สำนักพระพุทธเล็งลงดาบพระเกษม

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 21 กันยายน 2011.

  1. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    พูดออกมาได้ว่าของจริง ถุย....แหกนรกมาเกิดก็ไม่ว่า
     
  2. sak7

    sak7 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +1
  3. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    จริงด้วยครับ คนไปเอาที่ไหนมา ที่ว่าพระอริยะบางองค์จะแสดงกริยาที่ถ่อยสถุล

    ด้วยประการต่างเพราะเป็นอุปนิสัยของท่าน มันไม่มีนะครับ บางองค์ที่ท่าน

    โลดโผนนั้นมีจริง แต่มันต่างจากการกระทำที่ถ่่อยสถุลราวฟ้ากับเหวเลยนะครับ

    ลองใคร่ครวญ แยกแยะดูนะครับ คุณบำรุง ถ้าแยกแยะยังไม่ออก ก็ทำตนให้

    เป็นอริยะเสีย แล้วจะได้เข้าใจ คำว่า สามีจิปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

    สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าปฏิบัติสมควรแล้ว เป็นอย่างไร พระอริยะท่าน

    ย่อมรู้ว่าอะไรสมควร ไม่สมควรแน่นอน

    พระไตรปิฏกยกไว้ก่อน เอาแค่หนังสือสมบัติผู้ดีมาพิจารณาก่อนนะครับ แล้วก็

    ศึกษาต่อไปก็จะรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้สั่งสอนสาวกให้มีมรรยาท

    ไว้ละเอียดครอบคลุมในทุกๆเรื่องยิ่งกว่าในหนังสือสมบัติผู้ดีเสียอีก ให้ไปศึกษา

    ดูในพระวินัยปิฏกให้ครบถ้วนนะครับ ไม่ใช่ไปค้นเฉพาะข้อที่ตัวเองจะนำมา

    เปรียบเทียบว่าตัวเองทำถูกตามข้อนี้ คนอื่นคณะอื่นทำผิดตามข้อนี้อย่างที่ทำ

    มาเป็นประจำ



    ส่วนเรื่องจับสึกได้ หรือ ไม่ได้ มันเป็นด้วยเหตุปัจจัยอื่นหลายอย่าง ไม่ใช่ว่า

    กล้าหรือไม่กล้า อริยะหรือไม่อริยะ อย่ามาเหมาเอาง่ายๆว่า ก็ท่านเป็นอริยะใคร

    จะกล้าจับท่านสึกได้ อย่างนี้ มันตื้นเิขินทางปัญญาเกินไป อริยะถูกจับสึกโดย

    พวกอลัชชีก็มี เช่น ครูบาขาวปี ครูบาวงศ์ ที่ลี้ลำพูน ไปศึกษาดูนะครับ พวก

    อลัชชีไม่มีใครจับเขาสึกได้ก็มี มันขึ้นอยู่กับเหตุกับปัจจัยหลายอย่างอย่างที่

    บอก




    ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ารายนี้ถ้าถูกจับสึกแล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะผม

    นั้นทันหลวงปู่ครูบาขาวปี หลวงปู่วงศ์ แม้จะในช่วงบั้นปลายของชีวิตของท่าน

    แต่จากการศึกษาและจากการสังเกตของผม หลังจากถูกจับสึกก็ไ่ม่

    เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็ปรกติดี ไม่เห็นท่านแสดงอาการขึ้นๆลงๆแต่อย่างใด

    และท่านก็ดำเนินชีวิต ตามอริยะประเพณีสืบมา สร้างคุณประโยชน์ให้แก่พระ

    พุทธศานาหาประมาณมิได้เป็นที่ประจักษ์จนทุกวันนี้ อยากจะดูจริยาของรายที่

    คุณบำรุงพูด คำก็อริยะ สองคำก็อริยะจริงๆ ว่าจะแสดงความเป็นอริยะเก๊ให้เป็น

    ที่ประจักษ์แก่มหาชนได้อย่างไร ยังไงเสียความเก๊มันต้องโผล่แน่ๆ แต่อยากจะ

    ดูว่ามันจะโผล่มาแนวไหน อย่างไร เพื่อจะได้นำไปยกเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ชนรุ่น

    หลังต่อไป
     
  4. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    ท่านจะลงดาบ
    ช่างน้ำหนักดูดีๆน่ะครับ....ดาบนั้นมี 2 คม
     
  5. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    ถ้าหากมัวกลัว พวกนอกรีต อาศัยพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือก็ยิ่งได้ใจกระทำการกระทำอันเลวๆ แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือครับ ลองออกจากเวปนี้แล้วเข้าไปอ่านความคิดเห็นของประชาชนดูว่าเขารู้สึกอย่างไร อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง รู้ธรรมแค่กลุ่มเดียว รู้จริงแตกฉานจริงไม่มีใครเขาติเตียนด่าว่าหรอก แต่ที่เป็นอยู่ใช้พระธรรมคำสอนบิดพริ้วสั่งสอนผู้อื่นหลงเชื่อคนที่เขาคิดว่าผู้ที่ห่มจีวรจะเป็นผู้ที่อบรมสั่งสอนในสิ่งที่ดี ก็พลอยหลงเชื่อเพราะบางคนพอยกพระไตรปิฏกมาอ้างบ้างล่ะ เขาไม่เคยอ่านและศึกษาก็หลงเชื่อว่าจริง อยากถามง่ายๆว่ากระทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด เพื่อให้คนศัทธราว่าข้าคือพระอริยะ หรือผลประโยชน์อื่นแอบแฝง แต่ที่ร้ายที่สุดลูกหลานคนพุทธจะเข้าใจผิด และประพฤติตามซึ่งนั่นหมายถึงบาป ซึ่งจะนำพาไปสู่ห้วงนรกอเวจี อยากไปนรกก็ไปเฉพาะกลุ่ม สำนักสงฆ์สามแยกเถอะ อย่าพยายามดึงคนอื่นให้ลงห้วงนรกอเวจีด้วยเลย การกระทำเยี่ยงนี้มัน บัดซบสิ้นดี
     
