ขอ ระบายความอึดอัดใจหน่อยค่ะ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย ออมแอมป์, 8 กรกฎาคม 2012.

  1. ออมแอมป์

    ออมแอมป์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +49
    เนื่องจากแฟนเราเป็นคนประหยัด มากๆๆๆ หากเราจะใช้เงินซื้ออะไรเช่น ซื้อขนมเค็ก ไอติม ก็จะบอกว่าอย่าซื้อเลยมันเปลือง...เฮ่อ ให้เราใช้เงินอย่างประหยัด ซึ่งเราก็ไม่ได้ใช้ซื้ออะไรไร้สาระเลย เส์้อผ้า เครื่องแต่งตัวก็ไม่ซื้อยังจะบ่นเรื่อยจนกระทั่งบ่นว่าเราให้ประหยัด..เก็บเงินไว้ เราก็เลยแซวกลับไปว่า...."เก็บไว้ซื้อเหล้ากินดีกว่าใช่ป่ะ." เท่านั้นแหละงานเข้าเลย...โกรธทำบึ้งตึงไม่พูดไม่จา
    เราก้อบอกแล้วว่าเราล้อเล่น...ก้อยังโกรธไม่เลิก..เฮ่อ..เครียดจัง พูดอะไรก้อผิด
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    บุคคลผู้ทำบุญแล้วนึกเสียดายในภายหลัง ย่อมได้วิบากคือแม้มีทรัพย์หรือสิ่งดีประณีตควรแก่การบริโภคก็ไม่ยินดี หรือบริโภคได้ไม่เต็มที่ บางรายเก็บของดีๆไว้จนเน่าหรือเสียหรือพังเสียก่อนแล้วจึงนำมาบริโภคใช้สอย.. บางรายนิยมใช้แต่ของเก่่าจนตายทั้งๆที่มีเงินเก็บเป็นร้อยล้่าน เรื่องเช่นนี้ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ในการเเสดงถึงความวิจิตรแห่งเจตนาหรือกรรมอันตนสั่งสมมาทั้งนั้น หาไ้ด้เกิดด้วยความบังเอิญไม่...

    ส่วนท่านจขกท กำลังประสบกับวิบากคือความจำกัดในการใช้จ่าย ผลนี้ย่อมชี้ถึงเหตุเก่าคือตนเคยตระหนี่ไม่นิยมให้บริวารชนได้ใช้จ่ายแม้เพียงเพื่อซื้อหาปัจจัย๔มาบริโภค กรรมเช่นนั้นจึงชักนำให้ต้องมาอยู่กับคนที่ตระหนี่เช่นนี้ ..น่าเห็นใจครับ ...และยิ่งทำให้สงสัยหนักขึ้นไปอีกว่า แฟนนั้นชอบปฏิบัติธรรมเพื่อจุดประสงค์ใด.. เพียงเรื่องทานธรรมดาๆเกี่ยวกับความอยู่ดีมีสุขของภรรยาก็ยังไม่อาจปฏิบัติให้เหมาะสมได้ แล้วการเจริญกุศลขั้นภาวนาที่ต้องมีความละเอียดลึกซึ้งในการปฏิบัติจะทำได้ละหรือ?....

    อนึ่ง ท่านจขกท พึงตรวจสอบตนเองด้วยความซื่อตรงว่าตนมิได้เป็นคนมือเติบจริง แฟนจึงจำกัดการใช้จ่าย..เรื่องนี้คนภายนอกไม่ทราบข้อเท็จจริง การปรักปรำพร่ำบ่นถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของอีกฝ่าย..หากผิดไปจากเรื่องจริงก็มีโทษ แก่ตนจึงพึงไตร่ตรองพิจารณาให้แน่ครับ..


