ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ !!!

    [​IMG]

    undersea12000 สมาชิก

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ฮั้วโต๋
    ...การเตรียมตัว-เตรียมใจรับภัยจากการปรับสมดุลย์ธาตุในครั้งนี้...
    1. มีห้องมิดชิด.อย่าให้มีแสงสว่างลอดเข้าในห้องได้.เสบียงอาหารเก็บในห้องนี้ด้วย...
    2. ข้าวของเครื่องใช้ น้ำดื่ม-น้ำใช้.เก็บในห้องเดียวกัน.
    3. รถ-ยานพาหนะ เก็บในห้องมิดชิดไม่ถูกแสงสว่างเช่นเดียวกัน...
    4. ไม่ออกไปภายนอก.เมื่อมีพลังงานลงมายังโลกมนุษย์ในปริมาณที่มาก.
    5. สวดมนต์ภาวนา.ปิดวาจาได้ยิ่งดี..
    เดี๋ยวอาจารย์แจ้งเตือนมาเป็นระยะ ๆ..
    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ


    เมื่อคืนอ่านเรื่องนี้ แล้วตามไปอ่านของอาจารย์รัตน์อีก เช้านี้เลยฝันว่า ตัวเองอยู่ในสภาพราบขนานกับพื้น เพราะแรงดึงดูด่อโลกจากกาแลกซี่ไตรแองกุลั่มและแอนโดรมีด้า ส่งมาในแนวนอน ผมสามารถเดินไปมาบนผนังห้องโดยเท้าเหยียบและเดินอยู่บนผนัง! น่าขำดีครับ

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ...จะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ..มนุษย์ทั้งหลายจะเป็นตุ๊กแก-จิ้งจก.กันชั่วคราว.และคลานกันครับ.

    ...จากคำเตือนเรื่อง..การปรับสมดุลย์ธรรมธาตุ ครั้งที่ 1.ปี 2556.เริ่มต้นจากฝั่งตะวันออก.เป็นจุดเริ่มต้น.ท่านที่อยู่ทางฝั้งตะวันออก ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม ขณะเดียวกันทางทิศอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุก็เตรียมตัวด้วยเช่นกัน.เพื่อความไม่ประมาท....

    ...ของไทยเราในบางพื้นที่.ความรุนแรงในการปรับสมดุลย์ธรรมธาตุในครั้งนี้.มีความรุนแรงและอันตรายสูงมาก.โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีขันธ์ 5 ยังอ่อนและบอบบาง.อาจจะไม่ปลอดภัยได้จากแรงดึงดูดในครั้งนี้..พลังน้ำอาจช่วยบรรเทาได้...

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    ทีมา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-478
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 93.jpg
      93.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      1,078
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กระทู้นี้ผมจะเน้นทางด้านจิตศาสตร์ พลังจิต การหยั่งรู้อนาคต จึงอาจจะไม่ถูกกับจริตของท่านมากนัก ถ้าท่านชอบข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่มีหลักฐานอ้างอิงได้ ผมขอแนะนำให้ไปอ่านกระทู้อื่นๆ ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการแห่งนี้จะดีกว่านะครับ เพราะมีอีกหลายกระทู้ที่จะเน้นหนักไปทางด้านข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่วนกระทู้นี้ผมขอสงวนเอาไว้ให้กับผู้ที่สนใจทางด้านจิตศาสตร์(พลังจิต)เท่านั้นครับ
     
  3. phirus

    phirus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +318
    อะไรจะเกิดก้อต้องเกิด จะกลัวไปใยเล่า มีแต่จะทำให้เราทุกข์ใจในเหตุที่ยังไม่มีซักกะนิดเลย

    แต่ผมสังเกตุอย่างนึง พระสายวิปัติสนา ที่เราๆๆรู้จักมักจะไม่มาบอกเราว่าจะเกิดนู่นนี่นั่น มีแต่บอกให้เราปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่ากรรมใครกรรมมัน ลองพิจารณาเอาเถิดครับว่า จริงหรือเปล่า หรือเพราะเกาะกระแสแค่นั้นเพื่อ ?????
     
  4. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A.JPG
      A.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      914
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ลองพิจารณาเอาเถิดครับว่า จริงหรือเปล่า !!!

    [​IMG]

    "พุทธทำนาย"ฉบับล้านนา

    จากคัมภีร์ใบลานเรื่อง "หมากน้ำเต้าจมหมากหินฟู" ของวัดป่าสักน้อย ตำบลแม่ปูคา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้จารชื่อ "อภิชัย ยาตันคหัสถ์" ผู้สร้างชื่อ "นายน้อยตัน" จารไว้เมื่อ พ.ศ.2492

    มีใจความว่า ครั้งที่พระพุทธเจ้าประทับที่เชตวันวนาราม ทรงปรารภถึงการดำรงอยู่นานหรือไม่นานของพระศาสนา โดยทรงปรารภเหตุที่เทวดาทั้งหลายได้กราบทูลถาม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเทศนาตอบ โดยที่ในมัชฌิมยามคืนหนึ่ง เหล่าเทพเข้าไปสู่ธัมมสภาคศาลาเป็นจำนวนมากเพื่อฟังธัมมกถาในสำนักของพระพุทธองค์ยามเที่ยงคืนทั้งนี้ มีเทวดาชื่อ "ปัณณเทพ" เป็นหัวหน้าได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า การที่บางคนเกิดมาได้รับความลำบากยากแค้น แต่บางคนมีทรัพย์มั่งคั่ง บางคนรูปร้ายทุพพลภาพ บางคนอายุสั้น และบางคนอายุยืนยาวนั้นเป็นเพราะเหตุใด

    พระพุทธองค์ตรัสว่า การที่คนเกิดมาและอยู่ดีมีสุขนั้น เป็นเพราะในชาติก่อน ได้ทำบุญให้ทานถือศีลฟังธรรม ส่วนคนที่เกิดมาลำบากเข็ญใจนั้น เป็นเพราะในชาติก่อนมิได้ทำบุญให้ทาน ไม่สงเคราะห์แก่ผู้ใด มีแต่กระทำบาป เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดในนรก พ้นจากนรกก็เกิดเป็นเปรต หากยังมีกรรมหนาแน่นอยู่หรือเคยฆ่าสัตว์มาก่อน ก็ต้องเกิดเป็นสัตว์ที่ตนเคยฆ่าอีกห้าร้อยชาติ แล้วจึงเกิดมาเป็นคนอนาถายากไร้

    คนที่มีรูปงามและมีอายุยืนนั้น ก็เนื่องมาจากอดีตชาติเคยทำบุญให้ทาน รักษาศีล ไม่เบียดเบียนสัตว์ ไม่อิจฉาริษยาขึ้งโกรธต่อผู้ใด คนที่มีแต่ความอิจฉาริษยาอยู่ในใจนั้น มักเป็นผู้ผูกโกรธและไม่ทำบุญรักษาศีล พอเกิดมาจึงมีรูปร่างไม่งดงาม หรืออวัยวะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือมีอายุสั้น

    คนที่เกิดมามีสติปัญญาและความจำดี มีศิลปวิทยาเป็นประโยชน์ต่อตนและครอบครัว ทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง หรือเป็นครูผู้สอนศิลปวิทยาแก่ผู้อื่นมาก่อน เมื่อเกิดมาอีกจึงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดส่วนคนที่เกิดมาแล้วโง่ทึบหรือเป็นบ้าเป็นใบ้นั้น เป็นเพราะในชาติก่อนมิได้ศึกษาเล่าเรียน ไม่ได้ฟังคำสอน หรือมีผู้สอนแล้วไม่เชื่อฟัง ก็ทำให้เกิดมาเป็นคนโง่ทึบและเป็นบ้าใบ้

    พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปว่า พระองค์จะมีพระชนมายุเพียง 80 ชันษา ก็จะนิพพาน และได้กำหนดให้พระพุทธศาสนายืนอยู่ได้ 5,000 ปี เมื่อพระองค์นิพพานไปครบ1,000 ปีแล้ว ก็จะเกิดความยุ่งเหยิงเป็นครั้งคราว จะมีพระอริยสงฆ์และพระราชาช่วยกันกอบกู้เป็นระยะๆ เพื่อให้พระพุทธศาสนาสืบเนื่องต่อไปได้ครั้นพระองค์นิพพานไปแล้ว 2,500 ปี พระศาสนาจะเริ่มถอยลง คนจะขาดความเคารพในพระธรรม พระภิกษุบางเหล่าจะแตกแยกกัน บางหมู่จะไปตั้งนิกายใหม่ บางหมู่จะนำเอาคำสอนของพระองค์ไปทำให้ไขว้เขว

    พระสงฆ์บางกลุ่มจะตั้งตนเป็นผู้วิเศษ ประพฤติตนเป็นมิจฉาทิฐิอลัชชี จะมีการหากินด้วยเดียรัจฉานวิชาต่างๆ คนทั้งหลายทำไร่นาลำบาก ท้าวพญาจะข่มเหงชาวบ้านชาวเมือง ความยุติธรรมจะบกพร่อง และเมื่อศาสนาของพระองค์มีอายุ 3,000 ปีแล้ว(พันปีที่สามตั้งแต่ พ.ศ.2001-3000) ท้าวพญาจะขัดแย้งกัน บ้านเมืองจะวุ่นวายฆ่าฟันกันไปทุกหย่อมหญ้า เกิดความแห้งแล้งและพืชผลจะตกต่ำ คนจะพากันล้มตายด้วยเหตุต่างๆ เป็นอันมาก และเมื่อโดยเฉพาะศาสนาของพระองค์พ้น 2,500 ปีไปแล้ว คนหลายๆ ครอบครัวจะได้ร่วมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน หญิงชายอายุถึงสิบปีก็จะมีผัวมีเมียกันแล้ว

    ยามนั้นคนทั้งหลายจะไม่อ่อนน้อมต่อกัน และจะเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพงไปทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อศาสนาของพระองค์ล่วง 2,500 ปีไปแล้ว จะเกิดปัญหา "หมากน้ำเต้าจักจม หมากหินจักฟู" หมาจิ้งจอกจักไล่กัดเสือ ช้างจะพากันกินถ่านไฟแดง คนใจบุญใจกุศลจะต้องหาบ แต่คนใจบาปจะเดินตัวเปล่า พ่อค้าจะอาสาออกศึก น้ำไม่ลึกจะพากันทำที่ว่ายน้ำเล่น กบเขียดจะไล่กินงู พญาครุฑจะเป็นบริวารของกาดำ หมาจิ้งจอกจะกินอาหารจากถาดทอง และราชสีห์จะเป็นบริวารของหมาจิ้งจอก

    ครั้งนั้นเทวดาถามว่า เมื่อพระองค์นิพพานไปแล้ว พระองค์จะตั้งพระรัตนตรัยไว้อย่างไร ภายหน้าภายหลังไม่เสมอกันจะเป็นเหตุใด สัตว์ไม่เคยเกิดก็จะมี ที่มีแล้วก็จะเกิดมาอีก อันว่า หมากน้ำเต้าไม่เคยจมน้ำก็จักจม หมากหินซึ่งอยู่ใต้น้ำก็จักฟูลอยขึ้น จะเป็นด้วยเหตุใด

    พระพุทธองค์ตอบว่า เมื่อพระพุทธศาสนาล่วงไป 2,500 ปีแล้ว "หมากน้ำเต้าจม" ได้แก่ คนทั้งปวงที่เคยบวชและเรียนพระไตรปิฎกจนถ่องแท้แล้วนั้น ต่อมากลับทำบาปและไม่รักษาศีล อีกทั้งยังแนะให้คนอื่นหลงผิดจนตกนรกหมกไหม้เป็นอันมาก คนเหล่านั้นเมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็จะไปจมอยู่ในอบายภูมิทั้ง 4 อันว่า "หินจะลอยไปตามกระแสน้ำ" นั้น ได้แก่ คนบ้านนอกซึ่งไม่รู้จักพุทธศาสนาจะพากันละเลิกมิจฉาทิฐินั้นแล้วทำบุญรักษาศีล และสร้างคุณงามความดีแก่บ้านเมือง เป็นผู้ค้นคว้าเอาวิชาความรู้มาเผยแพร่แก่กุลบุตรกุลธิดาสืบไปอีก คนเหล่านั้นจักได้ชื่อว่า "หมากหินจักฟู"

    ต่อมาท้าวพญาจะแย่งชิงอำนาจกันและแตกเป็นพวกเป็นเหล่า เมื่อรบกันแล้วผู้มีกำลังน้อยก็จะจ้างชาวป่าชาวดอยมาเป็นกำลัง โดยบอกว่าหากตนชนะแล้ว จะตั้งให้มีอำนาจและได้ทรัพย์สินของผู้แพ้นั้น พวกท้าวพญาหรือเสนาอำมาตย์ที่อาศัยพวกโจรหรือชาวบ้านชาวป่ามาเป็นนักรบ ซึ่งเมื่อชนะแล้วก็ตั้งให้มีตำแหน่งหน้าที่และได้ลูกเมียของพวกผู้แพ้ไปสมสู่อยู่กินด้วย อันนี้เรียกว่า "ราชสีห์จักได้เป็นบริวารของหมาจิ้งจอก"

