เชื้อสายครุฑหรืออดีตสัตว์ในหิมพานต์ มาแลกเปลี่ยนเรื่องป่าหิมพานต์กันคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ม่อนดอยด์, 11 มกราคม 2011.

  1. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    *** หนังสือนี้ดีนักแล ตอนที่ครุฑธาโฉบ ชีมูตวาหนะ เห็นภาพเป็นฉากๆ น่ากลัวมากเลย

    นี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งคะที่ทำให้ ครุฑและนาคได้ยุติสงครามกัน

    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระเทวทัตผู้พูดมุสาแล้วถูกแผ่นดินสูบ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อค้าชาวเมืองพาราณสีประมาณ ๕๐๐ คน แล่นสำเภาไปในมหาสมุทรเพื่อไปค้าขายเมือง อื่น ในวันที่ ๗ สำเภาถูกพายุกระหน่ำล่มกลางทะเล ผู้คนล้มตาย เป็นเหยื่อของปลาหมดหลงเหลือเพียงชายคนหนึ่งถูกลมพัดกระหน่ำไปขึ้นที่ฝั่งท่าน้ำกทัมพิยะ เสิ้อผ้าไม่มี เปลือยกายล่อนจ้อน เดินเที่ยวขอทานอยู่
    พวกชาวบ้านพบเห็นเขาก็พากันยกย่องเขาว่าเป็นผู้มักน้อยสันโดษ เป็นนักบวช จึงพากันสักการะบูชาเขาเป็นการใหญ่ นับตั้งแต่วันนั้นมาเขาเองก็ไม่ปรารถนาจะนุ่งห่มเสื้อผ้าได้ลาภสักการะจำนวนมาก ถูกคนเรียกหาว่า กทัมพิยอเจลกะ (ชีเปลือยทัมพิยะ)
    ในสมัยนั้น มีพญานาคตนหนึ่งชื่อบัณฑรกนาคราช และพญาครุฑตนหนึ่งจะพากันมาปรึกษาชีเปลือยนั้นอยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งพญาครุฑมาหาชีเปลือยแล้วขอร้องว่า "ท่านขอรับพวกญาติของผมจำนวนมาก ตายเพราะจับพวกนาคโดยไม่ทราบสาเหตุ ขอความกรุณาจากท่านช่วยถามพญานาคให้ผมด้วยเถิด"
    ชีเปลือยนั้นรับคำจะถามให้ เมื่อพญานาคมาหาจึงถามความนั้นพญานาคตอบว่า "ท่านขอรับเรื่องนี้เป็นความลับของพวกกระผม ถ้าผมบอกท่านเท่ากับผมนำความตายมาสู่ตนเอง และพวกญาติ จึงไม่ขอตอบได้ไหม"
    ชีเปลือย "พญานาค เราจะไม่บอกใครหรอก ถามเพราะอยากจะทราบเท่านั้นเองละ จงบอกเถิด"
    พญานาคตอบว่า "ผมบอกไม่ได้หรอกครับท่าน" ไหว้ชีเปลือยแล้วก็กลับไป ชีเปลือยถามเช่นนั้นอยู่ ๒ วัน พญานาคก็ไม่ยอมบอกเช่นเดิม ในวันที่ ๓ พญานาคพอถูกชีเปลือยถามอีกจึงกำชับชีเปลือยอย่าได้บอกใคร แล้วก็เล่าให้ฟังว่า "ท่านขอรับเพราะพวกกระผมกลืนกินก้อนหินทุกวันทำให้ตัวหนักนอนอยู่ เมื่อพวกครุฑมาจับที่หัวลากไป จึงถ่วงพวกครุฑจมน้ำตายเป็นจำนวนมาก พวกครุฑมันโง่จึงจับที่หัว ถ้ามันจับหางของพวกเราหินก็จะไหลออกจากปากสามารถนำพวกเราไปได้ ความลับก็มีอยู่เท่านี้แหละท่าน" แล้วก็ลากลับไป
    อีกวันต่อมา เมื่อพญาครุฑมาหาเปลือยผู้ทุศีลก็เล่าเรื่องนั้นให้ฟัง พญาครุฑจึงปรี่เข้าไปจับขนดหางพญานาคโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไป พญานาคเมื่อทราบความลับถูกเปิดเผลแล้ว จึงคร่ำครวญว่า "ภัยเกิดจากตัวเองแท้ๆ ที่พูดพล่อยไม่ปิดบัง บอกความลับแก่ใคร จึงได้บอกออกไปน่าเจ็บใจจริง ๆ "
    พญาครุฑพูดว่า "ท่านนาคราช ท่านบอกความลับแก่ชีเปลือยแล้ว จะมาคร่ำครวญอยู่ทำไม สัตว์ที่จะไม่ตายไม่มีในโลกขึ้นชื่อว่าความลับไม่ควรบอกใครๆ ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา พี่น้องแม้กระทั่งภรรยาและบุตรธิดา" แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
    "บัณฑิตไม่พึงเปิดเผยความลับ พึงรักษาความลับนั้นไว้เหมือนรักษาขุมทรัพย์ เพราะว่าความลับบุคคลรู้อยู่ไม่เปิดเผยได้เป็นการดีบัณฑิตไม่ควรบอกความลับแก่สตรี ศัตรู คนที่ใช้อามิสล่อ และคนผู้ล้วงความลับ"
    พญานาคได้ฟังธรรมของพญาครุฑแล้วอ้อนวอนขอชีวิตว่า "ท่านพยาครุฑ ข้าพเจ้าขอชีวิตจากท่าน ขอท่านจงตั้งตนดุจเป็นมารดาของข้าพเจ้าเถิด"
    พญาครุฑตอบว่า "เอาเถอะ เราจะปล่อยท่านไป แต่ว่า บุตรมี ๓ จำพวก คือ ศิษย์ บุตรบุญธรรม และบุตรตัวเอง ท่านยินดีจะเป็นบุตรประเภทไหนของเราละ" ว่าแล้วก็ปล่อยพญานาคไป สัตว์ทั้ง ๒ ก็อยู่กันอย่างสามัคคีกันเช่นเดิม
    ต่อมาวันหนึ่งสัตว์ทั้ง ๒ ได้ชวนกันไปหาชีเปลือยอีก พญาครุฑทราบว่าพญานาคจักหมายชีวิตชีเปลือย จึงไม่เข้าไปหาปล่อยให้แต่พญานาคผู้เดียวเข้าไปหาชีเปลือยนั้น พญานาคได้กล่าวติเตียนและสาบแช่งชีเปลือยว่า "ท่านเป็นคนเลวทรามประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้าย ไม่รักษาคำสัตย์ ขอให้หัวของท่านจงแตกเป็น ๗ เสี่ยง" กล่าวจบก็พากันกลับไปที่อยู่ของตนส่วนชีเปลื่อยพอสัตว์ทั้ง ๒ จากไปเท่านั้น หัวก็แตกออกเป็น ๗ เสี่ยงสิ้นชีวิตแล้วไปเกิดในนรก

