ่งถ้ามีการบินเข้ามาของสิ่งใดก็ตามผมจะต้องเห็นก่อนเพราะมองท้องฟ้าอยู่ ซึ่งมันไม่มีสิ่งใดอยู่เลย ผมจึงถ่ายภาพที่สองต่อทันที นี่เป็นเพียงข้อมูลที่นำมาเสนอเพิ่มเติมครับ เพื่อประกอบเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
แล้วก็ขอนำคลิป นกบั้งรอกใหญ่ที่เพื่อนสมาชิคนำมาประกอบ เอามาให้ดูกันนะครับ แล้วลอง เปรียบเทียบ สิ่งที่อยู่บนอากาศนี้กับ นกบั้งรอกที่เพื่อนสมาชิคเคยเอาภาพนิ่งมาให้ดูนะครับ แล้วใช้วิจารณญาณ ชั่งเอาครับ
แล้วลองถามตัวเองอีกครั้งดูนะครับ ว่า
ถ้าเชื่อ เชื่อเพราะอะไร
ถ้าไม่เชื่อ ไม่เชื่อเพราะอะไร
ผมคิดว่าทุกท่านคงจะมีคำตอบของของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งนั่นมันจึงเป็นคำตอบที่ไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงได้นอกจากตัวท่านเอง ดังนั้น เรื่องที่ผมนำมาเสนอนี้ก็ขอให้ดูเป็นข้อมูล แล้วใช้ปัญญาและวิจารณญาณ ของท่านตรึกตรองเอาเองละครับ ส่วนตัวผมทำได้เพียงนำเสนอข้อมูลที่ประสบมาด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น ไม่ได้หวังให้ใครเชื่อ ถ้าไม่ได้เจอด้วยตัวเองครับ ขอขอบคุณที่ทุกท่านได้เสียสละเวลาเข้ามารับชมกันนะครับ สาธุครับ

 

สวัสดีครับ ผมขอเอี่ยวด้วยคนนะครับ เนื่องจากดูมานานละ มีแต่ละคนนำเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ส่วนผม มีอยู่ในหัวอยู่แล้ว
1.นกตัวนี้ ถ้ามันบินอยู่สูงมาก แน่นอนว่าตัวมันต้องใหญ่มากๆเลยทีเดียว อาจจะพอๆกับรถบันทุกขนาดใหญ่
2.ถ้านกตัวนี้บินอยู่ต่ำ ไม่สูงมาก แสดงว่าความเร็วในการหลุดจากเฟรมกล้องนี้โดยที่ไม่แพนตามมันไปนั้นคงใช้เวลาแค่ 5 - 7 วินาที
3.ดูแล้วน่าจะเป็นข้อสองมากกว่า

เอาล่ะ ต่อไปก็มาว่ากันที่ ทำไมอยู่ๆนกตัวนี้ก็ได้หายไปภายในเสี้ยววินาที ถ้าคุณ polpavin ยืนยันหนักแน่นซะขนาดนั้น ในทฤษฎีความเป็นไปได้สำหรับนกธรรมดาๆนั้นไม่มีความเป็นไปได้เลยไม่ว่ากรณีใดๆทั้งปวง ทีนี้ หากเรามามองดูเกี่ยวกับมิติ ที่นกตัวนี้อาจจะบินหลุดออกมาแล้วกลับเข้าไปมิติเดิมได้ ผมคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน เนื่องด้วยสิ่งมีชีวิตที่เป็นกายเนื้อ มีรูปลักษณ์3มิติ จะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เนื่องจากร่างกายนั้นจะโดนพลังงานที่รุนแรงของรอยต่อมิติกระชากจนร่างกายฉีกขาดสลายไป และถึงผ่านไปได้ ร่างกายแบบ 3มิติก็จะไม่สามารถอยู่ในมิติที่ไม่สามารถรองรับมันได้ ก็เหมือนกรณีหลุมดำน่ะแหละครับ แล้วยิ่งเป็นนกสัตว์ปีกบินได้ที่ดูท่าทางจะไม่ฉลาดเท่าไร คงไม่มีความคิดเปิด-ปิดมิติต่างๆได้โดยไม่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงแน่นอน แล้วที่ว่าเป็นพญาสดายุอะไรนั่น มันก็แค่ตำนานที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิงว่านกตัวนี้มันมีอยู่จริงเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มันเป็นแค่เพียงตำนานที่มีกล่าวไว้จากทั่วโลกเกี่ยวกับสัตว์โบราณในสมัยก่อนเช่นเดียวกับมังกรที่อยู่ๆก็หายไปจากประวัติศาสตร์ โดยเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกแต่งแต้มเสริมแต่งเพิ่มเติมให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง

พูดมาซะยาว ทีนี้มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า คือท่านรู้จักโลกและจักรวาลแห่งเมทริกซ์ไหม? คือทุกสิ่งล้วนว่างปล่าว เพียงแต่ถูกฉายขึ้นมาเป็นรูปร่าง แล้วเติมประจุไฟฟ้าเข้าไปเชื่อมต่ออะตอมและโมเลกุลต่างๆเกิดเป็นโครงสร้างหลากมิติ และความรู้สึกต่างๆ สิ่งที่ผมกำลังจะบอกนี่คือโลกแห่งความว่างเปล่า ถ้าจะง่ายขึ้นเพียงแต่ท่านลองนึกถึงว่าจักรวาลนี้อยู่ในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ล้ำสมัยเครื่องหนึ่ง จะเห็นภาพได้ง่ายกว่า แน่นอนมันมีกฏ กฏที่ไม่มีใครในจักรวาลนี้จะแหกได้ และคำถามคือ ใครสร้างมันขึ้นมา? มันไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือ เราจะเจาะระบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงกฏเหล่านั้นได้อย่างไร? อืม อันนี้ก็ค้นหาวิธีการและคำตอบกันต่อไป..

ทีนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ผู้ที่สามารถเข้าใจกฏได้และควบคุมมัน มีสิ่งมีชีวิตอยู่บางกลุ่มที่ใช้ระยะเวลาที่นานแสนนานจนพัฒนาไปสามารถทำได้ พวกนี้แหละที่ควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่นๆในดวงดาวที่พวกนั้นยึดครอง และทำฟาร์มเก็บเกี่ยวผลผลิตจากทาสเหล่านั้น อันนี้ขอไม่อธิบาย มันยาวมากและแน่นอนว่าวันเดียวอธิบายจะจบหรือปล่าว ขอข้ามไปที่พวกกลุ่มนี้มันอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งทางกายภาพและจิตวิญญาณควบคุมพวกเรามนุษย์ทาสให้อยู่ในกรอบและขอบเขตฟาร์มของพวกมัน ใช่แล้ว คล้ายๆเรื่อง the matrix นั่นแหละ ภาพยนตร์เรื่องพ็อตเรื่องที่แท้จริงไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงแต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นพวกเราให้ตื่นรู้ แต่โดนบิดเบือนสาระสำคัญไปเยอะโดยพวกผู้คุมกฏจอมปลอมเหล่านั้น.. เอ่อ ชักจะออกนอกประเด็นไปอีกละ 55 เข้าเรื่องต่อ ซึ่งกลุ่มพวกนั้นใช้เทคโนโลยีบิดเบือนความจริงต่างๆ และมอบความจอมปลอมให้เราเสพย์กันอยู่ทุกวัน หนึ่งในเทคโนโลยีนั้นก็คือ "โฮโลแกรม" แบบฉายครอบคลุมพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล แน่นอน โลกนี้และธรรมชาติบางส่วนก็เป็น โฮโลแกรม! โดยทั่วไปแล้วมันสมบูรณ์มาก แทบไม่มีที่ติเลย แต่ก็มีบ้างที่อาจจะถูกตรวจจับได้ ยิ่งเทคโนโลยีทุกวันนี้เจริญขึ้นมากยิ่งช่วยได้เยอะ อย่างเช่น การมองเห็นวิญญาณหรือการถ่ายภาพวิญญาณติด การถ่ายภาพลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะหลุดโลก ต่างจากความเป็นจริงมากทีเดียว

