การใช้พลังอัคนีรักษาคน

นานเท่าไหร่ แล้วหนอ ต้องพลัดพราก ที่ต้องจาก ตามเวรกรรม ที่ทำไว้ บุญก็สร้าง กรรมก็เอา เคล้ากันไป เกิดมาใหม่ ชาตินี้ มาพบกัน พี่และน้อง อาจารย์ศิษย์ คิดร่วมสร้าง แผ้วถางทาง สร้างบุญ หนุนสู่สวรรค์ สมถะพร้อม วิปัสสนา มาครบครัน ดำรงค์จิตให้มั่น มุ่งภาวนา หากยังมีพี่น้อง บุญร่วมสร้าง ยังอยู่ห่างจากพวกเรา อยู่หนักหนา ขอผลบุญ ที่เคยทำ จงนำพา ให้ได้มา ปฎิบัติธรรม นำเกื้อกูล ได้เกิดเป็นคนไทย พบพุทธศาสน์ ก็นับเป็น วาสนา มาเกื้อหนุน ขอผองเพื่อน และพี่น้อง จงไพบูลย์ บุญค้ำจุน เข้าพระนิพพาน อย่านานเทอญ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

คนธรรมดาก้อย่าน้อยใจไปนะครับ บุญกุศลสร้างเสริมกันได้หาเราหมั่นทำความดี การไปยึดติดชาติภพก่อนมากเกินไปบางทีก็ทำให้เราหลงกับอดีตจนลืมปัจจุบันว่าเราควรจะทำดีให้มากยิ่งๆขึ้นไป แต่บางคนอดีตทำกรรมดีไว้เยอะเราก็ไม่ต้องไปอิจฉาเขา เราหันมาดูตัวเราว่าเราทำความดีไปแล้วแค่ไหน ส่วนบางคนอดีตบัดซบสิ้นดีไม่มีอะไรน่าภูมิใจเลยเพราะมองไม่เห้นความดีที่ตนทำเลยแม้แค่คิดก็คิดไม่ออก หรือแม้ล่วงรู้ถึงอดีตชาติว่าก็ตกต่ำ หาสิ่งดีไม่ได้เลยก็อย่าเสียใจนะครับ

อย่าลืม!!! ว่าตอนนี้ชาตินี้เราเกิดมาเป็นคนแล้ว เรามีโอกาสที่ทำดีได้ ทาน ศีล ภาวนา มีให้เลือกทำนะครับ หรือถ้าหมดปัญหาทางโลกอยากครองเพศสมณะ ก็มีให้ดำเนิน ตอนปัจจุบันนี่แหละครับสำคัญที่สุด ไม่ว่าท่านจะทำดีมามากแค่ไหนหรือเลวมากแค่ไหน ขอให้ตั้งใจทำดีในปัจจุบันนี้ก็พอครับ

อนุโมทนาครับ -/\-

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่บู๊ทของอ. อาชวิน ได้พบกับคุณ medias โดยไม่ค่าดคิดแต่ไม่รู้ประวัติของท่านมาก่อน เพิ่งรู้โดยการอ่านจากกระทู้นี้ เสียดายมาครับสงสัยบุญมีแต่กรรมบัง ถ้าไม่งั้นคงได้มีโอกาสถามคุณ medias ว่า โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ที่ผมเป็นอยู่สามารถรักษาได้หรือไม่ครับ ได้พยายามรักษามา 2-3 ปีแล้วทั้งทางโลกและทางสมาธิจากผู้ทรงธรรมแต่ก็ยังไม่หาดขาด อยากทราบว่าติดเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นพลังขับเคลื่อนหลักท่านใดอยู่ครับ เผื่อคุณ medias จะเข้ามาอ่านแล้วเมตตาตอบให้

 

ตอบคุณธัญญ์นิธิให้ทาง pm แล้วนะครับ

 

อนุโมทนากับเอ็กซ์แมนทุกท่านครับ มีโอกาสแต่ไม่รู้ว่าเมื่อใด ผมจะขอเป็นลูกศิษย์ท่าน และรักษาสิ่งผิดปรกติในร่างกายบ้าง....