  6. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    สมกับเป็นพระยุคใหม่(กึ่งพุทธกาล)....ขอแนะนำวีดีโอสำหรับพระยุคใหม่





    <LI class=provider-img>[ame="http://www.youtube.com/watch?v=0ZqWJoEYFw8&feature=related"]ELENIN EMINENT INVASION - YouTube[/ame] แถมเพลงอีกหนึ่งเพลงฝากให้หลวงพี่เสม ผ่านเวปพลังจิตด้วย....4444


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=YdUC_WfBaRA&feature=player_embedded"]????????????????? ???????????? - YouTube[/ame]#!

    <LI class=provider-img>[ame="http://www.youtube.com/watch?v=DwymQQAYZmo"]- พระเกษมHeavy ท่านเป็นอย่างนี้มานานแล้ว - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2011
  7. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    ดาบนั้นมีคมด้านเดียว.... แต่กระบี่นั้นมีคมสองด้าน....4444
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=yVThmL2u1Ig&feature=related"]????????GO!GO!MANIAC FULL 8????????????????? - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2011
  8. สิงห์เล็ก

    สิงห์เล็ก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +10
    พระพุทธรูปมิใช่พระพุทธเจ้ามิต้องกราบไหว้ แล้วท่านจะครองจีวรไว้ทำไมในเมื่อเป็นเพียงแค่ผ้า 3 ชินเท่านั้น แล้วมิรู้หรือว่าพระสงฆ์มีมาได้แต่อย่างใด...................อย่ากล่าวอ้างว่าศึกษาจากพระไตรปิฏก เดี๋ยวคนที่เขาไม่รู้จะเข้าใจผิดไป............ หยุดเถอะพระเกษม อย่าก้าวล้ำไปมากกว่านี้
     
  9. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    งั้นใช้ Katana เถอะ มีคมด้านเดียว แถมคมกริบที่สุดในโลกด้วย

    [​IMG]
     
  10. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ผมร้ว่าคนทั่วไปยากจะรับได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นเช่นนี้แล แม้ผมเองก็เกือบรับไม่ได้ แต่เมื่อผมได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างลึกๆ ก็พบว่าสัจจธรรมความหลุดพ้นมันเป็นเช่นนี้!!! ส่วนสัจจธรรมเพื่อนรกสรรค์ก็เป็นอีกอย่าง
     
  11. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    หยุดเถอะ...
    สันทิฏฐิโก...เป็นเช่นนี้แล...
     
  12. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    เรียน ท่านเกษม ที่ไม่เคารพนับถือ ^_^



    การเคารพพระธรรมวินัยเป็นเรื่องที่ดี แต่ให้ดูกำลังและขอบเขตของตนเองก่อน คณะสงฆ์ส่วนใหญ่ย่อมพิจารณากันเองได้ แม้พระพุทธองค์ก็ทรงเปิดโอกาสไว้ให้ (มหาปเทส 4) เพื่อปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยตามความเหมาะสม จึงมีทั้งอาบัติหนักและอาบัติเบา แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้ (สเตกิจฉาและอเตกิจฉา) ที่สำคัญต้องคำนึงถึงส่วนรวมด้วยว่า เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของคนหมู่มากหรือไม่ เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสของคนหมู่มากหรือไม่ นี้เป็นจุดมุ่งหมายแห่งพระธรรมวินัย (จึงเป็นที่มาของการอนุญาตให้สร้างวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ การจัดโครงการผ้าป่าช่วยชาติขององค์หลวงตามหาบัว หรือแม้กระทั่งการถวายปัจจัยแด่พระภิกษุในสมัยปัจจุบันที่เห็นกันอย่างดาษดื่น พระสงฆ์ (บางองค์) ก็รู้ว่าการรับปัจจัยหรือเงินนั้นเป็นการผิดพระวินัย แต่ขัดศรัทธาของญาติโยมไม่ได้ เพราะจะเป็นการทำลายศรัทธาของเขาทำศรัทธาของเขาให้ตกไป จึงต้องอนุเคราะห์รับไว้ คือยอมผิดพระวินัยเสียเองเพื่อรักษาศรัทธาของสาธุชนไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แห่งพระพุทธศาสนาโดยรวมนั่นเอง และจะมีใครรู้บ้างว่าผู้ที่ริเริ่มถวายปัจจัยแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นคนแรกคือใคร เคยได้ยินคำว่าถวายนิตยภัตหรือไม่ รู้ไหมว่าคืออะไร เอ้า...ไปค้นหาคำตอบกันเอาเองเถอะ ใบ้ให้แค่นี้แหละ ถ้ารู้แล้วจะถึงบางอ้อ และโปรดเงียบๆ ไว้ อย่ากระโตกกระตากไป)



