พุทธภูมิ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ธรรมะ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย IT Man, 23 เมษายน 2012.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี

    วัดเขาสุกิม (หลวงพ่อสมชาย)
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    19 ต.ค. 2554
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_1663.jpg
      SAM_1663.jpg
      ขนาดไฟล์:
      163.3 KB
      เปิดดู:
      1,870
    • SAM_1486.JPG
      SAM_1486.JPG
      ขนาดไฟล์:
      168.5 KB
      เปิดดู:
      2,323
    • SAM_1534.JPG
      SAM_1534.JPG
      ขนาดไฟล์:
      191.9 KB
      เปิดดู:
      2,032
    • SAM_1535.JPG
      SAM_1535.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183.9 KB
      เปิดดู:
      110
    • SAM_1501.JPG
      SAM_1501.JPG
      ขนาดไฟล์:
      139.2 KB
      เปิดดู:
      111
    • SAM_1503.JPG
      SAM_1503.JPG
      ขนาดไฟล์:
      201.1 KB
      เปิดดู:
      121
    • SAM_1525.jpg
      SAM_1525.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.3 KB
      เปิดดู:
      2,204
    • SAM_1530.jpg
      SAM_1530.jpg
      ขนาดไฟล์:
      203.5 KB
      เปิดดู:
      2,107
    • SAM_1544.jpg
      SAM_1544.jpg
      ขนาดไฟล์:
      228.8 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เกาะช้าง จ.ตราด

    [​IMG]
    ภาวนาแผ่กุศล
    [​IMG]
    กล้องทุกตัวบันทึกออกมาเห็นเหมือนกันคือ: ขนาดของฝ่ามือที่ใหญ่และแขนที่ยาวผิดสังเกตุ
    [​IMG]
    21 ต.ค. 54
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    วาระธรรมะสัญจรครั้งที่ 1 : ภาคตะวันออก+ภาคอิสาน

    [​IMG]
    โปรดท่านสมาชิกธรรม (พิเชฐ) จ.สุรินทร์ : 15 ต.ค.54
    [​IMG]
    โปรดท่านซึ้งบน (สันติ) ที่จันทรบุรี : 18 ต.ค.54
    [​IMG]
    ท่านสันติ
    [​IMG]
    น้องต้นว่าน (หลานท่านสันติ)
    [​IMG]
    บ้านสวนสันติธรรม จ.จันทบุรี
    [​IMG]
    เกาะช้าง จ.ตราด : 21 ต.ค.54
    [​IMG]
    ถวายภัตตาหาร ณ เกาะแห่งหนึ่งใน จ.ตราด : 22 ต.ค.54
    [​IMG]
    สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จ.ชลบุรี : 22 ต.ค.54
    [​IMG]
    [​IMG]
    ณ. วิหารหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จ.นครราชสีมา : 23 ต.ค.54
    [​IMG]
    [​IMG]
    โปรดท่านสาวกธรรม1 (ประจักษ์) : 23 ต.ค.54
    [​IMG]
    [​IMG]
    โปรดท่าน ดร.นนต์ : 23 ต.ค.54
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_1264.JPG
      SAM_1264.JPG
      ขนาดไฟล์:
      202 KB
      เปิดดู:
      1,812
    • SAM_1381.JPG
      SAM_1381.JPG
      ขนาดไฟล์:
      197 KB
      เปิดดู:
      1,864
    • SAM_1384.JPG
      SAM_1384.JPG
      ขนาดไฟล์:
      217.6 KB
      เปิดดู:
      1,997
    • SAM_1386.jpg
      SAM_1386.jpg
      ขนาดไฟล์:
      320.4 KB
      เปิดดู:
      1,888
    • P1010246.jpg
      P1010246.jpg
      ขนาดไฟล์:
      184.7 KB
      เปิดดู:
      1,768
    • P1010345.jpg
      P1010345.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.1 KB
      เปิดดู:
      1,939
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    พระพุทธองค์ทรงเสด็จโปรดผกาพรหม

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=PzwKCfWcExc&feature=player_embedded"]Buddha Thus Have I Heard - พระพุทธองค์โปรดพกาพรหม[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ujwBfRedqfE&feature=player_profilepage"]HIPHOPLANLA'S CHANNEL - YouTube[/ame]
    ที่มา: http://www.youtube.com/user/hiphoplanla
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2012
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    วาระธรรมะสัญจรครั้งที่ 2 : ภาคเหนือ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    โปรดบ้านสุขสมบัติ : 14 พ.ย.54:08:45 น.
    [​IMG]
    มอบไว้ให้เมื่อ 13 พ.ย. 2554
    ก้าวที่ยิ่งใหญ่...เริ่มจากก้าวเล็กๆเสมอ...พ.สุรเตโช
    [​IMG]
    วัดถ้ำอินทนิล อ.แม่สอด จ.ตาก
    [​IMG]
    สุดประจิมที่ริมเมย
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    วาระธรรมะสัญจรครั้ง 2 สู่ภาคเหนือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    พระศรีอารย์ประทานพรสุขสมบัติ

    [​IMG]
    [​IMG]
    พระศรีอารย์ประทานพรสุขสมบัติ
    กราบ กราบ กราบ

    พระบูชาแก้วองค์นี้: องค์ท่านอธิษฐานแทนองค์พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าพระผู้ทรงพระมหาเมตตาต่อสามแดนโลกธาตุ
    - รัตนตรัย มาจากคำว่า “รัตน” แปลว่า แก้วหรือสิ่งประเสริฐ
    - นิพพาน ท่านก็เปรียบเหมือนเมืองแก้ว
    - บันไดแก้ว คือบันไดที่ทรงพระดำเนินโดยพระพุทธเจ้าของเรา

    พระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้ครอบครองแก้ว 7 ประการ อันได้แก่

    1. จักรแก้ว (จกฺกรตฺตนํ) เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสงสว่างไสว แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดีลอยไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน เมื่อจะถวายเครื่องบรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิก็ไม่ยอมรับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้

    2. ช้างแก้ว (หตฺถีรตฺตนํ) ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า

    3. ม้าแก้ว (อสฺสรตฺตนํ) ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศได้ คล่องแคล่วว่องไง ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า

    4. มณีแก้ว (มณิรตฺตนํ) มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้บังเกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน

    5. นางแก้ว (อิตถรตฺตนํ) นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป พูดจาไพเราะ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ คอยฟังรับสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ

    6. ขุนคลังแก้ว (คหปติรตฺตนํ) คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้ ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหน ขุนคลังแก้วเห็นหมด

    7. ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตฺตนํ) ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษาแด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ

    แก้ว จึงประเสริฐยิ่งในการสร้างสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง

    พระพุทธปฐวีธาตุที่พ่อแม่ครูอาจารย์มอบให้เหล่า นรธ. ก็เป็นแก้วที่ประเสริฐเช่นกัน; กันบางส่วนไว้...รอบรรจุพระเจดีย์ฯด้วยกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  7. nakorn_nd

    nakorn_nd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +174
    รายงานตัวบ้านใหม่ครับ

    สวัสดีครับ พี่ๆทุกท่านทุกพระองค์

    นคร รายงานตัวครับ กลับมาเป็นอุบาสก แล้วครับ งานท่วมเลยครับ เพิ่งจะได้เข้ามาทักทายพี่ๆ ทุกท่าน โดยเฉพาะ ท่านสมบัติ สบายดีบ่ อ้าย ได้รับของที่ส่งมาให้ครั้งที่แล้ว นานแล้ว (งานแต้งามว่า กู้อย่างตี่ส่งมาเลยครับ ขอบคุณหลายๆ เด้อ อ้าย เด้อ) แต่บ่มีเวลามาบอกขอโทษด้วยนะครับ เอาบุญมาฝากตวยเน้อ อ้าย ได้บุญร่วมกันเน้อ อฐิษฐานจิตส่งบุญมาให้ตลอดเลย ได้รับก่ออ้าย พี่ๆทุกคนด้วยนะครับ ครูชาติ พี่นนท์ พี่สันติ และท่านอื่นๆ นคร ระลึกถึงอยู่เสมอครับ ตอนนี้ขอเป็นผู้ติดตามไปก่อนนะครับ

    นคร-0813198446
     
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ยินดีต้อนรับ นรธ.และญาติธรรมทุกท่าน

    กราบสวัสดีและยินดีต้อนรับเพื่อน นรธ.และญาติธรรมทุกท่านครับ,

    ก่อนอื่นก็ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้แห่งใหม่นี้ ซึ่งยังไม่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ
    ระหว่างนี้กระผมกำลังเคร่งเครียดคัดสรรค์ข้อมูลมาลง ก่อนที่จักปิดกระทู้เดิมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เมษายน 2555
    ก็ต้องขอประทานโทษด้วยที่ไม่ได้ทักทายกัน แต่จิตยังระลึกนึกถึงกันเสมอๆ

    ท่านนคร...เป็นอย่างไรบ้างครับประสบการณ์เข้าสู่ร่มเงาแห่งผ้ากาสาวพัส ผมยังรอรับการถ่ายทอดธรรมะจากท่านอยู่เด๊อ หุหุ
    ต้องขอโมทนาในบุญกุศลของท่านและคณะที่ออกบวช ณ สวนทิพย์โลกอุดร ดอยอ่างขางด้วย

    ในช่วงวาระสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมก็ได้เดินทางไปแสวงบุญกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์และคณะ นรธ. (ไว้จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้ดูในลำดับต่อไป)
    ผลบุญที่พวกเราไปร่วมสร้างมา ก็ขอให้ท่านนคร และทุกท่านที่ผ่านมาพบ มาอ่าน มาเห็น จงมีส่วนในบุญกุศลนี้ร่วมกันทุกประการ

    ปล: พระพุทธปฐวีธาตุงามหลายนั้น องค์ท่านจารให้ท่านโดยเฉพาะครับ :cool:

    ขอเจริญในธรรมและมีความสุขความเจริญหลายๆ
    IT Man/26.04.55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  9. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    แผนที่เส้นทาง เดินมาแสวงบุญ ณ ภูดานไห
    แผนที่เส้นทางในการเดินทางมาแสวงบุญ ณ ภูดานไห สามารเดินทางมาโดยรถโดยสารประจำทาง หรือ ขับรถยนต์ส่วนตัวมาตามทางหลวงหมายเลข 12 หรือ ทางหลวงหมายเลข 2042 เส้นทางจาก มุกดาหาร - แม่สอด ดังในภาพด้านล่าง
    [​IMG]
    ทางเข้าวัดอยู่ระหว่างบ้านกุดหว้า และบ้านนาไคร้ ทางเลี้ยวเข้าวัดหากเดินทางมาจากอำเภอกุฉินารายณ์ ทางเข้าวัดจะห่างจากสำนักงาน อบต.กุดหว้า ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ให้สังเกตุบ้านหลังคาสีฟ้า ทางเข้าวัดเป็นทางลูกรัง ให้เข้ารัถไปตามทางลูกรัง หรือไปตามเสาไฟฟ้า อีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ตามรูปด้านล่าง......
    [​IMG]
    หรือสอบถามเส้นทางแสวงบุญได้ที่
    089-5694002 หรือ 080-1765282
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • map1.jpg
      map1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      153.9 KB
      เปิดดู:
      900
    • map2.jpg
      map2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.6 KB
      เปิดดู:
      962
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2012
  10. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    นักหลบธรรม

