แกะรอยสถาปัตยกรรมองค์กรซ่อนเงื่อน

World War II memorial ถูกสร้างขึ้นเสร็จทันในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ บุช ผู้ลูก เรียกได้ว่า สีอาจจะยังไม่ทันแห้ง ตำแหน่งที่ตั้งคล้ายกับถูกจัดวางให้ดึงดูดความสนใจจากสิ่งหนึ่ง

ลินคอล์นไม่ได้มองอนุสรณ์ทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สองหรอกครับ (เพราะมันถูกสร้างขึ้นทีหลัง) แต่สิ่งที่ลินคอล์นมองคือ เงาที่สะท้อนภาพในสระน้ำ Reflecting pool ซึ่งกั้นระหว่างอนุสรณ์สถานทั้งสองนั่นเอง

ขอย้อนกลับไปที่นครวาติกันอีกครั้ง ...
เสาโอเบลิกที่นครวาติกัน เปรียบเหมือนอัศวินมีหน้าที่ปกป้องศาสนจักร โดยมีมหาวิหาร Saint's Peter เป็นตัวแทนของศาสนจักร

ผิดกับกรณีของกรุงวอชิงตัน

เสาโอเบลิก-อนุสรณ์วอชิงตัน เป็นตัวแทน อัศวินผู้พิทักษ์ หน้าที่ของเขามิใช่พิทักษ์บุคคลในฝ่ายการเมือง

เช่นเดียวกัน อนุสาวรีย์ลินคอล์นก็ไม่ได้ทำหน้าที่สอดส่องการทำงานของฝ่ายทหารหรือพวกอัศวิน

ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ดูแลและปกป้องความลับบางอย่าง (คาดว่า) คือ สัญลักษณ์ที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้เงาสะท้อนของเสาโอเบลิก


ด้วยความธรรมดาของเงาสะท้อน รูปทรงที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย การเปิดให้คนภายนอกทั่วไปเข้าชม ตำแหน่งที่ตั้งกับสถานที่ราชการ ... หากคุณอยากจะซ่อนสิ่งของบางอย่าง ปัจจัยเหล่านี้ย่อมสามารถอำพรางความลับที่ซ่อนได้เป็นอย่างดี

... ว่าแต่ ลินคอล์น เห็นอะไร ....​

 

The blade and chalice guarding o'er her gates.
She rests at last beneath the starry sky



มีดและจอกป้องพิทักษ์ประตูสู่
เธอรออยู่ใต้เวิ้งฟ้าดาราพราย



ราตรีสวัสดิ์ครับ​

:z1:z1:z1

 

ความเป็นจริงคือเช่นนั้น

ศึกของ สองศาสนา ยากที่จะหลี่กเลี่ยงได้
สยาม กำลังถูกทำให้เป็น สนามประลองเชิง
ผ่านรูปแบบที่ ซ้อนกลยุทธ์ ไว้หลายเชิงชั้น
การครอบงำความคิดไม่ได้เพิ่งเริ่มต้น
มันได้ถูกสร้างและสั่งสมมาอย่างยาวนาน
ตามแนววิธีการที่ว่า

"การยึดครองประเทศใดประเทศหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ"
"คือการยึดครองความเชื่อและวิธีการคิดของคนในประเทศนั้นๆ"
"จะไร้ซึ่งการต่อต้านและการต่อสู้อย่างสิ้นเชิง"

หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 หลายๆประเทศถูกเปลี่ยนแปลงครอบงำและเปลี่ยนแปลงความเชื่อและวิธีคิดไปแล้วแบบแยบยล

ขอให้สยามจงโชคดี

 

การครอบงำความคิดของสยามได้สุกงอมมากแล้ว ผลที่สุกจะให้ผลในไม่ช้า การเปิดเผยด้านมืดของผู้คนกำลังแสดงออกให้เห็น การทดลองคนดีกำลังเกิด หน่อไม้จะขึ้นหน่อสวยงามนั้น ต้องถูกไฟลน จากนั้นล้างด้วยฝน หน่อใหม่จะกำเนิดเติบโตอย่างสวยงาม เมื่อนั้นหน่อมหาชนจะเบ่งบานในแผ่นดินสยาม แต่ต้องของเก่าทิ้งไปของใหม่จึงมีที่ยืน
ผู้นำแห่งยุคมหาชน ต้องอยู่ในสัจจะ อย่างแรงกล้าเท่านั้น ขอให้เป็นคุณท่านทุกคน