    ผมเข้าใจว่า การชี้โทษเหมือนการชี้ขุมทรัพย์ให้


    แต่ผู้ที่จะทำการชี้โทษของผู้อื่นนั้นต้องทำการพิจารณาให้รอบคอบโดยถี่ถ้วนเสียก่อน ว่าเหตุและผลแห่งธรรมนั้นเป็นไปเพื่ออะไร และก่อนจะชี้โทษใครต้องสำรวจตนเองก่อน ว่าเมื่อชี้ไปแล้วเขาจะฟังเราหรือไม่ เราอยู่ในฐานะอะไร เขาให้ความนับถือและเชื่อถือเราหรือไม่ มิฉะนั้นก็จะเหมือนกรณีของท่านเกษมที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คืออยู่ดีๆ ไม่ว่าดี พยายามจะสอนให้ชาวบ้านเลิกยึดติดในวัตถุสมมติ แต่ใช้วิธีการแผลงๆ โลดโผนเกินเหตุ เลยปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งศาสนา และไม่เป็นที่เลื่อมใสของบุคคลที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเลย แม้บุคคลที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาก็คลายความเลื่อมใสได้ (ถ้าจิตของคนผู้นั้นยังไม่ตกสู่กระแสพระนิพพานหรือไม่เข้าใจหลักสำคัญในการนับถือพระพุทธศาสนาว่าต้องมีที่ยึดเหนี่ยวก่อน แม้จะเป็นเพียงวัตถุสมมติก็ตาม)



    การจะส่งจิตออกไปภายนอกนั้น แม้จะเป็นธรรมะ ก็ควรจะระมัดระวังไว้ด้วย เพราะจิตของเรานั้น สติธรรมและปัญญาธรรมยังไม่ลึกซึ้งกว้างขวางและบริสุทธิ์เพียงพอต่อพระธรรมที่แท้จริง ถ้าไปหลงกับความคิดของตนเองเข้ามากๆ ก็จะกลายเป็นตัวอัตตาตัวใหญ่ไปโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว สุดท้ายก็จะกลายเป็นหลงตนเองสมมติตนเองขึ้นมาว่าเป็นผู้สำเร็จชั้นนั้นชั้นนี้ไป ซึ่งหาทางแก้ไขได้ยากมาก


    และที่สำคัญบางครั้งจะกลายเป็นการขัดขวางและปิดกั้นโอกาสแห่งการทำบุญสร้างกุศลบารมีของผู้อื่นได้ ซึ่งจะมาเป็นกรรมคอยขัดขวางตัวเราเองไม่ให้สำเร็จธรรมหรือบรรลุธรรมได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองเป็นห่วงมาก จึงปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีของท่านเกษม ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ไม่ดำเนินการอะไร ต่อไปพระพุทธศาสนาย่อมถึงกาลวิบัติได้จากมิจฉาทิฏฐิของพระในพุทธศาสนาเองที่ไม่รู้จักแยกแยะลำัดับชั้นของพระธรรมโดยอ้างแต่พระวินัยแล้วมาทำลายศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดสังเวชมาก เพราะหากเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งจริง จิตใจย่อมจะมีความละเอียดประณีตมาก ยกตัวอย่างเช่น สมเด็จโต ครั้งหนึ่งท่านเดินผ่านกองดินเหนียวที่เขาจะปั้นเป็นพระพุทธรูป อยู่ๆ ท่านก็ก้มลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ลูกศิษย์ถามว่าท่านกราบดินทำไม ท่านตอบว่ากองดินนี้เป็นพระพุทธรูปองค์แทนของพระบรมศาสดาตามเจตนาของผู้สร้างจึงสำเร็จเป็นพระตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว ที่ท่านกราบจึงกราบด้วยการเจริญซึ่งพุทธานุสติไม่ใช่กราบดิน นี้แลผู้ที่มีจิตใจละเิอียดและสูงส่ง หรือ องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในประวัติกล่าวว่าหากองค์ท่านไปเห็นเศษกระดาษที่มีตัวหนังสือหล่นลงพื้นอยู่ที่ไหนท่านก็จะเก็บขึ้นมาไว้บนที่สูงทันที ท่านบอกลูกศิษย์ว่า ตัวหนังสือชาติใดก็สามารถใช้จารจารึกพระธรรมได้ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นของสูงไม่ควรข้ามกราย (องค์หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ก็ทำอย่างนี้เช่นเดียวกัน)



    และยังไม่เคยเห็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์ไหนที่ห้ามคนกราบพระพุทธรูปเลย มีแต่บอกเล่าถึงอานิสงส์ในการสร้างพระในการกราบพระทั้งนั้น เพราะพระอรหันต์ผู้สิ้นสมมติในวัฏฏะสงสารทุกๆ องค์ ย่อมมีแต่ความเมตตากรุณาต่อบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายและมีใจเอื้อเฟื้อการุณย์ต่อสรรพสัตว์ผู้ทุกข์ยากเสมอ นี้เป็นหลักสำคัญ เพราะท่านย่อมรู้ย่อมเข้าใจว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในความประมาทมีแต่ความมืดบอดในสังสารวัฏ หากสัตว์โลกเหล่านั้นได้ประกอบซึ่งการบุญ มีการให้ทานเป็นต้น ย่อมมีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเป็นที่พึ่งพิงในสังสารวัฏได้ แม้จะเป็นเพียงแค่กุศลชั้นโลกียะก็ตาม


