เชื้อสายครุฑหรืออดีตสัตว์ในหิมพานต์ มาแลกเปลี่ยนเรื่องป่าหิมพานต์กันคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ม่อนดอยด์, 11 มกราคม 2011.

  1. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    วางกันซะเถอะนะ ถึงจะคาดคั้นกันต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เป็นการส่งจิตออกนอกซึ่งเป็นจุดกำเนิดแห่งกิเลส ยิ่งเราไปยึดมาก ถือมากตัวที่เราถือนี่ล่ะมันจะไปถ่วงตัวเราเอง ถ้ามันมากเกินไปทีนี้ล่ะแก้อารมณ์กันยากเลยนะครับ
    การส่งจิตออกนอกมันมีแต่ผลเสีย
    เราเอาแค่เรารู้ก็พอไม่ต้องไปยึดมาก มันเป็นทิฏฐิอย่างหนึ่งนะครับ
    ถ้าเรารู้จริงแล้่วไปตักเตือนเค้า แล้วเค้าไม่เชื่อ อันนี้ก็เป็นกรรมของเค้า
    แต่ถ้าเราไม่รู้จริงแล้วไปตักเตือนเค้า เท่ากับเป็นการปิดการรู้ของเราเองนะครับ ไม่มีประโยชน์อันใด
     
  2. สัตตราช

    สัตตราช สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +3
    ไม่ชอบใจตรงไหนก็เฉยเสีย ไม่เข้ามาวุ่นวายเสียเลย ก็ไม่เกิดปัญหา น้อยคนก็น้อยเรื่องครับ พวกนาค ถ้ารู้เห็นพอแก่ความต้องการ ก็ วาง ไว้ที่นี่ครับ ไม่ต้องถืออะไรกลับไป
     
  3. สัตตบงกรช

    สัตตบงกรช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +385

    จะแปลกใจไปทัมมัยบางเรื่องราวก้อยู่นอกเหนือจากที่พระไตรปิฎกได้กล่าวไว้..
    อย่างเรื่องพระมหาโพธิสัตว์แบ่งภาคลงมาเกิดนี่ ในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้มั้ยค่ะ..
    รึก็เปล่า! บางเรื่องราวอาจไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง!
    ดูตัวอย่างง่ายๆ ท่านท้าวพญายมราช! พระองค์ทรงเป็นมเหสักข์ดำรงค์ทิพยอาภาเป็นถึงชั้นพรหม! แต่กลับมาทำหน้าพิพากษาเมืองนรกภูมิ!

    บ้านเราเมืองเรามีนายกใหญ่ที่สุดในการบริการการปกครอง ถามถามหน่อยว่ายังมีคนที่มีอำนาจมากกว่านายกมั้ย! คำตอบคือมี แล้วทำมัยจะไม่มีเทวะที่เป็นเทวนาคาที่ดำรงค์ทิพยอำนาจยิ่งใหญ่กว่าท่านท้าววิรูปักษ์หละค่ะ อย่างที่รู้สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแต่ตำแหน่งเท่านั้น!~ พญาเวณไตรยังต่อกรอาจหาญสู้กับพระวิษณุเจ้าทั้งที่พระองค์ท่านเป็นถึงองค์มหาเทวะ ใหญ่กว่าพระอินทร์ ทรงศักดิ์มากล้นกว่าเทพทั้งปวง ทำมัยครุฑถึงหาญกล้าท้าลองดีกับพระองค์ท่าน ก็มิใช่เพราะทิพยอำนาจที่มีหรอกหรือค่ะ จะสวรรค์หรือพรหมชั้นไหนไม่สำคัญหรอกค่ะ มันอยู่ที่บารมีที่สั่งสมกันมา งั้นพระโพธิ์สัตว์ที่อยู่ชั้นดุสิตก็มีทิพยอำนาจน้อยกว่าเทพพรหมที่อยู่ชั้นที่สูงกว่าขึ้นไปนะหรือค่ะ....
    บางสิ่งก็มากเกินกว่าภูมิธรรมที่ตนจะรับรู้และล่วงรู้ สุดแต่ที่ว่ารู้แล้วพิจารณาและหรือทำลาย!
     
  4. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    YAYAS พี่จะสอนน้องอย่าหนึ่งนะ

    ขอบคุณพี่ RICKY นะคะ ขอบก๊อบปี้ประโยคนี้ก่อน
    วางกันซะเถอะนะ ถึงจะคาดคั้นกันต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เป็นการส่งจิตออกนอกซึ่งเป็นจุดกำเนิดแห่งกิเลส ยิ่งเราไปยึดมาก ถือมากตัวที่เราถือนี่ล่ะมันจะไปถ่วงตัวเราเอง ถ้ามันมากเกินไปทีนี้ล่ะแก้อารมณ์กันยากเลยนะครับ

    YAYAS- คนเราหลายพ่อหลายแม่หลายที่มาคะ เราจะไปอยากให้ผู้อื่นมีความคิดเฉกเช่นเดียวกับเราเป็นไปไม่ได้เลย ก็เหมือนกับที่พี่ RICKY กล่าว ถ้าน้องเอาจิตตัวเองออกนอก จิตตัวเองก็จะไปพัวพันกับสิ่งนั้นไม่จบไม่สิ้น แล้วมันก็จะเป็นการสร้างกรรมให้ตัวเองเพิ่มคอยวนเวียนอยู่แบบนั้น ก็เหมือนกับการที่เราโกรธใครสักคนหนึ่งเขาไม่เดือดร้อนอารายกับเราเลยคะเเต่เราเองต่างหากที่เป็นทุกข์มัวเเต่โกรธเขาอยู่นั่น ทั้งๆที่เขานอนหลับสบายฝันดีเลย ท่าน้องเชื่อในเรื่องศิลธรรม จะมีอยู่ข้อหนึี่งที่เขาสอนว่า เราอยู่ของเราหมั่นทำบุญทำทานคิดดีทำดี แต่วันหนึ่งเราไปทะเลาะกับคนที่คุยไม่รู้เรื่องหรือ คนที่ใจแคบไม่ยอมรับความเห็นคนอื่น จากที่เราทำบุญทำทานมามากเท่าใด ศิลเราจะเท่ากับเขาเลย

