อัลเบิร์ต ไอสไตล์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย newhatyai, 9 กันยายน 2007.

  1. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    [FONT=ms Sans Serif,]อัลเบิร์ต ไอสไตล์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif,]ถึงแม้อัลเบิร์ต ไอสไตล์ ได้จากโลกนี้ไปโดยที่เขายังไม่สามารถค้นพบตำตอบตามที่เขากำลังต้องการก็ตาม แต่ไอสไตล์ได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนาที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติ ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา อัลเบิร์ตได้เริ่มสงสัยแล้วว่า พระพุทธศาสนาอาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขากำลังพยายามค้นหา ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง " The Human Side " ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif,]The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend personal God and avoid dogma and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things natural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism. (Albert Einstein) [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,]"ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา" [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif,]อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif,]นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฏีสัมพัทธภาพ [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif,]คำพูดของไอสไตล์นั้นมีความนัยที่สำคัญซ่อนอยู่และรอคอยการค้นพบ และทฤษฎีเอกภาพหรือทฤษฎีสรรพสิ่งที่ต้องการค้นหานั้น ที่จริงพระพุทธเจ้าได้ตอบให้เบ็ดเสร็จก่อนหน้านั้น 2500 ปี[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2007
  2. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    ใช้แล้วครับ เขาเขียนเรื่องนี้ในหนังสือชื่อ "The Human Side"

    เพราะก่อนหน้านี้ ไอสไตน์ ได้ตั้งทริษฎี Relativeity และ Quantum ขึ้นมา

    อธิบาย ทริษฎีสัมพัทธภาพ ก็คือ ความพยายามหาจุดอ้างอิงในจักรวาล เพื่อใช้วัด หรือคำนวน เพราะ โลกไม่นิ่ง หมุนวน สริยจักรวาลไม่นิ่ง หาออกไปก็ไม่
    เจอสักที ที่จะนำมาเป็นจุดที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเวลา หรือ ตำแหน่งในอวกาศ

    ส่วน Quantum ก็ว่าด้วย การเปลี่ยนแปลง สสารและพลังงาน ในระดับอนุภาค ก็หาความแน่นอนเหมือนกัน เพราะของใหญ่ไม่นิ่งเลย แปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา ก็ค้นหาไปเรื่อยๆเล็กลงๆๆๆ จน เล็กที่สุด ก็ยัง ไม่แน่นอน

    จริงๆ เขาก็ไม่ได้รับ Noble Prize จากทริษฎี Relativity นี้ครับ

    สรุป Quantum ก็คือความไม่แน่นอน

    แล้วเขาคิดถึง การทอดลูกเต๋า ถึงจะไม่แน่นอน แต่มีความเป็นไปได้อยู่ ( คือprobablilityความน่าจะเป็น ทางคณิตศาสตร์)

    เขายังเคยถามพยาบาลเลยว่า ทำไมพระเจ้าไม่เล่นทอดลูกเต๋า?

    แล้วสิ่งที่ไอน์สไตน์ ค้นหาคืออะไรหล่ะครับ

    คือ The normal absolute ruling in nature

    หรือหมายความว่า จุดที่หยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ (คนที่เข้าใจธรรมจะรู้ครับ)

    จริงๆ ความเข้าใจนี้ ก็ไม่เหนือธรรมดา หรือ ธรรมชาติ อะไรนะครับ

    เหตุประการหนึ่ง คือ กลับมาย้อนดู ว่าจิตใจ ที่เราใช้คิด และพัฒนา ความเจริญด้านวัตถุ ย่อมเกิดจากจิตใจต่างๆกัน ที่มีความโน้มเอียงไปทางที่ไม่เป็นกลาง คืออย่างที่ท่านสรุปไว้อย่างดีแล้วด้านบน

    แล้วลองคิดดูว่าทำไม พระพุทธเจ้า ให้เรามีปัญญา ด้วยวิธีไหน แล้วการทำสัมมาสมาธิที่ปราศจากกิเลสรบกวนนั้น เป็นกลางไหม หยุดนิ่งไหม
    ทำไมคนที่เป็นมิจฉาทิฐิ จึงไม่สามารถเข้าถึงปัญญาที่สูงได้

