เคล็ดในการใช้คาถา มงกุฏพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย วิศวกรม, 15 สิงหาคม 2012.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า
    จาก หนังสือ พ่อรักลูก (พิเศษ)

    [​IMG]


    เป็นอันว่าวันนี้ขอย้อนต้นนิดหนึ่ง ท่านบอกว่าในสมัยหนึ่ง มีคนเขามาหาท่านแล้วเขาส่งหนังสือมาให้ เวลานั้นเป็นเวลาค่ำ ท่านบอกว่าค่ำๆอย่างนี้อ่านหนังสือไม่ออก จะต้องจุดไฟ แล้วก็ใช้กระแสไฟอ่าน พอตกเวลากลางคืนก็ปรากฏว่าเวลาที่เจริญพระกรรมฐาน ก็ใช้กำลังของอภิญญายกจิตโดยใช้ มโนมยิทธิ ไม่ใช่ใช้อภิญญาใหญ่ ขึ้นไปนมัสการองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาที่จุฬามณีเจดียสถาน พอไปถึงก็กราบองค์สมเด็จพระพิชิตมาร พอเงยหน้าขึ้นท่านก็บอกว่า

    "ตามธรรมดาพระนี่ ถึงแม้ว่าไม่มีแสงไฟก็ควรจะอ่านหนังสือออก"

    ตามบันทึกของท่านก็ถามว่า "ทำอย่างไรจึงจะอ่านออกพระพุทธเจ้าข้า"

    ท่านบอกว่า "ทิพจักขุญาณของเธอมีแล้ว แต่อาศัยที่เป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิมาเดิม ทิพจักขุญาณจึงไม่แจ่มใสเหมือนพระอริยเจ้า ฉะนั้น เพื่อจะให้ความแจ่มใสเกิดขึ้นเห็นภาพชัด ควรปฏิบัติแบบนี้ ควรใช้คาถานี้ไปภาวนาจนเป็นฌานสมาบัติ"

    เรื่องฌานนี่มันเรื่องเล็ก ท่านบอกว่า จะคว้าอะไรขึ้นมา มันก็เป็นฌานทันทีเพราะมีการคล่องอยู่แล้ว คาถาก็เห็นจะเป็น มงกุฎพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าอย่างนี้

    "อิติปิ โส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตัง โสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ"


    [​IMG]

    ท่านกล่าวว่า "คาถานี้ถ้าไปเรียนและภาวนาทำให้เป็นฌาน นิมิตต่างๆจะมีอาการแจ่มใส คนที่ตาไม่ดีก็อ่านหนังสือออกได้ หรือว่าเวลามืดๆ ก็สามารถจะมองเห็นหนังสือได้ และมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามความประสงค์ ถ้าใช้คาถานี้เป็นฌาน" ท่านว่าอย่างนั้น

    เป็นอันว่าท่านย้ำมาว่าไอ้มืดๆ มันก็อ่านหนังสือออก และท่านบอกว่าท่านก็มาทำ มาทำมันก็ไม่นานใช้เวลาเพียงครู่เดียว จิตก็เข้าถึงฌาน ๔ ทรงฌาน ๔ สยาบๆ ก็เลยว่ากันถึงฌาน ๘ ถึงฌาน ๘ ก็หลบลงมาฌาน ๔ ในรูปฌาน ทำไปทำมาก็เลยลองหลับตาอ่านหนังสือ ก็เห็นอ่านออก แต่ว่าวิธีนี้ท่านบอกว่าจะใช้ทั่วๆไปไม่ได้ เอาไว้แต่เมื่อมันจำเป็น ถ้าจำเป็นจริงๆ ไม่ต้องหยิบหนังสือมา เป็นแต่เพียงนึกว่าจะอ่านหนังสือ มันก็มีความเข้าใจว่าหนังสือฉบับนั้นเขาว่าอย่างไร