    ส่วนวงศาลูกเมียของพญาผู้เสียอำนาจนั้นก็เท่ากับว่า "พญาครุฑไปเป็นบริวารของกาดำ" และพวกโจรหรือนักเลงชาวป่าชาวดอย เมื่อไม่มีความรู้แต่มีอำนาจหน้าที่แล้ว ก็จะใช้แต่ความหยาบช้าหาศีลธรรมมิได้ คนดีมีความรู้ก็จะพากันหันหนีเข้าป่า คนอธรรมจะได้ครองเมือง และบ้านเมืองก็ระส่ำระสายเกิดกลียุค อันนี้เรียกว่า "กบเขียดไล่กินงู" คือเมื่อศาสนาของพระองค์ผ่าน 2,500 ปีไปแล้ว คนทั้งหลายก็จะเป็นทุกข์และเดือดร้อนฉิบหายกันมากนัก

    เทวดาก็ทูลถามว่า หากเกิดเหตุเช่นนั้นจริง พระองค์จะให้พวกเทวดาทำอย่างไร พระพุทธองค์ตอบว่า หากคนยังเคารพและปฏิบัติตามในพระรัตนตรัยอยู่ ก็จะเป็นบุญของผู้นั้น แต่หากไม่ปฏิบัติตามก็เป็นกรรมของผู้นั้น จึงขอให้เทวดาทั้งหลายทำบุญรักษาศีลเจริญภาวนาฟังธรรมคำสอนของผู้รู้ สร้างกุศลและละเว้นจากบาป ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วตั้งจิตปรารถนาให้ได้พบพระพุทธอาริยเมตไตรย

    เทวดาทูลถามต่อว่า คนที่อยากพบพระอาริยเมตไตรยนั้นพึงทำอย่างไร พระพุทธองค์ก็ตอบว่าให้มั่นคงในการทำบุญรักษาศีลเจริญภาวนา แล้วตั้งความปรารถนาว่าให้ได้พบกับพระพุทธอาริยเมตไตรย ก็จะได้พบกับพระพุทธอาริยเมตไตรยเป็นแน่แท้ เมื่อเทวดาทั้งหลาย มีปัณณเทพเป็นประธานได้รับฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้าดังกล่าวแล้ว ก็มีความชมชื่นยินดีมากนัก จึงพากันกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้วอำลาคืนสู่วิมานของตน

    บัดนี้...เป็นไปอย่างพุทธทำนายของพระพุทธองค์แล้วหรือยัง?

    Started by ลุงตรี, Apr 11 2007 09:44:03

    ที่มา พุทธทำนาย ฉบับล้านนา - รู้ไว้ใช่ว่า - CM108.com สังคมบนอินเตอร์เน็ตเชียงใหม่ ลำพูน Chiang mai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ลำดับการเกิดภัยพิบัติที่ควรให้ความสนใจ !!!

    [​IMG]

    Dream_Seer สมาชิก

    สวัสดีครับ

    นึกว่าผมแปลกอยู่คนเดียว พึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกครับ ปกติผมเป็นคนปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิวิปัสสนา เคยได้ยินกระแสวันสิ้นโลก(ยุคพลังงานเก่า) มาตั้งแต่ ปี ค.ศ.2000

    ในตอนนั้น ผมได้มีโอกาสไปถามครูบาอาจารย์ ว่า โลกมันแตกในปี 2000 หรือไม่ ท่านก็ตอบว่า ยังหรอก แต่ภัยธรรมชาติมันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย และ อีกประมาณ 10-13 ปี ท่านก็บอกว่าประเทศไทยเราจะประสบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงมาก และ จะมีคนตายมาก ผมก็ถามต่อว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ท่านก็บอกว่าให้เร่งปฏิบัติธรรม ถึงเวลาถ้าเราจะรอด กรรมจะกำหนดให้เรารอด แต่ถ้าเราต้องตายก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย และ ผลกรรมที่เราทำมาในอดีต ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล ให้เร่งปฏิบัติธรรมชำระจิตใจ ฝึกสติ วิปัสสนา

    โดยปกติก่อนเข้านอนทุกครั้ง ผมจะนอนดูลมหายใจ จนกระทั้งหลับไป แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เห็นภาพในฝันเป็นเรื่องหลัก 4 ภาพครับ จึงอยากจะมาแชร์กับเพื่อนๆ ทุกคนที่นี้

    1) ผมเห็นโลกจากอวกาศ ผมเห็นภาพประเทศไทย ช่วงภาคกลาง บริเวณที่เป็นที่ราบลุ่มรูป "ก" โดนน้ำทะเลท่วมเข้ามาหมด น่าจะไปสุดอยู่แถวๆ ลพบุรี และ สระบุรี ในส่วนของเมืองริมชายฝั่งของประเทศไทย ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน โดนน้ำทะเลท่วมไปหมด ปรากฎเป็นภูมิประเทศแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สงขลา ชลบุรี ภูเก็ต สตูล ปัตตานี นราธิวาส เป็นต้น ในขณะที่ต่างประเทศนั้น ผมเห็น ไต้หวันและญี่ปุ่น เหลือแต่เกาะเล็กๆ ในทะเลเท่านั้น ส่วนชายฝั่งของจีนน้ำก็ท่วมเข้าไปลึกพอสมควร

    ปล. ผมเห็นแต่ภาพ แต่ไม่ทราบสาเหตุ

    2) ผมเห็นภาพของทหารสองกลุ่ม ยิงต่อสู้กันกลางกรุงเทพ และคนในกรุงเทพก็พยายามอพยพออกจากกรุงเทพเพราะเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว

    3) ในเวลาไล่เลี่ยกันจากเหตุการณ์ในข้อ 2 ผมได้ยินเสียงประกาศจากวิทยุ ว่ามีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในประเทศไทย และ บ้านเรือนที่อยู่ตามริมแม่น้ำสำคัญๆ ของไทยถูกน้ำท่วมกวาดหายไปหมด

    4) ผมเห็นภาพของตัวเอง และผู้คนที่เดินบนท้องถนน สูญเสียการทรงตัว ไม่สามารถเดินเหมือนปกติ ผมมีอาการเหมือนตกหลุมอากาศ และหลังจากนั้นก็รู้สึกตัวเองมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ความรู้สึกตรงนั้นจะเหมือนกับเวลาเราขึ้นรถเมล์ แล้วรถเมล์ขับเร็วมาก พอถึงสี่แยกไฟแดงแล้วมันหยุด ตัวเราเหมือนจะปลิวออกไป แล้วตกลงมาด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น

    ส่วนตัวแล้วผมยังคิดว่าเมืองไทย ยังมีพระอริยะ มีพระโพธิสัตว์ ที่มาจุติเพื่อบำเพ็ญบุญบารมีอยู่เยอะแยะ แต่ละองค์ แต่ละท่าน ก็ทิ้งขันธ์เพื่อให้พลังบุญของท่าน บรรเทาเหตุการณ์ร้ายๆ ในประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา ปีที่แล้ว องค์หลวงตามหาบัวและสมเด็จวัดชนะ ท่านก็ทิ้งขันธ์ของท่าน ประเทศไทยเรายังมี หลวงพ่อคูณ มีสมเด็จพระสังฆราช และยังมีพ่อหลวงของเรา ผมก็หวังว่าบารมีของพวกท่านเหล่านั้นจะปกปักษ์รักษาประเทศไทย ให้รอดพ้นจากภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ไม่มากก็น้อย

    ขอให้ทุกท่านในเว็บพลังจิต จงเตรียมตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท ประกอบกุศลกรรมเป็นนิจ อย่าได้กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดเดาของทุกท่านทั้งสิ้น แต่ปัจจัยของการเกิดนั้นมีตัวแปรมากมาย ดังนั้นการทำนายทายทักในเรื่องของวันเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น มีการเปลี่ยนแปลงเสมอครับ ผมบอกทุกท่านได้เลย

    ด้วยเหตุนี้คำทำนายต่างๆ ที่ได้มีการเผยแพร่ออกมานั้น แต่ละคนก็จะเห็นตามญาณทัศนะที่แตกต่างกัน เหมือนตาบอดคลำช้าง แต่สุดท้าย มันก็คือช้างนั้นเองครับ แต่อาจจะเห็นในมุมที่ต่างกันออกไป แต่เมื่อนำคำทำนายต่างๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน ประเด็นก็จะเป็นประเด็นเดียวกัน ดังนั้นอย่าได้หัวเราะหรือดูถูกคำทำนายเหล่านั้น

    11-12-2012, 02:33 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สรุป-ง...17-ธันวาเป็นต้นไปเตรียมตัวให้ดี.384056/page-8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  7. okung3036

    okung3036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +183
    จริงๆวันที่ 21 12 2012 ไม่ได้เป็นวันสิ้นโลก แต่ปลายปีนี้จริงๆแล้วจะเป็นวันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโลก

    เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกได้ แต่เปลี่ยนตัวเองได้
    ผู้ใดจักเปลี่ยนตัวเองให้ตั้งมั่นในพระรัตนตรัยหรือไม่ ก็แล้วแต่บุญ แต่กรรมของผู้นั้น

    ขอให้ทุกท่านหมั่นรักษาศีล ทาน สมาธิภาวนา และขอให้กัลยาณมิตรทุกท่านโชคดีมีความสุข ได้บรรลุมรรคผลนิพพานดั่งที่ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ทุกประการ
     
  8. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ในเรื่องที่ว่า ทำไมบางท่านเห็น บางท่านไม่เห็นนั้น
    ส่วนตัวคิดว่า นอกจากกำลังญานที่ต่างกันแล้ว
    ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ว่า ท่านนั้นๆมีความเกี่ยวข้อง
    หรือมีหน้าที่หรือไม่

    ขอยกตัวอย่างเหตุน้ำท่วมเมื่อปี 54 นะคะ
    ครอบครัวของป้า สนิทสนม เป็นโยมอุปฐากให้พระอริยะท่านหนึ่ง
    ก่อนที่น้ำจะท่วม ก็มีกระแสภัยพิบัติมาหนาหู น้องสาวซึ่งเป็นลูกป้า
    จึงไปกราบเรียนถามพระท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ท่านก็ตอบว่า
    ยังไม่มีเร็วๆนี้ แต่ก่อนที่น้ำจะเข้ากรุงเทพได้ประมาณ 2 อาทิตย์
    พระท่านก็พึ่งจะมีนิมิตให้เห็น และรีบสั่งให้น้องกลับบ้านด่วน
    (บ้านน้องอยู่อุดร แต่ช่วงนั้นไปทำธุระที่กรุงเทพน่ะค่ะ)

    จึงทำให้คิดว่า เป็นไปได้ที่หลายท่านไม่เห็น อาจเพราะ
    ยังไม่มีหน้าที่ที่ต้องทำในเวลานั้น หรือยังไม่ต้องเกี่ยวข้องในตอนนั้น
    ท่านอาจจะไปเห็นอีกทีในเวลาที่เพียงพอสำหรับท่านและผู้ที่เกี่ยวข้อง
    กับท่านที่จะเอาตัวรอดก็เป็นได้

    เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
     
  9. phirus

    phirus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +318
    ตามความคิดผมนะ ข้อความที่เราๆๆเอามาให้เพื่อนๆๆอ่าน จริงๆๆก้อไม่มีอะไรหรอก แต่เราตีความหมายกันเองทั้งนั้นหละ ผมก้อเชื่อส่วนนึงว่า ภัยพิบัตินั้นเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่รู้ได้แต่เดาๆๆกันทั้งนั้นหละ แต่ใครได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหนก้อแล้วเวรกรรมของแต่ละคนครับ แล้วจะกลัวไปทำไม
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวสำหรับรับเหตุการณ์กรณีเกิดขึ้นจริงๆ !!!

