อุปกรณ์ผลิต Free Energy มีมานานแล้ว แค่ยังไม่ได้ถูกนำมาผลิตจำหน่ายและแพร่หลายเท่านั้นเอง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 4 มิถุนายน 2010.

  1. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    ถ้าเรายังรู้และทำกันแบบมือสมัครเล่น ลองคิดดูครับแล้วพี่จีนแกจะไม่รู้และคิดนำไปใช้พัฒนาหรือครับ เขามีพร้อมทุกอย่างและก็หิวกระหายพลังงานมากๆๆๆๆๆ ทำไมถึงเงียบคงต้องดูว่าถึงที่สุดจะทำได้อย่างไร หรือทำแล้วแต่อยู่ในกองทัพเพื่อเอาไปเตรียมทำอะไรหลายๆอย่าง หรือทำได้แต่มีข้อจำกัดอยู่ ?
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Free Energy อยู่อีกกระทู้หนึ่ง
    ที่ผมแปลและโพสต์ไว้นานแล้วนะครับ

    ใครสนใจก็ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ


    "การปฏิวัติพลังงานฟรีที่กำลังจะมาถึง-โดย-laurie-addison"

    http://palungjit.org/threads/การปฏิวัติพลังงานฟรีที่กำลังจะมาถึง-โดย-laurie-addison.251115/
    ..............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    จากข้อมูลในเวปไซต์ของนาย David Wilcock
    เขาบอกว่า อุปกรณ์ และ เทคโนโลยีแบบนี้
    หรือทันสมัยยิ่งกว่านี้ ทั้งที่ได้มาจากต่างดาว
    (จากการทำสนธิสัญญากันระหว่างรัฐบาลลับ USA
    กับพวกต่างดาวฝ่ายมืด) และที่มนุษย์เราคิดค้นขึ้นเอง
    แต่ถูกพวกผู้มีอิทธิพลสกัดกั้นไว้ แถมยังริบไปเป็นของตัวเองอีกนั้น
    มีอยู่มากมายก่ายกอง อย่างน้อยก็ 6000 กว่า Patent ได้

    นาย David มีข้อมูลจากวงในว่า อุปกรณ์เหล่านี้
    มีใช้กันอยู่เกลื่อนกลาดและนานมาแล้ว
    ในฐานทัพลับใต้ดินทั้งหลายของพวก Illuminati ครับ

    ซึ่งอุปกรณ์ที่ว่านี้ หมายรวมถึงอุปกรณ์ที่ทำให้เราเดินทาง
    ไปเช้าเย็นกลับระหว่างดวงจันทร์, ดาวอังคาร และโลกได้ด้วย

    ฟังดูก็เหมือนนิยายอีกนั่นแหละ แต่ถ้าในเร็วๆนี้ มันถูกเปิดเผยออกมา
    ว่ามันมีอยู่จริง เพียงแค่ชาวโลกส่วนใหญ่ถูกปิดหูปิดตาไว้เท่านั้นเอง
    อะไรมันจะเกิดขึ้น ชาวโลกส่วนใหญ่ตาดำๆอย่างเราๆท่านๆนี่
    จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวอะไรกันแน่???

    ที่มามัวงมโข่งอยู่กับเทคโนโลยีเก่าๆของพวกเขา และ
    ที่ถูกพวกเขากรอกหูให้เชื่อว่าความจริงของโลกมันคืออย่างนั้นอย่างนี้
    มาโดยตลอด

    นี่แหละคือสิ่งที่คนรุ่นใหม่ ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าหลายๆคน
    ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกปฏิบัติจิตด้วย ต่อสู้ฝ่าฟันมาโดยตลอด
    เพื่อให้ความจริงถูกเปิดเผยซะที เพื่อให้ชาวโลกตาสว่างกันซะที
    ที่พวกเขาใช้คำว่า "เพื่อให้ชาวโลกตื่นกันซะที" หนะนะครับ

    เพราะว่าพวกเขารู้ว่ามันเป็นไปได้ และมันก็มีอยู่จริงด้วย
    เพราะว่าอุปกรณ์หลายๆชิ้นมันคือผลงานของพวกเขาเอง นั่นเอง!!

    ....................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2011
  4. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    แบบนี้หล่ะที่เราอยากทำ
    หากทำได้ช่วยเราหน่อย
    นะ เราศึกษามานานละ
    แต่ก้ไม่เข้าใจระบบเพราะ
    ไม่ได้เรียนด้านนี้มา
     
  5. KelG

    KelG สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
  6. kony

    kony Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +57
    เท่าที่ทราบตอนนี้ อุปกรณ์พวก free energy ได้มีการประดิษฐ์ขึ้นทดลองใช้งานตามจุดต่างๆ ทั่วโลก จากเอกสารแจกฟรีตาม internet ที่เป็นสิทธิบัตร ซึ่งมีคนใจดีรวบรวมไว้ให้
    เพราะสิทธิบัตรพวกนี้ถูกเก็บเป็นความลับ ทั้งจากรัสเซีย อเมริกา ยุโรป เยอรมัน และได้มีการดัดแปลงจนใช้งานได้จริงเรียกว่าการ over voltage ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่งในการจัดการ ขัดแย้งกับ ทฤษฎีการสูญเสียพลังงาน
     
