การเตรียมตัว เตรียมใจ ไปสู่ยุคภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 12 มีนาคม 2012.

  1. Lek_topmast

    Lek_topmast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +131
    สวัสดีค่ะ คุณ Aunyasit / คุณเกษม / คุณ Sonk ดีใจอย่างมากค่ะที่ได้กลับมาสนทนากับคุณ Aunyasit ขอแบ่งปันในข้อมูลที่ตัวเองทราบมา - ภัยพิบัติเกิดแน่นอนไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่วันเวลาไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่สิ่งที่พระมหาจักรพรรดิ์ ระบุไว้คือ รหัสเลข 11 วันที่เกิดภัยพิบัติที่เกิดมาในอดีตจนปัจจุบันจะมีเลขนี้เข้าเกี่ยวข้องเสมอ และเลข 11 ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทั่วโลก คือวันที่เกิดจุดดับ ในดวงอาทิตย์ 11 จุด ตามที่ดร.ก้องภพ อยู่เย็น กำลังศึกษาอยู่เพราะโลกเรามีสนามแม่เหล็ก พระมหาจักรพรรดิ์ท่านทรงอนุญาติให้มนุษย์ต่างดาวที่มีความถนัดในเรื่องสนามแม่เหล็ก เป็นผู้ดำเนินการในวันที่เกิดภัยพิบัติที่เกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ครบ 11 จุด เพราะแกนโลกได้เคลื่อนออกจากจุดเดิมซึ่งมีผลกระทบกับวงโคจรดาวอื่นๆ ในทางช้างเผือก ต้องปรับให้สมดุล และเป็นการต้อนรับพลังงานใหม่ที่เกิดขึ้น เพราะพระอริยศรีเมตตรัยจะบังเกิดที่ประเทศไทย พระมหาจักรพรรดิ์ทรงให้มนุษย์ต่างดาวที่มีถนัดในเรื่องสนามแม่เหล็ก และให้รูปธรรมชั้นสูง เข้ามาเปลี่ยนแปลงบนโลก ตึกสูง จะไม่เหลือให้เห็น จะคงไว้ตึกที่สูงไม่เกิน 3 ชั้น และทำการฝังกลบ ระเบิดนิวเคลีย ในทุกประทศที่ผลิตไว้เพื่อต่อลองในการทำสงคราม ลงใต้ดิน และกลบเศษขยะเทคโนโลยีทั้งหมด อเมริกาจะถูกพลิกแผ่นดินเพื่อฝังระเบิดบนผิวดินลงใต้ดินและเมืองแอตแลนติส จะกลับขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่ใช่พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระเพลิง พระพาย (องค์ทั้ง 4 จะปฏิบัติการณ์ในเรื่องเจ้ากรรม นายเวรของมนุษย์ เข้ามาจัดการกับคนที่ทำบาปกรรมไว้โดยเฉพาะ) ดังนั้นวันที่เกิดภัยพิบัติ 49 วันห้ามเด็ดขาดออกจากสถานที่ ที่หลบภัยและอย่าใจอ่อนเด็ดขาดถ้าใครเข้ามาเคาะประตูบ้านเรา เนื่องจากช่วงเวลานี้มนุษย์ทุกท่านกำลังจะถูก กากบาท ถูก / ผิดไว้ที่หน้าผาก ซึ่งองค์ทั้ง 4 รวมทั้งท่านท้าวเวสสุวรรณ จะมาเก็บไม่ผิดตัวในวันชำระกรรม บุคคลที่ต้องตายในวันเกิดภัยพิบัติ 49 วันจะแยกออก 7 จำพวก
    1/ หนักโลกรกแผ่นดิน จิดวิญญาณแตกระเบิด กลายเป็นคลื่นพลังงาน
    2/ ทำลายระบบสมดุลโลก มีความโลภ ลงนรกโลกันต์
    3/ โง่งมงายไม่ใฝ่ดี ปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
    4/ ไม่รู้คุณค่าความเป็นมนุษย์และพระ นักบวช ผิดศีล สอนธรรมะผิด ลงนรกขุมที่ 13
    5/ ชำระกรรมหมดสิ้น เชื่อมั่นในพระศาสดา แสดงปณิภาณแห่งนิพพานตายไปนิพพาน
    6/ มีผลกรรมไม่เกิน 30% เป็นคนดีเชื่อมั่นในพระศาสดา ตายไปแล้วเกิดใหม่ กรรมเป็นศูนย์
    7/ ผู้ที่มีจิตอาสา เชื่อมั่นนิพพาน ช่วยมนุษย์และโลกเหลือผลกรรมไม่เกิน 30% ช่วยชาวโลกให้รอดตาย ยังมีชีวิตอยู่หลัง 49 วัน กรรมเป็นศูนย์
    รูปธรรมชั้นสูงที่พระมหาจักรพรรดิ์ เคยให้ปฏิบัติการณ์บนโลก จะเห็นบ่อยในอเมริกา เกิด ทอนาโด 100 ลูกในวันเดียว เกิดพายุเฮอลิเคน สำหรับตัวเรานั้นต้องให้เตรียมเสื้อผ้ากันหนาว ที่อุดหู และยา แต่เรื่องอาหารเผื่อไว้เป็นอาหารที่เป็นแท่ง พกง่ายเพราะอาหารที่เตรียมไว้เช่นข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง จะถูกน้ำพัดพา และจะหาที่ทำอาหารไม่ได้ และขอให้ทุกท่านมีมหาสติ - รู้สติ มีสติ ใช้สติ สงบ สำรวม สมาธิ ในวันที่เกิดภัยพิบัติ
    ต้องเชื่อมั่นในพระมหาจักรพรรดิ์ ในการชำระกรรมครั้งนี้ วันที่เกิดภัยพิบัติคือวันที่ดวงอาทิตย์เกิดจุดดับครบ 11 จุด วันที่เหลือขอให้ทุกท่านตั้งอยู่ในเส้นทางนิพพานเพื่อการรู้แจ้งของอริยมรรค (ทางลัดเพื่อนิพพาน)
    1/มีอุเบกขา ไม่ตอบสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน พร้อมเผชิญ ไม่หลีกเลี่ยง การวางเฉยรู้ว่ามีเงื่อไขที่ขวางอยู่ รับรู้ไม่รับเอา ฟังเฉยๆ ไม่ให้จิตกระเพื่อม เพื่อการยุติกรรม
    2/ มีมหาสติ รู้สติ มีสติ ใช้สติ สงบ สำรวม สมาธิ เพื่อการกั้นกรรม เพื่อการแก้ไขกรรมเก่า
    3/ มีดำริรัก - รักมันให้ได้ (รักแบบแบ่งปัน เสียสละ, รักแบบอดทน อดกลั้นให้อภัย, รักแบบพรหมวิหาร 4 แบ่งปัน) รู้จักให้เป็น (ทรัพย์, ให้โอกาส, ความหวัง, กำลังใจ) ไม่ก้าวล่วงผู้ใดแม้กระทั่งตนเอง เพื่อการพ้นกรรม ข้ามพ้นกฏแห่งกรรม
    4/มีเลือดนักสู้ ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่ทน ไม่ทิ้ง นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง มีโลกเป็อภิมหาลูกนิมิต มีจิตเป็นมหาวิหาร มีปัญญาญาณเป็นมหาเจดีย์ มีกายสังขารเป็นมหาอาราม เพื่อการพัฒนาตนเอง
    5/มีปณิภาณแห่งนิพพาน คนตนเองให้เป็นมนุษย์ มีจิตตรงต่อพระมหาจักรพรรดิ์และพระพุทธเจ้า เพื่อการหลุดพ้น
    ที่กล่าวมาทั้ง 5 ข้อเป็นเส้นทางลัดที่พระมหาจักพรรดิ์ทรงให้โอวาทกับคฤหัสถ์เพื่อเดินไปสู่นิพพาน เพื่อการหลุดพ้นกลับไปสู่แดนสูญญตาที่เป็นแดนเกิด กลับไปไหว้องค์พระมหาจักรพรรดิ์
     