    เข้าใจว่าแฟนไม่ใช่คนใจกว้างที่จะยอมรับฟังความคิดเห็นของภรรยา เรื่องนี้ก็คงต้อง"ทำใจ"ยอมรับสภาพ และอดทนต่อไปเท่านั้น...เพราะการพูดคุยกันด้วยเหตุผลคงจบลงด้วยสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา เพราะแฟนเอาแต่ความรู้สึกตนเป็นใหญ่ แต่ไม่เอาเหตุผล ..ใครเล่าจะแก้ไขเขาได้ถ้าเขาไม่คิดแก้ไขตนเอง...?
     
  3. ออมแอมป์

    ออมแอมป์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +49
    ขอระบายต่อ...

    ขอบคุณในการที่คุณddman เข้ามาอ่านในกระทู้และตอบให้ความเห็น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แต่ก่อนนี้ เราเป็นคนทำงานนอกบ้านมีรายได้เอง การซื้อของใช้จ่ายเงินทอง ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย มีการไปสังสรรค์เฮฮา กับพี่น้อง เพื่อน นานๆครั้ง
    หากแต่เมื่อ..เกิดความเบื่อหน่ายต่อสังคม การทำงานจึงลาออกเพราะคิดว่า เรามีรายได้นิดหน่อย จากค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าคอนโด ก็น่าจะพอที่จะไม่ต้องดิ้นรนออกไปทำงานนอกบ้าน อีกทั้งแฟนเราก็อไม่ทำงานมานับ 10 ปีแล้ว...เรามีกันแค่ 2 คน 2ปากท้องจะต้องอดไปถึงไหน... เที่ยวก้อง่ายๆๆ ไม่ฟู่ฟ่า ไม่หรูหรา ก็นั่งนึกดูแล้วว่า เราไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเลย ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่คิดว่าเป็นเพราะครอบครัวแฟนเป็นคนจีน อีกทั้งเราเป็นคนไทย การดำรงชีวิตต่างกัน ครอบครัวเค้าให้เก็บเงินอย่างเดียวไม่ใช้จ่าย ซึ่งมันก้อดี แต่ก้อต้องนึกถึงคนข้างๆๆ คุณด้วย...
    ดิฉันยอมรับในวิบากกรรมนี้ และยินดีรับกรรมต่อไป คิดเสมอว่าเราเคยทำคนอื่นเค้าอดอยาก เราจึงต้องมาทนสภาพนี้.....ต้องขอบคุณมากๆๆๆ.ในคำแนะนำ
     
  4. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
  5. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    คุณลองมองย้อนดูปัญหาที่เกิดก่อนนะครับ

    1. ปัญญหาแรก คือ มันเกิดที่คุณเสพย์อารมณ์ความไม่พอใจยินดีที่แฟนคุณพูดคุยด้วยใช่มั้ยครับ
    2. ปัญหาต่อมา คือ ความคิดที่จะกระทำตอบสนองคำพูดนั้นใช่มั้ยครับ
    3. ปัญหาสุดท้าย คือ การพูดจาของคุณใช่มั้ยครับ