 

ผมไม่อยากโดนข้อกล่าวหาว่าเห่อของนอก
ประเทศแห่งหนึ่งในอาเซียนก็มี ... ไม่น้อยหน้า อเมริกา

ขอขอบคุณเจ้าของภาพถ่าย

​

 

อ้าว!...ลืมครับลืม

ขอขอบคุณเจ้าของสถานที่ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

 

ยังไม่เห็น เสาโอเบลิก (Obelik) แต่เสาต้นที่เห็นมีลักษณะคล้ายเป็นเสา Mesonic pillar ของ Freemason

แต่ Freemason เป็นเสาคู่นี่ ... แล้วเสาอีกต้น อยู่ตรงไหน ... ?

 

เสาหนึ่งดุจตะวัน อีกเสานั้นดังจันทร์เพ็ญ​

ค่ำคืน ที่ผืนฟ้าสะท้อนบนผืนน้ำ ย่อมปรากฏ ดวงจันทร์​

 

ขอบคุณครับ คุณมณีส่องแสง น่าสนใจดีครับ หญิงสาวบนดวงจันทร์ ถ้าผมเคลียร์ปริศนาเมสันที่คาใจแล้ว เรื่องนี้ก็ดูน่าสนใจดีไม่หยอก ... ผมเพิ่งได้อ่าน

ผมเริ่มสนุกตรงที่ ...

เริ่มแกะรอยจากปทุม
ลามไปสู่อเมริกา
ข้ามฟ้าถึงนครวาติกัน
และกำลังตีตั๋วไปยัง The moon



โอ้ววววววววว....มึนตึ๊บ !

dannce_dannce_dannce_​

 

อ้อ... อีกนิดครับ คุณมณีส่องแสง

เป็นสถานที่ ร่าง ร่าง หนึ่งนอนอยู่...ในลักษณะ..เป็นรูป "ตัว L แต่เป็นตัวนอน และลักษณะเป็นรูป "เปียโน"...

L ภาพสะท้อนของ อักษร L ในภาษาอังกฤษ ตรงกับ อักษรกรีก และอักษรเซเมติค (Semitic หรือ ฮิบรู ซึ่งเป็นอักษรโบราณ) เป็นสัญลักษณ์แทนฝ่าเท้า โดยมีความหมาย การก้าวย่างหรือการชุมนุม (Walk or Gather)

เออ...ว่าแต่ไปยังดวงจันทร์ได้อย่างไรกันน้อ ... มีไอเดียพิลึกๆอยู่ครับ สำหรับคนมีตังค์ คือ การจัดพิธีศพโดยไม่ฝังแต่ศพจะถูกส่งไปยังห้วงอวกาศ ล่าสุดที่เคยได้ยินมา คือ เขาใช้แคปซูล บรรจุเถ้ากระดูกส่งขึ้นยังอวกาศแล้วนะครับ ผม ยังไม่ได้ติดตามรายละเอียดมากนัก เรียกวิธีการนี้ว่า Space burial

... อวกาศมันเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนพิศวง มีดวงดาวมวลมหาศาลกว่าดวงอาทิตย์หลายเท่า มีหลุมดำ มันไม่เพียงทำให้ มิติอวกาศ (Space) บิดเบี้ยว แต่ยังทำให้ เวลา (Time) ออกอาการพิลึกๆอีกด้วย

