WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนคลอดแผนบรรเทาผลกระทบ “เขื่อนสามโตรก”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 พฤษภาคม 2554 10:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000061300&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แฟ้มภาพ – การปล่อยน้ำออกจากเขื่อนสามโตรกเพื่อบรรเทาอุทกภัย ณ เมืองอี๋ชัง มณฑลหูเป่ย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2553 (ภาพเอเอฟพี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ไชน่าเดลี - จีนแถลงเมื่อวันพุธ (18 พ.ค.) ว่า โครงการสร้างเขื่อนสามโตรก ซึ่งเป็นเขื่อนพลังน้ำใหญ่สุดในโลกของจีนนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ การชลประทาน และการจ่ายน้ำไปยังพื้นที่ส่วนล่างของแม่น้ำแยงซี

คณะมุขมนตรีจีนได้ผ่านแผนโครงการปฏิบัติงานในอนาคต เกี่ยวกับการลดผลกระทบจากเขื่อนสามโตรก และการป้องกันบรรเทามลพิษทางน้ำในทางหุบเขาตอนล่างของแม่น้ำแยงซีด้วย

แถลงการณ์หลังการประชุมฯ ชี้ว่า โครงการยักษ์ใหญ่นี้ก็ยังคงเผชิญปัญหาว่า จะแก้ปัญหาปัจจุบันทันด่วนเฉพาะหน้านี้อย่างไร อาทิ การแก้ปัญหาประชาชนที่ถูกบังคับย้ายที่อยู่เนื่องจากการสร้างเขื่อนฯ การป้องกันระบบนิเวศ ตลอดจนปัญหาที่เกี่ยวกับดิน

แถลงการณ์ยังระบุว่า ปัญหาบางอย่าง ก่อนการสร้างเขื่อนก็ได้มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องเกิด แต่พอสร้างจริง ๆ กลับมีปัญหาอื่น ๆ ที่เกินความคาดหมายผุดขึ้นมาอีกมาก

โครงการก่อสร้างเขื่อนสามโตรก เริ่มต้นเมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ลุล่วงในเบื้องต้นในปี 2552

หวัง จิ้งเฉวียน เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการควบคุมปัญหาอุทกภัยและบรรเทาภัยแล้งเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำแยงซี เขาได้บอกกับไชน่าเดลี (18 พ.ค.) ว่า “สำหรับปัญหาด้านชลประทานและการจ่ายน้ำนั้น เกิดจากความต้องการน้ำมีมากขึ้นในช่วงตอนกลางของแม่น้ำแยงซี ในระหว่างที่กำลังดำเนินโครงการก่อสร้างอยู่”

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=530><TBODY><TR><TD vAlign=top width=530 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2553 ชายจีนกำลังเก็บขยะริมฝั่งแม่น้ำแยงซี ใกล้เขื่อนสามโตรก (ภาพเอเอฟพี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> หวังชี้ว่า “ผีซ้ำด้ามพลอยเมื่อปัญหามลพิษทางน้ำเกิดขึ้น ได้ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นไปอีก”

นอกจากนี้ในเนื้อหาของโครงการใหม่ฯ นี้ จีนจะต้องรับมือกับปัญหาผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นบริเวณตอนล่างของเขื่อนสามโตรกด้วย ไม่เฉพาะแต่ตัวเขื่อนเท่านั้น โดยรายละเอียดของโครงการฯ ระบุว่า จะทำให้การไหลเวียนของน้ำสม่ำเสมอ สร้างเขื่อนคันกันน้ำให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาทางน้ำไหลให้สะดวก และปรับปรุงระบบสูบจ่ายน้ำเพื่อการบริโภค ฯ

นอกจากนั้น แผนนี้ฯ กำหนดเป้าหมายไว้ที่ปี 2563 ว่าจะยกมาตรฐานครองชีพประชาชนที่ต้องอพยพโยกย้ายที่อยู่เนื่องจากการสร้างเขื่อนให้ได้ พร้อมทั้งจัดสรรระบบประกันสังคม ยกระดับสาธารณูปโภคพื้นฐานและบริการแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียม

นอกจากแผนแรกแล้ว การประชุมฯ ยังได้ผ่านแผนที่ 2 ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการแก้ปัญหามลพิษทางน้ำในตอนกลางแม่น้ำแยงซี ซึ่งมีเป้าหมายทำให้น้ำสะอาดในระดับที่สามารถดื่มได้

ยิ่งพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น เป็นเขตเมืองที่มีการพัฒนาแล้ว ยิ่งมีปัญหามลพิษทางน้ำมากขึ้นตามไปด้วย และรัฐบาลต้องแบกรับภาระนี้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภาพพายุที่ก่อตัว (กลางล่าง)



ภาพถ่ายดาวเทียม AVN Color แสดงถึงความเร็วลมในบริเวณต่างๆ


แผนที่ลม


แผนภาพแสดงปริมาณน้ำฝนใน 24 ชั่วโมง


จุดเสี่ยงที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อน



ภาพถ่ายดาวเทียมระบบ AVN color บอกความเร็วลมของพายุ


ภาพถ่ายดาวเทียมระบบ Rain Bow บอกถึงอุณหภูมิ




ภาพ Animation จากดาวเทียม GMS

 

กำลังลุ้นอยู่ครับ แล้วรหัสกระต่ายไฟลนก้น 22 ตัวคือวันที่ ๒๒ หรือเปล่าครับ

 

อุณหภูมิน้ำทะเลแถวภูมิภาคบ้านเรา สีมันแดงเป็นพิเศษ สงสัยใต้ดินแถวอินโดคงจะร้อนน่าดู

 

รื้อฟื้นข่าวเก่าๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ใหม่ เร็วๆนี้

