ภัยพิบัติและความเลวร้ายต่างๆจะหยุดเมื่อคนทั่วไปรู้ความจริงของสวรรค์ พระศรีอารย์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วสุธรรม, 22 ตุลาคม 2011.

  1. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ***นำมาให้อ่านกันอีกครั้ง***

    ภัยพิบัติและความเลวร้ายต่างๆจะหยุดเมื่อคนทั่วไปรู้ความจริงของสวรรค์ พระศรีอารย์ ที่ศาสนาและลัทธิสำคัญๆของโลกยอมรับ มีพระองค์จริง จะปรากฏในปัจจุบัน เพื่อสันติสุขและเสรีภาพที่แท้จริงของมนุษยโลก 29 กย. 2552
    สรุปที่มาของเรื่องพระศรีอารย์ (พระจักรพรรดิ) ด้วยข้อเท็จจริง มีที่มาที่ไป ผู้เขียนใช้เวลากว่า 16 ปี ศึกษาเรื่องพระศรีอารย์หรือพระศรีอาริยเมตไตรย์ตามความเชื่อของพุทธศาสนา ศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลกด้วยหลักฐานและเหตุผล ไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์เกี่ยวข้อง และยังได้ศึกษาคำทำนายของผู้มีญาณวิเศษ เช่น นอสตราดามุส (นอสตระดามัส) สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็นต้น

    ข้อมูลส่วนใหญ่ค้นคว้าจากตำราของคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ คำภีร์ต่างๆ และหนังสือที่มีคุณค่าต่อการศึกษา เป็นต้น แล้ววิเคราะห์ความคล้ายกัน การสนับสนุนกัน ความต่อเนื่อง ความเป็นไปได้ของแต่ละข้อมูลและเรื่องราว เพื่อสรุปให้ผู้อ่านเข้าใจได้ พระศรีอารย์ หรือพระจักรพรรดิ ที่ชนชาติอื่นๆรู้จักตามภาษาของตนของตน

    ท่านพุทธทาสภิกขุผู้ที่องค์การยูเนสโกให้การยกย่อง ได้กล่าวถึงพระศรีอารย์ไว้ว่าเป็นที่ยอมรับของทุกๆศาสนาได้ชัดเจน คำว่าพระศรีอารย์หรือพระศรีอาริยเมตไตรย หรือจะเขียนอ่านอย่างไรตามความถนัดของคนไทย ก็เป็นคำที่มาจากพระไตรปิฎก คือ "พระเมตไตรย" (คำสันสกฤตว่า Maitreya แปลว่าผู้เป็นเพื่อนแท้) ถ้าเป็นภาษาบาลี ตามภาษาเขียนจะเป็น เมตเตยฺย (Metteyya) ถ้าเป็นภาษาอ่านคือ เมตฺเตย (Metteya)

    [​IMG]


    เรื่องพระศรีอารย์ในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นเมื่อไร ในครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงพำนักอยู่ใกล้ริมฝั่งน้ำโรฮานิไม่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ พระสารีบุตรได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคโดยอยากทราบเกี่ยวกับพระจักรพรรดิที่จะปรากฏในอนาคต ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสตอบถึงภัทรกัปหรือกัปอันประเสริฐในปัจจุบันของมนุษยโลกซึ่งมีพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์ โดยก่อนหน้าตถาคตมีมาแล้ว 3 พระองค์คือ กกุสันธะ โกนาคมน์ กัสสปะ และขณะนี้คือตถาคตที่เป็นพระพุทธเจ้าโคตมโดยสมบูรณ์ ต่อไปจะเป็นไมเตรยะ (สันสกฤต) หรือพระศรีอารย์ (คนไทยรู้ัจัก) ที่อยู่ในกัปเดียวกันนี้และพระพุทธศาสนาจะอยู่ไปจนสิ้นสุดของกัป (สรุปมาจากอนาคตวงศ์) คำถามและคำตอบที่ผู้มีเหตุผลควรเข้าใจได้


    เรื่องของพระจักรพรรดิมิใช่มีเฉพาะแค่ที่พระผู้มีพระภาคตรัส แต่มีอยู่ในตำนานของศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลก


    คำถามว่า ทำไมทุกศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลกมีเรื่องราวของพระจักรพรรดิเหมือนๆกัน ทั้งๆที่แต่ละศาสนาและลัทธินั้นๆมีคำสอนด้านธรรมะต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ยึดในพระผู้เป็นเจ้า หรือไม่ยึดถือ ล้างบาปได้ หรือล้างบาปไม่ได้


    คำตอบที่ควรเข้าใจได้ง่ายๆก็คือ เมื่อพระศรีอารย์พระองค์จริงเป็นที่ยอมรับของผู้คนในศาสนาหรือลัทธิที่สำคัญๆของโลกปรากฏพระองค์ขึ้น ผู้คนทั่วไปย่อมยอมรับและเชื่อฟังการกระทำดีมีศีลธรรมที่มีความถูกต้องยุติธรรมของผู้คนทั้งโลกและสวรรค์ เกิดเป็นมาตฐานเดียว ไม่เหมือนในปัจจุบันที่ต่างคนต่างเชื่อ ทำกันไปคนละทิศทางโดยไม่ทราบว่าอะไรถูกผิดอย่างไร

    ฉะนั้นเรื่องเช่นนี้ผู้ที่จะตอบคำถามและพิสูจน์ความจริงได้ ก็ควรเป็นพระศรีอารย์ สำหรับความรู้ของเราๆที่มีอยู่ขณะนี้ ควรเป็นการคาดการเท่านั้น เรื่องพระศรีอารย์ละเอียดอ่อน ควรมีการวิเคราะห์เรื่องราวที่สามารถนำมาพิสูจน์กับหลักฐานความจริงได้ ซึ่งสรุปเป็นตัวอย่างดังนี้

    พระจักรพรรดิ เป็นเรื่องที่มีที่มาที่ไป มีมาก่อนพุทธกาลในต่างสถานที่ที่ห่างไกลกัน และไม่น่าจะลอกเรียนแบบกัน เช่น พุทธประว้ติ: อสิตะดาบสทำนายพระกุมาร ว่าถ้าออกผนวชจักเป็นศาสดาเอกพระองค์หนึ่งของโลก แต่ถ้าไม่ออกผนวชจักเป็นพระจักรพรรดิ ในวันต่อมา พราหมณ์แปดนายซึ่งได้รับเชิญจากพระเจ้าสุทโธทนะ เจ็ดนายได้ทำนายเช่นคำประกาศของฤๅษีอสิตะ เว้นแต่พราหมณ์ชื่อโกณฑัญญะกล่าวว่าพระกุมารจะเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น ในพระราชพิธีนี้ พระกุมารทรงได้รับพระนามว่า "สิทธัตถะ" มีความหมายว่า "ผู้ที่สำเร็จตามปรารถนา" ต่อมาเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จึงยังมีพระจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่งที่จักปรากฏบนโลกนี้


    ก่อนพุทธกาล: ศาสนายูดา (Judaism) ซึ่งเป็นแม่บทของศาสนาคริสต์และอิสลาม มีความเข้าใจว่าโลกนี้มีผู้นำโลกอยู่สองพระองค์คือศาสดาพระองค์หนึ่งและมีพระจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่ง พระจักรพรรดิเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง

    จากตำราทางพุทธศาสนา ลัทธิขงจื้อ ศาสนาอิสลาม และคำภีร์ไบเบิล เป็นต้น ได้ชี้ชัดว่า พระจักรพรรดิถึงแม้จะเป็นฆราวาส แต่เป็นพระพุทธเจ้า (ผู้รู้เองโดยชอบ)

    โดยเฉพาะ อิสลาม (Nahjul Balagha, Sermon 141 and 187) บ่งไว้ตอนหนึ่งว่า "ถ้ามีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง พระจักรพรรดิจะป้องกันตนเองด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความรู้ที่สูงส่ง"