    "นักหลบธรรม" ตามความหมายขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
    ด้วยความที่ท่านเป็นห่วงเหล่าศิษย์จะตีความหมายธรรมของท่านผิดไป แล้วก่อให้เกิดความไม่สบายใจ ขาดซึ่งกำลังใจในการปฏิบัติในธรรม
    ธรรมะสั้นๆที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ได้สื่อสารออกไป...เมื่อปล่อยให้กาลเวลาผนวกปัญญาของศิษย์ขบคิดกันไปสักระยะแล้ว
    เมื่อถึงกาลอันควรท่านก็ได้เมตตาเฉลย คำเฉลยนั้นก็ช่างเปรียบดั่งน้ำทิพย์โชลมดวงใจน้อยๆของเหล่านักรบธรรมทั้งหลายเป็นยิ่งนัก...ดังนี้

    คำถามนำ...
    ตามปกติหากโยมเจอแดดและฝน โยมควรทำอย่างไร?...
    คำเฉลย...
    โยมก็ต้องหาที่หลบแดดหลบฝนนั้นใช่มั๊ย?...เช่น บ้านหรือร่มเงาต่างๆ ยิ่งมีขนาดใหญ่และมั่นคง โยมก็มีความปลอดภัยจากแดดและฝนมากยิ่งขึ้น

    นักปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ก็ต้องหลบจากกิเลส ตัณหา เข้าหาพระธรรม ยิ่งเข้าหาสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ในธรรม โยมก็จะปลอดภัยจากกิเลส ตัณหานั่นมากยิ่งขึ้น
    ฯลฯ

    ภาษาธรรมของพระอริยเจ้าทั้งหลายจะวิ่งเข้าหาธรรมโดยตลอด ความหมายนั้นจึงห่างไกลจากความหมายของทางโลกหรือปุถุชนคนธรรมดายิ่งนัก

    ทว่า...พระอริยเจ้าทั้งหลายก็มาจากปุถุชนคนธรรมดาที่พยายามขัดเกลากิเลส หลบเข้าหาพระธรรม สมดั่งคำ "นักหลบธรรม" นั่นเอง

    โมทนาสาธุ
    กราบ กราบ กราบ
     
  12. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377


    รู้ช้า เลยมารายงานตัวช้า
    ยินดีกับบ้านหลังใหม่ด้วยครับ

    บ้าน...จะหลังใหม่หรือหลังเก่า ก็ถือว่าเป็นสภาวะที่อยู่อาศัยชั่วคราว เท่านั้น (เสมือนร่างกายของเรา ก็ถือว่าเป็นสภาวะชั่วคราว อันหนึ่งเหมือนกัน) สุดท้ายก็ต้องผุพังจากกันอยู่ดี สำคัญที่ผู้อยู่อาศัยว่าจะ ปฏิบัติตัวอย่างไร ถ้าปฏิบัติถูกต้องเดินถูกทาง เดินตาม " รอยธรรม " ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาชี้นำ เราก็จักไม่หลงทาง กลับมาอาศัยบ้านหลังนี้อีก

    ผู้ข้า ขอกราบ กราบ กราบ แทบบาทพระป่าบ้านนอก ด้วยความนอบน้อมครับ
     
  13. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    พอดีไปพบบทความเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ จากเว็บไซต์ เทพจำแลงดอทคอม ก็อนุญาตนำบทความดังกล่าวมาฝากนักรบธรรมดังนี้...
    ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าโดยละเอียด

