แก้ปัญหาชีวิตด้วยทาน ศีล ภาวนา

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 30 ธันวาคม 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    [​IMG]

    พูดถึงปัญหาของชีวิตมันก็มีสารพัดอย่าง แต่ปัญหาส่วนใหญ่ก็เกิดจากเรื่องความรัก และเรื่องเงินทอง ฐานะความเป็นอยู่ วิธีแก้ปัญหาของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป สำหรับความเห็นของอาจารย์ การแก้ปัญหาทุกเรื่อง ต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อน

    อาจารย์เคยพบกับพระองค์หนึ่ง ก่อนที่จะบวชพระเขาก็เป็นคนที่มีฐานะดี เป็นลูกชายของผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในสังคมไทย เขาเล่าประสบการณ์ให้อาจารย์ฟังว่า หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาก็ทำงานสร้างฐานะ เมื่อมีเงินเขาก็ชอบเที่ยวเหมือนผู้ชายทั่วไป กินเหล้าเมายา มีเพื่อนผู้หญิงเที่ยวกลางคืน ใช้ชีวิตแบบหนุ่มเจ้าสำราญนี่แหละ แต่แล้ววันหนึ่งธุรกิจของเขาเกิดปัญหา มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่เขามีปัญหาอยู่นี้ เขาก็ได้พบกับอุบาสิกาคนหนึ่ง อุบาสิกาคนนี้แนะนำวิธีแก้ปัญหาให้เขา 3 ข้อ

    1. ให้ทาน เขากำลังมีปัญหาเรื่องหนี้สินอยู่หลายล้านแต่อุบาสิกาแนะนำให้เขาทำบุญให้ทานเป็นข้อแรก

    2. รักษาศีล ต้องหยุดเที่ยวกลางคืน เลิกอบายมุข หยุดกินเหล้าเมายา ตั้งใจรักษาศีล 5

    3. เจริญเมตตาภาวนา ให้ฝึกทำสมาธิเพื่อให้ใจสงบ มีความสุขใจ

    เขาก็เชื่อฟังอุบาสิกา ปฏิบัติตามคำแนะนำคือ ทำบุญให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ปรากฏว่าไม่นานชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป แก้ปัญหาได้ ภาระหนี้สินค่อยๆ หมดไป จนในที่สุดเมื่อจัดการทุกเรื่องเรียบร้อย เขาก็บวชพระอยู่จนถึงปัจจุบัน อุบาสิกาซึ่งเคยให้คำแนะนำแก่เขาก็ได้เข้ามปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดเดียวกันนี่แหละ

    เมื่อเขาบวชเป็นพระแล้ว เวลามีโยมผู้หญิงมากราบ มาปรึกษาปัญหา ท่านก็ให้อุบาสิกาช่วยรับแขก ทุกข์ของผู้หญิงส่วนมากก็มี 2 เรื่องนั่นแหละ คือ ผิดหวังในความรัก กับ เรื่องหนี้สินเงินทอง อุบาสิกาก็สอนวิธีแก้ปัญหาในชีวิต ให้ปฏิบัติตาม 3 ข้อนี้ คือ ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ใครปฏิบัติตามนี้แล้วก็แก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง

    การให้ทาน บางคนอาจจะคิดว่า ถ้าตัวเองมีปัญหาหนี้สินอยู่จะมีเงินที่ไหนไปทำบุญให้ทาน จริงๆแล้ว การทำบุญให้ทานนั้น ไม่จำกัดอยู่เฉพาะการทำบุญกับวัดกับพระเท่านั้น ไม่ว่าจะให้แก่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อน ให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนหรือกับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็เรียกว่าเป็นทานทั้งสิ้น จะให้มากให้น้อยก็แล้วแต่กำลังศรัทธาและกำลังทรัพย์ของผู้ให้