    สำหรับคำภีร์ไบเบิล บ่งถึงพระจักรพรรดิจะพิพากษามนุษยโลก พระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์ เป็นผู้ตัดแล้วซึ่งกามกิเลส เป็นผู้ไม่ยึดในโลกธรรม เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อความสุขของผู้อื่น ไม่มีสาวก ลูกศิษย์ หรือไม่มีสมาชิก และสามารถสละชีวิตตนเพื่อให้เกิดสันติสุขที่แท้จริงแก่ผู้คนทั้งหลายได้

    ช่วงชีวิตของพระศรีอารย์ 200 ปีก่อนพุทธกาล Isaiah 53 ได้บ่งไว้ตอนหนึ่งว่า "ใครเล่าจะเชื่อเรื่องนี้ เพราะเขา (พระศรีอารย์) ไม่มีอะไรเป็นที่น่าสนใจ เขาถูกดูหมิ่นถูกปฏิเสธ เราไม่ได้ประเมินคุณค่าของเขา การที่เขามีทุกข์ร้อนก็เพราะพวกเรา (มนุษยโลก) มีบาป การที่เขามีมลทินมีความผิด ก็เพราะความไร้ศีลธรรมของพวกเรา เขาเป็นทุกข์ เสียใจ แต่เขานิ่งเฉยเสมือนลูกแกะที่ถูกนำมาบูชายัญ (ผู้รู้ทุกข์ย่อมรู้หนทางแก้ไข โปรดสังเกตุพระพุทธเจ้าโคตมก็ทรงทรมารพระองค์แทบเอาชีวิตไม่รอดก่อนที่จะตรัสรู้ได้) เขาต่อสู้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงกับผู้กระทำผิด โดยไม่ใช้ความรุนแรงแต่จะประวิงเวลาเพื่อความจริง ความสันติสุขของเราขึ้นอยู่กับเขา" นอสตราดามุส บ่งว่าพระศรีอารย์มีเวลาเหลือไม่นานที่จะสอนเราทั้งหลาย ผู้ช่วยเผยแผ่เรื่องพระศรีอารย์ หรือช่วยให้มีการพิสูจน์ความจริงทางทีวี ที่จะหลอกลวงไม่ได้ในเรื่องพระศรีอารย์ขึ้นเพื่อสันติสุขโลก เป็นผู้ต้องการทำดีเพื่อตนเองและผู้อื่น ย่อมเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ซึ่งผลการกระทำดีนี้จะเป็นมหากุศลแก่ตนในการสร้างบุญและบารมีที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดๆ สำหรับผู้ทำให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องพระศรีอารย์ผิดไปจากข้อเท็จจริงด้วยความตั้งใจ หรือเพื่อปกป้องความเชื่อของตน หรือเพราะไม่รู้จริง ย่อมได้รับบาปกรรมที่ตนกระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ความจริงจะถูกเปิดเผยเมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องพระศรีอารย์)

    พระศรีอารย์มีจริงหรือไม่ พระพุทธเจ้าโคตมตรัสกับพระอานนท์ว่า พระธรรมมิกราช (ผู้ใช้ธรรมะชนะอธรรม) หรือพระศรีอารย์จะปรากฏในกึ่งพุทธกาลเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่ไปตลอดกัป หรืออยู่ถึง พ.ศ. 5,000 ก่อนโลกจะแตกสลาย

    ตามศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลกก็มีคำทำนายต่างๆที่คล้องจองกัน ได้บ่งบอกว่าพระศรีอารย์มีพระองค์จริงในปัจจุบันนี้ แต่จะไม่ปรากฏพระองค์หรือแสดงตนต่อผู้คนทั่วไป การที่จะให้พระศรีอารย์ปรากฏได้ก็มีวิธีเดียวคือ ผู้คนทั้งหลายจะต้องพิสูจน์หาข้อเท็จจริง อย่างเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสในกาลามสูตร คือไม่ให้เชื่อไม่ว่าแบบไหนทั้งสิ้น นอกจากสิ่งนั้นจะเป็นกุศลกรรม ซึ่งการพิสูจน์หลักฐานความเป็นจริง นับว่าเป็นความยุติธรรมที่ดีที่สุดแก่ทุกๆฝ่ายและประชาชนทั่วไป

    สำหรับมีผู้กล่าวว่าพระศรีอารย์จะปรากฏในปี พ.ศ. 5,000 บ้าง เมื่อนั้นเมื่อนี้บ้าง ขอให้ศึกษาหาข้อเท็จจริงกันบ้าง ไม่ควรเชื่อ ไม่ควรกล่าวไปโดยขาดการศึกษา ขาดการวิเคราะห์พิจารณาด้วยหลักฐานความเป็นจริง สิ่งที่ควรคิดคือพระศรีอารย์ของทุกชาติศาสนานั้นเป็นบุคคลเดียวกัน และมีเพียงพระองค์เดียวที่จะปรากฏในปัจจุบัน

    สิ่งสำคัญยิ่งที่พระศรีอารย์จะต้องทำคือการเปลี่ยนจากกลียุคที่มีคนดีเพียง 1 ใน 4 ส่วนให้เป็นคนดีทั้ง 4 ส่วน ฉะนั้นถ้ามีพระศรีอารย์อีกพระองค์หนึ่งที่เป็นที่หวังของชนบางกลุ่มที่จะปรากฏในเวลาที่แตกต่างไป ก็ย่อมไม่ควรเป็นเช่นนั้น ท่านใดที่สอนให้ผู้อื่นเชื่อโดยปราศจากความเป็นจริงที่มีประโยชน์ ย่อมขัดกับคำตรัสสอนของพระผู้มีพระภาคในเรื่องกาลามสูตร 10 ประการ ซึ่งในข้อ 10 พระพุทธองค์ตรัสไม่ให้เชื่อไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์ซึ่งรวมถึงพระพุทธองค์ด้วยเช่นกัน ยกเว้นแต่จะเห็นว่าเป็นประโยชน์ เป็นกุศลกรรมถึงค่อยนำไปยึดถือปฏิบัติ

    [​IMG]

    พระศรีอารย์กับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เมื่อกล่าวถึงพระศรีอารย์เป็นพระโพธิสัตว์ตามความเข้าใจของเถรวาทคือเป็นมนุษย์ผู้รู้ชอบด้วยพระองค์เองเช่นพระพุทธเจ้าโคตม สำหรับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นพระโพธิสัตว์ผู้คอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ในภัทรกัปเช่นกัน ที่ต่างกันตรงที่พระอวโลกิเตศวรเป็นเทพที่อวตารหรือเทพผู้แบ่งภาคมาเกิดเป็นมนุษย์ เช่นพระศรีอารย์ก็คือพระนารายณ์อวตารเป็นภาคสุดท้ายหรือภาคที่ 10 มาเป็นเกากี ผู้ขี่ม้าขาวถือดาบเป็นอาวุธ เพื่อมาสร้างสันติสุขให้เกิดบนโลกมนุษย์ (Vishnu Purana) ตลอดไป

    พระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ ก็คือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ชายที่ปลอมเป็นพระโพธิสัตว์หญิงเพื่อมาช่วยเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งให้พ้นจากโรคภัย (ได้ยินมาจากพระพรหมคุณาภรณ์ - ประยุทธ์ ปยุตฺโต) สำหรับความเชื่อของคนถิ่นอิสานเมื่อพันปีหลังพุทธกาล เชื่อว่าพระศรีอารย์ก็คือพระนารายณ์อวตารมาช่วยมนุษย์