บางทีหญิงคนนั้น นั่นอาจจะเป็น สิ่งที่พลัดหลงระหว่างมิติเวลา หรือไม่ก็ ในอนาคตอีกร้อยปี มนุษย์เราอาจจะไม่ได้อาศัยบนโลกเรานี้แล้ว อาจจะมีลูกหลานของอาม่าคนนี้ อยากฝังศพบรรพบุรุษในฮวงซุ้ย ในสถานที่ใกล้ๆบ้านเกิดเมืองนอนเก่าของอาม่า (โลกตอนนั้นอาจจะ ไม่ใช่ที่น่าอยู่อีกต่อไป) ที่เรียกว่า The Moon ก็ได้มั้งครับ

 

*** ดวงตา ****

นั้น คือ ตาเราเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เหตุการณ์....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ไม่มีอะไร บังเอิญ
โลกุตตระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สูงสุดในจักรวาล คือ ผู้จัดสรร

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** L ****

คือ โลก
คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
คือ โลกุตตระ
คือ สิ่งศััดิ์สิทธิ์
คือ ผู้ที่ให้ร่างกายสังขารสัตว์โลก
คือ ผู้ส่งศาสนาให้หนทางหลุดพ้นทุกข์ทุกยุคสมัย
คือ บรมาจารย์ของมนุษย์ผู้นำประกาศศาสนศาสน์ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
มีดวงจันทร์เป็นฐานของโลกุตตระ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** Luna ***

จันทร์ ของแท้ ต้องมีตำหนิ
และเป็น ผู้ส่งมอบสัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** แผ่นทองแท้ศิลาแลง ****

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

Sanook like like like ka

 

ผมลองแนบภาพเค้าโครงใบหน้าของชาวอียิปต์โบราณ ใบหน้าค่อนข้างเป็นรูปสามเหลี่ยม-โหนกแก้มค่อนข้างสูง-จมูกเล็ก-ดวงตายาวและค่อนข้างใหญ่ ปกติศพมัมมี่จะสูงเฉลี่ยประมาณ 155-165 cm

จากรูป Mona lisa on the moon ตาทั้งสองข้างถูกเคลือบปิด-จมูกเหมือนถูกอุดเอาไว้- ปากเปิดออกโดยใช้วัตถุรูปแท่งดึงไว้ เพื่อ ? ...สงสัยสามีเธอขี้เกียจฟังเธอบ่น หรือไม่ก็ใช้ปากรั้งไม่ให้ดวงตาเปิดออกโดยไม่จำเป็น ... แดดบนดวงจันทร์แรง เห็นว่า ไม่มีชั้นบรรยากาศหรือไม่ก็คงกลัวผงเข้าตา (โคตรมั่วเลย 555)

ภาพสอง-รูปจำลองใบหน้าของ กษัตริย์ตุตันคาเมน
ภาพสาม-รูปปั้นครึ่งตัวของสตรีชาวอียิปต์ ที่ The Field Museum in Chicago

ส่วนการไขปริศนานั้น ผมยังไม่อยากลงไปเจาะมากเพราะข้อมูลมันอยู่ในระดับที่ยังไม่ชัดเจนเหมือนหลักฐานสิ่งก่อสร้าง บุคคล ในประวัติศาสตร์โลก

ตอนนี้มีเพียงหลักฐานคำบอกเล่า-ภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหว จากผู้เกี่ยวข้องในโครงการอวกาศเท่านั้น หากวันใดวันหนึ่งมันถูกระบุว่าเป็นการจัดฉาก ผมคงทำใจลำบาก คงช่วยจัดการให้ได้ในสิ่งที่มีหลักฐานสอดคล้องบนโลกครับ อาจจะขัดใจและถูกใจบ้างสำหรับคอยูเอฟโอกับปริศนามนุษย์ต่างดาวและชาวอียิปต์โบราณ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้

อ้อ...เดี๋ยวมีต่อนิดหน่อย เรื่องวัตถุคล้ายยานอวกาศบนดวงจันทร์ ขอเวลาดูรายการทีวีก่อน

 

วัตถุที่มีรูปร่างคล้ายยานอวกาศ ถ้าไม่ดูสเกลและภาพที่มีรายละเอียดสูงๆ ผมคงเชื่อว่าดวงจันทร์มีมนุษย์ต่างดาวจริงๆ อย่างน้อย พวกเขาก็รู้จักปลูกพริกไว้ทานกันบนนั้น