    [​IMG]

    CrytalEye สมาชิก

    สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัว สำหรับรับเหตุการณ์ กรณีเกิดขึ้นจริงๆ สำหรับกรณี 42 วันที่เราต้องนอนนิ่งๆ ( ถ้าข้อมูลเป็นจริง เราพอมีเวลาเตรียมตัวอยู่หลายวัน ในช่วงที่ยังเดินทางได้) ในที่นี้ผมจะไม่พูดเรื่องการหา ทำเล ที่อยู่ น่ะครับ ว่าต้องไปจังหวัดไหน ใครสะดวกตรงไหน อันนั้นตามสบาย

    เริ่มจาก ถ้าสมมติว่าคุณต้องนอนนิ่งๆ ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ ที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนได้ไกลๆ สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี มีดังนี้ครับ(ตามปัจจัย 4)

    1. ที่อยู่อาศัย ขอเริ่มจากอันนี้ก่อนน่ะครับ ถ้าเป็นพื้นที่ที่น้ำท่วมปีที่ผ่านมาท่วมถึงจนอยู่ไม่ได้ อันนั้นแนะนำว่า ควรหาที่อยู่ใหม่ แต่ถ้าอยู่บนสถานที่ที่สูงพอและแข็งแรง ควรจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป อย่าอยู่ติดกับพื้นชั้นล่าง อย่างน้อยก็ไม่จมน้ำตื้นๆตาย สถานที่ควรมิดชิด ยุงไม่เข้า แต่อากาศถ่ายเท สะดวก บ้านใครรู้ตัวว่าร้อน อย่าอยู่ทางทิศตะวันตก (สมมติว่าอากาศปกติน่ะ ) หามุมร่มๆเย็นๆของบ้าน ที่ท่านจะต้องอยู่อาศัย

    2. อาหาร และน้ำดื่ม เตรียมน้ำบรรจุขวดไว้ให้มากพอ หรือถ้าใส่ภาชนะอื่น ควรมีฝาปิดกันระเหย เพราะว่าระยะเวลานานพอควร พยายามแบ่ง กลุ่มชัดเจนว่าจะกินช่วงไหน จะได้ดูว่าเพียงพอหรือไม่ สำหรับน้ำดื่มนั้นแนะนำว่า แบ่งเป็นกลุ่ม น้ำเปล่าและน้ำผสมเกลือแร่ หรือน้ำผสมน้ำหวานไว้ เพราะจะได้สะดวกเวลาดื่ม

    อาหารแหล่งพลังงานแรก ที่ร่างกายต้องการ มาจากคาร์โบไฮเดรท ต่อมาเป็นไขมันและโปรตีน ตามลำดับ ถ้าหากร่างกายขาดพลังงาน จนถึงต้องดึงโปรตีนมาจากร่างกาย จะทำให้ร่างกายทรุมโทรมมาก ดังนั้นอาหารที่ท่านควรจะมีไว้และง่ายต่อการกิน คือ น้ำตาล อาจจะอยู่ในรูป น้ำตาลก้อน น้ำตาลทราย น้ำเชื่อม น้ำหวานต่างๆ น้ำผลไม้ ชนิดใดก็ได้ ถ้าสมมติว่าเป็นน้ำตาลอย่างเดียว ท่านต้องการพลังงานไม่น้อยกว่า 1000Kcal หรือประมาณ 250 กรัม ต่อวัน ต่อคน(คาร์โบไฮเดรทและน้ำตาล ให้พลังงาน 4kcal/กรัม)

    แต่ถ้าทานอาหารอย่างอื่น ก็พิจารณาตามค่าพลังงานแล้วกันน่ะครับ เอาแบบกินง่ายกากน้อยไม่ต้องขับถ่ายมาก เก็บได้นาน เช่นคุ้กกี้ ขนมปังกรอบ ควรจะมีวิตามินสักหน่อยก็ดีครับ สักวันละ 2 เม็ด พวกวิตามินบีรวม วิตามินซี ร่างกายจะไม่ทรุดโทรมมาก อาหารชนิดอื่นพิจารณาเองน่ะครับ ว่าท่านจะทานอะไรดี ถ้า ทานกากมาก ก็จะต้องทนเหม็นหน่อยเท่านั้นเองครับ แต่ก็อยู่ท้องไม่ต้องหิว

    สำหรับผม อาจจะเลือกทานเม็ดแมงลักละลายน้ำหวาน เนื่องจากอยู่ท้องและ ค่อยๆ ปล่อยพลังงานออกมาจากน้ำเชื่อม ที่ซึมอยู่ในเม็ดแมงลัก และไม่มีปัญหาเรื่องขับถ่าย เพราะถ้าร่างกายดูดน้ำออกไปมาก เม็ดแมงลักจะหดตัวลง กลายเป็นเม็ดงาเล็กๆเท่านั้น และลูกอมต่างๆ ที่ให้ค่าพลังงานพอสมควร ในแต่ละเม็ดจะได้ไม่คอแห้งมากนักครับ

    สำหรับอาหาร ต้องเผื่ออาหารบางชนิด เช่นอาหารแห้ง ไว้สำหรับรอดตายด้วยน่ะครับ ถ้าเกิดรอดเข้าสู่ภาวะปกติ แต่อาหารมันไม่ปกติกับเราด้วย ไม่มีจะขาย ไม่มีจะกินกัน ระบบสาธาณูปโภค น่าจะล่มหมด ท่านหมดสิทธิใช้ไฟฟ้าในการหุงหาอาหารน่ะครับ ใช้ได้แต่เตาแก้ส(ใช้ได้ชั่วคราวด้วย ถ้าหมดคงไม่มีให้เติม) ใครหุงข้าวด้วยเตาไม่เป็นหัดไว้น่ะครับ หรือจะต้มข้าวต้มก็แล้วแต่สะดวก มีเมล็ดพันธ์อะไร ที่จะปลูกแล้วกินได้ ก็เก็บๆไว้หน่อยก็ดีครับ เผื่อต้องอดจริงๆ (แนะนำผักบุ้ง และถั่วเขียวสำหรับทำถั่วงอก)

    3. ยารักษาโรค ขอให้ท่านเตรียม ยารักษาโรคประจำตัวของท่านให้มากพอ จะอยู่ในระยะดังกล่าวได้ สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน นี่ต้องระวังน่ะครับ เป็นคนที่จะำลำบากสุด ท่านจะไม่สามารถทานยาปริมาณเท่าเดิมได้เนื่องจากทานอาหารน้อยลง ถ้าท่านทานยาเท่าเดิม จะเกิดปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ ทางทีดีเตรียมเครื่องวัดเบาหวานไว้สักหน่อยน่ะครับ โดยปกติ ถ้าท่านทานน้อยลงกว่าเดิมสักครึ่งนึง คิดว่าสามารถหยุดยาได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก เป็นไปได้ควรปรึกษาหมอ หรือท่านใดเป็นหมอ ขอความกระจ่างตรงนี้ด้วยครับ ว่าควรจะมี วิธีการปรับยาอย่างไร

    สำหรับท่านที่เป็นโรคอื่น ก็คือเตรียมยาส่วนตัวให้พร้อม และควรจะมียาประจำบ้านชนิดอื่นไว้ใกล้ตัว เพื่อหยิบฉวยได้ง่าย ขอแนะนำ ยาดม ยาหม่ิอง มีติดกายไว้ทุกคน เพราะว่าจะเหม็นมาก ถ้าท่านต้องนอนขับถ่าย และยังต้องดม ของคนข้างๆด้วย ยาละลายเสมหะ เพราะถ้านอนนานๆ จะมีปัญหา เสมหะเยอะครับเนื่องจากปอดโดนกดทับเป็นเวลานาน จากท่านอน ยาแก้ไิอ ชนิดระงับเฉียบพลัน(โคดีอีน Codeine) สำหรับท่านที่ชอบไิอ และเป็นหวัดอยู่ เพราะการไอ จะทำให้ท่านลำบากมาก ถ้าอยู่ในสภาพแบบนั้น) ทางที่ดี พยายาม ทำให้ร่างกายพร้อมที่สุดก่อนน่ะครับ ถ้าใครในครอบครัวไม่สบาย ต้องรีบเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

    เรื่องยา อย่าประมาท น่ะครับ เพราะถ้าท่านรอดตายจากงานนี้มาได้ ต่อไปถ้าไม่สบาย จะหาซื้อยา ลำบากมากๆ ไม่รู้ว่า จะมีเภสัชแถวบ้านรอดมาจ่ายยาให้เราได้หรือเปล่า ทางทีดี ถ้ารู้ตัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เรื่องยา เป็นเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องนั่งคิดเลยน่ะครับ ว่าต้องการยา ชนิดใดบ้าง ปริมาณเท่าใด

    4. เครื่องนุ่งห่ม ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่า มันจะร้อนหรือจะหนาว แต่ปกติ ถ้าไม่มีแสงเลย มันต้องหนาวแน่นอน ให้เตรียมผ้าห่มไว้ข้างๆ ที่มือเอื้อมถึงได้ ถ้าให้ดี ต้องมีจำนวนมากพอ ที่จะรักษาความร้อนในร่างกายไว้ได้น่ะครับ เพราะอากาศเย็น ร่างกายต้องเร่งเผาำผลาญมาก อาหารที่เราเตรียมไว้จะไม่เพียงพอ

    ส่วนเรื่องเสื้อผ้า เอาแบบสามารถถอดออกได้ง่ายกรณีมันร้อน หรือกางเกงที่ถอดสะดวก กรณีขับถ่าย ปกติเราจะทานอาหารไม่มากนัก จึงจะขับถ่ายน้อย (คิดแล้วเศร้า ถ้าถ่ายไม่ออกแต่ปวด) ควรมีกระดาษทิชชูจำนวนมาก ไว้ในห้องเพือทำความสะอาดตัวเองได้น่ะครับ พร้อมถุงพลาสติกและหนังยาง สำหรับใส่ทิชชูด้วยแล้วมัดปากถุงให้แน่น กลิ่นจะได้ไม่กระจายไปไกล สำหรับผู้ชาย ท่านสามารถปัสสาวะใส่ ขวดน้ำที่ท่านดื่มได้ แต่ผู้หญิงก็ลำบากหน่อย เตรียมการเอาละกันน่ะครับ ว่าท่านใช้อะไรดี

    ส่วนเรื่องแสงสว่างนั้น แนะนำว่าเป็นไฟฉาย กินถ่านน้อย หรือเป็นแบบไดนาโม คือเอามือ หมุนเพื่อผลิตไฟฟ้าได้เอง หรือท่านจะเตรียมถ่ายไฟฉายไว้มากพอก็แล้วแต่ครับ แต่ใ้ช้เท่าที่จำเป็น เพราะมันนานครับ สำหรับเทียนไข ผมไม่อยากแนะนำมาก เพราะ นอกจากไม่สะดวกแล้ว ออกซิเจนในห้องยังโดนเผาผลาญไปด้วย จะมีดีก็ตรงที่ให้ความอบอุ่นน่ะครับ แต่ต้องระัวังเพราะว่ามันคือไฟ น่ะครับ เกิดเหตุขึ้นมาจะไม่มีทางหนีได้เลย

    หลักสำคัญคือ ท่านต้องรู้จักฝึกจิต คนที่เคยเดิน เคยเที่ยว ติดสังคม ติดความสะดวกสะบาย จะรับตรงนี้ได้ยากมาก แล้วจิตใจมันจะมีแต่ความทุกข์ คือทุกวินาที เอาแต่เฝ้ารอให้ผ่านไป แต่ถ้าท่านหัดทำสมาธิ ฝึกจิต เจริญภาวนา เวลามันจะผ่านไปเร็วมาก จิตจะไม่จับแต่ร่างกาย ความเมื่อย ความหงุดหงิดใจ จะลดลง แล้วจะผ่านไปได้เองครับ

    ใครจะเสนออะไรเพิ่มเติม จากที่ผมเสนอไว้ ก็เชิญน่ะครับ จะได้ช่วยกันเมื่อได้ข้อสรุปที่คิดว่าเป็นการเตรียมตัวที่ดีแล้ว ก็จะได้เผยแพร่ออกไป

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สรุป-ง...7-ธันวาเป็นต้นไปเตรียมตัวให้ดี.384056/page-10
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้คือ การแจ้งข่าวเตือนภัยครับ

    ไม่ได้ต้องการให้ใครมาหวาดกลัว หรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด

    แต่ต้องการให้ทุกคน ได้ตระหนักถึงภัยที่กำลังจะมาถึงตัวท่าน

    จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ รับมือกับภัยอันตรายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ท่านใดที่เชื่อ ก็ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจ รับมือกับภัยพิบัติกันได้แล้ว

    ท่านใดที่ไม่เชื่อ ก็ขอให้ท่านใช้ชีวิตของท่านไปตามปกติตามเดิม

    และกรุณาอย่าได้กล่าววจีกรรมล่วงเกิน ผู้ทรงศีลทรงธรรมกันอีกเลยครับ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12-12-2012 เป็นต้นไป !!!
    (นอกจากเรื่องภัยพิบัติแล้ว ยังมีสิ่งดีๆเกิดตามมาอีกด้วย)

    [​IMG]

    mead สมาชิก

    มีเรื่องที่เชื่อว่าหลายคนคงสนใจและอยากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นับจากวันที่ 12-12-12 นี้ เป็นต่้นไป ก็เลยนั่งแปลบทความนึงมาฝากให้อ่านกันหน่อย อย่าเพิ่งคาดหวังว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในช่วงนี้ จนน่าวิตกกังวลกันครับ ทำใจสบายๆร่มๆไว้ดีที่สุดแล้วครับ วิวัฒนาการมักจะค่อยเป็นค่อยๆไป แบบนี้แหละครับ
    ------------------------------------------------------------------------

    What is Beyond 12.12.12 & 12.21.2012..By Ibrahim Hassan 12.12 เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ในการเลื่อนระดับสำหรับ Gaia ในวันนั้น เครือข่ายของพลังงานจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะช่วยให้มีการไหลเวียนของพลังงาน "เปลวไฟสีม่วง" ซึ่งพลังงานนี้มีอยู่ในโลกมาก่อนแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ในระบบการไหลเวียนที่สมบูรณ์ในรูปแบบของ "เปลวไฟ" และตอนนี้มันก็จะเริ่มไหลในรูปแบบของ...เปลวไฟอันสว่างไสว (Flare)

