ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะ...น้องnoppornl
    หายไปนานนะคะ...ระลึกถึงเสมอค่ะ..
    พระหลวงพ่อทวดมองกี่ครั้งก็งดงามค่ะ..
     
  2. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เจอหนังสือหนึ่งเล่มค่ะ
    น่าอ่านมาก...

    บุญฤทธิ์
    พ่อท่านแก้ว ปุญญภาโค
    พระธาตุชัยมณีฆะโลก พรหมคีรี นครศรีธรรมราช

    [​IMG]


    การประสบกับเรื่องราวที่แปลกไหม่ ไม่ว่าจากการบอกเล่า หรือประสบด้วยตนเอง ปุถุชนทั่วไปย่อมอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าวให้คนอื่นๆ รับรู้ด้วย ข้าพเจ้าได้พบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วและบอกเล่าต่อๆกันมาจากหลายบุคคลเกี่ยวกับเรื่องบุญฤทธิ์ ของ พ่อท่านแก้ว ปุญญภาโค จึงได้พยายามจดบันทึก ค้นหา และสอบถามเรื่องราวต่างๆ มาเป็นเวลาปีเต็มๆ ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆ มากมายจน เกินกว่าจะนำมาบอกเล่ากันได้อย่างหมดสิ้น
    จึงได้นำเฉพาะเรื่องที่สอบทานแล้วและได้รับการยืนยันมาบอกกล่าวกันตามในหนังสือนี้

    เรื่องราวส่วนใหญ่จะสืบเนื่องจาการสร้างพระธาตุชัยมณีศรีฆะโลก ที่เขาปูน อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างปี 2529-2532 ซึ่งถือเป็นบุญบารมีของชาวพุทธที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา ผนวกกับบุญบารมีของพ่อท่านแก้ว ปุญญภาโค ทำให้เกิดพุทธสถานที่สำคัญอีกแห่งนี้ในจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือของชาวพุทธทั่วประเทศ

    "บุญฤทธิ์" ของ พ่อท่านแก้ว ปุญญภาโค เกิดจากการที่ท่านได้ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบตาม
    คำสอนของพระพุทธองค์ ท่านได้ปฏิบัติธรรมจนล่วงรู้ความเป็นไป ทำให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสพึ่งบุญบารมี ซึ่งท่านได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นกลางทั้งคนใกล้คนไกลรวมไปถึงสัตว์เดียรฉานและด้วยบุญบารมีของท่าน จึงได้สร้างปูชนียสถานหลายอย่างบนเขาปูนจนสำเร็จในระยะเวลาอันสั้นและมีมูลค่ามากมาย ทั้งยังมีโคร
    การที่จะดำเนินงานในเรื่องอื่นๆ อีกมากมายในโอกาสต่อไป ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นดุจบัญชาสวรรค์
    เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้คงเป็นสิ่งเตือนใจพุทธศาสนิกชน มุ่งมั่นกระทำกรรมดีตามแนวทางพระพุทธศาสนา หมั่นเจริญภาวนา รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำบุญทำทานบ่อยๆ และเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเพื่อให้จิตใจเบิกบานแจ่มใส และมีความสุขทางใจ อันเป็นปณิธานที่ข้าพเจ้าผู้เขียนได้ตั้งใจรวบรวมขึ้น และเผยแพร่เป็นธรรมทาน

