ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระศรีอริยเมตตรัยโย ปางอัญเชิญจุตติ หล่อด้วยเงินแท้

๐๖/๐๑/๕๔ เบิกเงินจ่ายค่าช่างโรงหล่อพระซุ้มเรือนแก้ว ๕,๐๐๐ บาท

 

วัน อังคาร ที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น

 

นับดูธนบัตรในรูปดูสิครับ โกหกก็ขอให้แนบเนียนหน่อย

 

นับดูธนบัตรในรูปดูสิครับ โกหกก็ขอให้แนบเนียนหน่อย<!-- google_ad_section_end -->

 

กระทู้ก่อนรับค่าตัวไปกี่หมื่นครับหลวงพี่

 

สรุปเป็นการหลอกลวงกันรึป่าวครับเนี่ย !!!

 

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธ ธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธ ธัสสะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธ ธัสสะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

 

สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ผมไม่ทราบว่าจะถูกผิดประการใด ผมทราบเพียงแต่ว่า แม้นักโทษยังมีวันพ้นโทษ แต่หากท่านที่ทำผิดด้วยการเจตนาฉ้อโกง หรือ เบียดบังปัจจัยของผู้มีจิตศรัทธาถวายแล้วต่อสงฆ์ คงพ้นโทษได้ยาก ผมจึงวิงวอนขอให้ผู้ที่หากมีเจตนาทำผิด ได้โปรดหยุดการกระทำนั้นโดยเร็ว

ผมไปพิษณุโลกเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2553 กลับมาถึงกรุงเทพอีกทีประมาณวันที่ 8 หรือ 9 ธ.ค. 2553 ผมได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมแก่เพื่อนสมาชิกในเวปพลังจิตนี้ เพื่อน ๆ บอกว่าให้เงียบไป ใครทำอย่างไรได้อย่างนั้น แต่ผมคิดว่า การที่เราได้เคยร่วมงานกันบอกบุญมานั้น อย่างน้อยก็เท่ากับคนรู้จักกันแล้ว หากท่านมีเจตนาทุจริตต่อพระพุทธศาสนา เพื่อนย่อมไม่ทิ้งเพื่อนให้ตกอยู่ในนรกขุมลึก หากเลิกตอนนี้ โทษจากหนักจะได้เป็นเบา แม้มนุษย์ก็ยกย่องสรรเสริญ กฏหมายก็ให้อภัย

 

วันที่ 2 ธ.ค. 2553 ผมเดินทางไปพิษณุโลก พระวนินทาย อัคคธัมโมขับรถยนต์ไปรับผมที่ บขส. พิษณุโลก ประมาณเที่ยงเศษ ท่านได้เล่าให้ฟังหลายสิ่งหลายอย่าง รวมถึงเรื่องที่พระหลอด ออมสิน2515 พูดกดดันให้ทางวัดชัยภูมิการามต้องจ่ายค่าแรงให้ท่าน ทางวัดจึงจ่ายให้ไป 20,000.- บาท จากนั้นพูดเรื่องที่มีคนเห็นรถยนต์เก๋งโตโยต้าคราวน์ของพระประมาณ วรญาโณ ( เพ็ชรรัตน์ ) ไปจอดหน้าสถานที่ท่องเที่ยวผู้หญิงหากิน พระวนินทายบอว่า ดูเหมือนจะมีการปฏิเสธจากพระประมาณว่าให้ญาติยืมไป นอกจากนั้น ยังมีเรื่องพัวพันอะไรบางอย่าง ทั้งหมดนี้ออกจากปากของพระวนินทายทั้งสิ้น

 

ปัจจัยทำบุญที่มีคนโอนไปให้พระวนินทายซื้อแท๊งน้ำสแตนเลสขนาด 1,000 ลิตรเศษแก่วัดถ้ำขุนศึก พระวนินทายบอกผมว่า ท่านนำปัจจัยไปใช้ทางอื่นตั้งนานแล้ว นี่ก็เป็นคำพูดที่ออกจากปากพระวนินทายเช่นกัน

 

ค่าแรงที่ว่านั้นคือค่าแรงเขียนกระทู้ซื้อที่ดินตัดถนนวัดชัยภูมิการาม

 

ตอนค่ำ ๆ ทุกวัน วันที่ 2 - 5 ธ.ค. 2553 พระวนินทายขับรถพาผมไปนอนบ้านท่าน ขับรถผ่านบ้านพระหลอด ซึ่งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่สิบหรือกี่ร้อยเมตร ท่านชี้ให้ผมดูรถพระหลอดที่จอดอยู่ในบ้าน บอกว่า พระหลอดมานอนบ้านแทบทุกคืน ยังบอกว่า เรื่องที่พระหลอดเคยขอให้ผมช่วยท่าน โดยพระหลอด ออมสิน2515 อ้างว่า นำรถไปชนต้นไม้ อู่เขาเอา 30,000.- บาทนั้น ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ ? และยังเล่าเรื่องอื่น ๆ อีกมาก

 

พระวนินทายขับรถยนต์ด้วยตนเองตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนไปจังหวัดต่าง ๆ หลายจังหวัดตลอดเวลา ท่านบอกผมว่า ทุกวันท่านต้องขับไม่ต่ำกว่า 300 ก.ม.