  2. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
  3. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    invisible plane

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Nt_sypVuhSc]stealth plane -1.11.2012 invisible to the naked eye.wmv - YouTube[/ame]
    Wonder Woman, Your invisible plane is ready…
     
  4. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
     
  5. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    จุดมืดดวงอาทิตย์ หรือ จุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) คือ พื้นที่ส่วนหนึ่งบนชั้นโฟโตสเฟียร์ของดวงอาทิตย์ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ และมีสนามแม่เหล็กที่มีปั่นป่วนสูงมาก ซึ่งได้ทำให้เกิดการขัดขวางกระบวนการพาความร้อนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ เกิดเป็นพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีอุณหภูมิสูงถึง 4000-4500 เคลวิน เทียบกับบริเวณปกติโดยรอบที่มีอุณหภูมิประมาณ 5800 เคลวิน ถ้าเรานำจุดมืดออกมาจากดวงอาทิตย์มันจะสามารถเปล่งแสงสว่างได้มากกว่าแสงจากการเชื่อมเหล็ก เสียอีก จุดมืดยังเป็นสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์อีกมาก เช่น บ่วงโคโรนา (Coronal loop) และ การเชื่อมกันของสนามแม่เหล็ก (Magnetic reconnection) นอกจากนี้การระเบิดใหญ่บนดวงอาทิตย์ (Solar flare) และ การพ่นมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejection) ก็ยังเกิดขึ้นในบริเวณสนามแม่เหล็กรอบๆ จุดมืดอีกด้วย

    จำนวนของจุดมืดมีการเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างเป็นคาบ มีช่วงเวลาหนึ่งรอบประมาณสิบเอ็ดปี นอกจากนี้ยังมีรอบใหญ่ที่มีระยะเวลากว่าอีกด้วย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 ถึงทศวรรษที่ 2503 จะมีจำนวนจุดมืดโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ตั้งแต่ทศวรรษที่ 2503 เป็นต้นมาจุดมืดกลับมีแนวโน้มลดลง
    จำนวนของจุดมืดยังมีความสัมพันธ์กับการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (Solar radiation) อีกด้วย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 เป็นต้นมา ได้มีการส่งดาวเทียมวัดการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ออกสู่อวกาศ และทำให้เราทราบว่า เมื่อจุดมืดมีจำนวนมากจะทำให้การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์มีปริมาณลดลง อย่างไรก็ตาม บริเวณโดยรอบจุดมืดกลับมีความสว่างเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่า ในภาพรวมการที่ดวงอาทิตย์มีจุดมืดมากขึ้นจะทำให้ดวงอาทิตย์สว่างมากขึ้น แต่ความสว่างที่เพิ่มขึ้นนี้ก็น้อยมาก แค่ประมาณ 0.1% ของความสว่างตามปกติเท่านั้น
    ในระหว่าง ช่วงต่ำสุดมอนเดอร์ ในศตวรรษที่ 17 เป็นช่วงที่แทบจะไม่พบจุดมืดเลย ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับช่วงปีที่เรียกกันว่า "ยุคน้ำแข็งเล็กๆ" (Little Ice Age) ซึ่งอุณหภูมิทั่วโลกลดต่ำกว่าปกติ