    www.dhammathai.org<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    หากตริตรองดูแล้วแม้แต่ในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงการยุติการที่ครุฑและนาคเป็นศัตรูซึ่งกัน ข้าพเจ้าเชื่อว่าแต่นมนามมาแล้ว มีหลากหลายผู้ทรงศิลที่ต้องการจะยุติความขัดแย้งระหว่าง นาคาและครุทธามานานแสนนานแล้ว ข้าพเจ้าเองก็ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะภาวนาขอให้ทั้งครุฑและนาคา ลกทิฐิ และต่างอาศัยในภพภูมินี้ได้เฉกเช่นเดียวกับ กัลยาณามิตร...

    เมตตายุติสงคราม (อุรคชาดก)


    เมตตา สยบโกรธ เกลียดชัง
    ฤทธิ์ขมัง สงบ สงครามได้
    อารมณ์ร้าย ลาโรง ล้มละลาย
    อารีหลาย โอบเอื้อ จุนเจือแทน


    ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี เขาประกาศให้มีมหรสพยิ่งใหญ่ ในพระนคร ในงานนั้น บรรดาพวกมนุษย์ (ผู้มีใจสูง) เป็นอันมาก และเหล่าเทวดา (ผู้มีใจประเสริฐ) ทั้งหลาย ต่างก็มุ่งมาเที่ยว ชมมหรสพนี้ แม้แต่พญานาค กับพญาครุฑ ซึ่งเป็นศัตรูทำสงคราม ล้างผลาญกันมาช้านาน ก็แปลงโฉม มาร่วมสนุก ชมงานมหรสพ กับเขาด้วย

    ณ หน้าโรงมหรสพแห่งหนึ่ง ขณะที่พญาครุฑ กำลังยืนดูมหรสพ การละเล่น อยู่อย่าง สบายอารมณ์ พญานาค ซึ่งจำพญาครุฑไม่ได้ เข้ามายืนดูใกล้ๆ และด้วยความสนุกสนานลืมตัว จึงเอามือไปพาดบ่า ของพญาครุฑไว้

    พญาครุฑคราแรก ก็ไม่ถือสา แต่พอนานเข้า ก็ชักไม่ชอบใจ จึงหันไปจ้องหน้าดูอยู่ ครั้นพิจารณาแล้ว ก็จำได้ว่า เป็นพญานาค ส่วนพญานาค พอถูกมองเขม็ง ก็ถลึงตาจ้องดูกลับไปบ้าง ก็จำได้ว่า เป็นพญาครุฑ จึงตกใจกลัวสุดขีด หวั่นเกรงว่า จะถูกพญาครุฑ จับไปกินเสีย รีบตะลีตะลานหลบหนี ออกจากพระนคร ไปทางท่าน้ำทันที พญาครุฑ ก็ไม่รอช้า ตามติดไล่ล่าไปตลอดทาง ด้วยหมายใจว่า ต้องจับกินพญานาค ให้จงได้

    ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำนั้นเอง มีพระดาบสตนหนึ่ง อาศัยบำเพ็ญพรตอยู่ กำลังเดินไปยัง ริมน้ำ เพื่ออาบน้ำ ได้ถอดผ้าเปลือกไม้ ที่นุ่งห่มเอาไว้ที่บนฝั่ง แล้วลงไปอาบน้ำ ชำระกาย

    ในเวลานั้น พญานาคหนีมาถึงที่ตรงนี้ ได้เห็นพระดาบส อาบน้ำอยู่ ก็เกิดความคิดขึ้นว่า "เราจะรอดชีวิตได้ ก็คงต้องอาศัย พระดาบสนี้แล้ว"

    จึงรีบหนีเข้าไปหลบซ่อนตัว อยู่ในผ้าเปลือกไม้นั้น ทำตัวขดให้เป็นก้อนกลมเล็ก ราวกับก้อนมณีเลยทีเดียว พญาครุฑติดตามมา เห็นเช่นนั้น แม้อยากจะเข้าไปจับพญานาคกิน แต่ด้วยความเคารพ ในผู้ประพฤติพรหมจรรย์ จึงมิได้ทำเช่นนั้น ได้กล่าวขออนุญาต กับพระดาบสก่อนว่า

    "พระคุณเจ้าที่เคารพ ข้าพเจ้ากำลังโหยหิวจัด ต้องการอาหาร ประทังชีวิต แต่พญานาค ซึ่งประเสริฐกว่า งูทั้งหลาย ได้หนีหลบอยู่ใน กองผ้าเปลือกไม้ของท่าน ข้าพเจ้าเคารพ ยำเกรงในเพศของพระคุณเจ้า ซึ่งเป็นเพศบริสุทธิ์ ประเสริฐนัก ถึงแม้จะหิวจัดปานใด ก็มิบังอาจ ลบหลู่ เข้าไปจับพญานาค ในกองผ้าเปลือกไม้นั้น จึงขอให้พระคุณเจ้า เอาเฉพาะ ผ้าเปลือกไม้ไปเถิด ส่วนข้าพเจ้า จะกินพญานาคตัวนี้ ระงับความหิว"

    พระดาบสทั้งๆ ที่ยืนอยู่ในน้ำ ได้เห็นเหตุการณ์ ทั้งหมดแล้ว จึงได้กล่าวสรรเสริญ พญาครุฑว่า "ท่านนั้นเคารพย้ำเกรง ผู้มีเพศประเสริฐ แม้หิวอยู่ก็ไม่จับพญานาค ในผ้าเปลือกไม้ของเรา ขอท่านจงเป็นผู้มีใจประเสริฐ อันพรหม (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) คุ้มครอง ให้ดำรงชีพอยู่ สิ้นกาลนาน แล้วขอให้อาหาร อันเป็นทิพย์ (อาหารของเทวดา อันปราศจากการฆ่า และซากศพ) จงปรากฏแก่ท่านเถิด"

    กล่าวจบคำชื่นชมในความดีของพญาครุฑแล้ว พระดาบสก็ขึ้นจากน้ำ มานุ่งห่มผ้าเปลือกไม้ แล้วเรียกให้พญานาค และพญาครุฑ ติดตามไปที่อาศรม จากนั้น ก็แสดงคุณ ของการเจริญเมตตาให้ฟัง ทำให้สัตว์ทั้งสอง เลิกเป็นศัตรูกัน หันมาช่วยเหลือ สามัคคีกัน

    นับตั้งแต่บัดนั้นมา สัตว์ทั้งสอง จึงสมัครสมาน เบิกบานกัน อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก

    พระศาสดาทรงนำชาดกนี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า "พญานาคและพญาครุฑในครั้งนั้น ได้มาเป็นมหาอำมาตย์ ทั้งสองนี้ ส่วนพระดาบส ได้มาเป็น เราตถาคตเอง"

    (พระไตรปิฎกเล่ม ๒๗ ข้อ ๑๕๗, อรรถกถาแปลเล่ม ๕๗ หน้า ๒๒)


     
  3. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    ไอ๊หย๋า!!!

    อั๊วม่ายเคยรุ๊เลยว่ามีคงทังห้าย ครุฑ กะ นาค เลิ่กทาเลาะกังด้ายยย

    หยังงี้ก็ม่ายมังเลยอาสิเนี๊ยะ ม่ายล่ายหลั่งจายอั๊วเลย

    แต่พวกลื้อๆรุ๊ด้ายงายว่าจะเลิกตีกังจิงๆ อั๊วม่ายอยากจะคิก!!!
     