 

สืบเนื่องจาก กระทู้ ชมรมคนตาทิพย์
ได้มีการนัดแนะไปพบกันที่บูธ ของอาจารย์อาชวิน
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
และได้มีการนำเสนอบรรยากาศในวันนั้น
ด้วยภาพประกอบคำบรรยาย

มีหลายคนได้ให้ความสนใจและถามไถ่มาว่า
จะนัดแนะกันอีกเมื่อไร ขอให้บอกด้วย
ขนาดอยู่ไกลถึงต่างจังหวัดยังอยากจะมาร่วมด้วย

น้องท่านหนึ่ง แจ้งมาว่าอยากพบคุณ midias มาก
และยังมีอีกหลายท่านที่แจ้งมาเช่นกัน
อยากขอคำปรึกษาแนะนำ และให้ช่วยเรื่องความเจ็บป่วย
ที่เป็นมานาน รักษาเท่าไรก็ไม่หายสักที

ดังนั้นหากมีการนัดพบกันที่บูธอาจารย์ ครั้งต่อไป
คงต้องรบกวนคุณ midias มาช่วยชี้แนะ
ให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ยังมีสะเก็ดความทุกข์ฝังอยู่ภายใน
ทำอย่างไรก็ไม่หายสักที..จะได้โล่งโปร่ง สบาย
และไม่ต้องวิตกกังวลกันอีกต่อไป

และผมเชื่อว่า การพบกันในแต่ละครั้ง
เป็นผลจากบุญกุศลที่ทุกคนได้กระทำมา แน่นอนครับ

 

อยู่เมืองนอก อยากไปหาบ้างอะคับ แต่ไม่มีโอกาส ตอนนี้รู้สึกอำนาจจิตลดลง รู้สึกแปลกๆ ไม่ทราบว่าคุณอัคคี สามารถดูให้ได้รึป่าวคับ ชาวยเช็คให้ทีนะคับ
ถ้ามีโอกาสกลับเมืองไทยคงจะได้ไปหา อาจาร์ตาที่ 3 บ้าง อ่านกิตติศัพท์มานานแล้ว ยังไงก้ช่วยทีนะคับ

 

คุณ midias ครับ ขอแจ้งผลการใช้ลูกแก้วโภคทรัพย์
ใช้ได้ผลดีมากครับ...วันนี้เกือบถอดใจแล้ว
นึกว่าจะไม่ได้ยอดตามที่ขอ...แต่กลับได้เมื่อบ่ายแก่ๆ นี้เอง

ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง
และโมทนาในกุศลจิตที่คุณ midias มีเมตตาช่วยเหลือทุกคนครับ

 

อีกไม่นานจะทำให้เช่าบูชา กันนะครับ เพราะว่า รายได้ หลายส่วนจัดให้กับวัดหลายวัด ที่ยังขาดปัจจัยในการทำนุบำรุงหลายส่วน และ วัดบางวัดไม่อยากให้สูญหายไปกับวัฒนธรรมรุ่นใหม่ ซึ่งยังมีหลายโครงการที่จะช่วยวัดที่มีพระดีๆ

 

ขอโมทนาในกิจกรรมอันเป็นกุศลของคุณ midias
ที่ได้ทำมาแล้ว และกำลังจะทำในปัจจุบัน
ตลอดจนที่จะทำในอนาคต ด้วยครับ

ผมขอสนับสนุนเต็มที่
มีโครงการงานบุญอะไร ก็นำมาลงบอกบุญในกระทู้พลังจิตนะครับ
(verygood)

 

ประเด็นธาตุสี่

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแสดงไว้โดยชอบแล้วว่าธรรมทั้งสี่เป็นสหชาติธรรม
คือไม่อาจแยกออกจากกันได้ ต้องเกิดร่วมกันทั้งสี่ประการ เพียงแต่จะมี
ความเด่นชัดมากน้อย ผสมผสานกันในระดับใด และเข้าหลักอนิจจัง คือ
แปรปรวนเปลี่ยนส่วนผสมไปเรื่อยๆ

มนุษย์ หรือแม้นแต่เศษฝุ่น ก็มีธาตุทั้งสี่อยู่ครบสมดุล เพียงแต่ความสมดุล
นี้ไม่ใช่สมดุลแบบนิ่ง เป็นสมดุลที่มีการเปลี่ยนแปลงอนิจจัง คือ

Dynamic equillibium นี่คือ อนิจจัง ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์

 

แบบนี้ ช่วยได้ไหมครับ
http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/w...ctorroom;action=display;num=1183817578;start=

สงสารเค้านะครับ
จริงๆ ไม่ได้เฉพาะกรณีนี้เท่านั้นนะครับ อย่าง ทหาร หรือ ครู ที่โดนทำร้ายก็ยังสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยเลยครับ

 

กรณีธาตุสี่แปรปรวนจนเกิดโรค

สมดุลธาตุสี่มีการเลี่ยนปลงอนิจจัง เมื่อเข้าช่วงรับวิบากกกรรมก็เสียสมดุล
ทำให้ธาตุแปรปรวน ธาตุบางธาตุสูงกว่าปกติ กลายเป็นโรคชนิดต่างๆ ได้
การรักษาโรคโดยใช้ปราณ หรือ "ออร่าบำบัด" นี้ มีมากมายในอดีตที่จีน
ในปัจจุบันที่รัสเซียก็ใช้เหมือนกัน แล้วยังมีในประเทศไทยอีกด้วย


เมื่อธาตุเสียสมดุล ขาดธาตุใดก็ปรับธาตุนั้นเพิ่มขึ้น
ธาตุใดมากไป ก็เพิ่มธาตุคู่ตรงข้ามข่มไว้


ให้อธิษฐานระลึกถึงธาตุชนิดนั้นๆ แล้วถ่ายปราณไปที่อุ้งมือ
วนเป็นวงธรรมจักรจนได้ปริมาณที่เพียงพอแก่การรักษาจาก
นั้นถ่ายสู่ร่างกายผู้รับ ไม่จำเป็นต้องแตะเนื้อต้องตัว หากจะ
สามารถใช้ได้คล่อง ก็ถ่ายได้ระยะไกล บางครั้ง จำต้องทำ
เหมือนออกแรงผลักด้วย ให้ปราณออกไป (อย่าแรงไป)
ดังนั้น คุณ จขกท. จึงใช้การเหวี่ยงเข้า ก็ไม่แปลก

 

ข้อควรระวัง

1. ทุกคนมีกรรมของตนเอง การช่วยด้วยฤทธิ์ไม่อาจยั้งกรรมได้
กรรมจะเลื่อนออกไป หรือหนักขึ้นภายหลัง อีกทั้งผู้ช่วยอาจต้อง
ถูกเจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยทำร้ายได้

2. ให้ช่วยเหลือเพียงเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกดีมีความศรัทธาแล้วบอกเขา
ว่าต้องแก้ที่สาเหตุ คือ ให้เขาไปทำบุญอุทิศส่งให้เจ้ากรรมนายเวร
การทำกรรมทุกครั้งต้องมีคนได้รับผล เขาคือเจ้ากรรมนายเวรดังนั้น
ทุกกรรมจะมีเจ้ากรรมนายเวร เพียงแต่หากเขาอโหสิแล้ว ก็จะไม่มา
อาฆาตหรือทำร้าย แต่หากยังไม่ละอาฆาต จำต้องทำบุญส่งให้เหมือน
การชำระหนี้กรรม จนกว่ากรรมจะหมด เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้

3. อย่าแทนที่การรักษาแผนปัจจุบัน เพราะจะทำให้ระบบปัจจุบันรวน
และระบบที่รองรับผู้ป่วยมากมายนั้น ไม่อาจทำได้ดังเดิม จำต้องแนะนำ
ว่าให้ใช้การรักษาแบบนี้เพื่อเปิดใจได้คุยกัน และใช้ฤทธิ์ยาปัจจุบันเพื่อ
ยืดเวลาในการทำบุญส่งให้เจ้ากรรมนายเวร มิใช่ด้วยเหตุอื่น และอย่า
คิดว่าหาวยฤทธิ์ใดๆ ได้แล้วจะหมดกรรม หากยังไม่หมดกรรม ก็จะต้อง
เจ็บป่วยอื่นๆ อีกตามมาภายหลัง

4. ผู้รักษาต้องไม่ใช้ฤทธิ์จนละเมิดกฎแห่งกรรมมากเกินไป จะทำให้
ระบบกรรมรวน จนตนเองรับวิบากไปด้วย (แต่ก็ได้บุญด้วยเช่นกัน)
ให้ใช้ฤทธิ์เพียงเปิดทางพูดคุนเพื่อให้คนไข้แก้ที่สาเหตุได้ตรงทาง
โรคนั้นๆ จึงหายขาดได้จริง

