แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เอาล่ะค่ะไปกันต่อ ถัดไปทางขวาอีกหน่อยจะเป็นห้องอีกห้อง
    ห้องนี้เห็นเรียกกันว่าห้องหนังสือค่ะ มีหนังสือที่หน้าสนใจให้อ่านได้ค่ะ
    มีการจัดแสดงเรื่องการบูรณะวัดราชกุลชรฯ และการปรับภูมิทัศน์


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • F00.JPG
      F00.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.2 KB
      เปิดดู:
      500
    • F01.JPG
      F01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.8 KB
      เปิดดู:
      452
    • F02.JPG
      F02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.2 KB
      เปิดดู:
      445
    • F03.JPG
      F03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36 KB
      เปิดดู:
      470
    • F04.JPG
      F04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.2 KB
      เปิดดู:
      494
  2. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ออกจากห้องนั้นมา สังเกตเห็นบันไดทอดยาวขึ้นไป
    แต่ไม่เห็นมีคนขึ้นไปเลย ดูเงียบๆ เอ...จะขึ้นได้มั๊ยเนี่ย...
    มองซ้าย มองขวา เอาน่า...ขอย่องขึ้นไปดูหน่อยดีกว่า
    ย่องตามมาเลยค่ะ เบาๆ นะคะ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • G01.JPG
      G01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      40.1 KB
      เปิดดู:
      491
  3. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    พอวนขึ้นไปจนสุดบันได
    ก็จะเป็นห้องแสดงหุ่นขี้ผึ้งของพระอริยสงฆ์ 18 รูปค่ะ
    ที่ผนังด้านขวามือจะมีกระจกบานใหญ่ 2 บานประดับไว้


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • G03.JPG
      G03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.5 KB
      เปิดดู:
      431
    • G04.JPG
      G04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.8 KB
      เปิดดู:
      461
    • G06.JPG
      G06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.5 KB
      เปิดดู:
      420
    • G07.JPG
      G07.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.3 KB
      เปิดดู:
      426
    • G08.JPG
      G08.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.5 KB
      เปิดดู:
      427
  4. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ด้านซ้ายจะมีห้องเล็กๆ จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์
    และพระราชานุสาวรีย์จำลองของของรัชการที่5

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • H01.JPG
      H01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      63.5 KB
      เปิดดู:
      458
    • H02.JPG
      H02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.7 KB
      เปิดดู:
      401
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    จากห้องแสดงพระอริยสงฆ์ ถัดมาทางขวาจะเป็นห้องกลาง
    มีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรประดิษฐานโดดเด่น
    มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    และพระบรมราชินีนาถขนาดใหญ่ ทั้งสองพระองค์ทรงสง่างามมาก
    มีการประดับกระจกสีครึ่งวงกลม แสดงปรัชญา "นิติธรรม ยุติธรรม สันติธรรม"


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • I01.JPG
      I01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.7 KB
      เปิดดู:
      437
    • I02.JPG
      I02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64 KB
      เปิดดู:
      402
    • I03.JPG
      I03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.3 KB
      เปิดดู:
      414
    • I00.JPG
      I00.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.5 KB
      เปิดดู:
      407
    • I08.JPG
      I08.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      406
    • I09.JPG
      I09.JPG
      ขนาดไฟล์:
      73 KB
      เปิดดู:
      393
    • I05.JPG
      I05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      68.5 KB
      เปิดดู:
      415
    • I07.JPG
      I07.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      388
    • I06.JPG
      I06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      435
  6. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ถัดมาซ้ายมือจะเป็นอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเล็ก
    ภายในห้องมีจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุ
    และหนังสือราชกิจจานุเบกษา
    เดินเข้าไปด้านในจะมีที่ให้ใส่บาตรพระประจำวัน


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • J01.JPG
      J01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.1 KB
      เปิดดู:
      392
    • J02.JPG
      J02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      390
    • J03.JPG
      J03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.3 KB
      เปิดดู:
      424
    • J04.JPG
      J04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      62.9 KB
      เปิดดู:
      375
  7. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ถัดจากห้องเล็กมาก็จะมีบอร์ดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติของผู้ก่อตั้ง
    จากนั้นก็จะห้องจัดแสดงบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ
    และหุ่นขี้ผึ้งของพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ก่อนจากมาก็ยังได้ร่วมบุญตามกล่องบริจาคต่างๆ ด้วยค่ะ
    จากนั้นก็แวะไปกราบพระประธานในโบสถ์
    และร่วมบริจาคตามกำลังค่ะ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • L01.JPG
      L01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      476
    • L02.JPG
      L02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37.4 KB
      เปิดดู:
      463
    • L03.JPG
      L03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.4 KB
      เปิดดู:
      457
    • L04.JPG
      L04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.3 KB
      เปิดดู:
      496
  9. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    แล้วก็มาที่มณฑปจตุรมุข ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ
    พระพุทธบาทจำลอง และร่วมทำบุญค่ะ
    วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่ดีที่สุดอีกวันหนึ่ง
    ที่ ณ ได้มีโอกาสได้ชมงานศิลปสุดยอดอีกชิ้นของไทย
    ถ้าใครว่างๆ ก็แวะมาเยี่ยมชม "พิพิธภัณฑ์สักทอง" ได้ทุกวันนะคะ
    เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด เวลา 10.00-17.00 น.
    หรือจะเข้าไปศึกษาในเวปไซด์ก่อนก็ได้นะคะ

