กลับมาอีกครั้งกับปรากฏการรูปก้นหอยบนท้องฟ้า(อัพเดท)

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ถึงคราวที่ชาวออสเตรเลียต้องฮือฮาอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์ Norway Spiral ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วหวังว่าทุกท่าน ยังจำได้นะครับหากจำไม่ได้ขอยกกระทู้ในบอร์ดนี้มาให้ชมนะครับ
http://palungjit.org/threads/ลำแสงลึกลับรูปใยแมงมุมโผล่เหนือน่านฟ้านอร์เวย์-09-12-09-a.217885/

และครั้งนี้ก็เช่นกัน ชาวออสเตรเลียหลายคนสามารถจับภาพไว้ได้
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=getQ4i4L3_Q&feature=related]YouTube - Galactic Federation of Light Spiral Sighting In Australia 7 News 5th June 2010 - Covered up![/ame]

คลิบวีดีโอนี้จากผู้พบเห็นที่ถ่ายไว้ได้นะครับ ที่น่าสังเกตุคือแสงไฟกระพิบสีขาวในช่อง วินาทีที่ 0:27 ใกล้ๆกับเกลียวหมุนครับ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=x465dmoDQGc"]YouTube- UFO WORMHOLE SPIRAL SYDNEY AUSTRALIA 5th JUNE 2010 ALIENS[/ame]

คลิบนี้จากผู้พบเห็นในคืนนั้นเช่นกันครับ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=y9lwSvFt-5Q&feature=related"]YouTube- WORMHOLE SPRIAL UFO OVER AUSTRALIA , JUNE 2010 - UFO OR MISSILE?[/ame]

ข้อสังเกตุก็คือ ทำไมเหตุการณ์เหล่านี้ถึงเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆของโลก เช่นในจีน นอร์เวย์ และ Sydney ออสเตรเลียครับให้ลองสังเกตุสิ่งแวดล้อมจะเป็นตึกราบ้านช่อง แล้วรัฐบาลหรือ สื่อก็จะให้ข้อมูลว่าเกิดจาก จรวดมิสไซล์บ้าง กระสวยอวกาศบ้าง ซึ่งทั้งหมดขัดแย้งกับความเป็นจริงมาก ซึ่งในการทดลองยิงจรวดหรือปล่อยจรวดไม่เคยมีบันทึกว่าทำในเวลากลางคืน และทำใกล้ที่อยู่อาศัยของประชาชน ก็ยังคงเป็นที่สนใจและน่าค้นหาต่อไป หากเพียง "อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่จงเชื่อในสิ่งที่เป็น" เราอาจพบกับความจริงก็เป็นได้ครับ

 

"เขา" บอกว่า เป็นฝีมือของพวกเขาเอง
และมันก็จะถูกพบเห็นอีกในหลายๆแห่งทั่วโลก
แต่จะเกิดเฉพาะจุดที่เป็นตำแหน่งของโครงข่ายพลังงานโลกเท่านั้น

เพราะว่าพวกเขากำลังปรับเปลี่ยนระดับพลังงานของโลกอยู่

ก็คอยดูกันไปเรื่อยๆครับ...

เดี๋ยว Version เต็ม ของข้อความที่ผมกล่าวถึงนี้
รออ่านฉบับเต็มได้จากกระทู้

"โค้งสุดท้ายของการประกาศเปิดเผยตัวอย่างเป็นทางการฯ"

ที่ผมโพสต์ไว้นะครับ

........................................

 

ขอบคุณครับได้ติดตามข้อมูลที่คุณ Chayutt มาเผยแพร่ตั้งแต่ปีที่แล้วเหมือนกันครับ ซึ่งน่าสนใจและหากจะกล่าวเป็นภาษาของผมก็คือ ข้อมูลเหล่านั้นมันมีพลังมากเลยครับ

 

เชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนขับเคลื่อนของจรวด ที่เสียการทรงตัวครับ......

ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ปรากฏการณ์นี้จะอยู่เหนือพื้นทะเล เป็นส่วนมาก....ว่ากันตามประสพการณ์ ครับ

 

น่าสนใจครับรบกวนช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมครับ เชื่อว่าประสพการณ์ของท่านจะช่วยให้เห็นหรือเข้าจะอะไรมากขึ้นครับ ขอบคุณไว้ล่วงหน้าครับ

ถ้าเป็นอย่างที่คุณ Nirvana กล่าวไว้ว่า "ชิ้นส่วนขับเคลื่อนของจรวด ที่เสียการทรงตัว" นั้นจริง ในความคิดเห็นของผม ประวัติศาสตร์และวิทยาศาตร์โลกก็น่าจะมีการเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดแล้วครับเพราะ แสดงว่าโลกของเรามีวิวัฒนาการ "จรวด" ตั้งแต่โบราณกาล น่าสนใจทีเดียวครับ ขอบคุณครับ

นี่อาจจะสามารถตอบปัญหาเรื่องช่วงเวลาหรือการวิวัฒนาการของมนุษย์โบราณได้ครับ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=dCUkv_3pOzo&feature=related"]YouTube- Proof NASA Is Trying To Cover Up The Source Of The Norway Spiral! The Destroyer Approaches[/ame]

 

จริงๆ เรื่องการจะวินิจฉัย ปรากฏการณ์ต่างๆบนท้องฟ้า จะต้องพิจารณาเป็นรายๆไป ครับ ไม่ใช่ สิ่งที่เห็นจะเป็นสิ่งเดียวกันเสมอไป ระหว่างอดีตและปัจจุบัน

ตามประสพการณ์ของ Nirvana ที่เคยอยู่ในวงการ Defence เห็นภาพแล้วก็พอนึกออกครับ เพราะภาพนี้เคยเกิดขึ้นในระหว่างการทดลองยิงขีปนาวุธชนิดต่างๆ ของหลายๆชาติ เมื่อเร็วๆนี้ อิหร่านก็ลองยิงแล้วล้มเหลว เกิดเป็นภาพที่คล้ายกันนี้ เพียงแต่ขนาดของตัวจรวดและความสูงไม่เหมือนกันเท่านั้น ครับ

เลยอยากจะให้ทุกท่านพิจารณาเอาตามความเป็นจริง อย่าเพิ่งไปเชื่อในเรื่องลึกลับจนเกินเหตุเท่านั้น น่ะครับ

ส่วนตัวเอง Nirvana เชื่อว่า UFO มีจริงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมีสิ่งบอกเหตุและหลักฐานต่างๆบนโลกพิภพมากมาย แต่เราจะต้องใช้เหตุและปัจจัยต่างๆในการพิจารณา ครับ

ที่อธิบายมานี้เป็นประสพการณ์ส่วนบุคคล ที่สามารถหาอะไรมายืนยันได้ เพราะการเข้าไปสังเกตการณ์ประลองยุทธต่างๆ ผู้ไม่มีหน้าที่ ห้ามเอาอุปกรณ์ใดๆเข้าไปในพื้นที่เด็ดขาด เพราะนั่นคือ การจารกรรม นะครับ

เชื่อ-ไม่เชื่อ อย่างไร ผู้เจริญพิจารณากันเอาเอง น่ะครับ:d

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคุณ Nirvana ก็คงจะยืนยันว่ามีการทดลองจรวดหรืออาวุธมิสไซล์จริง แต่ในอดีตนั้นไม่มีการเปิดเผยหรือมีรายงานหรือได้รับรายงานอะไรเลย พูดง่ายๆคือไม่เป็นข่าวนั่นเอง แต่ในปัจจุบันการทดลองยิงจรวดมิสไซล์ต่างๆ ทำกันในเวลากลางคืน ใกล้กับบ้านเรือนของประชาชน รวมไปถึงในทะเลที่ใกล้กับชายฝั่งที่อยู่ในทัศนวิสัยที่ผู้คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้สินะครับ และการทดลองมักไม่ประสบความสำเร็จ น่าเสียดายที่ไม่มีภาพที่คุณ Nirvana อ้างให้เห็นนะครับ แต่กลับปรากฏให้เห็นเป็นภาพบนผนังถ้ำ วัตถุโบราณ สถาปัตกรรมโบราณแทน ถ้าเป็นเช่นนั้นผมขอสรุปเลยว่า โลกเรากำลังเข้าใกล้วิกฤตการสงครามมากขึ้นทุกทีเพราะมีการทดลองที่ถี่ขึ้น โดยใช้ระบบจรวดที่เกือบหรือเป็นชนิดเดียวกัน จนถูกบันทึกได้ทั่วเกือบทุกมุมโลก ไม่ว่ายุโรป เอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ถูกหรือเปล่าครับ
ปล. ไม่มีเจตนาอันใดเพียงอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ ขอบคุณครับ

