นั่งสมาธิสบายไปเรื่อยๆ จนรู้สึกพอ ควรปฎิบัติต่ออย่างไรดี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย boingyaha, 21 มกราคม 2013.

  1. boingyaha

    boingyaha สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +9
    ผมนั่งสมาธิเป็นประจำ (ฟังซีดีหลวงพ่อแล้วทำตาม) ครั้งละประมาณ ครึ่ง ถึง หนึ่ง ชั่วโมงแล้วแต่โอกาสในช่วงเวลาประมาณ ตีสี่ ถึงตีห้าโดยประมาณ แรกๆก็สงบบ้างไม่สงบบ้าง ตอนนี้ผมสามารถสงบได้โดยเร็วภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีโดยมีความรู้สึกว่าตัวเป็นหินแข็งละเอียดใหญ่บ้างเล็กบ้างประมาณ 15-30 นาที (ไม่ได้นึกว่าเป็นหินน่ะครับ รู้สึกว่าทุกส่วนเป็นหินจิงๆ) บางครั้งยังกังวลว่าหนักเหลือเกินกลัวบ้านพัง นั่งพิจารณาไปจนอาการนั้นหายไป และก็นั่งนิ่งๆแบบสบายสบายไปเรื่อยๆ จนรู้สึกพอ และก็ได้อยู่แค่นี้ครับไปไหนต่อไม่ถูก จนหลังๆผมชักเบื่อครับก็เป็นได้อยู่แค่นี้ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย ช่วยแนะนำหน่อยครับว่าผมสมควรปฎิบัติต่ออย่างไรดี ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มกราคม 2013
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้า เข้ามาอ่าน เห็นเขียนว่า " ไม่รู้จะพึ่งใคร "

    แต่ พอเข้ามาอ่าน เห้ย คุณพึ่งตัวเองอยู่ นี่เอง แล้ว พึ่งตัวเองได้ดี เสียด้วย

    เช่น

    เห็น เบื่อใช่ไหม คุณกำลังเบื่อการปฏิบัติ ก็ นั่นไง เห็นไปตรงๆเลยว่า เบื่อ
    การปฏิบัติสมาธิ ปฏิเสธสมาธิ ตำหนิสมาธิว่าไม่ให้ผลอะไร ก็เห็นถูกได้ด้วย
    ตัวเองเลย

    แล้ว จะเอายังไงหละ เชื่อมัน เห็นมันคือเรา เราคือมัน หรือว่า ทำต่อ

    ถ้าทำต่อ ก็พิจารณา "เบื่อการทำสมาธิ" ไปจนกว่า มันจะเลิกบอกว่า "เบื่อ"
    แล้วผลิกล๊อคเป็น พอใจในสมาธิ พอใจในการสมาทานสิกขา มีจิตรักในสิกขาแนบแน่น

    จิตรักในสิกขาแนบแน่น นี่สุดยอดเลยละ พยามัจจุราช งง เลยหละ หาไม่เจอ
     
  3. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ขอตอบตามเท่าที่ทราบและปฏิบัติมา

    การปฏิบัติสมาธิ เป็นเรื่องปกติที่จะมีสงบ และ ไม่สงบ

    บางวันอาจจะรู้สึกว่า สงบมาก นั่งได้เรื่อยๆ ไม่ปวด ไม่เบื่อ

    บางวัน 5 นาทีก็จะไม่ไหวแล้ว หรือจิตใจไปนึกถึงแต่เรื่องอื่นๆ จนแพ้ใจตัวเอง

    อาการเช่นนี้ คือ บางวันสงบจิตรวมนิ่งดี บางวันก็ฟุ้งซ่าน มีนิวรณ์ 5 มาขวางกั้น เป็นเรื่องปกติวิสัยของผู้ปฏิบัติ