    เพราะมีเหตุทั้ง 3 ข้อนี้ ทำให้คุณกับแฟนทะเลาะกันใช่มั้ยครับ

    ทางแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำซากขึ้นอีกนั้นคือ

    1. เริ่มที่ตัดความเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีของคุณก่อนน่ะครับ โดยละความติดข้องใจกับสิ่งใดๆที่มากระทบทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ด้วยการเปิดใจกว้างของคุณเองแล้วยอมรับฟังมากขึ้น
    2. ไม่ว่าคุณจะได้รับฟังอย่างไรมา เป็นน้ำเสียงที่ขุ่นมัวหรือแจ่มใสอย่างไรก็ตาม ให้คุณรับรู้คิดในแง่ที่ดีๆงามๆไว้ก่อนนะครับ เช่นว่าแฟนคุณอาจจะมีเรื่องทุกข์ร้อนไม่สบายใจอยู่ หรือ แฟนคุณอาจจะมีสาเหตุบางประการจึงทำให้คิดเช่นนี้ขึ้นมาแล้วพูดกล่าวกับคุณในแบบนั้นๆ แล้วลองพูดคุยกับแฟนคุณเพื่อดูเหตุและผลของแฟนคุณที่อยากให้ทำ คุณก็จะมีความอดทนที่เรียกว่าขันติเป็นความทนได้ทนไว้ด้วยสภาพจิตใจที่ไม่มีความขัดเคืองขุ่นมัว จนเข้าสู่สภาพความมีใจวางเฉยกับคำพูดมากขึ้น
    3. ให้พึงตระหนักอย่างนี้เสมอๆว่า ครอบครัวมันมีการทะเลาะเบาะแว้งเป็นธรรมดา อยู่ที่เรานั้นจะเว้นที่ว่างแล้วปรับตัวเข้าหากันได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าทำได้มากการขัดใจกันก็น้อย ถ้าทำได้น้อยการขัดใจกันนั้นย่อมมีมากครับ
    4. พึงเจริญสติอยู่เนืองๆโดยมองย้อนพิจารณาตน รู้จักหยุด รู้จักประมาณตน รู้จักพอ ดังนี้ครับ
    ๔.๑ รู้จักหยุด คือ รู้จักหยุดคิดก่อนที่จะลงมือทำอะไร ให้ใช้สติระลึกรู้พิจารณาก่อนจะลงมือทำอะไร ให้รู้แยกแยะถูก-ผิด แยกแยะดี-ชั่ว ให้พิจารณาถึง ผลดี-ผลเสีย ที่จะเกิดขึ้น หรือ ผลตอบกลับมาที่เราจะได้รับ ในสิ่งที่เรากำลังคิดที่จะ พูด หรือ ทำ ลงไป ก่อนที่เราจะกระทำสิ่งใดๆลงไป
    ๔.๒ รู้ประมาณตนเอง คือ ต้องมองย้อนดูตนเองว่าผิดพลาด บกพร่องตรงไหนบ้าง ไม่สำคัญตัวเองจนมากเกินไป เหมือนว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในทุกอย่างกับทุกคน แล้วพิจารณาแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น
    ๔.๓ รู้จักพอ คือ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ไม่ใช่ได้คืบจะเอาศอก ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ละโมบโลภมาก อย่าอยากได้ต้องการไม่รู้หยุด ถ้าไม่รู้จักพอก็จะยิ่งสืบสานทะยานอยากไม่สิ้นสุด พอไม่ได้ตามปารถนานั้นก้อเป็นทุกข์ คิดว่าสิ่งที่ตนมีอยู่ก็มีค่ามากแล้วไม่ควรละเลย
    - ตรงนี้จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้จักใช้สติ สัมปชัญญะ แยกแยะ ไต่ตรอง ตรึกนึก คำนึงถึง สิ่งที่ถูกที่ควรก่อนการลงมือกระทำการใดๆมากขึ้น
    5. พูดในสิ่งที่ดีงาม พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น รู้กาลอันควรที่จะพูด ไม่พูดจาพร่ำเพ้อ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดให้ร้ายทำร้ายเบียดเบียนใคร
    6. ไม่กระทำการใดๆที่เป็นการเบียดเบียนทำร้ายคนอื่น รู้กาลเทสะที่จะกระทำกิริยาท่าทางที่เหมาะสม

    - นี่คือแนวทางที่จะทำให้คุณ คิดดี พูดดี ทำดี หากคุณประพฤติเช่นนี้ได้ การทะเลาะกันก็จะน้อยลง เมื่อคุณทำได้ดีและเห็นผลแล้ว คุณก็ลองบอกแฟนคุณเจริญปฏิบัติตาม รับรองว่าชีวิตครอบครัวคุณจะมีแต่ความรัก ความเข้าใจกันและกัน และความสุขอย่างแน่นอนครับ
    - ลองมองดูนะครับว่าปัญหามีแค่ 3 ข้อ แต่หากผิดพลาดแล้วต้องมาแก้ไขอีกตั้งมากมาย ทีนี้คุณคงรู้ว่าไม่ควรกระทำให้ผิดพลาดในเหตุของปัญหาทั้ง 3 ข้อนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กรกฎาคม 2012
  6. ออมแอมป์