  4. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ต้องแปลภาษาไทยพิเศษ เป็นภาษาไทยคนปกติอีกเหรอเนี่ย
     
  5. 211221

    211221 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    อ่านประดับความรู้ดีจริงๆ ครับ

    ขอบคุณครับ
     
  6. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ดวงใจพ่อ ภาคต่อ ...

    ด้วยความที่รักลูกคนเดียวดั่งดวงจิต ชายใดที่ไม่ได้เลือกไว้ให้และฐานะไม่สมควรก็ ไม่มีวันได้ชื่นชมนาง ชายผู้ที่ได้นำผ้าสะไบผื่นงามมามอบให้ก็ถูกสั่งให้ฆ่า แม้แต่สุนัขที่ม่านทิพย์หยิบยื่นอาหารให้แล้วถูกกัดก็ถูกสั่งให้ฆ่าทิ้งเสีย

    จึ่งไม่มีชายใดกล้าเข้ามาพบพานม่านทิพย์ แต่มีชายผู้หนึ่งผู้ซึ่งได้ดวงใจของนางไปครอง คำอิน...... ทหารนายกองหนึ่งในบริวารของพ่อ คำอินได้ใกล้ชิดติดตามบิดาของม่านทิพย์ไปทุกที่พร้อมกับนางที่เป็นที่รัก นางและคำอินได้อธิฐานจิต ณ พระ ธาตุพระลอเพื่อให้ได้ครองคู่กัน ทั้งคำอินและ ม่านทิพย์ได้แอบไปมาหาสู่กันในเวลาที่บิดาของนางต้อง ออกไปทำงานที่อีกหัวเมือง จนทั้งคู่ได้มีพยานรักในท้อง พอถึงเวลานี้นางได้ไปขอร้องพระยาท่านหนึ่งซึ่งมียศเหนือบิดาของตนเอง และเป็นชายผู้ที่บิดาได้เลือกไว้ให้กับหญิงทิพย์เพื่อช่วยพูดกับบิดาของตนเอง ด้วยความที่บิดาเกรงใจ และนางก็ได้มีลูกในท้องแล้วจึงได้ยอมให้ทั้งคู่ครองรักกัน เเต่กระนั้นเมื่อสงครามมาถึง คำอินก็ต้องรับหน้าที่ทหารนายกองออกรบเพื่อกู้บ้านเมือง ม่านทิพย์ร้องไห้ปริ่มขาดใจ

    .... พี่จ๋าเราต้องจากลากันนานเท่าไร
    ยามพี่จากดวงใจน้องยังห่วงหาอาวรณ์
    น้ำตาน้องไหลปริ่มดั่งจะขาดใจ
    เราได้มีลูกน้อยเป็นพยานรัก
    ยามพี่กลับคงจะได้ชื่นชมสมดังใจปอง
    ข้าจะรอ วันที่พี่กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา สามดวงใจ​

    ณ ช่วงเวลาที่ ม่านทิพย์รอเวลาที่คำอินกลับมา วันหนึ่งนางมีจิตอยากจะไปเล่นน้ำที่ริมบึงกว้าง แม่เจียกจ๋า พาม่านทิพย์ไปยังบึงท้ายสวนหน่อยจะได้ไหม ม่านทิพย์อยากเล่นน้ำเหลือเกินจ่ะ ไม่ได้หรอกคุณหญิงทิพย์เจ้าคะ นี่ท้องก็แก่มากแล้วอย่าไปเลยเจ้าคะอยู่บ้านเรานี่แหละดี แม่เจียกจ๋า..... ม่านทิพย์อยากจะไปเหลือเกินม่านทิพย์ไม่ไปเล่นไกลหรอกจะใกล้ๆก็พอ ริมๆบึงขอให้ม่านทิพย์ได้ไปเถอะนะจ๊ะเเม่เจียก ... คุณหญิงทิพย์นี่นะดื้อซะจริงๆ งั้นรีบไปรีบกลับนะคะเดี๋ยวแม่เจียกจะพาไปเอง ก่อนตอนสานคุณท่านจะกลับมา ​

    แม่เจียก น้ำนี้ช่างเย็นสบายซะเหลือกเกิน แม่เจียกมาเล่นด้วยกันสิจ๊ะ
    ไม่หรอกคะคุณหนุแม่เจียกขออยู่ตรงนี้ดูดีกว่า
    สบายดีจัง ... แม่เจียก..... เเม่เจียก ช่วยด้วย แม่เจียกจ๋า​