    และเหตุผลในการเพิ่มการไหลเวียนของพลังงานนี้ (ที่ผันแปรในลักษณะของการสื่อสารโดยตรงกับพลังงานแสงอาทิตย์) ซึ่งจะเริ่มเตรียมตัวเองสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในธรรมชาติ ด้วยความถี่ซึ่งจะถูกส่งมาจากดวงอาทิตย์ในวันการจัดตำแหน่งที่ 21-12 ที่ดวงอาทิตย์ดวงหลัก จะเข้าไปทำงานเกี่ยวกับการสนับสนุนดวงอาทิตย์ของเรา ผ่านทางพลังงาน การทำงานร่วมกันก็จะส่งถึงกันในวันนั้น

    การทำงานของเปลวไฟสีม่วงบนโลก เริ่มต้นที่ 12.12.12

    1 ชำระล้างกรรม (โดยการชดใช้กรรม ใครทำดีก็ได้รับกรรมดี ใครทำชั่วก็ได้รับกรรมชั่ว)

    กรรมส่วนบุคคลของแผ่นดิน และเปลวไฟสีม่วงเจะเข้าไปจัดการกับมัน พลังงานของเปลวไฟสีม่วง เป็นผู้รับผิดชอบในระดับแรกสำหรับ : ทำความสะอาดกรรมส่วนบุคคลบนโลก {Gaia} และพระอาทิตย์ พี่พักพิงร่วมกันของเธอ ซึ่งจะมีผลทำให้การเพิ่มในการเคลื่อนไหวของโลกเป็นวงกว้าง ผ่านการเคลื่อนย้ายทวีปและทะเล ทางด้านของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในเครือข่ายกระแสพลังงานที่เกิดขึ้น จะเป็นเช่นเดียวกับการตกแต่งสารเคมีของพวกเขาเพื่อที่จะกลับเข้ามาสู่สภาพเดิม

    มันจะเกิดขึ้นในช่วงสถานะหนึ่ง ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นภายในสามวันเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงมาพร้อมกับการคลอไปด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ และนี่คือวิธีการที่ยุคใหม่ได้เข้ามาถึง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นตามขั้นตอน และเขาจะไม่นำเราเข้าสู่ยุคใหม่ แต่จะเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง ขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลาหลายปี จนกระทั่งการปรับเปลี่ยนทางกระแสไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ ในลักษณะของภูเขาแม่น้ำ มหาสมุทร ต้นไม้ และรูปแบบของพืช ให้เป็นรูปทรงใหม่ของพวกเขา วัตถุประสงค์ของการยืดระยะเวลาเหล่านี้ ก็คือการเปลี่ยนแปลงเราไปสู่สถานะใหม่ของวิวัฒนาการ ไม่ใช่การลงโทษ และไม่ใช่มีผลกระทบทางด้านลบของผู้คนอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ...

    ดังนั้นในขั้นตอนแรกในปี 2013 มันจะเกิดอย่างเบาที่สุด และดำเนินการต่อไปขั้นตอนที่สอง ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดในปี 2015 ต่อจากนั้น ขั้นตอนที่สามจะค่อยผ่อนคลายลง เริ่มจาก 2016 จนถึง 2020 ... ขั้นตอนหลังจากนั้นจะได้รับผลกระทบเบาลงจนกระทั่งโลกก้าวไปถึงสถานะที่สำคัญหลังจากปี 2032 ผลที่ได้จากขั้นตอนที่ยากลำบากในปี 2015 นี้จะทำให้สองทวีป: Lumoria และ Atlantis ปรากฎขึ้นมา ตามด้วยทวีป Shirlanka จะปรากฏขึ้นมาเช่นเดียวกับสองทวีปแรก : หนึ่งคือทวีปทางใต้ของออสเตรเลีย และส่วนทีเหลืออยู่ทางซ้ายของทวีปอเมริกาเหนือ

    การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในสองขั้นตอนนี้:เฟสของมิติที่สี่ ตั้งแต่ 2013-2020 เฟสของมิติที่ห้าอย่างหมดจด 2020-2032

    วิธีการที่เปลวไฟสีม่วงจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์โดยรวมและวิธีการที่จะชำระล้างกรรมของพวกเขา? พลังงานนี้จะทำงานโดยการได้รวบรวมพลังแห่งความดีและความชั่วร้าย ในแพลตฟอร์มเดียวกัน:ก่อนหน้านี้ กองกำลังของความชั่วร้ายเข้าครอบงำและทำงานอยู่ในเงามืด ขณะที่กองกำลังแห่งความดี ไม่เป็นที่โดดเด่นหรือเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามในปี 2013 เปลวไฟสีม่วง จะเข้าไปควบคุมอำนาจของความชั่วร้ายที่จะออกมา ให้อ่อนกำลังจากภายใน และระเบิดการแผ่ขยายอำนาจลง {รัฐบาลเงา} เปลวไฟสีม่วงเป็นไปเพื่อการสนับสนุนกองกำลังของแสงสว่าง ที่จะมีการแสดงตนจริงบนพื้นดิน ที่เป็นเช่นเดียวกับอัยการและจำเลยที่ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันเพื่อการตัดสินพิพากษา

    นี่คือการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงให้จะเกิดความเป็นธรรม ..และเรื่องนี้จะนำมาซึ่งการเรียกร้องมากขึ้น ในการอนุมัติรัฐธรรมนูญใหม่และกฎหมายผ่านสู่ผู้คน เช่นเดียวกับความปรารถนาที่จะนำความยุติธรรม สันติภาพ และความรัก และจะนำไปสู่ความขัดแย้งซึ่งจะส่งผลในรูปแบบของการเปิดเผยแผนการลับและข้อเท็จจริงที่จะประหลาดใจทุกคน และมันยังจะนำไปสู่การเปิดเผยความจริงและการประกาศระบบการเงินใหม่ และการนำเทคโนโลยีใหม่ที่สะดวกสบายขึ้นมาใช้ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในปี 2013!

    2 การถอดรหัสดีเอ็นเอของเรา

    ทุกคนรู้ว่าว่ามนุษย์บนโลกนี้ ได้ผ่านขั้นตอนของวิวัฒนาการมาแล้วหลายครั้ง หนึ่งในขั้นตอนที่พวกเขากำลังทำงานอยู่บนรหัสดีเอ็นเอเพียง 2 สายดีเอ็นเอเท่านั้นซึ่งนำไปสู่การมีขีดจำกัด ในหลายความสามารถและความเข้าใจของเขา เช่นเดียวกับการแยกเขาออกจากความศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 2012/12/12 เปลวไฟสีม่วงจะเริ่มการถอดรหัสดีเอ็นเอ และการสร้างการเชื่อมต่อกับดีเอ็นเอทั้ง 12 สาย ดังนั้นจักระทั้ง 7 จะถูกทำให้เปลี่ยนแปลงไปเป็น 12 จักระ แต่นี้ก็ไม่จำเป็นหรือหมายความว่าคุณจะสามารถได้รับความสามารถเต็มรูปแบบจากดีเอ็นเอทั้ง 12 สาย

    วัตถุประสงค์ของมันคือดังนี้ :

    ก่อนหน้านี้คุณถูกจำกัด ความสามารถของคุณไว้ที่ 2 สายดีเอ็นเอ และหากคุณมีความก้าวหน้า มีตระหนักรู้ที่สมบูรณ์ และอยากที่จะก้าวไปดีเอ็นเอที่สามหรือสูงขึ้นไป โดยที่คุณจะไม่ได้รับโอกาสที่จะทำเช่นนั้นในทางตรงหรือทางกายภาพได้ แต่คุณสามารถที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ในระดับของการพัฒนาภายในของคุณ โดยการเพิ่มระดับของจิตสำนึกของคุณจนกว่าจะถึงการตรัสรู้ที่เต็มสมบูรณ์ แต่พลังอำนาจตามธรรมชาติทางกายภาพของคุณ ยังคงถูกจำกัดด้วยจิตสำนึกของดีเอ็นเอเพียง 2 สายเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กระบวนการถอดรหัสนี้เกิดขี้น ทุกๆคนจะได้รับประโยชน์จากการนำมาซึ่งความตระหนักรู้ ที่จะเปิดใช้งานทางกายภาพผ่านดีเอ็นเอ ความหมายถ้าคุณไม่ได้พัฒนาจิตสำนึกที่อยู่ด้านบนของ 2 สายดีเอ็นเอ ดีเอ็นเอของคุณที่ถอดรหัสจะมีเพียงสองเท่านั้นที่จะทำงาน ในขณะที่ส่วนที่เหลือก็จะเตรียมพร้อม รอการพัฒนาในอนาคตของคุณต่อไป ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ความก้าวหน้าทางจิตสำนึกของคุณพัฒนาไปสู่ดีเอ็นเอที่สาม คุณจึงจะได้รับความสามารถนั้นๆของคุณกลับคืนมา

    และถ้าคุณมุ่งมั่นดำเนินการภายในจิตสำนึกของคุณ เพื่อเปิดใช้ดีเอ็นเอที่ 6 ดีเอ็นเอนั้น ก็จะถูกเปิดใช้งานได้ทันที ในรูปแบบทางกายภาพของมันสำหรับคุณ ทั้งหมดนี้เพื่อมอบให้สำหรับคุณ ที่จะได้รับพลังทั้งหมดที่มาพร้อมกัน สำหรับเป็นข้อมูลของคุณ นี่คือความจริงทั้งหมดที่เปิดใช้งานของระดับดีเอ็นเอ และอะไรก็ตามที่เป็นความตระหนักรู้ มันจะดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ ที่จะนำพาคุณไปสู่มิติที่แตกต่าง ขณะที่มิตินั้นก็เชื่อมโยงกับดีเอ็นเอ ไปจนถึง 12 สายดีเอ็นเอ และ 12 มิติ ปี 2013 จะเป็นปีแห่งการกระตุ้นเพื่อการตื่นรู้ของคุณ ที่จะหันไปทำงานในการถอดรหัสดีเอ็นเอของคุณ

    21st of Dec. 2012 ในวันนั้น เปลวไฟสีฟ้า และเปลวไฟสีม่วงจะไปรวมกับพลังงานสีทองที่ส่งมาจากหัวใจของกาแลคซี เพื่อที่จะเปิดประตู ..ซึ่งหมายถึงการปลดปล่อยโลกนี้ออกจากการคุมขัง ที่ได้รับการครอบงำอยู่ถึงนานถึง 13,000 ปี ..ที่ผ่านมา สิ่งนี้จะเกิดขึ้นราว 8 นาทีเท่านั้น ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะเปิดประตูในวันที่ 2012/12/21 พลังงานที่งดงามนี้จะทะลุแทรกซึมเข้าไปไปยังศูนย์กลางของโลกใบนี้ เพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของ Gaia แม่ของเรา ซึ่งจะเปิดการป่าวประกาศ:จุดเริ่มต้นการเกิดขึ้นของมิติที่ห้า (ในแง่ของพลังงาน)จุดเริ่มต้นของการเปิดใช้งานในทันทีของมิติที่สี่ของพื้นผิวของโลก

    "นักรบแห่งสายรุ้ง"

    ในวันนั้น "นักรบแห่งสายรุ้ง" จะได้เสร็จสิ้นภารกิจของพวกเขาในการสร้างสะพานใหม่ ซึ่งจะเชื่อมโยงระหว่างโลกและท้องฟ้า เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหลที่คล่องตัว เป็นวันสำเร็จการศึกษาและเลื่อนย้ายไปสู่ห้องเรียนใหม่ทางจิตวิญญาณ ในมิติที่ห้าหรือมิติที่เจ็ด และอื่นๆ ที่จะช่วยให้ผู้ที่มาจากฟากฟ้า เช่น ผู้รู้จากสภาสูงและสหพันธ์จักรวาลของแสงสว่างที่จะมีการแสดงตนบนโลกใบนี้ แน่นอน ไม่ได้หมายความว่า "การติดต่อครั้งแรก" นั้นจะเป็นที่ยอมรับ (ว่าเป็นจริง) แต่หมายถึงว่าประตูจะเปิดอย่างเต็มที่ และบรรยากาศบนโลกพร้อมสำหรับมิติที่ห้า และพร้อมต่อการแสดงตนของพวกเขาบนโลกใบนี้....

