เรื่องเด่น ปฏิทินพลังจิตธรรมสัญจร 55 ตอน ร่วมบุญสร้างลานปฏิบัติธรรมกับ คบ. วิจิตร มนฺญโญ P. 44

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 14 ธันวาคม 2011.

  1. sisne

    sisne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +132
    ขอจองทริป 17 ภูทอก -ภูลังกา (ญ) 1ที่ค่ะ
     
  2. ศุภปัญญา

    ศุภปัญญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +1,438
    ธรรมสัญจร (๑๙) ร่วมงานทำบุญฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี-ถวายภัตตาหารพระภิกษุสามเณร-ทำบุญสะเดาะเคราะห์กับหลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต จ. จันทบุรี วันที่ ๒๕ - ๒๖ ส.ค. ๕๕ ขอจองจำนวน2ที่ครับ
     
  3. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    ธรรมสัญจร 17 ภูทอก เพิ่มอีก 2 ที่ค่ะ
     
  4. ภีมะ

    ภีมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +137
    ได้โอนเงินเข้าบัญชี เป็นค่าเดินทางไปทริปธรรมสัญจร ๑๗ (ภูทอก-ภูลังกา) จำนวน ๕,๘๐๐ บาท และร่วมทำบุญ ๒๐๐ บาท รวมเป็นจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชี ๖,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๑๖/๗/๒๕๕๕ เวลา ๑๗:๒๘ น. ค่ะ
     
  5. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    แจ้งสรุปเงินร่วมบุญทริปพลังจิตธรรมสัญจร (๑๖)

    ขอแจ้งยอดเงินที่ชาวคณะและกัลยาณธรรมทุกท่านร่วมบริจาคทำบุญในพลังจิตธรรมสัญจร (๑๖) พิธีบรรจุวัตถุมงคล-หล่อพระเศียรสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอกวัดท่าขนุน (วันสุดท้าย) วันที่ ๑๓-๑๕ ก.ค. ๕๕ เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบและอนุโมทนาบุญร่วมกัน ดังนี้


    [​IMG]
    ไหบรรจุวัตถุมงคลพร้อมปัจจัยที่ชาวคณะเป็นตัวแทนกราบถวายท่านพระครูวิลาศกาญจธรรม (เล็ก สุธมฺมปปฺญโญ)


    - ถวายทองคำ วัตถุมงคล ร่วมบรรจุในพระเศียรสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่หน้าตัก ๒๑ ศอกวัดท่าขนุน ๓ ไห
    - ถวายปัจจัยปิดทองพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๖ องค์-หล่อสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่หน้าตัก ๒๑ ศอกวัดท่าขนุน ๒๒๒,๒๒๒ บาท (กองบุญพิเศษชุด ๖ - ชมรมโมทนาบุญ)
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดท่าขนุน ๑๐,๐๐๐ บาท
    - ถวายผ้าป่าสร้างศาลาทำบุญหลวงพ่อจวน สิริวณฺโณ วัดหนองบ้านเก่า ๔,๐๐๐ บาท (กองทุนบึงลับแล - ชมรมโมทนาบุญ)
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดหนองบ้านเก่า ๑,๑๐๐ บาท
    - ถวายปัจจัยซ่อมแซมพิมพ์สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอกและทุกบุญของการสร้างสมเด็จองค์ปฐมทั่วประเทศจำนวน ๑๐๘ องค์ (ของวัดท่าขนุนเป็นองค์ที่ ๒๖) กับพระภิกษุทีมงานสร้างพระ ๑๐,๐๐๐ บาท
    - ร่วมทำบุญปล่อยปลา - กบ จำนวน ๒,๔๗๐ บาท

    รวมเงินที่ชาวคณะเป็นตัวแทนถวายปัจจัยร่วมบุญ จำนวน ๒๔๙,๗๙๒ บาท


    - กราบขอบพระคุณเว็บพลังจิต/วัดท่าขนุน/สะพานบุญ และเจ้าหน้าที่ที่ได้มอบพื้นที่สำหรับกิจกรรมบุญในครั้งนี้
    - กราบโมทนากัลยาณธรรมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญ ร่วมอนุโมทนาในครั้งนี้
    - และขอขอบคุณสมาชิกทั้ง ๒๘ ท่านที่ไ่ด้ร่วมเดินทางสืบสานต่อกิจกรรมบุญกันตามธรรมะจัดสรร


    พบกันใหม่กับกิจกรรมบุญ
    ธรรมสัญจร (๑๗) ถวายเทียนพรรษา ๙ วัดป่าภาคอีสาน-ปฎิบัิติธรรมภูทอก-ภูลังกา จ. สกลนคร - บึงกาฬ วันที่ ๑-๕ ส.ค. ๕๕ คลิก[/SIZE][/COLOR][/SIZE][/SIZE][/FONT]
    กิจกรรมบุญ (๒) ร่วมบุญกองบุญพิเศษ ถวายเทียนพรรษาและทุกบุญ ชุุด ๗ ประกาศผล ๑๖ ส.ค. คลิก



    [​IMG]
    * รับชมภาพบรรยากาศงานหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอก วัดท่าขนุนได้ที่ คลิก
     
  6. เกสรมณีช์

    เกสรมณีช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +573
    พี่หญิงคะ เกรซฝากทำบุญทริปภูทอก ถวายเทียนพรรษา ๙ วัด ๑-๕ สค.

    จำนวน ๕๐๐ บาท โอนวันนี้ เมื่อเวลา ๒๐.๑๔ น.

