การเห็นนิมิต

ผมเป็นคนหนึ่งที่ฝึกการทำสมาธิแล้วเห็นเหตุการล่วงหน้าโดยจะเห็นว่าวันนี้จะเกิดอะไรบ้างตอนแรกก็คิดว่าฝันแต่สั้งเกตูดูได้เดือนแล้วก็ทุกเรืองราวที่เห็นมันเกิดขึ้นจริงหมดเช่นวันนี้ผมเห็นรถน้องสาวไปชนรถเก่งยี้ห้อโตโยต้าพอเช้ามาผมรีบโทรศัพท์ไปบอกน้องให้ระวังและเล่าให้เขาฟังถึงลักษณะการชนยี้ห้อรถแล้วก็เตือนให้ระวังพอตกเย็นมาน้องมาเราให้ฟังเกือบโดนรถชนตามที่บอกทุกอย่างทั้งยี้ห้อและลักษณะการจะชนเลยไม่ถูกชนและจะมีอีกมากมายครับทั้งการที่เราจะพบใครหรือใครจะมาหาจะเห็นก่อนเลยครับผมใช้การภวานาแบบบทสวดมนต์ครับบทพระมหาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ครับ ท่านใดมีประสบการณ์หรือช่วยแนะนำด้วยนะครับ

 

หากท่านศรัทธาหลวงปู่ดู่ ลองเข้าในไปอ่าน กระทู้นี้ ดูครับ

 

ผมช่วยแนะนำเรื่องการเห็นนิมิตได้ครับ เพราะผมเองก้อเห็นนิมิตอยู่บ่อยๆ
ในนิมิตนี้มันก็จะมีทั้ง นิมิตแท้ นิมิตลวง ถ้าเป็นนิมิตแท้ก็ดีไป แต่ถ้าเปนนิมิตลวงในคุณติดอยู่ในอารมณ์สมาธินั้นก้อแย่เลย


จากประสบการณ์ที่ผมประสบมานะครับ คุณไม่ต้องสนใจมันครับ กำหนดว่า รู้ เพียงอย่างเดียว พอนิมิตมันขึ้นมาก็กำหนดว่า รู้ แล้วมันก็จะหายไป ถึงมันจะไม่หายเราก้อไม่ต้องไปใส่ใจ เพ่งมองไปที่มัน เพราะว่าพอเราไปเพ่งปุ๊ปมันก้อจะหายไป เราแค่ดูแล้วก้อรู้ ก้อพอแล้ว

จำไว้นะครับ การที่มีนิมิตมาบอกเราก่อนล่วงหน้า มันไม่ใช่สิ่งที่ดีสักเท่าไหร่หรอกครับ ถ้าเป็นเรื่องดี ก็จะทำให้เราหลงละเลิงไม่ทำอะไร ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี ก็จะทำให้เราทุกข์ เพราะฉะนั้นสู้ไม่รู้เสียจะดีกว่า ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกฏแห่งกรรมเถอด เราทำเค้าไว้ เค้าก้อมาเอาคืน ไม่มีใครหนีพ้นกฏแห่งกรรมไปได้หรอกครับ ลองดูพระโมคคัลลานะเป็นตัวอย่าง เค้ารู้ว่ามีโจรจะมาทำร้ายเค้า เค้าเองก้อหลบหนีไปได้ ถึงสองครั้ง จนถึงครั้งที่สามเค้าก็มานั้งสมาธิจนพบว่าเค้าเคยทำกรรมต่อบิดามารดาไว้ เค้าจึงได้ยอมให้โจรทุบตีจนกระดูกแหลกละเอียด จนสุดท้ายเค้าก้อได้ใช้ฤทธิ์ของตัวเองต่อกระดูกขึ้นมาใหม่

ผมหวังว่าผมคงจะพอช่วยเป็นแนวทางให้กับคุณ boybest ได้นะครับ

 

ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ

 

การเห็น นิมิต นั้นจะเป็นสิ่งดี หากนำมาประพฤติแบบ อริยะวินัย

อริยะวินัย คือ วินัยในตัวเองที่จะดำเนินตามความเป็นอริยะ และ อริยะในที่นี้
ก็ให้หมายถึง ในเขตบวรพุทธศาสนานี้

อริยะวินัย นอกเขตพุทธศาสนาเป็นอย่างไร

1. เอานิมิต มาทำนายทายทักบุคคลผู้เป็นที่รัก ด้วยความพร่องของศีล มีเจตนา
ทำไปด้วยความลำเอียงเพราะรัก ไม่ใช่ทำไปด้วยเพราะจะโน้มนำให้คนเข้าสู่ธรรมอันดี

