ทำอย่างไรดีครับ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีศรัทธา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย kkkub, 19 กันยายน 2012.

  1. kkkub

    kkkub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +193
    คือผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆโดยที่ไม่มีเหตุผล แต่ผมเชื่อในหลักธรรมคำสอนของพระพุ ธเจ้า แต่เรื่องบางอย่างเช่น อิทธิปาฏิหารของเกจิอาจารย์บางท่าน ผมยอมรับโดยตรงเลยว่าไม่ค่อยเชื่อง่ายๆ เพราะรู้สึกว่า ไม่มีเหตุและไม่มีผล หรือเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญบางอย่างที่สร้างวัตถุที่เกินจำเป็น พระองค์ใหญ่ เจดีย์ใหญ่กลับมีความรู้สึกต่อต้านในใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัตถุครับ ถ้าสร้างโรงเรียน โรงพยาบาลหรือวัดที่ไม่ต้องใหญ่มากสร้างแต่สิ่งที่พอดีผมโอเคครับ แต่กลับกันถ้าเป็นเรื่องคำสอนที่เป็นเหตุเป็นผล หลักคำสอนดีๆที่ออกมาจากเกจิท่านผมกับมีความศรัทธา มันเลยทำให้ผมกลายเป็นคนขวางๆโลกในสายตาญาติๆที่ชอบทำบุญแบบแห่ตามกันไปเชื่อในอิทธิปาฏิหาร สร้างนู่นนี่นั่นซึ่งผมมองดูแล้วไม่มีประโยชน์ บางทีไปทำบุญบางแห่งเห็นพระท่านปลูกพืชผักบางอย่างพอนกหนูเข้าไปกินผัก พระท่านก็เอาหนังสติ๊กยิงไล่ เราก็นึกตำหนิในใจว่า ทำไมไม่มีเมตตา ผมจะบาปไหมครับ สิ่งที่ผมไม่มีศรัทธาในเรื่องแบบนี้ผิดปกติหรือเปล่าครับ
     
  2. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    ทางสายกลาง กำลังดี:cool::cool::cool:
     
  3. nongyao

    nongyao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +346
    เห็นด้วยนะคะ บางทีเหมือนทำเพื่อให้ได้ชื่อว่า ที่นี่มีอะไรดีๆ ใหญ่โตกว่าที่อื่น อย่างวัดทางถาคเหนือ ถ้าไปเที่ยววัดในเชียงใหม่จะเห็นว่ามีวัดเยอะมาก วัดอยู่ติดๆ ใกล้ๆกัน เคยไปทอดกฐินที่วัดที่เชียงใหม่ หลังจากเสร็จกิจกรรมแล้ว ท่านเจ้าอาวาธก็จะโทรมาหาโยมที่เป็นเจ้าของกฐินที่นำไป ขอให้สร้างโน่น สร้างนี่ ทั้งๆที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงให้สวย ให้ใหญ่กว่าเดิม พอจัดไป ก็มีอย่างอื่นเข้ามอีกเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่พอเพียง สำหรับคนมาทำบุญ ก็ไม่ใช่ ศาลาที่เห็น ก็ใหญ่โตมากแล้ว แต่ท่านต้องการมากกว่านั้น ทั้งๆที่วัดที่อยู่ติดๆกันก็มีหลายวัด เหมือนอยากจะทำวัดของตัวให้ยิ่งใหญ่กว่าวัดอื่น ทำนองนั้น คิดไปแล้วก็เหมือนเราจะบาปนะ แต่ในใจก็คิดแบบนั้น
     
  4. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ความคิดของคุณถูกต้องแล้วครับ พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราไม่ควรเชื่ออะไรง่าย ๆ เกินไป และควรจะมีโยนิโสมนสิการให้มาก แต่ที่สำคัญคือคุณก็อย่าไปขัดขวางเค้าเพราะสิ่งที่เราคิดว่าไม่ดี อาจจะดีในความคิดของเขา จะสร้างความขัดแย้งกันเปล่า ๆ หาประโยชน์อันใดไม่ได้เลย ถ้าเราคิดว่าทางของเราถูกเราก็ทำของเราไป ติดตามสำรวจผลว่าเป็นไปอย่างไร คนเราถ้าเขาปิดตาอยู่ แม้จะมีคนบอกว่ามีสิ่งนี้น่าสนใจ น่าดู น่าชม ถ้าหากว่าเขาไม่เปิดตาเขาเองมาดู เขาก็ไม่อาจจะเห็นได้ เพราะฉะนั้นบอกเท่าที่เราจะบอกได้ เขาไม่ฟังก็อย่าพูดอีกเลยดีกว่า โอป่ะครับ ป.ล. คุณวิหคอิสระเนี้ยะดูท่าแล้วมีความรู้เยอะนะครับ ว่างๆอยากลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างนะครับ น่าสนใจดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ปฏิบัติให้เห็นด้วยตัวเองสิ ว่าที่พระพุทธองค์ท่านสอนหนะ จริงหรือไม่
    ใช้เวลาไม่นานหรอก จะเริ่มเห็นผลขั้นต้น
     