    www.goldenteakmuseum.com

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • M01.JPG
      M01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.1 KB
      เปิดดู:
      474
    • M02.JPG
      M02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.3 KB
      เปิดดู:
      479
    • M03.JPG
      M03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.9 KB
      เปิดดู:
      484
    • M04.JPG
      M04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.5 KB
      เปิดดู:
      455
  10. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ขออนุญาตเชิญชวนไปร่วมหล่อพระกันค่ะ วันอาทิตย์นี้ วันดี๊ดี หล่อกันหลายวัดเลย...


    วันอาทิตย์ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔


    1. เชิญร่วมเททองหล่อพระสยามเทวาธิราช 6 องค์ และ พระอนุรุทธะ 1 องค์ ณ วัดสระกระเทียม นครปฐม เวลา ๑๔.๐๐น.

    2. หล่อพระกษิติครรภโพธิสัตว์ (ตี่จั่งอ๊วงผ่อสัก) ปางธุดงค์ หล่อเป็นทองเ้หลือง สูง 4.25 เมตร ที่วัดสิงห์ ซ.จรัลสนิทวงศ์ 64 เวลา13.00 น.สอบถามรายละเอียด อ.เล็ก พีระพล 081-622 6204

    3.ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลหล่อพระพุทธรูป“พระพุทธเมตตาโพธิญาณประดิษฐาน ที่ วัดป่าผาใหญ่วชิรวงศ์ ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย หน้าตักกว้าง 84 นิ้ว( 7 ฟุต ) ความสูงประมาณ 5 เมตร ณ.วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม เททองหล่อ เวลา 15.29น.บริเวณสนามด้านทิศตะวันออก องค์พระปฐมเจดีย์






     
  11. วิปัสนะ

    วิปัสนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    601
    ค่าพลัง:
    +647

    งานบุญดี ๆ ทั้งนั้น เสียดายจังคงไม่ได้ไป .. แต่ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
     
  12. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    1. เชิญร่วมเททองหล่อพระสยามเทวาธิราช 6 องค์ และ พระอนุรุทธะ 1 องค์ ณ วัดสระกระเทียม นครปฐม

    งานนี้เจ้าภาพเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ร่วมกับทางมูลนิธิินักรบไทย หล่อพระสยามเทวาธิราช และ พระอนุรุทธ(องค์ใหญ่)ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความสงบสุขร่มเย็นของคนไทย และ ผืนแผ่นดินไทยนี้ค่ะ

    พระสยามเทวาธิราช
    กับแนวคิดการสร้างรัฐชาติ !



    ลงคอลัมภ์สำนักข่าวราชดำเนิน วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม 2551

    พระสยามเทวาธิราช กับแนวคิดการสร้างรัฐชาติ ! (1)

    [​IMG]หลายท่านคงเคยเห็นเทวรูปทรงต้นยืน ทรงเครื่องกษัตริยาธิราช สวมมงกุฏ พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบ พระดัชนีเสมอพระอุระ ขนาด ๘ นิ้ว หล่อด้วยทองคำแท่งทั้งพระองค์ ทรงสถิตอยู่ในเรือนแก้วที่ทำด้วยไม้จันทน์ แบบวิมานเก๋งจีน เบื้องหลังมีคำจารึกด้วยอักษรจีน แปลเป็นไทยว่า "ที่สิงสถิตแห่งพระสยามเทวาธิราช" ประดิษฐานอยู่ในวิมานไม้แกะสลักกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงถวายพระนาม "พระสยามเทวาธิราช" ซึ่งชาวไทยทั้งหลายต่างเชื่อกันว่าเป็นเทพยดาผู้ปกป้องคุ้มครองเมืองไทย แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าการสร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้นมานั้น ยังแฝงไว้ด้วยเหตุผลทางการเมืองอันลึกซึ้ง ดังต่อไปนี้