ที่พูดมาซะยืดยาว ขอสรุปสั้นๆ เลยนะ 555+ ไอ้รูปที่ท่านถ่ายได้แล้วมันหายไปเพียงเสี้ยววินาทีนั้นน่ะ ถ้าเป็นเรื่องจริงๆ ในความคิดเห็นของผม คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก มันเป็นนก โฮโลแกรม! มันอาจจะเออเร่อตรงจุดนั้นพอดี!? หรือโปรแกรมขัดข้องทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี่ คือข้อสรุปของผมครับ

ถ้าสนใจก็จะมีพวกคนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่นำเสนอหลักฐานข้อมูลในโลกออนไลน์กันอยู่บ้าง ซึ่งไม่น้อยเลย ลองพิมพ์คำเหล่านี้ลงบน ยูทูป หรือ กุเกิ้ลดูนะครับ

hologram หรือ holographic ตามด้วยสิ่งของต่างๆเช่น
hologram bird , hologram airplane, hologram cloud

<object width="640" height="360"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/YkpElBgeEPI?hl=th_TH&amp;version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/YkpElBgeEPI?hl=th_TH&amp;version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="360" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>


<object width="480" height="360"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/r_EP4fZcYkY?hl=th_TH&amp;version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/r_EP4fZcYkY?hl=th_TH&amp;version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="480" height="360" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>


<object width="480" height="360"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/fgLBAe6mnq4?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/fgLBAe6mnq4?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="480" height="360" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

 

หัวข้อกระทู้พาสับสน บอกถ่ายติดพญาสดายุ เมื่อเข้ามาดู กลายเป็นความคิดส่วนบุคคล
ของ จขกท. ไป ถ้าไม่ใช่จริง พญาสดายุจะถูกคนเข้าใจไปต่างๆนาๆ เพราะไม่มีคนที่
เคยพบเห็นออกมายืนยันได้

 

1 หัวข้อคือ ถ่ายติด พญาสดายุ ลูกพญาครุฑ มิติที่ทับซ้อน ซึ่งถ้าท่านได้อ่านหัวข้อกระทู้ดีๆก็จะเห็นว่าผมไม่ๆด้พิมพ์ติดกัน ดังนั้น จึงเป็นการเชื่อมโยงของผู้อ่านเองนะครับ
2 ถ้าท่านได้อ่านเรื่องราวที่ผมพิมพ์ในโพสแรก ท่านก็น่าจะเข้าใจว่าผมเข้ามาถามผู้มีญาณว่านี่ใช่พญาสดายุหรือเปล่า เพราะยังไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ผม เชื่อเพราะเจอเหตุการณ์นี้มาด้วยตัวเอง คือไม่ใช่นกธรรมดาแน่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เข้ามาดูทีหลังมักไม่ได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดให้ถี่ถ้วน แล้วจะหาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็บอกอยู่ตลอดว่าผมเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่า และมีข้อมูลภาพ ให้ดูประกอบครับ
แล้วเรื่องราวทั้งหมดผมก็เขียนบอกอยู่แล้วว่าให้ใช้ปัญญาและวิจารณญาณ ของตนเอง ซึ่งใครจะเชื่อก็ต้องมีเหตุที่จะเชื่อ ส่วนใครไม่เชื่อก็ต้องมีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แล้วคุณจะกลัวคนอื่นเข้าใจผิดทำไมครับ เพราะผมเข้ามาถามผู้มีญาณทิพย์ทั้งหลายเพื่อจะขอคำยืนยัน แต่ไม่เห็นมีใครมาตอบเลย นอกจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์กับนักถ่ายภาพ แถมล่าสุดนักตามล่ามนุษย์ต่างดาว อีกต่างหาก

