เบิกเนตรพระพุทธรูป คิดถูกหรือคิดผิด?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 27 เมษายน 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    วันนี้ ผู้เขียนไปงานพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูป ซึ่งทางกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดพะเยาที่ ๒ ได้สร้างขึ้นจากการแกะหินสีดำสูง ๑๘๐ เซนติเมตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย รุ่นสิงห์สามพระนามว่า "พระพุทธชินสีห์ตรีโลกเชษฐ์บรมศาสดา" ซึ่งมีความหมายว่า พระศาสดาผู้ยิ่งใหญ่-ประเสริฐเหนือโลกทั้งสาม(มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก) ดุจราชสีห์ผู้ชนะ
    ตามที่ปลัดจังหวัดพะเยา (ชนะ แพ่งพิบูลย์) ได้กล่าวรายงาน ทำให้ทราบว่า กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดพะเยาที่ ๒ นั้นถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๒๒ โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิตส์ (ผกค) นอกจากนี้แล้วยังได้รับภารกิจให้รักษาความสงบเรียบร้อยร่วมกับเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และในปี ๒๕๔๖ กองร้อยฯ ดังกล่าว ได้รับการจัดตั้งให้เป็นสถานที่เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ตาม พรบ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.๒๕๔๕ โดยมีศักยภาพให้รับผู้บำบัดฟื้นฟูฯ ได้ ๕๐ คน/รุ่น และในแต่ละปีรับภาร ๓ รุ่น/ปี นั้นก็หมายความว่า ปีหนึ่ง ๆ ได้บำบัดฟื้นฟูฯ ๑๕๐ คน
    สิ่งที่คนนอกวงการอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ รับทราบอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดน โดยมีตำแหน่งเป็น "นายกองเอก" ส่วนรองผู้ว่าราชการจังหวัด และปลัดจังหวัด มีตำแหน่งเป็น "นายกองโท" และมีนายอำเภอเป็นผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอทุกอำเภอ
    อย่างไรเสีย สิ่งที่ผู้เขียนได้ตระหนักยิ่งขึ้นคือ แม้โลกจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องจิตวิญญาณที่ต้องการเครื่องยึดเหนี่ยวไว้ในใจก็ยังคงมีและเพิ่มความจำเป็นยิ่งขึ้นตราบเท่าที่มนุษย์ยังคงเผชิญกับความทุกข์อยู่

    ประเด็นที่สอง เป็นเรื่องน่าคิดว่า พระบรมศาสดาเป็นผู้มีดวงตาเห็นแจ้งแทงตลอดทั้ง ๓ โลก แต่ทำไม บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายยังจำเป็นอยู่หรือไม่? ในการเบิกพระเนตรของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พุทธบริษัททั้งหลายในโลกปัจจุบันยึงมืดบอด(สนิท)ทั้งใจและปัญญาอยู่

    ประเด็นที่สาม ก้อนหินสีดำธรรมดา มีราคาไม่มากนัก (หนึ่งแสนบาท) แต่เมื่อแกะ-สกัด ขัดเกลา และเมื่อผ่านการสมมุต(พิธีกรรม)ขึ้นมาเป็นพระพุทธรูป คุณค่าที่มีอยู่เดิมก็แปรเปลี่ยน เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจอย่างหาที่เปรียบมิได้


    ประเด็นนี้ทำให้ผู้เขียนได้ตระหนักว่า ถ้ารูปเหมือนที่ทำขึ้นนี้เป็นรูปบุคคลอื่น ความศรัทธา เชื่อมั่นจะมีมากเพียงนี้หรือไม่? แล้วอะไรที่ทำให้บุคคลแตกต่าง?...ถ้าไม่ใช่
    ๑.นอกจากเป็นบุคคลที่สำคัญและมีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว พระพุทธเจ้ายังทรงเป็นดวงประทีปคือดวงปัญญา ให้ผู้คนเมื่อ ๒๕๕๔ ปีที่ผ่านมาใช้เป็นแสงสว่างในการเดินทางของชีวิต ฝึกหัดเพื่อขัดเกลา โดยหวังความหลุดพ้นตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า นี้แหละคือพระมหาปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้า