 

ถ้ามันเกิดขึ้นในไทยคุณ Nirvana คงจะบอกว่าเขมรทดลองขีปนาวุธละมั้ง

เเล้วที่น่าสังเกตุคือ การทดลองจรวดใดๆก็ตามเขาไม่ทำในเขตมีคนอาศัยอยู่ครับ

ยิ่งที่ซิดนี่ย์เเล้วเลิกคิดได้เลย

 

อีกสักหน่อย คงจะได้รู้ความจริงแล้วกระมังครับ

 

เห็นเคยเกิดขึ่นที่ประเทศรัสเซียหรือป่าวนะ
จำไม่ค่อยได้

 

ก็ไปลองฟังตอนท้ายของคลิปวีดีโอนี้ ที่กล่าวถึงจรวดที่ขึ้นจากแหลมคานาเวอเรล ในฟลอริดา 1 ช.ม. ก่อนหน้าปรากฏการณ์แล้วกัน นะครับ

 

ขอบคุณครับที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากการที่ผมได้คิดตามข้อสังเกตุที่คุณ Nirvana ชี้ให้เห็นนั้น เป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นเหตุบังเอิญที่เกิดจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเองและขัดข้องก็ได้ครับ ประเด็นที่ผมพยายามแสดงให้ทุกท่านเห็นก็คือ การคิดนอกกรอบโดยไม่เชื่ออะไรที่สื่อหลักๆพยายามป้อนให้กับเราเหมือนที่ทุกเช้าเราอ่านหนังสือพิมพ์ ดูข่าวในทีวี แล้วก็ซึมซับลงไปทั้งหมดโดยไม่ตะขิดตะขวงใจว่าข่าวทั้งหมดนั้นจริงเท็จเพียงใด มันก็เหมือนกับเรายอมมอบสิทธิเสรีภาพด้านความคิดให้กับคนเพียงไม่กี่คนหรือกลุ่มเล็กๆที่อยากให้เราคิดเห็นและ"เชื่อ"ว่าเป็นเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น เช้าวันนี้มีแต่ข่าวฆาตกรรม ข่าวก่อการร้ายข้ามชาติ ข่าวแผ่นดินไหว แต่กลับไม่มีการนำเสนอข่าว น้ำมันรั่วในปริมาณมหาศาล 5000 บาเรล(คาดว่าอาจมากกว่าที่รายงานก็เป็นได้แต่ไม่มีการนำเสนอตัวเลขจริง)ต่อวันในอ่าวเม็กซิโก หรือ 175,000แกลลอนต่อวันเป็นเวลาติดต่อกันเกินเดือนครึ่งเข้าไปแล้ว ซึ่งก็เท่ากับ 7,875,000แกลลอนโดยคร่าวๆหรือถ้าเป็นลิตรเท่ากับ 1,252,991,250ลิตรและยังไม่สามารถหยุดยั้งการรั่วไหลได้ แต่สื่อหลักได้เคยเสนอเรามาตลอดกว่า 10ปี ว่าเรากำลังเผชิญวิกฤตการขาดแคลนน้ำมันและราคาของน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่นั้นมา เชื่อคงเห็นความขัดแย้งในความเป็นจริงของข้อนี้แล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งหมดเกิดจากความคิดของพ่อค้าหัวใสบางคนเท่านั้นซึ่งผมจะไม่บอกว่าคือใครแต่เชื่อว่าหลายท่านคงจะทราบดี