    โมทนาสาธุทุกท่านที่ร่วมบุญทริปนี้เป็นอย่างสูง สาธุ ๆ ๆ
     
  7. pee5555

    pee5555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +30
    ธรรมสัญจร (๑๙) ร่วมงานทำบุญฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี-ถวายภัตตาหารพระภิกษุสามเณร-ทำบุญสะเดาะเคราะห์กับหลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต จ. จันทบุรี วันที่ ๒๕ - ๒๖ ส.ค. ๕๕
    ๑. นามที่จอง : pee5555
    ๒. ชื่อ-สกุล : นาย สิทริพร พูนสวัสดิ์ ๐๘๕-๖๗๗๔-๒๑๑
    ๓. ประสงค์ร่วมเดินทางในกิจกรรมบุญ
    - ธรรมสัญจร (19) : 1 ที่นั่ง (ชาย ๑ คน)
    โอนเงินแล้วจะแจ้งในภายหลังครับ

    ขอบคุณครับ

     
  8. sarajao

    sarajao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +28
    ๑. นามที่จอง : sarajao
    ๒. ชื่อ-สกุล : นาย สารภูมิ ธิรศริโชติ
    โทรศัพท์ : ๐๘๑-๙๑๑-สี่สอง 86
    ๓. ประสงค์ร่วมเดินทางในกิจกรรมบุญ
    - ธรรมสัญจร (๑๗ ภูทอก ภูลังกา) : 4 ที่นั่ง เพศ ชาย(1) หญิง(3)
    ๔. วันที่โอนชำระ : วันที่ 17 ก.ค. ๕๕ เวลา 11.39 น. จำนวน 12,000.86 บาท(ร่วมทำบุญ 400 บาท)



     
  9. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    อานิสงส์ถวายเทียนพรรษา

    [​IMG]


    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    เล่าอานิสงส์การถวายเทียนหรือหลอดไฟในวันเข้า พรรษา การถวายเทียนเข้าพรรษา หรือว่าถวายกระแสไฟในพระพุทธ-ศาสนาเหมือนกัน อย่างนี้ถ้าเกิดเป็นเทวดาจะมีรัศมีกายสว่างมาก ต่อไป


    ถ้าบรรลุมรรคผล จะเป็นบุคคลผู้เลิศในทิพจักขุญาณ อย่างพระอนุรุทธ ท่านได้ถวายเทียนเข้าพรรษาตลอดมา ถวายพระประทีปโคมไฟวัดไหนมืดชอบถวายตะเกียงบ้างน้ำมันบ้างให้มีแสงสว่างต่อ มาในชาติสุดท้าย เมื่อเป็นพระอรหันต์วิชชาสาม ท่านสามารถมีทิพจักขุญาณสว่างกว่าพระอรหันต์ทั้งหมด แม้แต่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณก็ยังสู้ไม่ได้ นี่ประการหนึ่งถ้าท่านทั้งหลายไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็จะมีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดา นางฟ้า และพรหมเขาถือรัศมีกายเป็นสำคัญเขาไม่ถือเครื่องแต่งกายเป็นสำคัญ องค์ไหนถ้ารัศมีกายสว่างมากองค์นั้นมีบุญมาก เมื่อมีจิตใจเลื่อมใส ได้ทำการบูชาเช่นนี้ พระชินศรีตรัสว่าเป็นมงคลอันสูงสุด ดังพระบาลีว่า ปูชา จ ปูชะนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง การบูชาบุคคลผู้ควรบูชาเป็นมงคลอันสูงสุด อนึ่งชื่อว่าได้ขวนขวายในกิจ อันปราศจากโทษความเดือนร้อนในภายหลังมิได้ ย่อมได้รับผลพิเศษทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

    อานิสงส์ถวายเทียนพรรษา
    การ ถวายเทียนพรรษานี้เป็นโบราณประเพณีที่ทำสืบ ๆ มาเป็นเวลาช้านาน เมื่อถึงฤดูเข้าพรรษา ภิกษุทั้งปวงต้องจำพรรษาในอาวาสของตน ๓ เดือน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงได้จัดทำให้เป็นกุศลพิธีขึ้น เมื่อได้นำเทียนไปถวายพระสงฆ์แล้ว ท่านก็จะได้จุดบูชาต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถ ผู้ถวายย่อมได้รับอานิสงค์ คือ
    ๑. ทำให้เกิดปัญญา ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เปรียบเหมือนแสงสว่างแห่งเทียน
    ๒. ทำให้สว่างไสวรุ่งเรือง ผู้ถวายย่อมทำให้มีความรุ่งเรืองด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ
    ๓. ทำให้คลี่คลายเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีปัญหาให้ร้ายกลายเป็นดี
    ๔. เจริญไปด้วยมิตรบริวาร
    ๕. ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย
    ๖. เมื่อจากโลกนี้ไปย่อมมีกายทิพย์อันสว่างไสว
    ๗. เมื่อลาลับโลกนี้ไปย่อมไปสู่สุคติสวรรค์
    ๘. หากบารมีมากพอ ย่อมทำให้เกิดดวงตาจักษุ คือปัญญารู้แจ้งเข้าสู่พระนิพพาน
     
  10. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    วันนี้โอนเงิน 5,809 บาท ส่วนอีก 1 ที่ กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะ
     
  11. UC3009

    UC3009 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +12
    โอนชำระค่าเดินทาง 2 ที่นั่ง จำนวน 5,800 บาทแล้วบ่ายนี้ (18 ก.ค. 55)
     