 

คุณลืมอ่านเรื่องราวที่ผมเล่าหรือเปล่าครับว่ามันเป็นท้องฟ้าโปร่งๆที่ผมมองด้วยตาเปล่าแล้วมันไม่มีอะไรอยู่เลย ซึ่งถ้าเป็นนก ที่กำลังบินก็ต้องเห็นแล้วก็ต้องถ่ายได้อีก แล้วก็คงไม่ต้องมาเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันอยู่นี้หรอกครับ คนส่วนใหญ่รวมทั้งคุณ จะจับจ้องอยู่เพียงรูปถ่ายและการหลุดเฟรมของสิ่งๆนั้น จนไม่มองถึงสถานะการณ์จริงนอกเหนือภาพถ่าย ว่ายังมีคนที่เป็นแม่และพี่สาวผมและแฟนผมซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เขาก็มองท้องฟ้าอยู่เช่นกัน ซึ่งทุกคนก็ไม่เห็นอะไรบนท้องฟ้าเหมือนกันนะครับ

 

ขออ้างอิง ข้อมูลที่เพื่อนสมาชิค คุณ Zeuss เอามาตอบให้ผมหน่อยนะครับ คือ

1. พระอาทิตย์ทรงกลด คุณคิดว่ามีรัศมี กี่กิโลเมตร เพราะเห็นกันได้ทุกมุมเมือง

-พระอาทิตย์ทรงกลดเกิดจากแสงสะท้อนกับผลึกน้ำแข็งเล็กๆ ในชั้นโทรโพสเฟียร์
เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงทำมุมกับเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสง ทำให้เกิดเป็นแถบสีรุ้ง ขนาดของพระอาทิตย์ทรงกลดจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากจะมีมุมมองขนาดเฉลี่ย 60 องศา จากขอบของปรากฏการณ์มาที่ดวงตาผู้มอง (แต่กรณีนี้ขนาดไม่มีผลจ้า)

คำอธิบายของผมคือตามหลัก perspective เมื่อ พระอาทิตย์ทรงกลด มีขนาดแตกต่างกันออกไป ผมจึงขอบอกว่าพระอาทิตย์ทรงกลดที่เกิดขึ้นในวันที่ผมถ่ายรูปนี้ได้ มันมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งผลในขนาดที่ปรากฎมันต้องแฝงระยะทางเอาไว้อย่างแน่นอน ซึ่งความลึกหรือมิติภาพ เกิดขึ้น
จากเส้นขนานในภาพ พุ่งไปที่จุดเดียวกัน เพื่อให้เกิดความลึก ซึ่เดี๋ยวจะมาดูกันว่ามันเกี่ยวยังไง


2. ต้องใช้เลนส์ไวน์เท่าไหร่จึงจะเก็บภาพได้หมด

-แค่กล้อง Compact ของ จขกท ก็เก็บภาพหมดได้สบายๆ

คำอธิบายของผมคือ
1 เลนส์มุมกว้างธรรมดา (Moderate Wide-angle lens) มีความยาวโฟกัสระหว่าง 28-35 มม. มีมุมองศาในการรับภาพระหว่าง 74-62 องศา

2 เลนส์มุมกว้างมาก (Ultra Wide-angle lens) มีความยาวโฟกัสอยู่ระหว่าง 13 -24 มม. มีมุมองศาในการรับภาพ 118-84 องศา

แต่ขอใช้คำตอบที่ 1 คือ 74-62 องศ และองศามีความสัมพันธ์กับ หลัก perspective เรื่องมุมมองการเห็นขนาดของสิ่งต่างๆ