    วิโรจน์ เพียรเจริญ
    17 พฤศจิกายน 2534
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ธันวาคม 2012
  3. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    การกล่าวถึงคำว่า "บุญฤทธิ์" ในปีพ.ศ.2534 น่าจะถือเป็นความเสี่ยงกันพอสมควรทีเดียวหากการกล่าวหรือพูดเรื่องแบบนี้กับบุคคลทั่วไป นอกจากกลุ่มที่สนใจ เพระสภาพความเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา สังคม และเศรษฐกิจ ทำให้การดำรงชีวิตของบุคคลเปลี่ยนไปทั้งสังคมเมืองและสังคมชนบท ทั้งนี้ด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับมนุษย์ จนคนส่วนใหญ่ได้มีความผูกพัน และนำความเจริญก้าวหน้าต่างๆ นั้นมาประยุทต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมความสุขทางกายกันจนขาดไม่ได้ และยิ่งจะมีการศึกษา ค้นคว้า ผลิต และจัดระบบต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนอย่างไม่หยุดยั้ง การพูดถึง "บุญฤทธิ์" ท่ามกลางความเพลิดเพลินและรับเอาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต จึงยากต่อการทำความเข้าใจกับคนทั่วไปให้ยอมรับได้ เพราะเป็นการทวนกระแสสังคม ซ้ำยังจะถูกถากถาง ว่า โง่ งมงาย ไร้สาระ กลายเป็นพวกที่อยู่คนละยุคคนละสมัยกันเสียอีก

    "บุญฤทธิ์"
    ตามคำแปลในพจนานุกรม หมายถึง "ความสำเร็จด้วยบุญ" อันเป็นผลจากการทำความดีของแต่ละบุคคลที่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และผลจากการปฏิบัตินั้นได้ปรากฎให้เกิดสิ่งที่แปลก สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เป็นสิ่งอัศจรรย์ ซึ่งปรากฎการณ์ต่างๆ นี้นับเป็นบุญญาภินิหารที่เกิดขึ้นเฉพาะตัว เฉพาะคน ไม่สามารถฝึกฝน หรือเรียนรู้กันจนได้ผลสำเร็จเท่าเทียมกัน เหมือนการศึกษาศิลปวิทยาอันเป็นศาสตร์โดยทั่วไปที่ใช้กระบวนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก คนทั่วไปจึงยึดเอาระบบวิทยาศาสตร์มาใช้ในวิถีชีวิต
    การรับรู้หรือการยอมรับสิ่งใดๆ ต้องผ่านการศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย หาเหตุหาผล และสามารถพิสูจน์ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ธันวาคม 2012
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    "บุญฤทธิ์"