5. อย่าบอกอะไรที่ทำลายกำลังใจผู้ป่วย ไม่ว่าเห็นอะไรก็ตาม ที่
สำคัญไม่ควรระบุเป็นอวัยวะกายเนื้อ ให้พูดศัพท์ปราณและกายทิพย์
ว่าสีนี้ไม่ใช่ ตรงนี้ ต้องแก้ เช่นนี้ จะไม่ทำลายกำลังใจ ไม่ซ้ำเติม
ผู้ป่วย และห้ามพูดว่าโรคไม่มีทางรักษา ให้พูดว่าทุกสิ่งเกิดได้ก็ดับ
ได้ทั้งหมด เพียงแต่ต้องดับที่เหตุ หากเหตุยังมาไม่ถึง ก็ไม่อาจดับได้
ขอให้มีกำลังใจอดทนรอถึงวันที่เหตุดับแห่งโรคนั้นมาถึง เพราะทุก
สิ่งล้วนอนิจจัง แม้นแต่โรคก็มีความอนิจจัง คือ ไม่เราก็โรคล้วนต้อง
จากกันแน่นอน จึงอย่าฝังความจำว่ารักษาไม่หาย อีกอย่าง บางโรค
แม้นยังรักษาไม่หายก็อยู่ร่วมกับโรคนั้นๆ ได้ปกติก็มี เช่น HIV

 

รูปแบบการรักษาด้วยปราณ

1. นักบำบัดที่มีธาตุเฉพาะ เช่น พลังอัคคนี จะรักษาโรคได้บางกลุ่ม
2. นักบำบัดที่ฝึกธาตุคู่ (ปราณเต๋า) ใช้ทั้งคู่ปรับสมดุลรักษาได้ทั้งหมด
3. นักบำบัดที่ฝึกธาตุสี่ สามารถเลือกใช้ปราณธาตุสี่ปรับสมดุลได้ทุกโรค
4. นักบำบัดที่ฝึกปราณจักรวาล (ปราณขาวบริสุทธิ์) ใช้รักษาได้ทุกโรค


วิธีการรักษา

1. ตรวจโรค ว่ามาจากสาเหตุใดเพื่อแก้ที่เหตุ เช่น ปราณไม่สมดุล
ปราณรั่วไหล, ปราณอุดตัน, ปราณเสียจากภายนอกเข้ามาปน ฯลฯ
เพื่อหาทางแก้ที่เหมาะสม

2. รักษาด้วยปราณ กรณีนักออร่าบำบัดที่เรียนมาถูกหลัก จะถ่ายปราณ
ที่ดีของตนให้ผู้อื่นได้ ต้องทะลวงจักระทั้งเจ็ดเพื่อเปิดระบบร่างกายก่อน
เมื่อยิ่งถ่ายปราณดีให้ผู้อื่น ก็จะได้รับปราณจักรวาลที่บริสุทธิ์ตามจิตใจ
ที่ถ่ายปราณรักษาคนด้วย ร่างกายและจิตวิญญาณของนักบำบัดจะดีขึ้น

3. กรณีใช้ปราณทำร้ายเจ้ากรรมนายเวร เช่น การไล่ผี การใช้พลังอัคนี
จี้ลงในจุดที่ป่วย ทำให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับทุกข์และเคียดแค้นว่าตน
นี้ถูกผู้ป่วยทำร้ายมาก่อน ถึงคราววิบากกรรมของผู้ป่วยแล้ว เหตุไฉน
ผู้รักษา (บำบัด) จึงไม่ยุติธรรม เขาข้างคนผิด ทำร้ายเจ้ากรรมนายเวร
เขาย่อมอาฆาตและทำร้ายผู้บำบัดได้ แบบนี้ ยังถือเป็นนักบำบัดระดับต้น

4. ให้คำแนะนำในการรักษาว่าไม่ใช่เป็นผู้แก้กรรมแทนผู้ป่วย ผู้ป่วย
ก่อกรรมเองต้องเป็นผู้แก้เอง ให้ทำอย่างไรบ้าง แล้วไปรับการรักษา
ปกติแบบการแพทย์แผนปัจจุบันด้วย เพื่อยื้อเวลาในการทำดีไถ่โทษ
จำต้องให้กำลังใจผู้ป่วยเสมอ เพราะนักกายทิพย์บำบัด ใช้พลังจิต
ของตนกระตุ้นจิตผู้ป่วยด้วย หากกดหรือทำร้ายให้ตกใจ การรักษา
ยิ่งจะแย่ลงไปอีก

 