    สรุป ไม่ว่าจะเป็นพระศรีอารย์หรือพระอวโลกิเตศวร ก็เป็นพระองค์เดียวกันที่จะมาสร้างสันติสุขที่แท้จริงให้กับโลกมนุษย์นั่นเอง ตัวอย่างคำทำนายที่เรามองข้าม ในเรื่องพระศรีอารย์นั้นมีข้อมูลอยู่มากที่เป็นเหตุผล มีที่มาที่ไป ยกเป็นตัวอย่าง เช่น
    พระศรีอารย์เกิดที่ไหน เรื่องนี้สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงตรัสชื่อ กรุงเทพมหานคร ไว้ตอนหนึ่งคือองค์เทพผู้ที่จะมาปราบยุคเข็ญหรือพระศรีอารย์นั้น ได้ให้พระวิษณุกรรม(พระวิศวกรรม) มาสร้างกรุงเทพฯเพื่อจะได้มาจุติ ดังนั้นพระศรีอารย์ประสูติที่กรุงเทพฯ
    ในขณะที่นอสตราดามุส (นอสตระดามัส) ได้บ่งว่าพระศรีอารย์เป็นลูกคนจน เกิดที่เมืองที่เคยเป็นทะเลมาก่อน และเมืองนี้ไม่สามารถวัดระยะได้ ซึ่งนอสตราดามุสได้ชี้ถึงเมืองที่วัดไม่ได้นั้นคือเมืองเทวดา และเมืองเทวดาที่เคยเป็นทะเลมาก่อน คือกรุงเทพมหานครของประเทศไทย

    [​IMG]

    นอกจากนี้ยังมีพุทธทำนายที่บ่งบอกสถานที่ที่พระศรีอารย์มาจุติคือ ประเทศในชมพูทวีปหรือทวีปของพระพุทธศาสนา ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในชมพูทวีป และเป็นประเทศเดียวที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข
    ฉะนั้นพระศรีอารย์จึงเป็นคนไทย ที่น่าสนใจ นอสตราดามุสบ่งไว้ว่าพระศรีอารย์จะรู้ว่านักวิทยาศาสตร์ทำอะไรผิดและจะแก้ไขอย่างไร คำทำนายและตำนานต่างๆได้บ่งบอกเกี่ยวกับพระศรีอารย์ไว้มาก เช่นเวลาประสูติในช่วงปีอะไร เวลาที่ตรัสรู้ (ตามที่พระพุทธเจ้าโคตมตรัสไว้) ที่อยู่ปัจจุบัน ความรู้ความสามารถ เป็นต้น
    ดังนั้นหลักฐานต่างๆจะช่วยให้ผู้ที่ไม่ใช่พระศรีอารย์จริงไม่สามารถหลอกลวงผู้อื่นได้ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจหรือไม่ ยุคพระศรีอารย์เป็นอย่างไร ยุคพระศรีอารย์เป็นกฤดายุคหรือยุคทอง ยุคที่ความลับของสวรรค์ถูกเปิดเผย สันติสุขและสันติภาพไม่มีที่สิ้นสุด นั่นหมายความว่า คนเลวคนชั่วจะหมดไปจากโลก การฆ่ากัน ข่มขืนกัน หลอกลวงกัน การทำผิดศีลธรรมจะไม่มี การรังเกียจเช่นผิว การแบ่งแยกเช่นภาคใต้ของไทย การเอารัดเอาเปรียบจะหมดไป ความเมตตากรุณาจะเกิดขึ้นในทุกผู้คนไม่ว่าจะเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่หรือ ผู้สูงอายุ สำหรับผู้อ่อนแอจะมีผู้ดูแลรักษาไม่ถูกทิ้งขว้าง ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล พืชผลการเกษตรอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้จะเขียวชอุ่ม เรื่องโลกร้อนหรือเกิดความผิดปกติของโลกจะหยุดลง ผู้คนมีกินมีใช้ไม่อดหยาก มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค ทุกรุ่นทุกวัยจะได้รับการศึกษาตามความประสงค์และความสามารถของแต่ละบุคคลโดยไม่แยกว่าเป็นคนรวยคนจน ทุกๆคนจะไม่มีหนี้สิน การค้าขายเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทุกคนมีความรู้จริง "อริปัญญา" รู้หลักการปฏิบัติตนให้ได้ผลนำไปสู่นิพพาน เมื่อทุกๆคนมีความสุขทั่วหน้า การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นไม่มี เพราะมนุษย์จะรู้กฎเกณฑ์การลงโทษผู้ทำบาป ทำให้การทำบาปเป็นสิ่งที่มนุษย์กลัวเกรงมากที่สุด

    สิ่งที่กล่าวมามีอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาและลัทธิที่สำคัญของโลก คำทำนายต่างๆ ที่ใครๆก็หาอ่านได้ ในยุคทองเป็นยุคที่โลกมนุษย์เหมือนเมืองหนึ่งบนสวรรค์ มีศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อระดับโลกหลายท่านที่ศึกษาเรื่องพระศรีอารย์ มีคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เช่น

    พระศรีอารย์จะทำอย่างไรให้เกิดศาสนาเดียวทั้งๆที่พระศรีอารย์ไม่ได้เป็นศาสดาหรือผู้สอนศาสนา

    และพระศรีอารย์จะแก้ด้านเศรษฐกิจและสังคมของมนุษย์ได้อย่างไร เป็นต้น

    แยกพระศรีอารย์พระองค์จริงออกจากพระศรีอารย์ปลอม ในปัจจุบันมีการเผยแผ่เรื่องพระศรีอารย์ในรูปแบบต่างๆกัน ประเด็นที่ใช้จูงใจคือความเชื่อ หรือมีอิทธิปาฏิหาริย์ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายในเรื่องพระศรีอารย์ บ้างก็กลัวว่าจะพบพระศรีอารย์ปลอม หรือการหลอกลวงต้มตุ๋น พระศรีอารย์มีพระองค์จริงในปัจจุบัน ถ้ามีการหาข้อเท็จจริงจะสามารถปรากฏพระองค์ได้ในวันนี้พรุ่งนี้ การกลัวจะพบพระศรีอารย์ปลอมเป็นไปไม่ได้ เพราะตำนานของศาสนาและลัทธิที่สำคัญๆของโลก ตลอดจนคำทำนายต่างๆได้บ่งบอกคุณลักษณะของพระศรีอารย์ไว้มาก ผู้ปลอมแปลงที่ต้องการเป็นพระศรีอารย์ จะไม่สามารถล่วงรู้และไม่สามารถเฉลยความลับและแสดงหลักฐานต่างๆที่มีอยู่ เช่น พระศรีอารย์เกิดที่ไหน มีความรู้ความสามารถอย่างไร

    บ้านของพระศรีอารย์ในปัจจุบันจะอยู่ในเมืองเล็กที่ตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ บ้านนี้ยังตั้งอยู่บนยอดเขาหลายๆลูก ที่สูงกว่าเขาใดๆ เป็นต้น ถ้าถามว่าสถานที่และบ้านเช่นนี้มีจริงหรือไม่ คำตอบพบว่ามีจริง ดู เวปยอดนิยมที่นี่ ดังนั้นถ้ามีการพิสูจน์ความจริง พระศรีอารย์องค์จริงจะต้องปรากฏต่อหน้าผู้คนทั่วไป และจะต้องทำตามคำทำนายและตำนานได้บ่งไว้ และพระศรีอารย์จะพามนุษย์ผ่านกลียุคเข้าไปสู่ยุคทอง โดยไม่เกิดโลกามหาวินาศ (2012) ขึ้น
    ประเทศไทยและคนทั่วโลกได้อะไรจากพระศรีอารย์ การพิสูจน์ความจริงเรื่องพระศรีอารย์เกิดขึ้นในประเทศไทย จะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางแห่งศรีวิไลของโลก และการเปลี่ยนกลียุคเป็นกฤดายุคจะเป็นไปโดยสันติวิธี

    แต่ถ้าคนทั่วไปไม่สนใจที่จะหาความจริงในเรื่องพระศรีอารย์ที่จะมาช่วยมนุษยโลก โลกามหาวินาศ (2012) น่าจะเกิดขึ้น เพื่อให้การเปลี่ยนยุคเป็นไปได้ การที่มนุษย์จะโทษสวรรค์ทำรุนแรงก็ไม่ควรเพราะเขาให้โอกาสแล้ว แต่มนุษย์ไม่สนใจเอาแต่ฝักใฝ่แต่เหล่ามาร หรือมองเห็นความเห็นแก่ตนเป็นสำคัญ

    ฉะนั้นเราควรมีสติ เราทั้งหลายคิดอะไรกันอยู่ถึงไม่สนใจสิ่งดีงาม หรือถูกมารสิงสู่ให้หมดสติหมดความคิดในสิ่งที่ถูกที่ควร อะไรหรือที่มาปกบิดบดบังดวงตาดวงจิตอันบริสุทธิ์ของท่าน