    หน้าที่ของเราคือทำไปเรื่อยๆ ควบคู่กับการรักษาศีล

    ตอนนี้คุณกำลังขาดกำลังใจในการปฏิบัติ และมีนิวรณ์ 5 มาขัดขวาง

    ผมก็เช่นกัน ตอนนี้ก็ทำไปเรื่อยๆ และพยายามปฏิบัติเพื่อละนิวรณ์ 5 ทำไปเหมือนกับกินข้าว ทำทุกวัน บางวันอิ่ม บางวันไม่อิ่มก็ทำไป

    แนะนำลองฟังเทศนาของหลวงพ่อวิริยังค์ ครับ
    ( ส่วนตัวผมฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมามาก )

    ตามลิ้งข้างล่าง

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=HGdiVuSzf9s]17.วิธีฝึกจิตให้มีพลัง ตอนที่ 1 - YouTube[/ame]

    สามารถโหลดเพิ่มเติมได้ที่

    คำสอนหลวงพ่อวิริยังค์เรื่องหลักการฝึกจิตให้สงบ | CosmicNirvana.com

    เกินกว่านี้ผมขอไม่แนะนำ เพราะเกินความรู้เฉพาะตน
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ทำดีแล้ว ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ครับ

    อาการต่างๆที่เกิด ทางกายก็ดี ทางใจ ก็ดี ไม่ต้องไปสนใจใดๆ ครับ

    อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิดไป

    ตั้งสติ อยู่กับ ผู้รู้ ครับ มีอะไรมากระทบ ก็ อย่าเอา จิต ไปยึดใดๆ ครับ

    อาการเหมือนตัวเป็น หิน บลาๆๆ นั้น ไม่ต้องไปสนใจครับ

    เป็นอาการเบื้องต้น ของ จิต ที่กำลัง สงบ รวมลงเป็น สมาธิ ครับ

    แต่ จขกท. ดันไป วิตก วิจารณ์ อาการตัวเป็นหิน มันเลย ติดอยู่แค่นั้นไม่ไปไหนครับ

    จะเป็นหินเฉพาะส่วน หรือ จะเป็นหินทั้งตัว ขยับไม่ได้ ไม่หายใจ ชา เย็น แข็ง ต่างๆนาๆ บลาๆๆอื่นๆอีกเยอะ ก็ไม่ต้องไปสนใจครับ

    อะไรจะเกิด ก็ไม่ต้องไป กลัว มันไม่ตายหรอกครับ แค่ กิเลสหลอกว่า จะตายเฉยๆ

    ปฏิบัติ สร้างความดี กรรมดี ฝ่าย บุญ กุศลกรรม ครับ


    แนะนำว่า ต่อไป เวลา ปฏิบัติ จะมีอาการอะไรต่างๆนาๆ จะตัวเป็นหิน หรือจะ อย่างอื่นๆ เยอะแยะไปหมด

    ไม่ต้อง สนใจ อาการต่างๆใดๆ ทั้งสิ้น ครับ

    ให้ตั้ง สติ อยู่กับ ผู้รู้ มีอะไรอื่นๆ มากระทบ ก็ไม่ต้องไปสนใจใดๆ ทั้งสิ้นครับ จขกท.

    แล้วจะ ปฏิบัติ ก้าวหน้าไปขึ้นไป ไม่ติดอยู่แค่ตรงนี้ครับ


    เมื่อ สติ ตั้งมั่น สงบนิ่ง จน จิต รวมลงเป็น สมาธิ แล้ว กาย กับ จิต แยกออกจากกัน เพราะ จิต รวมลงเป็นสมาธิแล้ว

    ให้ พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม สติปัฐฐาน 4 ครับ

    ถ้า จิต มีกำลังพอ จะออก พิจารณา สติปัฐฐาน 4 ได้

    แต่ถ้า จิต มีกำลังไม่พอ จิต ไม่มีกำลัง ก็จะออก พิจารณาไม่ได้ ครับ


    สิ่งสำคัญ ของการปฏิบัติ คือ จิต รวมลงเป็น สมาธิ ครับ

    ไม่ใช่ วิปัสสนึก ที่ นึกนั้น นึกนี้ ขึ้นมาเอง ครับ
    .