  7. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    แหม กว่าเรื่องขี้โม้ของผมเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จะได้มีหลักฐานยืนยันบ้างสักที ยังมีเรื่องที่พวกนี้ไปขุดทองบนดวงจันทร์ กับมีฐานทัพที่ต่างดาว ย้ำครับว่ามนุษย์โลกนี่แหละแต่ไปสร้างฐานทัพอาศัยอยู่ต่างดาวได้แล้ว เท่าที่รู้มาอยู่ใต้ดินของดวงจันทร์ IO ของดาวพฤหัสบดี เรื่องฟรีพลังงาน จริงๆ แล้วมันไม่ได้ฟรีจริงๆ ถ้ายังใช้ระบบคลื่นแม่เหล็ก เพราะจริงๆ เป็นการถ่ายเทพลังงานแวดล้อมมา เช่น แรงดึงดูด แต่อย่างว่า ใครจะสนเพราะแรงดึงดูดหรือแรงภายนอกมันเหมือนของได้เปล่า ถ้าจะเอาไปใช้ในจานบินส่วนมากเขาใช้เป็นแร่เป็นผลึกที่เปลี่ยนสถานะของแสงให้เป็นประจุไฟฟ้า แต่ถ้าแบบเทพๆ นี่เป็นโคตรเครื่องขยายเลย ขยายพลังงานทุกชนิดให้เพิ่มได้อย่างมหาศาล แล้วยังขยายพลังจิตได้ซะด้วยสิ โม้พอแล้วแค่นี้ดีกว่า
     
  8. HeroX

    HeroX สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +10
    จริง ๆ ทำไม่ยากครับ ขั้นแรกเลยเราต้องหาวิธีทำอย่างไรให้แผ่นพลาสติก หมุนได้นานที่สุดก่อน อย่าพึ่งไปคิดเรื่องผลิตกระแสไฟ และอย่าให้ แผ่นพลาสติก โดนกันเด็ดขาด พูดง่าย ๆ เลยมันต้องลอยอยู่กลางอากาศ มันจะโดนแค่ทีแรกที่เราหมุนครับ (โดนแกนมันเท่านั้นเอง) พอมันหมุนคงที่มันก็จะลอยอยู่ในอากาศแล้วครับ ทดลองแรก ๆ มันอาจหมุนได้ไม่นาน หรือบางทีอาจแกว่ง ไม่กลมเสมอ ลองมองดูตรงขอบและแกนกลางตอนที่มันหมุนว่ามันเสมอกันหรือเปล่าถ้าไม่เสมอค่อย ๆ ขยับแม่เหล็กปรับไปเรื่อย ๆ ครับ ถ้ามันได้ศูนย์ หมุนทีเดียวมันจะไม่หยุดหมุนเลยครับ จากการทดลองผมทดสอบตอนเย็น พอเช้าอีกวันมันก็ยังหมุนอยู่ไม่หยุดเลย ส่วนเรื่องผลิตกระแสไฟ ก็นำทองแดงมาพันกับปากกา แล้วมาวางรอบแม่เหล็กครับ (ขดลวดตัดสนามแม่เหล็ก) ก็จะได้ไฟฟ้าไว้ใช้แล้วครับ
     
  9. AFIKLIFI๋

    AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    ขั้นตอนและอุปกรณ์มีอะไรบ้างหรือว่า
    เดี๋ยวให้คุยในข้อความส่วนตัวดี
    ขอความกรุณาด้วย
     
  10. Uaychai

    Uaychai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +231
    พลังงานฟรีและสะอาดเป็นมิตรกับโลก กำลังจะถูกนำมาใช้ โอ้วน่าทึ่งมากครับ
     
  11. leng-xx

    leng-xx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +9
    เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก อยากให้ชว่ยๆกัน ใครมีความรู้ใครที่เคยลองก็เสนอแนะกัน
     
  12. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ความใฝ่ฝัน (ไม่ใช่ความฝัน)
    อีกไม่เกิน 10 ปี เราจะมีสถานีไฟฟ้าดาวเทียมลอยอยู่บนอวกาศ ส่งกระแสไฟให้ชาวโลกใช้ โดยใช้คลื่นไฟฟ้าแบบเครื่องวิทยุหรือทีวี รถทุกคันใช้ไฟฟ้า และสามารถลอยอยู่บนอากาศเหมือนเครื่องบิน ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปก็มีมอเตอร์ไซด์ลอยได้ เป็นเครื่องกลม ๆ ใช้กระแสไฟฟ้าจากอวกาศ อยากไปไหนมาไหนก็ขึ้นนั่ง กดสตาร์ทแซะ ก็ไปได้ จะไปไกลเท่าใดก็ไปได้ไม่ต้องกลัวพลังงานหมด แต่ก็ไม่มีใครไปไหนไกลด้วยมอเตอร์ไซด์ ถ้าจะไปไหนไกล ๆ ก็ไปด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ความเร็ว 500 กม.ต่อชั่วโมง เครื่องบินโดยสารหมดสมัย ยกเว้นเดินทางข้ามประเทศหรือทวีปยังใช้กันอยู่ เพราะใบเดินทางผ่านแดนก็ยังใช้กันอยู่

    หรือว่า...โลกนี้รวมเป็นหนึ่งประเทศ 1 รัฐบาลรวม แล้วแยกย่อยปกครองแต่ละรัฐ การเงินสกุลเดียว แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะออกมารูปแบบไหน ทุกคนอาจใ้ช้บัตรเครดิต จะใช้จ่ายอะไรก็ใช้รูดอย่างเดียว โดยไม่ต้องใช้เงินตรา


    ผมว่ามันจะเข้าเค้ายุคพระศรีอารย์ที่เราเคยอ่านกันมา ที่ว่ามีต้นกัลปพฤกษ์ทุกมุมเมือง ใครนึกอยากได้อะไรก็ไปสอยเอาได้ ชีวิตมนุษย์สบายเหมือนเทวดาอยู่ในสวรรค์ ความเจ็บความป่วยก็ไม่มี อายุก็ยืนยาว ผมว่ามันเข้าเค้าที่คุณชยุตแลพวกได้แปลมาให้เราอ่านกันนะ นั่นคือโลกเลื่อนสู่มิติที่สูงขึ้นไง คนมีจิตใจสูงสามารถดำรงอยู่ได้ ถ้าจิตต่ำก็ต้องไปเกิดในภพภูมิที่อยู่ระดับเดียวกัน