  12. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    ธรรมสัญจร 19 หลวงพ่อมนัส 2 ที่ค่ะ
     
  13. ขุนพิฆาต

    ขุนพิฆาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +1,704
    จองร่วมบุญชุดเจ็ดสองเบอร์จ้า ๔๘ กับ ๘๔ โอนสิ้นเดือนนะจ๊ะ
     
  14. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    ธรรมสัญจร 17 ภูทอก ภูลังกา 1 ที่นั่ง โอนมาจากกาญจน์บุรีวันนี้ 2,901 บาท ค่ะ
     
  15. csoftcake

    csoftcake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +295
    ๑. นามที่จอง : csoftcake
    ๒. ชื่อ-สกุลที่จอง : ศศ ลักษณ์ วิ ริยะผล
    โทรศัพท์ : ๐๘0-๔๕๒-๙๙๘๖
    ๓. ประสงค์ร่วมเดินทางในกิจกรรมบุญ
    - ธรรมสัญจร (๑๗ ภูทอก ภูลังกา) : 1 ที่นั่ง
    ๔. วันที่โอนชำระ : จะแจ้งให้ทราบภายหลัง
     
  16. Hanataro

    Hanataro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +490
    ....

    ๑. นามที่จอง : Hanataro
    ๒. ชื่อ-สกุล : นายทศวรรษ ฉิมวงศ์
    โทรศัพท์ : 083- 904 1315

    ๓. ประสงค์ร่วมเดินทางในกิจกรรมบุญ

    - ธรรมสัญจร (๑๘) วัดท่าขนุน : ๒ ที่นั่ง เพศ ชาย และ หญิง (น้องสาว)

    ๔. วันที่โอนชำระ : โอนแล้ว วันที่ 22 ก.ค 55 เวลา 12.57 จำนวน 1000 บาท ครับ
     
  17. csoftcake

    csoftcake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +295
    แจ้งโอนเงินค่ะ
    วันที่ 23/07/55 เวลา 12.37 สถานที่ A02676
    จำนวนเงิน 2,900 บาท ผ่านตู้รับฝากเงิน
     
  18. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    บางบทบางตอนกับตำนานภูลังกา "ดินแดนพระเจ้าห้าพระองค์"

    [​IMG]


    ความลึกลับของภูลังกาหรือรังกา อันเป็นดินแดนลี้ลับอย่างอาถรรพณ์ มีภูเขาห้าลูกเชื่อมโยงกันด้วยป่าไม้หนาแน่นสูงเฉียดฟ้าและหุบเหว มีเรื่องปรัมปราพื้นบ้านเล่าสืบทอดกันมาว่า

    ภูลังกาในสมัยดึกดำบรรพ์ ยุคสร้างโลกเป็นที่สถิตอยู่ของ รังกาเผือกมีไข่ ๕ ฟอง วันหนึ่งขณะที่กาเผือกสองผัวเมียออกไปหาอาหารได้เกิดลมพายุพัดเอารังกาพลิกไหว ไข่ทั้ง ๕ ฟอง ปลิวไปตามลมแรงกระจัดกระจายไปตกลงยังที่ต่าง ๆ

    ไข่ฟองที่ ๑ ไปตกยังถิ่นของแม่ไก่ แม่ไก่นำไปเลี้ยงไว้ต่อมาก็คือพระกกุสันโธพุทธเจ้า
    ไข่ฟองที่ ๒ ไปตกในเมืองพญานาค ท้าวพญานาคนำไปเลี้ยงไว้ ต่อมาได้เป็นพระโกนาคมพุทธเจ้า
    ไข่ฟองที่ ๓ ไปตกในแดนของเต่า พญาเต่านำไปเลี้ยงไว้กลายเป็นพระกัสโปพุทธเจ้า
    ไข่ฟองที่ ๔ ไปตกในแดนแม่โค แม่โคได้เลี้ยงไว้ ต่อมากลายเป็นพระสมณโคตมะพุทธเจ้า และ
    ไข่ฟองที่ ๕ ไปตกที่แดนของพญาราชสีห์ พญาราชสีห์เอาไปเลี้ยงไว้กลายเป็นพระศรีอริยเมตไตรย รวมเป็นพระเจ้า ๕ พระองค์

    เรื่องภูลังกาที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ๕ พระองค์นี้ เป็นเรื่องพื้นถิ่นความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาบันดาลใจให้ชาวบ้านเทิดทูนพระพุทธเจ้า ต้องการให้เห็นว่าพื้นถิ่นของตนนั้นมีความผูกพันเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าทั้ง ๕พระองค์อยู่ตลอดไปก็เลยเป็นว่าภูลังกาเป็นที่เกิดของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์


    ภูลังกา...ดินแดนพิสูจน์คนกล้า พระแกร่ง

    <table id="table1" align="left" border="0" width="128"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="left">
    ยอดเขาด้านหลังคือภูลังกา จากพื้นถึงยอดประมาณ ๒ กิโลเมตร