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="99%"><TBODY><TR><TD class=text_head>ยก"เกาะแหวน"เขตฟื้นฟูชั่วคราว หลังแผ่นดินทรุดแยกออกใต้ทะเล มติชน
<HR SIZE=1>วันที่ 21 มิ.ย. 2549
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text_normal border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="99%" align=center><TBODY><TR align=left><TD vAlign=top colSpan=3> นายจรัล ชื่นในธรรม หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จ.ตรัง เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเกิดเหตุแผ่นดินทรุดตัวแยกออกจากเกาะแหวน ต.เกาะลิบง อ.กันตัง เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2549 เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อสาเหตุและผลกระทบ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตรัง และศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จ.ตรัง จึงออกสำรวจ พบว่าบริเวณที่เกิดแผ่นหินทรุดตัวอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะแหวน ซึ่งเป็นด้านที่ต้องปะทะกับคลื่นลมตลอดเวลา "สันนิษฐานว่าเกิดจาก 2 ปัจจัย ปัจจัยหนึ่งอาจเกิดจากการชอนไชของรากไม้ตามแนวร่องหิน อีกปัจจัยหนึ่งเกิดจากคลื่นทะเลที่ซัดเซาะโพรงหินใต้ฐานเกาะ ประกอบกับช่วงวันเกิดเหตุมีฝนตกหนักตลอดทั้งวัน ส่งผลให้แผ่นหินดังกล่าวทรุดตัวแยกออกจากเกาะ หน้าผากว้างประมาณ 50 เมตร สูงประมาณ 30 เมตรจากระดับเหนือน้ำทะเล แยกตัวนอนทอดยาวออกไปในทะเลห่างจากตัวเกาะ โดยส่วนฐานที่อยู่ใกล้เกาะแหวนโผล่เหนือน้ำประมาณ 2 เมตร ส่วนที่เหลือจมลงในน้ำ กลายเป็นแนวหินใต้น้ำมีความยาวประมาณ 40 เมตร แผ่นหินดังกล่าวกร่อนแตกออกเป็น 3 ชิ้น โดยชิ้นที่อยู่ใกล้ตัวเกาะเป็นชิ้นใหญ่ที่สุด ชิ้นกลางและชิ้นที่สามอยู่ใต้น้ำลึกลงไปจากระดับผิวน้ำประมาณ 5 เมตร ทั้งนี้ บริเวณที่แผ่นหินจมนั้นมีระดับความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 18 เมตร" นายจรัลกล่าวว่า ผลกระทบต่อปะการังใต้น้ำ พบว่าบริเวณที่แผ่นหินทอดตัวจมไปใต้น้ำทับถมปะการังบริเวณนั้นหมด ซึ่งเป็นพื้นทรายและมีแนวปะการังอ่อนปะปนอยู่ แต่เมื่อสำรวจทั่วบริเวณแนวปะการังที่มีทั้งหมด ปรากฏเสียหายเพียงร้อยละ 3 ของพื้นที่ นับว่าเล็กน้อย แต่ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในบริเวณดังกล่าว เพียงระยะเวลาแค่ 3 สัปดาห์หลังจากเกิดเหตุ ขณะนี้เกิดการฟักตัวของปะการังอ่อนทั่วบริเวณแนวหินที่จมใต้ทะเล ส่วนที่แผ่นหินกร่อนแตกเป็นโพรงเล็กๆ ปรากฏว่าฝูงปลามาอาศัยอยู่จำนวนมาก ธรรมชาติจะค่อยๆ สร้างความสมดุล อาจจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับดำน้ำชมแนวปะการังที่มีความสมบูรณ์สวยงาม ไม่แพ้เกาะเชือกและเกาะม้าที่ขึ้นชื่อของ จ.ตรัง ในอนาคต "ส่วนบริเวณที่มีการวางปะการังเทียม ซึ่งจัดทำเป็นประติมากรรมใต้น้ำ แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำใหม่ของ จ.ตรัง อยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ประมาณ 700 เมตร ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ประสานงานกับอุทยานแห่งชาติหาดไหม เพื่อพิจารณาประกาศให้บริเวณที่เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติดังกล่าวเป็นเขตฟื้นฟูชั่วคราวเพื่อให้ธรรมชาติได้สร้างความสมดุลทางระบบนิเวศอย่างค่อยเป็นค่อยไป" นายจรัลกล่าว (คอลัมนน์:ภูมิภาค) มติชน 21 มิ.ย. 2549 </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คุณรู้จัก “ตูวาลู” หรือไม่…มันกำลังจะหายไปจากแผนที่โลก



ตูวาลู (Tuvalu) เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก
ถ้าเล็งจากแผนที่โลกจะเห็นว่า…
มันอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศออสเตรเลียกับมลรัฐฮาวาย
ถ้าใช้ google earth ซูมเข้ามามองมุมสูงแบบใกล้ๆ จะเห็นว่า…
เกาะทั้ง ๘ เกาะของตูวาลูมีลักษณะเป็นวงแหวนหรือคล้ายพระจันทร์เสี้ยว
ที่เป็นเช่นนี้เพราะทุกเกาะก่อเกิดขึ้นมาจากหินปะการัง หรือ Coral Atoll
ลักษณะเด่นของเกาะที่เกิดจากหินปะการัง คือ
เป็นเกาะแคบโค้งขนาดเล็กโผล่พ้นน้ำทะเลเพียงเล็กน้อย
ประเทศตูวาลูจึงมีพื้นที่เพียง ๒๖ ตารางกิโลเมตร
และจุดสูงที่สุดอยู่เหนือระดับน้ำทะเลแค่ ๔.๕ เมตรเท่านั้น !!!