    จุดกำเนิดของพระสยามเทวาธิราช

    หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงเล่าว่า "...ตอนมหาอำนาจทางตะวันตกทำการเปิดประตูค้ากับพวกตะวันออก ในระยะเวลาต้นๆ ศตวรรษที่ 19 ของคริสต์ศักราชนั้น พวกเมืองข้างเคียงไม่รู้ทันเหตุการณ์ภายนอกว่า ทางตะวันตกมีอำนาจปืนเรือพอที่จะเอาชนะได้อย่างง่ายดาย จึงพากันไม่ยอมทำสัญญาด้วย ซ้ำยังขับไล่ ใช้อำนาจจนเกิดเป็นสงครามขึ้น ก็เป็นธรรมดาที่คนมีแต่มีดจะต้องแพ้ผู้มีปืน แล้วถูกเป็นเมืองขึ้นไปโดยสะดวก ฝ่ายทางเมืองไทยเรานั้นมหาอำนาจตกลงกันให้อังกฤษมาเป็นผู้เปิดประตูทำสัญญาค้าขาย ซึ่งตามที่จริงก็เคยมีไมตรีกันมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแล้ว แต่เมื่อบ้านเมืองมีเหตุการณ์ศึกสงครามเกิดขึ้นชาวต่างประเทศไปมาค้าขายไม่สะดวกได้ ก็จำต้องหยุดการติดต่อกันไปเป็นพักๆ การเป็นเช่นนี้แก่ทุกบ้านทุกเมือง ฉะนั้น เมื่อเสร็จศึกกับพม่าในรัชกาลที่ 1 แล้ว ถึงรัชกาลที่ 2 ชาวโปรตุเกสก็เข้ามาจากเมืองมาเก๊า เพื่อขอทำสัญญาค้าขายใน พ.ศ. 2363 โปรดเกล้าฯ ให้รับสัญญาเพราะเรายังต้องการซื้อปืนไฟจากชาวตะวันตกอยู่ ต่อมาอีก 2 ปี มิสเตอร์ จอน ครอเฟิด (John Grawford) ทูตอังกฤษเข้ามาขอทำสัญญาจากผู้สำเร็จราชการอินเดียใน พ.ศ. 2365

    ถึงรัชกาลที่ 3 อังกฤษเกิดรบกันขึ้นกับพม่าเป็นครั้งแรก ครั้นชนะแล้วจึงให้กัปตันเฮนรี่ เบอร์เนย์ (Henry Burney) เข้ามาทำสัญญาเมื่อ พ.ศ. 2368 ทูตอเมริกัน มิสเตอร์ เอ็ดมอนด์ โรเบิต (Edmond Robert) เข้ามาทำสัญญาเมื่อ พ.ศ. 2375 มิสเตอร์ริดชัน (Ridson) ทูตอังกฤษเข้ามาทำสัญญาขอซื้อช้างเมื่อ พ.ศ. 2381 และเซอร์เจมส์ บรู้ค (Sir. Jame Brooks) ผู้เคยเป็นรายา (White Raja) ผู้ครองเกาะซาราวัค (Sarawak) เข้ามาขอทำสัญญาอีกเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 233393 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคต รวมทูตอังกฤษที่เข้ามาทำสัญญากับเมืองไทยถึง 4 ครั้ง แต่ก็ได้ทำแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น เรื่องผ่านแดนไทยกับพม่า และสัญญาซื้อขายช้าง ม้า และแลกเปลี่ยนสินค้าบางอย่าง ไม่ได้ทำสัญญากับเมืองไทยโดยตรงอย่างเมืองอื่นๆ ส่วนทางเมืองไทยก็ยังไม่มีใครเชื่อว่าจะมีผู้ใดจะเกะกะทางนี้ได้ บางคนนึกเลยไปว่าเหล็กจะลอยน้ำได้อย่างไร ในเมื่อมีใครมาเล่าว่าทางมหาอำนาจตะวันตกนั้นมีเรือรบที่ทำด้วยเหล็ก ไทยจึงไม่เต็มใจจะเปิดประตูค้ากับผู้ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่รับข้อที่จำเป็นในเวลานั้นเท่านั้น แต่ในที่สุดเราก็ได้พบรายงานของเซอร์เจมส์ บรู๊ค ผู้ซึ่งเข้ามาครั้งสุดท้ายในรัชกาลที่ 3 ว่า "...พระเจ้าแผ่นดินกำลังเสด็จอยู่บนพระแท่นสวรรคต และพระองค์ที่จะทรงเสวยราชย์ใหม่ก็มีหวังจะพูดกันได้เรียบร้อย ฉะนั้น จึงขอรอการใช้กำลังบังคับไว้ก่อน..."
    ตามรายงานนี้เห็นได้ชัดว่า เขาเตรียมจะใช้กำลังกับเราอยู่แล้ว เผอิญให้เกิดมีการสวรรคตและเปลี่ยนแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นมาเสวยราชย์ในเวลาที่ทรงทราบเหตุการณ์นอกประเทศดีอยู่แล้ว เพราะทรงมีเวลาศึกษาเพียงพอ ในเวลาที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุถึง 27 ปี พอเสวยราชย์ได้ 4 ปี เซอร์จอน โบว์ริง (Sir John Bowring) เจ้าเมืองฮ่องกง ก็มีจดหมายส่วนตัวเข้ามากราบทูลว่า คราวนี้ตัวเขาจะเข้ามาเป็นราชทูตแทนพระองค์ควีน วิคตอเรีย ไม่ใช่เป็นแต่เพียงทูตมาจากผู้สำเร็จราชการอินเดียเช่นคนก่อนๆ เพราะฉะนั้นจึงหวังว่าจะไม่มีเรื่องเดือดร้อนถึงต้องขัดใจกัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบข้อไขอันนี้ดี จึงเปิดประตูรับในฐานะมิตร และเป็นผลให้เราได้พ้นภัยมาได้แต่ผู้เดียวในทางตะวันออกประเทศนี้

    เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลงแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงมีพระราชดำริว่า เมืองไทยเรานี้มีเหตุการณ์หวิดๆ จะต้องเสียอิสรภาพมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นได้เสมอมา ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งที่คอยพิทักษ์รักษาอยู่" จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการปั้นหล่อเทวรูปสมมุติขึ้น ถวายพระนามว่า "พระสยามเทวาธิราช" ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรมในหมู่พระที่นั่งพุทธมณเฑียร ในพระอภิเนาว์นิเวศน์

    พระสยามเทวาธิราชกับการสร้างรัฐชาติ

    กฤษดา ไพรวรรณ์ได้เขียนประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับนครรัฐสยามไว้ว่า ตั้งแต่สมัยสุโขทัยอันเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ชาติไทยตามที่ปรากฏในแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการและความเชื่อของคนไทยโดยทั่วไป มาจนกระทั่งถึงตอนต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ การเมืองการปกครองของไทยอยู่ในรูปแบบของนครรัฐมาโดยตลอด ดังเช่นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แม้กรุงศรีอยุธยาจะได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองแต่เราก็ปฏิเสธถึงความมีอยู่ของอำนาจภายในกลุ่มแคว้นต่างๆไม่ได้ เช่น สุพรรณบุรี ลพบุรี สุโขทัย เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช ราชบัลลังก์แห่งกรุงศรีอยุธยานั้นเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งอำนาจซึ่งหากกลุ่มอำนาจใดสามารถที่จะเข้ามาครอบครองได้แล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถที่จะเชื่อมกลุ่มอำนาจต่างๆเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกัน แต่มิได้หมายความว่าจะสามารถหลอมรวมเอากลุ่มอำนาจเหล่านั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยาได้แต่อย่างใด

    ครั้นมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์สภาพการณ์ทางการเมืองการปกครองก็คงยังเป็นเช่นที่กล่าวมา เนื่องจากกำเนิดของกรุงเทพมหานครก็คือการรื้อฟื้นเอากรุงศรีอยุธยาที่อยู่ในความทรงจำของกลุ่มชนชั้นนำที่ร่วมกันสร้างกรุงเทพมหานครขึ้นมา เฉพาะในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมสิ่งที่มีอยู่ในกรุงศรีอยุธยาหลายสิ่งหลายอย่างก็ได้ปรากฏอยู่ในกรุงเทพมหานครด้วย ดังเช่น คติการสร้างวัดไว้ในบริเวณพระบรมมหาราชวังซึ่งในกรณีของกรุงศรีอยุธยามีวัดพระศรีสรรเพ็ชร ในกรุงเทพมหานครก็มีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นต้น แม้กระทั่งขนบธรรมเนียมประเพณี รูปแบบการปกครองของกรุงรัตนโกสินทร์ในช่วงต้นนั้นล้วนแล้วแต่ถอดแบบมาจากกรุงศรีอยุธยาทั้งสิ้น รวมถึงสภาพการของการปกครองในรูปแบบของนครรัฐสยาม


    ยามา...ทิพยสถานแห่งพระสยามเทวาธิราช

    รู้หรือไม่ว่า พระสยามเทวาธิราชที่เรานับถือ และกล่าวถึงโดยตลอดเวลาที่บ้านเมืองมีปัญหา เป็นใคร อยู่ที่ไหนทุกครั้ง พอเกิดเหตุร้ายในบ้านในเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มักจะกล่าวถึงพระสยามเทวาธิราช ซึ่งเชื่อถือกันว่าท่านเป็นผู้ปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยมาทุกยุคทุกสมัย

    ในภพภูมิทั้ง 31 แห่ง มีภพภูมิที่เป็นเทวดาอยู่ทั้งสิ้นจำนวน 6 ชั้น ได้แก่

    สวรรค์ชั้นที่ 1 จาตุมหาราชิกา ครองโดย ท้าวจตุโลกบาล
    สวรรค์ชั้นที่ 2 ดาวดึงส์ ครองโดย พระอินทร์
    สวรรค์ชั้นที่ 3 ยามา ครองโดย พระสยามเทวาธิราช
    สวรรค์ชั้นที่ 4 ดุสิต ครองโดย ท้าวสันดุสิตเทวาธิราช
    สวรรค์ชั้นที่ 5 นิมมานรดี ครองโดย ท้าวนิมมานรดีเทวาธิราช
    สวรรค์ชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตดี มีเทวราช 2 องค์ คือ ฝ่ายที่เป็นศุภเทพ และฝ่ายที่เป็นมาร ฝ่ายเทพคือ ท่านปรนิมิตตรนดีเทวาธิราช ส่วนฝ่ายมาร ก็คือ พญาวสวัตดีมาร นั่นเอง

    ตอนนี้ เราก็รู้แล้วว่า พระสยามเทวาธิราช ทรงครองสวรรค์อยู่ชั้นยามา ซึ่งเป็นเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยมานานแสนนาน...