    การให้ทานเป็นอุบายอย่างหนึ่งที่จะเปลี่ยนความรู้สึกของทั้งผู้ให้และผู้รับ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาเคยทะเลาะกัน ไม่พูดกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งแสดงน้ำใจด้วยการซื้อขนมหรือผลไม้มาฝาก ก็จะช่วยให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน เปลี่ยนความรู้สึกที่เคยขุ่นเคืองต่อกันมาเป็นมิตรได้ มีอานิสงส์เหมือนการทำบุญให้ทานเหมือนกัน

    นอกจากการให้ทรัพย์สินเงินทองแล้ว การทำทานก็มีหลายวิธี ทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะอย่างไร ก็สามารถเป็นผู้ให้ได้เสมอ ตามหลักการบำเพ็ญทาน 10 ประการ ได้แก่

    1. ให้ทานด้วยทรัพย์สินเงินทอง
    2. ให้ทานด้วยสายตาที่เมตตาปรานี
    3. ให้ทานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
    4. ให้ทานด้วยวาจาที่ไพเราะน่าฟัง
    5. ให้ทานด้วยแรงงานช่วยเหลือผู้อื่น
    6. ให้ทานด้วยการอนุโมทนายินดีเมื่อผู้อื่นทำดี
    7. ให้ทานด้วยการให้อาสนะ (ที่นั่ง)
    8. ให้ทานด้วยการให้ที่พัก
    9. ให้ทานด้วยการให้อภัย
    10. ให้ทานด้วยการให้ธรรมะ

    การรักษาศีล เมื่อมีปัญหาให้เราสำรวจตัวเองก่อนว่า ตัวเรานั้นสำรวมกาย วาจา ใจเรียบร้อยหรือไม่ บางทีเราอาจขี้บ่น คำพูดหรือการแสดงออกของเราสร้างปัญหาแก่ตัวเองแก่ผู้อื่นหรือไม่ ให้สำรวจตัวเองด้วยใจเป็นธรรม เพื่อที่เราจะได้ปรับปรุงตัวเอง ตั้งเจตนาในการรักษาศีล 5 ให้สมบูรณ์ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นกรอบทำให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น

    หัวใจของศีล คือ ความไม่เบียดเบียน ตามปกติก็ให้เรารักษาศีลก่อน เมื่อเรารักษาศีลสมบูรณ์ ศีลเกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดศีลก็จะรักษาเรา

    การเจริญภาวนา เมื่อมีปัญหาอย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะแก้ปัญหาภายนอก ให้ตั้งสติ หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด หยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ก่อน กำหนดรู้ลมหายใจออกยาวๆ ลมหายใจเข้าลึกๆ ให้มีสติ มีความรู้สึกตัวกับลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ติดต่อกันต่อเนื่องกัน มีสมาธิตั้งมั่นกับลมหายใจ ปล่อยวางความรู้สึกที่ไม่ดี ปล่อยวางจิตใจให้ว่างๆ ว่างจากอดีต ว่างจากอนาคต ว่างจากความไม่สบายใจ เหลือแต่จิตที่มีความรู้สึกตัว โอปนยิโก น้อมเข้าไปหาธรรมชาติของจิตที่เป็นประภัสสร บริสุทธิ์ผ่องใส เมื่อจิตสงบเบาสบายแล้ว จึงค่อยๆ คิดแก้ปัญหาด้วยสติปัญญา เมื่อจิตใจดี สบายใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ไม่ว่าจะมีวิกฤติหรือเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับเรา สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือ รักษาใจของเราให้ดี เพราะใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้า เมื่อใจดี ก็คิดดี พูดดี ทำดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นได้ตามเหตุปัจจัย


    ที่มา : หนังสือ “เราเกิดมาทำไม” หน้า 55-62
    โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม
     
  2. gr123

    gr123 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +92
    ทำมาหมดและ แต่ชีวิตทุกวันนี้ไม่เห็นมันดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
     
  3. chuchart_11

    chuchart_11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +2,932
    ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
     
  4. tuti

    tuti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +285
    เราก็เคยคิดแบบนี้เคยท้อเคยหยุดแต่แล้ว