ปัจจัยทางกายภาพดังกล่าวส่งผลให้ที่นี่ติดอันดับต้นๆ ของดินแดนที่มีระดับต่ำที่สุดในโลก
และสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการจมทะเลในยุคสมัยที่ผู้ร้ายชื่อ “โลกร้อน” กำลังแผลงฤทธิ์
ย้อนกลับไปเมื่อ ๘ ธันวาคม ๒๕๔๐
อดีตนายกรัฐมนตรีของตูวาลู Bikenibeu Paeniu ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์
ในการประชุมร่างอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งจัดขึ้นที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
เขาถ่ายทอดประสบการณ์เลวร้ายของชาวตูวาลู
ในการเผชิญหน้ากับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ลมกรรโชก พายุไซโคลนรุนแรง
อุทกภัย และการกัดเซาะชายฝั่งให้นานาประเทศรับรู้
Paeniu อธิบายว่า ประชาชนกว่า ๑๒,๐๐๐ คนของเขาได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนในระดับรุนแรงจนไม่สามารถจะทนทานได้อีกต่อไปแล้ว
พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนเสียหายเกือบทั้งหมด
สุขภาพและความเป็นอยู่ของชาวตูวาลูจึงพลอยย่ำแย่ลงไปด้วย
เมื่อบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องโลกร้อนคาดการณ์ว่า…
ประเทศตูวาลูจะโดนน้ำทะเลกลืนหายไปในอีก ๕๐ ปีข้างหน้า
ผู้นำตูวาลูไม่อาจนอนใจได้ว่า คนทั่วโลกจะสามารถช่วยกันหยุดยั้งการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกได้ทันเวลา
จึงร้องขอความอนุเคราะห์ไปยังประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓
ให้ช่วยรับชาวตูวาลูเข้าประเทศ หากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤต
ในขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียปิดประตูใส่หน้าชาวเกาะกลางทะเลด้วยการปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ
รัฐบาลนิวซีแลนด์กลับยินดีต้อนรับชาวตูวาลูด้วยการจัดตั้งโครงการผู้อพยพขึ้น ภายใต้ชื่อ “Pacific Access Category” ในปี ๔๔
ทั้งนี้ รายงานภัยพิบัติโลกประจำปี ๔๔ ของสภากาชาดสากล ระบุว่า
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเบียดแซงภัยจากการสงครามขึ้นมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนต้องตัดสินใจทิ้งบ้าน
เพื่อย้ายไปอยู่ในบริเวณที่ยังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กันยายน ๔๕ ผู้นำตูวาลูคนใหม่ Tomasi Puapua ประกาศก้องในเวทีขององค์การสหประชาชาติ
“การให้ความช่วยเหลือชาวตูวาลูในฐานะผู้ลี้ภัยทางสิ่งแวดล้อม (Environmental refugee หรือ Climate refugee)
ไม่ใช่ทางออกเพื่อการแก้ปัญหาในระยะยาว
พวกเราต้องการให้แผ่นดินและความเป็นชาติของตูวาลูคงอยู่ต่อไป
ไม่ใช่จมทะเลเพราะผลพวงจากความโลภและการบริโภคทรัพยากรแบบตะกละตะกรามของเหล่าประเทศอุตสาหกรรม
เพื่อที่เด็กๆ ของเราจะได้เติบโตขึ้นมาในวิถีทางเดียวกับพวกเรา
บนแผ่นดินของตนเองและท่ามกลางวัฒนธรรมของตนเอง”
แต่เจตนารมณ์ของ Puapua ยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม
เพราะถึงขณะนี้ พลเมืองของเขาทยอยเดินทางออกประเทศไปแล้วมากกว่า ๓,๐๐๐ คน
ชาวตูวาลูจึงเป็น “ผู้ลี้ภัยทางสิ่งแวดล้อม” กลุ่มแรกๆ ของโลกที่อพยพจากบ้านเกิดแบบไม่หวนกลับ
โดยมีระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกปีเป็นปัจจัยบีบบังคับ
ที่น่าเห็นใจกว่าการไม่มีแผ่นดินอยู่หรือไม่มีชาติเป็นของตนเอง ก็คือ
ผลของการวิจัยที่สรุปออกมาว่า…
ชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นกลุ่มคนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ต้นตอของสภาวะโลกร้อน) น้อยที่สุดในโลก
คิดเป็น ๐.๐๖ เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด
พวกเขามีส่วนร่วมในการสร้างผู้ร้ายที่ชื่อ “โลกร้อน” เพียงเศษเสี้ยว
แต่กลับต้องมารับผลกรรมไปเต็มๆ
ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกายังสำราญใจกับการใช้พลังงาน
โดยไม่สนใจที่จะควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแม้แต่น้อย
คุณเเปิดไฟทิ้งไว้
คุณเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้เปิดใช้งาน
คุณขับรถส่วนตัวโดยไม่สนใจการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนน
คุณเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นประจำ
คุณหิ้วถุงพลาสติกใบใหม่เข้าบ้านทุกวัน
คุณทิ้งทุกอย่างลงถังขยะ แทนที่จะแยกขวดพลาสติก แก้ว กระดาษขายให้คนรับซื้อของเก่า
หากคุณมีพฤติกรรมที่ว่ามาแม้เพียง ๑ ข้อ ก็ยอมรับความจริงเถอะว่า…
คุณเองมีส่วนร่วมในการสร้าง “ผู้ร้าย” นายนี้ขึ้นมาเหมือนกัน
พึงระลึกไว้ว่ากรุงเทพฯ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้วย เช่นเดียวกับเนเธอร์แลนด์ จาการ์ตา บอมเบย์ มะนิลา และเวนิส
เพียงแต่เราโชคดีกว่าประเทศตูวาลูอยู่นิดหน่อย ตรงที่ท้องทะเลยังกลืนกินมาไม่ถึงแผ่นดินบ้านเรา
กระนั้นก็ไม่ควรเย็นใจ เพราะการใช้ชีวิตที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากๆ
ย่อมเพิ่มพลังให้ผู้ร้าย “โลกร้อน” แผลงฤทธิ์ได้มากและเร็วขึ้น
…หรือคุณอยากตามรอยเส้นทางที่ประเทศตูวาลูกำลังจะเดินนำไป…

 

รื้อฟื้นข่าวเก่า มาวิเคราะห์ อนาคต

เกาะเดอะ เวิลด์ ของดูไบ จมทะเล สัญญาณหายนะโลก

วันที่ 25 มกราคม 2554 เวลา 10:07 น. อ่าน : 348 | ตอบ : 0

​

โครงการอลังการเกาะ"เดอะ เวิลด์"ของดูไบ ทรุดตัวจมทะเล สื่ออึ้งวิจารณ์เป็นสัญญาณหายนะโลก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวัน ที่ 24 ม.ค.ว่า โครงการพัฒนาสร้างเกาะ"เดอะ เวิลด์"ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ของเมืองดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังเผชิญภาวะสถานการณ์จมลงสู่ทะเล นอกเหนือจากการเผชิญภาวะวิกฤตด้านการเงินหลังจากนักลงทุนแห่ถอนการลงทุนเพราะพิษวิกฤตเศรษฐกิจโลก