    ดังนั้น นิ่งไว้คะ เเล้วพิจรณา จากที่พี่พูดไป เรื่องนี้มันจะสอนให้หนูเป็นคนที่แข็งแรงขึ้นเยอะเลย อีกอย่างจิตเราก็จะไม่ทุกข์เลยคะ

    ขอบคุณวิทยาทานจากพี่ ricky นะคะ เป็นความรู้ที่ดีมากคะ
    ขอบคุณพี่น้องที่วนเวียนมาที่บ้านหลังนี้ทุกๆคน หญิงทิพย์เชื่ออยู่อย่างคะว่าไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนมันเป็นเพราะ จิตเราเชื่อมถึงกันคะพวกเราอาจจะเคยทำกรรม ทั้งดีและไม่ดี ร่วมกันมาก่อน ทำให้ได้มาพบเจอ

    ** อีกอย่างอันนี้ขอพูดใจจริงนะ พี่ RICKY หนุ รู้สึกศรัธาพี่แต่แรกแล้ว หนูไม่รู้หรอกคะว่าพี่เป็นใครมาจากไหนแต่ครั้งแรกที่อ่านข้อความพี่ไม่ได้กล่าวถึงอะไรมากมาย นิ่งๆ เรียบๆ มาประมาณนี้แต่ ลึกๆ มีอารายมากมายเลยคะ มีอารายก็สอนน้องได้นะคะ ........... รักทุ๊กคน คร่า อิอิ


     
  5. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    อันนี้ตามความเห็นของน้องนะคะ อย่าเอาภพภูมิมนูษย์ กับชั้นฟ้ามาเปรียบเทียบกันดีกว่าคะ เพราะตอนนี้แค่บุญบารมีมันใช้ไม่ได้เลยกับโลกมนุษย์อย่างที่เรารู้กันอยู่คะ ส่วนเรื่องชั้นฟ้านั้นถูกต้องคะ ผู้ที่มีพละกำลังมากมายกว่าผู้ที่สามารถปกครองชั้นต่างๆนั้นมีอยู่จริงเเต่เนื่องจากกลุ่มผู้มีพละกำลังนั้น ไม่ได้มีบุญบารมีเพียงพอที่จะอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกันกับผู้ที่ได้รับตำแหน่งมาได้ถึงแม้พญาครุฑเคยท้ารบกับพระวิษณู แต่ในการรบครั้งนี้ไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะนะคะ อย่าลืมอีกอย่างนะคะ ทุกคนสามารถสั่งสมบารมีตนเองได้ จะให้เก่งกว่าใครที่ไหนก็ก็ย่อมทำได้ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญของเราเอง แต่โลกก็มีสองด้านนะคะ ถึงตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นกะเราเองว่าเราจะนำสิ่งที่เราได้รับมาไปใช้ด้านไหน เหมือนกับโลกที่มีทั้งด้านสว่างและมืดคะ

    หากวิทยาทานข้างต้นทำให้ผู้ใดหม่นหมองเคืองใจ ข้าพเจ้า อโหสิมา ณ ที่นี้
    และขอให้ข้อความบทนี้เป็นวิทยาทานไปเบื้องหน้า อนุโมทนาสาธุคะ
     
  6. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ไว้ผมจะแวะเวียนมาบ่อยๆครับ ว่าแล้วผมก็แนะนำเรื่องปัญญาเลยดีกว่า

    ปัญญาทั้งหลายจะเกิดได้ถ้ามันไม่มีอะไรมาขวางกั้นมัน อุปมาเหมือนกับเราเอาไฟฉายส่องทางเดินข้างหน้า ถ้ามันไม่มีอะไรมาบังเราก็เห็นทางเดินข้างหน้าได้ชัดเจน ถ้ามีบังนิดหน่อยเราก็จะไม่เห็นแค่ส่วนที่บัง แต่ถ้ามีบังจนไม่เห็นอะไรเลย เราก็จะไม่มีทางเห็นได้

    ไฟฉาย--ความรู้ต่างๆที่เข้ามา
    สิ่งที่บัง--ทิฏฐิ ความยึดมั่นถือมั่น
    ทางเดิน--ปัญญาที่เกิดขึ้น

    *** นี่ล่ะครับคือสาเหตุที่ทำให้คนเราบางคนเรียนรู้ได้เร็ว บางคนเรียนรู้ได้ช้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ณ จุดแรกเริ่มเค้าทั้งหลายก็ไม่ได้มีภูมิความรู้ที่ต่างกันเลย

    *** ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมบางคนมีทิฏฐิเยอะ บางคนมีน้อย นั้นก็เพราะว่ามันเป็นสัญญาเก่าของเราครับ เป็นความยึดมั่นมาพอกขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตชาติ มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่สามารถที่จะไปแก้อดีตได้ แต่เราสามารถที่จะลดทิฏฐิที่มีอยู่ลงได้ครับ
     
  7. 77WILL77

    77WILL77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,675
    ทุกอย่างที่อ่านในกระทู้นี้ jawa รับรู้ได้ถึงความรู้ และอารมณ์ ของผู้เป็นเจ้าของตัวอักษร ค่ะ รู้สึกทุกอย่างไปตามตัวอักษร ที่ได้อ่านผ่านสายตาและความรู้สึกรับรู้