หมายเหตุ

การใช้พลังที่มากกว่าเจ้ากรรมนายเวรเข้าทำร้ายเพื่อขับไล่
กลายเป็นการช่วยคน แต่ทำร้ายเจ้ากรรมนายเวร ดังนั้น จำต้อง
ฝึกปราณบริสุทธิ์ ซึ่งเมื่อถ่ายให้เจ้ากรรมนายเวรก็จะยอมถอย
ออกไปเอง เปรียบเหมือนแผ่เมตตาผีที่แค้นจนเขายอมออกจากร่าง


ดังนั้น จึงควรฝึกปราณขาวบริสุทธิ์ ถ่ายให้คนทุกคนจะดี
ทั้งควรแนะนำให้คนที่รับการรักษาช่วยตนเองด้วยการทำบุญดังกล่าว

 

การฝึกพลังปราณบริสุทธิ์ (ปราณจักรวาล)

1. เข้าฌานโดยกำหนดจิตที่จักระที่ถนัด 1 จักระก่อน เช่น ท้องน้อย
(ตานเถียน) เมื่อรวบรวมพลังวัตรได้มากพอแล้ว เรียกว่าสำเร็จพร้อมแล้ว

2. ขับเคลื่อนพลังวัตรทะลวงจักระทั้ง 7 โดยกำหนดจิตว่ามีอะไรอยู่ที่
จักระที่เคยวางจิต วิ่งออกไปทะลุศีรษะ แล้ววิ่งลงไปทะลุก้นไกลสุดแสน
ไกล ทั้งบนสุดและล่างสุด หลายๆ ครั้ง จักระทั้งเจ็ดจะถูกทะลวง ปราณ
จะไหลเวียนเข้าออกดี ไม่อุดตัน

3. เข้าวิชชาใดวิชาหนึ่งดังนี้...

3.1) พลังจักรวาล ระเบิดพลังจักระที่หนึ่ง (กุนดารินี) ให้วิ่งขึ้นทะลุศีรษะ
แล้วกระจายเป็นน้ำพุลงมาอาบร่าง ปราณจักรวาลที่บริสุทธิ์จะไหลเข้า
มาแทนที่ทางหัว (จักระเจ็ด) เมื่อฝึกมากก็ได้ปราณบริสุทธิ์ขึ้น

3.2) ปราณเต๋า ให้ดูดพลังธาตุหยิน จากพื้นดินเข้าทางฝ่าเท้า หรือก้นที่นั่ง
สมาธิอยู่ แล้วขับไปทะลุศีรษะครั้งหนึ่ง จากนั้น ดึงปราณหยางจากฟ้าเบื้องบน
เข้ามาทางศีรษะไหลลงร่างกายท่อนล่างจนสุดที่ก้นเหมือนโดนน้ำเย็นราดลง
มา ปราณแบบเต๋านี้ ให้จับคู่สิ่งตรงข้ามกันในการฝึก เช่น ฝึกแบบ ร้อน-เย็น
ก็ได้ ซ้ายขวาก็ได้ มีเคล็ดว่า หลังเดินพลังเย็น-หน้าเดินพลังร้อน, ขวาเดิน
พลังเย็น-ซ้ายเดินพลังร้อน เดินจากร้อนไปหาเย็น แล้วก็เย็นไปร้อน เป็นวง

3.3) ปราณธรรมจักร ฝึกหมุนลมปราณเป็นวงกลม จะทำให้ปราณจักรวาล
ที่บริสุทธ์เข้ามาแทนที่ทางบนศีรษะ แล้วปราณเสียถูกสลัดออกจากร่างกาย


ปราณจะดีขึ้นเป็นลำดับ


ปราณที่รักษาคนได้

1) ปราณสีเขียวสดใส คือ พลังรักษาโรค เติมพลังชีพ เป็นระดับต้น
2) ปราณสีทอง คือ ปราณคุณธรรม ใช้ถ่ายให้เจ้ากรรมนายเวรจนอโหสิกรรม
3) ปราณสีขาว คือ ปราณบริสุทธิ์ ใช้ถ่ายให้เกิดความสุขสงบ รักษาได้ทุกโรค


การใช้ปราณสีอื่นๆ อาจใช้บางโรคได้เฉพาะเท่านั้น เช่น สีแดง อาจใช้ให้คนที่
ขาดธาตุไฟ เป็นต้น แต่ปกติแล้วปราณสีอื่นๆ จะไม่ใช่ปราณที่นักออร่าบำบัด
ฝึกใช้ถ่ายให้คนป่วย เพราะเสี่ยงต่อธาตุในร่างผู้ป่วยขาดสมดุล