บางครั้งเราเชื่อในสิ่งที่เห็นจากสิ่งที่สื่อพยายามป้อน กับเชื่อในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นจากการสืบค้นข้อมูลผ่านขบวนการวิเคราะห์จากหลายๆด้านมันต่างกันมากครับ

ถึงอย่างไรเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ก็จะถูกลืมไปในอนาคต นอกเสียจากว่าเราเองจะค้นหาความจริงด้วยตัวเองต่อไป บางทีเราอาจได้พบกับความจริงในอนาคตก็ได้ครับ

 

นั่นคือสิ่งที่ทำให้เห็นแล้วว่า สื่อ เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อสร้างความมั่นคง ให้กับใครก็ได้
หรือสื่อ เลือกที่จะบิดเบือนข่าวสารเพื่ออะไรซักอย่าง ไม่เว้นแม้ ไทยหรือเทศ

 

สิ่งนี้มันเกิดขึ้นกับผมเวลาผมนั่งสมาธิ นั่งนานๆเป็นประจำ แต่มันไม่นิ่งมันหมุนๆแล้วหายไปแล้วกลับมาอีก ผมว่าไอสิ่งนี้มันอยู่ใน จิตของเรานี้แระ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=pbsBtS-BfhQ]YouTube - ตะไลล้าน[/ame]

เอามาให้ดูเฉยๆนะ โนคอมเม้นพี่น้อง
แล้วมันจะเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย... ^^

 

ที่มา: http://palungjit.org/threads/โค้งสุ...งการ-ต่อชาวโลก-ของมนุษย์ต่างดาว.220547/page-4

........................................................

Disclosure Endgame: Free Ebook!
(โค้งสุดท้ายก่อนการเปิดเผยตัว : หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แจกฟรี)

By: David Wilcock

ที่มา: Disclosure Endgame: Free Ebook!

Last Updated on Friday, 25 December 2009 19:31 Saturday


THE OFFICIAL THEORY IS OUT-GASSING MORE AND MORE
คำอธิบายอย่างเป็นทางการนั้น ยิ่งคิดดู ก็จะยิ่งรู้ว่า
เป็นการพูดเหลวไหลมากขึ้นและมากขึ้น


ปรากฏการณ์เกลียวหมุนวนที่ประเทศนอร์เวย์นั้น ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างกว้างขวาง
และก็ถูกพินิจพิเคราะห์กันอย่างกว้างขวาง มากกว่าปรากฏการณ์ปิรามิดเหนือพระราชวังเครมลิน

ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามีจำนวนคนที่สามารถถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ และเห็นมากับตาตัวเองจำนวนมากกว่า
เพราะว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงจุดไหนของประเทศนอร์เวย์ แทบจะพูดได้ว่า คุณก็สามารถมองเห็นปรากฏการณ์นี้ได้เหมือนกัน

และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปรากฏการณ์นี้ดังกว่าปรากฏการณ์ปิรามิดเหนือพระ ราชวังเครมลินก็คือ
เพราะว่ามันเป็นอะไรที่แปลกตาจริงๆ

มันทำให้เกิดการพิจารณาใคร่ครวญว่าเกลียวหมุนวนนี้คืออะไรกันแน่ และทำให้เกิดการสืบสวนเสาะหาข้อเท็จจริง
เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง และแพร่สะพัดไปทั่วในอินเตอร์เน็ต พอๆกับที่ตัวปรากฏการณ์เอง
มันครอบคลุมท้องฟ้าเหนือประเทศนอร์เวย์อยู่


มีหลายคนที่วิจารณ์ว่า เกลียวหมุนวนเหล่านี้ ดูเหมือนว่า มันจะเกิดจากลำแสงที่ถูกยิงขึ้นมาจากจุดใดจุดหนึ่ง
บนพื้นโลกอย่างชัดเจน เหมือนกับว่า กำลังมีการฉายภาพจากเครื่องโปรเจ็กเตอร์ขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่อย่างนั้นแหละ
โดยใช้ลำแสงสีฟ้าอย่างที่เห็นในภาพ