    ติดตามอ่าน ค่ะ

    ขอบคุณทุกความรู้ และทุกความรู้สึกค่ะ jawa ให้กำลังใจทุกคน

    การไม่ประหัตประหาร การไม่ระรานกัน ยังความชุ่มชื้นให้ทุกหย่อมหญ้า ค่ะ

    ขอให้ทุกดวงจิต พ้นจากห้วงทุกข์อันไร้ขอบเขตโดยพลันเถิด

    jawa
     
  8. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    คชปักษา


    [​IMG]


    พื้นฐานเป็นสัตว์ประเภทนกแต่ร่างกายผสมกับสัตว์อื่น คือ หัวเป็นช้าง ส่วนล่างเป็นหงส์ ลำตัวกับแขนเป็นครุฑ คชปักษามีร่างสีขาว

    มยุระคนธรรพ์
    [​IMG]
    ท่อนบนเป็นมนุษย์ทรงเครื่อง สวมมงกุฎลำโพง ท่อนล่างเป็นนก หางเป็นนกยูง ขาและเท้าเป็นสิงห์


    มยุระเวนไตย
    [​IMG] [​IMG]

    ลำตัวเป็นครุฑ หน้าและหัวเป็นนกยูง แขนและขาเป็นครุฑ หางเป็นนกยูง






    มังกรสกุณี




    <STYLE type=text/css> a:hover img {Filter:alpha(finishopacity=0, style=2)} a:hover {background-image:url(http://www.poqbum.com/animated_hover/images/blinkcolors.gif);} </STYLE>
    [​IMG]


    เป็นร่างผสม มีส่วนหัวเป็นมังกร ลำตัวเป็นนก​


    นาคปักษิณ
    [​IMG]


    นาคาปักษิณหรือนาคปักษิณเป็นสัตว์กึ่งน้ำกึ่งบก คือเอาส่วนหัวของ "นาค" มาผสมกับส่วนตัวของ "ปักษิณ" ซึ่งแปลตามตัวว่า สัตว์มีปีก ก็คือนกนั่นเอง "นาค" มีความหมายหลายอย่าง แต่ในที่นี้หมายถึงงูใหญ่ในนิยาย ซึ่งเรามักเรียกกันว่า "พญานาค" พญานาคตามทัศนะของจินตกวีและช่างเขียนเป็นงูใหญ่ประเภทมีหงอนและเครา ตามนิยายโบราณมักจะกล่าวถึงพวกนาคมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์เสมอ เรื่องของพญานาคมีที่มาเป็นสองทาง คือทางลัทธิพราหมณ์กับทางพุทธศาสนา พญานาคทางลัทธิพราหมณ์ออกจะถือกันว่าเป็นเทวดาแท้ ๆ เช่น พญาอนันตนาคราช และท้าววิรุฬปักษ์ (ดูหนังสือ "เทวนิยาย" โดย "ส.พลายน้อย") ว่าถึงที่อยู่ของพวกนาค ก็มีทั้งที่อยู่บนบกและอยู่ในน้ำ อย่างพญาวาสุกรี ที่อยู่เมืองบาดาลก็ไม่ใช่ในน้ำ เป็นเมืองที่อยู่ใต้โลกมนุษย์ลงไปอีกชั้นหนึ่ง นาคทางคัมภีร์พุทธศาสนามักอยู่ในโลกมนุษย์เรานี้ อยู่ในโพรงบ้าง ในถ้ำบนบกบ้าง อยู่ในน้ำบ้าง อย่างพญานาคชื่อภูริทัต ในมหานิบาตชาดก ก็อยู่บนบก แต่ตามเรื่องไทย ๆ เราว่า พญานาคอยู่ในน้ำกันมาก นาคพิภพที่ว่าอยู่ใต้ดินนั้น มีกล่าวในไตรภูมิพระร่วงว่า "แต่แผ่นดินดันเราอยู่นี้ลงไปเถิงนาคพิภพ อันชื่อว่าติรัจฉานภูมินั้น โดยลึกได้โยชน์ ๑ แล ผิจะนับด้วยวาได้ ๘๐๐ วาแล" นาคปักษิณ หัวเป็นนาค มีหงอน ส่วนท่อนหางเป็นแบบหางหงส์ เพื่อให้รับกับส่วนหัว




    เป็นร่างผสมระหว่างนาคกับหงส์ มีชื่อคล้ายกับนาคปักษี แต่ว่าทั้งสองแตกต่างกัน เพราะนาคปักษิณมีร่างกายสีแดง ส่วนหัวเป็นนาค ลำตัวเป็นหงส์


    นกหัสดี


    [​IMG]



    นกหัสดิน(นกหัสดี ,นกหัสดีลิงค์)
    เป็นชื่อนกใหญ่ชนิดหนึ่งในเทวนิยายว่า อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ รูปตัวส่วนใหญ่เป็นนก เว้นแต่จงอยปากเป็นงวงอย่าง งวงช้าง สำหรับนกหัสดินบ้างก็ว่า รูปร้างเป็นนกทั้งตัว ใหญ่โต กินช้างเป็นอาหาร และมักจะเจอรูปปูนปั้นติดไว้ที่เมรุคะ เพราะเขาเชื่อว่านกหีัสดีลงค์จะพาวิญญาไปสู่สวรรค์คะ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2011
  9. Bussarin.K

    Bussarin.K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +326
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ อ่านแล้วสนุกจัง อิอิ ^^
     
  10. Pompaka

    Pompaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +351
    รู้สึกว่ามันจะดราม่ามากขึ้นได้อีกนะคับ แต่ก็มันส์ดี อิๆ

    ว่าแต่เพลงเพราะดีนะคับ ใช่เพลงประกอบละครจักรวงศ์ๆบัวแก้วบัวทองป่ะคับ

    บอมเคยดูตอนเด็กอ่าคับ...
     