    >> wikipedia.org
     
  6. Lek_topmast

    Lek_topmast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +131
     
  7. Lek_topmast

    Lek_topmast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +131
    คุณ hiflyer - ให้เข้าไปดูที่ สื่อพระโอวาท dvd ย้อนหลัง ในหัวข้อ 56 วัน 8 ราตรี และพลังจิตค้ำจุนโลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มิถุนายน 2012
  8. Sonk

    Sonk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +197
    ขอบคุณ คุณ Topmast ในการให้ข้อมูลที่น่าสนใจอีกมุมมองนึงครับ

    ตอนนี้ข้อมูลในความเชื่อเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ที่พี่อัญญาิสิทธิ์ พี่เกษม และ
    คุณ hiflyer คุณTopmast และหลายคนนำเสนอ แลกเปลี่ยนให้ศึกษากันนั้น ก็มีทั้งในมุมมองวิทยาศาสตร์ และมุมมองจิตวิญญาณ
    ขออนุญาติเสนอความคิดเห็นนะครับมุมมองที่คุณ Topmast บอกมาก็เป็นสถิติในเลขศาสตร์ แต่ก็จริงครับที่มีเหตุการณ์ต่างๆใหญ่โดยมาก เกี่ยวข้องกับตัวเลขนี้ 911 เครื่องบินพุ่งชนตึกเวริด์เทรด,
    March 11, 2011ซึนามิถล่มเซนได เป็นต้น
    บางทีที่คนเข้าพูดกันน่ะครับว่า เลขที่มีอิทธิพลในแง่ภัยพิบัติ คือเลข 1,7
    เลข 11 (ก็คือ double 1 ก็เพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น)
    ถ้าคนที่เชื่อในเลขศาสตร์ ก็จะเกี่ยวข้องกับอิทธิพลดวงดาวในการดำรงชีวิต
    เช่นกัน

    ตอนนี้ผมเองเพ่งไปยังเหตุการณ์ปลายปีเป็นต้นไปทั้งสิ้น (แต่ยังไงผมก็คิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายทางการเมืองต้องมาก่อนที่เราจะไปถึงเรื่องปลายปีน่ะครับ)
    ก่อนที่พี่อัญญาสิทธิ์ จะมาเสนอให้มุมมองเรื่องที่เราสนทนากันอยู่นี้
    ในมุมมองของผม ผมมีความเชื่อในศาสนาพุทธว่า พระบรมจักรพรรดิ์ พระมหาจักรพรรดิ์ และพระจุลจักรพรรค์ เป็นเหล่าคณะที่เป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์ธรรมดาอยู่แล้ว เสมือนหนึ่งทางเป็นผู้ทรงอภิญญาสามารถ แสดงอำนาจฤทธิ์เดชปรับและสร้างธาตุของมนุษย์เราได้อยู่แล้ว
    (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ท่านย่อมมีบัญชาให้พระเพลิง พระพาย พระคงคา พระธรณี ร่วมดำเินินการด้วยแหละครับ เพราะทุกๆจิต ผมคิดว่ามีอยู่จริง ไม่ใช่ตำนาน เพียงแต่ ผมเป็นคนธรรมดา เราไม่อาจพิสูจน์เห็นได้ด้วยตาเนื้อไงครับ และท่านพระจักรพรรดิ์ยังมีแก้ว ทั้ง 7 ประการรองรับบารมีท่านด้วย ซึ่งเคลื่อนที่มาในวาระที่โลกมนุษย์เราเจอภัยพิบัติด้วยนะสิครับ เรื่องท่านมอบหมายงานให้มนุษย์ต่างดาว ก็มีส่วนเป็นไปได้แต่ต้องอยู่ในขอบเขตสวรรค์ และกฎของจักรวาลในการคัดสรรผู้ทำหน้าที่ หรืออาจเป็นคณะพระบรมจักรพรรดิ์และชาวลับแลที่มีความสามารถก็กระทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามพุทธบัิญชาทั้งสิ้น เพราะอย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าไม่ว่าแต่ละท่านถืออุบัติขึ้นที่จักรวาลใด ท่านองค์นั้นย่อมเป็นผู้มีบารมีวิเศษ บำเพ็ญเพียรดี่ที่สุดและเคารพศรัทธาท่านเช่นเดียวกันในแต่ละดวงดาว
    อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเราคงหนีไม่พ้นที่ต้องเจอภัยพิบัติอย่างหนักหน่วงเวลาอันใกล้นี้ ในวาระกึ่งพุทธศาสานาแห่งพุทธเจ้าทุกพระองค์ในโลกเรา

    พูดถึงสหรัฐอเมริกา ผมสงสัยมากเลยครับ ว่ากลุ่มที่แอบอยู่เบื้องหลังที่ชื่อ Illuminatiที่มีมนุษย์ต่างดาวประเภทชั่วร้าย มีอยู่จริงๆเลยหรือ? ที่ครอบครองและอยู่เบื้องหลังฮิตเลอร์และสหรัฐได้ตั้งแต่ปี 1938 และเป็นผู้ที่ดำเินินแผนการให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆตามเลข 11 อยู่เสมอมา ทั้งการบังคับเรื่องเครื่องบินชนตึกเวอร์เทรด สินามิญี่ปุ่น แผ่นดินไหวในหลายประเทศ เพราะการวางระเบิดใต้ดิน ใต้ทะเล ซึ่งแผนต่อไป คือต้องการให้เกิดมหันตภัยทำลายโลก
    ในวันที 21/12/2012 (คิดดูนะครับ 21+12+2012 = 11 อีกแล้ว!!)