    ทำไมผู้คนส่วนมากไม่สนใจในเรื่องพระศรีอารย์ เมื่อพระศรีอารย์ปรากฏพระองค์ มารย่อมพ่ายแพ้ ดังนั้นมารจำเป็นต้องหาวิธีการทำลายพระศรีอารย์อย่างเช่นที่เคยทำกับพระพุทธเจ้าโคตมมาแล้ว มารยังสิงสู่จิตใจของผู้ที่มีความผูกพันกับมาร หรือผู้เป็นมารโดยชาติกำเหนิดมาเกิดในเมืองมนุษย์ ผู้ขาดปัญญาธรรมที่แท้จริง ผู้มีจิตอ่อน ผู้มีทิฐิ เช่นผู้อวดรู้อวดดี ขาดการพิจารณาถึงเหตุผล ทำให้ไม่้สนใจเรื่องพระศรีอารย์โดยกลอุบายต่างๆของมาร บาปทำให้ไม่เห็นความจริง เมื่อเราไม่เข้าใจกาลามสูตร เราจะเชื่ออะไรๆที่ตรงกับความต้องการของตน จนหมดโอกาสมีความคิดความอ่านที่อาจเป็นประโยชน์กว่า ดังตัวอย่างที่กล่าวมาเบื้องต้น

    การพิสูจน์ความจริงเรื่องพระศรีอารย์เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่มีผลเสียหายใด นอกจากทุกคนจะได้รับประโยชน์ที่แท้จริง เรื่องของพระศรีอารย์มีอีกมากที่ยังไม่ได้นำมาเผยแผ่ในเวปนี้ และมีรายละเอียดโดยไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์เกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องที่มีที่มาที่ไปเป็นเหตุผล และสามารถพิสูจน์หลักฐานในทางวิทยาศาสตร์ได้ ท่านผู้สนใจดูเวปภาษาไทยได้ที่ www.metteya.org หรือภาษาอังกฤษที่ www.selfwisdom.net ซึ่งเวปนี้กำลังเป็นที่นิยมอยู่ทั่วโลก จากข้อมูลตามที่กล่าวมา คงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ไม่ใช่พระศรีอารย์พระองค์จริง จะสามารถแสดงความรู้ความสามารถและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบได้ ยกเว้นผู้นั้นจะเป็นพระศรีอารย์พระองค์จริง

    www.metteya.org
    http://board.plungjai.com/index.php/topic,1302.msg10589/topicseen.html#new
     
  2. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    วิจารณ์
    จากอ้างอิง รู้สึกว่า เมืองเทวดาที่กล่าวมานี้(กทม.)น่าจะมีอายุเมืองน้อยเกินไปหน่อย เพื่อนๆที่ได้อ่านจะเห็นด้วยไหม ว่าตรงนี้ผู้เขียนอาจวิเคราะห์ผิดพลาด เพราะเมืองเทวดานี้อาจเป็นเมืองที่เก่ามากสักหลายพันปี ใครมีความคิดเห็นว่าน่าจะเป็นเมืองใด เชิญแสดงเหตุผลได้ครับ
     
  3. บริสุทธ์

    บริสุทธ์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +4
    เคยรู้จากลูกศิษย์พระอรหัตน์องค์หนึ่งได้เข้านิมิตรถามท่านที่อยู่นะสวรรค์ชั้นดุสิต ท่านตอบว่าจะลงมาจุติทางเหนือของประเทศไทย
     
  4. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เมื่อมหาสงครามโลกเกิด ผู้คนล้มตายไปถึง1/3
    โลกภายหลังจากนั้นจะไม่ใช้น้ำมันและพลังงานนิวเคลียส์
    น้ำและแสงคือแหล่งพลังงานที่ไร้ขีดจำกัดและฟรี
    โลกจะเข้าสู่ยุคแห่งความรุ่งเรือง1พันปี
    เพื่อที่จะทำสงครามกับเผ่าพันธ์อื่นจากดวงดาวและจักรวาลอื่น มนุษย์ส่วนใหญ่จะไปอยู่ณดาวอื่นเพราะโลกถูกทำลายอย่างหนัก
    เมื่อนั้นพุทธศาสนาจะหลงเหลืออยู่อย่างกระท่อนกระแท่น
    จนเมื่อครบ5พันปีก็จะไม่เหลือพุทธศาสนาของสมเด็จพระศรีศากยมุนีสมนะโคดมอยู่ต่อไป
    สรรพชีวิตบนโลกที่เหลืออยู่ในตอนนั้นก็เหลือน้อยเต็มทน และไม่ต่างกับสัตว์เดรัจฉาน
    อีกนานโลกนี้จะกลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม
    มนุษย์วิวัฒนาการจนเป็นอภิมนุษย์ ใช้พลังงานสะอาดและฟรีจากเอกภพ
    เมื่อมนุษย์มีอายุขัย8หมื่นปี
    สมเด็จพระพุทธศรีอาริยเมตตรัยจะบันลือสีหนาทประกาศศาสนาพุทธอีกครั้ง
    อันเป็นศาสนาพุทธสุดท้ายแห่งภัทรกัลป์นี้
     
  5. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    จอมเผด็จการในแอฟริกาและตะวันออกกลางถูกโค่นล้ม ความไร้ระเบียบจะบังเกิดขึ้น
    ประจวบกับเศรษฐกิจของยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่นล่มสลาย
    โลกจะเข้าสู่ความวุ่นวายทางการเมืองที่ไร้สิ้นสุด
    ทุกขภิกภัยจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหงของโลกไม่เว้นแม้ประเทศอู่ข้าวอู่น้ำ
    เมื่อเศรษฐกิจโลกล่มสลาย ซ้ำเติมด้วยทุกขภิกภัย และกระหน่ำหนักด้วยความไร้ระเบียบในการปกครอง รัฐบาลกลางในแต่ละประเทศสูญเสียอำนาจการควบคุมประเทศ แอฟริกา อเมริกากลางและใต้และตะวันออกกลางแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า มหาสงครามแห่งขาว+ดำ+เหลืองจะเกิดขึ้น เพื่อที่โลกจะได้วิวัฒน์อีกครั้งจากเศษซากแห่งเถ้าถ่านนั้น
     
  6. thunderstrom

    thunderstrom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    853
    ค่าพลัง:
    +62
    เคยรู้ไหมว่าฝาแผด มักจะมองเห็น คิดและรู้สึก เหมือนๆกัน แต่หากมีแฝดเป็นหมื่นคน กระจายกันอยู่ และใช้จิตวิญญาณเดียวกัน ถือเป็น ร่างกายที่ใหญ่โตมาก มีดวงตานับหมื่นคู่ คล้ายใบไม้หมื่นใบที่อยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง
     
  7. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ท่านคงหมายถึง จิตแบ่งภาค ที่มีเรื่องเล่าว่าท่านได้แบ่งภาคจิตออกมา เพื่อทำงานครั้งนี้มากมายกระมัง ลองเล่าให้พวกเราได้ฟังความคิดของท่านสักหน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้า

    ผมเคยได้สนทนากับเพื่อนธรรมคนหนึ่ง เพื่อนท่านนั้นเล่ามาว่าท่านแบ่งภาคจิตออกมากมาย จนจิตเดิมแท้ ไม่เหลืออะไรเลย จึงไม่มีฤทธิ์เดชใดๆ แม่แต่ตาที่สามก็ไม่มี มีเหลือแต่ โพธิญานเท่านั้น แถมยังอธิษฐานจิต ปกปิดดวงจิตตนเอง เทพ เทวดา จึงไม่มีใครรู้จักตัวตนจริงของท่านเลย
     
  8. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    <TABLE id=post5268877 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ZeusInw<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5268877", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2007
    สถานที่: tor32430.hi5.com
    อายุ: 20
    ข้อความ: 587
    พลังการให้คะแนน: 191 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5268877 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->มีคนมากมายที่ต้องการเป็นใหญ่ มีคนมากมายที่ต้องการพลัง มีคนมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ มีคนมากมายที่ต้องการล้างโลก มีทั้งฝ่ายธรรมมะ มีทั้งฝ่ายอธรรม มีทั้งเทวดาที่ดี มีทั้งเทวดาที่เลว มีหลายกลุ่มที่ต้องการช่วยโลก แต่มีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง และผู้ครอบครองย่อมถูกคัดสรรมาอย่างดีจาก พรหมและเทวดา เพื่อผดุงศาสนา บำรุงบ้านเมืองและแผ่นดิน และคนที่ถูกเลือกย่อมซ่อนเก็บงำพลังนั้นไว้ จากผู้ที่ไม่มีหน้าที่และไม่มีประโยชน์ที่จะครอบครอง และขอยอมรับว่า คนเก่งในนี้เยอะจิง ๆ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->http://chat.palungjit.org/
    ฟังเพลงกานคับ<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1310
    จากความเห็นนี้ น่าจะเป็นเหตุให้ท่านต้องปกปิดตนเองนะครับ
    โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านกันนะครับ....
     