    </td></tr></tbody></table>​
    ภูลังกา เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระป่าอันสัปปายะวิเวก ที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนชอบแวะเวียนไปอยู่เสมอ ถึงแม้จะลำบากในเรื่องอาหาร ต้องอดแห้งอดแล้งท้องกิ่วเหมือนฤๅษีชีไพรและอาหารที่ไปบิณฑบาตมาได้จะเป็นเพียงข้าวเหนียว ๑ ก้อนเล็กๆ กับเกลือและพริกได้มาแค่ไหนก็ฉันกันแค่นั้น ไม่คิดมากไม่ถือว่าเรื่องอาหารเป็นอุปสรรคในการเจริญภาวนา เพราะจิตมีความมุ่งหมายอยู่ที่การขูดเกลากิเลสตัณหาความ ทะยานอยากให้หมดไป เพื่อพ้นทุกข์ จิตสะอาดบริสุทธิ์ สว่าง สงบ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ดังนั้นพระป่าจึงไม่มีการบ่นว่า หิวเหลือเกิน อ่อนเพลียไม่ มีแรงจะเป็นลม ต่างก็หุบปากเงียบ เฝ้าแต่เดินจงกรม กับนั่งสมาธิภาวนา กำหนดสติรู้คอยระมัดระวังกิเลสตัณหาในตัวเองอยู่ตลอดเวลา รู้เท่าทันกิเลส ใช้ขันติ ความอดทน อดกลั้น ในทุกสถานการณ์ ไม่ทำตามกิเลสทุกรูปแบบ บังคับตัวเองได้ เป็นนายตัวเองได้ ถ้าเจ็บไข้ อาพาธ ไม่ต้องไปหาหยูกยาใดๆ รักษาตัวเองด้วยการนั่งสมาธิภาวนา สลับกับเดินจงกรม ไม่ฉันอาหาร เพื่อให้กระเพาะลำไส้ได้หยุดพักผ่อน เรียกว่า รักษาด้วยธรรมโอสถ หายก็ดี ไม่หายก็ตาย ถ้าตายก็หายห่วง จะได้ดับให้สนิทไปเลย ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวอะไร !


    ภูลังกา ธรรมสถานแห่งพระอริยะ
    พระป่าในสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ได้เคยไปอยู่จำพรรษา หรือไปเพื่อการวิเวกบนภูลังกาหลายองค์ เช่น พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่ชา สุภัทโท เป็นต้น

    พระอาจารย์ชา สุภัทโธ ปรารถนาพบพระอาจารย์วัง
    พระ อาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ อายุได้ ๓๑ พรรษาที่ ๑๑ ได้เดินธุดงค์ออกจากวัดป่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม บุกป่าฝ่าดงขึ้นสู่ภูลังกา ใกล้กับบึงโขงหลง เหตุที่พระอาจารย์ชาต้องบุกป่าฝ่าแดนอันตรายด้วยไข้ป่าและสัตว์ร้ายไปภู ลังกา ก็เพราะว่าอยากจะพบปะสนทนากับ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในหมู่นักธรรมกรรมฐานว่า ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษฏ์ เชี่ยวชาญในเจโตสมาธิ ทั้งในด้านสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ปรารถนาพุทธภูมิ

    <table id="table2" align="right" border="0" width="128"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="left">
    ทางขึ้นสู่ยอดเขสูงชัน บางตอนต้องใช้บันไดลิง

    </td></tr></tbody></table>​
    ตอนนั้นพระอาจารย์ชายังไม่เคยเห็นหน้าพระอาจารย์วังมาก่อนเลย เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงอันบันลือของท่านเท่านั้น พระอาจารย์ชามีความปรารถนาอยากจะพบพระอาจารย์วังให้ได้ ระยะเวลานั้น พระอาจารย์ชามีความสับสนในธรรมปฏิบัติมาก ต้องการหาใครก็ได้ที่พอจะเป็นกัลยาณมิตร ช่วยชี้แนะแนวทางปฏิบัติธรรมให้ เหมือนกับว่าเดินไปถึงจุดๆ หนึ่งแล้วมีอันต้องสะดุดหยุดชะงักลง ไม่สามารถเดินต่อไปได้ มันมืดแปดด้าน ก็ระลึกถึงพระอาจารย์วังที่ขึ้นไปนั่งบำเพ็ญเพียรบนยอดภูลังกา แม้จะยังไม่เคยเห็นความแกร่งกล้าในการบำเพ็ญเพียรของพระอาจารย์วัง ว่าบรรลุถึงขั้นใดแล้วก็ตาม แต่พระอาจารย์ชาก็เชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า พระอาจารย์วังคงต้องมีดี อย่างใดอย่างหนึ่ง มิฉะนั้นคงไม่ขึ้นอยู่บนยอดเขา

    เมื่อขึ้นไปถึงถ้ำชัยมงคลบนยอดภูลังกาแล้ว ก็ได้พบว่าครูบาวังอยู่กับสามเณรเพียง ๒ รูปเท่านั้น บรรยากาศบนภูลังกาเงียบสงบ อากาศดี เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรยิ่งนัก พระอาจารย์ชา ได้ปรารภถึงความสับสนของตนในการบำเพ็ญเพียรภาวนา จึงได้บุกบั่นมาเพื่อขอให้ครูบาวังช่วยชี้แนะนำทางที่ถูกที่ควรให้
    ครูบาวังได้ถามฉันเมตตาจิตว่า ความสับสนนั้นเป็นประการใด

    พระอาจารย์ชาได้กล่าวว่า การทำสมาธิภาวนาเหมือนสะดุดอยู่กับที่ ไม่มีที่ไป แม้ย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ เพื่อหาทางต่อไป แต่ก็ไม่อาจทำได้ ยังคงหยุดอยู่กับที่เช่นเดิม