    แล้วผมก็คิดไปถึงคนต่างดาวที่เขามีจานบิน ผมว่าเขาคงเป็นคนที่จิตใจดี
    และมีความเป็นกลางมากในใจ จึงได้มีปัญญา สร้างสิ่งที่หลายๆคนไม่เชื่อว่า
    จะมีได้ หรือจะทำได้ครับ

    แม้ไอสไตน์เอง ยังใช้ คณิตศาสตร์ ที่ไม่ต้องหาเหตุผลแวดล้อม มาเป็นผลกระทบ ทำให้เขาสามารถเข้าถึงธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงได้มากกว่าใคร
    แต่เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่า เหตุและปัจจัยอยู่ดีครับ

    เขาเป็นคนนึง ที่ได้หันมานับถือศาสนาพุทธ แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ

    ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แล้วเขาก็ยังเสียดาย ที่ได้พบและ ศึกษาพระศาสนา

    ช้าเกินไป และยังเสียใจที่ได้มีส่วนทำให้ เกิดการสร้างระเบิดปรมาณู

    ที่ทำลายชีวิตคนที่ ฮิโรชิมา และ นางาซากิ เป็นล้านคน แม้จะไม่ได้สร้างเอง

    เพราะถ้าเขาพบและศึกษาศาสนาพุทธก่อน คงไม่เกิดเหตุเช่นนี้

    จริงๆยังมี เหตุและปัจจัยอื่นๆ อีก แต่ที่กล่าวมา ก็สรุปสั้นๆ ที่มาที่ไปให้ได้

    พอรู้กัน เพราะช่วงชีวิตของไอสไตน์กับศาสนาพุทธนั้นไม่มาก แต่เขาก็

    ได้ทำให้เรารู้ว่า ที่ทุกคนในโลกเชื่อว่าเขาฉลาดที่สุด แต่เขาไม่สามารถหา

    คำตอบที่เขาต้องการมากที่สุดในชีวิตเขาได้ และมาพบทางและวิธีการ

    จากพระพุทธองค์ และบอกให้ทุกคนได้รู้ จากหนังสือเล่มสุดท้ายนะครับ

    ว่า จะทำยังไง ให้เราก้าวข้ามสิ่งที่เรายึดถือในปัจจุบัน เพื่อความสำเร็จของ

    มนุษย์ชาติในอนาคต รวมไปถึง การไม่มีสงคราม แบบ ฮิโรชิมาด้วย

    เป็นคุณค่า และคุณงามความดีของพระพุทธองค์ที่หาที่สุดไม่ได้ครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2007
  3. constros

    constros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +253
    สาธุ อนุโมทนาด้วยคับ
    พระพุทธศาสนาไม่ใช่เก่าและไม่ใช่สิ่งใหม่ เป็นของที่มีอยู่คู่โลกนี้มานาน
    แต่ไม่ค่อยมีคนมองเห็น
     
  4. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    พระพุทศาสนา
    ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา
     