รายงานระบุว่าโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นการสร้างเกาะขึ้นมาบนทะเล และเนรมิตให้เป็นภาพคล้ายแผนที่โลก กำลังทรุดตัวลงทะเลแล้ว โดยล่าสุด บริษัทดำเนินกิจกรรมเรือข้ามฟากไปยังเกาะอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ ได้ถอนสัญญาลงทุนจากบริษัท"นัคฮีล"ซึ่งเป็นเจ้าของโปรเจ็คส์"เดอะ เวิลด์"แล้ว เนื่องจากขาดลูกค้า และเกาะมีอาการทรุดตัวจมลงตัว และทนายความของบริษัทดังกล่าว หรือ"เพนกวิน มาร์รีน"ให้การต่อศาลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดูไบว่า มีหลักฐานว่าเกาะ"เดอะ เวิลด์"กำลังจมลงสู่ทะเล ขณะที่"นัคฮีค"ยอมรับว่า โครงการพัฒนาเกาะเดอะเวิล์ดขณะนี้อยู่ในภาวะขั้นโคม่าย่ำแย่

ทั้งนี้ การอ้างเปิดเผยถึงภาวะเกาะทรุดตัวจมทะเลของโครงการ"เดอะ เวิลด์"มีขึ้นหลังจากรอยเตอร์ ได้จัดทำโพลที่ระบุว่า ราคาของอสังหาริมทรัพย์บนเกาะ"เดอะ เวิลด์"จะตกลงอีก 10 % ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยก่อนหน้านี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ได้ตกลง 58 % จากช่วงราคาแพงสูงสุดช่วงไตรมาสสี่ของปี 2008

อนึ่งเหตุการณ์นี้ยังทำให้สื่อมวลชนบางสำนักที่รายงานข่าวโครงการเกาะเดอะเวิลด์จมทะเลตีข่าวว่า เป็นเหมือนสัญญาณวันสิ้นโลกด้วย

 

รื้อฟื้นข่าวเก่า มาวิเคราะห์ อนาคต

<TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>อินโดฯวิตกเกาะเล็กเกาะน้อยนับพันเสี่ยงจมทะเล!?
« เมื่อ: ม.ค. 30, 07, 09:13:15 »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
<HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเกาะมากที่สุดในโลก ​

เอเอฟพี/เอเจนซี - ราชมัต วิโตเอลาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซีย แถลงวันนี้(29) ว่า ภายในปี2030 เกาะเล็กเกาะน้อย 2,000 เกาะในอินโดนีเซีย อาจหายไป เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆจนท่วมมิดเกาะ

วิโตเอลาร์แถลงโดยอ้างข้อมูลจากรายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ(ไอพีซีซี) ที่ระบุว่า ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้น 8-29 เซนติเมตร ภายในปี2030 สิ่งนี้หมายความว่า เกาะเล็กเกาะน้อยในอินโดนีเซียราว 2,000 เกาะที่มีพื้นที่ราบต่ำกว่าเกาะอื่นๆ จะถูกน้ำทะเลท่วมจนมิด จมหายไปทั้งเกาะ

นอกจากนี้ วิโตเอลาร์ยังมองว่า มีแนวโน้มว่า ประเทศหมู่เกาะ ดังเช่น เซนต์ลูเซีย ฟิจิ และบาฮามาส จะถูกน้ำทะเลท่วมจนมิดเกาะเช่นกัน

ทั้งนี้ อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ของสหประชาชาติ ครั้งที่13 ในเดือนธันวาคมปีนี้ ที่เกาะบาหลี

ผู้จัดการออนไลน์

 

ปท.หมู่เกาะร้องใกล้จมทะเลเต็มที



ประธานาธิบดี อโน้ต ทอง แห่งคิริบาตี ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก กล่าวในงานแถลงข่าวเนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลกเมื่อ 5 มิถุนายน ว่า ประเทศคิริบาตีอาจจะประสบหายนะภัยจากภาวะโลกร้อนในเร็ววันนี้ โดยเขากล่าวว่า มีชุมชนหลายแห่งที่ต้องอพยพไปตั้งรกรากในสถานที่ใหม่และมีพืชผลจำนวนมากที่เสียหายจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันเรื่องความรุนแรงของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่จะตามมา แต่ประธานาธิบดีทองกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนในประเทศของเขาที่มีประชากร 92,000 คนทองกล่าวว่า ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่ที่เรารู้คือสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเราไม่เคยพบเจอมาก่อนในอดีต เราอยู่ในจุดที่อาจจะสายเกินไปที่จะแก้ไข เราอาจจะอยู่ในจุดซึ่งระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศนั้นมากจนสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศและทําให้เกาะที่อยู่ในที่ต่ำอย่างประเทศของเราต้องจมลงใต้น้ำนอกจากนี้ เขาได้กล่าวตำหนิประเทศที่ไม่ยอมรับต่อมาตรการต่อสู้กับโลกร้อนโดยอ้างเหตุผลว่าจะทําลายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยระบุว่า เขารู้สึกผิดหวังมาก เพราะสำหรับประเทศของเขามันไม่ใช่ประเด็นเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องความอยู่รอดของมนุษย์ในกรณีร้ายแรงที่สุดคิริบาตีจะจมลงใต้ทะเลภายในสิ้นศตวรรษที่ 21 นี้ (ก่อนหน้าปี พ.ศ.2643) และประชากรทั้งหมดของประเทศจะต้องอพยพไปตั้งรกรากที่ประเทศอื่นๆ (เอเอฟพี) (กรอบบ่าย)หน้า 32ข้อมูลจาก มติชน

 

หน้า 99

เลขกำลังสวย เลย

 

กรุงเทพมหานคร พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย จุดวิกฤตปัญหาใกล้เมือง