  11. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    เดี๋ยวจะดราม่าจนน้ำตาไหลพรากๆ เลย มาติดตามให้ทันละกัน ใกล้ถึงจุดไคลม์แม็ค ละเนอะ yayas อิอิ บ้านหลังนี้สนุกจะตาย มีทั้งเพลงมีทั้งเรื่อง ราวเยอะเยะ ..... มาเที่ยวกันเยอะๆ นะจร๊า
     
  12. keetamantarai

    keetamantarai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +251
    ขออนุญาติพี่หญิงทิพย์มาเยือนบ้านนี้นะค่ะ ...เห็นข้อความพี่ที่ทิ้งไว้แล้ว ยังไงก็ขอโทษแทนเด็กๆ ละกันค่ะ ที่จริงแล้ว การที่จะให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราเข้าใจมันยาก อย่างที่บอกมาข้างต้น แล้ว ว่าทุกคนล้วนมาหาทางกลับ หาวิถีของตัวเอง....เด็กๆที่นี่ อาจจะซน อาจจะพลีพลามไปบ้าง แต่พวกเขาล้วนแล้วเจตนา หวังดี นะค่ะ แต่ การแสดงออก อาจจะแก่นแก้วไปนิด ผิดวิสัยผู้ปฏิบัติธรรมจริงๆ แต่ทว่า สี่เท้ายังรู้พลาด เด็กๆที่นี้ก็ยังไม่พ้นโลกี วิสัย จึงออกจะโลดโผนใช้คำไม่เหมาะสมไป ยังไงก็ ละ ให้กันไว้ ละกันค่ะ ...

    พญาครุฑา ศักดิ์แลสิทธิ์ สูงส่ง ยืนเคียงข้างองค์นารายณ์ ดุจเดียวกับเชื้อสาย นาคราช ...หลายครั้งหลายคราที่ปรามาส ปะมือกัน พลัดแพ้พลัดชนะ นั่นคือเรื่องของเทวะท่าน ....ที่มนุษย์มิบังควรดึง วาระต่างๆ ของพวกท่านมาเหยียดหยามหรือประณามด้วยเหตุอันใด เป็นการหมิ่นเทวะ ทั้งคู่ จึงขอให้สงบใจและวาจาไว้ทั้งสองกรณี ในส่วนของเด็กที่นี่ แล้วจะอาสาเตือนให้เองค่ะ

    และที่สำคัญพวกท่าน ล้วนปาราวณา คำชูซึ่งพระพุทธศาสนา ครุฑ คนธรรค์ นาคา ยม ยักษ์ ร่วมแรงแข็งขัน ปกป้องผู้กระทำดี มิเคยคิดที่จะประหัตประหารกันดังก่อนเก่า ....เราเหล่าลูกหลานก็มิควรขัดซึ่งเจตนา ของเหล่าท่านๆทั้งหลาย ....

    เรื่องในครานี้ขอให้เป็นอุทาหรณ์และข้อคิด แก่กันและกัน หยุดพิพาท บาดหมาง แลสบประมาสไปถึงเหล่าเทวนาคา และ เทวะปักษา ทุกผู้
    ขอให้หยุดกันทั้งคู่ละกันนะค่ะ ...

    ก่อนที่จะเดินถูกทาง ย่อมเคยเดินผิดทางได้เสมอ

    พี่หญิงทิพย์มาเยือน คีตมันตารายได้ตลอดเวลา สิ่งไหนพี่เห็นมีสาระ พี่ก็เก็บเกี่ยวไป มิมีปิดบัง ทุกอย่างล้วนอยากให้นำไปพิเคราะห์และพิจารณา ...ขอบคุณค่ะ
     
  13. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ตามสบายเลยคะ .... เอาเป็นว่า บ้านหิมพานต์ มีบ้านใกล้เรือนเคียง คือบ้านคีตมันตาราย ละกันคะ มีอะไรก็บอกกล่าวกันได้เสมือน กัลยาณมิตร นะคะ
     
