ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

ค่อยยังชั่วแล้วครับ ยินดีที่จะตอบทุกครั้งเท่าที่มีโอกาสนะครับ
ตอนนี้หากมีความรู้และเข้าใจวิชชาสามดีแล้ว ได้รับการเปิดบารมีแล้ว
ก็ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมอัญเชิญครูบาอาจารย์ที่เคารพ
เพื่อความเป็นศิริมงคล ตอนฝึกที่เรือนทรงไทยนั้น เข้าใจว่ามีพลังงานเยอะ
เพราะเป็นพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งชีวิตของแต่ละท่านที่ได้ผ่องถ่ายระหว่างกันในขณะปฏิบัติธรรม
ฝึกที่บ้านดีแล้วครับ ทำบ้านให้เป็นวัดก็ได้ ฝึกแบบบำเพ็ญเพียร เมื่อถึงเวลาก็มาสอบอารมณ์อีกครั้งนะครับ

 

งง กับ เทพกุมารี

อ่านประวัติแล้ว งง จัง พระนามอะไร กันแน่ค่ะ เช่น เง๊กนึ่ง เล้งนึ่ง อึ้งยี่ แล้วก็ เป็นลูกของพระยามังกร หรือ เจ้าหญิงพัดเหล็ก กันแน่ค่ะ ไม่เข้าใจประวัติ พอจะช่วยอธิบายได้ไหมค่ะ

 

สานุศิษย์พระแม่กวนอิม ครับ ลองค้นคว้าและศึกษาเพิ่มเติมนะครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่อยากจะนำเสนออะไรมากในที่นี้ครับ
เดี๋ยวจะมากเรื่องนะครับ

 

กิมท้ง หรือส่านไฉ ผู้รับใช้ฝ่ายชายของเจ้าแม่กวนอิม มีชื่อไทยว่าสุธนกุมาร เป็นบุตรของผู้เฒ่าฝู่เฉิง วันหนึ่งพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ได้มาโปรด กิมท้งจึงตั้งใจว่าจะสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ให้ได้ จึงติดตามพระแม่กวนอิม
บ้างก็ว่าเป็นเด็กชื่อ เซิ่นอิน เป็นเด็กที่ซุกซนวันหนึ่งเห็นพระธิดาเมี่ยวซ่าน(เจ้าแม่กวนอิม)นั่งสมาธิอยู่เกืดนึกสนุกจึงไปหยิบไม้เคาะบักหือมาตีศีรษะของเมี่ยวซ่านไต้ซือ ขณะนั้นจิตญาณของพระองค์ถูกควันปิดทางไว้ทำให้ไม่สามารถออกจากร่างได้ขณะนั้นเซินอินได้ตีศีรษะของพระองค์ทำให้จิตญาณออกจากร่าง เซินอินได้ช่วยให้เมี่ยวซั่นไต้ซือสำเร็จจึงถูกแต่งตั้งเป็น ซ่านไฉถงจื่อ
ประวัติของกิมท้งก็มีแค่นี้แหละครับ
หลงหนี่ หรือ เง็กนึ้ง เป็นธิดาของพระยามังกร ตงไห่หลงหวัง หรือตังไห้เหล็งอ๋วง ได้ฟังธรรมจาก พระมัญชุศรีโพธิสัตว์เกิดดวงตาเห็นธรรมได้ไปถวายตัวแก่พระพุทธเจ้าที่เขา หลิงจิ้วซาน และได้ติดตามพระโพธิสัตว์กวนอิมไปโปรดสัตว์โลก

อามีถอฝอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ไปลอกมาปะให้

พระโพธิสัตว์ในรูปนั้นทรงอยู่ในปางประทานบุตร >ทรงอุ้มพระกุมาร(กิมท้ง)ไว้ในพระอุระ >พระกุมารดังกล่าวก็ถือลงในหมวดกิมท้งเช่นกัน( กิมท้ง >นั้นเป็นชื่อตำแหน่งของพระกุมารชาย กิมท้งแต่ละพระองค์จะทรงพระนามว่าอะไรนั้น >ผู้เขียนมีข้อมูลไม่เพียงพอ >ในจริยะเทวาอริยะฐานะของสายธรรมโซยที(สายธรรมของโกวเนี้ย) ได้กล่าวว่า >ทิพยวิมานได้แบ่งเทพเทวาเป็น 24 หมวด อาทิ เทวาหมวดอักษร(เจี้ยวฮว่า) >เทวาหมวดจริยะระเบียบ(หลี่กุย)เทวาทิพยบัลลังค์ เป็นต้นใน 24 หมวดนี้ >เทพเซียนต่างต้องรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของตน >แต่หน้าที่บนพระวิมานนั้นหาได้มีเพราะเง็กเซียนเป็นผู้ประทานให้ >แต่เป็นเพราะการตั้งปณิธานของผู้บำเพ็ญปฏิบัติเองตั้งแต่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ >เช่น ในตอนมีชีวิตอยู่ได้ตั้งปฌิธานเผยแพร่ธรรมะ แสดงวิถีทางแก่มหาชน >ครั้นเมื่อดับสังขารนี้ไป ก็ไปเสวยฐานะเป็นพระเทวาหมวดจริยะระเบียบ >คอยเป็นธรรมโฆษกเทพ ประกาศพระสัทธรรมบนทิพยวิมาน)> พระกุมารเทพอั๊งไห้ยี๊ (ภาษาจีนกลางออกเสียงว่า หงไหเอ๋อ) >หมายถึงพระกุมารแดง ทรงอาภรณ์สีแดง มีศาตราวุธประจำพระองค์คือ ทวนยาว >สามารถพ่นไฟที่มีอำนาจร้ายแรง มีของวิเศษได้แก่ >รองเท้าที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ อั๊งไห้ยี๊ >จัดเป็นพระกุมารที่คนรู้จักกันมากที่สุดพระองค์หนึ่งในกลุ่มพระกุมาร 6 >พระองค์ได้แก่ 1จินจา 2 มู่จา 3 นาจา 4 ซ่านไฉ 5 หลงหนี่ 6 หงไหเอ๋อ >พระกุมารเทพ 3 พระองค์แรกเสวยพระภาระตั้งแต่สมัยพระอริยะบุพมาตานึ่งออ >(นึ่งออเนี่ยเนี๊ย) สร้างโลก >พระกุมารซ่านไฉและหลงหนี่บังเกิดขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์โจว >เป็นพระอุปัฏฐากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ >ส่วนพระกุมารหงไหเอ๋อบังเกิดขึ้นจากตำนานการอัญเชิญพระตรัยปิฎกของพระถังซำจั๋ง> >ครั้งเมื่อราชวงศ์ถังได้รวบรวมแผ่นดินจงหยวน(ภาคกลางของจีน)ได้อย่างราบคาบ >พระจักรพรรดิ์ถังไท่จง(หลี่ซื่อหมิง)ทรงทำนุบำรุงประเทศชาติเป็นอย่างดี >กาลนั้นพระสมณเหี้ยนจั๊งผู้คงแก่เรียน >ได้ทำการศึกษาพระพุทธคัมภีย์จนแตกฉานในพระไตรปิฎก >แต่เนื่องจากเหตุการณ์สงครามเมื่อครั้งต้นพระราชวงศ์ >ทำให้วัดวาอารามพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาถูกเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก >พระสมณะเจ้าจึงมีดำริจะไปอัญเชิญพระพุทธคัมภีร์ยังอินเดียเพื่อหวังกลับมาเผยแพร่พระสัทธรรมของพระศาสดาเจ้าให้เวไนยสัตว์ได้รู้ตื่นพ้นจากห้วงทุกข์> >พระสมณะเจ้าเป็นพระภิกษุที่มาจากเมืองถังครั้นเมื่อเดินทางกลับมาได้แปลพระคัมภีร์จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีนมากมายจนได้พระสมณศักดิ์เป็นพระธรรมาจารย์ตรีปิฎก(ซำ >จั๊ง ฮวบ ซือ)ดังนั้นจึงขนานนามท่านว่า พระถังซำจั๋ง> นิทานเรื่องไซอิ๋วนั้นแต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง >ซึ่งมีระยะเวลาห่างไกลจากราชวงศ์ถังหลายร้อยปี ในไซอิ๋วกล่าวว่า> ครั้นพระสมณะเหี้ยนจั้ง(พระถัง)เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก >ไปพบภูเขาไฟใหญ่กีดขวางทางอยู่ด้านหน้า >ซึงหงอคงจึงรับอาศาไปขอยืมพัดเหล็กจากองค์หญิงพัดเหล็ก >เหตุนี้เองจึงทำให้เกิดตำนานอั๊งไห้ยี้> อั๊งไห้ยี๊ เป็นบุตรของอ๋องกระทิงและองค์หญิงพัดเหล็ก >เมื่อครั้งที่มารดาตั้งท้องได้ไปขอพระบุตรจากพระโพธิสัตว์กวนอิม >พระกวนอิมโพธิสัตว์เห็นว่าเธอตั้งใจรักษาศีลกินเจ >จึงได้ประทานพระกุมารน้อยให้บังเกิดในครรภ์ขององค์หญิงพัดเหล็กนั่นเอง >ครั้นเมื่อเติบโตขึ้น >มีอิทธิปาฏิหาริ์ย์ใช้รองเท้าขิงบิดาเดินน้ำเหาะทยานในอากาศ >สามารถพ่นไฟที่ทรงพลานุภาพ มีอาวุธคือทวนยาว >แต่อาภัพเพราะบิดาไปมีภรรยาน้อยหลายคนจึงกลายเป็นเด็กมีปัญหา >ต่อมาได้คบเพื่อนเลวและถูกยุยงให้ไปฆ่าพระถังมาเพื่อบริโภค >พระโพธิสัตว์กวนอิมได้มอบฐานบัววิเศษให้หงอคงนำไปจับตัวอั๊งไห้ยี้ >ผลสุดท้ายอั๊งไห้ยี๊ถูกจับตัวและพระถังได้เทศนาจนกลับใจ >ส่วนเพื่อนเลวก็ถูกอานุภาพแห่งพระสูตรที่ชื่อว่า ปรัชญาปารมิตาสูตร >ครั้นเมื่อพระถังพร้อมลูกศิษย์ร่วมกันภาวนาพระสูตรดังกล่าวเพื่อนมารก็ถึงที่ตาย >อั๊งไห้ยี้ตั้งใจสำนึกตัวด้วยความผิดที่ฆ่าประชาชนตายไปในศึกที่สู้กับหงอคง >จึงตั้งปณิธานไปบำเพ็ญตัวที่ภูเขาโพ่วท้อซันซึ่งเป็นพระพุทธบรรพตที่พระโพธิสัตว์กวนอิมพำนักอยู่ >อั๊งไห้ยี๊เดินทางจากบ้านด้วยวิธี ซาน ขู่ อิ๊ ป่าย(เดิน 3 ก้าวกราบ 1 กราบ ) >ระหว่างเดินไปกราบไปก็ภาวนา นำมอกวนซืออิมผู่สักด้วย จนไปถึงภูเขา >ตำนานไท้จื้อกราบกวนอิมก้อกำเนิดมาจากตำนานนี้นี่เอง>