3. ระยะที่คนยืนถ่ายรูปเพื่อให้ได้ภาพ วงรอบของพระอาทิตย์ทรงกลดน่าจะห่างจากพระอาทิตย์กี่กิโลเมตร

-ดวงอาทิตย์ห่างจากโลก 149,597,870 กิโลเมตร แต่ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดเกิดจากการสะท้อนผลึก
น้ำแข็งในชั้น โทรโพสเฟียร์ ซึงห่างจากผิวโลกประมาณ 10 กิโลเมตร ที่มุมมอง 60 องศา
ขนาดวงแหวนก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ [ 2 X Tan (30) X 10 กิโลเมตร11.4 กิโลเมตรโดยประมาณเจ้าค่ะ (แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับระยะนกบินอีกนั่นแหละ)

คำอธิบายของผมขอเอาคำตอบนี้มา คือ รัศมี วงแหวนกว้าง ประมาณ11.4 กิโลเมตร



4. คุณคิดว่านกตัวนั้น บินสูงเท่าไหร่จากระยะการถ่าย

คิดว่าไม่เกิน 300 เมตรหลอกจ้า
นกที่บินสูงที่สุดในโลก คือ ห่าน ทีมวิจัยพบว่าพวกมันสามารถบินได้สูงที่สุดที่สุดถึง 6,537 เมตร (บินเหนือเมฆ)
ที่ความสูงต่างๆกัน ระยะขอบถึงขอบมันต่างกันนะจ๊ะ เอาง่ายๆ เมฆชั้นต่ำสุดที่เราเห็นจะก่อตัวที่ความสูงต่ำกว่า 6,500 ฟุต (2,000 เมตร)
ถ้าเป็นเจ้าบั้งรอกจริงแล้วให้บินระดับเมฆระดับต่ำ ห่าง 2กิโลเมตรคงเห็นมันตัวเท่ามดจ้า


ขอธิบายอย่างนี้นะครับสำหรับข้อนี้ นกบั้งรอกใหญ่ตัวยาวแค่ 60 เซ็นติเมตรลองเอาวัตถุ ขนาด 60 เซ็นติเมตร ไปว่างให้ห่างจากท่าน แค่ 300 เมตร ดูซิว่าขนาดจะเหลือแค่ไหนครับ

ผมขออธิบายอย่างนี้ครับ

เรื่องที่ 1 ภาพสิ่งที่ปรากฎนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงหรือแทบจะติดกับ เมฆ ซึ่งคำตอบของ คุณ Zeuss เพื่อนสมาชิคคือ เมฆชั้นต่ำสุดที่เราเห็นจะก่อตัวที่ความสูงต่ำกว่า 6,500 ฟุต (2,000 เมตร) คือ 2 กิโลเมตร ซึ่งสิ่งที่ บินอยู่นั้น อยู่ในระดับ เกือบ 2 กิโลเมตรถ้ายึดตามระดับเมฆชั้นต่ำที่สุดเพราะอยู่ใกล้กับเมฆมาก ซึ่งหากเป็นนกบั้งรอกที่มีขนาดประมาณ 60 เซ็นติเมตร ซึ่งยังไม่ถึง 1 เมตรด้วยซ้ำ อยู่ห่างไปเกือบ 2 กิโลเมตร ขนาดจะเหลือแค่ไหน หรือไม่ท่านผู้อ่านลองเอาวัตถุ ที่มีขนาด 60 เซ็นติเมตร เอาไปวางให้ห่างจากตัวประมาณ 300 เมตร ดูครับว่า ขนาดจะเหลือเท่าไหร่