    เมื่อก่อนผมสงสัยเรื่องเล่าว่าในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ (หลายกัปป์มาแล้ว)คนเรามีอายุยืนยาวถึง 20,000 ปี ร่างกายสูงใหญ่มาก นึกไม่ออกว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร พอมาอ่านเรื่องจักรวาลเดินได้ ก็ทำให้พอมองเห็นความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีมูลความจริง และเข้าใจคำว่า "กลียุค" มันคืออะไร
     
  13. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,016
    ค่าพลัง:
    +10,241
    ขอบคุณท่านผู้แปล และความเห็นอันเป็นประโยชน์จากทุกท่านครับ
     
  14. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    โลกในอุดมคติผมเลย (good)
     
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772

    "สถานี้ไฟฟ้าดาวเทียม" อาจจะไม่ใช่แบบที่ลอยอยู่บนฟ้าก็ได้ครับ
    เพราะแบบนั้นยุ่งยากไป เพราะว่าข้อมูลที่ผมรู้มาก็คือ
    เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ Zero point energy นี้ มันพกพาไปได้

    เช่น ถ้าอยู่ตามบ้านนอก หรือในชุมชนห่างไกล ก็ติดตั้งไว้ที่ไหนซักแห่ง
    ในหมู่บ้านนั้น ขนาดเล็กๆพอๆกับถังขยะมุมถนนใบย่อมๆเท่านั้นเอง
    แต่ผลิตไฟฟ้าได้จนกว่ามันจะพังไปข้างหนึ่ง

    ส่วนในรถนยตร์ ก็เป็นกระปุก หรือ กระบอกขนาด กระติดน้ำร้อน
    แล้วใส่ลงไปในห้องเครื่องยนตร์ อันนี้ก็วิ่งได้จนกว่ารถจะพังเลยทีเดียวครับ
    และกรณีที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ ก็มีนักวิทยาศาสตร์ทดลองใช้งานจริงแล้วด้วยครับ

    กรณีเรื่องต้นกาลปพฤกษ์ 4 มุมเมือง ที่ใครอยากได้อะไรก็ไปอธิษฐานเอานั้น
    ไม่ใช่เรื่องนิยายปรำปะราแต่อย่างใดเลย เพราะข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์
    ของคนวงในคนหนึ่งของนาย เดวิด วิวคอร์ก ที่ชื่อ Drek บอกว่า
    มันมีเครื่องนี้อยู่จริง ไม่ใช่ต้นไม้ แต่เป็นเครื่องจักรอัจฉริยะตัวหนึ่ง
    ที่ทำงานด้วยระบบสื่อกับจิตของคน คือมันสามารถสร้างวัตถุธาตุทางกายภาพ
    เช่น น้ำดื่ม อาหาร และอื่นๆ ขึ้นมาให้กับคนๆนั้นได้
    เพียงแต่เราต้องใส่ภาพในจินตนาการของเราลงไปสั่งงานมันเท่านั้นเอง

    นายเดวิดเรียกเครื่องนี้ว่า Materializer ครับ..
    .

    ......................................................................

    ดูข้อมูลได้ที่ลิงค์นี้นะครับ ในหัวข้อที่ชื่อว่า Technologies for a Golden Age

    MASS ARRESTS: David Interviews Drake -- Transcript!

    แต่ข้างล่างนี้คือคำแปลที่คุณ Isreal กรุณาแปลเอาไว้ให้พวกเราอ่านครับ


    .............................................................
    เทคโนโลยีสำหรับยุคทอง

    DK : คุณต้องการยุคทองอย่างนั้นหรือ? (หัวเราะ) งั้นลองนึกถึง
    เวลาที่คุณไม่ต้องใช้น้ำมันอีกต่อไปหรือไม่ต้องจ่ายภาษีอีกแล้วดูสิ
    หรือลองนึกดูว่าคุณไม่ต้องกังวลอีกแล้วเรื่องปากท้องของคุณ

    พวกเขามี - และฉันสามารถบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากประสบการณ์ส่วนตัว

    มีหนังไซไฟเรื่องหนึ่งชื่อสตาร์เทร็ค Gene Roddenberry
    ได้ติดต่อกับใครบางคนซึ่งรู้อนาคต

    DW : อืมม..

    DK :บางสิ่งบางอย่างที่คุณเห็นที่นั่นทั้งยานพาหนะ
    ซึ่งบ่งบอกว่าวันนี้มันเป็นเหมือนสตาร์เกต -
    สิ่งของเหล่านี้เป็นของจริงและมีใช้กันมาเป็นปีแล้ว

    ไอเดียเรื่องอาหารอัตโนมัติถูกคิดมานานแล้ว
    แต่ว่าพวกเขาก็ใช้มันมานานแล้วเช่นกัน
    คุณกำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นพิเศษ
    สำคัญและยอดเยี่ยม

    คุณต้องการยุคทองยังงั้นรึ? งั้นเวลาที่ใครซักคน
    เกิดหิวหรือกระหายน้ำขึ้นมาคุณจะ...
    คุณก็รู้นี่นา ว่ามันจะแสดงภาพและข้อความว่าเครื่องดื่ม
    และคุณก็กดมัน คุณชอบเครื่องดื่มแบบไหนล่ะ?