    หมวดที่ ๑ - พระพุทธสรีระ
    [​IMG]
    "มหาบุรุษ ลักษณะ ๓๒ ประการ"
    ผู้ที่มีมหาบุรุษลักษณะ เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้าเมื่อก่อนตรัสรู้ ลักษณะของมหาบุรุษมี ๓๒ ประการ คือ
    ๑. มีพระบาทราบเสมอกัน (พระบาท = เท้า)
    ๒. ลายพื้นพระบาทเป็นจักร (จักร = รูปลอยล้อรถ คือธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุลล้อนำไป สู่ที่หมาย)
    ๓. มีส้นพระบาทยาย (ถ้าแบ่ง ๔ ส่วน พระชงฆ์ตั้งอยู่ในส่วนที่ ๓) (พระชงฆ์ = แข้ง)
    ๔. มีนิ้วยาวเรียว (หมายถึงนิ้วพระหัตถ์และพระบาทด้วย)(นิ้วพระหัตถ์ = นิ้วมือ)
    ๕. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
    ๖. ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย
    ๗. มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ อัฐิข้อพระบาทตั้งลอยอยู่หลังพระบาท กลับกลอกได้คล่อง เมื่อทรงดำเนินผิดกว่าสามัญชน (อัฐิ = กระดูก ดำเนิน = เดิน)
    ๘. พระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย
    ๙. เมื่อยืนตรง พระหัตถ์ทั้งสองลูบจับพระชานุ (พระชานุ = เข่า)
    ๑๐. มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก (พระคุยหะ = อวัยวะที่ลับ)
    ๑๑. มีฉวีวรรณดุจสีทอง (ฉวีวรรณ =สีผิวกาย)
    ๑๒. พระฉวีละเอียด (พระฉวี = ผิว)
    ๑๓. มีเส้นพระโลมาเฉพาะขุมละเส้น ๆ (พระโลมา = ขน)
    ๑๔. เส้นพระโลมาดำสนิทเวียนเป็นทักขิณาวัฏ มีปลายงอนขึ้นข้างบน (ทักขิณาวัฏ = วนเลี้ยวทางขวาอย่างเข็มนาฬิกา)
    ๑๕. พระกายตั้งตรงดุจท้าวมหาพรหม
    ๑๖. มีพระมังสะอูมเต็มในที่ ๗ แห่ง (คือ หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒ และหลังพระบาททั้ง ๒ , พระอังสาทั้ง ๒, กับลำพระศอ) (พระมังสะ = เนื้อ , ชิ้นเนื้อ พระอังสา = บ่า,ไหล่ พระศอ = คอ)
    ๑๗. มีส่วนพระสรีระกายบริบูรณ์ (ล่ำพี) ดุจกึ่งท่อนหน้าแห่งพญาราชสีห์ (สรีระ = ร่างกาย)
    ๑๘. พระปฤษฎางค์ราบเต็มเสมอกัน (พระปฤษฎางค์ = ส่วนหลัง,ข้างหลัง)
    ๑๙. ส่วนพระกายเป็นปริมณฑล ดุลปริมณฑลแห่งต้นไทร(พระกายสูงเท่ากับว่าของพระองค์)(วา = เท่ากับ ๔ ศอก ประมาณ 2 เมตร)
    ๒๐. มีลำพระศอกกลมงามเสมอตลอด
    ๒๑. มีเส้นประสาทสำหรับรสพระกระยาหารอันดี
    ๒๒.มีพระหนุดุจคางแห่งราชสีห์ (โค้งเหมือนวงพระจันทร์)(พระหนุ = คาง)
    ๒๓.มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ (ข้างละ ๒๐ ซี่) (พระทนต์ = ฟัน)
    ๒๔.มีพระทนต์เรียบเสมอกัน
    ๒๕.พระทนต์เรียบสนิทมิได้ห่าง
    ๒๖.เขี้ยวพระทนต์ทั้ง 4 ขาวงามบริสุทธ์
    ๒๗.พระชิวหาอ่อนและยาว (อาจแผ่ปกพระนลาฏใต้)(พระชิวหา = ลิ้น พระนลาฎ = หน้าผาก)
    ๒๘.พระสุรเสียงดุจท้าวมหาพรหม ตรัสมีสำเนียงดุจนกการเวก
    ๒๙.พระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
    ๓๐.ดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
    ๓๑.มีอุณาโลมระหว่างพระโขนง เวียนขวาเป็นทักขิณาวัฏ (อุณาโลม = ขนระหว่างคิ้ว)
    ๓๒.มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ (พระเศียร = ศีรษะ)