    เราก็ฮึดเดินหน้าทานศีลภาวนาไม่ย่อท้อ

    ทุกวันนี้ชีวิตเราดีขึ้นมากๆในทุกๆด้านจริงนะ
     
  5. ธูปหอม

    ธูปหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +291
    สาธุเด้อค่ะ
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    มันใช้เวลา นะ ใช่จะเห็นผลในวันเดียว บางคนใช้เวลา หลายสิบปี
    แต่สำหรับผมใช้เวลาตั้ง 7 ปี กว่าจะดีขึ้นจนสบาย
     
  7. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    ทำไมพูดยังงี้คะ ถ้าคุณเป็นชาวพุธจริง ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม อย่างที่คนเค้าแนะนำ อาจต้องใช้เวลาสำหรับคุณนานหน่อย
    แต่สำหรับดิฉันแก้ปัญหาด้วย ทานศีลภาวนา(ข้อหลังอาจจะทำไม่ค่อยได้เพราะจิตไม่ค่อยนิ่ง จะพยาม) ถ้าห่างจากการปฏิบัติระยะหนึ่งความวุ่นวายในชีวิตจะเข้ามาอย่างมากส่วนมากเป็นเรื่องสายงาน(การอิจฉาริษยาการกลั่นแกล้งการใส่ร้าย)
     
  8. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810

    ทำมาหมดแล้วแสดงว่าครั้งหนึ่งคุณก็เชื่อว่าทานศิลภาวนาจะนำพาให้ชีวิตมีสุข
    จงทำต่อไปเถอะค่ะ เชื่อว่าสักวันคุณต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้ยังไม่ดีอาจเป็น
    เพราะยังมีวิบากกรรมอยู่ แต่ในอนาคตคุณต้องดีขึ้นแน่ๆๆ อย่าหยุดนะเดินหน้าแล้ว จงเดินต่อไป เราคนหนึ่งล่ะ ที่เคยผ่านวิบากกรรมมาแล้ว แต่ก็ดีขึ้นเพราะหันมา ปฏิบัติธรรมนี่แหละ ยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยค่ะ ว่าดีขึ้นจริงๆๆๆ
     
  9. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ทาน ศีล ภาวนา ปฏิบัติ ทำให้พ้นวิบากกรรมได้ อยู่ที่ใจตั้งมั่นและจิตอันเป็นกุศลด้วยค่ะ หมั่นสร้างผลบุญ ผลทาน และผลจากการปฏิบัติกันเยอะๆนะคะ เพื่อลบล้างและบรรเทาผลกรรมในอดีตและปัจจุบันลงได้
     