    ตอนนี้ครม. อาจมีมติให้รัฐบาลสหรัฐมาใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาได้
    เห็นได้ชัดเลยครับว่า ทุกเรื่องมันจะมาสัมพันธ์กันหมดแล้ว
    ส่วนตัวผมครุ่นคิดเลยครับว่า ต่อไปประเทศไทยจะเิป็นเช่นไร
    ภัยการเมือง+เรื่องต่างประเทศ ที่มีอเมริกาเป็นหัวโจ๊ก+ภัยธรรมชาติ
    แต่ประเทศไทยมีพระบรมโพธิสัตว์อยู่ ท่านทรงช่วยให้พวกเรารอดพ้นภัยไปได้หลายอย่างที่ผ่านมา แต่นี้ไปขึ้นอยู่กับพวกเราด้วยครับว่า พวกเราจะสามารถช่วยพระองค์ท่านได้ดีแค่ไหน และช่วยภาวนา สวดมนต์ ทำบุญได้ดีเพียงใดที่ทำให้เรื่องหนักที่ำกำลังจะเข้ามาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2012
  9. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ในระบบจักรวาลนี้ มีศาสตร์ต่างๆอีกมากมายทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยครับ ศาสน์ของพระพุทธองค์นั้นส่วนมากเป็นศาสน์ที่เปิดเผยแต่ก็ต้องมีเงื่อนไขเรื่องของบุญบารมีต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนศาสน์ที่เกี่ยวข้องกับพระจักรพรรดิ์นั้นท่านมักจะไม่เปิดเผย แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถเข้าใจได้ จากการสื่อความหมายในลักษณะจิตต่อจิตครับ สิ่งที่เราควรจะศึกษาเพิ่มเติมก็คือมนุษย์ผู้ที่มีอำนาจกุศลหรือมีบุญรองรับบารมีพระจักรพรรดิ์ในยุคนี้นั้นมีอยู่ที่ไหนบ้าง และมีคุณสมบัติอย่างไร คนพวกนี้จะรู้ว่ารูปภายในของพระจักรพรรดิ์เป็นอย่างไร ยานพาหนะของพระจักรพรรดิ์เป็นอย่างไร เป็นต้น เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะมีบทบาทต่อมนุษย์มากในยุคภัยพิบัติ บางครั้งเรามองพยายามศึกษาดวงดาวอันไกลโพ้น แต่เราลืมศึกษาสิ่งที่อยู่ใกล้ๆเรา เช่น ทวีปอีก 3 ทวีปหรืออีก 3 ด้านของเขาพระสุเมรุ ว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเราอย่างไรบ้าง

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านบอกกับผมว่า มนุษย์นั้นรู้เห็นได้จำกัด การเข้าถึงมิติภพภูมิหรือสิ่งที่อยู่รอบๆตัวนั้นยังมีข้อจำกัดมาก ท่านบอกว่ามีมิติและดวงดาวอีกมากที่ซ้อนกันอยู่ในมิติภพภูมิ ที่ส่งพลังและแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถรู้ได้ด้วยตามนุษย์เพราะธาตุของมิติภพภูมินั้นๆแตกต่างกับมนุษย์มาก การสื่อถึงกันระหว่างมิติภพภูมิจึงสามารถทำได้เฉพาะทางจิตเท่านั้น
     