  14. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    [​IMG]
    คนธรรพ์
    มี 3ประเภท คือ คนธรรพ์ชั้นสูง คนธรรพ์ชั้นกลาง และคนธรรพ์ชั้นล่าง
    คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิขเทพบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน
    คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ และเป็นบริวารของคนธรรพ์ชั้นสูง
    คนธรรพ์ชั้นล่าง อยู่บนพื้นมนุษย์ สิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอม เช่น นางตะเคียน นางตานี เป็นต้น
    ตำนานคนธรรพ์
    ความจริงแล้วคนธรรพ์ไม่ใช่เป็นเทพบุตรหนุ่มที่มีรูปโฉมงดงามสง่า
    น่าหลงใหลแต่อย่างไร
    ประวัติของคนธรรพ์นั้น แต่เดิมเป็นภูตชนิดหนึ่ง
    ซึ่งสามารถที่จะติดต่อคบหากับพวกเทพเทวดาได้
    สามารถจะอยู่ได้ทั้งในเทวโลกและมนุษยโลก
    แต่จริงๆแล้ว คนธรรพ์ก็จะมีโลกของคนธรรพ์
    และพวกคนธรรพ์ทั่วทั้งโลกนั้นซึ่งจะเป็นโลกเล็กๆ
    อยู่ระหว่างกลางมนุษยโลกและเทวโลก
    โลกของคนธรรพ์นั้นส่วนมากจะมีแต่ป่าเขาลำเนาไพร
    ภูตพวกนี้มีหน้าที่รับใช้พวกเทพบนสรวงสวรรค์
    โดยมีหน้าที่ในการคอยดูแลโสมที่จะขึ้นอยู่บนป่าเขา
    เมื่อโสมเจริญเติบโตเต็มที่แล้วคนธรรพ์ก็จะนำโสมเหล่านั้น
    มาทำการปรุงเป็นยาวิเศษต่างๆ นอกจากจะมีหน้าที่ในการเฝ้าโสมและปรุงยาทิพย์
    ยาวิเศษต่างๆนั้น คนธรรพ์ยังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะตนอีกหลายลักษณะดังนี้
    เป็นนักดนตรี
    เป็นหมอดูพยากรณ์
    เป็นนักวาดภาพ
    เป็นผู้รอบรู้วิชาการแขนงต่างๆ
    โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับศิลปะการดนตรีนั้น
    ไม่ว่าจะเป็นดนตรีขนาดใดๆ การขับร้องขับกล่อมใดๆ
    คนธรรพ์จะมีความสามารถเป็นพิเศษ
    จนกระทั้งมนุษยโลกที่ไม่รู้ว่าคนธรรพ์เป็นภูตชนิดหนึ่งนั้น
    จึงพากันเรียกขานกันว่าเทพบุตรทางดนตรี
    เนื่องจากคนธรรพ์โดยมากนั้น
    จะมีรูปร่างเป็นมนุษย์หน้าตาหมดจดงดงามมิใช่น้อย
    พวกกินนรและกินรีต่างก็พากันยกย่องเรียกขานเจ้าคนธรรพ์ว่า
    เป็นเทพทางดนตรีที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก
    คนธรรพ์ตนหนึ่งที่เป็นดาบสชื่อว่า พระนารท
    ได้เป็นผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นการสรรค์สร้าง หยาดพิรุณ ขึ้นมา
    พูดง่ายๆ ก็คือเป็นผู้คิดประดิษฐ์ฝนเทียมขึ้นได้เป็นครั้งแรก
    ในอดีตกาลหลายปีมาแล้วนั่นเอง พระนารทที่เป็นพระฤๅษีนี้
    บรรดาพวกมนุษยโลกได้เรียกขานกันต่อมาจนเพี้ยนไปเป็นนามว่า
    พระนารอด หมายถึง พระฤๅษีที่เป็นหมอยา
    ซึ่งเป็นนักปรุงยาสมุนไพรชั้นเยียม
    สมุนไพรที่นำมาปรุงยาแต่ละขนานนั้น
    สามารถรักษาโรคภัยได้สารพัดทีเดียว
    บรรดาพวกมนุษย์โลกที่เรียกขานคนธรรพ์
    อันมีความสามารถในเรื่องการดนตรี
    เรียกในนามว่าท่านพระปรคนธรรพ์
    ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้เพี้ยนเสียงเพี้ยนรูปไปนามว่า
    พระประโคมธรรพ์
    ผู้ที่ได้รับการยกย่องยอมรับกันว่าเป็นครูของพวกศิลปินในความเชื่อของมนุษยโลก.
    อีกอย่ากลุ่มครธรรพ์ยังปรุงน้ำเมรัยให้เทวดาด้วยนะคะ
    [​IMG]
    นักสิทธิ์วิทยาธร
    เป็นพวกที่ทรงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ มีศิลปศาสตร์ 18ประการ เช่น โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น พวกนี้เหาะได้ มีเวทมนตร์ คาถา อาคมต่างๆ วิทยาธรมีรูปร่างหลากหลาย อยู่แบบเดี่ยวก็มี อยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี
    นักสิทธิวิทยาธร