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} p {mso-margin-top-alt:auto; margin-right:0cm; mso-margin-bottom-alt:auto; margin-left:0cm; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Tahoma; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> แต่ด้วยความเคารพเถอะนะครับ ถ้าหากว่ามีจรวดถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าจริงๆ
มันก็ต้องมีร่องรอยที่ทิ้งไว้ให้ติดตามได้
จากจุดที่ถูกยิง ไปถึงจุดที่มันกำลังอยู่ เช่น
ควันของมันเป็นต้น แต่ว่า ยังไงเสีย ควันของมัน
ก็จะไม่สามารถทำให้เกิดเกลียววงกลมที่สมบูรณ์แบบ
ได้ขนาดนี้เป็นแน่ และอีกอย่าง ควันของจรวด
ก็จะไม่สามารถก่อให้เกิดเกลียวลำแสงสีฟ้าที่อยู่
ตรงจุดศูนย์กลางพอดีแบบนี้ ได้
แม้ว่าภาพที่เห็นจะเหมือนกับว่ากำลังมีการฉายภาพจากโปรเจ๊กเตอร์บางอย่าง ขึ้นไปบนท้องฟ้าอยู่ก็ตาม


พวกเราต่างก็รู้ว่า ภาพถ่ายที่เห็นนี้ ถ่ายที่เกาะ Tromsø และผู้ถ่ายก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ดังนั้น ในภาพ คุณจึงสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นตรงเส้นขอบฟ้าได้

หลายคนอาจจะจำเป็นต้องเชื่อว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดจากจรวดหรือมิซายล์จริงๆ
เพราะว่าพวกเขาอยากมีความรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้อยู่ใน “โลกแห่งความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่” ให้นานขึ้นอีกซักนิดหนึ่ง

แต่ว่าเกลียวลำแสงสีฟ้าตรงศูนย์กลางอันนั้น
ก็คงอยู่ได้ในอากาศนานประมาณ 10 – 15 นาที
โดยไม่มีการค่อยๆหริบหรี่ลง หรือ ค่อยๆจางหายไปแต่ประการใด
จนกระทั่งเมื่อมันได้ปรากฏสิ่งที่ดูเหมือนหลุมดำที่น่าทึ่ง
และกลมดิกขึ้นมา มันจึงค่อยหายไป (ดูภาพประกอบด้านล่าง)




นี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษใช่ไหม๊ มันเป็นแค่เรื่องธรรมดาๆอย่างงั้นเหรอ?<o>

.....................................</o>

 

HOW DO YOU GET SUCH STABILITY AND LACK OF 'MIXING'
BETWEEN THE TWO COLORS?
คุณ จะทำให้เกิดเกลียวหมุนวนที่คงทนทั้ง 2 สีพร้อมๆกันได้อย่างไร
โดยไม่ทำให้พวกมันผสมกัน


หากว่ามันเป็นมิซายล์จริงๆ ทำไมมันถึงทำให้เกิดเกลียวหมุนวนที่กลมดิกทั้ง 2 สีพร้อมๆกันได้อย่างไร? คือสีขาวและสีฟ้า



ลืมคำอธิบายอย่างเป็นทางการ ที่บอกว่ามันต้องเป็นมิซายล์แน่ๆ อันนั้นไปได้เลย


สิ่งสำคัญ ที่สุดก็คือ เกลียวลำแสงหมุนวนสีฟ้าอันนั้น ไม่เคยเปลี่ยนสีไปเลย มันยังคงเป็นสีฟ้าอยู่ตลอด
โดยไม่มีการค่อยๆจืดจางไป แต่ยังคงเป็นเกลียวลำแสงสีฟ้าแบบนั้นอยู่ตลอดอย่างสมบูรณ์แบบ
จนกระทั่งปรากฏการณ์ทั้งหมดนั้นสลายตัวไป ซึ่งมันก็สลายตัวไปพร้อมๆกันหมด

พวกเราก็อยากจะเห็นเหมือนกันหละว่า มีมิซายล์ที่ไหนที่สามารถทำให้เกิดเกลียวหมุนวนที่มีสีแตกต่างกัน
ถึง 2 สีพร้อมๆกัน แต่ไม่ผสมรวมกัน แบบนี้ได้