  6. sanbung

    sanbung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +156
    ลองไปทำบุญวัดที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ไม่ค่อยมีคนไปทำบุญ ศาสนสถาน ที่ล้วนแล้วแต่ไม่อลังการงดงามปานเรือนแก้วเรือนทอง เหมือนในเมืองดูสิครับ จะรู้สึกได้ว่า อิ่มบุญ นั้นเป็นเช่นไร ไม่ต้องใจร้อน แย่งทำบุญ ทำสังฆทานกับใคร มีเวลามีถมเถ เชื่อได้เลยครับคุณจะมีความรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่เดินขึ้นบนศาลาโดยที่ไม่เคยมีมาก่อน สนทนาธรรมกับพระสงฆ์องค์เจ้าให้ช่ำจิต ทำบุญกันให้หน่ำใจ พื้นที่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยแมกไม้นาๆพันธุ์ เงาไม้ที่ร่มเย็น สดชื่น ปล่อยให้ลูกๆหลานๆวิ่งเล่นตามประสาเด็ก นั่งพักผ่อนหย่อนใจกันไป ดีไม่ดีนั่งไปมา เป็นได้จับไม้กวาดขึ้นมากวาดใบไม้แห้งกันเลยนี่... ยังมีบรรยากาศที่น่าประทับใจอีกเยอะแยะรอให้เราชาวพุทธได้เยี่ยมเยือน และสัมผัส อีกมากครับ ลองๆหาดู(deejai)
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    คนเรานั้นยังมีที่ว่าคนที่ดี และคนที่ดีน้อยลงมาหน่อย พระสงฆ์ก็เช่นกันก็ต้องมีที่ดีมากเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตลอดจนมาถึงพระนักการศึกษา นักพัฒนา หรือ ตลอดจนทั้งที่มีพระสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมอันมีศีล เป็นต้น ย่อหย่อน......

    ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าพระสงฆ์ทั้งหมดทั่วโลกยังไม่เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด พระพุทธเจ้าท่านยังแยกเลยครับ สมมุติสงฆ์ และ อริยสงฆ์......

    สิ่งหนึ่ง พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จักในการทำทานคือการเลือกนาบุญ.....คุณมีสิทธิที่จะเลือกนะครับ ว่าคุณจะหว่านข้าวลงไปบนผืนนาผืนใหน...เพื่อที่ว่าผลผลิตข้าวของคุณจะออกมาดี.....

    อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญคือ คุณอาจคิดว่าการสร้างวัด สร้างอะไรที่ใหญ่โต เกินความจำเป็น ผมยอมรับว่าสถานที่แบบนั้นหนะมีนะครับ แต่บางครั้งผมว่าการมองว่าการสร้างวัดที่ใหญ่โตแล้วเหมาเอาทั้งหมดว่าไม่ดี ในส่วนตัวผมกลับเห็นว่าไม่สมควรนะ ผมกลับเห็นว่าบางครั้งถ้าการจะสร้างให้ใหญ่โตแต่มีวัตถุประสงค์ที่แน่นอนผมก็ว่าน่าสนับสนุนอยู่ดีนะ ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งคุณผ่านวัดใดวันหนึ่งคุณเห็นว่าวัดนั้นใหญ่จริง แต่ในวัดนั้นเขาอาจใช้เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม หรือ สถานที่ปฏิบัติธรรม อะไรก็ว่าไปก็ได้.......อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการบ่งบอกแสดงได้ว่า บ้านเรานั้นยังมีพุทธศาสนาอยู่ ยังมีวัฒนธรรมยังมีศิลปของความเป็นไทยอยู่(ซึ่งโดยปกติแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมไทย ศิลปไทย สถาปัตยกรรมไทย ไม่ว่าเอกลักษณ์ของภาคใดๆ ส่วนใหญ่ล้วนแต่อยู่ในวัดแทบทั้งสิ้น).....ศรัทธามหาชนบางครั้งเขาก็ต้องการที่จะสร้างเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาก็ได้ อย่างน้อยที่สุดเงินที่เขาได้ทำลงไปก็ถือว่าเป็นการทำบุญในพระศาสนา ซึ่งในเรื่องของการทำทานเราก็รู้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นการตัดความโลภในจิตใจ.....ผมว่าแค่คิดเท่านี้เราก็ได้กำไรแล้วนะ......ดีกว่าที่จะมาตั้งจิตในแง่ลบเห็นอะไรก็ทำให้จิตเรานั้นหม่นหมอง.....ตัวเองหม่นหมองไม่พอยังไปทำให้กำลังจิตที่ตั้งแล้วซึ่งความเป็นกุศลของบุคคลอื่นนั้นตกลง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กันยายน 2012
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..........กำหนดรู้ ในทิฎฐิที่เรามี(ว่าเรามีทิฎฐิความเชื่อ แบบนี้)...แล้วดูความยินดี ยินร้าย ที่มี...พอรู้ รู้ไปเรื่อยเรื่อย...ก็จะเห็นความจริง ความปรุงแต่งว่า มันนำไปสู่ สิ่งใด และการกระทำกริยาต่อสิ่งใดใดนั้น (เช่นเรื่องการเมือง เรื่องสี )มันไม่ใช่ของเราจริงจริง มันมีเหตุเกิด มันมีเหตุดับ...พอรู้ดังนี้ ....มรรค ทางเดินสู่ความพ้นทุกข์ หรือ ใครเรียกว่าทางสายกลางมัชฌิมาปฎิปทา..จะปรากฎ ให้เดิน( ทางจะชัด จะเลือน ก็แล้วแต่คน)...:cool:ยินดี ก็เรื่องนึง ยินร้ายก็เรื่องนึง กริยาก็เรื่องนึง เจตนาก็เรื่องนึง กระทำก็อีกเรื่องนึง วางตัววางใจก็อีกเรื่องนึง
     
  9. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ไว้มีสมาธิและปัญญามากขึ้นคุณก็เข้าใจเอง

    เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ถ้าทำฌานได้ จะเข้าใจเอง
    ส่วนเรื่องสร้างอะไรใหญ่โต... เป็นเรื่องของบุญกุศลที่มีรายละเอียดหลายทาง
     
  10. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
  11. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318

    เหอๆๆ ไม่ขนาดนั้น :boo::boo::boo:
     
  12. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +939
    การสร้างพระองค์ใหญ่ สร้างวิหารใหญ่ มีอานิสงค์มากเพราะได้สืบทอดพระพุทธศาสนา ทำให้ผู้พบเห็นพระ หรือ วิหาร หรือเจดีย์ เกิดศรัทธา ถ้าสร้างได้งดงามก็เป็นบุญ ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความเบิกบานใจ นี่อย่างไรคะ ที่ว่าเป็นบุญ

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด บุญสำคัญที่ใจ นั่นคือ สำคัญที่เจตนา หากปรับกำลังใจใหม่ เห็นการสร้างถาวรวัตถในพระพุทธศาสนา เป็นการสืบทอดพระศาสนา คุณจะเกิดศรัทธาในการทำบุญได้เอง ลองคิดดูสิคะ ถ้าเราไม่มีพระพุทธรูป ไม่มีวิหาร ไม่มีวัด ไม่มีการสร้างถาวรวัตถุเหล่านี้ขึ้นมา ศาสนาจะสืบทอดไปได้ครบ 5000 ปีได้อย่างไร
     
  13. 12345*

    12345* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +332
    ไม่ต้องกังวลครับ ศึกษาปฏิบัติไปเรื่อยๆศรัทธาจะค่อยเกิดขึ้นเอง
    อิทธิปาฏิหาร ก็เหมือนกันครับถึงจุดหนึ่งจะรู้เอง
     
  14. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ศาสนาพุทธดีอย่างหนึ่งไม่ต้องการสมาชิกจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันพระองค์ก็ไม่ให้โทษแก่ใคร วิธีเริ่มในพระพุทธศาสนาเราเริ่มจากการฟังการอ่าน เริ่มจาการทำความเข้าใจไม่ได้เริ่มจากการให้เชื่อ

    เรียนรู้ทำตามจนเกิดประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่นก่อนแล้วจึงเชื่อ แบบนี้ดีกว่ามั้ยก่อนที่เราจะเชื่ออะไร ไม่ต้องกล้วบาปจะทำความดีอย่ากลัวเลยครับ เรียนรู้พร้อมกับปฎิบัติไปด้วยจะได้ผลดีรับลองไม่ผิดหวังครับ อะไรยังไม่เข้าใจผ่านไปก่อนเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรทั้งหมด ข้ามไปก่อนได้