โอเค ล้อเล่นนะครับ เท่าที่เขาแนบรูปมาดูขนาดมันมหึมาทีเดียว มีลวดลายพิลึกๆด้วยแต่ผมอ่านไม่ออก ด้วยสภาพร่างกายของ mona lisa การจัดวางมือซ้ายทับมือขวา (ปกติมัมมี่อียิปต์จะวางขวาทับซ้าย ถ้าแบบไทยๆก็มัดตราสังข์แล้วจะบอกทำไมเนี่ย ) นึกถึงภาพ รองเท้านารี ครับ ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอก รองเท้านารี แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึง สายพันธุ์ดอกกล้วยไม้ แต่เป็น...โลงศพ

Slipper coffin เป็นโลงศพที่มีลักษณะคล้ายรองเท้าสตรี คือ แต่ปลายตัด ฝรั่งที่ค้นพบมันเลยเรียก slipper โลงศพแบบนี้ค้นพบครั้งแรก โน่นเลยครับที่ อิรัก เป็นศิลปะสมัยครั้งอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ปัจจุบันก็ประจำตามพิพิธภัณฑ์สถานต่างๆ ทางอียิปต์โบราณก็มี โลงศพเจอทั้งแบบมีฝาและไม่มีฝา (หรือไม่ฝาก็โดนขโมยใส่ไปในซองเปล่าส่งชิงโชค)

ด้วยจินตนาการอันบรรเจิด หากวัตถุคล้ายยานรูปพริกบนดวงจันทร์มีจริง โลงศพทรงรองเท้านารีคงได้รับแรงบันดาลใจมาจากยานรูปพริกก็เป็นไปได้ เธอและยานรูปพริกอาจจะอัปปางลงบนดวงจันทร์ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ (น้ำมันแพง-แก๊สหมด) สิ่งที่น่าสนใจ คือ เธอกำลังถูกส่งมายังโลก หรือ กำลังโดยสารยานรูปพริกออกจากโลกไปที่ใดสักแห่งในจักรวาล

เรื่องราวยานรูปพริกดังกล่าว ทำให้นึกถึงเรื่อง เรือสุริยะเทพ ในตำนานเทพเจ้าไอยคุปต์ เทพองค์นั้น(ผมจำชื่อไม่ได้ อ่านมานานแล้ว ลองหาอ่านดู )ใช้เรือสุริยะเทพนิราศไปยังเมืองต่างๆเพื่อตรวจความเรียบร้อย

Mona lisa อาจเป็นลูกสาวกำนัน เอ้ย กษัตริย์บางองค์ในยุคบรรพกาล บังเอิญปิ๊งกับเจ้าชายดาวดวงอื่นเข้า แห่ขันหมากมาหมั้นและแต่งงานที่บ้านเจ้าสาวเสร็จพิธี จะขึ้นยานกลับไปอยู่กินพร้อมกับเจ้าบ่าวก็ไม่ได้ เจ้าบ่าวเลยต้องสร้างยานรูปพริกให้เจ้าสาวเดินทางไปคนเดียว สุดท้ายก็มาอัปปางลงดวงจันทร์ซะก่อน เจ้าบ่าวก็เลยไปรอที่ทางช้างเผือก (โค-ตะ-ระ-นิทานเลย! )

โอเคเอา สาระบ้าง ...หาก Monalisa in the moon เป็นจริง แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่า นี่คือ กุญแจสำหรับไขกล่องปริศนาใบสุดท้าย หรือเพราะพวกเขาบอกกับเราว่า นี่คือ กล่องแห่งความลับใบสุดท้ายนอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว แล้วทำไมเราต้องยืนยันว่าทุกสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวสื่อสารมันเป็นจริง เขาจะไม่โกหกเราใช่มั้้ย ? เราจะเชื่อจิตดวงเดียวของเราที่ยังเวียนว่ายวนในสังสารวัฏได้จริงๆหรือ ?