    นักสิทธิวิทยาธรเป็นผู้วิเศษจำพวกหนึ่งที่พำนักในป่าหิมพานต์ "นักสิทธิ์" แปลว่า "ผู้สำเร็จ" วิทยาธร แปลว่า "ผู้ทรงไว้ซึ่งวิทยา" ทั้งสองพวกนี้แต่งตัวคล้ายเทวดาแต่สวมชฎาเป็นดอกลำโพง หรือโพกผ้าแบบฤาษี ตามภาพจิตรกรรมที่พบเห็นทั่ว ๆ ไป มักถือพระขรรค์เป็นอาวุธ บรรดาวิทยาธรทั้งหลายอาศัยอยู่ที่เชิงเขาสุทัศน์ อันเป็นหนึ่งในเจ็ดของเขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ บางตำราว่าพระอังคารก็คือวิทยาธรและพระศุกร์ถูกสร้างขึ้นมาจากวิทยาธร ส่วนในหนังสือสันสกฤต ไทย-อังกฤษ ภิธานอธิบายถึงคำวิทยาธรไว้ว่า เป็นนรเทพพวกหนึ่ง หรือเป็นอากาศปราณา(อากาศเทวดา) เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งลูกอมวิเศษ(ปรอทสำเร็จ) ถ้าเป็นหญิงก็มักเรียกว่า "วิทยารี" เป็นบริวารพระอินทร ์แต่ในบางวรรณคดีอาจกล่าวรวมๆกันไปกับยักษ์หรือภูตผี ที่เป็นบริวารพระอิศวรความที่วิทยาธรทั้งหลายสามารถ เหาะเหินเดินอากาศไปมาได้จึงถูกขนานนามอีกว่า "เขจร" หรือ "นภาจร" ซึ่งแปลตรงตัวง่ายๆ ว่าการเคลื่อนที่ไปได้ในอากาศ นอกจากนี้บางตำนาน ยังกล่าวว่าวิทยาธรมีวิมานในอากาศอยู่ บริเวณยอดเขาวินชัย วิทยาธรที่มีฤทธิ์มาก จะมีพระขรรค์เป็นของคู่ตัวเชื่อว่าทำจากเหล็กกายสิทธิ์ หรือบางทีก็ว่าเป็นเหล็กไหลไปก็มี ส่วนวิทยาธรผู้หญิงไม่มีพระขรรค์ แต่มีปีกหางบินไปมาในอากาศได้เช่นกัน บางคนเหมาเอาเป็นกินรีคือคนครึ่งนกไปก็มี
    คติความเชื่อของไทยแต่โบราณตามข้อเขียน ของพระยาอนุมานราชธนกล่าวว่า วิทยาธรแบ่งออกเป็นหลายพวกตามเชื้อชาติ เรียกว่าวิทยาธร ๑๒ ภาษา มีทั้งวิทยาธรแขก วิทยาธรฝรั่ง วิทยาธรจีน ฯลฯ จากภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาที่วัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี วิทยาธรบางตนมีหน้าตาเป็นยักษ์ นักสิทธิ์นั้นไม่ใช่ฤาษีผู้สำเร็จพวกหนึ่ง ดังนั้น มนุษย์ไม่ว่าชาติใดภาษาใด หรือแม้แต่ยักษ์ก็อาจเป็นผู้สำเร็จได้อันนี้ถือว่าให้สิทธิเสรี ต่อการเป็นวิทยาธรว่าไม่จำกัดเพศ ชาติ ตระกูล แต่เน้นที่การมีความรู้ คือ "วิทยา" ที่ถึงขั้นนั่นเองอย่างนี้หากเราจะเรียกบุคคล ที่มีความรู้ใดใดจนเป็นที่ยอมรับว่า "วิทยาธร"
    ในวรรณคดีไทยเมื่อกล่าวถึงนักสิทธิ์ มักมีคำว่าวิทยาธรต่อท้ายเสมอ เพราะผู้จะเป็นวิทยาธร ได้ต้องผ่านขั้นตอนการเป็นนักสิทธิ์มาก่อนคือต้อง มีการบำเพ็ญตบะอบรมตัวจนได้ที่จนชุบตัวได้สำเร็จ ตามจิตรกรรมฝาผนังนิยมเขียนภาพนักสิทธิ์วิทยาธรไว้ แถวบนสุดต่อจากภาพเทพชุมนุมบนผนังด้านซ้ายและด้านขวา เช่น จิตรกรรมฝาผนังที่พระอุโบสถวัดสุวรรณาราม กรุงเทพฯ เป็นต้น นอกจากนี้ยังแสดงว่า เหล่าวิทยาธรนี้ดูจะเจ้าชู้หน่อยๆ คือ มักไปเกี่ยวข้องกับสตรีโดยเฉพาะการเเย่งชิง "นารีผล" จึงมีวิชาอาคมอยู่หลายบทที่เกี่ยวกับเรื่องเสน่ห์มหานิยมมีการ อ้างอิงคุณของวิทยาธร ออกบ่อยครั้งโดยเฉพาะในการเรียกจิต นี่ว่าชะงัดนักเนื่องจากวิทยาธรสามารถเข้าไปได้ทุกสถานที่ แม้ทำอาถรรพ์ป้องกันอย่างดีเพียงใดก็ตาม ก็จะเจ้าเล่ห์เพทุบายเอาชิ้นปลามันไปกินจนได้เสียทุกคราวไป "มนต์เทพยาธรจูงจิต" จึงขึ้นชื่อจนบรรดาผู้สันทัดกรณี ระดับดอกเตอร์เรื่องเสน่ห์ต้องเรียนรู้ไว้ทุกคนเพราะสำคัญเอามากๆ ในมุมมองด้านนี้จิตรกรผู้รังสรรงานเขียนโดยเฉพาะงานไทยจิตรกรรมฝาผนัง จะทำการวาดวิทยาธรจึงมักทำเหมือนเทพแบบกลายๆ กึ่งๆ ฤาษี หรือบางทีก็เขียนเป็นคนหน้าทะเล้น ไปก็มี