    จากนั้นร่างของม่านทิพย์ก็ได้จบน้ำหายไปและหาศพไม่เจอ
    หลังจากที่ท่านพระยาได้กลับมา ก็เจอแม่เจียกนั่งร้องไห้พร้อมกับกล่าวคำสารภาพทั้งหมด ท่านพระยาได้เกณฑ์ บริวารไปหาศพเเม่หญิงทิพย์
    และคิดในดวงจิตเสมอว่าม่านทิพย์ยังไม่ตาย
    คุณท่าน เจ้าคะเจียกผิดไปแล้วอภัยให้เจียกด้วยเจ้าคะ
    เจียกผิดเองที่ยอมให้คุณหนูไปเล่นน้ำและพาคุณหนูมาที่นี่​

    ด้วยดวงใจผูกพันรักลูก ม่านทิพย์ลูกรักของพ่อ
    ใจพ่อสลายดั่งแก้วที่ตกสูงจากบนฟ้า
    เจ้าจากไปแล้วใคร จะอยู่เคียงพ่อ
    เจ้าและแม่ไปเป็นนางฟ้าทีอยู่แสนไกล
    ทิ้งหัวใจที่พันผูกอยู่ผู้เดียว​

    ดึงมีดดาบที่ติดกาย ... แล้วกล่าววาจาลั่น
    อีเจียก มึงต้องดูแลลูกกู ให้ดีที่สุด!!!
    มีดนั้นตัดขาด ลมหายใจสุดท้าย ของแม่เจียก
    ก่อนที่ร่างอันไร้วิญาณจะล้มลงใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบึง​

    แม่หญิงทิพย์พี่กลับมาแล้ว แม่หญิงทิพย์อยู่ไหนจ๊ะ พี่อยากเห็นหน้าลูกใจจะขาด แม่หญิงทิพย์.......
    ท่านพระยา เเม่หญิงทิพย์อยู่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับแม่หญิงทิพย์ขอรับ ...​


    ดวงจิตพี่สลายเมื่อได้ทราบ
    แม้แต่ผงกระดูกขี้เถ้าพี่ก็ไม่มีวันได้เจอ
    โอ้ยอดรักของพี่ ใยเจ้าจึงไม่รอพี่กลับมา แม่หญิงทิพย์
    โอ้ลูกรักของพ่อ ใยเจ้าจึงไม่รอพ่อกลับมา โยเดียร์​

    คำอิน ได้ตรอมใจตาย เพื่อที่จะให้ สามดวงใจได้พันผูก
    ................................................................................​

    นิยายเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้ บุพการีผู้เป็นที่รักดั่งดวงจิตในทุกภพทุกชาติ

    จะมีใคร รักเราได้เท่า บุพการี เพราะกายาของลูกถูกสร้างมาจาก เลือดน้ำเหลืองและทุกอวัยวะในร่างของบิดรมารดา
    ขอให้บทความเบื้องต้นนี้ได้เป็นวิทยาทานที่ดีต่อ ลูกๆทุกคน ที่จะเริ่มทดแทนคุณคนที่เขารักเราสุดดวงใจ
    จะบูชาเทพองค์ไหนพระองค์ไหน จะยิ่งใหญ่กว่าชั้นฟ้าหรือเป็นที่สุดของจักรวาล
    แต่ถ้าไม่บุชาพระองค์เเรกของลูก ก็ไม่มีทางที่พระหรือเทพองค์ใดจะให้พร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มกราคม 2011
  7. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    211221 ท่าให้เดา คุณพี่อายุ 32 ย่าง 33 ใช่ป่าว ที่รู้เพราะโค๊ตที่เขียนนี่แหละคะ อิอิ คล้ายๆกัน
     
  8. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ไปนั่งดูมาสนุกดีเอามาฝากคะ
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=6lriHpL99ww"]YouTube - ไตรภูมิพระร่วง.mpg[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=UHJHN384Mq8&feature=related"]YouTube - สัตว์ในไตรภูมิพระร่วง ตอนที่. 1.mpg[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=PcJs7oMDF2k&feature=related"]YouTube - สัตว์ในไตรภูมิพระร่วง ตอนที่. 2.mpg[/ame]​

    <B><B>เตภูมิกกถา
    บานแพนก
    ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๐๖

    หนังสือไตรภูมิฉบันนี้ ว่าเป็นของพระเจ้ากรุงศรีสัชนาลัยสุโขทัย ผู้ทรงพระนามว่าพระญาลิไทยได้แต่งขึ้นไว้เมื่อปีระกา ศักราชได้ ๒๓ ปี ต้นฉบับหอสมุดวชิรญาณได้มาจากเมืองเพชรบุรี เป็นหนังสือ ๑๐ ผูก บอกไว้ข้างท้ายว่า พระมหาช่วย วัดปากน้ำ ชื่อวัดกลาง (คือวัดกลางเมืองสมุทรปราการเดี๋ยวนี้) จารขึ้นไว้ในรัชกาลเจ้าเมืองกรุงธนบุรีเมื่อ ณ เดือนสี่ ปีจอสัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๑๔๐