 

ตอนที่พระหลอด ออมสิน2515 ขอความช่วยเหลือผม ผมขายดาบสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยาว 29 นิ้วให้คุณ Jantip ผมโอนเงินให้พระประมาณ หลอด ไป 10,000.- บาท ทันทีที่พระหลอดได้รับเงิน ท่านพยายามกดดันให้ผมหาเงินให้ท่านอีก 20,000.- บาทด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งผมเห็นว่า ผมไม่ได้ติดหนี้ท่าน ผมไม่หาให้ท่าน ตั้งแต่นั้นมา พระหลอดแสดงความอกัตตญูออกมาอย่างชัดเจน คือไม่ยอมรับสายผมอีกเลย ไม่โทรมาหา และไม่เคยตอบข้อความใด ๆ ของผมไม่ว่าทาง PM หรือทางอีเมล์

ผมไม่เปิดเผยเรื่องนี้เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ต่อมามีการไปเอาเงินค่าเขียนกระทู้ตัดถนนซื้อที่ดินของวัดชัยภูมิการาม เท่าที่พระวนินทายยอมรับกับผมคือ 20,000.- บาท ผมจึงเห็นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว และยังมีพฤติกรรมอื่น ๆ อีกมาก ที่นำมาเล่านี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

 

ก่อนการไปพิษณุโลกของผม ผมอธิฐานต่อท่านท้าวสักกะเทวราช ขอผมทราบความจริงเท่าที่เบื้องบนจะยอมให้ผมทราบ ทั้งนี้ผมไม่มีญาณหยั่งรู้ใด ๆ ก็ปรากฏผลออกมาเป็นว่า พระและบุคคลที่เกี่ยวข้องก็หลุดอะไรต่อมิอะไรออกมาอย่างที่กล่าวมา และที่ยังไม่ได้กล่าวอีกหลายกรณี

 

ประมาณสาย ๆ ของวันที่ 3 ธ.ค. 2553 ผมปล่อยพระกริ่งสมปราถนาเนื้อกรรมการของคุณวิชัยไป 2 องค์แด่คุณ ดร. แอนดี้ เป็นเงิน 18,000.- บาท คุณแอนดี้โทรเข้าไปมือถือผม พระวนินทายรีบขอให้ผมออกไปกด atm นำเงินมาถวายพระอีกรูปหนึ่งที่ไปด้วยกันทันที เป็นอาการรีบร้อนมาก เพราะต้องออกจากป่ามากด atm ผมกดถวายไป 20,000.- บาท<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

ละครหลายเรื่องที่พยายามทำให้เชื่อว่า มีพระอยู่รูปหนึ่ง เป็นพระเจ้าตากสิน เป็น ร.5 เป็นบุเรงนอง เป็นพระนเรศวรมหาราช เป็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย และเป็นองค์จริงของพระศรีอาริยเมตตรัยด้วย ขณะนี้อยู่ในพิษณุโลก พระศรีอาริยเมตตรัยองค์จริงขณะนี้ ผมเองไม่มีความรู้ด้านนี้ ก็ขอให้พิจารณาเองเถิด

 

ผมเชื่อว่า พระพุทธเจ้าไม่ว่าจะเป็นองค์ใด ๆ รวมทั้งพระศรีอาริยเมตตรัยด้วย หากจะต้องใช้คนมาบอกบุญ คงไม่ใส่ร้ายป้ายสีคนบอกบุญของตนเอง จริงหรือไม่ ?

