พระธรรมที่หลวงปู่บุดดา ถาวโร ให้แก่คนพ้นโลก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย lionking2512, 28 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    กามาจรกุศลนะ ต้องมีอยู่ที่กาย วาจาจิต นี่นะ สืบเนื่องภายในนี่นะ รูปาวรกุศลนี่อยู่ภายในนี่นะ และจะออกไปดูพระไตรปิฎกภายนอกเอามาเปรียบเทียบกัน เอามารวมกันรูปาวจรจิตน่ะมันอยู่ที่นามรูปนี่นะ แล้วมันจะไปผ่านพระไตรปิฎกภายนอกได้ เรียกว่า โลกุตรภูมิจิตนี่ จิตก็ต้องถึงโลกุตรภูมิ กายมันก็ต้องถึงด้วยกัน กายพระโสดา กายพระสกิทาคา อนาคา อรหันต์ กายเนื้อยังอยู่ กายธรรมก็ชักจูงกายเนื้อเข้าไปหา ภิกษุ สามเณรก็ไปแนวเดียวกัน อุบาสก อุบาสิกา ก็แนวเดียวกัน

    ก็ดูปัจจุบันไม่มีใครทำชั่วหรอก ถึงได้รับสมมุติว่าเป็นชายก็ดีมันไม่ทำชั่วหรอกชายคนนั้นน่ะ แต่สมมุติว่าเป็นหญิงล่ะ มันมีมาแต่เดิมน่ะ อิตถีภาวะนี่มันดึกดำบรรพ์มาแล้ว ใครจะไปแก้ไขไม่ได้ วิสยภาวะนี่มันแก้ไขไม่ได้ ไม่ถึงนิพพานมันลบล้างกันไม่ได้ ไปถึงนิพพานด้วยกัน กายและจิตมันก็จะต้องเข้าสู่มรรคจิต ผลจิต ถึงวิมุตติจิต ต้องไปให้ถึง นิโรธธรรม นิพพานธรรม เราเรียนไว้ดี มีจริง ๆ นะ

    มนุษย์ธรรมมันก็มีจริงของธรรม เทวธรรมก็มีจริง พรหมธรรมก็มีจริงโลกุตรธรรมมีจริง อริยะมรรคสี่ก็ธรรมะ อริยผลสี่ก็ธรรมะ นิโรธธรรมก็ธรรมะ นิพพานธรรมก็ธรรมะ โลกียะธรรมก็ธรรมะทั้งนั้นโลกุตระธรรมก็ธรรมะ เราจะอยู่กับธรรมะหรือเราจะอยู่กับคน

    ถ้าเราอยู่กับคนก็ไปเถอะ ไปอยู่กับคนนั่นน่ะ คนนี้มันมีหลายจำพวกนี่ มีหลายประเภทนี่ คนมันอยู่บ้านเดียวกัน อยู่ห้องเดียวกันมันยังเถียงกันนี่ ถึงแม้จะรู้ว่าเถียงกัน เราจะไปห้ามคนอื่นเขาได้รึ พ่อกับลูกมันก็เถียงกัน เพราะอย่างนั้นอย่าเถียงกันดีกว่า ว่าอะไรแน่ กายมีจริงไม๊ สืบดูกายเสียก่อน จิตมีจริงไม๊ มีจริงหรือเปล่า ตามีจริงไม๊ หูมีจริงไม๊ จมูกมีจริงไม๊ ลิ้นมีจริงไม๊ กายมีจริงไม๊ใจมีจริงไม๊ จริงสมมุติมันก็มีจริง สมมุติแล้วมันจริงวิมุติอีกด้วย ความจริงมันมีความเกิดดับความจริงความเกิดดับ ความไม่เกิดไม่ดับสิ่งของไม่เกิดไม่ดับนั้นเอง

    เพราะฉะนั้นให้ดูให้ทั่ว ๆ ก็แล้วกัน ดูพระไตรปิฎกภายนอกแล้ว อย่าไปลืมว่าพระไตรปิฎกภายในไม่มี รู้ภายในแล้วอย่าลืมว่าพระไตรปิฎกภายนอกไม่มี ต้องมีคู่กัน ธรรมดามีรูปก็ต้องมีนาม ธรรมดามีกายแล้วก็ต้องมีจิต มีจิตแล้วต้องมีกาย ต้องมีคู่กันอยู่อย่างนั้นน่ะ นี่หลุดก็หลุดด้วยกัน พ้นก็พ้นด้วยกัน ติดก็ติดด้วยกันมีแค่นั้น