  5. มาตรมณี

    มาตรมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +555
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ไอน์สไตน์ กับ พุทธศาสนา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ถ้าใครถามไอน์สไตน์ว่า เขานับถือศาสนาอะไร เขาจะตอบว่า เขาไม่นับถือศาสนา เขาเป็นคนประเภทไม่มีศาสนา แต่ถ้าถามต่อว่า แล้วเขาชมชอบศาสนาไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เขาจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ศาสนาพุทธ” [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เขาสนใจพุทธศาสนามาก อาจกล่าวได้ว่า เข้าถึงพระพุทธศาสนามากกว่าคนที่นับถือพุทธจริง ๆ เสียอีก ครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยพรินซตันจัดบรรยายเกี่ยวกับพุทธศาสนา ไอน์สไตน์เข้าฟังด้วย เขาสร้างความประหลาดใจให้คนในห้องประชุมด้วยการการแสดงถึงความดื่มด่ำอย่างซาบซึงในขณะฟังบรรยาย และจะสังเกตได้ว่า บทความที่ไอน์สไตน์เขียนจะอ้างถึงศาสนาพุทธบ่อยมาก ( เขาใช้คำว่า ศาสนาแห่งจักรวาล หรือ COSMIC RELIGION ) มีสิ่งหนึ่งที่อ่านแล้วหวาดเสียวพอสมควร ถ้าไอน์สไตน์เขียนบทความนี้สักสองสามร้อยปีก่อนหน้านี้ เขาอาจถูกเผาทั้งเป็นไปแล้วก็ได้ เขาเขียนว่า ............................ [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]“ ....คริสตจักรถือว่าพระเจ้าคือผู้ทรงให้รางวัลและลงโทษ แท้จริงแล้วมนุษย์ตกอยู่ในวิถีที่น่าสังเวช หากเขาต้องถูกจำกัดตัดตอนโดยความกลัวการลงโทษและความหวังที่จะได้รับรางวัลหลังความตาย ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ง่าย ๆ ว่า ทำไมคริสตจักรจึงได้ต่อสู้กับวิทยาศาสตร์และตามจองล้างจองผลาญผู้อุทิศตนทางวิทยาศาสตร์เสมอมา เส้นทางสู่ความเป็นศาสนาอย่างแท้จริงไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานการกลัวชีวิต กลัวความตาย หรือศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ด้วยความพากเพียรตามความรู้ที่มีเหตุผล ในอีกมุมมองหนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นว่า ความรู้จากศาสนาแห่งจักรวาล ( พุทธศาสนา ) เป็นแรงจูงใจที่แข็งแกร่งและสง่างามที่สุดในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์” [/FONT]

    หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mscc2&topic=185
     
  6. nutnun_k

    nutnun_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +1,021
    ตัวไอนสไตน์ เขาเองคงคิดก่อนตายว่า "น่าเสียดายจริงหนอ เราไปหาคำตอบในสิ่งที่นำติดตัวไปไม่ได้เลย"
     
  7. p.apichart

    p.apichart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +4,041
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">เยี่ยมเลยครับขอโมทนาบุญด้วย แต่แหมตัวหนังสือเล็กจัง
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. อาม

    อาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +314
    ผมนี่แหละ ตั้งใจว่า สักวันหนึ่งถ้าความตั้งใจที่เคยมีตั้งแต่วัยเด็กที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาเคมี ประสบความสำเร็จ ผมจะประกาศคำพูดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ให้ดังก้องโลก ผมเป็นผู้มีนามว่า พีรกิตติ์ คมสัน (Peerakit Komson, เกิดในวันและเวลาเดียวกับไอน์สไตน์ แต่เกิดภายหลัง เก้ารอบนักษัตร) ผู้อยู่บนทางแห่งความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ เพื่อความเข้าใจธรรมชาติ ขอประกาศไว้ ณ ที่นี้
     
  9. newhatyai

    newhatyai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +6,203
    ขอให้สมหวังครับ
     
  10. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    พุทธศาสนาสอนให้ปฏิบัติด้วยตนเองให้สะอาดบริสุทธิ์ สูงขึ้นไปกว่า เทพเทวดา พรหม หรือเป็นพระเจ้าอะไรทำนองนั้น

    คนที่สภาวะจิตไร้ความรู้ ความสามารถ ชอบของสำเร็จรูปเบื่อนั่งรอเวลา ไม่ชอบลำบาก
    อยากไปสวรรค์โดยไม่ต้องปฏิบัติให้ยากเย็น อาศัยพระเจ้าเป็นพาหนะดีกว่า เขาจึงไม่ชอบพุทธศาสนา เพราะ ไม่มีพระเจ้า มันวังเวง