  10. Lek_topmast

    Lek_topmast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +131
    คุณ Sonk - พระมหาจักรพรรดิ์ หรือองค์จิตจักรวาล ท่านเป็นผู้กำหนดให้มีการชำระกรรม ซึ่งบนโลกนี้เคยเกิดมาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งร้ายแรงกว่าครั้งใดๆ เนื่องจากคนมีจิตทราม ทำลายทุกอย่าง ที่เป็นธรรมชาติ เห็นแก่ตัว ดังนั้นรหัสเลข 11 จุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นตัวเลขสุดท้ายที่จะปิดพลังงานในยุคเก่า เพื่อไปสู่พลังงานยุคใหม่ ตามหมายกำหนดการของดร.ก้องภพ จะเกิดปลายปีนี้ แล้วก้อแปลกนะค่ะ มันก้อไปพันกับเลข 11 อีก คือว่า ทุกๆ 11 ปี พระอาทิตย์จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และในปีนี้ก้อครบ 11 ปีพอดี ตามข้อความของคุณ Aunyasit จะเกิดในเรื่องแสงสุริยะในเดือนพฤษภาคม แล้วก้อเกิดขึ้นจริง แต่รู้มัยว่า แสงสุริยะได้เข้ามาบนโลกในวันที่ 8 พฤษภาคมแล้วตกลงมาที่เหนือเส้นศูนย์สูตรในบริเวณเอเซียใต้ใกล้ประเทศไทย แสงสุริยะได้สลายไป เพราะมุมที่ตกลงมาได้สท้อนแสงออกไปและมีบารมีบางอย่างคุ้มครองไว้ แต่กลับไปเกิดแผ่นดินไหวทีอิตาลีแทน
    พระพุทธเจ้าสมณโคดม ทรงทราบอริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค รู้เหตุผล(อิทัปปจัยตา)การเกิด ดับ แล้วพระองค์ท่านใช้โพธิญาณ ทรงค้นพบ ความเป็นนิพพาน แล้วพระองค์ท่านตรัสเพื่อทุกคนรู้ว่าการทำให้จิตว่าง ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปทาน จะได้เข้าสู่แดนนิพพาน คือการใช้วิปัสสนากรรมฐาน จึงเป็นที่มาของคำว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ หลวงปู่พระพุทธทาส ท่านบอกลูกศิษย์ว่า ไม่จำเป็นที่ต้องสมาธิเข้าถึงญาณ 8 แค่ญาณ 4 ก็นิพพานได้ ส่วนการได้เจโตปริญาณ หรืออภิญญา เป็นเพียงแค่ของแถม ไม่สามารถเข้าถึงนิพพานได้ และพระมหาจักรพรรดิ์ หรือ องค์จิตจักรวาลต้องการให้มนุษย์ที่เกิดมาให้กลับไปแดนเกิดคือแดนนิพพาน ทางช้างเผือก ที่เรียกว่า milky way คนที่แปลภาษาแล้วเรียกทางช้างเผือก แปลผิดนะค่ะ ต้องเรียก ธารน้ำนม แล้วเส้นนี้แหละค่ะ ที่ไปแดนนิพพาน - แดนสูญญตา แต่ตอนนี้มนุษย์กำลังเหลวไหล ยึดติดอัตตาสร้างพระพุทธรูปกันมากมายเพื่อบุญบารมี หารู้มัยว่าเส้นทางนี้เกิด ตาย ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ แต่ไม่เคยหันมาดูตนเองเลย เราจะทำเช่นไรเพื่อไปนิพพาน นั่งหลับตาทำสมาธิเพื่อให้ความสงบ เท่านั้นเองหรือ ทำไมเราไม่ใช่ปัญญาญาณ เพื่อลดการยึดติดอัตตา ลดทิฐิ ลดตัณหา ลดกิเลส ลดอุปทานโดยใช้วิปัสสนาญาณ เพื่อการหลุดพ้น เรียกร้องหาวัตถุที่ยึดทางใจ แต่ไม่เคยสร้างจิตวิญญาณตนเอง ให้ตัวเองไว้ยึดเหนี่ยวเลย ถ้าวันที่เกิดภัยพิบัติ มีเสียงดังกัมปนาทจากแผ่นดินแตกภูเขาไประเบิด เสียงโหยห้วยจากอสูรกาย แล้วจะทำอย่างไร จะหวาดกลัวจนเสียสติใช่หรือไม่ เพราะคนเราขาดมหาสติ - มีสติ รู้สติ ใช้สติ เวลาเหลือสั้นเต็มทนแล้ว ขอให้ทุกท่าน หาทางไปนิพพานให้ได้เถอะค่ะ อย่าหลงทางอีกเลย บนโลกเราที่อยู่นี้ องค์จิตจักรวาลได้สร้างให้โลกมีพลังงานไฟฟ้ามีสนามแม่เหล็กขั้ว +/- จึงทำเกิดกฏเบต้าฟิสิกซ์ และกฏธรรมชาติเพื่อการทำสมดุลในทางช้างเผือก ถ้าสมมุติว่า ไม่มีวันชำระโลกเกิดขึ้น แต่เกิดสงครามนิวเคลียไปทั่วโลก โลกเสียสมดุล แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับวงโคจรกับดาวดวงอื่นในระบบทางช้างเผือก แล้วไปกระทบกับเอกภพอื่นๆ จะมีอะไรเหลืออยู่อีก
     
  11. tutuan

    tutuan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +98
    ถ้าพูดถึง เลข 11 มีคำทำนายอยู่อันหนึ่งน่ะครับ เห็นว่าเป็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า ดังนี้ คัดเฉพาะที่สำคัญนะครับ
    " เหตุการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมานั้น
    จะมีอยู่วันหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่สุด
    คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก
    เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะ
    อันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ 11

    มนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว
    บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล
    หลังจากนั้นไม่นานนักลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงฟ้า เสียงลม
    จะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด
    ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
    มันเป็นเสียงของมัจจะราชที่จะพิพากษาโลกในด้านความเป็นมนุษย์
    คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิต และจะตายอย่างทรมาน
    ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ
    ส่วนคนดีจะได้รับการยกเว้นเอาไว้
    ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป
    "

    คำทำนายที่เหลือลองดูตามลิงค์ ข้างล่างครับ

    คำทำนายภัยพิบัติโลก โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  12. Placebo

    Placebo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +91
    ไม่มีแน่นอนครับ ผมกล้าขอแหล่งที่มาของสารคดีเลยครับ