    ลองอ่านดูนะครับ ตามตำรา วิธีฝึกต่างๆ

    สมาธินั้น คร่าวๆ แบ่งออกเป็น

    ขณิกสมาธิ, ฌาน, อุปจารสมาธิ, ปฐมฌาน,
    นิวรณ์ ๕, ทุติยฌาน, ตติยฌาน (ฌาณ๓),
    จตุตถฌาน (ฌาน ๔) รูปฌาน, อรูปฌาน,

    ลองดูครับ ว่า สมาธิ ของ จขกท นั้น คือ สมาธิ หรือยัง จิต รวมลง จน จิต เป็น สมาธิ หรือยังครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2013
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สาธุ ดีแล้วที่ไม่หลงยินดีกับสภาวะของเล่นแห่งจิตพวกนี้

    ให้ศึกษาเรื่องวิธีเจริญสติ สติปัฎฐาน ต่อเลยครับ
     
  6. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    วิปัสสนาต่อเลยครับ จิตที่สงบ มีกำลังในการพิจารณาธรรมะได้ดีครับ...
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    สิ่งที่คุณเล่ามา สามารถล่วงรู้ถึงลักษณะอุปนิสัยใจคอของคุณได้เลยขอรับ เพราะสิ่งที่คุณเล่ามา เป็นเพียงความหลงในตัวเองของคุณเท่านั้น คุณไม่ได้มีสมาธิอะไรเลย มีแต่เพ้อเจ้อ คิดเอาเอง ยิ่งบอกว่ารู้สึกพอ นั่นคือความหลง ยังไม่ถึงสมาธิ ถ้านับเป็น ฌาน(ชาน) ก็เรียกว่า ยังไม่ถึง "เอกัคคตา" คือ ไม่มีสมาธิ

    การปฏิบัติสมาธิ ไม่มีคำว่ารู้สึกพอ ไม่มีความว่ายินดียินร้าย ไม่มีความว่ารู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ารู้สึกแสดงว่า "วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข " แต่ไม่มีสมาธิ คือไม่มี "เอกัคคตา"
    อ่านแล้วพิจารณาเอาเองเถอะขอรับ
     
  8. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    ขี้เกียจ ก็ทำต่อไป ขยันก็ทำต่อไป เบื่อก็ทำมันต่อไป ทำมันทุกๆวัน เดี๋ยวก็เห็นเองแหล่ะ
     
  9. NanoProbe (นาโนโพรบ)

    NanoProbe (นาโนโพรบ) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +261
    สมาธิดี ก็ควรดีใจครับ ให้ต่อด้วย วิปัสสนา นะครับ
    รายละเอียดของการเจริญวิปัสสนา ให้อ่าน จากหลวงพ่อฤาษีครับท่านเขียนง่ายดี หรือฟัง mp3 ตามไปเลยก็ได้ จะได้ความรู้มากมาย หรือ ของหลวงพ่อท่านอื่นๆครับ

    พิจารณาตามให้ จิต คลายจาก กิเลส เกิดความหน่ายจากกิเลส
    วิปัสสนาและกรรมฐาน ควรทำคู่กันครับ
    เดินต่อไป นะครับ เอาใจช่วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2013
  10. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    การฝึกสมาธินั้นไม่จำ่ต้องนั่งหลับตาเสมอไปครับ แต่ที่นิยมนั่งหลับตาเพราะเป็นรูปแบบที่นิยมกันมานาน
    ลองฝึกการฝึกดูจิตแห่งนามในใจปัจจุบันที่เป็นอยู่
    มองความคิดภายใจไปเรื่อยๆลองฝึกควบคุมความคิดตนเองดู
    พิจารณาจนเช้าถึงความว่าง กล่าวคือมองทุกอย่างให้แทงตลอด
    จนเห็นถึงความไม่มีอะไรเลย ฝึกได้ทุกท่าอริยาบทครับ ไม่เฉพาะเจาะจง
    หากนั่งหลับตาแล้วเกิดนิมิตว่าตนเองหนักคล้ายหิน ก็จงถอนจิตออกมา
    กล่าวคือเปลี่ยนมาลืมตาดูสภาวะแห่งรูปธรรมภายนอกบ้างอย่างนี้เป็นต้น​
     