    ไม่รู้อะไร พระเครื่อง เรามีมากมายเต็มคอ คอยช่วยเหลือเรา แน่ะ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  11. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อนุโมทนาบุญด้วยจ่ะ ... แหมะ อ่านแล้วขนลุกซู่เลย
    เป็นความรู้สึกแบบว่า น่าประทับใจจัง เขาสมแล้วกับเป็นคนที่นับได้ว่า
    ฉลาดมากๆ แล้วท่านยังได้สนใจและ ศึกษา พุทธศาสนาด้วย
    ช่างน่าประทับใจ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ขอให้สำเร็จสมหวังดังตั้งใจที่
    อยากจะศึกษาธรรมะได้อย่างลึกซึ้ง ไม่แน่นะ เขาอาจกลับมาเกิดใหม่แล้วก็ได้ ...
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** แก่นสาร ในศาสนาพุทธ ****

    คือ เรื่องราวสัจจะธรรม ความจริง ในธรรมชาติ
    จึง เป็นเหตุ เป็นผล...สามารถอธิบายได้อย่างต่อเนื่อง
    ไม่ติดขัด ไม่สะดุด ไม่จนมุม
    จึงเป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง

    แต่...ปัจจุบัน
    ชาวพุทธเราเอง...ไม่ค่อยพยายามเรียนรู้ในเหตุ ในผลที่มีอยู่ในธรรมชาติ
    แต่กลับพอใจที่จะเชื่อเรื่องราวเหลือเชื่อ อภินิหารย์ ปฏิหาริย์มากกว่า

    เราชาวพุทธ...ควรที่จะใช้สมาธิพิจารณา
    ในเรื่องเหตุผลในธรรมชาติ...
    นั้นก็คือ..."หลักสัจจะธรรม" ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2007
  14. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    อ้าว... ก็ไหนท่านบอกว่าท่าน "ตรัสรู้"แล้ว "บรรลุธรรม"แล้ว ท่านก็คือ "พระศรีฯ" ไง แล้วทำไมยังไมรู้อีกเล่า
    แล้วไอ้การหาค่าความเร็วกว่าแสงได้เนี่ย มันเกี่ยวอะไรกับการตรัสรู้เล่าท่าน
    เฮ้อ......ทำไมต้องให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุธรรม อย่างเราคอยสอนท่านอยู่เรื่อยๆเลยอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
     
  15. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    เฮ้อท่านบ๊องนะ ท่านบ๊อง จะแหกตาชาวบ้านไปถึงไหน
    มิติที่ 4 ก็คือเวลาไม่ใช่หรือท่าน

    อธิบายมาทีซิ ว่าไอ้การหาค่าความเร็วกว่าแสงได้เนี่ย มันจะทำให้เข้าไปในจักรวาลคู่ขนานได้ยังไง เฮ้อ.....
     
  16. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +2,267
  17. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ตอบแบบคนปัญญาอ่อนอีกแล้วไอ้บ๊อง ถ้าไปด้วยพลังจิตแล้วทำไมยังต้องหาค่าความเร็วกว่าแสงอีกอ่ะไอ้บ๊อง จะลอกมาก็หัดทำความเข้าใจด้วยซิ เอาแต่เพ้อเจ้อ และไอ้มิติที่สี่เนี่ยมันคือเวลา ทำไมต้องให้เราสอนท่านอยู่เรื่อยเลยอ่ะ

    กรุณาใช้สมองบ้างเถอะท่าน ก็เข้าใจว่าสำหรับท่านมันจะเจ็บปวดมาก แต่ใช้บ้าง หัดใช้มันซะบ้างเถอะ สมองน่ะไม่ใช่ไส้ติ่งนะท่าน มันต้องใช้กันบ้าง ไม่ใช่ไม่ใช้เลย ฮ่าฮ่าฮ่าไ อ้บ๊อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2007
  18. คนไม่รุ้

    คนไม่รุ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +116
    เหมือนว่ามาเกิดใหม่แล้วนะ ชื่อ ไชยา ไรนี่แหละ ผมไม่มีข้อมูลอ้างอิงมากหรอก
     
  19. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    ความจริงแล้วมิติมีมากกว่า 4 มิติครับ ไอน์สไตน์กำหนดให้มิติที่4ในทฤษฎีสัมพัทธภาพของเขา คือเวลา....โดยอีก 3 มิติ เป็นมิติของที่ว่าง ทั้งนี้เพราะทฤษฎีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของจักรวาลของเรา
    <O:p
    แต่ในเชิงทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ มิติมีมากกว่านั้นครับ ตัวอย่างก็คือ ลูกบาศก์ 8 มิติ ( Octeract) ดังนั้นมิติอื่นๆ หรือโลกคู่ขนานจึงมีจริง