เรื่องที่ 2คือ เลนส์มุมกว้างธรรมดา (Moderate Wide-angle lens) มีความยาวโฟกัสระหว่าง 28-35 มม. มีมุมองศาในการรับภาพระหว่าง 74-62 องศา
ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดเกิดห่างจากผิวโลกประมาณ 10 กิโลเมตร ที่มุมมอง 60 องศา
ดังนั้นในมุมองศารับภาพของเลนส์ไวด์ ขนาด 62 องศา จึงรับภาพของพระอาทิตย์ทรงกลดที่มีความห่างจากผิวโลกประมาณ 10 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 11.4 กิโลเมตร ซึ่งจากข้อมูลเพื่อนสมาชิคนั้นช่วยได้มากเลยที่จะบอกระยะความห่าง โดยใช้องศาของเลนส์ไวด์


สรุปคือ
1 เลนส์ไวด์ของกล้องสามารถจะเก็บภาพพระอาทิตย์ทรงกลด โดยเทียบเป็นระยะห่างจากโลก ประมาณ 10 กิโลเมตร รับภาพรัศมีพระอาทิตย์ทรงกลดที่มีมุมกว้างประมาณ 11.4กิโลเมตร ได้ด้วยเลนส์ไวด์ 62 องศา ขอย้ำอีกซักที่ว่า รัศมีพระอาทิตย์ทรงกลด กว้างประมาณ 11 กิโลเมตร

2 เมฆที่เกิดขึ้นระดับต่ำจะเกิดห่างจากผิวโลกประมาณ 2กิโลเมตร ซึ่งสิ่งที่ถ่ายติดนั้นอยู่ ในระดับใกล้เมฆมาก จึงหน้าจะอยู่ในระยะประมาณ 1กิโลเมตรกว่าๆ หรืออาจจะถึง 2 กิโลเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเป็นนกบั้งรอกใหญ่ซึ่งมีขนาด 60 เซ็นติเมตรอยู่ไกลเกือบ 2 กิโล จะมีขนาดใหญ่อย่างนี้ได้หรือครับ
ดังนั้นระยะความกว้าง 11กิโลเมตร และความสูง 10 กิโลเมตรของพระอาทิตย์ทรงกลด จะต้องหักลบ ออกจาก ระยะที่เมฆชั้นแรกเกิดขึ้น 2 กิโลเมตร นั่นเท่ากับว่า เมฆชั้นแรก อยู่ห่างจาก การเกิดพระอาทิตย์ทรงกลด เพียง 8 กิโล ดังนั้นจึงดูเหมือนรัศมีของพระอาทิตย์ทรงกลด แคบมาก ซึ่งจริงๆแล้วถ้ามองด้วยตาเปล่าก็ยังเห็นว่ากว้างมากกว่ากล้องถ่ายรูปที่มีองศารับภาพเพียง 62 องศา แล้วภายใน 24 วินาทีถ้าเป็นนกบั้งรอกจริงจะ บินออกจากรัศมี 11 กิโลเมตรซึ่งมองด้วยตาเปล่าได้ทันเหรอครับ ซึ่งผมก็ได้มองด้วยตาเปล่าหลังจาก่ถายติดทันทีนะครับ

ขอเพื่อนสมาชิคลองคิดตามดูครับ

 

ผมขอถามท่านซัก1 ข้อนะครับ คือท่านถ่ายรูปนก ท่านใช้ เลนส์เทเล ถ่ายหรือ เลนส์ไวด์ ถ่ายครับ ผมคิดว่าท่านถ่ายภาพนก ท่านต้องใช้เลนส์เทเล แน่ๆเลยใช่ไหมครับ
แต่ภาพนี้ผมถ่ายด้วยคอมแพ็ค ที่เป็นระยะไวด์สุดของกล้องนะครับ เรื่องเวลา24วินาทีกับเลนส์ไวด์ ท่านคิดว่านกจะบินออกไปทันไหมครับ เพราะรัศมีการรับภาพกว้างมาก เพราะผมตั้งใจจะถ่ายพระอาทิตย์ทรงกลด ไม่ใช่นกครับ

 