    ออมแอมป์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +49
    ต้องขอบคุณในคำแนะนำและสละเวลามาอ่านกระทู้นี้ค่ะ
    แต่ตัวเราเองย่อมรู้อยู่ว่า เราพูด เราทำอะไร และตัวเราก้อใช้ขันติตลอด หากก็ไม่เข้าในแฟนเราเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงได้เป็นคนเช่นนี้ ไม่มีเหตุผล ไม่เคยมองเราในแง่ดี แม้ฝนตก ฟ้าร้อง เราจะตกใจ กลัว ก้อดุว่าแล้ว ว่าไม่ต้องไปกลัว ทำใจแข็งๆไว้ สู้กับความกลัวซิ เนี่ยแหละแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก้อยังดุเราเลย ถึงทุกวันนี้ เราเองก้อได้แต่สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตาให้เค้า มีจิตใจที่คิดดีค่อเรา เข้าใจ เห็นใจเรา....
     
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เป็นธรรมดาของบุคคลทั่วไปที่มีอำนาจเป็นใหญ่ จะด้วยกำลังหรือทรัพย์สิน ย่อมนิยมแสดงความเป็นใหญ่ด้วยอาการต่างๆ ยิ่งหากบริวารเป็นผู้นิยมสันติ ไม่โต้ตอบและยินยอมด้วยอาการสงบ บุคคลเหล่านี้ก็จะสามารถบริหารการสำแดงอำนาจในการควบคุมจัดการห้ามปรามหรือจำกัดสิ่งต่างๆไปตามที่ตนคิดเห็น โดยไม่ติดขัด ว่าเหมาะควรและเป็นประโยชน์... หากบุคคลเหล่านี้เคยสั่งสม"โยนิโสมนัสสิการ"หรือความฉลาดคิดมาก่อน เขาย่อมทราบวิธีบริหารความเป็นใหญ่ในการจัดสรรค์หรือบริหารให้บริวารอยู่เป็นสุขได้"ด้วยธรรม"....เขาย่อมไม่ตกไปสู่พฤติกรรมอันเป็นสิ่งที่"โลกติเตียน"(โลกวัชชะ)

    ...แต่หากเขามิได้เสพส้องอุปนิสัยแห่งการมี"โยนิโสมนัสสิการ"มาก่ิอน หรือมี....แต่อ่อนกำลังไป...ด้วยอำนาจการคบคุ้นกับพาลชนผู้นิยมการเบียดเบียนผู้อื่น เขาก็ย่อมแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่ายินดีในการบริหารจัดการ..อันยังความอึดอัดคับข้องมาสู่บริวารเป็นอันมาก.. อันเรื่องอุปนิสัยสันดานนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขได้โดยง่าย..เพราะเข้าถึงความแน่นหนาแข็งแรงยากที่จะถอนทำลาย แม้ขนาดพระอรหันต์ทั้งหลายผู้สามารถทำลาย อาสวะกิเลสทั้งมวลได้ก็ยังไม่อาจทำลาย"สันดาน"ที่ตนเคยชินมานับชาติไม่ถ้วนเช่นพระสารีบุตรยัง"กระโดด"ข้ามร่องน้ำ อันเป็นกิริยาที่ไม่งามเพราะเคยเกิดเป็นลิงมา๕๐๐ชาติ หรือพระปิลินทวัจฉะ ผู้นิยมเรียกคนอื่นๆว่า"ไอ้ถ่อย"เพราะเกิดเป็นคนมั่งมี มีมานะกล้า นิยมใช้วาจาหยาบเรียกคนอื่นว่าไ้อ้ถ่อยมาจนชินเป็นต้น ฯลฯ....

    เรื่องนี้ ท่านจขกท พึงเข้าใจที่มาที่ไปของพฤติกรรมของสามีตามหลักการแห่งพระอภิธรรมตามนี้..