    ๒.ความเมตตา คือหวังอยากให้สัตว์โลกพ้นจากบวงแห่งกองทุกข์ทั้งมวล เป็นความเอื้ออาทรของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงมีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระประยูรญาติ ประชาชนคนธรรมดาทั่วไป หรือแม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ความมีพระเมตตานี้ พระองค์ทรงมีให้เสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง นี้เรียกว่าพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า

    ๓.ความที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีมา ไม่ได้หวังเพื่อประโยชน์ส่วนพระองค์ ทรงมุ่งประโยชน์เพื่อมหาชน ไม่มีความโกรธ ความโลภ ความหลงแม้แต่น้อย นี้เรียกว่าพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า

    แต่ที่มีประเด็นเรื่องควรกราบอิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก ไม้ ฯลฯ ที่เป็นรูปเหมือนพระพุทธเจ้าหรือไม่? ผู้เขียนมีทัศนะอยู่ ๒ ทาง คือ
    ๑.ไม่ควรกราบ ด้วยจิตคิดว่ารูปเหมือนนั้นเป็นพระพุทธเจ้าจริง ๆ และหลงไปยึดถือเพื่อเป็นของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างงมงาย
    ๒.ควรกราบ ด้วยจิตที่คิดว่า รูปเหมือนนี้ (จะสร้างด้วยวัสดุใดก็ตาม) เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจ และเป็นอนุสติให้ระลึกนึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้งสามประการคือ พระมหาปัญญาธิคุณ-พระมหากรุณาธิคุณ-พระบริสุทธิคุณ โดยมองด้วยตาในคือสติปัญญาเพื่อเป็นกุศโลบายเพื่อให้เราเข้าใกล้พระพุทธเจ้าจริง ๆ มากยิ่งขึ้น

    ประเด็นสุดท้ายนี้ต่างหาก ที่ผู้เขียนอยากสื่อให้ผู้คนได้รับรู้และตระหนักร่วมกัน อย่ามัวเถียงกันอยู่เลยว่าควรหรือไม่ควร? ดังนั้น ไม่ควรเพราะ...และควรเพราะ...ดังที่ผู้เขียนได้อธิบายมาแล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

    ที่มา ๒๐๙.เบิกเนตรพระพุทธรูป คิดถูกหรือคิดผิด?
     
  2. ทะเลลึก

    ทะเลลึก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +80
    ในกรณีเรื่องเบิกเนตรพระพุทธรูป หลวงปู่มั่น ก็ให้เหตุผลเช่นเดียวกับที่คุณนำมาแสดงนี่แหละ เป็นบาปมาก โดยรู้เท่าไม่ถึงการ

    ส่วนการกราบพระพุทธรูป หรือกราบพ่อกับแม่ ผมไม่เคยใช้เหตุผลในการกราบเลย ใช้ความรู้สึกจากจิตสำนึกล้วน ว่านี่คือสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง เป็นมงคลชีวิต
     
  3. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ทำอะไรแล้วเป็นการลดกิเลสก็ควรทำไปเถอะ

    แม้ว่า จะเป็นเพียงการลดกิเลสหยาบ แล้วยังมาข้องแวะติดกับกิเลสละเอียด

    แต่ก็ยังดีกว่า ไม่ได้ลดกิเลสอะไรลงเลย
     
  4. jowpoy

    jowpoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +758
    ทุกอย่างยอมมีเหตุ และ ผลในตัวของมันครับ...
     
  5. ภาพมายา

    ภาพมายา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +91
    การเบิกพระเนตร ความหมายที่จริงแล้ว ก็เพื่อประกาศให้ทราบว่าพระพุทธรูปองค์นี้ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ควรแก่การกราบไหว้ เพราะคนโบราณเวลาหล่อหรือสร้างพระเค้ากลัวว่าเวลาที่กระทำการอันไดที่ไม่สมควรแก่พระพุทธรูปที่กำลังสร้างนั้น จะเป็นบาปติดตัว ... เจตนาในการสร้างก็จะพลอยมัวหมองไปด้วย ( กลัวผลบุญจะลดลง ) จึงออกอุบายนี้ขื้นมา เมื่อมีการขัดสี ลงรัก ทุกขั้นตอนแล้ว ก็นำประดิษฐานในที่อันควรแล้ว ก็หมายความว่าพระพุทธรูปนี้ เหมาะแก่การกราบไหว้แล้ว ....จะไม่สามารถกระทำการอันไดที่เป็นการไม่เคารพพระพุทธรูปได้อีก ..เพราะเป็นเครื่องบูชาแล้ว จึง จัดพิธีสมโพชน์ เพื่อประกาศแก่ชาวพุทธว่าสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว จีงมีพิธีการแบบนี้ขึ้นมา แต่โดยแก่นแท้อันที่จริงแล้วก็เพื่อประกาศ ให้คนโดยทั่วไปได้ร่วมอนุโมทนาบุญนั่นแหล่ะค่ะ ..แต่ก็กลายมาเป็นพิธีเบิกเนตรพระ ตามประสาชาวบ้านไปซะ...ก็ไม่เห็นพระท่านจะทำพิธีอะไรพิศดาร ....ส่วนมากก็สวดเจริญพระพุทธมนต์ นะคะ ..
     