ผมลองเอารูปนี้ให้เพื่อนที่ทำงานด้านปักษาวิทยา (ในส่วนภาคสนามสำรวจ) เค้าใช่เวลาดูอยู่ราว30วินาที (ผมไม่ได้บอกเค้านะครับว่าอาจเป็นนกสดายุ)แล้วเค้าก้ออุทานออกมา "เห้ย นี่มันนกอะไรวะเนี่ย" อ้าวคิดว่ารู้ซะอีกแล้วนายไม่เคยสำรวจนกที่มีลักษณะคล้ายๆแบบนี้บ้างเหรอ "เคย แต่มันเป็นนกประเภทบินเร็วหางสั้น จำพวกเหยี่ยว อะไรแบบนั้น" แล้วถ้างั้นทำไงถึงจะรู้ได้ล่ะว่ามันเป็นนกอะไร "ที่แน่ๆมันไม่ใช่นกแซงแซวหาวบ่วง ไม่ใช่กางเขนดง ไม่ใช่บั้งรอก ไม่ใช่สายพันธุ์เหยี่ยวทุกชนิด ตัวน่าใหญ่เท่านกอีกา ขอรูปภาพนี้ได้มั้ยเราจะเอาไปให้ฝ่ายวิเคราะห์ดู"...เราต้องขออนุญาตเจ้าของรูปเค้าก่อน เพราะเค้าถ่ายได้มันถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ที่พบ ถ้าเค้าให้เดี๋ยวจะส่งให้ทางเมล์....
...คุณ polpavin ผมอนุญาตขอรูปนกที่ว่านี้แบบชัดๆสัก3-4รูปพอจะได้มั้ยครับ ขนาดเพื่อนผมมันมันอุทานร้อง เห้ย นี่แสดงว่ามันไม่ใช่แค่นกธรรมดาทั่วไปที่พบเห็นกันซะแล้ว

 

เชื่อไปเถิดครับ จะมีจริงไม่มีจริง ถ้าศรัทธาเกิดแล้วไม่ได้ไปมีปัญหาไปทำใครเดือดร้อนก็ไม่ผิดหรอกครับ

สำหรับผม จะพยาครุฆ หรือพนานาค หรือจะสดายุ อะไรมันก็ไม่มีจริงทัง้นั้นแล แต่เป็นเพราะศรัทธากับความเชื่อ สิ่งเหล่านี้ เลยถือกำเนิดมา เป็นของจริงขึ้นมา แต่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บิดเบือนตนให้เป็นอย่างที่เราเชื่อ เชื่อว่ามีพยานาค เชื่อว่าพยานาคเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พยานาคก็จะมีเป็นอย่างนั้น เชื่อว่ามีครุฑ ก็มี เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่เกิดขึ้นมาหลังความเชื่อ คือเกิดมาจากศรัทธาของมนุษย์เรานี่เอง

 

ได้ครับ ก็เซฟรูป ที่ผมโพสไปได้เลยครับเพราะเป็นไฟล์ดิบ ของรูปอยู่แล้วครับ

 

ผมขอให้ข้อมูลรูปภาพเพิ่มเติมเรื่องระยะความสูงหน่อยนะครับ

1 ความสูงของ ช้างเอราวัณ ซึ่งมีความสูง 43.6 เมตร สูงเทียบเท่าตึก 14 ชั้น

2 เสาไฟฟ้าแรงสูง ในหัวข้อข่าวจากสำนักพิมพ์ข่าวสด ที่มีขนาดความสูง 60 เมตร
มีเนื้อข่าวดังนี้ วันที่ 1 ก.ค. สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับเเจ้งว่าพบชายกำลังปีนเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่ถ.เพชร เกษม-หนองยิงหมี ม.11 ต.หนองตาแต้ม ตรวจสอบพบนาย ทวี ไม่ทราบนามสกุล อายุ 42 ปี กำลังปีนป่ายเสาส่งไฟฟ้า แรงสูงที่สูง 60 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุบายหลอกให้นายทวี ลงมาเอาเหล้า ก่อนควบคุมตัวนายทวีไว้ได้ จากการพยายาม พูดคุยกับนายทวีที่ยังอยู่ในอาการมึนเมาไม่ได้สตินั้นไม่ ยอมพูดจาใดๆ ด้วยเนื่องจากเครียด จึงส่งตัวไปยังร.พ ปราณบุรี เพื่อให้จิตแพทย์ดูแลต่อไป ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