    เป็นผลจาการฝึกจิต ปฏิบัติทางจิต และผลสัมฤทธิ์ทางการฝึกหรือปฏิบัติทางจิตให้เกิดเป็นบุญญาภินิหารที่ไม่สามารถผลิตเครื่องมือเพื่อตรวจสอบ หรือพิสูจน์ได้ตามระบบวิทยาศาสตร์ มีบุคคลจำนวนมากที่ได้พบกับบุญฤทธิ์อันเป็นสิ่งลี้ลับนี้ โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ แต่การศึกษาค้นคว้าทางจิตนี้ต้องเป็นสิ่งที่เรียนรู้ ฝึกปฏิบัติเป็นขั้นตอน และได้รับผลเฉพาะตน เป็นเครื่องมือพิสูจนืความจริงอันไม่น่าเชื่อ หลายคนได้เรียนรู้ ฝึกปฏิบัติเป็นขึ้นตอน ได้พบความแปลกใหม่ พบความไม่น่าเป็นไปได้ พบสิ่งที่ลี้ลับ อภินิหาร มหัสจรรยื ได้พูดได้บอกกล่าว ได้แสดงความเชื่อจากสิ่งที่ตนได้พิสูจน์และเผยแพร่เพื่อยังประโยชน์แก่ผู้อื่น แต่ผลของการทวนกระแสสังคมซึ่งมีเข้มมุ่งความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ด้านเดียวบุคคลผู้ศึกษาค้นคว้าทางจิต แม้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงก็กลับถูกกล่าวหาหรือค่อนขอดจากบุคคลทั่วไปว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เพี้ยน หลงไหล งมงาย ไร้สาระไปจนได้ ดั่งนั้นจึงได้กล่าวมาแต่ต้นแล้วว่า การพูดถึงบุญฤทธิ์ในพ.ศ.นี้ ออกจะเสี่ยงเอาการทีเดียว
    ผู้เขียนเองก็เป็นบุคคลธรรมดาที่ดำรงชีวิตแบบไหลไปตามกระแสสังคม แม้จะนับถือศาสนาพุทธก็มิได้ศึกษาหรือปฏิบัติตนตามแนวทางพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เพียงแต่กรอบแห่งอาพที่อยู่ในวงการศึกษาได้ช่วยล้อมเป็นกำแพงกั้นมิให้ประพฤติปฏิบัติออกไปนอกกรอบแห่งอาชีพที่พึงเรียกว่า ปูนียบุคคล ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติทางศีลธรรมทั่วไปเท่านั้น แนวทางการดำรงชีวิตที่นับเป็นพุทธมามกะ ก็คงเพียงแต่ปฏิบัติศีล 5 และผิดศีลบ้างตามความจำเป็น การไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนดูจะเป็นกิจกรรมเดียวที่ทำต่อเนื่องมาแต่เด็ก ในวงสนทนาระหว่างเพื่อนฝูงเกี่ยวกับการเป็นชาวพุทธแล้ว ดูเหมือนจะถูกมองว่าเป็นคนแก่วัดซะอีก ทั้งๆ ที่เมื่อได้อ่านหนังสือหรือฟังข่าวคราวเกี่ยวกับชาวพุทธแล้ว มีบุคคลจำนวนไม่น้อยที่เข้าวัดเข้าวาศึกษาธรรม ทำวิปัสนากรรมฐาน แต่ตัวเราเองจะยึดถืออยู่บ้างก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนร่วมอาชีพว่า เป็นชาวพุทธ "ควรบำรุงการศึกษา บำรุงศาสนา บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอุทิศทาน " ซึ่งก็เป็นแนวทางดำรงตนมาจนทุกวันนี้
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เมื่อปี 2533 ผู้เขียนได้ถูกชักชวนจากเพื่อนๆ ให้ไปเที่ยวที่วัดเขาปูน อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งทราบจากคำบอกกล่าวว่าที่วัดนี้มีอาจารย์ที่ปฏิบัติดี มีบุญบารมี สร้างพระธาตุชัยมณีศรีฆะโลก ที่ยอดเขาปูนและบนยอดเขาบริเวณพระบรมธาตุนั้นมีทัศนียภาพรอบๆ สวยงามมาก เพียงแค่นี้ก็ดลใจให้ผู้เขียนรับคำ และไปถึงพระธาตุชัยมณีศรีฆะโลกจนได้ในตอนเย็นวันหนึ่งได้ชมทัศนียภาพอันสวยงาม และชมสิ่งก่อสร้างหลายๆอย่างบนยอดเขาปูน และเป็นอัศจรรย์ใจเมื่อได้ทราว่าในการก่อสร้างสิ่งต่างๆบนยอดเขานี้ใช้เวลาเพียง 3ปี ยิ่งเมื่อได้สนทนากับท่านอาจารย์แก้ว ปุญญภาโค ซึ่งคนในท้องถิ่นเรียกว่า "พ่อท่านแก้ว" ก็ยิ่งมีความประทับใจ เพระคำสอนของท่านสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของเราในการประกอบอาชีพและดำรงชีวิต การไปบ่อยก็ได้พบปะพูดคุยกับบุคคลอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิดและผู้ที่เคยร่วมงานกับท่านมาก่อน ได้รับฟังเรื่องราวเล่าขานหลายเรื่องหลายรา จนบางครั้งเกิดความสงสัย ด้วยเป็นเรื่องของบุญฤทธิ์ที่ไม่สามารถใช้เครื่องตรวจสอบหรือพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ก็อดไม่ไหวที่จะบันทึก และบอกกล่าวให้ท่านที่สนใจและศรัทธาได้มีโอกาสรับรู้พิสูจน์สอบทานกันตามอัธายาศัย

    วิโรจน์ เพียรเจริญ
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    นิมิตนอกโลก