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=431409http://www.oknation.net/blog/lifetime/2009/04/25/entry-2

    พระสยามเทวาธิราชคือใคร

    พระสยามเทวาธิราช นี่นะ เริ่มมีเมื่อสมัยก่อน รัชกาลที่ ๔ มีนะ แต่ก่อนพระเจ้า
    แผ่นดินสมัยนั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อนี้ ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญ ขออย่างนั้นอย่างนี้
    ต่อมา สมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นนักบาลี ก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า พระสยาม-
    เทวาธิราช หมายถึงว่า เทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศสยาม ทีนี้ที่ถามว่า ให้คุณให้โทษ
    ทางไหน ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบ ให้คุณนี่ก็ไม่รู้ แต่ท่านเป็นเทวดา
    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เมื่อปี ๒๕๑๘ ปีนั้นพระเจ้าอยู่หัวนิมนต์เข้าไป ที่ไป พระที่นั่ง-
    ไพศาลทักษิณ พอเข้าไปทำบุญ วันจักรี พอเข้าไปนั่งปั๊บไม่ต้องคุยกับใครละ บรรดา
    พระสยามเทวาธิราชมากันเยอะแยะเลย โอ้โฮ้ไม่ใช่องค์เดียว ๒ องค์นะ ไม่ทราบว่าจะมาก
    เท่าใดในบริเวณเต็มไปหมด ไม่ใช่เฉพาะในวังนะ เราก็ชักสงสัยว่าองค์ไหนชื่อ พระสยาม-
    เทวาธิราช พอถามว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช ให้บอก ชี้องค์นั้นก็ไม่ใช่ ชี้
    องค์นี้ก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างบอกชื่อของตัวหมด ก็เลยนึกขึ้นมาว่า เออ ยังไงเทวดานี่ เลยบอก
    ว่า ถ้าไม่ใช่ พระสยามเทวาธราช แล้วมาทำไมล่ะ พระเจ้าอยู่หัวก็ดี พระราชินีก็ดี ท่าน
    ทำบุญเพื่อ พระสยามเทวาธิราช ท่านก็บอกว่า เขาอยากเรียกผมอย่างนั้นทำไมล่ะ
    ผมไม่ได้ชื่อนั้นนี่ ก็รวมความว่า พระสยามเทวาธิราช จริงก็เป็นเทวดาที่รักษาประเทศไทย
    ทั้งหมด สมัยก่อนเรียกประเทศสยามใช่ไหม
    ถ้าถามว่าให้คุณแบบไหน ก็ต้องถือว่า เทวดามีความดีอะไรบ้าง แต่ละคนมีความสามารถ
    ไม่เสมอกัน อันนี้ตอบไม่ได้ เกินวิสัย
    ที่มา โอวาทหลวงพ่อเล่ม3

    http://poweropject.igetweb.com/index.php?mo=3&art=83662
    http://www.agalico.com/board/archive/index.php/t-4018.html



    จาก
     
  13. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    2. หล่อพระกษิติครรภโพธิสัตว์ (ตี่จั่งอ๊วงผ่อสัก) ปางธุดงค์ หล่อเป็นทองเ้หลือง สูง 4.25 เมตร ณ วัดสิงห์ ซ.จรัลสนิทวงศ์ 64

    ขออ้างข้อมูลแน่นๆที่เฮียปอตำมะลังหามาไว้แล้วนะคะ

    ตี้จางหวางผูซา เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึงของพุทธศาสนามหายานจุตตรนิกาย มีพระนามในภาษาไทยว่า “พระกษิติครรภโพธิสัตว์” (อ่านออกเสียงว่า พระ-กะ-สี-ติ-คับ-โพ-ติ-สัด) มีความหมายว่าพระโพธิสัตว์ผู้มีรูปหนุ่มเช่นพระพุทธเจ้าประจำพิภพ ด้วยเหตุนี้รูปเคารพของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้ จะมีรูปหนุ่มเช่นพระพุทธเจ้าเสมอ

    ตี้จางหวางผูซาถือเป็นพระฌานิโพธิสัตว์ เพราะเหตุได้ตั้งสัตยาธิษฐานไว้ว่า “จะโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงทุกข์(นรกภูมิ) โดยหมดสิ้นแล้ว จึงจะขอบรรลุสู่พุทธภูมิ หากสรรพสัตว์ทั้งปวง ยังไม่หมดซึ่งห้วงทุกข์(นรกภูมิ) ก็จะไม่ขอตรัสเป็นพระพุทธเจ้า” ด้วยสัตยาธิษฐานดังกล่าว พุทธศาสนามหายานจึงมีคติว่า ตี้จางหวางผูซาเป็นผู้มีเมตตากรุณาต่อสัตว์นรก ในอบายภูมิทั้ง 4 โลกธาตุ (นรก, ดิรัจฉาน, เปรต, อสูร) ทรงแผ่กุศลผลบุญเป็นปัตติทานแก่สัตว์นรกในทุกขุมนรก