  10. ชไลธร

    ชไลธร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +248
    ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำบุญ เป็นคนขี้สงสาร และหลายครั้งที่โดนคนที่เราช่วยเหลือทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ แต่ก็ไม่เคยจะจำ แค่เขามาคุยดีด้วยดิฉันก็หายโกรธแล้ว ประเภทโกรธง่ายหายเร็ว แต่เป็นคนพูดจาตรงมาก
    ที่ทำงานดิฉันมีเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันมากอยู่ 2 คน ผู้หญิง 1 ชาย 1 เราสามคนรักกันเหมือนพี่น้อง(คงจะเป็นดิฉันรู้สึกอยู่คนเดียว) เขาทั้งสองมีปัญหาเรื่องเงิน ที่เกิดจากความฟุ้งเฟ้อของเขา ดิฉันก็เตือนเขาบ่อยๆ(เขาคงไม่ชอบ) น้องผู้หญิงเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ใครไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดก็จะไม่รู้ว่าเป็นคนอย่างไร น้องผู้ชายมีนิสัยคล้ายๆดิฉัน เราทำงานพิเศษอย่างคือเป็นนายหน้า ซึ่งดิฉันจะเป็นฝ่ายออกทุนซะเป็นส่วนใหญ่ และเฝ้าออฟฟิศ เขาสองคนก็ติดต่อภายนอก เงินได้มาก็แบ่งกันสามส่วน ส่วนของดิฉันก็จะคืนให้เขาสองคนบ้างผลัดกัน แต่ส่วนใหญ่จะให้น้องผู้หญิง นอกเหนือจากนี้ดิฉันยังคอยช่วยเหลือด้านการเงินกับเขาทั้งสองคนตลอด จนมาระยะหลังเขาสองคนก็มีอาการแปลกๆ เริ่มกระซิบกระซาบกัน จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาดิฉันแน่ใจว่าเขาสองคนหักหลังดิฉันแน่นอน(ก่อนหน้าก็พอจะทราบแต่ยังไม่ชัดเจน และดิฉันก็เตรียมตัวจะถอยอยู่แล้ว) เขาสองคนมีพิรุธหลายอย่าง ดิฉันเจ็บช้ำน้ำใจมาก พยายามคิดว่าชาติก่อนดิฉันเคยทำเขาไว้ ชาตินี้เขาเลยมาเอาคืน เคยมีความคิดหลุดมาว่าทำไมเราทำดีกับเขา เคยให้อภัยเขามาตลอด(ครั้งหนึ่งเขาหาว่าดิฉันไปอิจฉาเขา ดิฉันเลยถามว่า คนที่ให้เธอมาตลอดจะสิบปีนี่นะจะอิจฉาเธอ) แทนที่เราจะได้บุญ กลับได้แต่ความเจ็บช้ำแทน ความคิดฝ่ายธรรมะกับอธรรมตีกันวุ่นวายในหัว ดิฉันได้แต่สวดมนต์ให้จิตใจคลายความเจ็บปวด โกรธ ดิฉันโกรธแต่จะไม่แค้น ไม่อยากเจอคนแบบนี้อีกในภายหน้า แต่ทำงานด้วยกันทุกวันเห็นหน้าก็สุดจะขมขื่น เขาก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร ใครก็ได้ช่วยชี้แนะดิฉันด้วย ดิฉันอยากฟังคำปลอบโยนที่ทำให้สบายใจ และจะพยายามทำใจให้อภัยพวกเขา แต่จะไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย
     
  11. sonofthesun

    sonofthesun สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    อนุโมทนาสาธุครับผม ที่แบ่งปันสิ่งดีๆให้ผม และคนอื่นๆได้รับรู้เเละปฎิบัติตามครับ
     
  12. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    หัวข้อกระทู้นี้โดนใจจริง ๆ คะ เพราะมันคือความจริง ของชีวิตเลยละ หากเกิดปัญหาขึ้นมา จะระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย อันมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้าเป็นประธาน รวมถึง พระโพธิสัตย์กวนอิม ตลอด ไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่อะไร ผ่านมาได้ทุกเรื่องสมกับคำที่ว่า สวรรค์มีตา สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพราะดิฉันยังเชื่ีอเรื่องของกรรมดีและกรรมชั่วเสมอมาถึงบางครั้งเห็นหลาย ๆ คนในกระทู้ ที่ความดีที่ทำอาจยังไม่ส่งผล หรือส่งผลช้าจัง ก็ตามอยากบอกว่า ขอจงมีศรัททาในทุกความดีที่ทำ ให้ทานด้วยความรู้สึกเมตตาจากใจจริงโดยไม่หวังผลตอบแทน รักษาศีล 5 อย่างสุดชีวิต (อาจ ด่าง ๆ ไปบ้างในบางครั้งก็ตาม) และเรื่องของการภาวนาต้องเร่งปฏิบัติกันแล้วละ เพราะดูเหมือนโลกเรา ณ เวลานี้หลาย ๆ อย่างเกิดกับโลกใบนี้ มันวิปริตรผิดธรรมชาติเข้าไปทุกที คงจะเป็นเรื่องของธรรมชาติเอาคืนมนุษย์นั่นเอง และยังจิตใจของคนในยุคนี้อีกที่ดูเหมือนกับคำพังเพยที่ว่า จิตมนุษย์นี้ไซ้ร ยากแท้หยั่งถึง จริง ๆ มีแต่ธรรมมะของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละที่จะคุ้มครองเราได้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...