    ก่อนที่ท่านอาจารย์แก้ว ปุญญภาโค จะจารึกธุดงค์มาทางภาคใต้ ท่านได้นิมิตเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง อันเป็นผลหรือแรงบันดาลใจให้ท่านธุดงค์ไปสู่ดินแดนต่างๆ โดยเฉพาะในท้องที่ที่ท่านไม่เคยไปมาก่อน และท่านเหมือนจะต้องการพบสถานที่สักแห่งหนึ่งตามที่ท่านได้นิมิต
    เรื่องนิมิตนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนฟังจากท่านอาจารย์โดยตรง ท่านได้สร้างพุทธสถานหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาปูน อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
    ท่านอาจารย์เล่าว่า ในนิมิตมีพระพุทธรูปยืนที่สูงใหญ่องค์หนึ่งปิดทองเหลืองอร่าม ได้บอกให้ท่านจับชายจีวรให้แน่นๆ จะพาไปดูอะไรต่ออะไรที่ไม่เคยเห็น ท่านจึงจับจีวรพระพุทธรูปยืนองค์นั้นไว้แน่น พระพุทธรูปยืนก็พาท่านลอยไป ๆ เรื่อยๆ ผ่านสุมทุมพุ่มไม้ บ้านเรือนต่างๆ ไปจนถึงอีกดินแดนหนึ่งซึ่งมีความสงบเงียบ มีบ้านเรือนไม่มากมายนัก มีบ้านอยู่ห่างๆ เหมือนในชนบท และไม่พบเห็นว่ามีชุมชนหรือร้านค้า ตลาด อย่างที่พบเห็นในสังคมชนบททั่ว ๆ ไป ท่านอาจารย์ได้รับคำบอกกล่าวจากพระพุทธรูปว่านี่เป็นสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกภูมิ สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของเทวดาหรือ
    คนธรรมพ์ระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องติดต่อขายอะไรกันแบบโลกมนุษย์ ด้วยกินอาหารทิพย์ จึงดูสงบเงียบไม่วุ่นวายอะไร พระพุทธรูปยืนองค์นั้นได้นำท่านอาจารย์แก้วท่องเที่ยวไปทั่วๆ อันเป็นบริเวณที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา จากนั้นก็กำชับให้ท่านอาจารย์แก้วจับจีวรให้แน่นๆ จะพาไปดูที่อื่นอีก เมื่อพร้อมแล้วพระพุทธรูปยืนก็พาท่านอาจารย์แก้วพุ่งขึ้นเบื้องสูงด้วยความเร็วจนมองไม่เห็นอะไร หรือมองอะไรไม่ทันจนต้องหลับตา จึงเปรียบเสมือนการพุ่งตัวผ่านปล่องอะไรสักอย่างหนึ่ง จนบรรลุถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยปุยเมฆลอยละล่องขาวฟ่องไปทั่ว มองไปรอบๆ เห็นขาวไปหมด ในระยะต่างๆ ที่มองไปรอบตัวก็เห็นปราสาทราชวังมากมายโผล่ยอดขึ้นมาเหนือปุยเมฆเป็นระยๆ แต่ละปราสาทล้วนสะท้อนความแวววาวระยับระยับสวยงามน่าอัศจรรย์ยิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ธันวาคม 2012
  7. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    สวัสดีครับพี่นวล สบายดีนะครับ มาดึกเชียว
     