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    จะผิดถูกยังไงก็อยู่ที่ คนวิจารณ์ ไม่ใช่คนเบิกเนตร
     
  7. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    เห็นด้วยกับท่านครับ อธิบายตรงประเด็นดีครับ:cool::cool::cool::cool::cool:
     
  8. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ถ้าเราสร้างพระด้วยใจที่เป็นกุศล แม้จะมีพิธีกรรมใดๆก็อย่าไปคิดอะไรมาก เราทำผิดอย่างอื่นยังแย่กว่าเยอะ เช่น ด่าพ่อแม่ แอบดูลูกเมียคนอื่น ฯลฯ
     
  9. ช่างแอร์

    ช่างแอร์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +6
    [​IMG]

    มันอยู่ที่เจตตนานะครับ
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สามเดือนก่อนปรินิพพาน พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้สร้างรูปหรือสร้างอะไรเป็นตัวแทนพระองค์ พระพุทธเจ้าให้ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ระลึกถึงสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง(สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ทรงแสดงธรรม ปรินิพพาน)

    "ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่า พระตถาคต
    ประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยัง
    อนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    ในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง
    ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ"

    ทรงมอบพระธรรมและวินัยเป็นพระศาสดาแทนพระองค์

    "ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์
    บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี
    ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ
    ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา"

    นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ

    "ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่า
    สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ"


    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้เบิกบานแล้ว

    ข้าพเจ้าขอนมัสการพระพุทธเจ้าฯ
     
  11. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +215
    พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกให้มาขยันโพสพระไตรปิฎกตามเว็บนะครับ
    ขยันยังกะได้เงินเดือน
     
  12. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    5555555555+ ......................
     
  13. พยัคฆ์ร้าย

    พยัคฆ์ร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,411
    ค่าพลัง:
    +161
    อนุโมทนาสาธุครับ:cool:
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป


    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป

    ไม่มีพระพุทธพจน์ บาลี บทใดเลย ที่พระพุทธเจ้า จะตรัสสั่ง ห้ า ม ส ร้ า ง พ ร ะ พุ ท ธ รู ป
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    "เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น"

    "นิมมิตปุจฉาเป็นไฉน? พระผู้มีพระภาคทรงนิรมิตพระพุทธรูปใด อันสำเร็จด้วยพระ
    หฤทัย มีอวัยวะครบทุกอย่าง มีอินทรีย์ไม่วิการ พระพุทธนิมิตนั้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ผู้ตรัสรู้แล้ว ตรัสถามปัญหา พระผู้มีพระภาค ทรงวิสัชนา นี้ชื่อว่า นิมมิตปุจฉา. ปุจฉามี ๓
    อย่างนี้"


    "บิดาของดิฉันหล่อรูป
    ดิฉันด้วยแท่งทองคำแล้ว ถวายรูปหล่อแก่พระพุทธกัสสปผู้เว้นจาก
    กามคุณ พราหมณ์ปิปผลายนะนั้นเป็นหนุ่ม ไปตรวจดูการงานใน
    กาลบางครั้ง เห็นสัตว์ทั้งหลาย"

    "เรื่องรูปปั้น
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความกำหนัด ได้ถูกต้องนิมิตแห่งรูปปั้นด้วย
    องค์กำเนิด เธอได้มีความรังเกยจว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติ
    ปาราชิกแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ
    เธอไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่ต้องอาบัติทุกกฏ."