    ครูบาวังได้นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หลับตากำหนดรู้ด้วยกระแสญาณ แล้วลืมตาขึ้น ได้ให้คำชี้แนะแก่พระอาจารย์ชาว่า ไม่ต้องกำหนดจิตไปไหน ให้หยุดอยู่ตรงนั้นแหล่ะ กำหนดรู้อยู่ตรงนั้น แล้วมันก็จะเปลี่ยนไปเอง เราไม่ต้องไปบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ให้กำหนดรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง เดี๋ยวจิตมันก็เปลี่ยนไปเอง เราไม่ต้องไปวุ่นวายอะไร อย่าเข้าใจว่าหมดสิ้นแล้ว เดี๋ยวมันจะมีขึ้นอีก เพียงแต่กำหนดสติรู้แล้วปล่อยวาง มันจะไม่เป็นอันตราย ถ้าเราไม่วิ่งตามมัน

    พระอาจารย์ชาได้สดับตรับฟังแล้ว มีความรู้สึกว่า ความสับสนวุ่นวายในจิตได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง เกิดความเข้าใจในความละเอียดอ่อนลึกซึ้งในธรรมปฏิบัติมากขึ้น มีความสบายอก สบายใจ ไม่รุ่มร้อนดังแต่ก่อน ได้กำหนดในใจว่า จะอยู่บำเพ็ญเพียรบนภูลังกาสัก ๓ วัน ต่อจากนั้นจะออกจาริกธุดงค์ต่อไป ไม่ติดที่อยู่อาศัย ท่องเที่ยวไปตามลำพังแต่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท เพียรพายามเผากิเลส เพื่อทำให้รู้แจ้งถึงที่สุดพรหมจรรย์ อันยอดเยี่ยม อันเป็นสุดยอดปรารถนาของเหล่ากุลบุตรทั้งหลาย ผู้ออกบวชเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา
    พระอาจารย์ชาได้พยายามบำเพ็ญธรรมอย่างหนัก เร่งทำความเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อให้ได้ผลเร็วขึ้น เมื่อมาอยู่ใกล้ครูบาวังผู้ล้ำลึกในธรรม ควรที่จะตักตวง มีอะไรสงสัยจะได้ถามท่านได้และก็ไม่ได้ผิดหวังเลย ครูบาวังได้ให้ความกระจ่างในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ทำให้ พระอาจารย์ชาได้หลักการอย่างหนึ่งว่า นักปฏิบัติธรรมนั้นไม่สามารถจะไปเจริญภาวนาคนเดียวได้ แม้จะภาวนาได้ก็จริง แต่ชักช้าเนิ่นนานมาก แต่ถ้ามีกัลยาณมิตรคอยช่วยชี้แนะแนวทางให้ การปฏิบัติธรรมก็จะไปเร็วขึ้น ไปสู่ทางที่ปรารถนาเร็วขึ้น

    อยู่ครบ ๓ วันแล้วพระอาจารย์ชาก็กราบลาครูบาวังลงมาจากภูลังกา ออกเดินธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมต่อไป ดังที่พระบรมศาสดาได้ตรัสไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย หากพวกเธอจักมีใจจดจ่ออยู่ในเสนาสนะป่าอยู่เพียงใด ความเจริญก็เป็นสิ่งที่เธอทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อมเลย พึงเที่ยวไปคนเดียวดุจช้างม้าตังคะที่เที่ยวไปในป่าตัวเดียว เป็นสัตว์มักน้อยฉะนั้น


    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    หนังสือ ๑๐๐ ปีหลวงปู่สิม พุทธาจาโร ได้กล่าวถึงการไปจำพรรษาของท่าน บนภูลังกาไว้ว่า ปีพุทธศักราช ๒๔๙๗ อายุ ๔๕ ปี พรรษาที่ ๒๖ เดินทางกลับบ้านบัว เพื่อดูแลและเทศนาสั่งสอนอบรมสมาธิให้แก่โยมแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเข้าพรรษา โยมแม่ก็เสียชีวิต ได้จัดการฌาปนกิจศพโยมแม่เสร็จแล้วจึงตั้งใจไปจำพรรษาที่ภูลังกา บ้านโพธิ์หมากแข้ง ตำบลบึงโขงหลง อำเภอเซกา (ในขณะนั้น) จังหวัดหนองคาย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านบัวประมาณ ๗๐ กิโลเมตร ได้ไปแวะที่วัดศรีวิชัยก่อนขึ้นไปจำพรรษาที่ภูลังกา เดินทางร่วมกับพระอาจารย์สวน และตาผ้าขาว ได้เลือกชะโงกหินเหนือถ้ำชัยมงคล บนยอดภูลังกาของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร สหธรรมมิก ที่เคยร่วมกองทัพธรรมของหลวงปู่มั่นเป็นที่จำพรรษา พระอาจารย์วังเคยจำพรรษาอยู่ก่อนถึง ๕- ๖ ปี ซึ่งต้องเดินขึ้นที่สูงเต็มไปด้วยโขดผาหิน ต้องไต่เขาและปีนป่ายขึ้นที่สูงชัน ใช้เวลาหลายชั่วโมง ในสมัยนั้นในป่าเขา เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด อีกทั้งเป็นฤดูฝน หนทางขึ้นลงก็ลำบาก ยากต่อการบิณฑบาต ความเป็นอยู่การขบฉันเป็นด้วยความลำบากยากแค้น มีชาวบ้านปวารณาตัว จึงนำเสบียงอาหารใส่เกวียน เดินทางจากหมู่บ้านศรีเวินชัยไปถึงภูลังกาใช้เวลา ๑ วัน ขึ้นไปส่งให้อาทิตย์ละครั้ง ต้องนอนพักค้างแรมอีก ๑ คืน อาหารหลักคือหน่อไม้ ลูกคอนแคน ยอดคอนแคนจิ้มน้ำพริก ตลอดจนหัวกลอย เป็นต้น แต่การภาวนาที่นี่เป็นที่พอใจมาก ปรากฏธรรมอัศจรรย์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ปัจจุบันยังมีลายมือหลวงปู่ที่เขียนไว้ว่า ถ้ำอยู่เย็นเป็นสุข ถ้ำอาจารย์สิมณ เงื้อมชะโงกผา ที่ท่านปักกลดจำพรรษาตลอดพรรษานั้นยังคงปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบันนี้