Friday, 04 February 2011 15:20 administrator







กรุงเทพมหานคร พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย จุดวิกฤตปัญหาใกล้เมือง
จากความเจริญเติบโตของเมืองหลวงและเมืองชายฝั่งทั้งหมดทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมเดิมเปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลต่อการพัดพาของตะกอนจากแม่น้ำที่เคยเป็นอยู่ต้องเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับความแปรปรวนของสภาพอากาศอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งอย่างถาวร นอกจากนี้การมีสิ่งก่อสร้างที่รุกเข้าไปในทะเล และการใช้ที่ดินทางที่ไม่ถูกต้องได้ส่งทำให้พื้นที่ขายฝั่งทะเลทั้งหมดได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงและส่งผลให้หลายพื้นที่สูญเสียที่ดิน ระบบนิเวศและทรัพยากรชายฝั่ง

รายงานจากคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change-IPCC) ฉบับหนึ่งระบุว่า “ พื้นที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยปกติ เนื่องจากมีการทรุดตัวของแผ่นดินจากการสูบน้ำบาดาล ปริมาณน้ำใต้ดินที่ลดลง ตะกอนที่ไหลลงสู่ปากแม่น้ำน้อยลงจากการสร้างเขื่อน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะทำให้กรุงเทพมหานครขนาดใหญ่กำลังเสี่ยงกับภาวะน้ำท่วม และจะมีประชากรกว่า 10 ล้านคนได้รับผลกระทบ”


กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เคยจำลองสถานการณ์เรื่องนี้เอาไว้ว่า หากน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นจากระดับปัจจุบัน 1 เมตร จะส่งผลกระทบกับพื้นที่ชายฝั่งของไทยทั้งหมด 25 จังหวัด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 3 ล้านไร่ มูลค่าความเสียหาย 3 ล้านล้านบาท (3,000,000,000,000) และพื้นที่ที่เสียหายมากที่สุดก็คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช และสงขลาตามลำดับ โดยที่ประเทศไทยนั้นจะมีมูลค่าความเสียหายจากเรื่องนี้สูงมาก และหากนับเฉพาะเมืองกรุงเทพฯ มีมูลค่าความสูญเสียสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก
กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงที่มีการเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว จัดเป็นเมืองใหญ่ลำดับที่ 22 ของโลก ซึ่งที่ตั้งของเมืองตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อนลึกกว่า 15 เมตรโดยเป็นที่ราบต่ำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เฉลี่ยมีระดับความสูงประมาณ 0-1.5 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง
จากความเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่างๆ ประกอบกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้กรุงเทพฯมีความเสี่ยงมากกับการจมน้ำ เนื่องมาจากปริมาณฝนตกและปริมาณน้ำเหนือเพิ่มมากขึ้น.ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พื้นที่ชายฝั่งถดถอย และจากแผ่นดินทรุดตัว รวมไปถึงความแออัดของชุมชนเมือง ส่วนระดับน้ำทะเลรอบๆ บริเวณอ่าวไทยพบว่า บริเวณสถานีหลักปากแม่น้ำทั้ง 4 แห่ง คือแม่กลอง ท่าจีน เจ้าพระยา และบางปะกง มีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3 เซนติเมตร/ปี (เป็นค่าสุทธิ) ส่วนอัตราการทรุดตัวของพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งลดลงจาก 10 เซนติเมตร/ปี ในปี 2520 เหลือประมาณ 1 เซนติเมตร/ปี ในปัจจุบัน ดังนั้นระดับน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยจึงมีระดับสูงขึ้นประมาณ 3 มิลลิเมตร/ปี

พื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทย พื้นที่ที่มีความเสี่ยงและเปราะบางของประเทศไทย คือพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยรูปตัว ก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บริเวณจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ มากมายและเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ อาทิเช่น การเกษตร อุตสาหกรรม โรงงาน การประมง การท่องเที่ยว ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การทรุดตัวของแผ่นดิน การเปลี่ยนแปลงของมรสุม และน้ำท่วม ซึ่งหากไม่มีการกำหนดวิสัยทัศน์ ทิศทางการพัฒนา และดำเนินการเพื่อรับมือในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเหมาะสมแล้ว จะยิ่งส่งผลให้ความเสียหายรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง คือวิกฤตชายฝั่งบริเวณเมืองโดยรอบ เนืองจากการกัดเซาะชายฝั่งหาดเลนบริเวณอ่าวไทยตอนบนเกิดจากการลดลงของตะกอนจากแม่น้ำลงสู่ทะเลและการทรุดตัวของแผ่นดินจากการสูบน้ำบาดาลในจังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสาคร ชายฝั่งบริเวณนี้ถูกกัดเซาะไป 1,000 เมตรในเวลา 30 ปี
ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของไทยตลอด 2,600 กิโลเมตร ถูกกัดเซาะไปแล้วถึง 600 กิโลเมตร และจากการสำรวจติดตามผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลและผลกระทบที่เกิดขึ้น พบว่าพื้นที่บางปู จ.สมุทรปราการ ในอดีต 40 ปีที่แล้ว เมื่อระดับน้ำทะเลลงต่ำสุดมีหาดโคลน ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งทะเลได้โผล่พ้นน้ำกว้างกว่า 5 กิโลเมตรจากแผ่นดิน แต่ในปัจจุบันเหลือเพียง 1 กม. ขณะที่พื้นที่ในเขตมหาชัย จ.สมุทรสาคร เคยมีหาดโคลน 1.5 กม. แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 250 เมตรเท่านั้น
สาเหตุของการกัดเซาะชายฝั่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่ในแต่ละจังหวัดที่แตกต่างกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การทรุดตัวของพื้นที่ ปริมาณตะกอนบนฝั่ง และที่สำคัญกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
ปัญหาที่เกิดขึ้น
การกัดเซาะชายฝั่ง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กัดเซาะ(มากกว่า 5 เมตรต่อปี) และกัดเซาะปานกลาง (1-5เมตรต่อปี) ประเทศไทยตามแนวชายฝั่งทะเลทั้งสิ้นประมาณ2,700 กิโลเมตร แต่บริเวณที่ประสบปัญหารุนแรงชายฝั่งทะเล จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งมีการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า 25 เมตรต่อปี โดยจังหวัดสมุทรปราการ มีการกัดเซาะชายฝั่งจมน้ำไปประมาณ 11,000 ไร่ นอกจากนี้พื้นที่ป่าชายเลนซึ่งเป็นแนวป้องกันชายฝั่งทะเลตามธรรมชาติถูกทำลายอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการขุดทรายชายฝั่งทะเล ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลมีความรุนแรงมากขึ้น
จุดกัดเซาะที่อันตรายที่สุด คือจังหวัดสมุทรปราการ และเขตบางขุนเทียน กทม. ซึ่งสองจุดนี้หนักที่สุด บางแห่งถูกกัดเซาะ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้พื้นที่ปากแม่น้ำบางปะกงถึงปากแม่น้ำแม่กลองระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตรถูกกัดเซาะไป 82 กิโลเมตร พื้นที่หายไป 18,000 ไร่"

ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบนมีอัตราการกัดเซาะรุนแรงเฉลี่ยมากกว่า 5.0 เมตรต่อปี และบางแห่งมากกว่า 10-20 เมตรต่อปี พื้นที่วิกฤติหรือพื้นที่เร่งด่วน ที่มีอัตราการกัดเซาะมากกว่า 5 เมตรต่อปี รวมทั้งสิ้น 13 จังหวัด คือ จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ระยะทางรวม 207.3 กิโลเมตร หรือประมาณร้อยละ 11.5 ของแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จนถึงปากแม่น้ำแม่กลองจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและมีการกัดเซาะขั้นรุนแรงมากที่สุด โดยในช่วง 55 ปีที่ผ่านมามีพื้นที่ถูกกัดเซาะไปแล้วกว่า 16,760 ไร่
น้ำทะเลหนุนสูง ระดับความรุนแรงของการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 5-10 มิลลิเมตรต่อปี และการทรุดตัวของแผ่นดินประมาณ 20 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งถ้าหากรวมตัวเลขดังกล่าวแล้ว เท่ากับว่าระดับน้ำจะสูงขึ้นปีละเกือบ 30 มิลลิเมตร หรือ 3 เซนติเมตรต่อปี ดังนั้นในอีกประมาณ 50 ปีข้างหน้า คือ ปี พ.ศ. 2600 ระดับน้ำทะเลสุทธิจะเพิ่มสูงขึ้นได้ถึงประมาณ 150 เซนติเมตร หรือ 1.5 เมตร ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีความสูงเหนือระดับทะเลประมาณ 1 เมตรเท่านั้น การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ ยังมีผลต่อการคงอยู่ของ "หาดโคลน" ซึ่งเป็นแหล่งห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศบกและทะเล รวมถึงเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้านด้วยเช่นกัน
การศึกษาผลกระทบการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์ในอนาคตพบว่าพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีอัตราการกัดเซาะเพิ่มขึ้นเป็น 65 เมตรต่อปี หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โดยไม่มีมาตรการใดๆ มาป้องกัน อีก 10 ปีข้างหน้า แผ่นดินจะหายไป 1.3 กิโลเมตร อีก 50 ปีข้างหน้า จะหายไป 2.3 กิโลเมตร และภายใน 100 ปี แผ่นดินมีโอกาสหายไปถึง 8 กิโลเมตร
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสัมพัทธ์เพิ่มสูงขึ้น มีด้วยกัน 3 อย่าง คือปัญหาแผ่นดินทรุด การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการลดลงของตะกอนชายฝั่ง อันเกิดมาจากการสร้างเขื่อนบริเวณต้นน้ำ การสร้าง "เขื่อน" ทำให้ตะกอนที่เคยไหลลงสู่อ่าวไทยในปริมาณ 25 ล้านตันต่อปี ลดลงเหลือเพียง 6.6 ล้านตันต่อปี คือหายไปถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจำนวนตะกอนที่หายไปนี้ มีผลทำให้น้ำทะเลท่วมสูงขึ้นได้อีกถึง 2.5-3.5 เมตรต่อปี
อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำทะเลส่งผลกระทบเพียง 9.6 เปอร์เซ็นต์ อีก 8 เปอร์เซ็นต์ มีที่มาจากตะกอนชายฝั่งที่ลดลง แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด และส่งผลกระทบถึง 82.5 เปอร์เซ็นต์ คือการทรุดตัวของพื้นดิน ซึ่งมีที่มาจากการขุดเจาะน้ำบาดาลเป็นหลัก
การทรุดตัวของแผ่นดิน สำหรับพื้นที่ 5 จังหวัดที่มีอัตราการทรุดตัวของพื้นดินมากที่สุด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และกรุงเทพมหานคร ผลจากการสูบน้ำบาดาลไปใช้เป็นจำนวนมาก มีผลให้พื้นดินทรุดตัวถึง 1-3 เซนติเมตรต่อปี ในขณะที่อัตราการทรุดตัวตามธรรมชาติโดยมากจะอยู่ที่ปีละ 0.5 มิลลิเมตร
ปัญหาแผ่นดินทรุดของประเทศไทยมีส่วนที่ทำให้ระดับน้ำทะเลประเทศไทยสูงขึ้นที่เห็นได้ชัด คือบริเวณพื้นที่ริมชายฝั่งทะเล ปัจจุบันนี้อัตราการทรุดประมาณ 1-4 เซนติเมตรต่อปี แต่จุดศูนย์กลางของการทรุดตัวเปลี่ยนอยู่ใกล้พื้นที่ชายฝั่ง ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอยู่แล้ว ทุกวันนี้ผลกระทบปรากฏแล้วที่บริเวณป้อมพระจุลฯ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย โดยที่แผ่นดินทรุดไปแล้วราว 55 เซนติเมตร
การทรุดตัวของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดตัวต่ำลงประมาณปีละ 100 มม.แต่ในปัจจุบันหลังมีมาตรการห้ามขุดเจาะน้ำบาดาล อัตราการทรุดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ10-20 มม.
การวางผังเมือง การสูญเสียพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลดังกล่าวบริเวณปากแม่น้ำแม่กลองซึ่งพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่มีความเปราะบางและอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเลและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น กิจกรรมการท่องเที่ยว วิถีชีวิตของชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งความมั่นคงด้านอาหารและเศรษฐกิจของชุมชน ผังเมืองและความแออัดของชุมชนเมือง ปัจจัยดังกล่าวทำให้พื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ ลดลงกว่า 50% เมื่อมีน้ำเหนือไหลมาหรือมีปริมาณฝนมากขึ้นจึงไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ
ความเสี่ยงในอนาคต
พายุ ลมมรสุม ที่มีกำลังแรงขึ้นจะทำให้ความเสี่ยงของการเกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะน้ำท่วมขังเนื่องจากปริมาณน้ำมากเกินกว่าศักยภาพการระบายในพื้นที่ลุ่มของประเทศ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเนื่องมาจากลมประจำฤดูกาลมากกว่าสาเหตุจากระดับน้ำทะเลโลกจะทำให้การระบายน้ำลงสู่ทะเลมีความซับซ้อนมากขึ้น