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} p {mso-margin-top-alt:auto; margin-right:0cm; mso-margin-bottom-alt:auto; margin-left:0cm; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Tahoma; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
หากว่าปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่น่าทึ่งครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ธรรมดาของมิซายล์ที่ผิดปกติจริงๆ
มันก็น่าจะมีตัวอย่างของปรากฏการณ์แบบนี้จำนวนมากมายให้เห็นบ้างสิ
(เพราะว่ารัซเซียเคยทดลองอาวุธชนิดนี้มาหลายครั้งแล้ว และก็เกิดการผิดพลาดและไม่สำเร็จมาโดยตลอด
เพราะฉะนั้น ภาพของมิซายล์ที่ผิดพลาดและไม่สำเร็จเหล่านี้ มันก็ควรมีให้เห็นอยู่มากมายเกลื่อนกลาด
เป็นของธรรมดาไปเลยสิ – Chayutt)

ซึ่งก็ไม่ขอมากหรอกนะครับ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขอเพียงแค่ให้มันมีตัวอย่างที่น่าทึ่งได้แค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง
ของปรากฏการณ์นี้หน่อยก็พอแล้วหละครับ และเพราะมันไม่มีนี่สิ มันก็เลยทำให้พวกคนที่ไม่เชื่อทั้งหลายผิดหวังไปตามๆกัน
และก็เลยอยากที่จะลืมมันไป โดยคิดซะว่ามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกระมัง

ไม่ว่าใครจะมีข้อพิสูจน์อะไร ยังไง มากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความคิดของคนที่ไม่เชื่อ
และหยิ่งจองหองทั้งหลายได้เลย พวกเขาก็ยังจะไม่เชื่ออยู่ต่อไปอย่างนั้นแหละ เพราะว่าพวกเขาถูกล้างสมองโดยสิ้นเชิงไปซะแล้ว
พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ส่วนคนอื่นๆนั้นเป็นพวกติ๊งต๊องไร้สมอง อันนี้พวกเราก็รู้
แต่ก็ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ แต่ความจริงมันก็จะยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำหนะแหละ แล้วคุณจะได้เห็น

ใครอยากจะคิดยังไงก็คิดไป แต่ถ้าบางอย่างมันเกิดขึ้นซ้ำๆบ่อยๆเข้า
คุณก็จะต้านทานมันไม่ไหวอีกต่อไป และจำต้องเชื่อมัน
ซึ่งนั่นก็คือ เชื่อว่าปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้น ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในครั้งนี้
มันจะต้องเป็นอะไรที่พิเศษมากกว่า ที่จะเป็นไปตามถ้อยคำขี้โม้ที่ว่า
มันเกิดจากมิซายล์ที่ผิดพลาดเท่านั้น หรือว่ามันไม่ใช่?

.......................................

 

MATHEMATICALLY IMPOSSIBLE FOR THE SPIRAL TO BE A MISSILE
AT EITHER OF THOSE DISTANCES
มัน เป็นไปไม่ได้ทางคณิตศาสตร์ ที่ปรากฏการณ์เกลียวหมุนวนดังกล่าวจะเกิดจากมิซายล์
ไม่ว่าจะคำนวณจากระยะทางเท่าใดก็ตามแต่


(ตอนต่อไปนี้ผมจะสรุปเอาแต่ เนื้อๆนะครับ เพราะขี้เกียจแปลและพิมพ์เยอะแล้ว – chayut)



จากการคำนวณของนาย Amini พบว่า ภูเขาที่เห็นในภาพ อยู่ห่างจากเกาะ Tromsø
ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ถ่ายภาพและวีดีโอใช้ถ่ายภาพ/วีดีโอ ประมาณ 9.63 กิโลเมตร หรือ 5.98 ไมล์
ซึ่งระยะทางที่ว่านี้สั้นเป็น 10 เท่าของระยะทางจากเกาะ Tromsø ถึงทะเลขาว คือ 971.26 กิโลเมตร หรือ 603.5 ไมล์

ซึ่งจากการคำนวณอัตราเร็วของการหมุนของเกลียวหมุนวนดัง กล่าว โดยดูจากวีดีโอ
พบว่ามันหมุนด้วยความถี่ประมาณ 1 รอบต่อวินาที