  11. boingyaha

    boingyaha สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณทุกท่านครับสำหรับทุกคำแนะนำ อย่างที่บอกครับกระทู้แรก สิ่งที่ผมกลัวที่สุดไม่กล้าปรึกษาใครก็กลัวเขาหาว่าขี้โม้นี่แหละครับเวลาแอบเห็นเพื่่อนๆคุยกันเรื่องธรรมมะ หรือ เรื่องนั่งสมาธิ ใครที่ฝึกได้ระดับเดียวกับเราผมก็จะรู้ว่าเขาพูดจริง ถ้าเขาพูดในสิ่งที่เรายังไม่เคยได้ก็จะไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าว ก็เลยได้แค่ฟังแล้ว อืมๆๆ เงียบไว้ เลยต้องมาตั้งกระทู้ถามที่นี่แหละครับ ที่ผมบอกว่าเบื่อสมาธิ ไม่ได้หมายถึงเบื่อระหว่างนั่งสมาธินะครับ แต่หมายถึงว่านั่งมาตั้งนาน ยังเหมือนเดิมพักหลังรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมดโดยเฉพาะวันที่นั่งแล้วสงบสุขเป็นพิเศษ เลยรู้สึกว่ามันถอยหลังอย่างไงไม่รู้ เลยเกิดอาการเบื่อๆ เซ็งๆ คิดอยากเลิกปฎิบัติ กลับไปกินเหล้า เที่ยวผู้หญิงเหมือนเดิมให้มันรู้แล้วรู้รอด
    สมาธิดี ก็ควรดีใจครับ ให้ต่อด้วย วิปัสสนา นะครับ
    รายละเอียดของการเจริญวิปัสสนา ให้อ่าน จากหลวงพ่อฤาษีครับท่านเขียนง่ายดี หรือฟัง mp3 ตามไปเลยก็ได้ จะได้ความรู้มากมาย หรือ ของหลวงพ่อท่านอื่นๆครับ

    ที่เพื่อนๆเนะนำมาผมก็ทำอยู่ครับ แต่มันไม่ง่ายเหมือนหลวงพ่อบอก เปรียบเทียบกับการทำสมถะกรรมฐานผมรู้สึกว่ามันง่ายมาก
    ปล.บุญกุศลใดที่ท่านได้กรุณาแนะนำแก่ผมในวันนี้ขอให้บุญนั้นกลับไปสู่ท่านร้อยเท่าพันเท่าเป็นเหตุให้ท่านบรรลุธรรมสูงๆ ขึ้นไป
     
  12. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    สิ่งที่เกิดกับคุณนั้นคือ อาการที่เรียกว่า ปิติหรือสุข เท่านั้น อาการนิ่งสงบในเวลาอันสั้นนี้เกิดจากจิตคุณมีสมาธิแล้วนั่นเอง ที่สำคัญอาการแบบนี้จะหยุดอยู่แค่นั้นไปต่อไม่ได้ เหมือนสมาธิไม่ก้าวหน้าหรือ สมาธินิ่งอยู่กับที่ใช่ไหมครับ ส่วนการที่คุณคิดว่าตัวเองเป็นหิน เนื่องจากอาการเกร้งตามร่างกายนั่นเอง วิธีแก้ เมื่อมีความรู้สึกแบบนี้อีก ส่วนไหนที่คิดว่าแข็งให้พยายามผ่อนคลาย เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอาการดังกล่าวแล้ว ให้พิจารณาร่างกายสังขาร ผมขอแนะนำคุณแค่นี้ ไม่อยากบอกมาก เดี๋ยวมีคนบางคนจะคิดไม่มีกับผมอีก...หวัดดี
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    แนะนำลองฟังเทศนาของหลวงพ่อวิริยังค์ ครับ
    ( ส่วนตัวผมฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมามาก )
    "
    .........ตามลิ้งข้างแนะนำลองฟังเทศนาของหลวงพ่อวิริยังค์ ครับ
    ( ส่วนตัวผมฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมามาก )

    ตามลิ้งข้างล่าง......"