    บิงโก ! ตอนนี้ในมือคุณก็มีอะไรไว้ดื่มแล้วนี่
    หรือแม้กระทั่งเวลาที่คุณอยากกินสเต็ก
    มันก็ไม่มีอะไรมาก คุณไม่ต้องเดินไปหั่นวัว
    เองอีกแล้ว (หัวเราะ)

    เทคโนโลยีทางด้านวัตถุมันมีใช้อยู่แล้ว

    DW : คุณกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเทคโนโลยีที่จับต้องได้จริงๆที่ฉันรู้มา
    และไม่เคยแพร่งภายออกไปสู่สาธารณะชน ฉันหมายถึงว่ามันเป็น
    เทคโนโลยีที่เป็นวัตถุจริงๆน่ะ
    ฉันคิดว่าคำที่ถูกต้องเหมาะสมกว่าน่าจะเป็นคำว่า"เนรมิต"นะ

    DK : ใช่แล้ว

    DW : ฉันได้ยินมาว่าสิ่งเหล่านั้นมันเป็นเรื่องจริงเอามากๆ
    มันทำงานร่วมกันกับจิตใจของคุณ และมันก็ไม่เหมือนกับ
    การออกคำสั่งด้วย

    DK : ใช่

    DW : คุณทำให้เห็นเป็นภาพก่อนว่าคุณต้องการจะกินอะไร
    เครื่องก็จะแสกนภาพนั้นและทำมันออกมาให้คุณอย่างเยี่ยม
    ที่สุดเท่าที่มันจะทำได้

    หมายถึงว่าอาหารที่คุณกินเข้าไปนั้นมันจะทำความสะอาดภายใน
    ช่องปากของคุณไปด้วยในขณะที่คุณกำลังกินมัน และอาหารนั้น
    จะกลายเป็นสารอาหารเองเลยเมื่อคุณย่อยมัน

    .....................................................................
    ที่มาของบทแปล:

    จุดจบของกลุ่ม-illuminati-การลาออกและการจับกุมครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้

    http://palungjit.org/threads/จุดจบข...ุมครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้.329774/

    ........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    [​IMG]

    (ภาพประกอบจาก Thrive)

    ลืมบอกไปว่า ในภาพยนตร์เรื่อง Thrive นี้
    ได้เปิดเผยเรื่องราวหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นจริงให้พวกเราได้รู้

    ทั้งเรื่องของ Secred geometry ซึ่งเป็นที่มาของ Zero point energy
    และรวมถึงเรื่องของ free energy ที่มีการค้นพบ และ ทำสำเร็จกันมานานแล้ว
    แต่ถูกสกัดกั้นไว้โดยนายทุนอุตสาหกรรมพลังงานทั้งหลายเท่านั้นเอง
    อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว และในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังได้เอ่ยชื่อนักวิทยาศาสตร์บางคน
    ที่ตายอย่างปริศนา หรือที่ถูกทำลายห้องแล็ปครั้งแล้วครั้งเล่า
    หรือที่ถูกรัฐบาลยึดอุปกรณ์ที่คิดค้นมาได้เอาไปโดยไม่คืนเลยด้วย มากมายหลายคน
    และยังพูดถึงชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวกับพลังงานด้วย

    รูปภาพซึ่งเป็นภาพจำลองแนวคิดด้านการใช้อุปกรณ์ free energy ที่ผมกล่าวถึงว่า
    มันมีขนาดไม่ใหญ่นั้น มันก็อยู่ในภาพยนตร์ชุดนี้แหละครับ ราวๆนาทีที่ 40 นะครับ

    นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึง การให้ความช่วยเหลือ และการติดต่อจากสิ่งมีชีวิตนอกโลกด้วย
    พูดถึงหลักฐาน และพยาน ที่เห็น UFO และ พูดถึง Crop Circles และความหมายของมันด้วย

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงอีกหลายเรื่อง เช่น อาหารตัดแต่งพันธุกรรม จากอิลลูมินาติ
    ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดประชากรโลกของพวกเขา
    เพราะว่าอาหาร GMO ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ "เพศชายเป็นหมัน" นั่นเอง

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ การครองโลกของกลุ่มอิลลูมินาติ โดยอาศัย "เงิน"
    เช่น ผ่านทางกลโกงต่างๆด้านเศรษฐกิจ และการเงินการธนาคาร
    ผ่านทางธุรกิจอาหาร, พลังงาน, ยา-การแพทย์, การสื่อสาร เป็นต้น
    คือสรุปว่า การที่จะควบคุมมนุษย์ได้ ต้องควบคุมปัจจัยพื้นฐานทั้งหมดที่จำเป็นต่อมนุษย์ให้ได้นั่นเอง

    ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดนี้ ทีมงานสร้างภาพยนตร์เขามีข้อมูลการศึกษาของพวกเขา
    และยืนยันว่าข้อมูลของพวกเขาถูกต้อง และเชื่อถือได้ด้วย และใครก็ตามที่อยากรู้เพิ่มเติม
    ก็สามารถที่จะเข้าไปดูได้ในเวปไซต์ของพวกเขา นั่นคือ

    Thrive

    แนวคิดหนึ่ง ซึ่งถูกนำมาปฏิบัติใช้แล้วในบางส่วนของบางประเทศ
    ก็คือ การฝัง chip ลงในตัวมนุษย์ อาจจะเป็นที่ผิวหนัง เป็นต้น
    ก็เพื่อสามารถที่จะตรวจและติดตามมนุษย์แต่ละคนได้อย่างง่ายดาย
    สรุปว่าก็คือ เพื่อควบคุมคนทั้งโลกนั่นเอง

    แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะครับ เพราะว่าถึงท่านจะไม่ได้ถูกฝัง chip เอาไว้ในร่างกายก็ตาม
    แต่พวกเขาก็สามารถติดตามดูท่าน และรู้ที่อยู่-ที่ไปของท่านตลอดได้

    ผ่านทาง เครดิตการ์ด พาสสปอร์ต และเอกสารอื่นๆที่มีแถบแม่เหล็กอยู่ทั้งหลาย
    อ้อ..ลืมพูดถึงโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเลกโทรนิกอื่นๆ และผลิตภณฑ์บางอย่างของบางบริษัท
    ที่แอบแฝงรหัสพวกนี้เอาไว้ด้วยนะครับ โดยหน้าฉากก็คือ เพื่อติดตามสินค้าของพวกเขา
    แต่หลังฉากอาจจะมีมากกว่านั้นอีก ..

    เคยสังเกต เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องสำอางราคาแพงในห้างไหมครับ
    เขาจะมีอุปกรณ์อะไรซักอย่างติดตั้งไว้ เวลาเราไปหยิบของแล้วไม่จ่ายเงิน
    เวลาเดินผ่านออกมาเจอเครื่องตรวจจับ มันก็จะร้องขึ้นทันที แบบนั้นแหละครับ

    ซึ่งแถบแม่เหล็กและอุปกรณ์เหล่านี้แหละ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถจับพิกัดของท่านได้
    และถ่ายรูประบุตัวและที่อยู่ของท่านได้ จากดาวเทียม ดังนั้น ถ้าท่าน
    ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายหละ ก็ มันก็ไม่ยากเลยที่จะจัดการกับท่าน
    โดยเพียงแต่กำหนดพิกัดให้กับขีปนาวุธจากดาวเทียมเท่านั้นเอง

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอื่นๆอีก ที่ถูกกล่าวถึง และถูกเปิดเผยในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
    รวมถึงชื่อของบริษัทในเครือของอิลลูมินาติทั้งหลายด้วย ซึ่งพวกเราคุ้นหูกันดี

    เช่น Citibank, HSBC bank, Monsanto, General Motor, Exxon,
    กองทุนเงินสำรองระหว่างประเทศ หรือ กองทุน IMF
    ที่ประเทศไทยเราเคารพบูชามากๆนั่นก็ด้วย เพราะเคยปล้นประเทศไทยเรามาแล้วเมื่อปี 2542

    นอกจากนี้ยังมีเรื่อง เทคนิกกลโกงของพวกอิลลูมินาติ ในการหาเหตุผลมาบุกอิรัก
    โดยยัดเยียดข้อหา เรื่องการมีขีปนาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองให้ โดยนายบุช นั่นเอง
    และยังมีกลเกมส์เรื่อง ทำให้ตึกแฝดเวิร์ลเทรดถล่ม เพื่อที่จะหาเหตุผลไปถล่มยึดเอาน้ำมัน
    ของอาฟกานิสถานอีกด้วย เป็นต้น


    ปล. เพราะความที่ผมไม่เก่งในการฟังภาษาอังกฤษ
    ผมก็เลยเมลไปขอบทพูดของภาพยนตร์เรื่องนี้จากทีมงานของเขามา
    เขาก็ใจดีให้มาจริงๆด้วย..

    ดังนั้น ถ้าท่านใดสนใจก็ download เอาไปอ่านได้นะครับ
    ในลิงคืข้างล่างนี้ครับ...
    ..........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2012
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ในตอนแรกที่ได้ยินได้ฟังเรื่องของกลุ่มอิลลูมินาติ
    และเป้าหมายในการครองโลกของพวกเขา
    ผู้ผลิตภาพยนตร์เอง ก็บอกเหมือนกันหละครับว่า ทีแรกเขาเองก็ไม่เชื่อหรอก
    ว่าจะมีคนทำอะไรแบบนั้นได้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จด้วย

    ดังนั้น เขาเลยเริ่มต้นศึกษาค้นคว้า และทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู
    จนเขาสรุปว่า "มันเป็นความจริง" แม้ว่าทุกครั้ง เขาจะพยายามลุ้นให้เขาคิดผิด
    แต่ผลที่ออกมา จากประจักษ์พยาน-หลักฐานที่ปรากฎ ก็ปรากฎว่า โชคร้ายที่เขาคิดถูกครับ

    ตรงนี้หลายท่าน หรือจะเรียกว่า ชาวโลกส่วนใหญ่ก็น่าจะได้นะ ที่กำลังคิดว่า
    เรื่องกลุ่มอิลลูมินาติอะไรเนี่ย มันจะมาเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตประจำวันของเราหละ?
    เพราะว่าถ้าเราอยู่ก็เราดีๆ ก็ปล่อยให้เขาอยู่ของเขาไปสิ
    เพราะว่าถ้าพวกเขาคิดชั่ว-ทำชั่วเอง เดี๋ยวพวกเขาก็ได้รับกรรมไปเองนั่นแหละ

    ก็ถูกส่วนหนึ่งนะครับ..แต่ผิดส่วนใหญ่..เพราะว่า ผมบอกให้เลยว่า
    ใครก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้เงินอยู่ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
    ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง "กลุ่มอิลลูมินาติ" ทั้งสิ้น

    ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย ในปี 2542 ที่ตอนนั้นเกิดสภาวะฟองสบู่แตกนั่น
    คนไทยคนไหนไม่ได้รับผลกระทบบ้าง และท่านคิดว่ามันเป็นบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?
    และท่านคิดว่า คำอธิบายสาเหตุ และที่มาที่ไปของปัญหา
    ที่นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์บอกพวกเรามานั้น มันจริงแท้แน่นอนถึงต้นตอแท้ๆของมันจริงๆหรือยัง?