กรณีใช้พลังปราณสีแดงเพลิง ทำร้ายเจ้ากรรมนายเวรไล่โรคออกไปนั้น
ไม่ใช้หลักการของนักออร่าบำบัดที่ดีนัก ควรฝึกปราณที่บริสุทธิ์จะดีกว่า

วิธีการคือ ให้เรียกเพลิงอัคนี (เป็นบุญเก่าที่เรามี) มาไว้ในมือ แล้วอธิษฐาน
ให้ส่องสว่างเป็นสีทอง แห่งคุณธรรม แล้วเป็นสีขาวบริสุทธิ์ตามลำดับเพื่อ
ถ่ายให้ผู้ป่วย (ไม่ใช่เอาไฟไปฟาดเจ้ากรรมนายเวรเพื่อไล่เขาออกไป)

 

ตอบทั้งหมดที่ คุณ ฤษีแปลงสาร ที่เขียนในกระทู้นะครับ
ในกรณีของผม ส่วนมากในระยะแรก เท่าที่รักษา 3-4 รายจะเป็น มนุษย์ปุถุชน ส่วนใหญ่
ระยะหลัง จะเป็นพระสงฆ์หลายรูป
ก่อนที่จะทำการรักษาจะดูว่ามีระบบเจ้ากรรมนายเวรหรือคู่สัญญา ก่อนหรือไม่
ถ้ามีต้องฟังระบบเจ้ากรรมนายเวรเขาขออะไรบ้าง ให้เขาทำตามนั้น แล้วจะสามารถรักษาได้หายขาด
ไม่ใช่วิธีการรักษาแบบ ออร่าบำบัดทั่วไป แล้วไม่เคยทำร้ายเจ้ากรรมนายเวรของใครเลย

ตั้งแต่รักษามาเราไม่เคยใช้พลังของปราณที่ท่านว่าเลยซักครั้ง

เราไม่เคยมีการใช้พลังเพื่อทำร้ายเจ้ากรรมนายเวรใดๆในการรักษาเลยซักครั้ง

บางครั้งในการแผ่เมตตาโดยไม่รู้จักเจ้ากรรมนายเวรเป็นใครเขาก็ไม่สามารถได้รับบุญกุศลที่แผ่ให้เขาได้
เพราะเจ้ากรรมนายเวรมีเยอะ แต่ไม่ได้ระบุชื่อ ทำไปก็เสียเปล่า... เหมือนเทน้ำลงพื้นทราย...
บุญที่ทำก็ไปไม่ถึง รักษาไม่ถูกโรค คนป่วยก็ไม่หาย
คนป่วยอาจจะดูสบายขึ้นในระยะแรกของการรักษาโดยการแผ่เมตตา แต่ต่อมาก็กลับมาเป็นอีกซึ่งอาการจะหนักยิ่งกว่าเดิม
เพราะการแผ่เมตตาจะใช้ได้ผลกับพระที่มีศีลบริสุทธิ์ ครบทุกข้อ

คุณฤษีแปลงสารเคยได้ทำอย่างเราหรือเปล่า ก่อนท่านจะมาสอนคนอื่น...
แล้วเจ้ากรรมนายเวรที่คุณให้การรักษามาก่อน ตอนนี้รออยู่ข้างหลังคุณยาวเหยียด
เพราะคุณแทบไม่เคยอุทิศบุญที่ได้จากการรักษาให้พวกเขา ทำบุญส่งให้ก็แทบไม่ถึง
...รักษาตัวเองได้หรือยังครับ

 

อยากจะช่วยน้าผู้หญิง เค้าเป็นโรคไตระยะที่ต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้งอ่ะคับ ต้องทำยังไง ช่วงนี้ชวนเค้าไปทำบุญ ให้อาหารปลาด้วย ถ้าผมอยากจะช่วยเค้าพอจะมีวิธีไหนได้บ้างคับ

 

วันอาทิตย์ที่ 5 ส.ค. 2550 เวลา 12.29 น.
เรียนเชิญคุณ midias และคณะ ร่วมแสดงมุทิตาจิต
แด่อาจารย์อาชวิน ด้วยกัน ที่บูธของอาจารย์ นะครับ(f)