    อนุโมทนา ครับ. ดูเเล้วขอประยุกต์เจริญสติตามเเนวหลวงพ่อวิริยังค่์



    17.วิธีฝึกจิตให้มีพลัง ตอนที่ 1 - YouTube


    17.วิธีฝึกจิตให้มีพลัง ตอนที่ 1 - YouTube
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    ตอนนี้ผมสามารถสงบได้โดยเร็วภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีโดยมีความรู้สึกว่าตัวเป็นหินแข็งละเอียดใหญ่บ้างเล็กบ้างประมาณ 15-30 นาที (ไม่ได้นึกว่าเป็นหินน่ะครับ รู้สึกว่าทุกส่วนเป็นหินจิงๆ)

    +++ องค์ประกอบในสภาวะแห่งความ "เป็นตัวคุณ" ในขณะนั้น จะเป็นอาการ "รู้ชัดเจน" อาการที่เรียกว่า "นึกหรือคิด" ยากที่จะเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่ามี ก็ไม่มีอิทธิพลแต่อย่างใดทั้งสิ้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณในขณะนั้นจะมีลักษณะที่เรียกได้ว่า "พระหินตั้งอยู่บนฐานหิน ต่างก็ล้วนเป็นเนื้อหินเดียวกัน" ใช่หรือไม่ ถ้าหากใช่ก็อ่านต่อนะครับ

    นั่งพิจารณาไปจนอาการนั้นหายไป และก็นั่งนิ่งๆแบบสบายสบายไปเรื่อยๆ จนรู้สึกพอ และก็ได้อยู่แค่นี้ครับไปไหนต่อไม่ถูก

    +++ ถ้าใช่ ไม่ควรเอาสิ่งที่เรียกว่าพิจารณา เข้ามาแทรกแซง อาการที่เกิดขึ้นจริง เป็นอยู่จริง แห่งปัจจุบันขณะในขณะนั้น ๆ (สัจจธรรม) เพราะในขณะนั้น คุณ "อยู่" ตรงรอยต่อหลักของทางแยกระหว่าง วิปัสสนา กับ สมถะ และในขณะนั้น "ความรู้สึกมีอยู่เต็มทั้งร่าง" ตรงนี้ผมเรียกมันว่า สติ สามารถครองฐานของ เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ได้อย่างเต็มฐาน

    ช่วยแนะนำหน่อยครับว่าผมสมควรปฎิบัติต่ออย่างไรดี

    +++ หากต้องการเดินเข้าสู่ "วิปัสสนาญาณทัศนะ" ให้ "รู้" ขอบเขตของ "ความรู้สึก" แบบชนิด "ทั้งร่าง" (ตรงนี้เป็นการ "คร่อม" สองฐานเอาไว้ด้วยกัน คือ "อยู่" กับ กายานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน และ เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน คุณไม่จำเป็นต้องรู้ข้อความในวงเล็บนี้ก็ได้ แต่ให้เดินจิตต่อไปเลย)

    +++ หลังจากที่ ขอบเขตของ "ความรู้สึกทั้งตัว" มีอาการ "ถูกรู้" แล้ว ให้ปล่อยทิ้ง (แช่) เอาไว้อย่างนั้นสักครู่ ปรากฏการณ์ของ "ความรู้สึกทั้งตัว" นั้นจะมีอาการคล้าย ๆ "แยกเหลื่อม ๆ" ออกไปจาก "ตัวคุณ" แล้วจะเป็นลักษณะของ "ความรู้สึกทั้งตัว เป็นส่วนหนึ่ง และตัวคุณ จะเป็นอีกส่วนหนึ่ง" และหากในขณะนั้น (ถ้าโชคดี) มีความปวดเมื่อยปรากฏขึ้นด้วย "ตัวความปวดเมื่อย" ก็จะปรากฏเป็นอีกขอบเขตหนึ่ง ต่างหากออกไป เป็นอาการของ "เขตของใคร เขตของมัน" หากมีอะไรต่าง ๆ แทรกเข้ามาในปรากฏการณ์นั้น มันก็จะโดนแยกออกไปอยู่แบบ "มิติใคร มิติมัน" แม้กระทั่ง "ตัวความคิด" ก็จะแยกออกจากกันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