    "อนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ"
    นอกเหนือจากมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการแล้ว ยังมีลักษณะข้อปลีกย่อยของพระมหาบุรุษ นิยมเรียกกันว่า "อสีตยานุพยัญชนะ" หรือ อนุพยัญชนะ" อีก ๘๐ ประการด้วยกัน คือ
    ๑. มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทอันเหลืองงาม
    ๒. นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทเรียวออกไปโดยลำดับแต่ต้นจนปลาย
    ๓. นิ้วพระหัตถ์แลนิ้วพระบาทกลมดุจนายช่างกลึงเป็นอันดี
    ๔. พระนขาทั้ง ๒๐ มีสีอันแดง (พระนขา = เล็บ)
    ๕. พระนขาทั้ง ๒๐ นั้น งอนงามช้อนขึ้นเบื้องบนมิได้ค้อมลงเบื้องต่ำ ดุจเล็บแห่งสามัญชนทั้งปวง
    ๖. พระนขานั้นมีพรรณอันเกลี้ยงกลมสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
    ๗. ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทซ่อนอยู่ในพระมังสะมิได้สูงขึ้นปรากฏออกมาภายนอก
    ๘. พระบาททั้งสองเสมอกันมิได้ย่อมใหญ่กว่ากันมาตรว่าเท่าเมล็ดงา
    ๙. พระดำเนินงามดุจอาการเดินแหงกุญชรชาติ
    ๑๐. พระดำเนินงามดุจสีหราช
    ๑๑. พระดำเนินงามดุจดำเนินแห่งหงส์
    ๑๒. พระดำเนินงามดุจอสุภราชดำเนิน
    ๑๓. ขณะเมื่อยืนจะย่างดำเนินนั้น ยกพระบาทเบื้องขวาย่างไปก่อน พระกายเยื้องไปข้างเบื้องขวาก่อน
    ๑๔. พระชานุมณฑลเกลี้ยงกลมงามบริบูรณ์ บ่มิได้เห็นอัฏฐิสะบ้าปรากฏออกมาภายนอก
    ๑๕. มีบุรุษพยัญชนะบริบูรณ์ คือมิได้กิริยามารยาทคล้ายสตรี
    ๑๖. พระนาภีมิได้บกพร่อง กลมงามมิได้วิกลในที่ใดที่หนึ่ง (พระนาภี = สะดือ)
    ๑๗. พระอุทรมีสัณฐานอันลึก (พระอุทร = ท้อง)
    ๑๘. ภายในพระอุทรมีรอยเวียนเป็นทักขิณาวัฏ
    ๑๙. ลำพระเพลาทั้งสองงามดุจลำสุวรรณกัททลี (พระเพลา = ตัก, ขา สุวรรณกัททลี = ลำต้นกล้วยสีทอง)
    ๒๐. งวงแห่งเอราวัณวัณเทพหัตถี (เอราวัณเทพยหัตถี = ช้าง ๓๓ เศียร เป็นพาหนะของพระอินทร์)
    ๒๑. พระอังคาพยพใหญ่น้อยทั้งปวงจำแนกเป็นอันดี คืองามพร้อมทุกสิ่งหาที่ตำหนิบ่มิได้ (พระอังคาพยพ = องคาพยพ = ส่วนน้อยใหญ่แห่งร่างกาย,อวัยวะน้อยใหญ่)
    ๒๒. พระมังสะที่ควรจะหนาก็หนา ที่ควรบางก็บางตามที่ทั่วทั้งพระสรีรกาย
    ๒๓. พระมังสะมิได้หดหู่ในที่ใดที่หนี่ง
    ๒๔. พระสรีกายทั้งปวงปราศจากต่อมและไฝปาน มูลแมลงวันมิได้มีในที่ใดที่หนึ่ง
    ๒๕. พระกายงามบริสุทธิ์พร้อมสมกันโดยตามลำดับทั้งเบื้องบนแลเบื้องล่าง
    ๒๖. พระกายงามบริสุทธิ์สิ้นปราศจากมลทินทั้งปวง
    ๒๗. ทรงพระกำลังมาก เสมอด้วยกำลังแห่งกุญชรชาติประมาณถึงพันโกฏิช้าง ถ้าจะประมาณด้วยกำลังบุรุษก็ได้ถึงแสนโกฏิบุรุษ (โกฏิ = สิบล้าน)
    ๒๘. มีพระนาสิกอันสูง (พระนาสิก = จมูก)
    ๒๙. สัณฐานพระนาสิกงามแฉล้ม
    ๓๐. มีพระโอษฐเบื้องบนเบื้องต่ำมิได้เข้าออกกว่ากัน เสมอเป็นอันดี มีพรรณแดงงามดุจสีผลตำลึงสุก (พระโอษฐ = ปาก, ริมฝีปาก)
    ๓๑. พระทนต์บริสุทธิ์ปราศจากมูลมลทิน
    ๓๒. พระทนต์ขาวดุจดังสีสังข์
    ๓๓. พระทนต์เกลี้ยงสนิทมิได้เป็นริ้วรอย
    ๓๔. พระอินทรีย์ทั้ง ๕ มีจักขุนทรีย์ เป็นอาทิงามบริสุทธิ์ทั้งสิ้น(พระอินทรีย์ = ร่างกายและจิตใจ)
    ๓๕. พระเขี้ยวทั้ง 4 กลมบริบูรณ์
    ๓๖. ดวงพระพักตร์มีสัณฐานขาวสวย
    ๓๗. พระปรางค์ทั้งสองดูเปล่งงามเสมอกัน (พระปรางค์ = แก้ม)
    ๔๐. ลายพระหัตถ์มีรอยอันตรง บ่มิได้ค้อมคด
    ๔๑. สายพระหัตถ์มีรอยอันแดงรุ่งเรือง
    ๔๒. รัศมีพระกายโอภาสเป็นปริมณฑลโดยรอบ
    ๔๓.กระพุ้งพระปรางค์ทั้งสองเคร่งครัดบริบูรณ์
    ๔๔. กระบอกพระเนตรกว้างแลยาวงามพอสมกัน
    ๔๕. ดวงเนตรกอปรด้วยประสาททั้ง ๕ มีขาวเป็นอาทิผ่องใสบริสุทธิ์ทั้งสิ้น
    ๔๖. ปลายเส้นพระโลมาทั้งหลายมิได้วอมิได้คด
    ๔๗. พระชิวหามีสัณฐานอันงาม
    ๔๘. พระชิวหาอ่อนบ่มิได้กระด้าง มีพรรณอันแดงเข้ม
    ๔๙. พระกรรณทั้งสองมีสันฐานอันยาวดุจกลีบปทุมชาติ (พระกำรณ = หู)
    ๕๐. ช่องพระกรรณมีสัณฐานอันกลมงาม
    ๕๑. ระเบียบพระเส้นทั้งปวงนั้นสละสลวยบ่มิได้หดหู่ในที่อันใดอันหนึ่ง
    ๕๒. แถวพระเส้นทั้งหลายซ่อนอยู่ในพระมังสะทั้งสิ้น บ่อมิได้เป็นคลื่นฟูขึ้นเหมือนสามัญชนทั้งปวง
    ๕๓. พระเศียรมีสัณฐานอันงาม
    ๕๔. ปริมณฑลพระนลาฏโดยกว้างยาวพอสมกัน
    ๕๕. พระนลาฏมีสันฐานอันงาม
    ๕๖. พระโขนงมีสันฐานอันงามดุจกันธนูอันก่งไว้
    ๕๗. พระโลมาที่พระโขนงมีเส้นอันละเอียด
    ๕๘. เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วราบไปโดยลำดับ
    ๕๙. พระโขนงนั้นใหญ่
    ๖๐. พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร
    ๖๑. ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย
    ๖๒. พระสรีรกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ
    ๖๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
    ๖๗. พระโลมามีเส้นเสมอกันทั้งสิ้น
    ๖๘. พระโลมามีเส้นละเอียดทั่วทั้งพระกาย
    ๖๙. ลมอัสสะปัสสาสะลมหายพระทัยเข้าออกก็เดินละเอียด
    ๗๐. พระโอษฐมีสันฐานอันงามดุจแย้ม
    ๗๑. กลิ่นพระโอษฐหอมดุจกลิ่นอุบล (อุบล = ดอกบัว,บัว)
    ๗๒. พระเกสาดำเป็นแสง (พระเกสา = ผม)
    ๗๓. กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ
    ๗๔. พระเกสาหอมดุจกลิ่นโกมลบุบผชาติ
    ๗๕. พระเกสามีสันฐานเส้นกลมสลวยทุกเส้น
    ๗๖. พระเกสาดำสนิททุกเส้น
    ๗๗. พระเกสากอปรด้วยเส้นอันละเอียด
    ๗๘. เส้นพระเกสามิได้ยุ่งเหยิง
    ๗๙. เส้นพระเกสาเวียนเป็นทักขิณาวัฏทุกๆ เส้น
    ๘๐. วิจิตรไปด้วยระเบียบพระเกตุมาลา กล่าวคือถ่องแถวแหงพระรัศมีอันโชตนาการขึ้น ณ เบื้องบนพระอุตมังคสิโรตม์ (พระเกตุมาลา = รัศมีซึ่งเปล่งอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า)

