ขอเตือนสติ หลาย ๆ คนในห้องนี้นะครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย BossTH, 7 ตุลาคม 2012.

  1. BossTH

    BossTH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +89
    ปริยัติที่เป็นงูพิษ(๑)

    ภิกษุ ท.! โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้ เล่าเรียนปริยัติธรรม
    (นานาชนิด) คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ, พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น ครั้นเล่าเรียน
    ธรรมนั้น ๆ แล้ว ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา.
    เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่ทน
    ต่อการเพ่งพิสูจน์(๒) ของโมฆบุรุษเหล่านั้น; พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียน
    ธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และ
    มีความคิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่ง เป็นอานิสงส์. ผู้รู้
    ทั้งหลาย เล่าเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อคุณประโยชน์อันใด, พวกโมฆบุรุษ
    เหล่านั้น หาได้รับคุณประโยชน์อันนั้นแห่งธรรมไม่, ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น
    ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์
    เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้นตลอดกาลนาน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะ
    ความที่ธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ.

    ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการใคร่จะได้งู เที่ยวเสาะแสวง
    งูอยู่, บุรุษนั้น ครั้นเห็นงูตัวใหญ่ก็เข้าจับงูนั้นที่ตัวหรือที่หาง, อสรพิษตัวนั้น
    ก็จะพึงกลับฉกเอามือหรือแขนหรืออวัยวะแห่งใดแห่งหนึ่งของ
    บุรุษนั้น; บุรุษนั้น ก็จะตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะการฉกเอาของ
    อสรพิษนั้นเป็นเหตุ. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะความที่บุรุษนั้นจับงูไม่ดี
    (คือไม่ถูกวิธี) เป็นเหตุ, ข้อนี้ฉันใด ;

    ภิกษุ ท.! โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, เขา
    เล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ, พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น
    ครั้นเล่าเรียนธรรมนั้น ๆ แล้ว ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้น
    ด้วยปัญญา เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น
    ย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพิสูจน์ของโมฆบุรุษเหล่านั้น ; โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียน
    ธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และมีความ
    คิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่งเป็นอานิสงส์. ผู้รู้ทั้งหลาย เล่าเรียน
    ปริยัติธรรม เพื่อคุณประโยชน์อันใด, โมฆบุรุษเหล่านั้น หาได้รับคุณประโยชน์
    อันนั้นแห่งธรรมไม่ ; ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้น
    ถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้น
    ตลอดกาลนาน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะความที่ธรรมทั้งหลาย อันโมฆบุรุษ
    เหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ แล.

    (๑) บาลี พระพุทธภาษิต อลคัททูปมสูตร มู.ม. ๑๒/๒๖๗/๒๗๘. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย
    ที่เชตวัน.

    (๒) การเพ่งพิสูจน์ในที่นี้ หมายถึงเพ่งโทษ หรือเพ่งจับผิดรวมอยู่ด้วย.

    --------------------------------------------------------------

    ขุมทรัยจากพระโอษฐ์ หน้า 105

    เฟสผมครับ
    https://www.facebook.com/BossKubPom/posts/160586800747295?ref=notif&notif_t=like
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒





    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต</CENTER>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" background="" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​






    [๒๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ย่อมกล่าวตู่ตถาคต
    ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนเจ้าโทสะซึ่งมีโทษอยู่ภายใน ๑ คนที่เชื่อโดยถือผิด ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ฯ


    [๒๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต
    ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่า ตถาคต
    ได้ภาษิตไว้ ได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า ตถาคต
    มิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อม
    กล่าวตู่ตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต
    ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่า
    ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า
    ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมไม่
    กล่าวตู่ตถาคต ฯ
    <!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...