    วงเล็บของท่านมีไว้บอกว่า ใครอ่านแล้วถ้าทำได้ จงอย่าทำตนเป็นผู้วิเศษ เมื่อเวลาอ่านหนังสือต่อหน้าคน ถ้ามันอ่านไม่ออกจริงๆ ก็ใช้ไฟใช้แว่นส่อง ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ก็เอาจิตจับจากภาพหนังสือนั้นเสีย ใช้ใจอย่างเดียวก็อ่านหนังสือออก นี่เป็นวิธีปฏิบัติของท่าน


    (ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า หน้า ๗๘)

    คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า จาก คำสอน พระราชพรหมยาน


    .
     
  2. NONGLLL

    NONGLLL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +427
    อนุโมทนาครับผม เวลาผมสวดก็ทำตามที่เจ้าของกระทู้บอกเลยครับ พอเวลาอ่านหนังสือท่องจำได้แม่น จำได้ตรงมากเลยครับ สามารท่อง ตารางธาตุเคมี 50 กว่าตัว ใช้เวลาไม่นานเลยครับ:cool:
     
  3. loveking999

    loveking999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +71
    อนุโมทนาสาธุจ้า

    หนูก็ท่องเหมือนกันค่ะ ท่องมาหลายปีแล้วหล่ะเคยอ่านในหนังสือธรรมะเค้าบอกว่าให้ท่องแล้วดี เป็นคาเมตตา เวลาเดินทางไปไหนก็จะมีคนรักเอ็นดู ก็เลยท่องค่ะ ท่อง 3 ครั้งตอนเช้าเวลาจะทาแป้งที่หน้า พอท่องเสร็จก็บอกว่าให้เิดินทางไปไหนก็มีแต่คนรักใคร่เอ็นดูค่ะ ท่องมาหลายปีมาก ทำงานเจ้านายก็เอ็นดูค่ะ จะมีบ้างที่เอ็นขาด แต่ไม่น้อยมากค่ะ ก็จะท่องแบบนี้ไปเรื่อง แต่เด๋ยวจะทำแบบที่ีพี่ ๆบอกด้วย จะได้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ
     
  4. ดอกพุดซ้อน

    ดอกพุดซ้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +54
    ถ้าอัญเชิญ พระคาถา มงกุฎพระพุทธเจ้าครอบเศียรแล้ว
    มิควร ไปครอบครูทับลงไป เพราะเป็นที่สุดที่ควรอยู่บนหัวเรา
     
  5. kunsan

    kunsan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +27
    สวดทุกวันดีครับ
     
  6. ilovemacaroon

    ilovemacaroon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +58
    ขอบคุณค่ะ สำหรับวิธีสวด

    ก่อนนั้นไม่เคยชอบสวดมนต์เลย
    เพิ่งจะพยายามสวดในช่วงหลังๆ นี้
    เพราะอ่านบทสวดมนต์แปลแล้ว รู้สึกว่ามีความหมายดี
    บางบทอ่านแล้วซาบซึ้งมาก
    ทำให้พยายามจะสวดมนต์ทุกวัน
    แต่ก็ยังทำไม่ได้ มีเว้นอยู่บ้างในบางวัน

    คาถานี้ รู้จักมานานแล้ว รู้สึกว่าเป็นคาถาที่จำง่ายดีเลยชอบ
    ก่อนหน้านี้สวดเฉยๆ โดยไม่ได้กำหนดพระพุทธรูปประกอบไปด้วย
    ไม่ค่อยรู้สึกอะไร อาจเพราะไม่ค่อยตั้งใจสวดด้วยค่ะ
    ประเภทว่า สวดแต่ปาก ไม่ได้น้อมใจไปด้วย

    แต่เดี๋ยวนี้ พอสวดมนต์บทอื่นๆ จนใจเริ่มสงบๆ แล้ว
    เวลาสวดบทนี้จะรู้สึกขนลุกซู่ซ่า
    บางครั้งก็รู้สึกอุ่นๆ วูบวาบไปทั่วร่างกาย