    การกราบพระพุทธรูปก็เช่นกัน ย่อมยังจิตของผู้ที่ศรัทธานั้นให้เกิดโลกียกุศลภายในใจได้ อันจะมีอานิสงส์ที่ดีอำนวยผลสืบต่อไปในขันธสันดานและในภพหน้า และเป็นการฝึกฝนเพื่อลดละอัตตาตัวตนของผู้ที่ปฏิบัติธรรมชั้นสูงได้ด้วย



    ความมุ่งมั่นในการเผยแผ่เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งไม่ต้องจัดหนักจัดเต็มตลอดเวลาก็ได้ ไม่ต้องทำอะไรแบบสุดๆ ก็ได้ (เร็วสุดๆ อาจจะแหกโค้งแบบสุดๆ ก็ได้ จะรีบไปไหนกันนักกันหนา) ทางสายกลางมีไว้ให้เดินก็พยายามเดินไปให้ดีๆ เถิด ถึงแน่นอน (รีบมากๆ ใช่ว่าจะถึงที่หมายนะจ๊ะ จะบอกให้...)


    การยึดติดในรูปแบบนั้น ถ้าไม่ทำการพิจารณาให้ดีโดยแยบคายแล้ว ก็จะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมเสียเอง เพราะการยึดติดนั้นก็เป็นอัตตาตัวหนึ่ง ที่ถึงแม้จะเป็นรูปแบบที่ดี แต่ถ้าเอามาเพ่งโทษผู้อื่นหรือเอามาข่มผู้อื่นนั้น ก็ไม่เป็นผลดีต่อการปฏิบัติธรรมเลย ดังนั้น การละสีลัพพตปรามาส (ความหลงผิดในการถือศีลพรตข้อปฏิบัติต่างๆ) ของพระโสดาบันนั้น จึงต้องควบคู่ไปกับ การละสักกายทิฏฐิ (ความหลงในอัตตาตัวตนมากจนเกินไป ถือเขาถือเรามากจนเกินไป) เพราะผู้ที่มุ่งความบริสุทธิ์ที่แท้จริงนั้น ต้องมุ่งชำระที่จิต ไม่ใช่มุ่งที่กายหรือรูปแบบภายนอกใด ดังนั้นเราจะเห็นว่าแม้เราจะถือศีลเคร่งครัดมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าเราไม่เข้าใจเจตนาแห่งการถือศีลรักษาศีลแล้ว เราก็ไม่อาจที่จะบรรลุธรรมได้ ตรงกันข้าม หากเราละแค่สังโยชน์เพียง 3 ข้อแรกได้ ก็สามารถบรรลุความเป็นพระโสดาบันผู้มีดวงตาเห็นธรรมมีจิตอันตกสู่กระแสพระนิพพานได้ (โดยไม่ยาก แค่เข้าใจ) ส่วนการละวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย) นั้น ง่ายที่สุดในบรรดาสังโยชน์ทั้ง 3 ข้อแรก ง่ายกว่าการละสักกายทิฏฐิกับสีลัพพตปรามาส เพราะเพียงแค่มีจิตศรัทธาต่อคุณพระรัตนตรัย เชื่อในการตรัสรู้ธรรมของพระพุทธเจ้า และเชื่อในคำสอนของพระองค์ท่านแล้ว ก็สามารถละวิจิกิจฉาได้โดยไม่ยาก (จะว่าง่ายก็ไม่เชิง เพราะต้องรู้ด้วยว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร และอะไรคือจุดมุ่งหมายแห่งพระธรรมคำสอนด้วย ถ้าเป็นท่านพระสารีบุตร (ชื่อเดิมคืออุปติสสะ) แค่ฟังธรรมจากท่านพระอัสสชิเพียงแค่ประโยคเดียวก็สำเร็จเป็นพระโสดาบันได้ เพราะท่านรู้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมายของพระธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า)


    แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ต้องรักษาศีลใดๆ เลย เพราะการรักษาศีลจำนวนมากๆ เช่นกรณีของพระภิกษุสงฆ์จำเป็นต้องรักษาศีลหรือพระวินัยจำนวนมากๆ ก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยแห่งหมู่สงฆ์เพื่อความผาสุกของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแห่งหมู่สงฆ์ นี้เป็นหลักสำคัญ (คือรักษาเพื่อสังคมภายนอกให้อยู่กันอย่างโดยปรกติสุข) แต่ถ้าเป็นโลกุตรศีลเพื่อโลกุตรธรรม (โดยส่วนตัว) แล้ว รักษาที่ "ใจ" ดวงเดียว จบ.




    ปล. สำนักพุทธฯ ไม่ลงดาบ แต่กรมป่าไม้จะลงดาบแล้วจ้า...
     