    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เคยมาจำพรรษาบนภูลังกา

    จาก ประวัติหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ได้บันทึกการมาปฏิบัติธรรมของท่านบนภูลังกาเอาไว้ว่า ท่านอาจารย์ตื้อ ท่านเจริญกัมมัฏฐานมาหลายปีทีเดียว แต่จะเป็นพรรษาที่เท่าไรนั้น ท่านก็มิได้บอกให้ทราบ ท่านเล่าแต่เพียงว่าเมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาที่ภูลังกา ท่านก็ได้ทำความเพียร ในขณะที่เร่งทำความเพียรอยู่ที่ภูลังกานั้น ถึงกับไม่ฉันข้าว ฉันน้ำ ท่านว่ามันจึงจะรู้จักโลก แจ้งโลก พอจิตบรรลุถึง โคตรภูญาณ จิตก็รู้ได้หมดได้ทั่วไปว่า วิญญาณพวกไหนที่อยู่ในโลก ก็สามารถรู้จักและเห็นหมดในโลกธาตุ ว่าเป็นอยู่อย่างไร


    หลวงปู่สังข์ ออกธุดงค์ มาถึงภูลังกา

    จาก ประวัติหลวงปู่สังข์ สังกิจโจ ได้บันทึกว่าพรรษาแรกที่บรรพชาเป็นสามเณรอยู่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า หลังจากออกพรรษาแล้ว เคยไปกราบครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิหลวงปู่สีลา อิสฺสโร หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม เป็นต้น จากนั้นได้ไปเที่ยวรุกขมูลกับพระอาจารย์บุญส่ง โสปโก ตามทางหลวงปู่ตื้อเคยไป เช่น บึงโขงหลง แล้วไปถึงภูลังกา ได้พบกับพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ที่ถ้ำชัยมงคล


    หลวงปู่คำพันธ์ ธุดงค์ผ่านภูลังกา

    จาก ประวัติหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ บันทึกว่า ท่านได้เดินรุกขมูลขึ้นไปตามลำแม่น้ำโขง เข้าเขตุอำเภอบ้านแพง ขึ้นภูลังกา ยามเย็นได้ไปยืนอยู่ที่หน้าผาฝั่งตะวันตก ในเขตบึงโขงหลง มองลงมาข้างล่าง เห็นฝูงช้างจำนวนมาก บางตัวก็มีลูกอ่อน พากันหักต้นกล้วยป่ากินเป็นอาหารแบบสบายอารมณ์ ฝูงละ ๕ ตัว ๖ ตัวบ้าง จากการค้นคว้าประวัติครูบาอาจารย์ ทำให้รู้ว่าอาณาบริเวณถ้ำชัยมงคลโดยรอบคือ แดนพระอริยสงฆ์แต่อดีตถึงปัจจุบันได้ขึ้นบำเพ็ญภาวนาไม่ได้ขาด น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ดินแดนแห่งนี้ กลับกลายเป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่มไปเสียแล้ว


    พระอาจารย์โง่น โสรโย ระลึกถึงอาจารย์
    ระหว่าง ปี พ.ศ.๒๔๘๘-๒๔๙๖ เป็นเวลา ๙ ปี ที่พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำชัยมงคล ยอดภูลังกา มีพระภิกษุสามเณรเที่ยววิเวกแสวงธรรม แวะเวียนมาพักปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์วังตลอด มีช่วงหนึ่งที่พระอาจารย์โง่น โสรโย ได้แวะกลับมาเยี่ยมพระอาจารย์วัง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่าน หลังจากทราบข่าวว่าพระอาจารย์วังได้ขึ้นมาจำพรรษาบนภูลังกาแล้ว ท่านจึงได้ตามขึ้นไปเพื่ออยู่อุปัฏฐากรับใช้พระอาจารย์วังเป็นเวลา ๒๐ วัน ในครั้งนั้น พระอาจารย์โง่น ได้นำดอกจิก ดอกรัง มาผสมกับดิน ปั้นรูปเสือและลิงเอาไว้ที่ถ้ำ จนปรากฏมาถึงทุกวันนี้

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk-main-page.htm
     
  19. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ความมหัศจรรย์ของ "ภูทอก"

    [​IMG]


    วัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก)
    ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคนพัฒนา หมู่ที่ ๖ ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ๔๓๒๑๐ มีฐานะเป็นวัดราษฎร์
    มี ขนาดความสูง โดยวัดจากฐานถึงยอด ๔๖๐ เมตร มีบันไดเรียงขึ้นตามชั้นต่าง ๆ ๗ ชั้น และฐานชั้นที่ ๖ วัดโดยรอบได้ ๘๐๐ เมตร เป็นหน้าผาสูงชันมีที่ธรณีสงฆ์ ๗๘ ไร่ ๓งาน ๑๘ ตารางวา
    ทิศเหนือ ยาว ๑๙๒ เส้น ๑๕ วา ติดต่อกับภูทอกใหญ่
    ทิศใต้ ยาว ๑๙๐ เส้น ๑๐ วา ติดต่อกับถนนบ้านนาต้อง-บ้านศรีวิไล
    ทิศตะวันออก ยาว ๔๐ เส้น ๑๐ วา ติดกับถนน ร.พ.ช. สายบึงกาฬ-บ้านโพธิ์หมากแข้ง
    ทิศตะวันตก ยาว ๓๕ เส้น ๑๕ วา ติดกับทุ่งนาบ้านนาคำแคน-บ้านนาสะแบง

    ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ โดยพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ได้มาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูวัว อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตรขึ้นเห็นปราสาท ๒ หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้นพระอาจารย์จวนกุลเชฎโฐ จึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิตร และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงามร่มรื่นเหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจ และปักกรดอยู่ที่ถ้ำบนภูทอก กับพระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมาชาวบ้านคำแคนเห็นพระอาจารย์จวน ธุดงภ์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอารธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอก

    ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ ชาวบ้านนาคำแคนได้มาช่วยกันสร้างบันได้ขึ้นภูทอก จนถึงชั้นที่ ๕-๖ และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง ๒ เดือน ๑๐ วันจึงเสร็จ

    ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๓-๒๕๑๔ พระอาจารย์จวน กุลเชตุโฐ ได้ชักชวนชาวบ้าน สร้างทำนบกั้นน้ำขึ้น ๒ แห่ง เพื่อใช้เก็บกักน้ำและจัดระบบน้ำประปาขึ้นภายในวัดภูทอก

    นอกจากนั้น กองทัพอากาศดอนเมืองได้ถวายเครื่องไฟฟ้าแรงสูง สำหรับใช้ภายในวัด ๑ เครื่อง กรมวิเทศสหการได้ถวายพระพุทธรูป หล่อขนาดใหญ่เป็นประธาน ๑ องค์ ไว้ที่วิหารชั้น ๕ และบรรดาญาติโยมได้ช่วยกันสมทบทุนสร้างโรงฉันและศาลาที่ชั้น ๑ หลัง พร้อมกับการก่อสร้างสะพานลอยฟ้าไปรอบ ๆ ภูทอกในชั้นที่ ๕ และชั้นที่ ๖ และได้สร้างสถานที่บำเพ็ญเพียรภาวนาแทรกไว้ตามจุดต่าง ๆ โดยรอบหน้าผา สิ้นค่าก่อสร้าง ๔๕,๐๐๐ บาท ซึ่งการก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้เนื้อแข็ง ๒ ท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไปแล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานที่ละช่วง ๆ ละประมาณ ๑ เมตรเศษ ระหว่างคาน จะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง และเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๓ พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐได้รับนิมนต์ไปกรุงเทพฯ และได้ประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตกถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ ๕๙ ปี ๙ เดือน ๑๘ วัน ๓๘ พรรษา

    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ ได้ปรับปรุงการสร้างสะพานในชั้นที่ ๕ โดยทำทางเดินให้เสมอกันและขยายให้กว้างขึ้น

    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ ได้ปรับปรุงสะพานในชั้นที่ ๖ และทำสะพานในชั้นที่ ๔ ให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี


    ปีพุทธศักราช ๒๕๑๙ ได้จัดทำนบกั้นน้ำในเขตวัดและจัดทำถังน้ำบนภูเขาในชั้นที่ ๕ และกุฎิพระภิกษุ สามเณร กุฎิแม่ชี บนชะง่อนเขาในชั้นที่ ๕ เพื่อให้ญาติโยมได้พักอาศัยด้วย


    ปีพุทธศักราช ๒๕๒๓ ได้จัดทำถนนรอบภูเขา ๓ ลูก คือ ภูทอกน้อย ภูทอกใหญ่ และภูสิงห์น้อยเพื่อ เป็นการกั้นเขตแดนวัด


    บันไดขึ้นภูทอก
    การขึ้นภูทอกนั้น ท่านพระอาจารย์จวนเริ่มก่อสร้างบันไดไม้สำหรับไต่ขึ้นไปในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ซึ่งมีทั้งหมด ๗ ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง ๕ ปีเต็ม บันไดทั้ง ๗ ชั้น แตกต่างกัน ดังนี้

    ชั้นที่ ๑ เมื่อนักแสวงบุญเดินผ่านประตูสวรรค์เข้าไป แม้จะไม่มีป้ายบอก แต่ก็ถือว่าเข้ามาอยู่ในอาณาบริเวณชั้นที่ ๑ แล้ว ชั้นที่หนึ่งนี้นักแสวงบุญจะได้สัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิดนานาพันธุ์

    ชั้นที่ ๒ เป็นบันไดไม้ยาวทอดรับจากชั้นที่ ๑ เมื่อเดินตามสะพานไม้ไปเรื่อย ๆจะเห็นสถานีวิทยุชุมชนของวัดอยู่ด้านขวามือ ชั้นที่หนึ่งและสองมีทัศนียภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก

    ชั้นที่ ๓ เป็นสะพานเวียนรอบเขา สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน สุดทางชั้นที่ ๓ มีทางแยกสองทาง ทางซ้ายมือเป็นทางลัดผ่านชั้น ๔ ไปสู่ชั้นที่ ๕ ได้เลยซึ่งเป็นทางค่อนข้างชัน ผ่านซอกหินที่มีลักษณะเหมือนอุโมงค์ ส่วนทางขวามือเป็นทางขึ้นสู่ชั้นที่ ๔ แล้ววกขึ้นชั้นที่ ๕ เป็นทางอ้อม (ขอแนะนำว่าควรขึ้นทางนี้ แล้วลงทางนั้น (ทางลัด)