    </B>

    </B>
    ***ดาวโหลด เตภูมิกถา ไตรภูมิพระร่วง เอกสาร document คลิ๊กเลยเลย บอกเลย มันส์มาก อ่านแล้ว กลัวนรกจิงๆhttp://olddreamz.com/bookshelf/tibhum/tibhum.doc

    ขอบคุณ เว็ปไซค์ http://olddreamz.com/ จากข้อมูลไตรภูมิพระร่วง ver.doc
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มกราคม 2011
  9. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า
    เราได้จบแล้วทุกสิ่งตั้งแต่คำพูดอโหสิออกจากวาจา
    มิเคยเห็นนาคาตนไหนเป็นอริแต่แรกต้น
    มิขอ อาฆาตแค้น ใดๆเพื่อให้จิตออกห่างตัวไปทุกวัน
    แล้วแต่กรรมเวรเถิด ใครจะรักจะชังเรานัก แต่เราจงเฉยเสีย
    จะนาคาตนใด เราขอ อุทิศให้ท่าน จงมีความสุขกายสุขใจ
    บำเพ็ญภาวนาจนถึงมรรคาดั่งใจปอง
    อย่ายึดติดกับอดีตภูมิ เพราะ ปัจจุบัน เพียงแต่จิตเจ้าเท่านั้นที่เป็นนาคา
    แต่กายหยาบของเจ้า ยังหนี วัฎสงสารไม่พ้น​

    เหล่า นาคา เอ๋ย เหล่า ครุฑธา เอ๋ย
    ครึ่งหนึ่งในตัวเจ้า ได้รับเลือด น้ำเหลือง อวัยวะครึ่งหนึ่งจากบิดาของเจ้า
    เหล่าครุฑธา นาคา ก็คือพี่น้องร่วมสายเลือด
    แต่ใยเจ้าจึงทำให้บิดาผู้ถือกำเนิดเจ้าเป็นทุกข์ใจ
    สิ่งที่บุพการีทุกข์ใจเป็นที่สุดนั่นคือเห็นนพี่น้องร่วมสายเลือด ไม่รักสามัคคี กัน
    และนี่เองก็เป็นหนึ่งในไฟนรก ที่ทำให้พวกเจ้า ไม่ถึงที่หมายดั่งใจปอง​


    สงคราม เทพเทวา และ อสูร ในอดีตได้จบไปแล้ว
    จะไม่มีสงคราม เทพเทวา และอสูร ใด ใด อีก
    เว้นแต่เพียงว่า เหล่าเทพเทวาและ ไพรีอสูร
    ไม่สามารถปรองดองกันเพื่อดำรงไว้
    ซึ่งผืนดินทั้งสี่ที่อยู่ท่ามกลางทรายที่อยู่ในวัด
    แต่ก็เฉกเช่นเทน้ำแล้วไหลขึ้นฟ้า ปลูกหญ้าแล้วตายบนดิน
    เพลานี้ ภูเขาลูกใหญ่ต้องสับเปลี่ยนเป็นกลางวันแล้ว
    มีแต่เพียงยุติสงครามในตัวของมนุษย์
    จึ่งทำให้เพลากลางวันมาถึง
    ถ้าถึงเวลานั้น แล้วภูเขาลูกใหญ่นี้ยังไม่เปลียนเป็นกลางวัน
    ก็เพราะอสูรจากสงครามในตัวมนุษย์เองต่างหาก
    ที่จะทำให้เกิด สงครามครั้งใหม่นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มกราคม 2011
  10. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    อันนี้เอาไว้เผื่อว่าอยากจะแผ่เมตตาให้เหล่าครุฑและกินรีทั้งหลายนะครับ

    "สัพเพ ครุทธา สัพเพ กินนรา สัพพา กินนะรี"

    ถ้าอยากจะเพิ่มแผ่เมตตาให้เหล่านาคก็เพิ่ม

    "สัพเพ นาคา สัพพา นาคี"
     
  11. 211221

    211221 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เปล่าครับ 33 ย่าง 34 ครับ

    เลขนั้นไม่ใช่วันเกิดผมครับ :)
    ยินดีที่ได้รู้จักครับ
     
  12. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    แหมมม เดาผิดนึกว่าคนอื่นจะเหมือนเราซะ
    ยินดีที่ได้รู้จักคะมาเที่ยวอีกนะคะ
     
  13. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912


    สิ่งนี้เองคือคำตอบที่รอคอยมาตั้งแต่ต้น ใช่ไหมเจ้าคะ?
     