  13. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    ผมขอถวายนามอรหันตนนี้ว่า โล้นซ่ามหาภัยอุตริทำเคร่งเบ่งว่าข้าแน่ข้าใหญ่ไม่กลัวใครในสามแดนโลกธาตุอุทิศบุญเฉพาะเชื้อโรคสัตว์นรกเปรตผีแต่ไม่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ตาดำๆ (แต่ลองออกมานอกวัดดูสิ หรือ ลองออกมาตบหน้าพระแก้วมรกตดูซักที)


    สาวกทั้งหลายอย่าโกรธนะ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ปรกติผมก็ไม่เคยเขียนแบบนี้หรอก แต่เห็นท่านเกษมยังแสดงได้ ผมเองก็แสดงได้ (แบบไม่มีความแค้นส่วนตัวใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขียนเพื่อให้เห็นสมมติธรรมแบบหยาบๆ ว่าผู้อ่านที่นับถือในท่านเกษมจะรู้สึกอย่างไร เช่นเดียวกับที่ท่านเกษมทำกับองค์พระพุทธรูปและใช้วาจาหยาบคายต่างๆ ถ้าผมบาปเพราะจาบจ้วงพระอรหันต์ ท่านเกษมก็บาปกว่าผมแหละที่ทำร้ายจิตใจชาวพุทธจำนวนมหาศาล อย่าอ้างว่าเป็นจริตวาสนาเลย ศิษย์สายพระกรรมฐานของจริงเขาดูออก)



    ถ้าจะให้ผมนับถือท่านเกษม แน่จริงท่านก็ลองมาที่วัดพระแก้วแล้วปีนขึ้นไปทุบพระแก้วมรกตดูซักทีสองทีสิ แล้วผมจะนับถือท่าน ว่าท่านแน่จริง :cool:



    สาวกทั้งหลาย แน่จริงก็อย่าออกมาปกป้อง เพราะถ้าเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญาจริง เดี๋ยวท่านก็เหาะขึ้นฟ้าไปได้เอง (หรือจะจมลงดินหว่า) และไม่ต้องเอาบาปมาขู่ด้วย เอาบาปไว้เตือนอาจารย์ตัวเองเถอะ ว่าปรามาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์ไหนไว้บ้าง ด่าใครไว้บ้าง ลบหลู่ดูหมิ่นอะไรไว้บ้าง แสดงพฤติกรรมต่ำๆ เสื่อมทรามอะไรไว้บ้าง



    ถ้าคนดมกาวแล้วไปบวชพระ คงมีแฟนคลับที่ชอบเพียบ เพราะพวกดมกาวนี่ เห็นหมดแหละ สวรรค์นรกเทวดานางฟ้า สมบัติพัสถานใต้ดิน มนุษย์ต่างดาว เชื้อโรคหน้าตาแบบไหนก็เห็นหมด สอยได้แม้กระทั่งดาวเดือน (ผมไม่เคยดมนะ แต่คนที่เคยเขาเล่าให้ฟัง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2011
  14. chaichara

    chaichara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +402
    ข้าพเจ้ามิได้เป็นลูกศิษย์ใคร สำนักไหน มิได้รักใครชอบใคร มิได้ชังใคร เกลียดใคร แต่สิ่งที่ข้าพเจ้า อยากชี้แจงเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น โดยแบ่งเป็นข้อๆ ไว้ดังนี้คือ (หากคิดเห็น หรือผิดพลาดประการใด โปรดชึ้แนะด้วย) เพราะ สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็น และพูดนี้ มิได้เปิดตำราใดๆ เหตุผลเพราะ ถ้าพูดไป ก็บอกว่า พูดลอยๆ ถ้าเปิดตำราอ้าง ก็บอกว่า ตอบตามหนังสือ ไม่แน่ ฉะนั้น จึงของพูดตามที่จิตได้เห็น ได้สัมผัส อาจจะไม่เพียงพอหมดทุกอย่าง แต่ขอสรุปดังนี้ครับ..

    1. พูดแบบสมมติสัจจะ...ท่านทำไม่ถูกกับกฏเกณฑ์ของสังคม เพราะกฎเกณฑ์นี้สังคมสร้าง และปรุงแต่งขึ้นมา สังคมอาศัยสิ่งนี้เป็นแบบแผนในการรวบรวมยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นวัฒนาธรรมแบบนี้มาโดยตลอด สิ่งนี้ คือ พระพุทธศาสนาเชิงสังคมศาสตร์
    2. พูดแบบมรมัถสัจจะ...ท่านทำตามสภาวะความจริง รูปทุกอย่างก็แค่รูป (สัญลักษณ์) พระธรรมที่พระองค์ทรงสอนนั้น เป็นกฏแห่งสากล กฏแห่งวิทยาศาสตร์ นั่นหมายถึง รูปทุกอย่างแค่แค่ธาตุ 4 ประกอบปรุงแต่งกันขึ้น ไม่จีรังยั่งยืน ไม่แก่นแท้ ย่อมย่อยสลายเสื่อมไปในที่สุด ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นให้เป็นทุกข์ สิ่งนี้คือ พระพุทธศาสนาเชิงวิทยาศาสตร์ (พระพุทธรูปที่เรากราบไหว้ เคารพบูชา ก็เช่นกัน) ให้กราบไหว้เพื่อระลึกถึงคุณ โดยความกตัญญู ด้วยการนำคำสอนของพระองค์ท่านมาปฏิบัติให้ถูกต้อง จึงถือว่า เคารพบูชา (อามิสบูชา กับ ปฏิบัติบูชา พระองค์ทรงสรรเสริญปฏิบัติบูชา)
    3. บุคลผู้กราบไหว้และปฏิบัติบูชาโดยความเคารพแล้วตามแบบแผนของสมมติสัจจะแล้ว บุคคลนั้นย่อมพัฒนาจิตไปโดยลำดับ ถึง ณ จุด หนึ่ง จึงรู้เห็นและเข้าใจและเข้าถึงแบบปรมัถสัจจะ บางท่านถึงขนาดมองหญิงสาวที่สังคมชมว่าสวยที่สุดเป็นโครงกระถูก ตับไตไส้พุง ท่านบอกว่าเห็นอย่างนี้ สังคมบอกว่าเห็นอย่างนั้น (ถามว่าใครเห็นผิด...?) (ผู้เข้าถึงจุดนี้มีหลายรูปแบบ มีฤทธิ์บ้าง ธรรมดาบ้าง ซึ่งไม่สามารถสรุปได้ด้วยอาการกิริยา) สภาวะจิตของบุคคลเหล่านี้อยู่ในสภาวะเดียวกัน แต่ กิริยาอาการที่แสดงไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรปกปิด ไม่มีออะไรเปิดเผย เป็นไปตามธรรมดา ธรรมชาติ ที่ผ่านมามีพระอริยบุคคลหลายท่าน ที่ถูกสังคม กล่าวหาต่างๆนา ในรูปแบบเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป
    ส่วนเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ผมไม่อาจและล่วงเกินกล่าวถึง ขอให้ท่าน คิดพิจารณาเองเถิด...แล้วแต่สติปัญญาครับ....