  9. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    โลกไม่ได้โหดร้ายจนไม่เหลืออะไรเลย จักรพรรดิ ไม่ได้มีหน้าที่พิพากษา แต่ก็มีสิทธิ์พิพากษา แต่ก็ไม่ทำ แล้วจะบอกทำไม แล้วไม่ได้เกิดผลอะไร เพราะเขาคือเขา เราคือเรา แล้วจักรพรรดิ์ไม่มีทางจะปรากฎตัว เพราะถ้ามีคนรู้ คนที่จะทำร้าย ทำลาย แก่งแย่ง มันก็มี ฉะนั้น ไม่ดัง และสืบหาตัวไม่ได้ ไม่สามารถสืบจากร่องรอยของพลัง สแกนหาพลังก็ไม่เจอ พุทธศาสนาจะต้อง อยู่ครบ 5000 ปี ตามที่ได้ตั้งไว้ ต่อไป คนจะมีพลังในตนเองไว้ใช้ เพราะที่รอดได้ก็มีพลังมีบุญทั้งนั้น แต่ก็อยากให้ไอแพด ไอโฟน ยังใช้ได้ ขับมินิได้ แต่ว่า ศาสนาจะต้องอยู่ครบ เราก็จะฝากดวงจิตไว้รักษาศาสนาต่อไป และถ้าต้องรบกับดินแดนอื่น เราก็จะรบเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องกรุงเทพ ไม่นาน กทม. คงจะต้องจมอยู่ในบาดาล ถ้าพระศรีอาร์ยจะมา ก็คงต้องเอาเรือมาด้วย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องแผ่นดินที่เหลือ เมืองไทยจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำโลก ศูนย์กลางจะต้องมาอยู่ที่เรา เพราะไทยคือมหาแผ่นดินของโลก
     
  10. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    การที่จักรพรรดิ์จะรู้เหตุใดก็ตาม เทวดาจะเป็นฝ่ายเข้ามาทูลเอง ไม่ต้องแบ่งจิตขนาดนั้นก็ได้ เพราะเขารู้ได้ด้วยจิต สิ่งไหนที่จะเกิด ภัยพิบัติอยู่ที่ไหน ความแรงเท่าไหร่ เขารู้ได้ด้วยจิต และไม่มีใครสามารถตรวจกระแสจิตได้แน่ชัดว่าใคร คือจักรพรรดิ์ แต่ภายหน้าจะมีสิ่งที่บ่งบอกว่านี่คือทีมอะไรเอ่ยยยย แต่ว่าจักรพรรดิ์ เป็นหลักก็จริง แต่เราก็ต้องมีบุญมีพลัง ถึงจะได้เข้าเฝ้า บางที อินทร์ตก ก็มีอะไรบอกเยอะเหมือนกัน
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    วชิรพยาบาล
    681 ถ.สามเสน แขวงวชิระ เขตดุสิต กทม.


    วัชร, วัชระ [วัดชะระ] น. วชิระ. (ส. วชฺร; ป. วชิร).
    วชิร, วชิระ [วะชิระ] น. สายฟ้า; เพชร; อาวุธพระอินทร์. (ป.; ส. วชฺร).
    .....................................................................
    พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
    .....................................................................


    วัชระ วชร วชิระ วัชร ความหมายเดียวกันคะ แค่ลงประวิสรรชนีย์หรือลงอิปัจจัยในวชิระเท่านั้น แปลว่า สายฟ้า พระอินทร์ ชื่อพระโพธิศัตว์พระอง์หนึ่ง(โพธิสัตว์วชิระปาณี)

    วัชร,วัชร,วัชระ หมายถึงอะไร - มีคำตอบ - กูรู




    ประวัติ (HISTORY)


    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> คำนำ </B>[/FONT]
    วชิรพยาบาลเป็นโรงพยาบาลที่เปิดให้การบำบัดโรคแก่ประชาชน มาช้านานแห่งหนึ่ง เมื่อวชิรพยาบาลเริ่มจะได้รับความเหลียวแลจากผู้มีอำนาจในการทนุบำรุงจึงได้มีการปฏิรูปโรงพยาบาลขึ้นอีกปีละเล็กละน้อย เฉพาะอย่างยิ่งในด้านขยายกิจการสาขาต่าง ๆ และการก่อสร้างสถานที่นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๘ จนถึงบัดนี้มีการต่อเติมตึกเก่าและก่อสร้างตึกใหม่รวมทั้งสิ้น ๘ หลัง กับได้จัดซื้อที่ดินขยายเขตต์วชิรพยาบาลไปจนจดแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นนี้ย่อมทำให้สภาพของโรงพยาบาลค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากลักษณะเดิมปีละเล็กละน้อย จนกระทั่งบัดนี้เมื่อตึกอำนวยการหลังใหม่นิ้สร้างเสร็จย่อมทำให้เค้าเดิมของวชิรพยาบาลแม้ว่าจะเป็นของเก่าโบราณซึ่งล้าสมัยขาดความเหมาะสมในด้านบริการเจ็บไข้แก่ประชาชน แต่ก็ยังเป็นของเก่าที่มีค่าควรแก่การทำประวัติของโรงพยาบาล จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมเรื่องราวและหลังฐานของโรงพยาบาลเพื่อสร้างเป็นประวัติไว้ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้าบ้างไม่มากก็น้อย แต่การค้นหาหลักฐานเก่า ๆ นิ้เป็นเรื่องที่กระทำให้สมบูรณ์ได้ยาก ฉะนั้นหากมีการขาดตกบกพร่องประการใดก็ขอได้โปรดให้อภัยด้วยและหากจะได้ กรุณาชิ้ข้อบกพร่องเหล่านั้นมายังผู้เขียนโดยตรงก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
    อนึ่ง การคัดข้อความบางตอนที่เป็นชื่อเดิม สำนวนโวหารเดิม ซึ่งไม่สู้สละสลวยในสมัยปัจจุบัน ดังปรากฏในเรื่องนี้ ก็หาได้มีเจตนาไปในทางอื่นใดไม่ หากแต่เพื่อรักษารูปและลักษณะของของเดิมไว้ เพื่อให้เห็นวิวัฒนาการของสำนวน ภาษาคำพูดซึ่งจะหาอีกมิได้ในสมัยนี้ ขอท่านผู้อ่านได้โปรดเข้าใจเจตนาอันแท้จริงตามนี้ด้วย