  14. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    กลอนบทนี้ดีมากคะน้อง ขอบคุณนะคะ มันทำให้เราไม่ลืมตัวเราเองคะ รวมถึงหัวข้อ ทำไมเราต้องมาศึกษาธรรมะ
    เป็นวิทยาทานที่ดีมากคะ ขออนุโมทนาสาธุ คะ <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  15. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    หลายๆคนอาจจะสงสัยนะคะ ทำไมห้องป่าหิมพานต์ มีทั้งเรื่อสัตว์หิมพานต์และบางทีก็มีเรื่องสัตว์ในเทพนิยายความเชื่อทาง ตะวันตกด้วย แต่ทราบไหมคะ ท่าหากเราเปรียบเทียบดูเราจะรู้เองคะ ว่า ในโลกนี้ ทุกชาติ ศาสนา ภาษา แผ่นดิน ตะวันออก ตะวันตก เอเชีย หรือ ยุโรป รวมถึง สามภพ ทุกอย่างต่างเชื่อโยมถึงกันหมดคะ
    จิตไวกว่าแสงคะ จิตไปได้ทุกที่ ทุกภพ ไม่จำกัด ลองพิจรณาจากรูปต่อไปคะ

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12347.jpg
      12347.jpg
      ขนาดไฟล์:
      527.6 KB
      เปิดดู:
      2,380
    • 1237.jpg
      1237.jpg
      ขนาดไฟล์:
      549.9 KB
      เปิดดู:
      2,419
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  16. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    "สมัยตะก่อนยายอู้ว่า จะไปดีนอนดึกเน้อเดี๋ยวผีม้าบ้องจะมาหา"
    มาถึงอีกเรื่องคะ เล่าเรื่อง ผีๆ กันต่อ
    เรื่องนี้ขอย้อนอดีตนะคะ หญิงทิพย์เป็นคนเหนือคะ ตั้งแต่สมัยเด็กๆตอนคุณยายยังไม่เสีย หญิงทิพย์ชอบให้ยายเล่าเรื่องสมัยก่อนให้ฟังคะ แล้วเห็นตัวหนึ่งที่น้อง yayas ได้โพสไว้ ในสมัยก่อยยายบอกว่ามีผีตัวหนึ่ง เราเรียกชื่อว่า ผีม้าบ้อง ลักษณะที่ยายเล่าให้ฟังคล้ายกับตัวนี้มากค่ะ ยายบอกว่าผีม้าบ้องมีตัวเป็นคน ขาเป็นม้า แล้วตอนกลางคืนจะ วิ่ง กลุ๊บ กลุ๊บ ๆๆๆ เหมือนเสียงม้าวิ่ง อยู่ในหมู่บ้าน ทั้งคืน คนสมัยนั้นกลัวกันมาก คนสมัยก่อนต้องกลับบันไดก่อนเขาบ้าน บ้านคนเมือง จะเป็นบ้านไม้ที่ยกสูงคะ ข้างล่างจะเป็น พื้นที่ว่างๆ แล้วใช้บันได พาด ยายบอกว่าตอนกลางคืนต้องกลับ หัวบันไดก่อนขึ้นเรือนยเพื่อที่ผีม้าบ้องจะขึ้นบ้านไม่ได้

    [​IMG]

    จากที่ฟังยายพูด เรานึกภาพออกเลยคะ ประมาณนี้แต่มันจะไม่มีคนแบบนี้นะขนไม่ยาว ตัวจิงเป็นไงไม่รู้คะ หาในเนตก็ไม่มีเลย ต้องให้ยายมาเล่า
    ซึ่งเราว่ามันเหมือน ตัว เซนทอร์ นี่แหละคะ

    ** อันนี้เป็นข้อมูลจากแหล่งอื่นนะคะมายืนยันว่า มันมีจิงๆคนเมืองสมัยก่อนเขาเชื่อกันคะ

    ในราตรีกาลอันเงียบสงัด หากได้ยินเสียงม้าร้อง ฮี้ ๆ หรือ ฝีเท้าของม้า ดังแว่วมาจากที่เปล่าเปลี่ยว ปราศจากผู้คนแล้วละก็ นั่นละ เขาเรียกกันว่า ผีม้าบ้อง

    เล่าขานกันว่า ผีชนิดนี้ ตัวสูงใหญ่มาก มีลักษณะ ลำตัวเป็นคน มีหัวเป็นม้า ขาทั้งสองข้างมีกีบเท้าเหมือนม้า มีนิสัยดุร้าย หากเห็นคนจะตรงเข้าทำร้ายทันที นอกจากนี้ยังชอบ หัวควายแห้งมาก หากมันพบหัวควายตากแห้งอยู่ที่ไหน จะเข้าไปแทะเลียกินอย่างเอร็ดอร่อยทันที

    วิธีปราบผีม้าบ้อง ว่ากันว่า ขณะที่วิ่งหนีแล้วผีม้าบ้องใกล้จะตามทัน ให้เอา ไข่ไก่โยนลงบนพื้น หากตามทันอีกก็โยนไข่ลงพื้นเหมือนเดิม
    เมื่อถึงเรือนแล้ว ให้รีบขึ้นไปบนบ้าน กลับหัวกลับท้ายบันไดเสีย ผีม้าบ้องจะขึ้นไปไม่ได้ แล้วให้ใช้ดาบฟันที่หัวบันไดทันที หลังจากนั้น ว่ากันว่า คนที่เป็นผีม้าบ้องจะตายในวันต่อมา