    อนึ่ง เมื่อท่านจขกท นิยมใช้ขันติ อันนับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว ก็พึงเพ่งเล็งเอาแต่ส่วนที่ดีของสามีที่มีอยู่ เช่นคิดถึงความที่สามีเลี้ยงดูเรา หรือมีอุปการะแก่เรา ในบางเวลาสามีก็มีความอ่อนโยนรักใคร่เรามิใช่หรือ? หรือเราก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่อมีสามีคอยปกป้องคุ้มครอง หรือความดีอื่นๆที่สามีมีจริง(ไม่ใช่ฝันเอา)..ฯลฯ

    อีกประการหนึ่ง ที่ท่านจขกทต้องเข้าใจให้ดีคือ วิบากกรรมของท่านจขกท เองที่ชักนำให้ต้องพบพฤติกรรมที่ไม่น่าปรารถนาของสามี ในขณะที่สามีอาจจะเอื้อเฟื้อหรือใจกว้างกับกลุ่มคนอื่นๆ ลองพิจารณาดูดีๆนะครับว่า สิ่งที่ทำให้ เกิดความแตกต่างกันนี้ เป็นด้วยเหตุผลใด หากไม่ใช่เพราะอำนาจ"กรรม"ที่จัดสรรค์ให้เป็นไป?...สิ่งทั้งปวงล้วนไหลมาแต่เหตุทั้งสิ้น หาได้เกิดเพราะฟลุ็ค บังเิอิญหรือพระเจ้าบันดาลไม่..นี้เป็นความจริงสากลที่ไม่ขึ้นกับความเชื่อหรือศาสนาใด เพราะเป็นความจริงสูงสุดที่มีในธรรมชาติ..

    การที่เราจะคาดหวังว่าใครๆจะดีได้๑๐๐%ดังที่ใจเราปรารถนานั้น เป็นไปไม่ได้แ่น่ แม้ตัวเราเองก็เถิด ยังไม่อาจบังคับบัญชาให้ตนทำอะไรๆโดยไม่ขัดใจตนได้ตลอดเวลาเลย ลองตรองดูดีๆจะพบว่าบ่อยครั้ง ทีเดียวที่เป็นเช่นนั้น..

    อภัยและเมตตาสามีทุกครั้งที่ประสบผัสสะที่ไม่น่าปรารถนา นึกถึงสิ่งดีๆของเขาให้มาก ว่ากันที่จริง สามีนั้นน่าสงสารที่ทำสิ่งที่จะนำผลอันไม่น่านิยมมาสู่ตน ท่านจขกท กำลังใช้ผลวิบากจากกรรมเก่า เมื่อใช้เเล้วย่อมลดหรือหมดไป ส่วนสามีนั้นกำลังทำกรรมใหม่อยู่ ผลนั้นย่อมเกิดตามมาให้ได้รับเสมอ..

    น่าจะชวนสามีไปทำบุญหรือฟังธรรมบ้างตามกาลนะครับ..
     
  8. yaka

    yaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +1,384
    ขออนุโมทนา เข้าไปอ่านหลายกระทู้และการเม้นและตอบของคุณเวลาอ่านแล้วรู้สึกดีเป็นกรณีพิเศษ ชื่นชมค่ะ สาธุๆๆ

     
  9. milokp

    milokp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +12
    อารมณ์ที่เกิดข้อขัดแย้งนี้มักจะเป็นการแสดงถึงการเอาคืน ทำให้คุณทั้งสองคนมีเรื่องที่ผูกใจกันอย่างไม่คลาย น่าจะมาเริ่มที่ตัวเราด้วยการเปลี่ยนวิธีการพูด ฝึกวิธีการพูดใหม่โดยการคิดบวก อย่าเพิ่งโต้ตอบด้วยคำพูด ช่วงแรกๆ อาจเก็บไว้ในใจแต่ไม่ต้องไปคิดมาก เราเป็นผู้เริ่มที่ดี เดี๋ยวเราและสถานการณ์จะดีขึ้นไปเองครับ เมื่อสร้างเหตุปัจจัยที่ดีเป็นต้นทางแล้ว ต้องมีผลที่ดีเป็นปลายทางเช่นกันครับ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...