    สำหรับการติดต่อครั้งแรก "ที่ชัดเจนและอย่างเป็นทางการ" มีขั้นตอนเบื้องต้นที่จำเป็นก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เช่น ระบบเศรษฐกิจใหม่ เทคโนโลยีใหม่ การเปิดเผยข้อมูล และขั้นตอนเหล่านี้จะเสร็จสมบูรณ์ระหว่าง 6 ถึง 9 เดือนนับจากจุดเริ่มต้นของปีใหม่ ในวันนี้ ทุกคนมีโลกเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นไปตามระดับที่เขาตระหนักถึง: มีผู้ที่รู้สึกถึงความรักและสันติภาพ ...มีผู้ที่เชื่อมต่อกับจิตสำนึกของพระเจ้า มีผู้ที่เชื่อมต่อกับตัวตนอันสูงส่งของตนเอง ผู้ที่จะสามารถมองเห็นคุรุผู้รู้แจ้ง ผู้ที่จะได้เห็นพี่น้องของพวกเขาจากดวงดาวอันไกลไพ้น ผู้ที่ติดต่อกับลำดับชั้นทางจิตวิญญาณ .... ฯลฯ

    ทุกทุกคนจะได้รับการจัดหมวดหมู่ตามระดับของการรับรู้ของเขาและเธอ ตามระดับของสวรรค์และมิติที่สนับสนุนเครดิตแห่งความตระหนักรู้ การเตรียมกำหนดการที่จะเกิดขึ้นในปี 2013 "ว่าเราจะได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับ การติดต่อครั้งแรก ที่จะเข้ามาช่วยทุกคนที่พบกับความยากลำบากในการเลื่อนระดับขึ้น จนกว่าการติดต่อครั้งแรกจะมาถึง ที่จะเรียกหาเรา ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมของเรา ร่วมกับชาวโลกใต่้พิภพ ที่มีพี่น้องของเราชาวอากาธ่า [Agarthians] และสนับสนุนเราผ่านทางเทคโนโลยีชีวภาพ ที่จะเปิดใช้งานพลังอำนาจให้กับบรรดาผู้ที่ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะถึง"การติดต่อครั้งแรก" เพื่อให้เป็นไปในขั้นตอนแรกของความตระหนักรู้ที่เต็มพร้อม

    จาก 21 ธันวาคม จนถึง 23 ธันวาคม 2012:สามวันสำหรับประตูมิติที่จะเสร็จสมบูรณ์พร้อม กับสามชนิดของการเกิดคราส (Eclipse) 3 วันที่มีคุณค่ามาก ที่เขาได้มาถึงคุณด้วยความรักและแสงสว่างอันมั่นคง จากการรอคอยที่ยาวนานถึง 26.000 ปี ...

    ดังนั้นอย่าปล่อยให้วันนั้นผ่านเลยไป โดยปราศจากการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างคุณและตัวตนที่สูงส่งของคุณ โดยการป้อนลึกเข้าไปในตัวเองผ่านสมาธิและการสื่อสารภายในกับสภาผู้ที่สูงขึ้นไปของแองเจิล และขอให้พวกเขาเตรียมความพร้อมให้สำหรับการเลื่อนระดับ คุณต้องมีการเจรจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มาจากภายในอย่างเป็นนัย คุณจะต้องถามและชี้แจงตัวเลือกของคุณ พยายามที่จะกำหนดระบุให้กับวันพิเศษเหล่านี้ เฉลิมฉลองกับสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ เพื่อต้อนรับยุคใหม่ของคุณ ทั้งหมดในปี 2013 จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเหตุการณ์สำคัญ ...

    ฉันต้องการจะชี้ให้เห็นจุดที่สำคัญมาก วิธีการที่ถูกต้องในการทำ สำหรับมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมของตัวเอง ที่จะได้รับความตระหนักรู้เต็มรูปแบบ ภายในสามเดือนแรกของการเปิดประตู โดยไม่รอสิ่งอื่นใด และนำตัวเองไปช่วยผู้อื่นที่ไม่สามารถดำเนินการกับตัวเองได้ ช่วยให้เขาเกิดความมั่นใจได้ว่าตัวเองอยู่ในเส้นทางในการเข้าร่วมกับกองกำลังแห่งแสงสว่าง ที่จะช่วยเหลือผู้คนบนโลกใบนี้ ทางที่ดีคือการไม่นั่งและรอความช่วยเหลือจากกองกำลังของแสงสว่าง เมื่อพวกเขาเรียกคืนคำบัญชาในมิติที่สี่บนโลก สิ่งที่ฉันหมายถึง คือเริ่มต้นจาก 21st ธันวาคม 2012 การเชื่อมต่อระหว่างคุณและท้องฟ้าจะได้รับการเปิดขึ้น และคุณจะไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากใครในเรื่องใดๆเลย เพราะคุณสามารถขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเป็นจริงด้วยการเปิดพลังของความคิดสร้างสรรค์ ผ่านความสามารถเหล่านี้กลับมาสู่คุณ

    ดังตัวอย่างเหล่านี้:ทำไมต้องรอให้เทคโนโลยีใหม่ เช่นรถยนต์ต่อต้านแรงโน้มถ่วง (ที่ใกล้จะมาถึง) แต่ต้องใช้เวลา เมื่อคุณสามารถส่งการสื่อสารทางไกลผ่านใจของคุณ ทำไมถึงต้องรอเงินทุน เพื่อการสร้างบ้านใหม่ที่ทันสมัยล่ะ เมื่อคุณสามารถสร้างมันด้วยตัวเองจริงๆก็ได้ เหตุใดเราต้องรอเทคโนโลยีใหม่ในการรักษา จากโรคที่ยากจะรักษา เมื่อคุณสามารถรักษาตัวเองและคนอื่นๆได้ ...พี่น้องที่รักของฉัน คุณยังไม่ได้ตระหนักถึงว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งที่มีค่า มีความชำนาญที่สุด และเป็นรูปแบบสิ่งมีชีวิตขั้นสูงของชีวิตที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้า ..หยุดการรอคอยเหล่านี้ และกลายเป็นในชนชั้นแรกของผู้เลื่อนระดับ ที่จะฟื้นฟูความตระหนักรู้เต็มรูปแบบของพวกเขาเถิด ... จงอยู่ในหมู่ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้า เพื่อมองให้เห็นภาพมุมกว้างยิ่งขึ้น และช่วยเหลือให้ผู้อื่นที่เขาสามารถจะเลื่อนระดับและก้าวหน้าต่อไปได้

    จาก พี่ชายของคุณ
    The Enlightened Master
    Ibrahim Hassan

    ที่มา : Ascension Earth : What is Beyond 12/12/12 & 12/21/12 - The Enlightened Master Ibrahim Hassan - December 9th, 2012

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-325
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dna.jpg
      dna.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66 KB
      เปิดดู:
      787
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข้อมูลยืนยันการเกิดภัยพิบัติ !!!
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_sPVKSPJMUo]ภัยพิบัติ9ตุลาคม2555 ตอน1 - YouTube[/ame]
    จิตวาง สมาชิก

    ผมขอส่งข้อมูลยืนยันการเกิดภัยพิบัติของหลวงตาม้า มาให้พิจารณาเป็นอีกข้อมูลหนึ่งครับท่าน

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สรุป-ง...7-ธันวาเป็นต้นไปเตรียมตัวให้ดี.384056/page-11
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2012
  14. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    ไอย่ะ มีแต่คนหวังดีนิ หม่ามีใครกลัวไม๋ คนเหมือนกันเพนแหละ เก่งกันจ๋านแต่ละคน ตั้งแต่อ่านมายังไม่มีใครบอกติกลัวตายเลยนิ เก่งจ๋านๆ อ่านๆไปตะ
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ่าน-ฟัง-คิด-พิจารณา-ประเมินผล !!!

    [​IMG]

    k_97 สมาชิก

    13 ธ.ค. 55 ประเมิน

    จากการ อ่าน ฟัง จากครูบาอาจารย์และสัญญาณตัวเอง พอจะประเมินสถานการณ์ได้ว่า ในปีนี้ ความรุนแรงจากภัยธรรมชาติยังไม่มี แต่ให้ระวังเรื่องภัยจากคน แต่ถ้าเกิดพายุสุริยะสามารถทำให้กระแสไฟฟ้าดับได้

    เดือนมกราคม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป ถ้าเกิดการเดินในแนวนอน ต้องเตรียมอาหาร น้ำ ยา และสิ่งจำเป็นในการดำรงค์ชีวิต 2 เดือน กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ให้ระวังเรื่องแผ่นดินไหวและน้ำท่วมใหญ่ ควรหาที่สูงอาศัยอยู่ บางกระแสให้ระวังเดือนสิงหาคม และถ้ายังไม่เกิดให้ระวังเดือนธันวาคมปีหน้า

    สรุปแล้วคือ ให้เฝ้าระวังเป็นระยะๆ การเกิดจะเกิดเป็นที่ๆไม่ใช่ทั้งหมด หนักบ้าง เบาบ้าง เพื่อเตือนให้คนเร่งสร้างความดี และให้รีบหาที่สูงที่ปลอดภัยอยู่ แล้วถึงจัดหนัก

    สัญญาณแผ่นดินไหว ยังมีแจ้งเตือนอยู่ทุกวัน แต่ไม่ถี่จึงไม่ได้ลงให้ดูเวลา เมื่อวานแจ้งเตือนมา 4 เวลา

    มหาประชาบดี ๙๗

    ที่มา http://palungjit.org/threads/แจ้งเตือน-โดย-k-97-a.324655/page-94
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กระบวนการหักล้างหนี้กรรมครั้งใหญ่ !!!

    [​IMG]

    การทำงานของเปลวไฟสีม่วงบนโลก เริ่มต้นวันที่ 12-12-2012

    ชำระล้างกรรม (โดยการให้ชดใช้กรรม เพื่อแยกคนดีออกจากคนชั่ว)

    กรรมส่วนบุคคลของแผ่นดิน และเปลวไฟสีม่วงจะเข้าไปจัดการกับมัน พลังงานของเปลวไฟสีม่วง เป็นผู้รับผิดชอบในระดับแรกสำหรับ : ทำความสะอาดกรรมส่วนบุคคลบนโลก {Gaia} และพระอาทิตย์ พี่พักพิงร่วมกันของเธอ ซึ่งจะมีผลทำให้การเพิ่มในการเคลื่อนไหวของโลกเป็นวงกว้าง ผ่านการเคลื่อนย้ายทวีปและทะเล (ทำให้คนชั่วถูกกวาดล้างออกไปจากโลกนี้) ทางด้านของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าในเครือข่ายกระแสพลังงานที่เกิดขึ้น จะเป็นเช่นเดียวกับการตกแต่งสารเคมีของพวกเขา เพื่อที่จะกลับเข้ามาสู่สภาพเดิม

    วิธีการที่เปลวไฟสีม่วงจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์โดยรวม และวิธีการที่จะชำระล้างกรรมของพวกเขา? พลังงานนี้จะทำงานโดยการได้รวบรวมพลังแห่งความดีและความชั่วร้าย ในแพลตฟอร์มเดียวกัน:ก่อนหน้านี้ กองกำลังของความชั่วร้ายเข้าครอบงำและทำงานอยู่ในเงามืด ขณะที่กองกำลังแห่งความดี ไม่เป็นที่โดดเด่นหรือเห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามในปี 2013 เปลวไฟสีม่วง จะเข้าไปควบคุมอำนาจของความชั่วร้ายที่จะออกมา ให้อ่อนกำลังจากภายใน และระเบิดการแผ่ขยายอำนาจลง {รัฐบาลเงา} เปลวไฟสีม่วงเป็นไปเพื่อการสนับสนุนกองกำลังของแสงสว่าง ที่จะมีการแสดงตนจริงบนพื้นดิน ที่เป็นเช่นเดียวกับอัยการและจำเลยที่ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันเพื่อการตัดสินพิพากษา

    ที่มา : Ascension Earth : What is Beyond 12/12/12 & 12/21/12 - The Enlightened Master Ibrahim Hassan - December 9th, 2012

    เจ้ากรรมกับนายเวร ต่างกันอย่างไร?