    พระพุทธศาสนา แค่ชื่อสมมติ พรุ่งนี้อาจไม่มีให้ได้ยิน พระวินัยอาจเปลี่ยนไปกาลเวลา แต่พระธรรมจะยังคงอยู่สภาวะเช่นนี้ อนัตกาล.... แยกให้ได้ มองให้ออกครับ ระหว่าง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ...ขอบคุณครับ...


    บางท่านถึงขนาดมองหญิงสาวที่สังคมชมว่าสวยที่สุดเป็นโครงกระถูก ตับไตไส้พุง ท่านบอกว่าเห็นอย่างนี้ สังคมบอกว่าเห็นอย่างนั้น (ถามว่าใครเห็นผิด...?)
     
  15. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    คิดเล่นๆ แค่ชื่อก็ไม่เป็นมงคลเท่าไร
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือพระรัตนตรัย คือแก้วสาม
    วัด สาม-แยก

    คิดจริงๆ เอาตามคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    เอาแค่ เผาพระพุทธรูป ตายแล้วไปไหน?
    อเวจีตกทีเป็นกัปป์ชาติ พระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้วไม่รู้กี่องค์ ก็ยังไม่ได้ขึ้น
    น่าสงสารจริงๆ สงสารท่านอย่างจับใจ หมดลมหายใจแห่งโลกนี้ไปแล้ว
    ด้วยช่วงเวลาที่คิดผิดทำพลาดไปไม่กี่สิบปีบนโลกนี้ ท่านจะต้องทนทุกข์
    อย่างสาหัสกี่ล้านๆๆๆๆปีในโลกหน้า น่าจะสร้างกุศลนะ เวลาก็เหลือไม่มาก
    แล้ว ขยันเติมเวลาตกนรกให้ยืดยาวขึ้นเรื่อยๆ
     
  16. ttt2010

    ttt2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +905
    ผมว่านะดูแล้วก็ลบๆไปบ้างเถอะ เดี๋ยวจะมองสงฆ์ในแนวทางไม่ดี เด็กๆจะนำไปเป็นตัวอย่างนะ
     
  17. อวตาร888

    อวตาร888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,070
    ผมได้ติดตามดูและอ่านเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อมาเยอะ พึ่งจะมาเจอของจริง ที่เวปธรรมจักรนี้แหละครับ.

    กระทู้นี้
    ::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2011
  18. อวตาร888

    อวตาร888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,070
    ความจริงก็คือ
    บทความของคุณ คอแก้ง

    เมื่อ1-2วันมานี้ ข่าวดังออกทีวี และ หนังสือพิมพ์หน้า1 ทุกฉบับ ว่าหลวงพ่อ พฤติกรรมไม่เหมาะสม

    และ ลูกศิษย์ชอบอ้างว่า เกี่ยวดองกับหลวงตาบัว กับ หลวงปู่หล้า ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง

    คลิปนี้ออกทีวีไปทั่วประเทศ ยกเท้ากระทืบโรงทาน และเอาเท้าเตะโต๊ะ สบถคำหยาบมากมาย

    ก่อนหน้านี้ ก็เอามือตบแก้มพระพุทธชินราช แล้วบอกไม่ใช่พระพุทธเจ้า

    ความคิดเห็นที่ 49
    เข้าใจในเจตนาของท่าน จขกท ครับ
    พระเกษมท่านอ้างว่า ท่านเป็นศิษย์วัดป่าบ้านตาด และเป็นศิษย์วัดภูจ้อก้อ (หลวงปู่หล้า เขมปัตโต)

    แต่จากการที่ผมได้รับทราบประวัติของพระเกษม และสอบถามจากครูบาอาจารย์ทั้ง ๒ วัด ตั้งแต่ ปี ๒๕๔๕ ซึ่งพระเกษมเริ่มมีชื่อเสียงใหม่ ๆ ในทางหูทิพย์ ตาทิพย์