    ศึกษาเกี่ยวกับอริยสัจให้มากทีสุด เพราะตรงนั้นคือสิ่งที่พระองค์ทรงค้นพบ มาสอนเรา และมีหน้าที่ที่จะต้องทำนั้นคือกิจในอริยสัจ ทำหน้าที่จบทุกอย่างก็จบ หวังว่าคงมีความสุขกับการเดินบนเส้นทางธรรมนะครับ ธรรมะย่อมให้ผลที่สมควรแก่การปฎิบัตินะครับ สาธุๆ
     
  15. ทศมาร

    ทศมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +237
    ปกติ แบบคนทั่วไปก็มีความเห็นแตกต่างกันไม่เหมือนกัน เพียงแต่ความเห็นเราไม่ไปก้าวก่ายทำร้ายจิตใจใครให้เป็นกรรมชั่วก็พอ
     
  16. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ยังรู้จัก ความทุกข์ ไม่มากพอ

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘​

    สังยุตตนิกาย นิทานวรรค​



    ๓. อุปนิสสูตร​



    [๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อธรรมเป็นที่สิ้นไป เกิดขึ้นแล้ว ญาณ( อรหัตผล)
    ในธรรมเป็นที่สิ้นไป อันนั้นแม้ใดมีอยู่

    เรากล่าวญาณแม้นั้นว่ามีเหตุเป็นที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่า ไม่มีเหตุเป็นที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งญาณในธรรมเป็นที่สิ้นไป ควรกล่าวว่า วิมุตติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งวิมุตติว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งวิมุตติ ควรกล่าวว่า วิราคะ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งวิราคะว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งวิราคะ ควรกล่าวว่า นิพพิทา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งนิพพิทาว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งนิพพิทา ควรกล่าวว่า ยถาภูตญาณทัสสนะ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งยถาภูตญาณทัสสนะว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งยถาภูตญาณทัสสนะ ควรกล่าวว่า สมาธิ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งสมาธิว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งสมาธิ ควรกล่าวว่า สุข

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งสุขว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งสุข ควรกล่าวว่า ปัสสัทธิ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งปัสสัทธิว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่า ไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งปัสสัทธิ ควรกล่าวว่า ปีติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งปีติว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งปีติ ควรกล่าวว่า ความปราโมทย์

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งความปราโมทย์ ว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งความปราโมทย์ ควรกล่าวว่า ศรัทธา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งศรัทธาว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัย แห่งศรัทธา ควรกล่าวว่า ทุกข์

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งทุกข์ว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งทุกข์ ควรกล่าวว่า ชาติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งชาติว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งชาติ ควรกล่าวว่า ภพ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งภพว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลายก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งภพ ควรกล่าวว่า อุปาทาน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งอุปาทานว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งอุปาทาน ควรกล่าวว่า ตัณหา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งตัณหาว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งตัณหา ควรกล่าวว่า เวทนา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งเวทนาว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งเวทนา ควรกล่าวว่า ผัสสะ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งผัสสะว่ามีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งผัสสะ ควรกล่าวว่า สฬายตนะ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งสฬายตนะว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งสฬายตนะ ควรกล่าวว่า นามรูป

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งนามรูปว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งนามรูป ควรกล่าวว่า วิญญาณ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งวิญญาณว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งวิญญาณ ควรกล่าวว่า สังขารทั้งหลาย

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวแม้ซึ่งสังขารทั้งหลายว่า มีเหตุที่อิงอาศัย มิได้กล่าวว่าไม่มีเหตุที่อิงอาศัย
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นเหตุที่อิงอาศัยแห่งสังขารทั้งหลาย ควรกล่าวว่า อวิชชา