    จะมีก็แต่กระแสลือปลอมๆ หรือคลิปทำมาหลอกคนใน youtube ลักษณะเด่นๆ คือจะไม่ค่อยชัด ภาพออกแนวตัดต่อ CG เป็นต้นครับ

    เหตุผลดังนี้ครับ

    เครื่องบินในทางการทหารจะถูกจับได้โดย Radar ตั้งแต่ระยะหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งเป็นปกติของการรบสมัยนี้ซึ่งใช้อาวุธพิสัยไกลรัศมีนับร้อยกิโลเมตร ยิงกัน

    แข่งขันกันด้วยประสิทธิภาพของ Radar และระบบสื่อสาร

    ไม่ใช่การยิงกันแบบ Dogfight เหมือนสมัยโบราณ

    ถ้าเครื่องบินอยู่ในระยะสายตาเครื่องบินลำนั้นแหลกเหลวกลางอากาศไปก่อนตาจะมองเห็นครับ ไม่มีความจำเป็นต้องพรางตาจากสายตาปกติครับ

    ไม่เคยมีปรากฏ ไม่เคยมีข้อมูลครับ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    OKครับ...ไม่มีก็ไม่มี...ผมเข้าใจผิดไปเองครับ
     
  14. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ผมจะเน้นสิ่งที่พิสูจน์ได้ครับ ในความเห็นของผม วิทยาศาสตร์สามารถตอบคำถามได้ 99% ส่วนอีก 1% ( เรื่องจิต ) ผมขอละไว้ก่อน เรื่องมันยาว
    ส่วนความเชื่อในศาสตร์ตัวเลข ตัวเลขเป็นเรื่องใกล้ตัว ในชีวิตประจำวัน ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกสิ่งล้วนต้องเกี่ยวข้องกับตัวเลข ( 0-9 ) คนเราก้อชั่งเข้าข้างตัวเองจริงๆเลย

    คนที่คิดได้ จะรู้คำตอบของแต่ละเรื่อง แต่ละเหตูการณ์ ว่าทำไมถึงเป็นยังงั้น เป็นยังงี้
    แต่ต้องเปิดใจให้กว้างที่จะเข้าใจและยอมรับ และอย่าเอาความเชื่อมาเป็นกำแพงกั้น บิดเบือนข้อเท็จจริงเหล่านั้น

    ที่ผมพูดเช่นนี้ เพราะผมมี กาลามสูตรของพระพุทธองค์ เป็นเสาหลักแห่งความเชื่อครับ
     
  15. tutuan

    tutuan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +98
    ที่ผมเอาคำทำนายหลวงพ่อวัดท่าซุงมาลง คำทำนายนี้มีมานานแล้วนะครับ ท่านมรณะภาพตั้งแต่ปี 35 แล้วมั้ง ยุคนั้นอินเตอร์เน็ต ยังไม่มี ผมอยากจะถามว่่า มีใครรู้บ้างไหมครับว่าตอนนี้จุดดับบนดวงอาทิตย์ มีกี่จุด ผมรู้สึกว่าจะมี 11 จุดหรือเปล่า แล้วจะเพิ่มหรือน้อยลงกว่านี้ได้หรือเปล่า อย่าลืมนะครับว่าท่านมรณะภาพตั้งแต่ปี 35 ถ้าคำทำนายนี้มาจากตัวท่านเองก็น่าสนใจอยู่ ว่าท่านรู้ได้อย่างไร ผมก็มาทางสายวิทยาศาสตร์
    เหมือนกัน แต่ผมก็ศรัทธาในคำสอนพุทธองค์เช่นกัน
     
  16. Sonk

    Sonk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +197
    "คนเราถ้าิคิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะก็ ถึงมันจะอยู่ตรงหน้า ความเชื่อที่ว่า
    จะบังตาก็เลยทำให้มองไม่เห็นซะอย่างงั้น"

    ด้วยเหตุที่ศาสตร์วิทยาศาสตร์มีข้อจำกัดในการตอบคำถามหรือเสาะแสวงหา
    หลักฐานที่จะตอบทุกข้อสมมุติฐานต่างๆของมนุษย์ได้ ยกตัวอย่างนึงคือ
    ทำไมเราถึงมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของสสารหรือพลังงานใต้พิภพที่ลึกจนไปถึงแกนของโลก เราเคยเห็นกันมั้ยล่ะครับ ถ้าเราเห็นใต้พิภพมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างโดยรูปถ่ายหรือภาพจากอะไรก็ได้ที่เหมือนกับฉาย real time พิสูจน์ให้เราดู เราก็คงเห็นการเคลื่อนไหวของชั้นดินหิน แม็กม่า ลาวา ชั้นน้ำมัน แร่ธาตุ การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกได้โดยง่าย ทำไมเรามองไม่เห็นทั้งๆที่เราเองก็เหยียบพื้นดินอยู่ทุกวัน ขนาดมนุษย์โลกทุกคนเหยียบพื้นดินกันทุกวัน ไม่เคยมีผลพิสูจน์แบบปัจจุบันทุกวันว่าเบื้องล่างมีอะไร อย่างไงบ้าง ตรงกันข้าม
    ถ้ามนุษย์เห็นชัดเจน เราคงสามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ในเรื่องแผ่นดินไหว การระเบิดของภูเขาไฟ ให้เราปลอดภัยได้จริงมั้ย แต่ถ้าเราลองคิดต่อไปอีก สมมุติว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงของมัน แต่ในความสามารถของมนุษย์ในเชิงวิทยาศาสตร์จะสามารถควบคุมกับสสารหรือพลังงานบางอย่างเคลื่อนที่ใต้พิภพได้เชียวหรือ..ทุกอย่างเป็นหลักเหตุและผล เป็นธรรมอย่างหนึ่ง