    "เจ้ากรรม" หมายถึง ดวงจิตธรรมญาณ หรือดวงจิตวิญญาณของสัตว์และมนุษย์ทั้งหลายที่ก่อนตาย ถูกมนุษย์ทำร้ายอย่างทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวด จนก่อให้เกิดความอาฆาตโกรธแค้นอย่างรุนแรง เพราะคลื่นการสั่นสะเทือนภายในรูปธรรมของตนเอง เป็นด้านลบที่รุนแรงมาก จึงไม่อาจไปผุดไปเกิดใหม่ หรือไปซ่อมแซมตนเองที่นรก หรือว่าไปสู่สุคติได้

    จึงได้แต่คอยติดตามตัวมนุษย์ผู้ทำร้ายตนเองไปอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพื่อคอยหาจังหวะโอกาสแก้แค้นเอาคืน ในอันที่จะทำให้การสั่นสะเทือนด้านลบรุนแรงภายในตนเองเบาบางลงจนกลับคืนสู่สภาวะสมดุลเป็นปกติ คือ "จิตสงบ" ได้ดังเดิม ไม่ว่ามนุษย์ผู้ทำร้ายตนนั้นจะเวียนตายเวียนเกิดมาแล้วสักกี่ภพชาติ พวกเขาก็จะคอยเฝ้าตามติดเสมือนเงาตามตัวอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะสบโอกาสแก้แค้น โดยไม่มีแผนการเกิดใหม่สอดแทรกเข้าไปในสภาวะจิตได้เลย เพราะไม่มีที่ว่างให้สอดแทรก

    "นายเวร" นั้น หมายถึง กลุ่มมวลพลังงานกรรมของมนุษย์ ที่สั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านลบ แล้วกระทำลบต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์อื่นๆ จนทำให้ผู้ถูกกระทำลบเกิดความอาฆาตโกรธแค้น จะยังผลให้จิตของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำเหวี่ยงพลังงานด้านลบออกมาทำปฏิสัมพันธ์กัน เกิดเป็นผลกรรมที่เป็นอนุภาคทางไฟฟ้าด้านลบซึ่งเป็นมวลหยาบๆ หนึ่งผลกรรมเท่ากับมวลหนึ่งมวล ซึ่งมันจะสั่งสมอยู่บนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกนี่เอง ลักษณะคล้ายหยดน้ำที่เกาะติดอยู่บนใยแมงมุมอย่างไรอย่างนั้น

    มนุษย์คนไหนก่อกรรมทำเข็ญ มีเจ้ากรรมเยอะๆ คนนั้นก็จะมีมวลกรรมด้านลบที่เรียกว่า "นายเวร" ที่วานี้เยอะตามไปด้วย โดยมันจะจับกลุ่มรวมตัวกันเป็นก้อนคล้ายพวงองุ่นหรือพวงสละที่พวกเธอชอบทานกันนั่นแหละ แต่ทว่ามันจะมีสีดำสนิทเลย ไม่ว่าเจ้าของมันคือมนุษย์คนนั้น จะเดินทางไปทิศไหน นายเวรเหล่านี้มันก็จะเคลื่อนที่ตามไปด้วยเสมอ เพื่อรอโอกาสให้เจ้าของมันทำให้เป็นโมฆะให้ได้ ในขณะที่บรรดาเจ้ากรรมทั้งหลายก็จะใช้นายเวรเหล่านี้เป็นที่สังเกตว่า ใครคือบุคคลที่ตนต้องการแก้แค้นเอาคืนไม่ให้ผิดตัว ดังนั้น ต่อให้ใครตายแล้วเกิดใหม่ไปเป็นคนอื่นอย่างไร เจ้ากรรมก็รู้ได้ว่าคนไหนมีจิตวิญญาณแก่นแท้เป็นคู่อาฆาตของตนบ้าง

    การขออโหสิกรรม

    การที่เราสำนึกผิด และกล่าวขออโหสิกรรมจากผู้ที่เราเกี่ยวกรรมด้วยทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และล่วงลับไปแล้วนั้น เราจะทราบได้อย่างไรว่า กรรมนั้นเป็นโมฆะไปแล้วหรือไม่?

    1. คุณจะต้องรู้ก่อนว่า การที่เรากระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นนั้น ทั้งผู้มีชีวิตอยู่และหรือที่ล่วงลับไปแล้วก็ตาม ผลลัพธ์ของการกระทำที่เกิดขึ้นนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

    2. ส่วนแรก คือ สิ่งที่เรียกว่า "ผลกรรม" อันเป็นผลลัพธ์ของการกระทำนั้น ซึ่งมันจะต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม และส่วนที่สอง คือ "พันธะกรรม" อันเกิดจากอารมณ์รู้สึกของผู้ถูกกระทำ และหรือผู้ถูกกระทำที่มีต่อกันและกัน เช่น ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น ผูกใจเจ็บ จนถึงขั้นอาฆาตพยาบาท

    3. ถ้าเป็นผลกรรมในส่วนที่สอง คือ อารมณ์รู้สึกด้านลบรุนแรงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่ายมีต่อกันนั้น มันจะสิ้นสุดยุติได้หรือเป็นโมฆะได้ก็ต่อเมื่อ ฝ่ายที่อาฆาตโกรธแค้น หรือทั้งสองฝ่ายที่มีอารมณ์รู้สึกด้านลบรุนแรงต่อกัน มีการร้องขออภัยและมีการให้อภัยต่อกันเท่านั้น (การขออโหสิกรรมและการให้อโหสิกรรม) โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมใจกัน จะเป็นแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้

    4. ถ้าคุณสำนึกผิดด้วยจิตหยาบ และสำนึกบาปด้วยจิตวิญญาณที่มีต่อคู่กรณีกรรมของคุณได้กรรมนั้นก็เป็นโมฆะได้จริงนะครับ แต่ปัญหามีว่าคู่กรณีกรรมของคุณน่ะเขาให้อโหสิกรรมตามที่คุณร้องขอต่อเขารึเปล่า? ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละครับว่า บางครั้งกรรมเป็นโมฆะ แต่ปัญหามันยังไม่จบใช่มั้ยครับเนี่ย?

    5. การที่เราจะทราบว่ากรรมนั้นเป็นโมฆะอย่างสิ้นเชิงหรือไม่ ให้สังเกตจากคู่กรณีกรรมของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ เขามีพฤติกรรมที่แสดงออกต่อเราเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้นหรือไม่ ถ้าดีขึ้นแสดงว่าได้ผลแล้ว แต่ถ้ายังไม่ดีกับคุณมากกว่าที่เป็นอยู่นั่นแสดงว่าการแก้ไขกรรมนี้ของคุณมันยังไม่สำเร็จครับ

    6. หากคู่กรรมของคุณเสียชีวิตไปแล้ว อันนี้สังเกตยากครับ วิธีที่พอสังเกตได้ก็พอมีบ้าง เช่น เวลาจะทำอะไรมีอุปสรรคมากเหมือนเดิมอยู่มั้ย? ขนาดจะทำบุญสร้างกุศลก็ยังมีมารขัดขวางมั้ย? ชีวิตราบรื่นดีมั้ย? เกิดอุบัติเหตุบ่อยมั้ย? ขี้โรคมั้ย? หรืออื่นๆ ถ้าเป็นไปในทางลบแสดงว่าเจ้ากรรมนายเวรยังเยอะอยู่ เป็นต้น

    ทำไมต้องงดรับประทานเนื้อสัตว์

    1. การงดรับประทานเลือดเนื้อ​สัตว์ทุกชนิด ซึ่งจิตวิญญาณแก่นแท้ของพวก​เขาต่างล้วนเป็นพี่ๆน้องๆขอ​งเรา เพราะมีพระบิดาแห่งจิตวิญญา​ณ (ผู้ให้กำเนิด) พระองค์เดียวกันนั้น เป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องแล้ว​-ชอบแล้ว-ดีแล้ว

    2. เพราะว่าการรับประทานเลือดเนื้อของพ​วกเขานั้น เธอต้องเอาชีวิตของเขาด้วย หมายความว่าพวกเขาต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน เนื่องจากพวกเขาก็ล้วนรักชี​วิต-รักตัวกลัวตายและเจ็บปว​ดเหมือนเธอเช่นกัน

    3. ดังนั้น การไม่ทำร้ายเขา การไม่เอาชีวิตเขา เพื่อแลกกับความเอร็ดอร่อยบ​นปลายลิ้นของเธอ จึงเป็นยิ่งกว่าหน้าที่ เป็นยิ่งกว่าจำเป็นเสียอีก เพราะมันเป็นจิตสำนึกแห่งกา​รเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นจิตสำนึกของผู้มีจิ​ตใจสูงหรือผู้ที่มีจิตประเส​ริฐโดยแท้

    4. เพราะมนุษย์ทานเนื้อสัตว์​เข้าไปเป็นประจำจนหลายภพชาติแล้ว ความเสียหายทางกายภาพก็คือ

    - อายุขัยสั้นลง ทั้งๆที่มนุษย์เมื่อแรกเกิด​มานั้น ทุกๆคนไม่มีใครมีหน้าที่จะต้องตาย
    - ภูมิต้านทานโรคต่ำ-ขี้โร​ค
    - สร้างภาวะเสี่ยงต่อการเป็​นมะเร็งค่อนข้างสูง

    5. ผลกระทบทางด้านพลังงานของ​จิตวิญญาณ เมื่อรับประทานเนื้อสัตว์ก็​คือ พลังอำนาจทางจิตวิญญาณจะลดต่ำ​ลงเรื่อยๆ จนเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสม​ดุลในตนเองของจิตวิญญาณ และเป็นอุปสรรคต่อการ "หลุดพ้น" กรณีนิพพานทางจิตวิญญาณ เป็นต้น

    (ป.วิสุทธิปัญญา)

    ที่มา ธรรมเทศน์จากเฟซบุ๊ค
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • abyss.jpg
      abyss.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.7 KB
      เปิดดู:
      1,447
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คิดเป็นแล้วจะเข้าใจ...

    [​IMG]

    marine24 สมาชิก

    ในการทำสงคราม พอข้าศึกเคลื่อนทัพ ฝ่ายตั้งรับจะไม่ทราบได้ว่า ข้าศึกจะเข้าตีตรงจุดใด เพื่อเจาะแนวตั้งรับ จนกว่าได้ข่าวสารที่แน่ชัดว่า ข้าศึกเคลื่อนย้ายอาวุธหนัก พวกปืนใหญ่ รถถัง กองหนุนและทำการโจมตีอย่างหนักที่จุดใดบ้าง เพื่อทำลายกองกำลังฝ่ายตั้งรับ

    แต่ยังไม่ชัดเจนเพราะอาจจะมีการลวงหลอก ฝ่ายตั้งรับจึงต้องเตรียมพร้อมรบ เตรียมอาวุธพร้อมทุกสถานการณ์ พร้อมเคลื่อนย้ายกำลังรบตลอด 24 ชม. มิฉะนั้นจะเหมือนฐานทัพเพอร์ฮาเบอร์ของอเมริกัน ที่โดนญี่ปุ่นถล่มแบบไม่รู้ตัว ทั้งที่ญี่ปุ่นเคลื่อนกองทัพเรือจำนวนมากออกจากประเทศ ที่ยกมาเป็นอุทธาหรณ์ คิดได้ คิดออก คิดเป็นแล้วจะเข้าใจ (ว่าวันเวลาที่จะเกิดภัยพิบัติ มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ จึงต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา)

    13-12-2012,01:26 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/พระอาจ...-ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้.396467/page-6
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตอบคำถามเรื่องรายชื่อมาร !!!

    [​IMG]

    siberian สมาชิก

    มาทำหน้าที่ส่งรายชื่อครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับมารนั้นแหละครับ แต่ผมไม่รู้จะอธิบายแบบใดดี รอคุณฮั้วโต๋มาอธิบายน่ะครับ

    1.ธรรม
    2.อธรรม
    3.กระทำ
    4.เวลา
    5.ความอยาก
    6.รุ่งเช้า
    7.พลบค่ำ
    8.ดวงตะวัน
    9.ความว่าง

    ความจริงมีรายละเอียดอีกครับ แต่รอท่านฮั้วโต๋อธิบายจะดีกว่า ผมยังไม่ทราบว่าอะไรดี ไม่ดี ควรอธิบายยังไง รอท่านฮั้วโต๋ชี้แจงครับ

    13-12-2012, 04:10 AM

    ฮั้วโต๋ สมาชิก

    ...ที่ผ่านมาเราทั้งหลายรับรู้-รับทราบแต่เรื่องดี ๆ มีพระเป็นประธาน.ในเรื่องของการเจริญในธรรมนั้น ๆ.เมื่อเราเรียนรู้ในเรื่องดี ๆ แล้ว ลองมาเรียนรู้ในเรื่องของมารผู้มาทดสอบจิตกันบ้าง.เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ.ถ้าเราไม่รู้ก็เท่ากับว่า "ยังเป็นผู้ประมาทอยู่"..การเจริญในธรรมนั้นจึงมีมารมาทดสอบจิต-อารมณ์จิตของผู้เจริญในธรรมเสมอ ๆ.เมื่อผ่านการทดสอบอารมณ์ จิตบารมีจึงมีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ.มารทั้งหลายมาทำตามหน้าที่ เราจึงควรมองให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่มีมารมาทดสอบ เราก็ไม่ทราบว่าการเจริญในธรรมของเรานั้นไปถึงระดับใด..

    ...ในแก่นธรรมบทที่ 13.จึงมีการเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของมารด้วยครับ..ขอบคุณมากครับท่าน siberian.ที่นำนามของท่านผู้ทำหน้าที่ในการทดสอบอารมณ์จิต ของเหล่านักเจริญในธรรมทั้งหลายมาให้ได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจเพิ่มเติมในสัมมาสติ-สัมมาสมาธิ-สัมมาปฏิบัติ..และในสัมมาทิจฐิ.มีความเห็นต้องตรงกัน.มักจะเผชิญและพบเจอเหมือน ๆ กัน เพียงแต่ต่างเวลากันเท่านั้นเอง.และนักปฏิบัติธรรมในชั้นสูงมักพบเจอบ่อย ๆ.

    ...ข้อความที่อาจารย์นำมาบรรยายนี้.ขอบอกไว้ก่อนว่า..."ไม่มีในตำราและพระไตรปิฎก"แต่มีในสมาธิจิต(นิมิตสมาธิ)ที่กล้าแข็งแล้วเท่านั้น.เป็นความรู้เฉพาะตน..ปัจจัตตัง..ควรที่ท่านทั้งหลายพิจารณา-วิปัสนา.ให้ละเอียดถ้วนถี่เสียก่อนด้วยกำลังในปัญญาของแต่ละบุคคล...แต่บรรยายไว้เพื่อเป็นความรู้และภูมิธรรมใน"พระธรรมทาน"....