    ตำนานผีล้านนาตอนผีม้าบ้อง <SUP></SUP>


    บ่าวเฒ่าหรือชายโสดเมื่อตายแล้ววิญญาณเป็นผีม้าบ้อง
    ตำนานผีม้างบ้องล้านนามีหลายกระแส บ้างก็ว่า เป็นผีก้ะที่แก่มากๆจนกลายเป็นผีม้าบ้อง บางตำนานก็ว่าเป็นผีที่ชอบแทะกินหัวควายแห้ง ก็แล้วแต่บางท้องถิ่นจะสืบสานเล่าขานกันไป แต่ที่แน่ๆคือมีคำว่าผีม้าบ้องเป็นคำเรียกชื่อผีเหมือนๆกัน
    สำหรับตำนานนี้อาจแปลกกว่าที่อื่นอยู่บ้างเริ่มตั้งแต่ มีครอบครัวตุ๊กต้ะครอบครัวหนึ่งอยู่กันสวามพ่อแม่ลูก เฝ้าคอกม้าของพระราชา ต่อมาเมื่อพ่อแม่เสียชีวิต เหลือแต่ลูกชายที่ขยันขันแข็งตระหนี่แม้แต่หัวควายที่ตายแล้วเขาเอามท้องเขาก็ไปแทะเอาเนื้อมากิน ด้วยความที่มัวแต่หากินตลอดชีวิตกลายเป็นบ่าวเฒ่าหรือชายโสดจนสิ้นชีวิต
    เมื่อตายไปวิญญาณของเขานึกได้ว่าเมื่อเป็นคนไม่ได้แต่งงานไม่รู้รสชาติของการมีครอบครัวแม้กระทั่งตายก็ไม่มีใครมาดูแลศพ ด้วยความคิดดังกล่าวเกิดความอิจฉาริษยาเด็กหนุ่มที่เรียกกันว่า " บ่าวแถ่ว"หรือเด็กชายเริ่มขึ้นหนุ่มเสียงห้าวนั่นเอง เมื่อกลายเป็นผีก็แอบไปเที่ยวตอนกลางคืนกับชายหนุ่มตามหมู่บ้าน แต่ถ้าคืนวันไหนแสงเดือนมัวหม่นสลัวๆ และผีม้าบ้องเกิดอารมณ์คึกเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์บ้องมันแข็ง มันก็จะวิ่งอืนกะหลึ้กๆ...ไปมาตามถนนหนทางในหมู่บ้านหากพบเห็นบ่าวแถ่วเมื่อใดผีม้าบ้องก็เกิดความอิจฉาจะใช้เท้าดีดหว่างขาบ่าวแถ่วจนหน้าเขียวเกิดอันตราย
    ด้วยฤทธิ์เดชผีม้าบ้องดังกล่าวผู้ใหญ่จึงสั่งสอนเด็กชายแรกรุ่นขึ้นหนุ่มหรือเรียกกันว่า "บ่าวแถ่ว" ห้ามออกนอกบ้านยามกลางคืน หากจะเที่ยวต้องไปกับหนุ่มใหญ่ที่มีประสบการณ์แอ่วสาวมาแล้วหากพบผีม้าบ้องก็จะได้ช่วยกันขับไล่
    เรื่องผีม้าบ้องจึงเป็นตำนานของชาวล้านนาป้องกันเด็กชายแรกรุ่นหรือบ่าวแถ่วหนีออกนอกบ้านไปเที่ยววามกลางคืนได้ดีแท้


    จาก : dek-d.com และ ขอบคุณ วิทยาทานจาก หนาน พรหมา ผะหญาล้านนา เน้อเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  17. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    จากสัตว์หิมพานต์กลายเป็นแอนนิมอลแพลนเนต ไปแล้วนะคับ อิๆ
     
  18. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    อ่อ เข้าใจแล้วล่ะ ได้ความรู้เยอะเลยคะน้อง ขอบใจจร้า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไหว้ เจ้า
    ;k04
    สุขสันต์วันตรุษจีนคระ​
     
  19. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ที่หิมพานต์ไม่ได้มีแค่สัตว์นะครับ ยังมีผู้ทรงฤทธิ์เยอะมาก บางคนเป็นคน บางท่านไม่ใช่คน แล้วก็ยังมีเทพยดาแวะเวียนไปกันบ่อยด้วย
     
  20. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    ป่าหิมพานต์ก็เหมือนสวรรค์อีกชั้นหนึ่งเลยนะคับ....ว่าป่ะ???
     

แชร์หน้านี้

Loading...