    +++ ทั้งหมดสามารถกล่าวได้ว่า แยกออก หลุดออก พ้นออก จากออก และเป็นอิสระต่อกันโดยสิ้นเชิง รวมทั้งปรากฏการณ์แห่ง "ตัวคุณ" ก็พ้นออกจาก สิ่งที่ถูกรู้ทั้งมวลด้วยเช่นกัน

    +++ หากต้องการเดินเข้าสู่ "สมถะ อาภัสสระ" ก็ให้ "อยู่ข้างในความรู้สึกตัว" นั้นต่อไป ไม่ต้องออกมา "รู้" ขอบเขตข้างนอก เพียงแต่ ให้รู้อยู่ว่า "เรามีความเป็นอยู่แบบนี้ก็อยู่ได้ ไม่มีทุกข์อะไร"

    +++ จากนั้นก็ให้ "เดินจิต" เข้าสู่กองอารมณ์ (ไล่ฌานสมาบัติ) จากข้อ 4 ในโพสท์นี้ได้เลย

    http://palungjit.org/posts/6880777

    ลองเลือกทำดูนะครับ
     
  15. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ทำบุญ ปุณญา บารมีต่อ
    หรือไม่อย่างไร

    เพื่อความก้าวไปข้างหน้า
    เพราะทรัพย์ท่านอาจจะมีเพียงเท่านั้น
    ที่จะมาแลกดูธรรมหรือไม่อย่างไร

    ตังหมดผมวิ่งมาขอแม่มาเล่นเกมต่อเลยขอรับ
    ผมอุทิศกุศลธรรมให้เขา

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ดูคลิปหลวงพ่อวิริยังค์เเล้วลองใหม่ครับ
     
  17. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ตรงนี้เป็นสภาวะฌานที่๓ ต่อฌานที่๔ จะไปต่อนั้นต้องผ่านสภาวะนี้ให้ได้
    ขณะที่ปฏิบัตินั้น(ซีดีหลวงพ่อคุณนั้นผมไม่ทราบ) ผมคาดว่าเป็นแบบพุท-โธที่ลมหายใจ หรือไม่ก็พองหนอ-หยุบหนอ ที่หน้าท้อง
    ทั้งสองแบบต้องอาศัยกองลมเข้าและออกเป็นตัวช่วย
    ขณะที่ร่างกายเป็นหิน ลมจะหยุด องค์กำหนดพุทโธก็หาย หรือพองยุบก็หาย
    หากเป็นอย่างที่ผมว่า
    วิธีแก้ให้ผ่านจุดนี้เพื่อให้ขี้นสู่ฌาน๔ ทำได้โดยยกสติเพ่งดูท่ามกลางระหว่างใบหน้าไม่ต้องกำหนดอะไร(ทิ้งองค์กำหนด) ไม่ต้องไปสนใจลมหายใจ(ทิ้งลมหายใจ) ไม่ต้องสนใจสภาพทางร่างกายจะเป็นหินหรือเป็นอะไร(ทิ้งกาย) เพ่งดูนิ่งดูอยู่เช่นนั้น อย่ากดอารมณ์เพ่งดูนิ่งๆ หากกดอารมณ์จะมีอาการคล้ายจะขาดใจตาย ให้เพ่งดูนิ่งๆ ดูอยู่ท่ามกลางระหว่างใบหน้าอยู่อย่างนั้น หากอารมณ์หลุดไปก็ดึงกลับมาที่เดิมอยู่อย่างนี้ จะเป็นอะไรก็ชั่ง มันจะคิดไม่คิดอย่างไรก็ชั่ง ลองดูครับผมมั่นใจว่าจะผ่านไปได้ครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...