    โดยมากมนุษย์มักเชื่อในสิ่งที่เห็น สิ่งที่พิสูจน์ได้ อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ มองไม่เห็นก็ไม่อยากเชื่อ ไม่ยอมรับ และแน่นอนความเชื่อทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่สามารถทำอะไรเราได้ ถ้าเรามีสติ มีสมองในการคิด ไตร่ตรอง พิจารณารอบคอบในหลายมิติ หลายเหตุผลด้วยตัวเอง จึงจะเกิดปัญญาขึ้นมาได้
    อย่าให้ความเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จิตใจเราปรุงแต่งมาบังตา ทำให้เรามองข้ามในสิ่งที่มันอาจมีอยู่จริง ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในตอนนี้ก็ตาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2012
  17. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    ขอแชร์ความเห็นนะครับ :

    แน่นอนครับ นั้นคือข้อจำกัด ทุกอย่างมีขอบเขตและข้อจำกัด แค่เราเดินหกล้มก็หัวแตกแล้วครับ การจะรู้ลึก รู้มากขนาดนั้น มันทำไม่ได้ครับ ไม่เหมือนปลอกเปลือกส้มที่จะมองเห็นทุกอย่างเลย มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบางเกือบจะที่สุด ไม่มีสัตว์ชนิดไหนในโลกที่กลัวผี นอกจากมนุษย์ ท่านทราบคำตอบไหมครับ (ผมก็ไม่ทราบครับ ) ความรู้ที่มนุษย์สั่งสมมาหลายพันปี มันเพียงน้อยนิดเท่านั้นเมื่อเทียบกับสิ่งที่เรายังไม่รู้บนโลกใบนี้

    คำว่า พิสูจน์ได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องรอให้เกิดก่อน ให้เห็นก่อน แต่ผมหมายถึงต้องสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ยกเมฆ อ้างนู้น อ้างนี่ ครับ

    แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์คือจินตนาการ ไม่ต้องรอให้เห็นก่อน ให้เกิดก่อน ก็สามารถคำนวณ หรือ คาดการณ์ผลลัพธ์ล่วงหน้าได้ เพราะอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เกิด ใครประสบการณ์ตรงเยอะหน่อย คิดลึก ตรึกตรอง ความถูกต้องก็จะสูงมาก ที่เหลือก็ลดลั่นลงไป

    เอาง่ายๆ รู้สึกจะมีคลิปวีดีโอ ที่บอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเดือนนี้ที่อ่าวไทย เพราะมีปลายักษ์ ขนาดยาว แปดพันกิโลเมตร 2 ตัว อยู่ใต้พื้นโลกพลิกตัว ประมาณเนี่ย
     
  18. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ความเชื่อมันพูดยาก ว่าทำไมไม่เชื่อ ทำไมถึงเชื่อ

    บางคนได้ข้อมูลเท่าๆกันกับอีกคน ก็เชื่อไม่เหมือนกัน

    เพื่อนผม หลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่วัยรุ่น

    และยังไม่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับหลายคนๆที่เชื่อว่า
    อเมริกาไม่ได้ไปดวงจันทร์จริง
    แต่ถ่ายทำในฮอลลีวูดแทน

    แต่เพื่อนผมมันพูดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนนู้นแล้วครับ
    ไม่รู้มันคิดได้ไง

    แปลกดี ที่ได้ยินจากมันเป็นคนแรกและคนเดียว

    และอีกหลายปีถึงมีฝรั่งบางคนออกมาประโคมข่าวเรือ่งนี้
     
  19. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    เท่าที่ผมเข้าใจ จุดดับบนดวงอาทิตย์ แท้ที่จริงคือบริเวณที่สว่างน้อยกว่าบริเวณข้างเคียง และเป็นภาวะชั่วคราว มีดับ มีเกิด สลับกัน ตำแหน่ง ไปเรื่อยครับ

    แต่ที่บอกว่า จุดดับ 11 จุด น่าจะหมายถึง เกิดพร้อมกัน ในด้านที่หันเข้าหาโลก
    ส่วนใหญ่ที่เคยเห็น ก็ 3จุดมั่ง 5มั่ง 7มั่ง ประมาณเนี่ยครับ

    แต่ถ้ารวมจำนวนจุดดับที่เคยบันทึกมา ( SOHO ) หมื่นกว่าจุดแล้วครับ ถึง 9999จุดแถวๆปี 2000 แล้วเริ่มนับ 0001 ใหม่ครับ ปัจจุบันนี้ก็ ลำดับที่ 1510 ครับ
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ความเห็นส่วนตัวคิดว่า จุดดับ 11 จุด คือ จุดดับใหญ่ ที่มีสนามแม่เหล็กแบบ Beta-Gamma-Delta ซึ่งมีศักยภาพในการเกิดการระเบิดใหญ่

    เพราะปกติจุดดับแต่ละวันก็มีค่อนข้างเยอะ แต่เป็นจุดเล็กๆ ไม่ค่อยจะมีผลมากนัก

    อย่างตอนแผนดินไหวญี่ปุ่น รู้สึกจะมีจุดดับใหญ่ 3 จุด
    อีกตัวอย่าง มีจุดดับ 11 จุด (ด้านเดียวกับโลก) แต่ก็ไม่มีผลมากนักเพราะเป็นจุดเล็กๆ