    นักสิทธิ์หรือวิทยาธรผู้สำเร็จเป็นผู้มีความรู้วิชาไสยศาสตร์ ในทางเล่นแร่แปรธาตุประการหนึ่งจนเป็นตำนาน อันดับทอปฮิตติดสเปอร์ของพระเวทย์สยามคือ สามารถทำปรอทซึ่งเป็นโลหะเหลวให้แข็งเป็นก้อนได้เรียกกันว่า "สำเร็จปรอท" อานุภาพของก้อนปรอทนี้ทำให้ผู้สำเร็จเหาะเหินเดินอากาศได้ ทั้งยังมีร่างกายเป็นหนุ่มอยู่ตลอดเวลา เมื่อสำเร็จแล้วก็ไม่สามารถในแดนมนุษย์ได้ อีกต่อไปเพราะเหม็นสาบมนุษย์ โดยแบ่งระดับขั้นของปรอทที่ทำสำเร็จนี้ออกเป็น ขั้นต่างๆกันโดยเมื่อสำเร็จชั้นสูงสุดจะเหาะเหินเดินอากาศได้และเป็นการ สู่ลำดับขั้นต่อไปก็คือการชุบตัวให้เป็นกายสิทธิ์ แถมมีความเข้มขลังอาคมระดับสุดๆ จนใครฆ่าไม่ตาย โดยผู้สำเร็จปรอทต้องเหาะไปยังป่าหิมพานต์ ครั้นไปถึงแล้วจะพบบ่อน้ำวิเศษบ่อหนึ่ง น้ำในบ่อนั้นมีสีขาวเหมือนน้ำนมบริสุทธิ์ มีนางเทพธิดาชื่อ "จันทรเทวี" เป็นผู้รักษาอยู่เมื่อ ผู้สำเร็จปรอทเหาะไปถึงที่นั่นจะตกลงไปในบ่อ ร่างกายที่เป็นรูปมนุษย์อยู่แต่เดิมจะ สูญสลายไปในทันทีแล้วเกิดเป็นฟองน้ำปุดขึ้นมาลอยบนผิวน้ำ นางจันทรเทวีผู้รักษาบ่อน้ำจะคอยเอามือช้อนฟองน้ำนั้น บัดดลฟองน้ำจะเปลี่ยนสภาพเป็นเด็กอ่อนแล้วเติบโต โดยลำดับเป็นวิทยาธรมีความเชื่อเพิ่มเติมอีกว่า วิทยาธรที่ปรากฏตามจิตรกรรมฝาผนังมีแต่เพศชาย กล่าวกันว่ามีอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ ใครฆ่าก็ไม่ตาย แม้ต้องศาสตราวุธใดๆ ก็เป็นแต่สิ้นสติไปชั่วขณะหนึ่ง ครั้นลมพัดมาก็กลับฟื้นขึ้นได้ .มีอายุยืนอยู่คอยท่าพระศรีอาริยเมตไตรยซึ่งจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ความเชื่อเรื่องนี้จึงเกิดเครื่องรางรูปเทพยาธรที่ว่าเหนือกว่ากุมารทอง สำหรับคนที่ต้องการคบกับผู้ใหญ่มากกว่าคบเด็ก แบบไม่ยอมคบเด็กสร้างบ้านโดยเชื่อว่าเทพยธรนี้นี้จะคอยช่วย เหลือได้ผลดีมากกว่ากุมารทองเพราะมีความ เก่งกล้าทางอาคมมากกว่าและก็ไม่สามารถถูกทำลายด้วยอาคม ได้ง่ายๆอย่างกุมารทอง แต่ติดที่ออกจะร้อนที่อยู่หน่อยๆคือมักต้องเดิน ทางตลอดเนื่องจากวิทยาธร เหาะได้จึงชอบท่องเที่ยวมักพาเจ้าของเครื่องรางไปไหนมาไหนมาไหนอยู่บ่อยๆ ในป่าหิมพานต์มีต้นไม้วิเศษชนิดหนึ่งคือมักกลีผล หรือนารีผล ไม้ชนิดนี้มีผลเป็นรูปสตรี "งามนักดังสาวอันพึงใหญ่ได้ ๑๖ ปี แลฝูงผู้ชายได้เห็นก็มีใจรักกัน" (ไตรภูมิพระร่วง)
    นารีผลนี้เป็นที่ปรารถนาของเหล่านักสิทธิ์วิทยาธรต่างชิงกันเก็บไปเชยชมใครอยากดูนารีผลก็เร่งฝึกให้ได้ใบประกาศเป็นวิทยากรเร็วเข้าแล้วกัน ปรกติวิทยาธรถือกิ่งไม้เป็นอาวุธซึ่งกิ่งไม้นั้นจะกลายเป็นพระขรรค์ทันทีเมื่อปรารถนาจะให้เป็น ผิวกายของวิทยาธรมีทั้งสีเหลือง สีขาว สีดำ ฯลฯ บางตนมีหน้าตางดงาม แต่บางตนก็มีหน้าตาเหี่ยวย่น หนวดเครารุงรังไม่น่าดู เนื่องจากผู้ที่จะสำเร็จปรอทเป็นบุคคลหลายจำพวก ต่างกันทั้งร่างกาย เพศ เชื้อชาติ และอายุที่สำเร็จ ที่ต่างกันจึงมีเทพยาธรที่อาจดูแก่แต่ก็แจ๋วไม่แพ้เด็ก ๆ เรื่องของสรีระที่แตกต่างกันนั้นก็เพราะเมื่อได้รับการชุบให้เป็นวิทยาธรแล้วก็ยังไม่ทิ้งเค้าของชาติกำเนิดเดิมนั่นเองละจ๊ะ
    เทพยาธรนี้มีการแบ่งพวกเป็นหมู่เหล่า
    มีหัวหน้าวิทยาธรที่สำคัญตนหนึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจเนื่องจากเป็นผู้ที่ ยุติศึกสายเลือดที่รบราฆ่าฟันกันมานานระหว่างพญาครุฑ และพญานาค ซึ่งมักจะวิวาทกันเนือง ๆ ด้วยคดีเก่าแก่ที่แม่พญานาค โกงแม่พญาครุฑเรื่องทายสีม้าของพระอาทิตย์ จนเป็นเหตุให้พญาครุฑต้องไปเอาน้ำอมฤต จนต้องรบกับพระวิษณุเทพเป็นตำนานสะท้านฟ้า แม้ว่าทั้งครุฑและนาคต่างจะบูชาพระนารายณ์ แต่ก็ไม่วายที่จะวิวาทกันเนืองๆ เพราะต่างไม่ยอมลดลาวาศอกอโหสิกรรมต่อกันได้ จนมีหัวหน้าวิทยาธร ที่ชื่อว่า "ชีมูตวาหนะ" ได้สร้างวีรกรรมประการหนึ่งจนชนะใจพญาครุฑและทำให้ครุฑกับพญานาคเลิกเป็นศัตรูกันได้ โดยเรื่องนี้เป็นการรจนาโดยกวีแคว้นกัสมีรหรือแคชเมียร์ ชื่อ"โสมเทพ" ต่อมากวีท่านนี้ได้ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา ปรากฏประวัตินี้ราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ เรื่อง "กถาสริตจสาคร" ซึ่งพอสรุปความการหย่าศึกครั้งนี้ด้วยวิธีง่ายๆแต่ทำยากของ ชีมูตวาหนะ ราชันแห่งวิทยาธรโดย