    นี่ถ้าหากว่าเราถอดธรรมะเป็นสติปัญญา จิตใจเราอบรมให้อยู่ในสติปัญญา ในธรรมะแล้ว เราจะได้ทำสมถะความสงบทุกลมหายใจเข้าออก เราจะได้ทำวิปัสสนาเห็นความเกิดดับทุกลมหายใจเข้าออก ไม่มีใครมาบอกมันก็เห็นเอง. ไม่อยากดูมันก็ดูกันเอง ไม่อยากเห็นมันก็เห็นกันเอง ไม่อยากสงบมันก็สงบขึ้นเอง ทีนี้บอกให้ไปสำมะเลเทเมาไม่ไปแล้ว โลภะมันแกว่งมันไม่ต้องการแล้วมันเห็นโทษแล้ว โทสะมันสอน โมหะมันสอน มันเห็นโทษแล้ว ไม่เอาแล้ว นั้นแหละมันสงบจากโลภะ โทสะ โมหะ แล้วใช้ได้ สงบจากความเกิดเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์แล้วใช้ได้ จะเป็นด้านสมถะหรือวิปัสสนาก็ต้องให้พ้นทุกข์ด้วยกันก็แล้วกัน

    ขอเชิจชวนพี่น้องชาวพุทธน่ะให้เรียนพระวินัยไตรปิฎกทั้งภายในและภายนอกเป็นคู่กันไป อย่าทิ้ง อย่าประมาท อย่าไปโรมรันพระไตรปิฎกภายนอก อย่าไปโรมรันพระไตรปิฎกภายใน ผู้เขาทำได้ ทำได้มีอยู่ มีภิกษุสามเณรยืนยันอยู่ มีอุบาสก อุบาสิกาที่เขาทำได้ เขาก็ยืนยันอยู่ ไอ้พวกที่ไม่ได้ก็พวกที่ยังไม่เลิกจากบาป ยังไม่เลิกจากอกุศล มันก็สำมะเลเทเมาไป กันเขาไม่ได้ แต่พ่อเขาก็ยังห้ามเขาไม่ได้ แม่เขายังห้ามเขาไม่ได้ เราเป็นอะไรกับเขาจะไปห้ามเขาไว้ได้ แต่ครั้งพระพุทธเจ้ายังอยู่เขาอยากด่าเขาก็ด่าได้ แต่พระพุทธเจ้าไม่ถือให้อภัยเขา เรานั่งอยู่นี่ เราไม่ไปสนามหลวงเราไม่ไปสำเลเทเมากับเขา มันดีกว่ากันนะ ให้ดูตรงนี้มาก ๆ นะ

    เพราะฉะนั้นใครจะมีลูกมากหลานมากปู่ ย่า ตา ยาย เฒ่าแก่เพียงไรก็ตามใจ เราต้องให้อภัยคนฝ่ายไม่รู้ พวกไม่รู้น่ะจะให้อภัยคนรู้ไม่ได้นะ เพราะฉะนั้น เราต้องถือตามธรรมเนียมว่า พุทธคุณให้อภัยสัตว์ทั่วโลก ธรรมคุณก็ให้อภัยสัตว์ทั่วโลก สังฆคุณก็ให้อภัยสัตว์ทั่วโลก เราเจริญทางไว้ซึ่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ดีกว่าไปทรงจ้าวพ่อ จ้าวเขา จ้าวอะไรกันต่าง ๆ

    เขาเพียงแต่เอาวิญญาณนั่นมาทรง วิญญาณที่มาทรง ก็เลยอวดดี คนมักมากนี่ คนชั้นมักน้อยมันก็มี กายวิญญาณมี จักขุวิญญาณมี โสตวิญญาณมี ทำไมไม่ทรงไว้ ฆานะวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ มีมโนวิญญาณกับจิตตวิญญาณก็มี ก็ทำงานร่วมกันอย่างนี้ไม่ดีกว่าหรือ เราอย่าทิ้งธรรมะปัจจุบันนะ ไม่ว่าโลกียะหรือโลกุตระ ไม่ว่าศีลห้า ศีลแปด ศีลอุโบสถ ศีลสิบ ทำให้พ้นทุกข์ได้ทั้งนั้นแหละถ้าศีลยังมีทุกข์อยู่ นั้นเป็นสัตวะ มันไม่ใช่เป็นศีลนะ ศีลทุกองค์สิกขาบทน่ะให้พ้นทุกข์ทั้งนั้นแหละ ไม่ให้มีเกิดมีตาย ศีลไม่ใช่เกิด ศีลไม่ใช่ตาย ศีลต้องเป็นตัวปกติ ไม่เกิดไม่ ตาย ทุกสิกขาบทไปนะ ศีลห้า ศีลแปด ศีลอุโบสถ ศีลสิบนี่ ได้เท่านี้ก็สิ้นอาสวะ สิ้นสังโยชน์สิบ สิ้นอนุสัยเจ็ดแล้ว ก็แล้วกัน อย่าให้มี กามาสวะ ภวาสวะ ทิสาสวะ อวิชชาสวะ ขึ้นชื่อว่าอวิชชา ตัณหา อุปาทาน กิเลส กรรมวิบากแล้ว คบไม่ได้นะ คบเข้าไปเกิดเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์นะ

    ที่มา : พระธรรมเทศนาโปรดสมาชิก "คนพ้นโลก" โดย
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร ณ ตึก ส.ว. ชั้น ๒ วัดบวร ฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒
     
  2. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    อนุโมทนา สาธุค่ะ

    ขออนุญาติ นำลิงค์ไปฝากเพื่อนนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...