น้ำท่วมฉับพลันในอนาคตยังคงมีความเสี่ยงใกล้เคียงกับในอดีต เพราะถึงแม้ว่าจำนวนพายุหมุนเขตร้อนโดยรวมจะมีประมาณลดลงในปัจจุบัน แต่ประเภทหลักของพายุที่ลดลงคือพายุดีเปรสชันที่มีกำลังน้อย ในขณะที่พายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนซึ่งเป็นพายุที่มีกำลังแรงยังคงมีปริมาณใกล้เคียงกับในอดีต
แหล่งน้ำชายฝั่งทะเลทั้งแหล่งน้ำผิวดินและชั้นน้ำตื้น บริเวณชายหาดอาจจะมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของน้ำเค็มมากขึ้น เนื่องจากการรุกของน้ำทะเลที่มากขึ้นและการลดลงของปริมาณน้ำจืดจากต้นน้ำเพื่อการผลักดันน้ำเค็ม พื้นที่เหล่านี้รวมถึงแหล่งน้ำดิบเพื่อการทำน้ำประปาของกรุงเทพมหานครและเมืองชายทะเลต่างๆ และบ่อน้ำตื้นซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของชุมชนชายฝั่งทะเลจำนวนมากของประเทศ
ผู้อพยพทางสิ่งแวดล้อม จากสภาพปัญหาในหลากหลายด้านที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อชุมชนริมฝั่ง มีแนวโน้มปรากฏอย่างชัดเจนว่า ปัญหาจากการสูญเสียที่ดินทำกินจากการกัดเซาะชายฝั่ง ที่ดินเสื่อมจากการรุกคืบของน้ำเค็ม ทรัพยากรชายฝั่งที่เสื่อมโทรมย่อมส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางอาหารและมีผลต่อการดำรงชีพที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นประเด็นสำคัญที่จะส่งผลให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นฐานจากที่เดิมไปสู่พื้นที่ใหม่ ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีการวางแผนการอพยพให้กับประชากรริมฝั่งและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ประชากรและชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลกว่า 12 ล้านคน เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ฐานทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการพัฒนา เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ สาเหตุเกิดจากธรรมชาติมีความรุนแรง เนื่องจากมีการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างเข้มข้น ขาดการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ จึงส่งผลให้ปัญหามีความซับซ้อน จากการวิเคราะห์แบบจำลองได้คาดการณ์ผลกระทบเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) อย่างรุนแรงในอีก 41 ปีข้างหน้า ดังนี้
1.ประชาชนในกรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ ประมาณ 1 ล้านคน จะประสบภัยน้ำท่วม หรือเพิ่มขึ้น 6.8 แสนคนจากกรณีสภาพปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณเขตดอนเมือง บางคอแหลม ยานนาวา และสาทร ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง ขณะที่ปัจจุบันประชาชนในกรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพียง 320,000 คน
2.อาคารและที่พักอาศัยประมาณ 1.1 ล้านหลัง จะได้รับผลกระทบ โดยมีน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 10 เซนติเมตร ขึ้นไป โดยมีช่วงระยะเวลาน้ำท่วมต่างกัน และประมาณ 1 ใน 3 ของบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมอยู่ในเขตบางขุนเทียน บางบอน บางแค และ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
3.ชุมชนแออัดในเขตคลองสาน บางคอแหลม สาทร และราษฎร์บูรณะ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียรายได้ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม
4.ถนนในกรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ ระยะทาง 1,700 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
5.สถานีขนถ่ายมูลฝอยหนองแขม อาจเกิดน้ำท่วมที่ความลึก 50-100 เซนติเมตร
6.โรงพยาบาลและสถานพยาบาลจำนวน 127 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตบางขุนเทียน บางบอน บางแค และ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่โรงผลิตไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าย่อยต่างๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
ผลการวิจัยได้ประเมินมูลค่าความเสียหายจากน้ำท่วมสูงถึง 148,386 ล้านบาท เทียบกับปี 2551 ที่มีความเสียหายจากน้ำท่วมมูลค่า 35,285 ล้านบาทโดยอาคารและสิ่งปลูกสร้างได้รับผลกระทบสูงสุด ร้อยละ 77 ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมด การสูญเสียรายได้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม คิดเป็นร้อยละ 15 และ 7 ตามลำดับ
บทสรุป
กรุงเทพฯ นับเป็นพื้นที่เสี่ยงพื้นที่หนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจจะเป็นเมืองที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเมืองหนึ่งของโลก สภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นควรเป็นประเด็นระดับชาติและทำให้เรื่องของการวางแผนการพัฒนาตอนกลางของประเทศไทย ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้โดยลำพัง แต่จะต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือจากหลายๆ ภาคส่วนและการวางแผนร่วมมือกัน เพราะทุกอย่างมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน

 

คลื่นยักษ์พัดถล่มห้องพักโรงแรมในฟิจิ

เมื่อ 20 พฤษภาคม, 2011 - 17:05
.:
สำนักข่าวไทย



ตำรวจฟิจิเปิดเผยว่า คลื่นยักษ์พัดถล่มห้องพักของโรงแรมหลายสิบห้องและทำลายกำแพงกันคลื่นบริเวณสถานตากอากาศชื่อดังของฟิจิวันนี้ แต่ไม่มีรายงานพบผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ตำรวจเปิดเผยว่า เกิดคลื่นยักษ์พัดถล่มชายฝั่งโครัล แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิจิเมื่อเช้าวันนี้ โดยนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งในรีสอร์ตแทมบัวแซนด์ต้องย้ายขึ้นไปอยู่บนที่สูง หลังน้ำทะเลซัดเข้าห้องพักของพวกเขาและทำให้ห้องพักของรีสอร์ตแชงกรี-ลาราว 30 ห้องได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนผู้ขับขี่ยวดยานในพื้นที่ดังกล่าวให้เพิ่มความระมัดระวัง ขณะที่สำนักงานบริการพยากรณ์อากาศของฟิจิคาดว่า มีความเสี่ยงจะเกิดคลื่นยักษ์อีกในบ่ายวันนี้ ขณะที่ร่องความกดอากาศต่ำเคลื่อนตัวผ่านฟิจิ

 

มาคลายเครียด...ด้วยข่าวดีกันบ้างค่ะ

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน” ทรงประกาศเสกสมรส “หญิงสาวสามัญชน” ต.ค.นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 พฤษภาคม 2554 18:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000061868&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ภาพประกอบจาก facebook.com/wanwanka</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี - กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และเสด็จขึ้นครองราชย์ปกครองดินแดนแห่งขุนเขาหิมาลัย เมื่อปี 2008 ทรงประกาศถึงการหมั้นหมาย และพระราชพิธีเสกสมรส โดยจะมีขึ้นในเดือนตุลาคม เจ้าหน้าที่รัฐบาลภูฏาน เปิดเผยวันนี้ (20)

สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเผยถึงพระประสงค์เรื่องการเสกสมรสระหว่างวาระการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ ดาโช คินเลย์ ดอร์จิ เลขานุการกระทรวงการสื่อสารภูฏาน เปิดเผยกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์จากกรุงทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน

“พระองค์เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเช้านี้ ระหว่างพิธีเปิดประชุม พระองค์ตรัสว่าจะทรงเข้าพระราชพิธีเสกสมรสในเดือนตุลาคม” ดาโช คินเลย์ ดอร์จิ กล่าว

ทั้งนี้ สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า หญิงสาวสามัญชนผู้โชคดีผู้นี้ชื่อว่า เจตสัน เปมา (Jetsun Pema)

พระราชพิธีเสกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก จะเป็นงานมหามงคลของเชื้อพระวงศ์ต่างแดนอีกงานหนึ่งในปีนี้ หลังจากพระราชพิธีเสกสมรสของดยุค และดัชเชสส์แห่งเคมบริดจ์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ซึ่งได้รับการจับตามองจากประชาชนทั่วทุกมุมโลก

ภูฏานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากแนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติ ซึ่งเป็นการวัดระดับความอยู่ดีมีสุขของพลเรือน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในประเทศที่สันโดษที่สุดในโลก
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สวยถูกใจ และสบายใจกว่าเลข 22 เยอะเลย :d

 

<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=500><TBODY><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 1 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคเหนือโดยมีฝนปกคลุมทางตอนบนและทางตอนกลางของภาค </TD></TR><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 2 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีฝนฟ้าคะนองปกคลุมทางตอนบนของภาค </TD></TR><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 3 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคกลางโดยมีฝนฟ้าคะนองปกคลุมทางตอนกลางของภาค </TD></TR><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 4 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆฝนปกคลุมภาคตะวันออกโดยมีฝนฟ้าคะนองปกคลุมภาคตะวันออกและตามบริเวณชายฝั่ง </TD></TR><TR vAlign=center bgColor=#eeeeee><TD width=94>

กลุ่มเมฆที่ 5 : ​

</TD><TD> กลุ่มเมฆปกคลุมภาคใต้โดยมีฝนปกคลุมทางตอนบน ทางตอนกลางและทางตอนล่างของภาค</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<CENTER>เทศบาลเมืองจันทบุรีเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่และเครื่องมือรับมืออุทกภัย </CENTER>

20 พฤษภาคม 2554​

<CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>

นายจักรเพชร จิตงามสุจริต นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองจันทบุรี เผยว่าขณะนี้มีฝนตกต่อเนื่องทุกวัน ทำให้เทศบาลฯต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือปัญหาน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น เพราะหากมีปริมาณฝนที่ตกลงมาเกิน 100 มิลลิเมตร ติดต่อกัน 2 วันอาจเกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นได้ ซึ่งได้เตรียมความพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อุปกรณ์เครื่องมือ เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และรถที่จะเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว นอกจากนั้น ยังจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกเก็บขยะที่ลอยในแม่น้ำจันทบุรี รวมถึงคลองธรรมชาติต่างๆในเขตเทศบาล เพื่อเปิดทางน้ำให้น้ำไหลได้สะดวก และจัดเจ้าหน้าที่ออกประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี และเทศบาลใกล้เคียงเตรียมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที






​

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center 1><TBODY><TR><TD height=25 colSpan=5 align=middle>
พยากรณ์อากาศ 21 พ.ค. 54
</TD></TR><TR class=RAD><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>เชียงใหม่ 2433</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle></TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD></TR><TR class=RA><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>แม่ฮ่องสอน 2433</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD></TR><TR class=RAD><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>อุบลราชธานี 2334</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle></TD></TR><TR class=RA><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>มหาสารคาม 2435</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD></TR><TR class=RAD><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>กรุงเทพมหานคร 2635</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD></TR><TR class=RA><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>สงขลา 2534</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD></TR><TR class=RAD><TD style="PADDING-LEFT: 3px" vAlign=center>ภูเก็ต 2436</TD><TD vAlign=center width=22 align=middle> </TD><TD vAlign=center width=20> <TD class=minTempProvince vAlign=center width=20 align=middle> </TD><TD class=maxTempProvince vAlign=center width=20 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แจ้งวัฒนะ ตอนเย็นแสงแดดจ้าตลอดเลย จนกว่าจะมีร่มบ้างก็ปาเข้าไป 18.00 น. แล้ว

 

War Room หมีแพนด้า

C5

 

555+ หรือจะเป็น War Room นกฮูกดีเนี่ย (||)