    เพราะว่าในเบื้องลึกแล้ว กลุ่มนี้เขาจะคอยจ้องหาโอกาสที่จะสูบ หรือ กอบโกย
    เอาทรัพยากรณ์ของประเทศอื่นเข้ามาเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
    ไม่ใช่เข้ามาเป็นของประเทศตัวเองนะครับ เพราะว่าพวกนี้ไม่ยึดถือประเทศ
    เพราะว่าพวกเขาคิดว่าพวกเขามีสายเลือดตรง ที่สำคัญกว่า และเหนือระดับกว่า
    มนุษย์ธรรดาอยู่แล้ว

    กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้ก็มีมากมาย เช่น ตามที่ในภาพยนตรืบอกไว้ว่า
    พวกเขาก็จะมองหาวิธีที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่จะทำให้ประเทศที่มีทรัพยากรณ์เข้าตาของพวกเขาอยู่นั้น
    "เป็นหนี้มหาศาล" ขึ้นมาให้ได้ แล้วจากนั้น พวกเขาก็จะทำทีเป็นยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
    จากนั้นมาตรการแก้ไขต่างๆ ก็จะเป็นไปตามเกมส์ของพวกเขาทั้งหมด

    ก็อย่างที่ประเทศไทยเราโดนมาแล้ว และจากนั้นเป็นต้นมา จนถึงบัดนี้
    ก็ยังกำลังโดนอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยขาดสาย ไม่เคยขาดระยะเลย
    ดังจะเห็นได้จากสัมปทานน้ำมันทั้งในกรุงเทพฯ และในภาคอีสาน ที่กำลังมีกันอยู่นี้
    สงสัยไหมว่า ทำไมถึงมีเฉพาะบริษัทต่างชาติทั้งนั้นเลย ที่ได้สิทธิ์
    (แต่รายละเอียดสำหรับเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่รู้มากหรอกนะครับ ต้องรอผู้รู้มาขยายต่อครับ)
    และยังมีความเสียเปรียบด้านอื่นๆอีกมากมายที่เรากำลังเผชิญอยู่
    นับจากนั้นมา

    เช่น ถ้าใครอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารอย่างผมนี่ ก็น่าจะจับพิรุดของหลายมาตรการได้
    เช่น มาตรการกีดกันด้านการค้าต่างๆมากมาย ทั้งต่อกุ้งกุลาดำของไทย กรณีอ้างว่า
    ตรวจพบสารปฏิชีวนะ ไนโตรฟูแรน จนต้องตีกลับหลายตู้ และสารที่ว่านี้ ในช่วงแรกๆนั้น
    ก็ไม่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ไหนตรวจได้ด้วยนะ มีแต่พวกยุโรปเองที่ตรวจได้
    และรู้ไหมครับว่า ถ้าจะส่งออกกุ้งต่อไป ก็ต้องตรวจสารตัวนี้มาก่อน
    และอุปกรณ์ตรวจที่ว่านั้น ก็ราคาเครื่องละ 14 ล้านบาท ณ.สมัยนั้นนะ ร่วม 10 ปีที่แล้วๆ
    และเครื่องตรวจที่ว่านั้น ก็ต้องไปซื้อมาจากพวกเขาหนะแหละ..สรุปว่าเราโดน 2 เด้ง

    นอกจากนี้ ยังมีกรณีอื่นๆอีกมากมาย แทบทุกวงการ

    ในบางประเทศ พวกเขาก็จะหาวิธีที่จะทำให้มีหนี้สินมหาศาลขึ้นมาได้โดยการเกิดสงคราม
    ซึ่งพวกเขาเองก็จะเข้ามาให้ความช่วยเหลืออีกหละ แต่อันที่จริงแล้ว ก็พวกเขาหนะแหละ
    ที่อยู่เบื้องหลังสงครามเหล่านั้น

    ในบางประเทศพวกเขาก็จะทำให้เป็นหนี้โดยการทำให้ฟองสบู่แตก จากการลงทุน
    ในอภิมหาโปรเจกส์ หลักหมื่นหลักแสนล้าน เป็นต้น
    แล้วโปรเจกส์ก็โดยพิษอะไรซักอย่างให้ล่มไป แล้วก็ต้องเป็นหนี้
    แต่ขอโทษทีเถอะ คนที่เป็นผู้เป็นหนี้จริงๆหนะ ก็คือเหล่าบริษัทอเมริกันเอง
    ที่ไปตั้งฐานในประเทศนั้นๆเองแหละ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือเครือข่ายหนึ่งของพวกเขานั่นเอง
    ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม

    ซึ่งถ้าผู้ที่เป็นหนี้ และเป็นผู้ที่เป็นต้นตอของปัญหาที่ว่านี้ และเป็นภาคการเงินการธนาคารหละก็
    รัฐก็จะเข้ามาอุ้มไว้ อย่างกรณีของไทยเรา เพราะปล่อยให้ล้มไม่ได้
    แล้วก็เอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายชดใช้ให้กับผู้ที่เป็นตัวก่อปัญหาขึ้นมา

    แล้วผลกระทบของประชาชนหละคืออะไร ก็คือเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ
    ข้าวยากหมากแพง ธุรกิจล้ม คนตกงาน อาชญากรรมเพิ่ม การศึกษาต่ำ
    ไม่มียารักษาสโรค ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ผู้คนอดตาย โดยเฉพาะในแอฟริก เห็นได้ชัดมาก
    และ ฯลฯ นี่คือผลกระทบที่แผ่ไปทั่วเหมือนระลอกคลื่น
    ซึ่งเกิดจาก้อนหินที่โยนลงไปในน้ำเพียงก้อนเดียวเท่านั้นเอง