3 ธงชาติที่สูงที่สุด ที่อ.เบตง จ.ยะลา สูง 65 เมตร

4 ตึก "สำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย" ถ.ราษฎร์บูรณะ สูง 207.6 เมตร มี จำนวนชั้น 42

5 ตึกใบหยก 2 จำนวนชั้นรวมชั้นใต้ดิน 88 ชั้น มีความสูงถึง 304 เมตร(ไม่รวมเสาอากาศ)

นี่คือรูปภาพของวัตถุที่ อยู่ในระดับความสูงต่างๆกันไป ตั้งแต่ 43 เมตร จนถึง 304 เมตร ซึ่งตามที่เพื่อนสมาชิค คุณ Zeuss เคยให้คำตอบจากการประมาณการว่า สิ่งที่ถ่ายได้ บินสูงไม่เกิน 300เมตร ซึ่งนั่นอาจจะบินได้สูงเกือบเท่าตึกใบหยก 2 ซึ่งสูงเป็นอันดับ 47 ของโลก แต่แท้จริงแล้วเพียวเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่มีความสูงเพียง 40 กว่าเมตร ก็ทำให้คนที่มีขนาด เกือบ2เมตร ตัวเล็กแทบมองไม่เห็นหน้าแล้ว ซึ่งความสูงของสิ่งที่บินอยู่นี้ ยังไงก็บินสูงกว่าเสาไฟฟ้าแรงสูง ขนาด 40กว่าเมตรอย่างแน่นครับ เพียงมองจากรูปก็คงจะประมาณกันได้นะครับ ว่าสูงกว่าเสาไฟฟ้ามาก
และก่อนหน้านี้ ผมเคยได้บอกไว้แล้วว่า สิ่งนี้บินอยู่ใกล้กับเมฆชั้นที่ 1 ซึ่งห่างจากพื้นโลก ถึง 2 กิโลเลยที่เดียว แต่ก็ยังมีความใหญ่มากแล้วก็ ในเวลา 24 วินาที ก็ไม่หน้าจะหายไปได้ในทองฟ้าโปร่งๆ ไม่มีเมฆ ทั้งขนาดเลนส์ไวด์ 62 องศา และตาเปล่าที่มีองศารับภาพกว้างกว่า ลองเปรียบเทียบดูครับ

 

ผมขอเอาข้อมูลระดับเมฆและภาพถ่ายพระอาทิตย์ทรงกลดที่พอจะมีสิ่งที่วัดระยะได้มาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ
ภาพที่1คือ ข้อมูลระดับเมฆ ซึ่งที่ผมวงไว้หน้าจะเป็นลักษณ์ของเมฆอย่างในรูปนี้ซึ่งหน้าจะเกิดขึ้นต่ำกว่า2กิโลเมตร

ภาพที่2คือภาพถ่ายพระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งมีเสาไฟ เสาไฟชนิด HighMast  ความสูง โดยมาตรฐานอยู่ที่ 21เมตร แล้วในภาพก็มีระดับเมฆให้ดูด้วยครับ

ภาพที่3 คือเสาไฟฟ้าซึ่งสูงไม่เกิน 15เมตร หากสิ่งที่บินอยู่ บินสูง กว่า60เมตร จะต้องเอาเสาไฟฟ้านี้ต่อกัน ถึง4ต้น ทุกท่านคิดว่ามันสูงแค่ไหนครับ แล้ว ถ้าเป็นนกธรรมดาจะเหลือขนาดเล็กแค่ไหน