    หลักฐานจากพระไตรปิฏก พระพุทธรูป รูปหล่อ รูปปั้น มีในสมัยพุทธกาลครับ แต่ค้นหาดูไม่มีพิธีปลุกเสกพระพุทธรูป รูปหล่อ รูปปั้นครับ
     
  16. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258

    ไอ่ช่างแอร์ ฉันจำหน้าแกได้นะโว๊ย

    คลิปแกฉันก็มีนะ
     
  17. ผู้ต่ำต้อย

    ผู้ต่ำต้อย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +12
    ถ้าทั่วประเทศไทยไม่มีวัด ไม่มีพระพุทธรูป
    ให้คนทั่วไปได้กราบไหว้ อีกไม่นาน
    ศาสนาพุทธ คงค่อยๆจางหายไป ดังนั้นผมคิดว่า
    ควรมี เพื่อให้เราชาวพุทธได้ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์
    เด็กๆเกิดมาก็ได้เห็นได้รู้จัก ถ้าไม่มีคนรุ่นใหม่คงไม่รู้ไม่ซึมซับ
    ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว จิตใจคนเราคงโหดเหี้ยมกว่านี้อีกมาก
     
  18. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    เห็นด้วยกับ ผู้ต่ำต้อย ครับ ถ้าไม่มีพระพุทธรูป ลูกหลานของพวกเราจะตั้งคำถามให้เราตอบใหมว่า...พ่อๆ กราบรูปปั้นทำไมครับ...เพื่อระลึกถึงคุณความดีของท่านไงลูก...แล้วมีคุณความดีอะไรให้ระลึกถึงละครับพ่อ...ก็ตอบกันไป รุ่นสู่รุ่น.
     
  19. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    อีกมุมมองนะครับ ผมว่าการเปิดเนตรอาจไม่ได้มีประโยชน์เช่น ให้พระพุทธเจ้าเห็นเราและมาคอยช่วยเราหรอกนะครับ...เพราะพระที่เป็นรูปปั้นนั้นมีเยอะมาก(เป็นผมคงช่วยใครได้ไม่หมดหรอกเยอะ) แต่กลับกันเพื่อให้เราได้ระลึกถึง ได้มองเข้าไปในนั้น เป็นดังหน้าต่างที่ถูกเปิดเพื่อให้ผู้ปฏิบัติตามได้เห็นท่าน(พระพุทธเจ้า) ลองเอามือจับพระดูครับแล้วอฐิฐานขอเมตตา หากข้าพเจ้าปฏิบัติถูกทางแล้วไซร้ บุญกุศลใดได้เกิดขึ้นแล้วในการปฏิบัติเมื่อกาลก่อน ขอแรงกุศลนั้นได้พบได้เห็นพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นแรงใจในการปฏิบัติธรรมนั้นให้ดียิ่งๆขึ้นๆไปด้วยเทอญ...ลองทำดูแก้เหงานะครับ ^__^
     
  20. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    อีกหน่อยเด็กๆก็คงสักแต่กราบไหว้ๆ เจออะไรก็กราบๆด้วยความคิดที่ว่าทำตามๆกันมามั้งหละ พ่อแม่ปู่ยาตายายมันทำมาก็ทำตาม ด้วยความเคารพ และความเกรงกลัวมั้งหละ ก็เหมือนกราบศาลเจ้า ศาลพระพรหม กราบต้นไม้ที่มีผ้าพัน กราบรูปปั้นเทพเจ้านี่นั่่นยังงั้นหละ เจอสิ่งใดที่คิดว่าดีว่าศักดิ์สิทธิ์ว่าขลัง ก็กราบมันเข้าไป
    แต่ก็ขึ้นกับระดับสติปัญญาแต่ละคนว่าจะพัฒนาได้ไปทีละขั้นๆทีละระดับ บางคนอาจจะกราบไหว้แค่พระพุทธรูปอย่างเดียว บางคนก็อาจกราบไหว้มันทุกอย่าง บางคนอาจจะกราบไหว้เพื่ออ้อนวอนร้องขอ บางคนอาจจะกราบไหว้เพื่อระลึกถึง
    หรือไม่ก็อาจจะไม่กราบไหว้แต่ระลึกถึง และนอบน้อมในคุณธรรมทั้งหลายของพระพุทธเจ้า และในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...