และจากสมการหาอัตราเร็วของการหมุนของปรากฏการณ์ดังกล่าว โดยใช้สมการณ์หาอัตราเร็วที่ใช้กันอยู่ทั่วๆไป คือ

ความถี่ x ความยาวคลื่น = v (อัตราเร็ว)

โดยที่
ความ ถี่ในการหมุนของปรากฏการณ์ฯ (ประมาณค่าได้จากภาพวีดีโอ = 1 รอบ / วินาที)

ความยาวคลื่นของปรากฏการณ์ฯ (ใช้หลักการทางตรีโกณมิติในการคำนวณ)

V = อัตราเร็วของการหมุนของปรากฏการณ์ฯ

ในการคำนวณหาค่าความยาวคลื่นของปรากฏการณ์ฯ เขาได้ค่าออกมาสองค่า คือค่าต่ำที่สุด กับค่าสูงที่สุด
เพราะว่า เพียงแค่ดูจากภาพถ่ายหรือจากวีดีโอ ก็ไม่อาจทำให้เราไม่ได้ทราบว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว
ที่แท้เกิดขึ้นห่างจากผู้ถ่ายภาพมากน้อยแค่ไหน

ดังนั้นเขาจึงสมมุติแบบ:

ระยะทางใกล้ที่สุด ว่าคือมันเกิดเหนือยอดเขาลูกนั้นพอดี ซึ่งจากแผนที่และจาก Google Earth
ทำให้ทราบได้ว่ามันอยู่ห่าง = 9.63 กิโลเมตร

ส่วนระยะทางที่ไกลที่สุด เขาเอาตามที่ทางรัซเซียประกาศอย่างเป็นทางการว่า มันเกิดบริเวณทะเลขาว
ซึ่งจากแผนที่และ Google Earth ก็ทำให้เราทราบอีกเช่นกันว่า มันอยู่ห่าง = 971.26 กิโลเมตร

เมื่อได้ระยะ ทางแล้ว เขาก็เอามาเข้าสูตรเพื่อหาค่า ความยาวคลื่น ดังกล่าว ได้ค่ามาสองค่าเหมือนกัน คือ

ค่าต่ำสุด = 318.58 เมตร
ค่าสูงสุด = 32,873 เมตร

สูตรคำนวณ และวิธีคำนวณทางตรีโกณมิติที่ว่านั้น ดูในเอกสารแนบที่เป็นไฟล์ pdf ข้างล่างนี้นะครับ
ผมไม่สะดวกที่จะพิมพ์และอธิบาย เพราะมันดูลำบากๆไงไม่รู้

จากนั้นเมื่อได้ค่าทั้งหมดแล้ว ก็เอามาเข้าสูตร

ความถี่ x ความยาวคลื่น = v (อัตราเร็ว)

ซึ่งก็จะได้ค่า v (อัตราเร็ว) ออกมา 2 ค่าเหมือนกัน คือ

ค่าต่ำสุด = 316.58 เมตร / วินาที (หรือประมาณ 710 ไมล์ / ชั่วโมง)
ค่าสูงสุด = 32,873 เมตร / วินาที (หรือประมาณ 73,488 ไมล์ / ชั่วโมง)

ซึ่งเพียงค่าความเร็วต่ำสุดที่คำนวณได้นี้ ก็เกือบเร็วเป็น 2 เท่าของความเร็วสูงสุดของใจกลางพายุทอร์นาโด
ซึ่งเป็นพายุที่มีความเร็วลมสูงแล้ว เพราะจากสถิติโลก ที่เคยบันทึกกันเอาไว้ ก็พบว่าความเร็วลมสูงสุด
ที่ใจกลางทอร์นาโดก็แค่ = 318 ไมล์ / ชั่วโมง เท่านั้นเอง

ซึ่งด้วยความเร็วขนาดนี้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่วัตถุอะไรจะเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนั้น