    แต่ก็โชคร้ายอีกนั่นแหละ ที่ทุกวันนี้ เงินซื้อได้ทุกอย่าง แม้แต่ประธานาธิปดี
    จะประสาอะไรกับนายกรัฐมลตรีหละ จะประสาอะไรกับนักการเมืองขี้โลภของไทยเราหละ
    จะประสาอะไรกับสื่อมวลชนหละ นั่นแหละประชาชนชาวโลกถึงถูกปิดหูปิดตา
    และถูกเขาเอารัดเอาเปรียบอยู่ต่อไป

    แต่ก็โชคร้ายซ้ำสอง ที่บ้านเราเป็นเมืองพุทธ ที่คนนับถือศาสนาพุทธแต่ในสำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น
    และที่มีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงแก่นแท้คำสอนของพระพุทธเจ้า
    เพราะว่าส่วนใหญ่ก็จะงงงาย งมสาย งมบ่าย งมมันไปจนค่ำ จนดึกจนดื่นโน่นแหละ
    ขอให้มาเถอะเรื่องรอยพญานาค เรื่องน้ำหยดใต้ฐานพระ เรื่องน้ำโถส้วมผุดขึ้นมาจากดินหนะ ฯลฯ
    พวกจะวิ่งไปจุดธูปกราบให้หมด และไปตักมาดื่มให้หมด ทุกๆโถส้วมเลยทีเดียว

    ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ปฏิบัติธรรม ที่เริ่มปฏิบัติธรรมหลายคน ก็จะจบลง และติดอยู่กับขั้นนี้กัน
    นั่นก็คือ ขั้นการเบื่อหน่าย หมดอาลัยตายหยากในชีวิต เพราะว่าโลกนี้ช่างเลวร้ายซะเหลือเกิน
    เพราะว่าคนชั่วในโลกนี้ช่างเยอะเหลือเกิน เพราะว่าช่างมีกรรมเยอะเหลือเกิน
    เพราะว่านิพพานตามคำสอนและคำบอกเล่าซึ่งไม่รู้ถูกหรือผิดนั้น ช่างอยู่ไกลเหลือเกิน
    ชีวิตนี้คงไม่มีหวังแล้วหละ เพราะฉะนั้น ตายซะดีกว่าอยู่

    เพราะฉะนั้น ใครจะเป็นอะไรก็ช่างมัน ตามบุญทำกรรมแต่งของใครของมัน
    ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไม่ต้องมาเล่าให้ฉันฟัง ไม่ต้องมาขอให้ฉันช่วย
    เพราะว่าฉันเอง ยังเอาตัวฉันไม่รอดเลย เพราะว่าฉันเอง ก็ยังทุกข์ทั้งกายและใจอยู่เลย

    อะไรประมาณนั้น..ก็นี่แหละที่ผมบอกว่า พากันติดกันจัง! ติดอยู่ในขั้นนี้กันจัง
    ทำไมไม่ก้าวข้ามผ่านมันมาให้ได้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่มีไว้ให้ก้าวข้ามผ่านมันไป
    เหมือกันกับที่เรียนในโรงเรียนนี่แหละ ที่เมื่อถึงชั้น ป.2 แล้ว มันก็ต้องถึง ป.3 ต่อไป
    จะไปหยุดระทมทุกข์ หมดเรี่ยวหมดแรง หมดอาลัยตายอยาก อะไรอยู่กับแค่ชั้น ป.2 นั้น
    คิดหรือว่านั่นคือจุดสูงสุดของพระศาสนาแล้ว

    เพราะว่าถ้าก้าวผ่านมันไปได้แล้ว มันก็จะมีแต่ "รู้ ตื่น และ เบิกบาน"
    ไม่เคยได้ยินบทสวดมนต์หรือไงกัน

    ธรรมะสอนให้เราท้อแท้ และยอมแพ้ และอ่อนแออย่างนั้นหรือ?
    ธรรมะทำให้เรากลายเป็นคนไม่สนใจใยดีใคร อยากจะเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดอยู่คนเดียว
    อยู่แต่ในที่ๆไม่มีใครไปรบกวน อยู่คนเดียว สงบคนเดียว สุขใจคนเดียว
    และโลกจะเป็นอย่างไร ก็ไม่คิดเลยสักนิดว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเลยอย่างนั้นหรือ?

    แล้วไหนหละ คือความเมตตากรุณาที่ควรจะเกิดมีขึ้น อันเป็นผลเบื้องต้นของการปฏิบัติธรรม?

    ใครที่กำลังติดอยู่ในขั้นนี้อยู่ ลองเอาไปคิดดูกันใหม่นะครับ
    ว่าท่านเคยเป็นเหมือนผมหรือเปล่า ที่ประมาณว่า

    ก่อนปฏิบัติธรรม ก็เป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมองโลกในแง่บวกดีอยู่หรอก ใครๆก็รัก
    แต่พอเริ่มปฏิบัติธรรมและถือศีลแล้ว ก็หลงคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น บริสุทธิ์กว่าคนอื่น
    และฉลาดกว่าคนอื่นๆด้วย จนชอบไปเที่ยวหว่านล้อม หรือหลายครั้งก็บังคับให้คนอื่นๆ
    คิดและเชื่อและทำตาม ที่ตัวเองคิดและเชื่อและทำนั้นด้วย เพราะว่าหวังดี