    "พระฉัพพรรณรังสีที่แผ่จากพระกายพระพุทธเจ้า"
    ฉัพพรรณรังสี คือแสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากจุดกลางเป็นรัศมี ๖ ประการ ซึ่งเปล่งออกจากพระสรีรกายของพระพุทธเจ้า คือ
    ๑. นีละ เขียวเหมือนดอกอัญชัน
    ๒. ปีตะ เหลืองเหมือนหรดาลทอง
    ๓. โลหิตตะ ขาวเหมือนแผ่นเงิน
    ๕. มัญเชฏฐะ สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่
    ๖. ปภัสสระ เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก
    สีทั้ง ๖ นี้ไม่ได้พุ่งออกเป็นสี ๆ ดังที่แยกไว้นี้ แต่แผ่ออกมาพร้อมกันในหนังสือปฐมสมโพธิกถา ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวถึงพระฉัพพรรณรังสีที่แผ่ซ่านออกจากพระกายพระพุทธเจ้า ไว้ดังนี้
    "ในลำดับนั้น พระฉัพพรรณรังสีก็โอภาสแผ่ออกจากพระสริรกาย อันว่านิลประภาก็เขียวสดเสมอด้วยสีแห่งดอกอัญชันมิฉะนั้นดุจพื้นแห่งเมฆแลดอกนิลุบลแลปีกแห่งแมลงภู่ ผุดออกจากอังคาพยพในที่อันเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า และพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า แลพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีหรดารทองแลดอกกรรณิการ์แลกาญจนปัฏอันแผ่ไว้ พระรัศมีออกจากพระสริรประเทศในที่อันเหลืองแล้ว แล่นไปสู่ทิศานุทิศต่าง ๆ พระรัศมีที่แดงอย่างพาลทิพากรแลแก้วประพาฬ แลกุมุทปทุมกุสุมชาติ โอภาสออกจากพระสริรอินทรีย์ในที่อันแดงแล้วแล่นฉวัดเฉวียนไปในประเทศที่ทั้งปวง พระรัศมีมีที่ขาวก็ขาวดุจดวงรัชนิกร แลแก้วมณี แลสีสังข์ แลแผ่นเงิน แลดวงดาวพกาพฤกษ์ พุ่งออกจากพระสริรประเทศในที่อันขาวแล้วแล่นไปในทิศโดยรอบ พระรัศมีหงสสิบาทก็พิลาสเล่ห์ดุจสีดอกเซ่ง แลดอกชบา แลดอกหงอนไก่ออกจากรัชกายรุ่งเรืองจำรัส พระรัศมีประภัสสรประภาครุนาดุจสีแก้วพลึกแลแก้วไพฑูริย์เลื่อมประพระฉัพพรรณรังสีทั้ง ๖ ประการแผ่ไพศาลแวดล้อมไปโดยรอบพระสกลกายยินทรีย์ กำหนดที่ ๑๒ ศอก โดยประมาณ อันว่าศศิสุริยประภาแลดาราก็วิกลวิการอันแสง เศร้าสีดุจหิ่งห้อยเหือดสิ้นสูญ มิได้จำรูญไพโรจโชติชัชวาล"
    รัศมีเฉกเช่นฉัพพรรณรังสีนี้มีเฉพาะพระพุทธเจ้าและเทวดาเท่านั้น นอกจากนี้ก็เกิดแต่ธรรมชาติเช่นสีรุ้งที่เรียกกันเป็นสามัญว่ารุ้งกินน้ำ หรือ พระจันทร์ พระอาทิตย์ทรงกลด ที่ออกจากเทวดานั้นจะเห็นได้ดังที่พรรณนาไว้ในพระสูตรต่าง ๆ ในเวลาที่เทวดามาเฝ้าพระพุทธเจ้าดังนี้
    มีเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีสว่างจ้าเข้ามายังพระเชตวัน ทำพระเชตวันให้สว่างไสวไปทั่วบริเวณ เข้าเผ้าพระทุทธเจ้าที่ประทับความสว่างของรัศมีนั้น ไม่เหมือนแสงเดือนแสงตะวัน หรือไม่เหมือนแสงไฟ เป็นแสงสว่างที่เสมอกันทั้งหมด และเป็นแสงสว่างที่ไม่มีเงาเหมือนแสงอื่นเป็นแสงที่แผ่ไปติดอยู่ทั่วบริเวณ
    มีข้อความในปฐมสมโพธกถา ปริเฉทที่ ๑๓ ธรรมจักรปริวรรตว่าดังนี้
    "ฝ่ายอุปกาชีวเดินมาโดยทุราคมวิถีทางไกล หว่าง คยาประเทศเขตเมืองราชคฤห์กับมหาโพธิญาณ ติดต่อกัน แลเห็นไพสณฑ์สถานอันโอฬารไพโรจน์พรรณราย ด้วยข่ายฉัพพรรณรังสีโสณิวิลาส ปรากฏโดยทิวาทัศนาการทั้งพสุธารแลอากาศโอภาสด้วยพระรัศมีมีพรรณแห่งละ ๖ อย่าง ทั่วทั้งทิศล่างและทิศบน มาสัมผัสกายตนประหลาดมหัศจรรย์ไม่เคยได้พบเห็นเป็นเช่นนี้มาแต่ก่อน ถ้าจะเป็นเพลิง ไฉนกายอาตมาจึงไม่ร้อนกระวนกระวายแม้จะเป็นน้ำ ไฉนกายอาตมาจะไม่ชุ่มชื้นเย็นนี่จะเป็นสิ่งอันใดยิ่งสงสัยสนเท่ห์จิต จึงเพ่งพิศไปข้างโน้นข้างนี้ ก็เห็นองค์พระผู้ทรงสวัสดิ์ภาคย์เสด็จบทจรมา รุ่งเรืองด้วยพระสิดิฉันธมหาหว่างติสสุระ ลักษณะแลพระพยามประภาโอภาสเบื้องบน พระสุริย ก็ช่วงโชติด้วยพระเกตุมาลา ครุนาดุจทองทั้งแท่งประดับด้วยฉัพพรรณรังสี รังสีแสงไพโรจน์จำรัส"
    คัดมาจากเว็บไซต์ http://www.thepjamlang.com/articles/375980/ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าโดยละเอียด.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • budha1.jpg
      budha1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.6 KB
      เปิดดู:
      857
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2012
  14. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    พอดีไปพบบทความเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ จากเว็บไซต์ เทพจำแลงดอทคอม ก็อนุญาตนำบทความดังกล่าวมาฝากนักรบธรรมดังนี้...