    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> กำเนิดโรงพยาบาล </B>[/FONT]
    ที่ตั้งวชิรพยาบาลแต่เดิมทีเดียว(ไม่รวมที่ดินแปลงใหม่ที่ได้จัดซื้อเพื่อขยายเขตต์โรงพยาบาลไปจดริมแม่น้ำเจ้าพราะยาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙) คือ ผืนที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ ๒๗ ไร่เศษ สิ่งก่อสร้างที่สำคัญมีตึกแบบเก่าขนาดใหญ่ ๒ หลัง ที่เคยมองเห็นจากด้านหน้าโรงพยาบาล เดิมเป็นบ้านเลขที่ ๖๗๑ ถนนสามเสน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ของพระสรรพการหิรัญกิจ (นายเชย สรรพการ) ตึกเก่า ๒ หลังนี้ หลังใหญ่เป็นตึก ๓ ชั้น (ไม่นับชั้นล่างสุดซึ่งเป็นพื้นซีเมนต์) ส่วนหลังเล็กเป็นตึก ๒ ชั้น ทั้ง ๒ หลังเป็นตึกแบบโบราณพื้นไม้สัก ตัวตึกไม่ปรากฏโครงเหล็กผนังตึกก่ออิฐถือปูนหนาไม่น้อยกว่าหนึ่งฟุตครึ่ง ลักษณะเดิมสลักเสลามาก ทราบว่าได้ถูกลบลวดลายออกให้ภายในตึกเป็นแบบเรียบๆ เสียมากตั้งแต่เริ่มใช้เป็นสถานพยาบาล แม้กระนั้นก็ยังปรากฏลวดลายสวยงามตามฝา เพดานประตู หน้าต่าง อีกหลายแห่ง แบบคฤหาสน์โบราณ มุขด้านหลังตลอดจนบันไดด้านหลังเป็นหินอ่อนนอกจากนั้นยังมีเรือนไม้ลักและกระโจมไม้สัก ซึ่งมีแบบและลวดลายพร้อมด้วยกระจกหลากสีสวยงามแบบโบราณ ส่วนบริเวณทั่วไปมีทั้งที่ราบเนินดินสูง อุโมงค์ ภูเขาจำลอง โขดหิน ต้นไม้ใหญ่น้อยประดับประดาเป็นจำนวนมาก และมีทั้งทางคดเคี้ยวไปมาแบบเดินในสวนสาธารณโบราณ สถานที่นี้ปรากฏในเอกสารบางฉบับ เรียกชื่อว่า “หิมพานต์ปาร์ค” ภายในปาร์คนี้มีคลองโดยรอบสี่เหลี่ยม ตามรูปที่ดินแล้วบรรจบกันไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเรียกชื่อว่า “คลองอั้งโล่” ขณะนี้บางตอนของคลอง ทางด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลได้ถมดินหมดสภาพของคูคลองไปบ้างแล้ว ที่ดินและตึกรวมทั่งสิ่งปลูกสร้างในปาร์คนี้ ต่อมาได้ตกเป็นกรรมสิทธิของแบงค์สยามกันมาจลทุนจำกัดจนกระทั่ง ร.ศ.๑๓๑ (พ.ศ.๒๕๕) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อที่ดิน พร้อมด้วยตึกและสิ่งปลูกสร้าง (ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๕/๓๓๕๔-๕/อ เลขที่ ๑๙) ในราคา ๒๔๐,๐๐๐ บาท ทรงมอบให้กรมสุขาภิบาล กระทรวงนครบาล เป็นผู้ปกปักรักษาใช้เป็นสถานพยาลบาลช่วยเหลือประชาชนผู้เจ็บป่วย ดังสำเนากระแสพระบรมราชโองการ ดังนี้

    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> ประกาศ </B>[/FONT]
    ยกโรงวชิรพยาบาลให้เป็นสาธารณสถาน
    เรา สมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเล้าเจ้าแผ่นดินสยาม ขอประกาศแด่บรรดาอาณาประชาชนกรุงเทพมหานครทราบทั่วกัน
    ด้วยเรามาคำนึงถึงโบราณราชประเพณีที่มีมาว่า พระราชาธิบดีเมื่อได้ผ่านพิภพแล้วทรงรำพึงถึงบุพเพกตปุญญตาที่ได้ทรงสั่งสมมาจนพระองค์ได้บรรลุถึงซึ่งตำแหน่งที่สูดสุดในแผ่นดินได้ทรงรับมอบเป็นผู้ครอบครองรัฐสีมา แผ่อาณาเหนือประชาชน ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข จึงทรงสร้างพระอารามขึ้นไว้ให้เป็นเครื่องเฉลิมพระราชศรัทธา และเพื่อให้เป็นสถานที่สถิตย์แห่งภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสุตาธิคุณ เป็นผู้ค้ำจุนพระบวรพุทธศาสนาให้ถาวรอยู่ เพื่อประโยชน์แห่งนิกรชน นับว่าพระมหากษัตราธิราชทรงกระทำการเพื่อประโยชน์แห่งชาติบ้านเมืองและผสกนิกรได้อย่าง ๑
    ส่วนตัวเราเอง เมื่อได้รับภาระเป็นผู้ปกครองท่านทั้งหลายต่างพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวปิยมหาราชแห่งคนไทย และสมเด็จพระบรมชนกนารถของเรา เราก็ได้รำพึงถึงพระราชประเพณีโบราณอันกล่าวมาแล้วนั้น แต่มารู้สึกว่าในกาลปัตยุบันนี้ พระอารามสำคัญๆ ในพระมาหานครนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมราชวงศ์จักรีที่ได้เสวยราชย์มาก่อนเราถึง ๕ รัชกาลแล้วนั้น ก็ได้ทรง สฐาปนาขึ้นไว้แล้วหลายพระอาราม ตัวเราผู้เป็นทายาทสืบสันตติวงษ์ก็มีหน้าที่เป็นผู้บำรุงพระอารามเหล่านั้นอยู่แล้ว ครั้นว่าเราจะสร้างสฐาปนาพระอารามขึ้นใหม่ ก็จะเกินแก่ความเจำเป็นในส่วนทางบำรุงพระศาสนาซ้ำจะเป็นภาระเพิ่มขึ้นโดยไม่มีผลดีเพียงพอ แต่ครั้นว่าเราจะเพิกเฉยเสียไม่กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นเป็นสาธารณประโยชน์ ก็ดูประหนึ่งว่าเราไม่รู้จักรำฤกถึงบุพเพกตปุญญตา ไม่รู้สึกความภาคภูมิในใจที่ได้รับตำแหน่งอันสำคัญ อันที่จริงนั้นตั้งแต่เริ่มแรกมาเราก็ได้รู้สึกอยู่แล้วด้วยความภาคภูมิใจและความหนักแห่งภาระที่เราได้รับมาโดยเป็นทายาท แห่งพระบาทสมเด็จบรมชนกนารถ ได้คิดอยู่เสมอที่จะหาทางสำแดงให้ปรากฏว่า เราปรารถนาที่อันใดอันหนึ่งขึ้นไว้เพื่อสาธารณประโยชน์แห่งผสกนิกร จึงได้ตกลงว่าจะจัดสร้างโรงพยาบาลขึ้นสำหรับจังหวัดกรุงเทพฯ ภาคเหนือ ได้มอบให้เจ้าพระยายมราชเป็นผู้จัดหาที่สร้างโรงพยาบาลนี้ขึ้น ฤามิฉนั้นก็ให้หาซื้อตึกเรือนอันใดซึ่งจะใช้เป็นโรงพยาบาลได้ ก็เผอิญประจวบกับเวลาที่มีผู้บอกขายตึกและที่ดินผืนนี้ เราจึงได้ออกทุนทรัพย์ส่วนพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ส่วนตัวของเราได้รับมาเป็นมรดกจากสมเด็จพระบรมชนกนารถนั้น ซื้อตึกและที่ดินนี้เพื่อประโยชน์อันนั้น
    การที่เราได้จำหน่ายทุนทรัพย์ส่วนตัวออกทำโรงพยาบาลขึ้นครั้งนี้ เพราะมารำพึงถึงบุพเพกปุญญตาและกุศลที่เราได้สั่งสมมา จึงได้มาตั้งอยู่ในฐานะแห่งผู้มีทรัพย์เพียงพอ และทรัพย์ที่เรามีอยู่นี้เห็นว่าจะจับจ่ายใช้สรอยในทางใดก็จะไม่ได้รับผลความพอใจเท่าทางที่จะทำให้เพื่อนมนุษย์ผู้มีโรคภัยเบียดเบียน
    ได้รับความบำรุงรักษาพยาบาลเพื่อทุเลาทุกขเวทนา ถ้าได้กลับเป็นผู้มีกำลังมีร่างกายบริบูรณ์ขึ้นอีก เราเห็นว่าจะเป็นทางทานอันจะได้รับผลดี ให้เราได้มีความสุขใจยิ่งกว่าที่จะแจกจ่ายทรัพย์ไปให้แก่คนขอทานโดยไม่เลือกหน้า
    บัดนี้โรงพยาบาลอันนี้ ก็ได้ตกแต่งขึ้นพร้อมแล้ว เราขอให้นามว่า “วชิรพยาบาล” และขอมอบที่นี้ไว้เป็นสาธารณสถานเป็นสมบัติสิทธิ์เด็ดขาดแก่ประชาชนชาวไทยให้ได้ใช้เพื่อเป็นที่พยาบาลผู้มีอาการป่วยไข้ต่อไป ขอมอบให้ไว้แก่กรมศุขาภิบาลเป็นผู้ปกปักรักษาในนามประชาชนสืบไปแต่วันนี้
    ขออำนาจคุณพระรัตนไตรอันเป็นนิรัติไสยบุญเขตร อันเป็นที่พึ่งตรึงจิตร์แห่งเราโดยมั่นคง และความจำนงจงจิตร์ที่เราได้บำเพ็ญสาธารณทาน เพื่อประโยชน์แห่งประชาชนชาวไทยอันเป็นที่รักใคร่แห่งเราเหมือนบุตร์ จงเป็นผลสำเร็จสมความปรารถนาได้แลเห็นผลดีทั้งในปัตยุบันนี้และในเบื้องหน้าต่อไปชั่วกาลนานเทอญ
    ประกาศมาณพฤหัศบดีที่ ๒ มกราคม พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้ ๒๔๕๕ พรรษา รัตนโกสินทรศก ๑๓๑ เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ ฯ
    ในขั้นต้นที่เริ่มเปิดดำเนินกิจการวชิรพยาบาลนั้น ตามหลักฐานปรากฎว่าผู้ที่มาเป็นแพทย์ประจำคนแรกคือ หมอติลลิกี (Dr Tilleke) ซึ่งขณะนั้นประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสามเสน สังกัดกรมศุขาภิบาล กระทรวงนครบาล โรงพยาบาลสามเสนนี้ตั้งอยู่เชิงสพานแดง (ตรงถนนสุโขทัยด้านแม่น้ำเจ้าพระยามีสพานแดงต่อจากถนนยื่นลงแม่น้ำ) ถนนสุโขทัยตอนข้างวังสุโขทัยนี้ ตามแผนผังวชิรพยาบาล พ.ศ.๒๔๖๙ เรียกชื่อถนนนี้ว่า ถนนดวงเดือนนอก โรงพยาบาลสามเสนนี้ จากหลักฐานที่ปรากฏ รู้สึกจะช่วยเหลือวชิรพยาบาลในคราวตั้งตัวอยู่มาก ทั้งตัวแพทย์และเวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ เมื่อหมอติลลิกีมาเป็นผู้อำนวยการวชิรพยาบาล ได้สละเครื่องมือแพทย์ ยาต่าง ๆ ครุภัณฑ์ เครื่องแก้ว เครื่องมือตรวจเชื้อ เช่น กล้องจุลทรรศน์ เครื่องปั่นโลหิตและปัสสาวะตลอดจน เตียงตรวจ เตียงผ่าตัดและของใช้เบ็ดเตล็ด เพื่อเป็นสาธารณกุศลใช้ในวชิรพยาบาลในวันพิธีเปิดป้ายโรงพยาบาล ส่วนเตียงผู้ป่วยภายในนั้นยืมเตียงนายทหารชั้นนายพันจากกรมยกกระบัตรกระทรวงกลาโหมมาสมทบชั่วคราวจำนวน ๒๐–๓๐ เตียงเพื่อให้ทันกำหนดเปิดโรงพยาบาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเปิดป้ายผ้าคลุมโรงพยาบาล เมื่อเวลา ๔ โมงเย็น วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๕ แล้วเสด็จประทับบนมุขหน้าตึก ดังสำเนาขอรับพระราชทานทรงเปลื้องผ้าคลุมนามโรงพยาบาลดังนี้