    <O:pพระพุทธองค์ทรงเป็นพระสัพพัญญูอย่างแท้จริง เพราะทรงมีพระปัญญาเลอเลิศ สามารถเข้าใจมิติเหล่านั้นทั้งหมด หลักฐานก็คือ จากจูฬนีสูตร พระพุทธองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังว่า

    <O:p...ในโลกธาตุอย่างเล็กมี 1,000 โลกธาตุ (หรือจักรวาล) แต่ละจักรวาลประกอบด้วยโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ทวีปต่างๆ สวรรค์ทุกชั้น เทพยดา พรหม พรหมโลก และมีอย่างนี้เหมือนกันหมดในทุกจักรวาล

    <O:pในโลกธาตุอย่างกลางมีจักรวาลมากกว่าในโลกธาตุอย่างเล็กอีก 1,000 เท่า นั่นคือมี 1,000 x 1,000 เท่ากับ 1ล้านจักรวาล

    <O:pในโลกธาตุอย่างใหญ่มีจักรวาลมากกว่า กว่าโลกธาตุอย่างกลางอีก 1,000 เท่า เพราะฉะนั้นจึงมี 1,000 x 1,000 x 1,000 เท่ากับ1 พันล้านจักรวาล
    <O:p
    นี่ขนาดเป็นการบอกแบบกว้างๆนะครับ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าคำว่า “แสนโกฏิจักรวาล” เป็นเรื่องที่มีจริง
    <O:p
    ในเมื่อโลกธาตุหรือจักรวาลมีมากขนาดนั้น มิติในแต่ละโลกธาตุหรือจักรวาลจึงมีได้ตั้งแต่1มิติ จนถึงอนันต์มิติ และย่อมมีบางมิติทีทับซ้อนกันอยู่
    <O:p
    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เพียงเพื่อบอกให้รู้ว่า ค่าความเร็วกว่าแสงเป็นแค่เศษเล็กๆของความรู้ทางฟิสิคส์เท่านั้นครับ และห่างไกลกับความเป็นพระสัพพัญญูและการตรัสรู้ของพระพุทธองค์อย่างเทียบกันไม่ได้ อย่าลบหลู่พระปัญญาธิคุณของพระพุทธองค์ ด้วยการเอาเศษความรู้เล็กแค่นั้นมาเทียบเลยครับ เวลานับอสงไขยในการบำเพ็ญนั้น พระองค์ได้ทรงท่องไปในมิติและโลกธาตุเหล่านั้น ไม่ใช่รอบเดียว หากแต่นับไม่ถ้วนรอบครับ
    <O:p
    ความจริงไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่เห็นว่า ท่านกำลังสร้างกรรมที่ไม่สมควร จึงประสงค์จะเตือนเพื่อให้สังวรไว้ ด้วยเกรงว่าท่านจะเห็นผิด และนำไปสู่มิจฉาฐิทิได้ ครับ
    <O:p
    นี่คือรูปลูกบาศก์ 8 มิติ ( Octeract) โครงสร้างดวงตามนุษย์มองและเข้าใจได้แค่ 3 มิติ การจะเข้าใจมิติอื่นๆจึงไม่อาจใช้ตามองได้ครับ ส่วนพลังจิตนะความจริงก็ คือ พลังธรรมชาติที่เชื่อมโยงมิติเหล่านี้ครับ คนที่มีพลังจิตสูง คือ คนที่พบวิธีเอาพลังนี้มาใช้ได้มากกว่าคนอื่นเท่านั้น แต่หากจะตรัสรู้ เข้าสู่พระนิพพาน คุณต้องก้าวให้หลุดพ้นจากพลังเหล่านี้ครับ ขอเล่านิทานให้ฟังแค่นี้นะครับ

    ขออนุโมทนากับทุกท่าน<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...