 

รายงานตัวในกระทู้นี่ละครับ จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ทักทายกันถูก ในงานไม่มีเวลาคุยกับเพื่อนๆที่ไปเท่าไหร่
ใช่น้องเอหรือเปล่า ขอเดาอีกที

 

ยินดีค่ะในบ้านเรือนไทยที่พี่ได้พุดคุยกับผู้ชายก็มีคุณ ภราดร คุณพี่ใหญ่ และคุณอะไรไม่ทราบชื่อค่ะที่มาแนะนำอะไรบางเท่านั้นเอง พี่ไม่แน่ใจว่าคุณจะจำพี่ได้เอาไว้มีโอกาสคงได้ทักทายกันนะคะโชคดีค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักและพูดคุยกันในกระทู้นี้ค่ะ

 

ขอขอบคุณ คุณอัคนีวาต<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3709416", true); </SCRIPT>
มากครับ ที่กรุณานำข้อมูลเกี่ยวกับกิมท้งและเง็กนึ้งมานำเสนอ เป็นประโยชน์โดยทั่วกัน
ขออนุโมทนาเต็มกำลังครับ ขอให้บารมีสูงมากยิ่งๆ ขึ้นครับ

 

สวัสดีคะ คุณ Jaa - Tick ระหว่างรอ คุณ ภราดรภาพ นิ ขออนุญาตินะคะ
ตอนนี้ คุณ มีความทุกข์ แต่มันคงไม่ทุกข์ตลอดไปหรอกคะ เดี๋ยวมันก็หาย แล้วก็จะมีสุขเข้ามา อีกอย่างคุณโชคดีได้เจอ...ครูบาอาจารย์แล้ว.... ใจเย็นๆนะคะ เอาใจช่วยคะ ^-^

 

ขออนุญาตอาจารย์ภราดรภาพแสดงความคิดเห็นนะครับ
อยากให้คุณJaa-Tickแยกแยะระหว่างองค์กับตัวเราซึ่งเป็นมนุษย์
มนุษย์เราสมัยนี้พอมีทุกข์ก็มักโทษนั่นโทษนี่ ไปหาร่างทรงถูกทักว่ามีองค์นั้นบ้าง องค์นี้บ้าง เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะ หรือหวังสิ่งตอบแทนหรอกหรือ
สมัยนี้ร่างทรงที่เป็นองค์เทพจริงๆมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นสัมภเวสี วิญญานที่มีฤทธิ์ มาแอบอ้างเป็นองค์เทพ เมื่อมาทักเราว่ามีเทพ ก็ให้รับขันธ์ ก็เอาอะไรมาใส่ในขันธ์เพื่อที่จะสะกดเราให้เป็นบริวารเขา เดือดร้อนต้องไปถอนขันธ์กันมาก
เมื่อมีทุกข์ทำไมไม่คิดถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ถ้าเรายอมรับเรื่องกรรมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราเคยทำมาแล้วต้องขดใข้ มีสติและทำความดีเพื่อแก้ไขกรรมนั้น ทุกข์ก็จะน้อยลง
พระท่านบอกทุกข์สุขอยู่ที่ใจ ไม่มีใครแก้ให้เราได้ นอกจากตัวเราเอง
ลองแก้ทุกข์โดยการฟังธรรม เจริญสติ เจริญกรรมฐานดูนะครับ เมื่อมีสติ ก็จะแก้ไขปัญหาได้ ทุกข์ก็หมดไป
เรื่องคุณไสย์ถ้าโดนมาจริง ก็อาศัยการปฏิบัติ สวดมนต์ไหว้พระแผ่กุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ให้กับเทวดาที่รักษาเราอยู่ สิ่งต่างๆก็จะดีขึ้น
ถ้ามีอะไรสงสัยหรือไม่สบายใจอีก ปรึกษาผมได้ครับ ยินดีเสมอ
ขอให้เจริญในธรรม และพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงครับ

 

คุณ Jaa-Tick ต้องขอโทษจริงๆ จำเหตุการณ์และนึกหน้าไม่ออก หากจะไม่เป็นการรบกวนเกินไป ก็ขอให้โทรติดต่อ 081 808 6695 เพื่อไขความกระจ่างให้อีกครั้ง เพราะวันนั้นคนเยอะมาก เลยไม่รู้ใครเป็นใคร อีกอย่าง เรื่องอย่างนี้ ไม่ควรนำมาเปิดเผย ควรคุยกันหลังไมค์ จะดีกว่าครับ

อีกประเด็นที่กล่าวว่าคุณมีทุกข์มาก เพราะมนุษย์ปกติก็มีทุกข์กันทุกคน จะมากจะน้อยก็แล้วแต่วิบากกรรม เพียงแต่คนที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่มักจะมีวิถีที่ไม่เหมือนใคร และมีระดับทุกข์ที่แปลกๆ ตลอดจนถึงเรื่องบททดสอบของการสร้างบารมี ไว้คุยกันนะครับ

 

เรียนคุณภราดรครับ
ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ครับ กะว่าจะไปเข้าร่วมด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

somsak.phet อ้างอิงข้อความ:

ได้ครับ โดยปติสายวิชชาสาม มีพิธีการเปิดบารมีและยกพระกรรมฐานแห่งวิชชาสาม ก่อนที่จะเข้าสู่ภาคปฏิบัติ