    1.ธรรม..เป็นนามที่ละเอียด.มีหน้าที่หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน.หน้าที่หลักคือ ในธรรมชาติ-ธรรมดา.เขามีหน้าที่ดูแล.สรรพสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ

    หากธรรมชาติไม่สมดุลย์ เขาสามารถปรับให้เกิดสมดุลย์ได้.เพราะฉะนั้นในพื้นที่ใดที่เกิดภัยธรรมชาติ.เป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง.เพื่อธรรมชาติภายนอก แล้วจึงปรับธรรมชาติภายในของอารมณ์จิตในแต่ละคน.ให้สอดคล้องต้องกันกับธรรมชาติภายนอก.เมื่อเขาทำหน้าที่ปรับธรรมธาตุภายใน-ภายนอกให้กับบุคคลใดแล้ว บุคคลผู้นั้นจึงเข้าใจในธรรมชาติภายในและธรรมชาติภายนอก.เห็นธรรมของตถาคตทันที.มีปัญญารู้แจ้ง แทงตลอด...

    ...ที่ใดธรรมชาติแปรปรวนไม่เป็นปกติ เขาจะทำหน้าที่ในการปรับทันที.เขามีอำนาจมากและยิ่งใหญ่พอ และมนุษย์ไม่สามารถเอื้อมถึง.หยั่งถึง แก้ไขหรือต่อต้านได้หากเขาจะทำ....

    2.อธรรม..ในความหมายคือ..ความวุ่นวาย.โกลาหลอลหม่าน.ไม่มีระเบียบวินัย.ไม่ปกติ..แต่.."นามอธรรม"ในที่นี้คือ เขามีหน้าที่มาจัดระเบียบ.เพื่อให้เกิดความสงบ.ไม่วุ่นวายต่อไป.ภายในใจวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน.ภายนอกก็วุ่นวายตาม.เขาสามารถควบคุมอารมณ์จิตคนที่ฟุ้งซ่าน ให้เกิดความสุขสงบได้..เมื่อภายในจิตคนเกิดความสุขสงบ-ภายนอกรอบตัวก็เกิดความสุขสงบตามมาเช่นกัน.

    ...มารใหญ่..1.ธรรม และ 2.อธรรม. จึงทำงานร่วมกัน. 1.ธรรม.ทำหน้าที่ปรับธรรมชาติ ช่วงที่ปรับธรรมชาติ มีความวุ่นวาย ไม่ปกติแน่นอน.เมื่อปรับเข้าที่แล้ว 2.อธรรม.มาทำหน้าที่ให้เกิดความสงบตามมา...

    3.กระทำ..มารตนนี้เกี่ยวข้องในการเจริญธรรมของทุกคน.ผู้ที่ไม่ได้เจริญในธรรมก็เกี่ยวข้อง.มารตนนี้มาทำหน้าที่ในส่วนของการกระทำของแต่ละคน..

    "กรรม"คือการกระทำ".ทำกรรมใดไว้มารตนนี้มีหน้าที่ผลักดันให้การกระทำนั้น ๆ ของแต่ละคน ส่งผลกับผู้กระทำหรือผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องต่าง ๆ ที่ได้เริ่มต้นทำไว้.มารตนนี้เป็นหัวหน้าของ"เจ้ากรรมนายเวรของแต่ละคน"..

    ถึงแม้ว่ากรรมที่ได้เคยทำไว้แล้ว แม้คนไม่เห็นในการกระทำนั้น.แต่ผีเห็น พระเห็น-มารเห็น.และไม่สามารถปกปิดเป็นความลับได้.ความจริงจึงถูกเปิดเผยแน่นอน.อาจถูกเปิดเผยให้ผู้คนรับรู้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่หรือเมื่อหลังตายจากไปแล้วก็ได้...

    4.เวลา.มารตนนี้ทำหน้าที่ล็อค.วันเวลา.ให้การกระทำส่งผล.จะช้าจะเร็วก็ขึ้นกับมารตนนี้.เป็นผู้บัญชาการด้วยเช่นกัน.จะให้การกระทำนั้นส่งผลเมื่อใดก็ได้ หรือไม่ให้การกระทำ.ทำการส่งผลก็ได้..

    1.ธรรม.2.อธรรม.3.กระทำ.4.เวลา.ทำงานร่วมกันเกี่ยวเนื่องกัน.จาก 1-4. มารตนที่ 4.เป็นผู้บัญชาการให้ส่งผลในทุกเรื่อง....

    5.ความอยาก..มารตนนี้ทำหน้าที่ดลจิตดลใจ ครอบงำจิตคนเราให้เกิดความอยาก..ความอยากทั้งหลายเป็นกิเลส.ผู้เจริญในธรรมจึงข่มจิตข่มใจให้ระงับความอยากต่าง ๆ เพื่อเอาชนะกิเลส เอาชนะความอยาก เอาชนะมารตนนี้ให้ได้.เมื่อมารตนนี้ไปที่ใด ที่นั่นจะมีแต่ความอยากที่ไม่อาจจะระงับได้.ให้ทำดีก็ได้ ให้ทำไม่ดีก็ได้.แผ่นดินปฐพี-พืชพันธ์-ธัญญาหารคือ บุตรแห่งมารตนนี้.(ธาตุดิน)

    6.รุ่งเช้า..มารตนนี้ครองการกำเนิดและการตาย..มารตนนี้ไปที่ใด ที่นั่นมีการเกิดและการตาย..มารตนที่ 4.และตนที่ 6.นี้คอยควบคุมในทุกสรรพสิ่ง..ทำให้เกิด ทำให้เป็น.ทำให้ไม่เกิด.ทำให้ไม่เป็น.ในวันเวลาใดก็ได้โดยมี
    มารตนที่ 1.2.3.5.เป็นตัวแปร.ในการให้เกิดและไม่เกิด..ให้เป็นและไม่ให้เป็น..(ธาตุไฟ)

    7.พลบค่ำ..มารตนนี้นาม"พลบค่ำ"คือ"ความเขลา" มารตนนี้ไปที่ใด อยู่ที่ใด ที่นั่นมีความเขลา.เป็นผู้ผลักดันให้เกิดความเขลา.เป็นผู้เปิดเผยความเขลาในสันดาน ของคนที่จิตมีกิเลสหนาครอบงำนำชีวิตอยู่..

    8.ดวงตะวัน..มารตนนี้คือผู้ให้.แสงสว่าง และพลังงานของทุกสรรพสิ่ง.มีสิ่งใดในโลกที่ปราศจากแสงสว่างและพลังงานบ้าง.ที่ใดมีแสงสว่างและพลังงาน.ที่นั่นอยู่ได้ด้วยอาณัติอำนาจและการดูแลของมารตนนี้.มารตนนี้ทำงานร่วมกับ ตนที่ 5 ความอยาก.ตนที่ 6.ให้เกิด ให้ตาย.ตนที่ 8.ผู้ให้.ในทางโลก ให้รวยก็ได้ ให้ยากจนลำบากก็ได้.ให้เจริญในธรรมก็ได้ ให้ถอยหลังในธรรมก็ได้.แต่ก็ขึ้นกับ.มารตนที่ 5.คือ ความอยาก และมารตนที่ 7.ความเขลาด้วยเช่นกัน.

    9.ความว่าง..ผู้ที่ทำให้เกิดความว่างในสรรพสิ่ง.เพื่อให้เกิด และเติบโต เป็นไปในสิ่งที่ควรเป็น มีแม่น้ำทั้งหลายอยู่ในอาณัติและอำนาจ.(ธาตุน้ำ)

    ..มารตนที่ 4.ยังเปรียบเสมือนเป็น..ธาตุลม..ธรรมธาตุ..ธรรมชาติ..ธรรมดา..ใน ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ..ก็หวังว่าคงได้รับความรู้-ความเข้าใจกันได้บ้าง ไม่มากก็น้อย....

    ..มารที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในการปรับสมดุลย์ธาตุ.เริ่มเปิดเผยตนเองแล้ว..เท่าที่ทราบก็มี.

    1.ธรรม.ตนที่หนึ่ง..
    2.รุ่งเช้า.ตนที่หก..
    3.พลบค่ำ.ตนที่เจ็ด.
    4.ความว่าง.ตนที่เก้า..
    5.ความอยาก.ตนที่ห้า..

    ..มีขันธ์ 5.พร้อมสมบูรณ์และบริบูรณ์ทุกประการ พร้อมทำงาน.และมีบริวารที่เป็นกองทัพใหญ่ทีเดียว...หากท่านที่เจริญในธรรม มีข้อมูลเพิ่มเติมต่อจากนี้.ก็นำข้อมูลที่ท่านได้รับมาแชร์ได้ครับ....

    ..เมื่อเราทั้งหลายได้ทราบถึง.หน้าที่ของมาร-ในการรักษาไว้และทำลายแล้ว..ข้อคิดสำหรับเราเหล่าเจริญในธรรมทั้งหลาย.ทำอย่างไรจึงจะช่วยบรรเทาการเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ได้..

    1.ธรรม.ดูแลสรรพสิ่งในธรรมชาติ.เรารักษาธรรมชาติได้อย่างไร.ไม่ให้ธรรมชาติแปรปรวน..
    2.อธรรม.ความไม่ปกติ-ความวุ่นวาย-ความไม่สงบ-ไม่มีระเบียบ..ทำอย่างไรให้มีระเบียบ ไม่วุ่นวาย-ให้มีความสงบ.
    3.กระทำ..กรรม ทำอย่างไรให้มีแต่กรรมดี ส่งแต่ผลของกรรมดี.
    4.เวลา.ทำอย่างไรให้กรรมดีส่งผลเร็ว ๆ ไว ๆ.
    5.ความอยาก..ทำอย่างไรจิตใจคนเราจึงจะลดความอยากลงได้.ความพอดี ความพอเพียง..รู้จักคำว่าพอ.ให้ความโลภหายไปจากจิต.
    6.รุ่งเช้า..เกิดแต่สิ่งดี ๆ ถ้าตายไปก็ตายไปท่ามกลางความดีงาม..
    7.พลบค่ำ.ความเขลา ทำให้ความเขลาลดน้อยลงไป.ให้มีแต่"วิชชา"
    8.ดวงตะวัน.ใช้แสงสว่าง พลังงานในความพอดี..
    9.ความว่าง..ว่างจากกิเลส...

    ..หน้าที่ของเราเหล่าเจริญในธรรมทั้งหลาย.พึงปฏิบัติในแก่นธรรมนี้ให้ได้กันเร็ว ๆ ไว ๆ.สามารถช่วยลดภัยพิบัติปรับสมดุลย์ธรรมธาตุได้...

    ..ทำได้ทั้ง 9 ข้อ มารทั้ง 9 ก็ไม่ต้องมาทำหน้าที่ให้เหนื่อย.แถมได้วิปัสนาญาณ 9.วิมุติปัญญาญาณ 9 ได้ วิปัสนาญาณ 16 วิมุติปัญญาญาณ 16.ได้อาสวกญาณ...ขอเพียง 3 ใน 10 คนก็หรูแล้วถ้าทำได้ตามนี้...

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

    13-12-2012, 06:09 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-480
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    The Matrix นี้ มีชื่อว่า“ทุกข์”

    [​IMG]

    วิญญ์ ชวาทิต สมาชิก

    “ความจริงทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์ย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ ฯ” (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ วชิราสูตรที่ ๑๐ )

    The Matrix นี้ มีชื่อว่า “ทุกข์” “ตัวตน” เป็นเพียงมายา เป็นสภาพปลอมๆ ที่จำแลงตัวมาดึงให้หลง เท่านั้นเอง ขอได้โปรดสอบถามตนเอง (ตนเอง คือ คำสมมติ) สักนิด ดังนี้

    1) เราเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ ที่กราบไหว้ศาลเจ้า บูชาเทพ ทำพิธีทางพราหมณ์ ตั้งศาลพระภูมิที่บ้าน เอาอาหารไปเชงเม้ง กลัวความมืด แต่บอกใครต่อใครว่าผีไม่มีจริงและไม่เชื่อเรื่องผี ตำหนิทุกคนที่เชื่อเรื่องผีว่างมงาย

    2) เราเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ ที่เชื่อเรื่องกรรมเวร เชื่อเรื่องการอุทิศบุญและอื่นๆ แล้วบอกใครต่อใครว่าอะไรที่มองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ด้วยตาและประสาทสัมผัสที่มีอยู่จะไม่เชื่อเด็ดขาด

    3) เราเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ ที่มีความเชื่อในสิ่งลี้ลับบางอย่างอย่างเหนียวแน่น มั่นอกมั่นใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น ในขณะที่โจมตีความเชื่อสิ่งลี้ลับของบุคคลอื่นว่ามันไม่ใช่ ทั้งๆ ที่สิ่งลี้ลับของตนเองนั้นก็พิสูจน์ในทางกายภาพไม่ได้เช่นกัน และอาจไม่กล้าโจมตีอย่างเปิดเผยหากความเชื่อของกลุ่มอื่นนั้นเป็นกลุ่มชนใหญ่ๆ คือ ความมั่นใจลดน้อยลงหากไม่มีพรรคพวก

    4) เราเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ ที่ปฏิเสธคำกล่าวของบุคคลผู้หวังดีที่บอกเราว่า “ท่านรู้ไหม ความเชื่อทั้งหมดที่มนุษย์โลกถือกันอยู่ทั้งหลายนั้น แท้จริงแล้วในระดับโลกุตตระมันไม่มีอยู่จริงเลยสักอย่างเดียว การโจมตีความเชื่อบุคคลอื่น และยึดถือเฉพาะความเชื่อของตนเองเท่านั้น เป็นเรื่องไร้สาระ” ในขณะที่เราบอกใครต่อใครว่าเราเข้าใจธรรมะทุกระดับอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว

    5) เราเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ที่เคยยื่นมือเสนอสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น แต่ถูกมองกลับมาด้วยความเข้าใจผิดว่าเรากำลังไปแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวหรือไม่ก็ เรากำลังแส่เข้าไปเสนอในสิ่งที่เขาไม่ได้ร้องขอ (เพราะสังคมทุกวันนี้ เป็นสังคมแห่งการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งระบบความคิดและมุมมองที่มองต่อกันแบบนี้ พวกเราทั้งหมดช่วยกันสร้างมันขึ้นมาเอง) แล้วเรากำลังกระทำสิ่งที่เราถูกกระทำนั้นต่อบุคคลอื่นอยู่หรือไม่ ในเวลานี้?