    และยิ่งปฏิบัติไปนานๆ ก็ยิ่งมีชีวิตอยู่ยากขึ้น คือเป็นคนมีเงื่อนไขในชีวิตมากขึ้น
    กินยาก อยู่ยาก ทำอะไรก็ไม่ได้ อันนี้ก็ผิด อันนั้นก็ไม่ถูกไปซะหมด และจนเครียดไป

    และจะมีอยู่ช่วงหนึ่ง อย่างที่ผมได้สาธยายไปแล้วว่า มันจะเบื่อหน่าย มันจะท้อแท้
    เพราะเห็น "โลกธรรม 8" นั่นเอง แต่เห็นไม่ครบนะ เพราะว่าเห็นและเลือกที่จะเห็นแต่ด้านลบ
    ไม่เลือกเอาด้านดีมาใช้ ให้เกิดพลัง และเกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น

    สรุปว่า ท่านต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้วชีวิตของท่านจะมีพลังขึ้นมาอีกมากมายเลยทีเดียว
    ท่านจะเลิกเห็นแก่ตัว ท่านจะไม่อยากหนีเอาตัวรอดเข้านิพพานไปคนเดียว
    หรือหลบไปแอบซ่อนตัวหนีทุกข์ หนีโลก หนีความจริงไปคนเดียวอีก
    (สุข-ทุกข์หนะมันอยู่ที่ไหน? ก็มันอยู่ที่ใจเราเอง ดังนั้นจะหนีไปอยู่ที่ไหนมันถึงจะหนีพ้น?)

    ท่านจะมีน้ำใจไมตรี ท่านจะมีความเมตตาอันยิ่งใหญ่ต่อทุกสรรพสัตว์
    ท่านจะไม่นิ่งดูดายเวลาใครเขาเดือนร้อน ไม่ว่าเขาจะขอหรือไม่ขอให้ท่านช่วยก็ตาม

    .............................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2012
  18. Lastquarter

    Lastquarter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +272
    เพราะอำนาจของเงินทำให้เรายังไม่สามารถใ้ช้พลังงานของzero pointได้
     
  19. Twana

    Twana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +725
    ธรรมะสอนให้เราท้อแท้ และยอมแพ้ และอ่อนแออย่างนั้นหรือ?
    ธรรมะทำให้เรากลายเป็นคนไม่สนใจใยดีใคร อยากจะเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดอยู่คนเดียว
    อยู่แต่ในที่ๆไม่มีใครไปรบกวน อยู่คนเดียว สงบคนเดียว สุขใจคนเดียว
    และโลกจะเป็นอย่างไร ก็ไม่คิดเลยสักนิดว่าจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเลยอย่างนั้นหรือ?
    แล้วไหนหละ คือความเมตตากรุณาที่ควรจะเกิดมีขึ้น อันเป็นผลเบื้องต้นของการปฏิบัติธรรม?


    ชอบมาก ช่วยเตือนสติดีจริงๆค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  20. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ปฏิบัติธรรม ที่เริ่มปฏิบัติธรรมหลายคน ก็จะจบลง และติดอยู่กับขั้นนี้กัน นั่นก็คือ ขั้นการเบื่อหน่าย หมดอาลัยตายหยากในชีวิต เพราะว่าโลกนี้ช่างเลวร้ายซะเหลือเกิน เพราะว่าคนชั่วในโลกนี้ช่างเยอะเหลือเกิน เพราะว่าช่างมีกรรมเยอะเหลือเกิน เพราะว่านิพพานตามคำสอนและคำบอกเล่าซึ่งไม่รู้ถูกหรือผิดนั้น ช่างอยู่ไกลเหลือเกิน
    ชีวิตนี้คงไม่มีหวังแล้วหละ เพราะฉะนั้น ตายซะดีกว่าอยู่

    เพราะฉะนั้น ใครจะเป็นอะไรก็ช่างมัน ตามบุญทำกรรมแต่งของใครของมัน
    ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไม่ต้องมาเล่าให้ฉันฟัง ไม่ต้องมาขอให้ฉันช่วย
    เพราะว่าฉันเอง ยังเอาตัวฉันไม่รอดเลย เพราะว่าฉันเอง ก็ยังทุกข์ทั้งกายและใจอยู่เลย


    .....................................................................................

    ความจริง การเบื่อหน่ายโลกน่าจะเป็นประตูของการปฏิบัติธรรมนะครับ
    โดยปกติคนเราก็จะลุ่มหลงอยู่กับการใช้ชีวิตแบบโลก ๆ
    หาสาระอะไรไม่ได้ จนที่สุดก็จากโลกไปด้วยวิถีทางใดทางหนึ่ง แต่คนบางคนใช้ชีวิตอยู่ในโลก มองโลกเต็มไปด้วยความทุกข์ ชีวิตมีปัญหา หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ก็จะมองหาความสุขที่แท้จริง จึงดำเนินสู่การปฏิบัติทางจิต ช่วงระยะนี้จะเป็นช่วงเหมือนการเห็นแก่ตัว คือหลบลี้หนีหน้าสังคม ซึ่งมันต้องหลบอยู่แล้วเพื่อฝึกจิตฝึกตัวตนให้เข้มแข็ง เมื่อได้บรรลุจุดที่พึงพอใจแล้ว มีกำลังเข้มแข็งแล้ว การช่วยเหลือผู้อื่นก็จะเกิดขึ้น ก็คือเอาสิ่งที่ตัวเองค้นพบแล้วนั่นแหละมาเผยแพร่ช่วยเหลือผู้อื่น และการเข้าถึงธรรมนั้นก็จะเกิดเมตตาจิตอย่างแท้จริง ชีวิตของผู้ที่ดำเนินไปแบบนี้จึงมีแต่ให้ และให้โดยไม่หวังผลตอบแทนด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...