    อีกพระองค์ยังเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของ พญามาราธิราช และจอมอสูรทั้งปวง

    ศาสนพิธีต่างๆซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับการโปรดสัตว์ จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องโปรดสรรพสัตว์ในอบายภูมิด้วย จึงต้องอัญเชิญองค์ตี้จางหวางผูซามาประดิษฐานไว้เสมอ

    รูปเคารพของพระองค์มักเขียนหรือทำเป็นรูปพระโพธิสัตว์ทรงครองผ้าแบบภิกษุ ทรงพระมาลาเป็นรูปกลีบบัวติดกัน หรือห้าแฉก (มาลาห้าพระพุทธเจ้า) ติดกันรวมห้ากลีบ มีผ้าทำเป็นรูปคล้ายผ้าพันคอเลอร์สากลเป็นสองชายห้อยลงมาข้างหู พระหัตถ์ขวาทรงคฑาธุดงค์ (บ้างก็เรียก ขัคขระ หรือ ขัฑคะ คือ พระขรรค์ไม่เรียบ) ทำเป็นรูปนั่งบนฐานบัวบ้าง ยืนบ้าง หรือทรงพาหนะสิงโตบ้าง

    มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยราชวงศ์ถัง มีเมืองชื่อซินเหลอ(ปัจจุบันคือเกาหลี) มีพระราชกุมารพระองค์หนึงทรงพระนามว่า จิน เจียว เจะ อุปนิสัยเมตตากรุณา สงบเสงี่ยม รักความสันโดษ เล่าเรียนศึกษาศิลปศาสตร์ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และมีความชำนิชำนาญ ครั้นได้ศึกษาพระธรรม ก็มีศรัทธาเลื่อมใสว่า ไม่มีศาสตร์ใดเทียบได้ จึงเกิดความเบื่อหน่ายในโลกียวิสัย สละราชสมบัติออกผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ได้ออกจาริกมายังประเทศจีนพร้อมด้วยสุนัขชื่อ ส่านทิง(หมายความว่าได้ยินแต่สิ่งมงคล)

    ภิกษุเจียวเจะจาริกมาจนบรรลุถึงมณฑลอังฮุย เห็นบริเวณภูเขากิมฮั้วสภาพร่มรื่นเหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรม จึงได้อาศัย ณ ที่นั้นฝึกปฏิบัติธรรมตลอดมา จนถึงแผ่นดินพระเจ้าถังเฮียนจง ปีที่ 16 เดือน 7 วันที่ 10 ก็สำเร็จบรรลุธรรม รู้แจ้งในสูญญตาธรรม

    ณ บริเวณเชิงเขากิมฮั้ว มีนายบ้านชื่อ เมี่ยงกง เป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี ชอบทำบุญถวายทานแก่สมณะและคนยากไร้ วันหนึ่งคหบดีเมี่ยงกงได้ไปพบสนทนาธรรมกับภิกษุเจียวเจะ เป็นที่ถูกอัธยาศัย ให้เลื่อมใสใคร่จะถวายจตุปัจจัยให้ จึงได้ถามภิกษุเจียวเจะว่าจะปรารถนาสิ่งใดหรือไม่ พระภิกษุเจียวเจะ ก็ตอบขอที่สำหรับบำเพ็ญธรรมและเผยแพร่พระศาสนา เพียงเนื้อที่จีวรหนึ่งผืนเท่านั้น

    คหบดีเมี่ยงกงให้เกิดความประหลาดใจนัก แต่ได้ตอบรับยกให้ในทันที พระภิกษุเจียวเจะ จึงได้โยนจีวรขึ้นบนอากาศ เกิดปฏิหาริย์ จีวรคลุมไปทั่วภูเขากิมฮั้ว เป็นเหตุให้คหบดียินดีและศรัทธาเพิ่มยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถึงกับให้บุตรชายออกบวชเป็นศิษย์ ภิกษุนี้ต่อมาได้เป็น ต้าวหมิงเหอซ้าง สร้างรูปเคารพเป็นพระภิกษุยืนอยู่ด้านซ้ายมือของตี้จางหวางผูซา และกาลต่อมาคหบดีเมี่ยงกงก็ได้สละสมบัติออกบวชตามอย่างบุตรชายของตน และสำเร็จมรรคธรรม มีรูปเคารพของคหบดีเมี่ยงกง ยืนอยู่ด้านขวาของตี้จางหวางผูซา