    ครูบาอาจารย์จากวัดป่าบ้านตาด และวัดภูจ้อก้อ ได้ชี้แจงว่า
    พระเกษม บ้านเกิดอยู่บ้านตาดจริง แต่ไม่ได้บวชที่วัดป่าบ้านตาด ไม่เคยจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด ไม่เคยถือนิสสัยกับท่านหลวงตาวัดป่าบ้านตาด เคยมาพักจำวัดที่วัดป่าบ้านตาด แต่พระภิกษุผู้มีหน้าที่ จัดที่พัก ให้พระเกษมจำวัดบนศาลาทุกครั้ง (ซึ่งเรื่องให้พระอาคันตุกะจำวัดบนศาลา ผู้ที่เข้าวัดบ้านตาดมานานหรือประจำ จะรู้จักดี)

    ส่วนของวัดภูจ้อก้อ จ. มุกดาหาร (หลวงปู่หล้า เขมปัตโต) ได้ชี้แจงว่า พระเกษม เคยมาขอศึกษาปฏิบัติธรรมกับท่านหลวงปู่วัดภูจ้อก้อ จริง
    แต่ไม่ได้รับอนุญาต จากท่านหลวงปู่ให้อยู่พำนักด้วย
    ท่านให้พระเกษมไปพักอยู่ที่วัดน้อย ซึ่งห่างจากวัดภูจ้อก้อประมาณ ๑ ก.ม.
    เมื่อถึงกำหนดฟังเทศน์ ซึ่งหลวงปู่วัดภูจ้อก้อ จะเทศน์ทุก ๆ วันขึ้น แรม ๕ ค่ำ พระเกษมและพระสงฆ์สามเณร ในวัดใกล้เคียง รวมทั้งญาติโยม จะมารวมกันฟังเทศน์ในวันนั้น

    ดังนั้น ต้องบอกว่าพระเกษม ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัดป่าบ้านตาด และวัดภูจ้อก้อ แต่อย่างใด การกระทำของพระเกษมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระมหาเถระทั้งสองรูป ซึ่งถึงมรณภาพ ไปแล้วแต่อย่างใดทั้งสิ้น

    จากคำถามของท่าน จขกท
    1. เรียนถามกลุ่มของศิษย์ของพระป่า
    ที่รู้ถึงความเป็นมา เป็นไปของความเป็นพระป่าว่า
    การแสดงท่าทางเช่นคลิปดังกล่าวนี้

    หากมองด้วยสายตาของความเป็นลูกศิษย์สายวัดป่าแล้ว
    มองด้วยความเข้าใจได้เช่นไร ?

    ขอตอบว่า
    ครูบาอาจารย์ในกลุ่มวัดป่าทั้งหลาย มองว่า พระเกษมติดใน นิมิต มากไป จนวิปลาสครับ ส่วนความหมายของคำว่า วิปลาส นี้ ผู้ปฏิบัติภาวนา น่าจะเข้าใจได้ดี และน่าจะเห็นบ่อย ๆ
    แต่ผู้ที่ศึกษาทางปริยัติ ผมขออธิบายแค่ว่า เป็นวิปัสสนูปกิเลส อย่างหนึ่งครับ
    อาการอย่างนี้ ที่เคยแก้กันมา คือ ยั่วให้โกรธ หรือหาหนัง หาละคร หาดนตรีมาให้ฟังให้ดู พอจิตเสื่อมจากสมาธิ ก็หายครับ

    ถ้ายังไม่หาย ก็ให้ลาสิกขา ก็หายครับ
    บางราย ลาสิกขาแล้วก็ยังไม่หาย จนได้เสพกามกับสตรี กับภรรยาเก่า ก็หายครับ
    ที่กล่าวมานี้ จากประสบการณ์ที่เคยเห็น เคยได้ยินนะครับ

    สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดหินหมากเป้ง ยังอยู่
    พระที่เป็นวิปลาส แค่เห็นหลวงปู่ก็หายครับ
    หลวงตาวัดป่าบ้านตาดก็เหมือนกัน พระวัดหินหมากเป้งเคยวิปลาสมาประมาณ ๒ ปี (หลวงปู่เทสก์มรณภาพแล้ว) แค่ได้ยินเสียงหลวงตาวัดป่าบ้านตาด ก็หายครับ

    คำถามที่ ๒ ของท่าน จขกท
    2. ชวนวิเคราะห์ปรากฏการณ์ฯ การแสดงท่าทางของพระเกษมเช่นนี้
    ว่า เหตุใดชาวบ้านทั้งหลายที่เห็นในคลิปนี้ ยังคงศรัทธาท่าทางเช่นนี้
    มีเหตุผลใดสนับสนุนถึงความศรัทธาเช่นว่านั้นครับ ?