    [FONT=MS Sans Serif, AngsanaUPC]<B><BIG>·</BIG> กรมสุขาภิบาล </B>[/FONT]
    ขอเดชะ ฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
    โดยกระแสพระบรมราชดงการดำรัสเหนือเกล้า ฯ พระราชทานที่ดินพร้อมทั้งสถานที่อันสมบูรณ์แล้วทุกประการให้เป็นโรงพยาบาล ซึ่งพระราชทานนาม ณ บัดนี้ว่า “วชิรพยาบาล” เป็นสาธารณสถานที่สำหรับรักษาโรคาพาธ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประโยชน์แก่พสกนิกรทั่วไป ไม่กำหนดขีดขั้นชั้นชนิดของบุคคล เพื่อเป็นการพระราชกุศลศิลานุปัฎฐานทานอีกประการหนึ่ง
    ในตำบลดุสิตนี้กรสุขาภิบาลมีความต้องการสถานที่พยาบาลให้สมควรมาช้านาน เพื่อประโยชน์โดยเฉพาะก็ด้วยเป็นตำบลที่ห่างไกลจากโรงพยาบาลอื่น ถึงแม้จะมีอยู่แห่งหนึ่ง ก็ไม่เป็นสถานที่สมควร แลไม่สมบูรณ์ด้วยองค์ของโรงพยาบาลจะเรียกว่าไม่มีก็เกือบได้ ความต้องการอันนั้นยังไม่สมหมายมาจนวันนี้ แลการที่ทรงพระมหากรุณาพระราชทานสถานที่พยาบาลในครั้งนี้ ได้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไป มีผู้ที่อยู่ในอำเภอที่ใกล้เคียงเป็นต้น อีกประการหนึ่งทำให้พระมหานครมีคิลานสถานใหญ่โตสมควรแก่การพยาบาลอันเป็นสิ่งต้องการขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งสาธุชนจะพึงยินดีแลอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
    การรักษาพยาบาลคนไข้นี้ มนุษย์ชาติผู้มีธรรมจริยาอันงาม ไม่เลือกว่าชาติใดภาษาใด จะเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหรือลัทธิอื่น ๆ ก็ตาม ย่อมสรรเสริญว่าเป็นกุศลอันสูงอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุว่าโรคไภยไข้เจ็บเป็นทุกข์อันใหญ่หลวง ซึ่งสัตว์ทั้งปวงไม่พึงปราถนาอยู่ทุกรูปทุกนาม พยายามที่จะไม่ให้บังเกิดมี เพราะเหตุฉนี้ความเป็นผู้ไม่มีโรคจึงนับว่าเป็นลาภอย่างหนึ่งซึ่งยากที่บุคคลจะลืมได้ ข้อนี้สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เจ้าก็ตรัสไว้ว่า อาโรคยา ปรมา ลาภา ความหาโรคมิได้ ชื่อว่าเป็นลาภอย่างยอด ดังนี้ แต่การที่จะป้องกันมิให้โรคไภยไข้เจ็บบังเกิดขึ้นแล้วก็รักษาพยาบาลให้บันเทาเบาบางลง หรือให้หายไปเป็นครั้งคราวเท่านั้น การที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระราชดำริห์ชอบประกอบด้วยพระมหากรุณาแก่อาณาประชาชน ภายใต้พระบรมราชสมภารโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ทำเป็น โรงพยาบาลขึ้นสิ้นพระราชทรัพย์นับจำนวนตั้งแสน ๆ นี้ชื่อว่า ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอันต้องด้วยพุทธนิยม ซึ่งมีพุทธฎีกาตรัสไว้ (ในคัมภีร์มหาวรรควินัยปิฎก) ว่าโย ภิก์ขเวมํ อุป์ฐเหย์ย โส คิลานํ อุปฎ์ฐเหย์ย ความว่าดูกรภิกษุทั้งหลายถ้าบุคคลผู้ใดอยากจะพยาบาลบำรุงเราผู้ตถาคตแล้ว ก็ให้บุคคลผู้นั้นพยาบาลบำรุงคนเจ็บไข้เถิด อาไศรยดังนี้แหละ ข้าพุทธเจ้าจึงอาจกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระราชกุศลในครั้งนี้ เป็นกุศลอันล้ำเลิศประเสริฐสุดที่ได้ทรงบำเพ็ญส่วนหนึ่ง
    เพราะฉนั้น ข้าพระพุทธเจ้าผู้แทนในนามของสาธารณชนที่อยู่ในตำบลดุสิตนี้และอำเภอที่ใกล้เคียงหรือที่จะมาแต่จาตุรทิศ ซึ่งจะได้รับพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์จากสถานวชิรพยาบาลนี้ตามที่ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตไว้แต่วันนี้สืบไป ขอพระราชทานถวายพระพรด้วยสัจวาจาว่า ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททรงกระทำเคารพพระพุทธรัตนอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายให้เป็น
    โอสถอันประเสริฐสูงสุดแล้ว ขอให้สรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศอันตรธานไป และขอให้ทุกข์ทั้งหลายอันจะบังเกิดแด่พระวรองค์ จงระงับด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าโดยสวัสดี
    ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงกระทำเคารพพระธรรมรัตน อันระงับเสียซึ่งความกระวนกระวายให้เป็นโอสถอันประเสริฐสูงสุดแล้ว ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศอันตรธานไป และขอไภยทั้งหลาย อันจะกล้ำกลายพระวรองค์จงระงับด้วยเดชแห่งพระธรรมเจ้าโดยสวัสดี
    ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ทรงกระทำเคารพสังฆรัตน ผู้ควรจะรับซึ่งจตุปัจจัยอันบุคคลนำมาแต่ไกลแล้วแลพึงให้แก่บุคคลผู้มีศิล ผู้ควรจะรับซึ่งอาคันตุกทาน อันบุคคลตกแต่งด้วยเครื่องสักการะ เพื่อประโยชน์แก่ญาติแลมิตรอันเป็นที่รักที่เจริญใจ อันมาแต่ทิศานุทิศให้เป็นโอสถอั้นประเสริฐสูงสุดแล้ว ขอสรรพอุปัทวะทั้งหลายจงพินาศอันตรธานไป และขอให้โรคาพาธทั้งหลาย อันจะบังเกิดมีแด่พระกรัชกายจงระงับหายด้วยเดชแห่งพระสงฆเจ้าโดยสวัสดี
    ขอพระพรไชย อันข้าพระพุทธเจ้าตั้งจิตร์อธิษฐานถวายนี้ จงเป็นผลสำเร็จแด่ใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาททุกประการ ดังรับพระราชทานกราบบังคมทูลมา ในที่สุดคำกราบบังคมทูลพระกรุณา ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานได้ทรงเปลื้องผ้าคลุมนามศาลาพยาบาล อันเจ้าพนักงานได้จัดไว้ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบแลจะได้อนุโมทนาต่อไปในกาลภายหน้า