  8. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เปรียบนิมิตที่พบเห็นในตอนนี้ว่าดุจดังภาพเขียนไทยที่แสดงภาพสวรรค์ชั้นพรหม นับเป็นภาพที่สวยงามตรึงตาตรึงใจนัก พระพุทธรูปยืนได้นำท่านมาถึงปราสาทหลังหนึ่ง แล้วปล่อยท่านลงที่ลานหน้าปราสาทพร้อมทั้งบอกว่า พระแม่ประทับอยู่ข้างในคอยท่านอยู่ให้เข้าไปกราบท่านเสีย ในนิมิต ท่านอาจารย์แก้วได้เข้าไปในปราสาทนั้น ซึ่งมีพระแม่ประทับอยู่ที่บัลังค์ แวดล้อมด้วยหมู่เทพบริวารเต็มท้องพระโรงนั้น หลังจากท่านอาจารย์แก้วได้แสดงความเคารพและพระแม่ได้ตรัสกับท่านอาจารย์ว่า "ดีแล้วที่ขึ้นมาพบ แต่ภารกิจของเจ้าในเมืองมนุษย์ยังไม่เสร็จสิ้น เจ้ามีสัญญาต่อมนุษย์โลกอยู่ที่ต้องช่วยเหลือเขาให้พ้นทุกข์ ปราสาทที่ประทับของเจ้าเสร็จแล้ว" พร้อมท้งชี้ไปยังปราสาทอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป มองเห็นยอดปราสาทสวยงามมากโผล่อยู่เหนือเมฆ "ตอนนี้เจ้ายังขึ้นมาอยู่บนนี้ไม่ได้ ต้องลงไปสร้างงานในเมืองมนุษยืให้เสร็จก่อน แล้วค่อยขึ้นมาบนนี้" ในนิมิตนั้นพระแม่ได้บอกว่า ภารกิจของท่านอาจารย์แก้ว คือการสร้างคนทั่วไป ท่านอาจารย์แก้วได้ทูลพระแม่ว่า ท่านเองตัวคนเดียวจะไปสร้างสิ่งยิ่งใหญ่แบบนั้นได้อย่างไรกัน แต่พระแม่ได้ตรัสว่า ไม่ต้องกังวลใจอะไร จะให้เทพและคนธรรพ์ลงไปช่วยจนสำเร็จ และทุกสิ่งทุกอย่างที่จะต้องทำได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้หมดแล้ว จากนั้นอาจารย์แก้ว ได้เห็นราชรถเทียบม้า โดยมีพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) ทรงรออยู่บนราชรถ มีหนังสือเล่มที่พระแม่ตรัสว่า ทุกอย่างบันทึกไว้หมดแล้วในนั้น ไม่เข้าใจอะไรก็เปิดดูจะไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคอันใดที่จะทำให้หนักใจ และจะให้เทวดาองค์เขียงลงไปช่วยด้วย สาระดังกล่าวคือเรื่องราวที่ผู้เขียนเก็บความได้จากท่านอาจารย์แก้วได้เล่าให้ฟังถึงนิมิตของท่าน หลังจากท่านอาจารย์นิมิตเรื่องนี้ ท่านเล่าว่ามือของท่านยังมีทองคำเปลวติดอยู่ ซึ่งเสมือนว่าเป็นทองคำเปลวที่ติดอยู่ที่องค์พระพุทธรูปยืนองค์ที่ท่านอาจารย์เกาะจีวรไปท่องเที่ยว และพบเห็นอะไรต่ออะไรตามนิมิตนั่นเอง
    หลังจากท่านอาจารย์นิมิตเรื่องนี้แล้ว ท่านได้ธุดงค์ไปในท้องที่ต่างๆ โดยเฉพาะในท้องที่ที่ท่านไม่เคยไปมาก่อน และเป็นความบันดาลใจอันหนึ่งที่ทำให้ท่านธุดงค์มาทางใต้ ซึ่งยังไม่เคยเดินทางมาก่อนเลยในชีวิต การเดินทางของท่านเมื่อผ่านไปที่ใดนอกจากการหาที่สงบวิเวกร่มเย็นเพื่อการทำสมาธิแล้ว ท่านยังโปรดสัตว์โดยการแนะนำสั่นสอน
    พุทธศานิกชนในเรื่องการครองตน ปฏิบัติตน เพื่อให้เกิดประโชน์แก่ตนเอง แก่ครอบครัว และประเทศชาติเป็น
    เรื่องสำคัญด้วย ในขณะที่ท่านอาจารย์กำลังจุดธูปเทียนเพื่อบูชาพระธาตุนั้น ก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูว่า "รีบเดินทางไปที่ราชวงเร็วๆ" ซึ่งทำให้ท่านอาจารย์ค่อนข้างจะงุนงงด้วยยังไม่รู้เลยว่าวังอะไร อยู่ที่ไหน จากนั้นจึงได้เดินทางต่อจนถึงวัดเขาปูน ซึ่งตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน 2528
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ธันวาคม 2012
  9. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะน้องอั๋น พึงกลับจากขนของที่บ้านเก่าค่ะ...:d

    เลยแวะมาเล่าเรื่องหลวงพ่อแก้วค่ะน้องอั๋น.....