    พ. ศรีสมิต เรียบเรียง
     
  15. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ทุกครั้งที่เข้ามาก็มาสะดุดอยู่กับประโยคนี้ทุกที เหมือนเป็นสาส์นบางอย่างที่ส่งมา ว่าแต่เพื่อใคร เพื่ออะไร น่าสงสัย พยายามเฝ้าหาคำตอบ แต่ก็ยังไม่อาจแจ้งในถ้อยคำนั้น พี่หญิงทิพย์พอจะมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไหมคะ
     
  16. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    อย่างที่บอกไป บางช่วงเวลามันหมุนเวียนสับเปลี่ยน ที่ถามเพื่ออะไรเพื่อไคร เราก็ตอบได้ว่า เพื่อให้ผู้มีบุญทุกคนได้พิจรณาดู จริงๆแล้วหลายคนในที่นี้มีบารมีเหนือข้าพเจ้าทั้งสิ้น ข้าพเจ้าไม่ได้มีอารายมากมายเลยแม้แต่น้อย แต่บางคราการมองผ่านสิ่งใกล้ตัวเราที่สุดก็เท่านั้น

    สารนี้อาจจะเป็นการกล่าวถึง มูลเหตุที่กลุ่มท่านจะออกศึกในครั้งนี้ก็ย่อมเป็นได้
    พวกท่านช่างแรงนัก ทุกครั้เรารู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเเน่วแน่ จริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2011
  17. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ที่จริงท่าเรามีครูบารอาจารย์ เป็นนักสิทธิ์ วิทยาธร ผู้ที่สามารถยุติสงครามของครุฑกับนาคได้ ก็คงดีนะคะ เพราะยังไงเอง ครุฑกับนาคาต้องเว้นท่านผู้นี้ไว้ไม่มีการทำร้ายเป็นแน่แท้ เพราะชนะใจทั้งครุฑและนาคาได้ก็เจ๋งสุดๆ ละเนอะ แสดงว่า "ชีมูตวาหนะ" ต้องมีบารมีในระดับหนึ่งที่สามารถยุติและชนะใจ นักรบแห่งเวหาและวารีได้
     
  18. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ใช่พี่ก็อยากรู้ แล้วที่อยากรู้อีกอย่าง ทำไมนาคและครุฑ ไม่ถูก กะ หงส์
     
  19. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เจ้าค่ะพี่หญิงทิพย์ ปราญฯเองก็รู้สึกและรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นของเหล่าพี่น้อง เพียงแต่ตัวปราญฯเองไม่มีความสามารถในด้านนี้เลย สำหรับปราญฯแล้ว ปราญฯเห็นความมุ่งมั่นของเหล่าบรรดาพี่น้องนั้นก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุการในใจ แต่ปราญฯคงไม่สามารถร่วมศึกกับทุกคนได้ อาจเพราะปราญฯยังไม่รู้ว่าตนเองมีหน้าที่อะไรหรือจะทำอะไรได้เท่านั้นเอง ลำพังผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงที่ยังมีกิเลสในใจให้ต้องชำระขัดเกลา คงจะช่วยอะไรใครไม่ได้มาก

    ที่ปราญฯเข้ามาถามพี่หญิงทิพย์ในที่นี้ก็ด้วยเหตุที่ว่าปราญฯยังรู้สึกติดใจ ในเนื้อความ พิธมรัญญะคืออะไร? โฆษฑัณกะคือใคร?

    บางครั้ง บางสิ่งที่อาจเกิดขึ้น อาจเป็นเพราะวิบากกรรมและเหตุปัจจัยต่างๆที่หลอมรวมให้ทุกสิ่งเป็นไปในแบบที่ต้องเป็น สายแห่งชาติภพมิเคยจบสิ้น มีเพียงเราเท่านั้นที่จะเป็นผู้พิจารณาให้แจ้งว่า จะผูกต่อหรือตัดให้ขาดสะบั้นลง

    ขอขมานะคะที่เข้ามาพูดอะไรเพ้อเจ้อไป ยังติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆอยู่เสมอค่ะ
    ขออนุโมทนาในบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลที่ทุกท่านได้นำความรู้ต่างๆมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานค่ะ
     
  20. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    .......ดวงใจพ่อ

    ณ เมืองพุกามยาว
    มีหญิงสาวผู้หญิงเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดีเป็นบุตรีเพียงคนเดียวเท่านั้นในบ้านหลังใหญ่ที่มีบิดาเป็นเจ้าพระยาที่ดูเเลเกี่ยวกับการตัดสินประหารชีวิตของผู้กระทำผิดในสมัยนั้น บิดามีบารมียิ่งนักรายล้อมไปด้วยบริวารบ้านใหญ่โตรโหฐาน หญิงสาวมีชีวิตเพรียบพร้อมไปทุกประการ แต่สิ่งเดียวที่นางขาดคือมารดาผู้ให้กำเนิดทุกครั้งคราที่นางกอดบิดาแล้วถามถึงมารดา บิดาจะตอบเสมอว่า มารดาของเจ้าเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ พ่อจ๋าแม่หนูเป็นใคร คำถามนี้วนเวียนในใจเสมอๆ แต่นางก็มีพี่เลี้ยงในเรือนชาญของบิดาที่นางรักดังแม่ในอก แม่เจียกจ๋า... ทุกครั้งแม่เจียกไม่เคยห่างกายนาง แม่เจียกจ๋า ม่านทิพย์รักแม่เจียกจ๊ะ.... นางจะพูดแบบนี้เสมอๆทุกครั้งครา แต่เมื่อนางได้โตเป็นสาว ทำให้มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาพัวพัน แต่ถึงกระนั้นความรัก ความหวงแหนของบิดาผู้ให้กำเนิดนั้น ทำให้เกิดเรื่องราวขึ้น

    ด้วยจิตรักดั่งดวงใจ มิให้ใครผู้ใดได้พบพาน ยุงไรไม่ให้ไต่ตอม
    ผู้ใดทำบุตรีข้าเป็นทุกข์ใจ คนผู้นั้นย่อมจักต้องแลกด้วยกายา
    ผู้ใดทำบุตรีที่เป็นแก้วดั่งดวงใจ ต้องแปดเปื้อ ผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวา
    ไม่ว่ามนุษย์หรือเดียรฉาร หากทำให้เลือดในกายของนางต้องหยด
    ข้าจะล้างให้บรรลัย ให้เลือดในกายไหลแปดเปื้อนพสุธา ​

    .......... ติดตามชมตอนต่อไป ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 มกราคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...