เหมือนกับพิธีการไหว้ครู เพื่อความเป็นศิริมงคล หากมีอะไรเกิดขึ้น ครูหรือองค์พระประธานจะมาดูแลและปกปักษา ตลอดจนสั่งสอนเราครับ

ส่วนภาคปฏิบัติ ก็ยกคงใช้หลักพระกรรมฐาน 7 หมวด 40 กองอยู่นะครับ หรือจะใช้สติภาวนาหรือสมาธิภาวนา หรือปัญญาภาวนา แบบใดก็ได้ครับ หรือจะผสมผสานก็ได้ครับ แล้วแต่จริต เมื่อฝึกไปแล้ว จะได้รับรู้ถึงพลังบารมีและมีความก้าวหน้าที่ไวมากครับ แบบก้าวกระโดด เพราะหากมัวแต่ฝึกเอง โดยไม่มีครูบาอาจารย์ ช้าครับ กว่าจะได้บารมีหรืออภิญญาหรือวิชชาสามครับ

ขอให้เจริญในธรรม

 

คุณอาภากร ครับ กำหนดการกิจกรรมครั้งที่ 8 ได้กำหนดไว้ในเบื้องต้นแล้วครับ
คือ วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553

ที่ทิ้งช่วงยาวหน่อย ก็เพราะว่า จะได้แนะนำคุณมีญาณบารมีนามว่า แม่คำมี
ได้มาแสดงบารมีให้ชม งานนี้พลาดไม่ได้ครับ

นอกจากจะมีการเปิดบารมวิชชาสามแล้ว ยังได้ชมบารมีญาณพระเวสสุวรรณโณของแม่คำมีแห่งเมืองชัยภูมิ ที่ดังมากเลยทีเดียว

ดังนั้น ใครก็ตามที่อยู่ในสายปู่เวสสุวรรณและสายนาคราชทั้งหลาย เรียนเชิญครับ

สำหรับวันเวลาสมัคร จะแจ้งให้ทราบเร็วๆ นี้ครับ
ตอนนี้ขอตั้งหลักก่อนนะครับ

ขอให้เจริญในธรรม

 

สวัสดีคะ คุณภราดรภาพ หายไปนานตั้งหลายวันเลยนะคะ
เสียดายจริงๆเลยคะ อยากจะไปร่วมด้วยนะคะ ศิลามณีอยู่ต่างจังหวัด
ช่วงวันที่ 8 กันยายน จะลงไปกรุงเทพคะ มีวันว่างอยู่แค่ 2 วัน คือวันศุกร์
ที่ 9 กับ วันกลับ คือวันจันทร์ ถ้าได้ลงไปจริงๆ เราจะได้เจอกันไหมคะนี่

 

ยินดีครับ ยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้รู้จักกับนักปฏิบัติธรรมขั้นสูงอย่างคุณ ขอให้เจริญในบารมีและแผ่กว้างไพศาลครับ หากเราเกี่ยวพันธ์กัน ย่อมได้พบกันครับ

 

อนุโมทนากับกิจกรรมครั้งนี้ล่วงหน้าครับ..... อยากไปร่วมชมบารมีท่านท้าวเวสสุวรรณครับ.... พึ่งนำองค์ท่านมาคล้องคอเดือนนี้เองครับ..... ถ้ายังไงขออนุญาตไปร่วมชมบารมีด้วยคนนะครับ....

 

ศิลามณีส่งข้อความไปนะคะ

 

รับทราบแล้วครับ

ขออารธานาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทรงโปรดเมตตาและอำนวยพรให้แก่คุณศิลามณี ผู้เป็นบุตรของพระองค์ที่ได้เจริญในธรรมและตามรอยพระบาทของพระองค์ ขอพรนั้นจงบังเกิดและจุดประกายให้ความมืดมิดจงมลายหายไป ขอให้แสงสว่างจงปรากฎและนำทางไปสู่ความสมหวังดังที่ตั้งความหวังไว้ในครั้งนี้ด้วยเทอญฯ

ขออนุโมทนา สาธุ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ภราดรภาพ
แวะมาทักทายค่ะ.....คิดถึงอาจารย์เสมอ...ได้ความก้าวหน้าแล้วจะมาเรียนถามค่ะ
เดมีดี