    6) เราเป็นผู้หนึ่งหรือไม่ที่เคยพยายามสร้างผลงานสร้างสรรค์บางอย่างขึ้นมา แต่ก็ถูกต่อต้าน ถูกคัดค้าน ถูกตำหนิให้หมดไฟไปดื้อๆ ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ แล้วเราก็กำลังพยายามเอาความรู้สึกตรงนั้นไประบายถ่ายทอดให้คนอื่นๆ รับเคราะห์ไปหรือไม่?

    7) เราเป็นผู้หนึ่งหรือเปล่า ที่เฝ้าแต่แบกตำแหน่ง ถือวิชาความรู้จากต่างประเทศที่คนอื่นศึกษาและค้นคว้ากันมา โดยเราไม่ได้วิจัยไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นเลย แต่เรากลับไปต่อต้านและคัดค้านแนวคิดใหม่ๆ ความรู้ข้อมูลพิสดาร ไม่เชื่อในแนวทางใหม่ๆ ที่มันดูไม่น่าเป็นไปได้อย่างสนิทใจ ไม่เปิดโอกาสให้ใครๆ ได้ค้นคิด ได้ลองผิด และกล่าวโจมตีนักวิทยาศาสตร์ช่างฝันเหล่านั้นเสียๆ หายๆ เพื่อประสงค์จะดิสเครดิตเขาแล้วเราได้รับคำชื่นชม มีชื่อเสียงเกียรติยศในสังคม หากเอดิสันเพิ่งประดิษฐ์หลอดไฟในยุคนี้ เราจะเข้าไปด่าเขาหรือเปล่าว่าเพ้อฝัน โลกนี้มีเพียงเทียนไขเท่านั้นที่ส่องสว่างในบ้านได้?

    8) เราเป็นผู้หนึ่งหรือเปล่าที่รู้สึกสบายอกสบายใจมากขึ้น ที่ได้รับรู้ว่าคนอื่นทุกข์กว่าเรา เราเบิกบานขึ้นไหมเมื่อพบว่า การแจ้งเตือนภัยของคนอื่นล้มเหลวไม่เป็นท่าทั้งๆ ที่เขาก็ปรารถนาดีกับผู้อื่นไม่น้อยไปกว่าเรา และเราได้ท้าทายเขาไปในคราวนั้นและเราชนะ เขาแพ้ เราท้าทายไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการหรือพระสงฆ์องค์เจ้าผู้ปฏิบัติชอบ แต่เราตัดสินแล้วว่าบุคคลนี้พระรูปนี้ปฏิบัติไม่ชอบด้วยตรรกะและวิสัยทัศน์ของเราเอง (เราไม่สนใจคำตัดสินอื่นๆอีกแล้ว ที่เราสรุปเกี่ยวกับบุคคลนี้ไป ถูกต้องจริงแท้แน่นอนและเราต้องทำลาย)

    มีผู้คนชื่นชมเรามาก เราเจ๋งสุด เราภาคภูมิใจยิ่งนัก มีความสุขโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร เราเป็นอย่างนั้นไหม? เรามีความสุขและภาคภูมิใจมากที่ได้ทำลายเขาลงจากวงสังคม ชอบใจที่สังคมประณามเขามาก กระนั้นหรือ? หรือเราจะช่วยกันประคองกันไป จับมือกันไป ระแวดระวังไปด้วยกัน ด้วยความไม่ประมาท สิ่งใดดูจะผิดพลาด คลาดเคลื่อนก็สนทนาปราศรัยกันด้วยความห่วงใยและให้กำลังใจ มิใช่จ้องจะทำลาย เราควรจะเลือกกระทำอย่างไหนดี?

    9) สมศรีเดินสวนทางสมชายมา บอกสมชายว่าข้างหน้า100 หลามีหลุม ทั้งๆ ที่พื้นที่บริเวณนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีหลุม หากเราเป็นสมชายเราจะเบะปากส่ายหัว เดินต่อไป 100 ก้าวไม่เจอหลุม หันกลับมาตะโกนด่าสมศรีไหม และจะตำหนิสมศรีอีกไหมที่เขาใช้คำว่า 100 หลา ทั้งๆ ที่จริงๆ มันอาจจะเป็น 100 เมตร 100 ฟุต หรืออะไรก็ตาม เราจะเรียกร้องจากสมศรีไหมว่า สมศรีจะมารับผิดชอบอย่างไรกับการเตือนแล้วมันไม่เห็นมีหลุม หรือทางที่ถูกแล้วไม่ว่าสมศรีเห็นหลุมหรืออันตรายอะไร ไม่ว่าจะคำนวณระยะทางผิดหรือไม่ผิด ก็ไม่ต้องเตือนไม่ต้องปรารถนาดีอะไรต่อใครทั้งนั้น สมศรีควรจะเงียบๆ แล้วเดินผ่านสมชายไปเฉยๆ ให้สมชายระวังตัวเอาเอง?

    หรือเราควรจะขอบคุณสมศรีที่เมตตาเตือนล่วงหน้า เดินไปถึงระยะทางข้างหน้าไม่เจอหลุม ก็ยิ้มและนึกขอบคุณสมศรีอีกรอบในความปรารถนาดีที่มีให้ เราจะเลือกคิดและกระทำอย่างไรต่อสมศรีดี?

    10) เราเป็นผู้หนึ่งหรือเปล่าที่เห็นข่าวสงครามประเทศนั้นประเทศนี้ยิงขีปนาวุธทำลายล้างกันแล้วไม่ชอบใจ ในขณะที่เราเอง หากผู้คนแวดล้อมผิดนิดผิดหน่อย เราคอยจ้องจับผิดเอาชนะและไม่มีวันยอมแพ้ ไม่มีวันอภัยให้ในความผิดพลาดใดๆ ของเขา

    11) เราเป็นผู้หนึ่งหรือเปล่าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจในระบบเวลาของจักรวาล ยังไม่ค่อยรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงของดวงดาวในอวกาศที่มีผลต่อการหักเหของแสงและกาลเวลา พวกเรายังไม่ค่อยรู้จักหลุมดำที่อาจสามารถหยุดเวลาให้นิ่งในอวกาศได้ ไม่นานมานี้บรรพบุรุษของพวกเรายังบูชาไฟกันอยู่เลย วิชาการและความรู้ไม่ว่าจะทางโลกและทางจิตเราพัฒนากันจนกระจ่างแจ้งในจักรวาลกันแล้วอย่างนั้นหรือ?-เราทั้งหมดเป็นผู้แตกฉานในทุกวิชาการในกัปนี้กันแล้วอย่างนั้นหรือ?

    และเราเป็นผู้หนึ่งหรือเปล่าที่ยังไม่รู้ว่า ระยะเวลาในเพลนอื่นหรือภพภูมิอื่นที่บางท่านได้พบได้เห็นแล้วนำมาบอกต่อนั้นอาจมีความยืดหยุ่นคลาดเคลื่อนของสเกลเวลาที่ไม่เท่ากันกับโลกนี้ (ทั้งนี้ ขอไม่กล่าวถึงนิมิตลวงและขอไม่ตำหนิผู้ที่เข้าใจว่าตนมีนิมิตแล้วแจ้งเตือนผู้อื่นแต่ไม่ใช่นิมิติแท้ ไม่ตำหนิในความปรารถนาดี และให้กำลังใจให้สู่เนื้อหาที่แท้แห่งพระสัจธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป) บางท่านอาจบอกกล่าวเราด้วยปรารถนาดีแต่เรากลับไปจ้องคอยจับผิดและตำหนิท่าน เฝ้าคอยวันเวลาที่ท่านแจ้งเอาไว้ หากมันไม่เกิดอะไรขึ้น เราชนะและเราจะปลาบปลื้มยินดีมากที่ชนะ พวกเราเป็นอย่างนั้นกันไหม?

    12) เริ่มต้นอโหสิกรรมต่อกันนับตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะติดค้างขุ่นเคืองอะไรต่อกันก็ขอได้โปรดหันหน้าเข้าหากัน จับมือกัน ขอขมากันและอโหสิกรรมต่อกัน โลก 3 มิตินี้ไม่ได้มีสาระอะไรให้ยึดเกาะมากมายเลยพี่น้องร่วมกองทุกข์ทั้งหลายเอ๋ย ใครจะยังบาดหมางเรา จ้องเอาเปรียบเรา แก่งแย่งชิงดีเรา ก็ให้เขาทำไป แต่เราอย่าไปทำอย่างเขาและเราอย่าไปแบกไปหิ้วอะไรหนักๆ ให้พะรุงพะรังอย่างเขา ปล่อยโลกสามมิตินี้ให้มันดำเนินต่อไปของมันเอง ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นช่วงไหนหรือไม่เกิด ก็ให้มันเป็นไปของมันเอง ปล่อยวางปล่อยทิ้งทุกสิ่งลงให้มากเท่าที่จะทำได้

    ถึงแม้จะไม่หมดจดแต่ก็ดีกว่ายึดเกาะเหนียวแน่นหมดทั้งสิบนิ้วไม่มีคลายสักนิ้ว หากสิ่งที่เรียกว่าตัวตนของเราจะต้องตาย ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ของที่หวงก็ปล่อยมันทิ้งไปในสามมิตินี้ ถึงแม้มันไม่เกิดภัยพิบัติใดๆ ขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราทั้งหมด 7,000 ล้านกว่าชีวิตและสรรพสัตว์อีกนับไม่ถ้วนชีวิตก็ต้องจากของรัก จากโลกนี้ไปอยู่ดีในวันหนึ่งข้างหน้า มันไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรกและเราก็ไม่ได้เป็นของมันหรือของใครเช่นกันตั้งแต่แรก มันเป็นอย่างนั้นในกาลและอวกาศแห่งนี้ เสมอมาและตลอดไป..

    ด้วยรักและปรารถนาดี

    ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
    12-12-12

    ที่มา http://palungjit.org/threads/หนึ่งใ...จึงมีการเลื่อนหรือเคลื่อนของเหตุการณ์.398062/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    21-12-2012 อาจจะยังไม่มีภัยใดๆ แต่ช่วงปีใหม่ให้ระวังจะมีภัย !!!


    interpoo สมาชิก

    เรื่องวันที่ 21 ... บอกตรงๆ ว่า ไม่ได้เห็นความร้ายแรงแบบที่หลายๆ ท่านบอกไว้... แต่เห็นแผ่นดินไหวใหญ่ในวันอาทิตย์ เริ่มที่นิวซีแลนด์ มาอินโด ญี่ปุ่น อลาสก้า... อะไรประมาณนี้ และอาจมีไฟฟ้าดับในบางประเทศ สื่อสารขัดข้องในบางจุด... ไม่ได้ทำให้ทั้งโลกพังพินาศค่ะ

    จังหวัด 3 ชายแดนใต้...สงขลา หาดใหญ่... ตลอดจน กทม. ระวังการวางระเบิด และการลอบเผา... ในช่วงปีใหม่ ซึ่งจะเป็นวันเดียวกัน สถานที่ใกล้เคียงกัน ตำรวจต้องเข้มงวดให้มากขึ้น โดยเฉพาะเวลากลางคืน... คาร์บอมจะเริ่มมาอีก... ระวังหน่อยนะคะ


    ที่มา http://palungjit.org/threads/ปี56จะร้ายแรงเหมือนหลายๆคนพูดหรือไม่.320025/page-80
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • interpoo.jpg
      interpoo.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.5 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...