นอกจากนี้ จากวีดีโอที่เห็น ยังพบว่าความเร็วในการหมุนของปรากฏการณ์ดังกล่าวยังคงที่อีกด้วย
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวัตถุใดๆเคลื่อนที่อยู่ได้ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ในอากาศแบบนั้น โดยไม่ค่อยๆสูญเสียความเร็วไปเลย

ที่กล่าวมานี้ อย่าลืมนะครับว่าเร็วสมมุติว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดอยู่เหนือภูเขาลูกนั้น พอดี
แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอยู่ห่างออกไปอีก ยิ่งห่างออกไปเท่าไหร่ ความเร็วที่คำนวณได้ก็ยิ่งจะมากขึ้นเรื่อยๆด้วย

เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ปรากฏการณ์นี้ จะไปเกิดขึ้นบริเวณเหนือทะเลขาวอย่างที่ทางการของรัซเซียออกมาประกาศไว้

ยิ่งไปกว่านั้นอีกก็คือ อย่างที่เรารู้กันมานานแล้วว่า

วัตถุใดก็ตามที่เคลื่อนที่เร็วกว่าความเร็วเสียง
จะเกิดเสียงดังกึกก้องกังวานอย่างมาก
อย่างที่เรียกกันว่า Sonic Boom

ซึ่งความเร็ว ของเสียง = 761.2 ไมล์ / ชั่วโมง และความเร็วต่ำสุดตามที่เราคำนวณได้ก็คือ 710 ไมล์ / ชั่วโมง

ซึ่งมัน เป็นไปไม่ได้เลยที่วัตถุใดๆที่เคลื่อนที่เร็วขนาดนั้น จะไม่ทำให้เกิดเสียงดังใดๆเลย
แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ กลับเงียบสนิท ไร้เสียงใดๆทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น คำกล่าวอ้างของทางการรัซเซียที่ว่า
มันเกิดจากมิซายล์นั้น มันขัดแย้ง และจำนนด้วยหลักฐาน
ทางวิทยาศาตร์แล้วว่า “มันเป็นไปไม่ ได้ที่จะเป็นมิซายล์”
ตามที่กล่าวอ้าง

และก็แถมด้วยหลังจากปรากฏการณ์นี้สิ้นสุดไปแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเลยที่พบเศษซากใดๆของมิซายล์ที่กล่าวอ้างนั้น[FONT=&quot]<o>

........................................................</o>[/FONT]

 

และแล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง
และก็อาจจะเกิดขึ้นอีกหลายๆครั้ง ทั่วโลก
อย่างที่พวกเขาประกาศให้ทราบไปแล้วนั้น

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็รอดูว่าคนที่จะออกมาแก้ตัว
ว่าเป็นมิซายล์นั้น จะออกมาแก้ตัวกันไหวหรือเปล่านะครับ

วีดีโอบั้งไฟนั่นก้สวยดีนะครับ

แต่ท่านลืมไปแล้วเหรือว่า ปรากฏการณ์ของจริง
ของเขา "เงียบสนิท" ไร้เสียงใดๆทั้งสิ้น

แล้วบั้งไฟของเรานี่หละ..ยังกะเสียงฟ้าร้อง

ครั้งนี้ก็ด้วยครับ "เงียบสนิท"

 

บางครั้งคนที่พยายามหาหลักฐานมาหักล้างกับกลายเป็นว่าดูตลกไปเอง ธรรมชาติกับสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ หรือปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูง นั้นแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงครับ ความสมบูรณ์ไร้ที่ติ ควันไม่อาจมองเห็นได้ชัดในเวลากลางคืน เปลวเพลิงที่เกิดจากการเผาเชื้อเพลิงในชั้นบรรยากาศโลกจะมีสีแดงหรือน้ำเงิน เหล่านี้มันขัดแย้งในตัวเองอยู่แล้วครับ
แต่ก็อีกนั้นหล่ะครับที่เราไม่ควรเชื่อในสิ่งที่เห็น ศึกษาคนคว้าให้ถ่องแท้แล้วเชื่อก็ไม่สายครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=0cQiUKjN2p4&feature=related]YouTube - UFO WORMHOLE NORWAY 9 DECEMBER 2009 SPACE PORT OPENING HOAX[/ame]