    ที่บอกมาเกิดจากการสังเกต และนำมาเทียบกับเหตุการณ์จริง

    Sunspots and active regions

    The following regions with sunspots can be now observed on the Sun's surface
    <table class="table_1" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <th width="1%"> Group number </th> <th width="10%"> Sunspots Location on the Sun </th> <th width="11%"> The number of spots in the group </th> <th width="20%"> The classification by the Zurich's modified system </th> <th width="30%"> Area (millions of shares of the solar hemisphere) </th> <th width="9%"> Group length (in degrees) </th> <th width="16%"> Carrington Longitude (in degrees) </th> <th class="last" width="1%"> Group's magnet type </th> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1164 </td> <td> N24 W59 </td> <td class="center"> 20 </td> <td class="center"> Ekc </td> <td class="center"> 0760 </td> <td class="center"> 13 </td> <td class="center"> 164 </td> <td class="center"> Beta-Gamma-Delta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1165 </td> <td> S20 W78 </td> <td class="center"> 18 </td> <td class="center"> Fko </td> <td class="center"> 0420 </td> <td class="center"> 16 </td> <td class="center"> 184 </td> <td class="center"> Beta-Gamma-Delta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1166 </td> <td> N11 E12 </td> <td class="center"> 25 </td> <td class="center"> Ekc </td> <td class="center"> 0410 </td> <td class="center"> 15 </td> <td class="center"> 093 </td> <td class="center"> Beta-Gamma-Delta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1167 </td> <td> N15 W18 </td> <td class="center"> 02 </td> <td class="center"> Bxo </td> <td class="center"> 0010 </td> <td class="center"> 03 </td> <td class="center"> 124 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1169 </td> <td> N20 E44 </td> <td class="center"> 07 </td> <td class="center"> Dsi </td> <td class="center"> 0050 </td> <td class="center"> 05 </td> <td class="center"> 061 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> </tbody></table> Coordinates and other characteristics of active regions are issued for March 08, 2011 00:31 UT

    September 1, 2011

    [​IMG]

    Sunspots and active regions

    The following regions with sunspots can be now observed on the Sun's surface
    <table class="table_1" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <th width="1%"> Group number </th> <th width="10%"> Sunspots Location on the Sun </th> <th width="11%"> The number of spots in the group </th> <th width="20%"> The classification by the Zurich's modified system </th> <th width="30%"> Area (millions of shares of the solar hemisphere) </th> <th width="9%"> Group length (in degrees) </th> <th width="16%"> Carrington Longitude (in degrees) </th> <th class="last" width="1%"> Group's magnet type </th> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1274 </td> <td> N19 W72 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> Hrx </td> <td class="center"> 0030 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> 358 </td> <td class="center"> Alpha </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1277 </td> <td> N18 W14 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> Hsx </td> <td class="center"> 0060 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> 300 </td> <td class="center"> Alpha </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1279 </td> <td> N13 W06 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> Hsx </td> <td class="center"> 0080 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> 292 </td> <td class="center"> Alpha </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1280 </td> <td> N12 W37 </td> <td class="center"> 02 </td> <td class="center"> Cro </td> <td class="center"> 0010 </td> <td class="center"> 03 </td> <td class="center"> 323 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1281 </td> <td> S20 E28 </td> <td class="center"> 11 </td> <td class="center"> Csi </td> <td class="center"> 0100 </td> <td class="center"> 04 </td> <td class="center"> 258 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1282 </td> <td> N25 W13 </td> <td class="center"> 09 </td> <td class="center"> Dso </td> <td class="center"> 0050 </td> <td class="center"> 05 </td> <td class="center"> 299 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1283 </td> <td> N12 E61 </td> <td class="center"> 02 </td> <td class="center"> Cso </td> <td class="center"> 0100 </td> <td class="center"> 03 </td> <td class="center"> 225 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1284 </td> <td> S17 W62 </td> <td class="center"> 03 </td> <td class="center"> Bxo </td> <td class="center"> 0010 </td> <td class="center"> 04 </td> <td class="center"> 357 </td> <td class="center"> Beta </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap"> № 1285 </td> <td> N29 W48 </td> <td class="center"> 01 </td> <td class="center"> Axx </td> <td class="center"> 0010 </td> <td class="center"> 00 </td> <td class="center"> 334 </td> <td class="center"> Alpha </td> </tr> </tbody></table> Coordinates and other characteristics of active regions are issued for September 01, 2011 00:31 UT
    H-alpha plages without spots

    The following H-alpha plages without spots can be currently observed on the Sun's surface <table class="table_1" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr class="separator_1"> <td width="30%"> [​IMG]
    </td> <td width="35%"> [​IMG]
    </td> <td width="35%"> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <th> Area number </th> <th> Coordinates </th> <th> Carrington Longitude (in degrees) </th> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td> № 1275 </td> <td> N07 W70 </td> <td> 357 </td> </tr> <tr class="separator_1"> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> <td> [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td> № 1276 </td> <td> N20 W63 </td> <td> 350 </td> </tr> </tbody></table> Coordinates and other characteristics of active regions are issued for September 01, 2011 00:31 UT
     

แชร์หน้านี้

Loading...