    ตำนาน พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ (นะ โม พุท ธา ยะ)
    [​IMG]
    ตำนาน พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ (นะ โม พุท ธา ยะ)

    ในสมัย ต้นปฐมกัป มีพญากาเผือกสองตัวผัวเมีย ทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถาน รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาต่อมา พระโพธิสัตว์ ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือก พร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาส แม่กาเผือกก็ออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อ จำนวน ๕ ฟอง (สถานที่นี้ในกาลต่อมาเรียกว่า วัดพระเกิด) และคอยเฝ้า ดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี อยู่ มาวันหนึ่งพญากาเผือกออกไปหากินถิ่นแดนไกลไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งอันสมบูรณ์ ด้วยธรรมชาติ แม่กาเผือกเพลินหากินอาหาร ชื่นชมกับธรรมชาติจนมืดค่ำ เกิดลมพายุใหญ่พัดกระหน่ำมืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้หาหนทางออก ไม่ถูก จึงหลงอยู่ในบริเวณสถานที่นั้น (สถานที่นั้นในกาลต่อมาเรียกว่า เวียงกาหลง) แม่กาเผือกได้อยู่ที่เวียงกาหลง คืนหนึ่ง จนเช้าจึงรีบถลาบินกลับที่พัก แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อที่ทำรังอยู่ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกที่ยังอยู่ในไข่ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ในที่สุดก็สิ้นใจตายอย่างน่าสงสาร

    แต่ด้วยอานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์กับทั้งที่ลูกของแม่กา เผือกเป็นพระโพธิสัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกไปจุติยังแดนพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้พระนามว่า “ฆติกามหาพรหม” จักได้เป็นผู้ถวาย อัฏฐะบริขาร บวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนไข่ทั้ง ๕ ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่าง ๆ ไข่ฟองที่ ๑ แม่ไก่เก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๓ แม่เต่า เก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา ไข่ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา

    ครั้นในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ ปรากฏเป็นมนุษย์บุรุษรูปงานทั้ง ๕ พระองค์ และเจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงด้วยความกตัญญู รู้จักหน้าที่ ทดแทนบุญคุณจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่งก็มีจิตคิดที่จะออกบวชบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่า จึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ ฝ่ายแม่เลี้ยงก็ไม่ขัดความประสงค์ อนุญาตให้ลูกไปบวช บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความอนุโมทนา

    แม่ เลี้ยงทั้ง ๕ เป็นปณิธานที่มุ่งมั่น จะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ในวัฏฏะสงสาร จึงฝากนามของแม่เลี้ยงไว้กับลูกเพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาค หน้า เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกแล้วตามลำดับพระนามดังต่อไปนี้
    องค์ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นไก่

    องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค

    องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า

    องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค

    องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นราชสีห์

    ในกัปนี้ชื่อว่า ภัททกัปเป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ” นะ คือ พระกกุสันโธ โม คือ พระโกนาคมโน พุท คือ พระกัสสโป ธา คือ พระโคตโมยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย จนเป็นคาถาที่ใช้สืบต่อกันมา ฝ่าย พระโพธิสัตว์ ทั้ง ๕ เมื่อออกบวชเป็นฤาษีก็ได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐานจนสำเร็จญาณอภิญญาสมาบัติ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะมาหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ ณ ใต้ต้นนิโครธ อันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ ฤาษีทั้ง ๕ ได้มาพบกัน ณ ที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย จึงสอบถามถึงความเป็นมาของกันและกันจนรู้ว่าแต่ละองค์ก็มีแต่แม่เลี้ยง ฤาษีทั้ง ๕ จึงร่วมกันตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้า ด้วยอำนาจสัจจะอธิษฐานธรรมอันบริสุทธิ์ดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม ซึ่งเดิมคือ แม่กาเผือก ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจำแลงเพศเป็นรูปเดิม ขนขาวสวยงาม มาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของฤาษีทั้ง ๕ เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็รู้สึกสลดสังเวชใจและสำนึกบุญคุณอันใหญ่หลวงของแม่กาเผือก จึงน้อมนมัสการผู้เป็นแม่ กราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์ผู้บังเกิดเกล้าไว้บูชา ได้มาเป็นผ้าฝ้ายเป็นตีนกาสัญลักษณ์ของแม่กาเผือกให้แก่ลูกฤาษีทั้ง ๕ ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ และต่อมาได้กลายเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ตลอดกาลนาน

    ฤาษี โพธิสัตว์ทั้ง ๕ ต่างพากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาดจนดับขันธ์ ได้ไปจุติบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพ และในกาลต่อมาก็วนเวียนบำเพ็ญเพียรบารมีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสงสารวัฏ นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง 30 ทัศแล้ว ก็ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ต้นกัปโลกา ก็จะนำเอาบริขาร คือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ในชาติสุดท้ายที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์

    กาลเวลาอันยาวนานผ่านไปจนถึงปัจจุบัน พระโพธิสัตว์ลูกแม่กาเผือก ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกไปแล้วถึง ๔ พระองค์ ตามลำดับดังนี้

    พระกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๔ หมื่นปี มีเขมวตีนนครของพระเจ้าเขมะเป็นราชธานี

    พระโกนาคมโนสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๓ หมื่นปี มีโสภวตีนนครของพระเจ้าโสภะเป็นราชธานี

    พระกัสสโปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๒ หมื่นปี มีพาราณสีนครของพระเจ้ากิงกิเป็นราชธานี

    พระโคตโมสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอายุ ๘๐ ปี มีกบิลพัสดุ์นครของพระพุทธเจ้าสุทโธทนะเป็นราชธาน

    ส่วน พระโพธิสัตว์องค์ที่ ๕ อันเป็นลูกองค์สุดท้ายของแม่กาเผือก คือ พระศรีอริยเมตไตรย์ จักเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในภัททกัป จะมีอายุถึง ๘ หมื่นปี
    ที่มาจากเว็บไซต์ http://www.thepjamlang.com/articles/372947/ตำนานพระพุทธเจ้า_๕พระองค์_พระพุทธเจ้า๕พระองค์.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • budha2.jpg
      budha2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74 KB
      เปิดดู:
      723
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2012
  15. manopk

    manopk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +61
    สวัสดีครับ
    ผมร่วมทำบุญสร้างพุทธสถาน(ภูดานไห) 2,000 บาทครับ
    โอนเข้าบัญชีวัดแล้ว
    มานพ
     
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    มาช้า ดีกว่าบ่มาเด๊อ หึหึ :cool:

    สรุปคณะ นรธ.และญาติธรรมที่จักเดินทางไปภูดานไหดังนี้
    1. 28-29 เม.ย.55 : คณะคุณต้อม ณ ปราจีน. (เจ้าของร้านกาแฟ...)
    2. 5-8 พ.ค.55 : คณะคุณสมร ณ กทม. โดยท่านภูเบศวร์จักเดินทางไปสมทบ

    โมทนาสาธุนำเด๊อ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สารบัญกิจธรรมปี 2555 (ไตรมาสแรก)

    1. องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สรุเตโช

    มีนาคม (2)
    กุมภาพันธ์ (3)
    มกราคม (4)
    2. พุทธสถานภูดานไห

    มีนาคม (31)
    กุมภาพันธ์ (27)
    มกราคม (29)
    3. พระพุทธปฐวีธาตุ

    มีนาคม (9)
    กุมภาพันธ์ (4)
    มกราคม (2)
    4. เรียงร้อยถ้อยธรรม

    มีนาคม (7)
    กุมภาพันธ์ (15)
    มกราคม (4)
    หมายเหตุ: เนื้อหาบางส่วน ท่านผู้อ่านต้องไตร่ตรองให้รอบครอบก่อน ตามหลักกาลามสูตร

    ต่อ : สารบัญกิจธรรมเดือนเมษายน 2555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2012
  18. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    ขออนุโทนาสาธุ...ด้วย ทุกประการ
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขออนุญาตแปะใบประกาศที่นี่ด้วยนะครับ
    Link ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  20. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ขออนุโมทนาและขอแสดงความยินดีกับพื้นที่ธรรมแห่งใหม่บนบ้านเก่าเว็บพลังจิต ขอให้ทุกท่านจงสุกสว่างไสวด้วยธรรมของพระพุทธองค์และองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และขอให้เจริญรอยตามเบื้องบาทอย่างซื่อสัตย์ และซื่อตรงต่อธรรม ทุกท่านเทอญ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    1 พฤษภาคม 2555
    เวลา 00.04 น.
     

แชร์หน้านี้

Loading...