    แต่ว่ามีข้อสงสัยที่งงๆ อยู่ไม่หาย คือเรื่องทิศ
    ที่จริงรอดูว่าคนอื่นจะงงบ้างไหม
    แต่สงสัยจะงงอยู่คนเดียวเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่

    จึงขอเรียนถามให้ชัดเจน เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติให้ถูกต้องดังนี้ค่ะ

    ที่ว่าทิศตะวันออกเฉียงเหนือของศีรษะ นั้น หมายถึงทิศไหนคะ

    เมื่อสวด ๔ จบแรก โดยกำหนดภาพพระพุทธรูปอยู่ทางด้านหน้า ด้านขวา ด้านหลัง ด้านซ้าย ของเราแล้ว

    จบที่ ๕ ถึง ๘ เราเริ่มที่ด้านไหนคะ
    ถ้าทำตามทิศที่เขียนเลขกำกับไว้ช้างล่างนี้
    ไม่ทราบว่าจะถูกต้องหรือเปล่าคะ

    ๕. ด้านเฉียงที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ด้านหน้า กับ ไหล่ขวา
    ๖. ด้านเฉียงที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ด้่านหลัง กับ ไหล่ขวา
    ๗. ด้านเฉียงที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ด้่านหลัง กับ ไหล่ซ้าย
    ๘. ด้านเฉียงที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ด้่านหน้า กับ ไหล่ซ้าย

    เวลาสวดมนต์
    บางครั้งก็รู้สึกเย็นซ่าๆ เหมือนเม็นทอลน่ะค่ะ
    โดยมีจุดเริ่มที่ท้องน้อยก่อน
    บางครั้งก็ร้อนวูบวาบไปทั่วตัว
    ก็ไม่ทราบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

    ในความรู้สึกนั้น
    รู้สึกมานานแล้วค่ะว่า พลังทุกอย่างจะเหมือนๆ กัน
    เช่นพลังปิรามิด พลังชี่ ตีลัญจกร ฯลฯ
    แม้กระทั่งเวลาที่ทำพิธีสืบชะตาแบบภาคเหนือ ซึ่งจะให้เข้าไปนั่งอยู่ในบริเวณที่มีไม้ค้ำเป็นรูปสามเหลี่ยม ก็จะมีพลังแบบเดียวกัน

    ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นพลังอะไร แต่ถ้าทำใจสบายๆ ก็จะสัมผัสได้ชัดเจน
    เข้าใจเอาเองว่าเป็นพลังธรรมชาติอย่างหนึ่ง
    ยิ่งช่วงไหนได้รับพลังพวกนี้บ่อยๆ ก็จะไวต่อพลังพวกนี้มาก
    แต่ถ้าไม่ได้รับพลัง ไม่ฝึกอะไรเลย
    นานๆ ไป ความไวในการสัมผัสพลังพวกนี้ก็ดูจะหายไป

    โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อในเรื่องพลังพวกนี้ว่ามีจริง
    เพราะตัวเองและน้องสาวเคยมีประสบการณ์ตรงที่หายจากอาการเจ็บป่วยด้วยพลังปิรามิด
    แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ ไม่ทราบจะไปหาห้องปิรามิดในกรุงเทพฯ ได้ที่ไหน

    อีกข้อค่ะ
    ไม่ทราบว่าพลังพุทธคุณนั้น จะสัมผัสได้เป็นพลังที่เย็นอย่างเดียวหรือเปล่าคะ
    แล้วเวลาที่สวดมนต์แล้วมันอุ่นๆ จนร้อนผ่าวๆ นิดๆ นั้น
    ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

    หากท่านใดมีความรู้จะแนะนำให้เข้าใจเรื่องดังกล่าวนี้ได้มากขึ้น
    ก็ขอความกรุณาช่วยแชร์ให้ได้รับรู้ไว้เป็นวิทยาทานหน่อยนะคะ
    ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...