    บุญรักษาค่ะ
     
  10. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    แจ้งครับผม
    เอื้อยนวลครับได้รับพัสดุแล้วเด้อครับเอื้อย เตรียมแจกก่อนเลยครับผม ขอบพระคุณหลายเด้อครับเอื้อย รอดูบ้านหลังเก่านำเด้อเอื้อย เอ หรือหลังใหม่หว่า:cool:
     
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,949
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ขอมอบให้ ท่าน จขกท และสมาชิกทุกๆท่านที่แวะเข้ามาด้วยครับผม

    [​IMG]
     
  12. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะ...
    ขอบคุณครับเด้อที่แจ้งให้เอื้อยทราบ เอื้อยกำลังจัดส่งสติกเกอร์และผ้ายันต์
    อาจช้าบ้างนะคะ...ยังเก็บของบ้านเก่าไม่หมดค่ะ...งานก็เพียบ...
    ปีใหม่เอื้อยคงไม่ได้ไปไหนค่ะ ....แยกของบ้านเก่าที่มาบ้านใหม่....

    *มีความสุขกันทุกท่านนะคะ...
     
  13. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    การเดินทางมาถึง เขาปูนในวันนี้ ท่านอาจารย์แก้วมีความสังหรณ์ใจมาก ได้เดินพิจารณารอบๆ วัด และพิจารณาภูเขาหินปูนซึ่งอยู่ติดกับบริเวณวัด เป็นเขาสูงมีต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ ชาวบ้านแถวนี้เรียกว่า "เขาปูน" ท่านพิจารณาแล้วก็มีความรู้สึกว่าคุ้นเคยกับสถานทีนี้มาก่อน จึงพยายามทบทวนความจำและภาพในนิมิตครั้งอดีต ที่เคยนิมิตว่าพระแม่ได้มอบหมายให้ท่านสร้างพุทธสถานอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เคารพบูชา
    ซึ่งในนิมิตนอกโลกครั้งนั้นท่านได้เห็นภาพปราสาทราชวัง เจดีย์และสิ่งก่อสร้างอื่นๆส่องประกายระยิบระยับงดงามมาก สลับซ้อนอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนยอดเขาสูง และเขาปูนที่ท่านพบและพิจารณาในวันนี้ช่างมีลักษณะสอดคล้องกับนิมิตครั้งนั้นมาก ดังนั้นเมื่อพระที่จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาปูนนิมนต์ ท่านจึงรับนิมนต์ ตอนแรกท่านเดินเข้าไปปักกรดอยู่ในป่าช้าของวัด แต่คณะญาติโยมเห็นว่าไม่เหมาะสม ขอร้องให้ปักรดที่ข้างโรงธรรม แต่พระที่วัดเขาปูนได้สละที่พักไปหาที่อยู่ใหม่ โดยนิมนต์ให้ท่านอาจารย์แก้วใช้ศาลาบาตรอนุสรณ์ หนูชัยกุล เป็นการชั่วคราว ด้วยเห็นว่ามีญาติโยมที่รู้ข่าวว่าท่านอาจารย์ได้เดินทางจากถ้ำขุนคลังมาอยู่วัดเขาปูน จึงเดินทางมากราบนมัสการท่านก็หลายคน จะได้มีสถานที่เหมาะสมแก่การรับแขกด้วย คืนนั้นท่านอาจารย์ได้นิมิตว่า เทพองค์เขียวและเทพองค์ขาวได้มาบอกกล่าวให้ท่านทราบว่าบนเขาปูนนั่นเองที่เป็นราชวังตามที่ท่านอาจารย์ได้นิมิตอยู่เสมอ ๆ
     