    ส่วนด้านหลังของตี้จางหวางผูซา สุนัขส่านทิงนอนหมอบอยู่

    วันฉลองคล้ายวันประสูติ วันที่ 30 เดือน 7 จันทรคติจีน



    เทวราชา.คอม



    ที้นี้มาว่ากันต่อ.. พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ที่จะหล่อนี้ เป็นปางธุดงค์ หล่อด้วยทองเหลือง ความสูง 4.25 เมตร ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย(ณ ตอนนี้นะคะ) พ่นสีมันปู ทรงจีวรเดินลายน้ำทอง พระหัตถ์ขวาทรงคฑาขักขระออกจาริกโปรดสัตว์ พระหัตถ์ซ้ายทรงดวงแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างทั่วแดนปรภูมิ ล่วงรู้ถึงจิตและกรรมของสรรพสัตว์ กล่าวกันว่า ผู้ใดที่สักการะพระองค์ จะมีอานิสงส์ต่างๆถึง 28 ประการ รวมถึงหมดสิ้นโรคภัย เกิดความสุขสวัสดี และ แผ่เมตตาถึงญาติมิตร บุพพการี ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติไป

    เมื่อแล้วเสร็จ จะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ สถานปฏิบัติธรรมสำนักสงฆ์สัมมานะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อเป้นที่สักการบูชาสำหรับพุทธศาสนิกชน และผู้ป่วยที่เข้าการรักษาโรค ด้วยยาสมุนไพรและพถทธคุรจาก ท่านเจ้เาพระคุณหลวงตา ณัธศร คุณธมโม (หลวงตาเชาว์)


    กำหนดการพิธีเททองหล่อพระ

    วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2554

    09.00 น. พิธีบวงสรวง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิะีเททอง
    09.30 น. พิธีสังวัชธยายมนต์ เจริญพระพุทธมนต์จีน
    12.00 น. ร่วมรับประทานอาหารเจ
    13.00 น. พิธีเททอง
    14.00 น. พิธีสักการะขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เกาเผ้า เป็นอันเสร็จพิธี


    ปล. ที่จอดรถหายาก ถ้าเป็นไปได้ ควรเลี่ยงการนำรถส่วนตัวไปร่วมงานค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2011
  14. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    3. ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลหล่อพระพุทธรูป“พระพุทธเมตตาโพธิญาณ”

    ขออนุญาตยกข้อความรายละเอียดของงานที่คุณพนัสปราการมาเลยนะคะ


    <!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    ขอเชิญร่วมบุญมหากุศลหล่อพระพุทธรูป

    “พระพุทธเมตตาโพธิญาณ”

    ประดิษฐาน ที่ วัดป่าผาใหญ่วชิรวงศ์ ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย

    หน้าตักกว้าง 84 นิ้ว( 7 ฟุต ) ความสูงประมาณ 5 เมตร


    ด้วยความศรัทธาในองค์ พระพุทธเมตตา ที่ประดิษฐานอยู่ในมหาวิหารพุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ตรัสรู้แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและขอบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ได้มาร่วมบุญในครั้งนี้ จึงได้อัญเชิญรูปของท่านมาประดิษฐานอยู่ที่ฐานของพระพุทธรูป พระมหาโพธิสัตว์ ทั้ง 4 องค์ ได้แก่
    1. พระแม่กวนอิม สัญลักษณ์แห่ง “กรุณา”

    2. พระมัญชุศรี สัญลักษณ์แห่ง “ปัญญา”
    3. พระสมัตภัทร สัญลักษณ์แห่ง “จริยา”
    4. พระกษิติครรภ์ สัญลักษณ์แห่ง“ปณิธาณ”
    และเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา


    ในตอนดำริเริ่มโครงการสร้างพระครั้งนี้ ครั้งแรกคืออยากประดิษฐานไว้ที่วัดป่าของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สถานที่เป็นธรรมชาติบนภูเขา พระอาจารย์ท่านหนึ่งได้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องโครงการนี้ ซึ่งท่านได้แนะนำสถานที่ตั้งของ วัดป่าผาใหญ่วชิรวงศ์ ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ซึ่งอดีตเป็นวัดที่สร้างโดยหลวงปู่เพชร ศิษย์สายหลวงปู่ศรีทัตและสมเด็จลุน สำหรับหลวงปู่เพชร เป็นพระอภิญญาที่ปรารถนาพุทธภูมิ มาทราบเรื่องนี้ตอนหลังจากที่ตัดสินใจสร้างถวายให้วัดนี้แล้ว หลวงปู่เพชร มรณภาพเมื่ออายุประมาณ 102ปี ราวปีพ.ศ2528
    สำหรับ “พระพุทธเมตตาโพธิญาณ”ที่จะสร้างครั้งนี้หล่อด้วยทองเหลืองพ่นทองทั้ง องค์รวมฐานที่เป็นพระมหาโพธิสัตว์ ตรงกลางฐานจะมีสัญลักษณ์ธรรมจักร และ หัวใจอริยสัจสี่ โดยองค์พระพุทธเมตตา มีขนาดหน้าตักกว้าง 84 นิ้ว ( 7 ฟุต ) ความสูงประมาณ 5 เมตร ระยะเวลาการจัดสร้างประมาณ 5 เดือน






    กำหนดเททองหล่อองค์พระ วันอาทิตย์ ที่ 12 มิถุนายน 2554 เวลา 15.29น.