    เท่าที่ทราบ เขาศรัทธาว่าพระเกษมมีหูทิพย์ตาทิพย์ เห็นผีเห็นเทวดาทั่วไปหมดน่ะครับ
    และบางคนอาจเห็นจนชินตาแล้วครับ กับกิริยาเช่นนี้ของพระเกษม
    ส่วนตัวผมเอง ก็เห็นมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ โน่นแหละครับ ก็ไม่ได้สนใจอะไร
    รู้ว่าพระเกษมวิปลาส หรือ บ้า ไปแล้ว ก็จบครับ
    ถ้าไม่มีคนถาม ผมก็ไม่พูดนะเนี่ย

    หนังสือ ซีดี ที่ลูกศิษย์ของพระเกษมพิมพ์ หรือทำออกมาแจกจ่าย ผมไปเจอตามบ้าน ตามวัด ผมขอเอามาเผา เอามาทำลายทิ้งหมดครับ ไม่ให้เหลือไว้เป็น มิจฉาทิฏฐิของคนรุ่นหลัง

    พระวัดป่า โดยเฉพาะที่ อุดร หนองคาย หนองบัวลำภู เลย ท่านก็ให้เผาทำลายหนังสือ หรือซีดี ของพระเกษมทิ้งมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ แล้วครับ
    ไม่ใช่ว่า เพิ่งมาทำเมื่อพระเกษมเป็นข่าวตามสื่อ

    ส่วนที่พระวัดป่าท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับพระเกษม ก็เพราะท่านรู้แล้วว่า บ้า วิปลาส แล้วจะไปยุ่งเกี่ยวทำไมอีก ปล่อยให้เป็นไปตาม กรรม ของพระเกษมเองครับ

    จากคุณ : คอแก้ง
    เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 15:52:02
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2011
  19. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    ครูบาอาจารย์ในกลุ่มวัดป่าทั้งหลาย มองว่า พระเกษมติดใน นิมิต มากไป จนวิปลาสครับ

    ส่วนความหมายของคำว่า วิปลาส นี้ ผู้ปฏิบัติภาวนา น่าจะเข้าใจได้ดี และน่าจะเห็นบ่อย ๆ

    แต่ผู้ที่ศึกษาทางปริยัติ ผมขออธิบายแค่ว่า เป็นวิปัสสนูปกิเลส อย่างหนึ่งครับ

    อาการอย่างนี้ ที่เคยแก้กันมา คือ ยั่วให้โกรธ หรือหาหนัง หาละคร หาดนตรีมาให้ฟังให้ดู

    พอจิตเสื่อมจากสมาธิ ก็หายครับ



    ถ้ายังไม่หาย ก็ให้ลาสิกขา ก็หายครับ

    บางราย ลาสิกขาแล้วก็ยังไม่หาย จนได้เสพกามกับสตรี กับภรรยาเก่า ก็หายครับ

    ที่กล่าวมานี้ จากประสบการณ์ที่เคยเห็น เคยได้ยินนะครับ



    ส่วนที่พระวัดป่าท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับพระเกษม ก็เพราะท่านรู้แล้วว่า บ้า วิปลาส แล้วจะไปยุ่ง

    เกี่ยวทำไมอีก ปล่อยให้เป็นไปตาม กรรม ของพระเกษมเองครับ



    สาธุครับคุณ อวตาร888 สาธุครับกับบทความ คุณคอแก้ง ครับ เอวังของเรื่องนี้ น่าจะมี

    ด้วยประการฉะนี้นะครับ




    สิ่งทั้งหลายเกิดแต่เหตุ

    พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุของธรรมนั้น

    และัความดับไปของธรรมนั้น
     
  20. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    [​IMG]
    <SCRIPT type=text/javascript src="http://www.komchadluek.net/js/slides.min.jquery.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> $('#slides').slides({ preload: false, preloadImage: 'images/loading.gif', effect: 'fade', crossfade: true, fadeSpeed: 500, play:4500, pause: 1500, hoverPause:true, generateNextPrev: false, generatePagination: false, animationStart: function(current){ $('.caption').animate({ bottom:-35 },100); if (window.console && console.log) { // example return of current slide number console.log('animationStart on slide: ', current); }; }, animationComplete: function(current){ $('.caption').animate({ bottom:0 },200); if (window.console && console.log) { // example return of current slide number console.log('animationComplete on slide: ', current); }; }, slidesLoaded: function() { $('.caption').animate({ bottom:0 },200); } }); </SCRIPT>
    • [​IMG]
    พศจ. ขับพระเกษมออกจากพื้นที่ตามมติคณะสงฆ์

    พศ.ประสานเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์มอบอำนาจ พศจ. ขับพระเกษมออกจากพื้นที่ตามมติคณะสงฆ์


    นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานความคืบหน้ากรณีพระเกษม จากนายวิโรจน์ ไผ่ย้อย รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) เพชรบูรณ์ ว่ากำลังประสานกับพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต เพื่อทำหนังสือมอบอำนาจให้กับ พศจ.เพชรบูรณ์ ไปดำเนินการตามมติของคณะสงฆ์ที่ให้พระเกษมออกจากพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์

    นอกจากนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ พศ. ประสานไปยังวัดในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่พระเกษมบวช ว่าจะรับพระเกษมรับกลับไปอยู่ที่วัดดังกล่าวหรือไม่ ส่วนการดำเนินการทางวินัยกับพระเกษมนั้น ขณะนี้กำลังดูอยู่ว่าเข้าข่ายความผิดพระวินัยส่วนใดบ้างและจะมีความผิดในระดับใด อย่างไรก็ตามหลังจากนี้คงจะต้องตรวจสอบว่ามีคลิปวิดีโอลักษณะเดียวกับพระเกษมออกมาเผยแพร่ อีกหรือไม่ เพื่อช่วยกันเฝ้าระวังและอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเฝ้าระวังอย่านิ่งเฉยหรือว่ามองว่าเป็นเรื่องปกติ

    ที่มาของข่าวค่ะไม่ได้เขียนขึ้นเองแต่อย่างใด
     

แชร์หน้านี้

Loading...