  14. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    เทวดารักษาเขาปูน

    ตามความเชื่อของชาวบ้านละแวกวัดเขาปูนนี้ ถือว่าบนเขาปูนนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเทวดาสิงสถิตย์อยู่หลายองค์ โดยเฉพาะเทวดาสองพี่น้อง องค์พี่เป็นเสือ องค์น้องเป็นงู องค์น้องมีความดุร้ายมาก มักปรากฎให้เห็นบ่อยๆ เป็นที่เคารพนับถือกันมากแต่ครั้งปูย่าตายาย ใครมีความเดือดร้อนก็บวงสรวงบูชาก็มักจะได้รับผลตามที่ขอ แต่หากผู้ใดบนบานศาลกล่าวไม่ทำตามที่พูดจะถูกลงโทษให้เห็นกับตามีเรื่องเล่ากันว่า ในสมัยก่อนมีครูหมอ (คนมีวิชาเกี่ยวกับคาถาอาคม) ซึ่งรู้ว่าบนเขาปูนนี้มีถ้ำมหาสมบัติจึงได้ทำพิธีบวงสรวงเทวดาเพื่อขอเข้าไปเอาสมบัติในถ้ำ ได้จุดคบไฟถือส่องทางเข้าไปในถ้ำ ปรากฎว่าได้มีมือใหญ่ๆ มาปิดปากถ้ำไว้และเป่าคบไฟดับด้วย แม้คบไฟจะถูกจุดขึ้นมาใหม่ก็จะมีลมพัดมาดับเสียเต็มที่

    ท่านยังเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในนาทีใดก็ได้ริมทางหลวง ดังนั้นในวันที่สองนี้ จงเปลี่ยนไปใช้เส้นทางรถไฟแทน โดยเดินเท้ามาตามทางเดินแคบๆ ข้างรางรถไฟ การเดินทางในวันที่สองของท่านสะดวกกว่าวันแรก ด้วยทางรถไฟมักเป็นทางตรงและไม่มีเสี่ยงหนวกหูแบบทางหลวง ปรากฎว่าค่ำของวันที่สองท่านยังพอจะอ่านป้ายชื่อสถานีรถไฟพรุพรี ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้อย่างชัดเจนก่อนตะวันจะลับฟ้า และหาที่สงบบริเวณสถานีรถไฟพรุพรีนั่นเองปักกรดและพักผ่อนในคืนนั้น หลังจากปฏิบัติวิปัสนาแล้วก็นิมิตอีกว่า มีพระขาด้วนมาบอกท่านว่าเทพองค์สีเขียวให้มาบอกท่านว่าต่อไปนี้จะสบายแล้ว หลังจากนิมิตท่านอาจารย์แก้วได้พิจารณาว่าอันธรรมดาท่านเองก็อธิษฐานธุดงค์ไปแล้ว ฉันอาหารมื้อเดียว อาศัยกรดแทนกุฏิหรืออยู่ตามถ้ำ ไม่ยึดถือและสะสมสิ่งใดๆ แล้ว ชีวิตนี้ถวายเป็นพุทธบูชาแล้วจะสบายอย่างไรกัน
    ผู้เขียนเองมีความสงสัยมากที่ท่านเดินทางจากรังสิตถึงสุราษฎร์ธานีในเวลาเพียงสองวัน จึงเรียนถามท่านอาจารย์ว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน ซึ่งท่านอาจารย์เองก็บอกว่าไม่ทราบ เพราะไม่เคยมาทางภาคใต้และก็ไม่รู้ว่าตำบลใด อำเภอใด อยู่จังหวัดไหน รู้แต่ว่าตอนค่ำของวันที่สองที่เดินทางมานั้นยังอ่านป้ายชื่อสถานีพรุพรีชัดอยู่ สอบถามชาวบ้านว่าพรุพรีอยู่จังหวัดอะไร เมื่อรู้ว่าสุราษฎร์ธานีก็เฉยๆ ด้วยไม่รู้ว่าสุราษฎร์กับกรุงเทพไกลกันแค่ไหน เรื่องนี้ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือพบบ่อยๆ ที่พระอาจารย์หลายองค์ทีมีบุญฤทธิ์เกี่ยวกับการย่นระยะทาง ซึ่งยากที่จะพิสูจน์ว่าท่านเหาะมาหรืออย่างไรกัน