    บริเวณสนามด้านทิศตะวันออก องค์พระปฐมเจดีย์


    โดยมี พระเดชพระคุณพระธรรมปริยัติเวที เจ้าคณะภาค 15 เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ เป็นประธานเททอง


    *** เวลา 14.30 น. พระสงฆ์ จำนวน 84 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร ***

    กำหนดถวายองค์พระพุทธเมตตาโพธิญาณ และสมโภชฉลอง ณ วัดป่าผาใหญ่วชิรวงศ์

    วันเสาร์ ที่ 15 และ วันอาทิตย์ ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ** ออกเดินทางวันศุกร์ ที่ 14 ตุลาคม เวลา 22.00 น. **



    จึงขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมกันสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
    "ขอบารมีของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ เทวดาและพรหมทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงได้อนุโมทนาบุญให้กับทุกท่านและครอบครัวที่มีจิตศรัทธาในครั้งนี้ ขอจงประทานพรให้ท่านทั้งหลายเจริญด้วยความสุข อายุ วรรณะ พละ ธนสารสมบัติ สัมมาอาชีพ เพิ่มพูนทั้งทางโลกและทางธรรมได้สำเร็จมรรคผล นิพพาน ในอนาคตกาลอันใกล้นี้เทอญ"


    ร่วมบุญมหากุศลหล่อพระได้ที่
    พระมหาธีรชัย โชติธโร วัดพระงาม จ.นครปฐม 089-7845-955
    พระมหาภาคภูมิ ภูมิโชติ วัดพระงาม จ.นครปฐม 081-6251940
    คุณชำนาญ – คุณสมบุญ ว่องพิบูลย์ จ.สมุทรปราการ 084-0935817 หรือ 081-9269311
    หรือสามารถบริจาคโดยผ่านทาง

    บัญชีฃื่อ สมบุญ ว่องพิบูลย์
    ธนาคารกรุงเทพ สาขาสำโรง บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 122-055-1111
    โทรศัพท์ 084-0935817
    _____________________________

    กำหนดการ

    พิธีเททองหล่อพระพุทธเมตตาโพธิญาณ

    ณ สนามด้านทิศตะวันออก (สนามคลี) องค์พระปฐมเจดีย์

    วันอาทิตย์ที่ ๑๒ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๑๕.๒๙ น.

    พระเดชพระคุณพระธรรมปริยัติเวที เจ้าคณะภาค ๑๕ เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ประธานพิธีเททอง


    เวลา ๐๙.๐๙ น. พราหมณ์ทำพิธีบวงสรวงเทพยดารักษาองค์พระปฐมเจดีย์
    เวลา ๑๔.๐๐ น. พระสงฆ์ จำนวน ๘๔ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
    เวลา ๑๕.๐๐ น. ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธีจัดงาน พร้อมแล้วเริ่มพิธีดังต่อไปนี้
    ๑. ประธานฝ่ายฆราวาส ( คุณจันทร์เพ็ญ แตงจุ้ย ) จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
    ๒. ประธานฝ่ายฆราวาสถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ๓. คุณชำนาญ-คุณสมบุญ ว่องพิบูลย์ ถวายเครื่องสักการะแด่พระเดชพระคุณ ผู้เป็นประธานในพิธี
    ๔. เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล สาธุชนสมาทานศีล
    ๕. เวลา ๑๕.๒๕ น. ผู้แทนเจ้าภาพ (คุณบุญมา จำเล ) ถวายแผ่นทองแก่ประธาน
    ในพิธีเพื่อเททองเป็นปฐมฤกษ์
    ๖. พระสงฆ์ดำรงสมณศักดิ์ จำนวน ๙ รูป เจริญชัยมงคลคาถา
    ๗. สาธุชนร่วมเททอง
    ๘. ประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมผู้แทนสาธุชนถวายเข้าถวายจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์ดำรงสมณศักดิ์ ในพิธี
    ๙. พระสงฆ์อนุโมทนา สาธุชนกรวดน้ำถวายเป็นพระราชกุศล เป็นอันเสร็จพิธี
    [FONT=&quot]___________________[/FONT]
    <!-- google_ad_section_end --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พนัสปราการ
    www.mindamulet.com<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. ตัวเล็กจัง

    ตัวเล็กจัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +22
    เงียบไปเลย..................เงียบ
     
  16. soophajuka

    soophajuka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +73
    กราบอนุโมทนา ด้วยครับ ทุกๆ ท่านที่ได้ร่วมทำบุญกับปู่ฤาษีเกศแก้ว

    นายศุภจักร ใยสำลี
     

แชร์หน้านี้

Loading...