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    วชิรพยาบาลสถาน อำเภอดุสิต

    Faculty of Medicine Vajira Hospital - Content

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    กรุงเทพมหานครคือที่มั่นสุดท้ายแห่งทวยเทพที่จุติลงมาเกิดบนโลกเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา เทพเหล่านี้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นธงชัยแลมองเห็นความตายอย่างไร้ความสะดุ้งหวาดกลัว อย่างน้อยเป็นจุฬโสดาบันทั้งสิ้นคือประกอบด้วยศรัทธาอันตั็งมั่นในพระรัตนตรัยจะเป็นผู้รอด การนี้มิได้หมายความว่าเทพเหล่านี้จะรอดพ้นจากความตาย หากแต่การตายของเทพแต่ละท่านต่อจากนี้โลกเข้าสู่กลียุคคือการทักทอ สอดประสานให้พุทธศาสนาดำรงคงอยู่จนครบ5พันปี การทำงานไม่จำเป็นต้องประกาศตัว แต่งานต่างๆจะสอดประสานกันเองเหมือนวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อมหาสงครามมาถึง นกยางจะร้องขอก เหล่าเทพจะอุทิศตนให้กับพระศาสนาด้วยชีวิตจิตวิญญาน
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ศาสนาพุทธที่แท้จริงจะกลับมา หลังโลกเข้าสู่กลียุค
    ศาสนิกชนทั้งหลายและพุทธบริษัทจะประกอบด้วยพละ5แลสัมมาทิษฐิอันหนักแน่นมั่นคงด้วยเห็นแจงแทงตลอดในกฏไตรลักษณ์ จึงประกอบด้วยมรณสติด้วยเห็นความตายอันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ความเบียดเบียนกันจะไม่บังเกิด
    โลกจะเข้าสู่ยุคแห่งความสงบหนี่งพันปี และจะเข้าสู่กลียุคอีกครั้งด้วยความหลงตัวเองและความโลภเพราะละทิ้งศาสนา
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ความตายมาเยีอนทุกๆท่านโดยไม่เตือนล่วงหน้า ไม่ว่าจะหนีไปถึงสุดรอบขอบจักวาลหากถึงเวลา มรณกะจะไปกระชากลงมาเอง จึงเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะหนีไปไหน หากท่านไม่ถึงที่ตายจะมีเหตุการณ์นำพาท่านให้รอดพ้นจากตวามตายเอง ด้วยเหตุที่กิจของแต่ละท่านยังไม่จบ ไม่ว่าจะเป็นกิจดำหรือกิจขาว เพราะโลกยังหมุนไป คนเราพึงเกิดมาเรียนรู้อริยธรรมเพื่อไม่ให้เสียชาติเกิด ด้วยโอกาสที่จะเกิดมาพบบวรพระพุทธศาสนานั้นยากยิ่งนักหากเทียบกับสังสารวัฎอันยาวนานเหมือนดั่งไม่มีที่สิ้นสุดฉะนั้น
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เมืองที่พระวิษณุกรรมสร้าง ไม่ใช่เมืองกรุงเทพฯ
    เมืองกรุงเทพฯ สร้างโดย ร.1 โดยการปฏิวัติเอา
    พระเจ้าตากสินลงไป แล้วสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาฯ
    ไม่ใช่ลักษณะของพระวิษณุกรรม


    พระวิษณุกรรม ไม่ได้สร้างเมืองขึ้นมาด้วยวิธีนี้
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การสร้างบ้านแปลงเมือง จะเกิดจากคนสองคนร่วมบารมีกัน
    ถ้าคนคู่นั้น ทรยศหักหลังกัน คนหนึ่งถูกอีกคนทำร้าย ก็จะ
    ตกกรรมเป็นคู่ของลูซิเฟอร์กับอดัม เมืองนั้นจะกลายเป็น
    ของซาตาน


    ทว่า พระอินทร์กับพระวิษณุกรรมนั้นจะไม่หักหลังกัน โดย
    พระอินทร์จะรวมใจคนเหมือนผู้ถือคทาเป็นศูนย์กลางรวมใจ
    และมีพระวิษณุกรรมถือจักร หมุนขับเคลื่อนไป ทั้งสองจะอยู่
    ร่วมกันได้ ไม่ทรยศ ไม่หักหลงกัน


    ดังนั้น เมืองกรุงเทพฯ จึงไม่ได้ถูกสร้างโดยพระวิษณุกรรม
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    พระเจ้าตากสิน กับ พระยาพิชัย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอบพระคุณในธรรมทานของทุกท่าน

    โดยส่วนตัวตนเองแล้ว คิดว่าทุกคนที่มีหัวใจของเมตไตรยะล้วนเป็นเมตไตรยะทั้งสิ้น ใครๆก็เป็นได้ขอเพียงมีหัวใจแบบเมตไตรยะเท่านั้น หัวใจที่เป็นมิตร เข้าใจ และให้อภัยกับทุกสิ่ง เมตไตรยะไม่จำเป็นต้องมีคนเดียว คนทั้งจักรวาลนี้กลายเป็นเมตไตรยะกันหมดเลยยิ่งดี...ไม่รู้จะเป็นไปได้ไหมนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...