    ชั้นที่ ๔ เป็นสะพานลอยไต่เวียนรอบเขา มองไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเตี้ย ๆ สลับกัน เรียกว่า “ดงชมพู” ทิศตะวันออกจดกับภูลังกา เขตอำเภอเซกา ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดิบ มีแม่น้ำลำธารหลายสายไหลผ่าน มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมีฝูงกามาอาศัยอยู่มาก จึงเรียกกันว่า ภูรังกา แล้วเพี้ยนมาเป็นภูลังกาในที่สุด ชั้นที่ ๔ นี้ จะเป็นที่พักของแม่ชี รอบชั้นมีระยะทางประมาณ ๔๐๐ เมตร มีที่พักผ่อนระหว่างทางเป็นระยะ ๆ

    ชั้นที่ ๕ หรือชั้นกลาง เป็นชั้นที่สำคัญที่สุดแต่ไม่ได้สวยที่สุด (สวยที่สุดคือชั้น ๖) มีศาลากลางและกุฏิที่อาศัยของพระ และเป็นที่เก็บศพของพระอาจารย์จวนไว้ด้วย ตามช่องทางเดินจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ เช่น ถ้ำเหล็กไหล ถ้ำแก้ว ถ้ำฤาษี ฯลฯ ตลอดเส้นทางสู่ชั้นที่ ๖ มีที่พักเป็นลานกว้างอยู่ราว ๒๐ แห่ง มีหน้าผาชื่อต่าง ๆ กัน เช่น ผาเทพนิมิตร ผาหัวช้าง ผาเทพสถิต ฯลฯ ถ้ามาทางด้านเหนือจะเห็นสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหาร อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย มองออกไปจะเห็นแนวของภูทอกใหญ่อย่างชัดเจน และมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ ๖

    พุทธวิหาร แปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้ตรัสรู้แล้ว เป็น สถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่พระอริยหลายองค์มาพักผ่อนและละ สังขารที่นี่ มีลักษณะที่แปลกและน่าอัศจรรย์ที่สุด คล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร

    ในอดีตก่อนที่จะมีการสร้างสะพานไม้เชื่อมต่อ บุคคลธรรมดาไม่อาจข้ามมาที่พุทธวิหารได้ เพราะมีหุบเหวขวางกั้น แต่มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่งที่สามารถปรากฎตัวที่พุทธวิหารได้ คือพระอรหันต์และท่านผู้ทรงอภิญญา ท่านเหล่านี้จะมาพักผ่อนที่พุทธวิหารเองโดยการเดินบนอากาศหรือเหาะข้ามมา เพราะต้องการปลีกวิเวกและไม่ให้ใครมารบกวนได้ ดังนั้น หินประหลาดก้อนนี้จึงถูกเรียกว่า พุทธวิหาร ซึ่งแปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้บรรลุแล้ว

    ในปัจจุบันแม้ว่าจะมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหารแล้วก็ ตาม แต่นักแสวงบุญทั่วไปก็ไม่อาจเข้าไปสัมผัสพุทธวิหารใกล้ชิดกว่านี้ได้เพราะ ทางวัดปิดประตูไว้เนื่องจากเทวดาที่รักษาพระบรมสารีริกธาตุทนเหม็นกลิ่นสาบ มนุษย์ไม่ไหว ทางวัดจึงอนุญาตให้นักแสวงบุญมาได้แค่ปากประตูเท่านั้น

    ความอัศจรรย์ของพุทธวิหาร คือ หินก้อนนี้แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่แล้ว แต่ไม่ตกลงมาเพราะตั้งอยู่ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี ข้อนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่รู้ เพราะไม่ค่อยสังเกต หากอยากเห็นชัด ๆ ให้เดินมาที่ฐานของพุทธวิหาร จะเห็นได้ชัดหรือสังเกตุดูที่ภาพถ่ายก็ได้ การที่พุทธวิหารตั้งอยู่ได้โดยไม่ตกลงมาถือได้ว่าน่าอัศจรรย์พอ ๆ กันกับพระธาตุอินทร์แขวน

    สะพานหิน ยาวทอดตัวออกมาจากภูทอกยื่นออกมาทางพุทธวิหาร เมื่อยืนบนสะพานหินจะสามารถมองเห็นภูทอกใหญ่และมองเห็นทัศนียภาพสองฟากฝั่ง ได้อย่างชัดเจนรวมทั้งสูดอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยคล้ายกับอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ มิปาน

    สะพานไม้ มีความยาวประมาณ ๑๐ เมตร เป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินและพุทธวิหาร เป็นดุจสิ่งที่เชื่อมต่อโลกสวรรค์และแดนนิพพานเข้าด้วยกัน เมื่อยืนอยู่บนสะพานไม้แล้วมองลงไปด้านล่าง จะเห็นแต่ต้นไม้และหุบเหวที่ลึกสุดหยั่งจะทำให้ทราบว่า บุคคลที่สามารถข้ามจากสะพานหินเพื่อไปบำเพ็ญเพียรหรือพักผ่อนที่พุทธวิหาร ได้ ต้องมิใช่บุคคลธรรมดา


    ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย/ภูทอก
     
  20. irisenie

    irisenie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +16
    ทริป 17 ภูทอก ผู้โอน irisenie
    วันที่ 24 /7 /55 เวลา 18:32 A02016
    จำนวนเงิน 2900
     

แชร์หน้านี้

Loading...