2. เอานิมิต ไปทำนายทายทักบุคคลอื่นๆ ด้วยความพร่องของศีล มีเจตนา
ทำไปด้วยความลำเอียงเพราะทรัพย์ ไม่ใช่ทำไปด้วยเพราะจะโน้มนำให้คนมีสรณะอันเลิศ

3. เอานิมิต มาทำนายทายทักตนเอง ด้วยความพร่องของความทุศีล มีเจตนา
ทำไปด้วยความลำเอียงในตนแต่ผู้เดียว ไม่ใช่ทำไปด้วยเพราะจะโน้มน้าวตนให้มีธรรมเป็นเกาะ

อริยะวินัย ในพุทธศาสนาทำอย่างไร

มีเพียงข้อเดียว คือ เอาไว้อาศัยระลึก เพื่อเตือนตนให้เห็น วัฏสงสารก็ดี กฏแห่งกรรม
ก็ดี ความไร้สาระของสังสารวัฏก็ดี ความไม่เที่ยงก็ดี ความแปรปรวนก็ดี ความเป็นสิ่ง
ที่พ้นการบังคับบัญชาก็ดี เหล่านี้จะเป็น การใช้นิมิตเพื่ออริยะวินัยในพระพุทธศาสนา
ทั้งนี้เพราะ การอาศัยนิมิตเพื่อระลึก เพื่อประกอบสิ่งที่เรียกว่า "สติ" มาเป็นเครื่อง
มือกั้น เพื่อให้เกิดความจางคลาย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อหลุดพ้น เพื่อรู้ชัดว่าหลุดพ้น
เพื่อพระนิพพาน

 

ขอนุญาตินำเสนอในส่วนปริยัติ

 

มหาศีล เป็นเรื่องจำเป็น เป็นสิ่งพึงสังวร เป็นเรื่องทำได้ยาก

หากขาด มหาศีล เสียแล้ว แม้โอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์มีอยู่

แม้โอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์และได้เจอพระพุทธศาสนามีอยู่

แม้โอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์และได้เจอพระพุทธศาสนา และได้บวช
อยู่บวรพระพุทธศาสนามีอยู่

หากวาสนาเหล่านั้น ของบุคคลนั้น ขาดซึ่ง มหาศีลแล้ว

กรรมย่อมจัดสรรให้ห่างออกจากพระนิพพาน แม้ได้เจอศาสนาพุทธก็
จะไม่มีวันได้เจอพระนิพพาน

ท่านจงเดินทางในสังสารวัฏนี้ด้วยความระมัดระวังยิ่ง เพราะหากเป็น
บุคคลที่แม้นได้เจอ พระพุทธศาสนาแล้ว แต่เป็นผู้พร่องในการรักษา
วาสนาให้เห็นพระนิพพานอยู่เป็นนิจ จะไม่มีทางได้พบ บรมสุข อีกเลย

 

พอบอกผมได้ไหมครับ ผมนั่งแล้วเห็นกลุ่มหมอกควั<wbr>นดำหนาตึ๊บ ข้างๆ มันรู้สึกมีตึกสีขาวๆ กลุ่มหมอกควันหนาดำ อยู่ตรงกลาง ขนาดมหึมา พอจะรู้จิตผมไหมครับ เห็นอย่างนั้นจริงๆ

 

น่าจะเปนอารณ์หรอืสภาวะจิตในขณะนั้นของคุณมากกว่า นิมิตรแบบนี้ต้องเหนบ่อยๆหรือเหนแบบเดิม แล้ัวมันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ตอนนั้นแหละเราถึงจะรุ้ว่านิมิตรกำลังจะสื่ออะไร

 

ก็มีอยู่หลายคนนะครับ ที่ทำได้ อยู่ดีๆ มันจะมีสัญญาณเข้ามากระทบเลย รู้ล่วงหน้าได้ ไม่เห็นเป็นภาพ แต่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ถูกทุกครั้งหรอกครับ เพราะเราไม่แน่ใจว่าอันไหนเป็นอุปทาน และอันไหนเป็นสัญญาณที่เข้ามาจริงๆ แล้วอย่าไปหลงงมงายครับ เพราะคุณมั่นใจหรือเปล่าว่าคุณถูกทุกครั้งจริงๆ ผมฟันธงได้เลย ของคุณมันก็เป็นจริงแค่บางครั้งครับ และไม่ได้บ่อยเหมือนแบบที่เขียนมาเล่าด้วย