 

มีหลายท่านบอกผมว่า ไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะจะเป็นการสร้างศัตรูข้ามพบข้ามชาติไปไม่รู้จักจบสิ้น ขอให้ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้ากับพระเทวทัตที่เมื่อชาติหนึ่งเคยเป็นพ่อค้าด้วยกันทั้งคู่ พระเทวทัตในชาตินั้นเป็นพ่อค้าเดินถึงบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านเอาถาดเก่า ๆ แต่ภายในเป็นทองคำโดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้ตัว เอามาแลกกับสินค้าของพระเทวทัต พระเทวทัตบอกว่า ถาดเก่า ๆ อย่างนี้ตีราคาให้เพียงเล็กน้อย แค่ไม่กี่สิบบาท เจ้าของบ้านเห็นว่า แม้จะเป็นถาดที่ไม่มีค่าเลย เก่าแค่ไหนก็น่าจะได้สักร้อยสองร้อยบาท จึงไม่แลก พระเทวทัตก็แกล้งจากไป พระพุทธเจ้าในชาตินั้นเป็นพ่อค้าเช่นเดียวกันเดินถึงบ้านหลังนั้น เจ้าของบ้านเอาถาดใบเดิมออกมาขอแลกสินค้า พระพุทธเจ้าหยิบดูก็รู้ว่าเป็นทองคำเพราะหนักกว่าทองเหลืองทั่ว ๆ ไป จึงบอกแก่เจ้าของบ้านว่า สินค้าของเรามีมาทั้งหมดประมาณแสนกว่าบาท ถาดนี้มีราคาสูงกว่าสินค้าของเราทั้งหมดรวมกันเสียอีก เจ้าของบ้านดีใจที่พบพ่อค้าคนตรง จึงขอแลกสินค้าเท่าที่พ่อค้าพระพุทธเจ้ายอม พระพุทธเจ้ายกสินค้าให้ทั้งหมดแล้วจากไปขึ้นท่าเรือ เรือนั้นออกจากท่าไปแล้ว พระเทวทัตกลับมาหวังจะกดราคาเจ้าของบ้านอีก เจ้าของบ้านบอกว่าได้แลกกับสินค้าทั้งหมดนี้แล้ว พ่อค้านั้นจากไปแล้ว พระเทวทัตตามไปที่ท่าเรือแล้วผูกจิตอาฆาตกระอักเป็นเลือดถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผูกอาฆาตพระพุทธเจ้ามาจนชาติที่พระพุทธเจ้าทรงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า นี่เป็นสิ่งที่คนส่วนมากพูดถึง

คราวนี้ลองมาดูเรื่องจริงอีกเรื่อง ผมรู้จักหลวงพ่อนิยม เลปาจาร ( มรณภาพไปเมื่อประมาณหลังออกพรรษาปี 2553 ) ท่านมีอดีตเป็นนายตำรวจมือปราบชั้นผู้ใหญ่ของประเทศไทย ท่านเคยจับคนร้ายคนหนึ่งชื่อเสือใหญ่ติดคุกนานหลายปีทีเดียว คนร้ายคนนั้นหลังออกจากคุก พยายามสืบเสาะหานายตำรวจมือปราบท่านนั้นว่า ไปอยู่ที่ไหน ต่อมาสืบทราบว่า ท่านบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในป่า เสือใหญ่ไปพบพระอดีตมือปราบเพื่อขอกราบขอบพระคุณที่ทำให้ชีวิตของเสือใหญ่ไม่ต้องสิ้นสุดลงด้วยการประหาร เนื่องจากหากเสือใหญ่ยังคงปล้นฆ่าต่อไป วันหนึ่งต้องตายด้วยคมหอกคมดาบ หรืออาจตายจากเสืออื่น ๆ หรือลูกน้องตัวเองก็เป็นไปได้ หลวงพ่อนิยมจึงรับกราบและไต่ถามดูว่า เสือใหญ่อยากบวชไหม ? เสือใหญ่อยากบวช จากนั้นเสือใหญ่บวชและตามปรนนิบัติหลวงปู่นิยม เลปาจารมาตลอดหลายสิบปีหลังของชีวิตหลวงปู่จนกระทั่งหลวงปู่มรณภาพ ทุกวันนี้เสือใหญ่ยังทำการซ่อมแซมกุฏิและศาลาที่หลวงปู่นิยมใช้ภาวนาและรักษาทุกอย่างให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิมทุกประการ ยังคงเทิดทูนหลวงปู่ในฐานะที่ยกชีวิตของตนให้หลุดจากวงจรอุบาทว์ได้

ผมหวังว่า ทุกท่านที่ทำผิดไปแล้ว หากกลับใจใหม่ ขอเพียงแต่กลับใจจริง ๆ ทุกอย่างเริ่มต้นได้ใหม่ อย่าลงลึกไปกว่านี้เลย เพราะผมเมื่อรู้จักใครแล้ว ย่อมช่วยโดยไม่ได้เกลียดชังเป็นการส่วนตัว แต่อยากให้พ้นจากสภาพหลงทาง ออกมาเถอะครับ ออกมาจากความผิดบาปทั้งหมด เพื่อนไม่ดีให้หยุดคบหาเสีย หันมาคบกับบัณฑิต จะได้ไม่ลงลึกและลงนานครับ