    ด้วยเหตุดังนี้แล ภิกษุทั้งหลาย
    สังขารทั้งหลาย มีอวิชชา เป็นที่อิงอาศัย
    วิญญาณ มี สังขาร เป็นที่อิงอาศัย
    นามรูป มี วิญญาณ เป็นที่อิงอาศัย
    สฬายตนะ มี นามรูป เป็นที่อิงอาศัย
    ผัสสะ มี สฬายตนะ เป็นที่อิงอาศัย
    เวทนา มี ผัสสะ เป็นที่อิงอาศัย
    ตัณหา มี เวทนา เป็นที่อิงอาศัย
    อุปาทาน มี ตัณหา เป็นที่อิงอาศัย
    ภพ มี อุปาทาน เป็นที่อิงอาศัย
    ชาติ มี ภพ เป็นที่อิงอาศัย
    ทุกข์ มี ชาติ เป็นที่อิงอาศัย
    ศรัทธา มี ทุกข์ เป็นที่อิงอาศัย
    ความปราโมทย์ มี ศรัทธา เป็นที่อิงอาศัย
    ปีติ มี ปราโมทย์ เป็นที่อิงอาศัย
    ปัสสัทธิ มี ปีติ เป็นที่อิงอาศัย
    สุข มี ปัสสัทธิ เป็นที่อิงอาศัย
    สมาธิ มี สุข เป็นที่อิงอาศัย
    ยถาภูตญาณทัสสนะ มี สมาธิ เป็นที่อิงอาศัย
    นิพพิทา มี ยถาภูตญาณทัสสนะ เป็นที่อิงอาศัย
    วิราคะ มี นิพพิทา เป็นที่อิงอาศัย
    วิมุตติ มี วิราคะ เป็นที่อิงอาศัย
    ญาณในธรรมเป็นที่สิ้นไป มี วิมุตติ เป็นที่อิงอาศัย ฯ

    [๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เมื่อฝนเมล็ดใหญ่ตกอยู่บนยอดภูเขา น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ยังซอกเขา ระแหง และห้วยให้เต็ม
    ซอกเขาระแหงและห้วยทั้งหลาย เต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมยังหนองทั้งหลายให้เต็ม
    หนองทั้งหลาย เต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมยังบึงทั้งหลายให้เต็ม
    บึงทั้งหลาย เต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมยังแม่น้ำน้อยๆ ให้เต็ม
    แม่น้ำน้อยๆ เต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมยังแม่น้ำใหญ่ๆ ให้เต็ม
    แม้น้ำใหญ่ๆ เต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมยังมหาสมุทรให้เต็ม

    แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    สังขารทั้งหลายมีอวิชชาเป็นที่อิงอาศัย ฯลฯ
    ญาณในธรรมเป็นที่สิ้นไป มีวิมุตติเป็นที่อิงอาศัย ฉันนั้นเหมือนกันแล ฯ

    ___________________________________________________

    ขอเสนอความเห็นแนบท้ายดังนี้คือ
    จากพระธรรมสูตรนี้ จะสังเกตได้ว่า ศรัทธา มีเหตุปัจจัยมาจาก ความทุกข์
    ถ้ารู้จักความทุกข์ไม่มากพอ ก็ไม่สามารถเกิด ศรัทธาได้ (ศรัทธาที่แท้จริง)

    การกำหนดรู้ความทุกข์ จึงเป็นเหตุให้เกิดศรัทธา ที่แน่วแน่นได้(ศรัทธินทรีย์)
    เพราะศรัทธาที่เกิดจากทุกข์ จะเป็นแรงขับเคลื่อนอย่างมหาศาล
    ให้กับผู้มีศรัทธาอันเกิดจากความทุกข์นี้ โดยผู้นั้นจะมุ่งตรงเข้าไปหาสาเหตุแห่งทุกข์
    เพื่อพิชิตความทุกข์ทั้งปวง

    ดังนั้น ใน อริยสัจจ์ทั้ง๔ ประการ ๑)ทุกข์ ๒)สมุทัย ๓)นิโรธ ๔)มรรค
    ความทุกข์ จึงถูกยกเป็น หัวข้อแรก ในอริยสัจจ์๔ เพราะเป็นเหตุให้ อริยสัจจ์ ข้ออื่นๆ ได้ถูกดำเนินการจนครบทั้ง๔ข้อ อยู่ภายในจิตใจของผู้ปฏิบัติ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2021
  17. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    นี่ไงคะ? หลักใหญ่ใจความของพระธรรม คำสอน ส่วนอย่างอื่นที่เห็นๆ เป็นๆกันอยู่ ก็ทางใคร ทางมัน..ไม่ก้าวก่ายกัน โปรดเคารพเส้นทางของคนอื่นด้วย..ขอโมทนา

    ปล.ขอบคุณท่านบิกทูค่ะ..อ่านแล้ว..ใช่เลย..(ชักเบื่อและกลัวพวกธรรมจ๋าแร่ะ)
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ISAA..ข้อความ.324
    ได้ให้อนุโมทนา.144
    ได้รับอนุโมทนา.787.ครั้ง ใน 234 โพส
    ปล. เก็บไว้ดูเล่นค่ะ 555++
     

แชร์หน้านี้

Loading...