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ธันวาคม 2012
  15. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ขอให้มีความสุขมากๆน่ะครับทุกท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    นิมิตกลับวัง

    หลังจากที่ท่านอาจารย์แก้วได้พักผ่อนอยู่ที่พรุพรีหนึ่งเดือนแล้ว เช้าวันต่อมาหลังจากบิณฑบาตรและฉันอาหารเช้าแล้วท่านก็ออกเดินทางต่อ ขณะที่เดินทางโดยมิได้กำหนดเป้าหมายนั้น ท่านอาจารย์ได้พิจารณาถึงนิมิตที่ผ่านมาทั้งสามคืนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่เขตบ้านหาดสูง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราชและได้ปักกรดอยู่ในป่าของหมู่บ้านหาดสูงนั่นเอง ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้นิมนต์ให้ท่านอาจารย์ไปจำวัดที่วัดหาดสูง ด้วยเห็นว่าป่าดังกล่าวเป็นเขตที่เป็นปัญหาเป็นเขตที่เป็นปัญหาของเมือง ด้วยเป็นพื้นที่อิทธิพลของผู้ก่อการร้าย อาจเป็นอันตรายต่อท่านอาจารย์ได้ ท่านจึงต้องรับนิมนต์ด้วยความจำเป็นเพื่อเห็นแก่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ทั้งนี้ด้วยท่านอาจารย์ได้อธิษฐานธุดงค์ไว้ถือการอยู่ป่าแทนการอยู่วัด การธุดงค์มาในที่ต่างถิ่นเช่นนี้ย่อมต้องปฏิบัติตามคำขอร้อง จึงต้องจำวัดอยู่ที่วัดหาดสูงหนึ่งพรรษา ขณะที่ที่อาจารย์แก้วจำพรรษที่วัดหาดสูงนี้ ท่านได้สร้างอาคารเรียนสำหรับเด็กเล็กหนึ่งหลังเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวเพื่อส่งเสริมการศึกษาของเด็กก่อนวัยเรียนของหมู่บ้าน
    การจำวัดที่หาดสูง ท่านอาจารย์แก้วยังคงปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานโดยตลอด และคืนหนึ่งท่านได้นิมิตว่า เทพองค์เขียวและเทพองค์ขาว ได้มาบอกกล่าวกับท่านถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับวังแล้ว เทพทั้งสององค์ได้กล่าวย้ำเตือนท่านอยู่เรื่อยๆ จนท่านออกจากเจริญสมาธิ ท่านอาจารย์ได้พิจารณานิมิตดังกล่าวและพยายามมองตัวเองว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า หากเล่านิมิตให้ใครฟังจะถูกมองว่าเป็นโรคประสาทก็ได้ ในที่สุดท่านอาจารย์ได้ตัดสินใจออกธุดงคืต่อเพื่อพิสูจน์หาความจริงตามที่นิมิต จึงได้ลาทานเจ้าอาวาสวัดหาดสูงออกเดินทางธุดงค์ตามที่ได้อธิษฐานไว้ การเดินทางครั้งนี้ท่านอาจารย์ได้พบป้ายชี้ทางบอกว่า กรุงชิง นพพิตำ และการนิมิตให้กลับวังก็สอดคล้องกับกรุงชิง จึงน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันโดยอาจจะเป็นกรุงเก่าตามนิมิต จึงตัดสินใจเดินทางไปตามทางดังกล่าวสูกรุงชิง

    [​IMG]




    ค่ำๆจะแวะมาเล่าต่อค่ะ....
    บ่าย ไปทำงานก่อนค่ะ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ธันวาคม 2012
  17. Haarhus

    Haarhus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +2,542
    กราบหลวงพ่อทวดและสวัสดีพี่ๆทุกท่านด้วยขอรับ อากาศเริ่มเย็นลงแล้วดูแลตัวเองกันด้วยนะครับอิอิอิ
     
  18. dinso

    dinso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,863
    ค่าพลัง:
    +9,562
    กราบหลวงพ่อทวดครับ สวัสดีทุกท่าน ดีพี่นวล ดีซัน เด้อ
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG] [​IMG]
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...