อานิงส์การ ทำบุญ 1 บาท กับ ทำบุญ 1 ล้านบาท

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 12 กันยายน 2006.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    กราบนมัสการแม่ชีณัฐทิพย์

    เรื่องของอานิสงส์ของการทำบุญต่างๆ พระพุทธเจ้าจะบอกไว้ตามลำดับๆ
    การทำบุญ ได้บุญมากน้อย ขึ้นอยู่กับ

    1.ของที่ทำบุญ
    2.จิตผู้ทำ
    3.ผู้รับ

    ถ้ามีพี่น้องสองคนทำบุญสร้างพระพุทธรูป
    ทั้งสองคน ทำบุญร่วมสร้างพระพุทธรูปองค์เดียวกัน และมีกำลังจิตศรัทธาเท่ากัน เงินเป็นเงินบริสุทธิ์ แต่ต่างที่กำลังทรัพย์

    นาย ก. ทำบุญ 1 ล้านบาท
    นาย ข. ทำบุญ 1 บาท


    ที่ผมทราบมาคือ ทั้งสองคนจะได้อานิสงส์เดียวกัน คือ อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป

    คำถามคือ
    ทั้งสองจะได้อานิสงส์เท่ากันไหมครับ ?
    เช่น ตอนเป็นเทวดา นายก. จะมีแสงสว่างมากกว่า หรือเท่ากันกับ ?
     
  2. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมจ้า

    ถามมาดีมากจริงๆ...คนที่ทำบุญด้วยปัจจัย ไม่เท่ากัน แต่ถ้าจิตเสมอกันคือ พอใจที่ตนได้ทำและมีทำ เท่าที่ตนมี เมื่อตายย่อมได้เป็นเทวดาเท่ากัน

    แต่ต่างกันตรงที่ชั้นไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเพราะทำบุญด้วยปัจจัยไม่เท่ากันนะ แต่...เพราะกรรมที่ดีมาสนับสนุน ไม่เท่ากัน

    เช่น คนที่ทำบุญ 1 ล้านบาท ถ้าทำด้วยความเต็มใจ เบิกบานใจเพราะ ตนมีจะทำ ทำแล้วไม่ทุกข์ พร้อมทั้งมีกรรมดีอย่างอื่นมาสนับสนุน เสริมอีก อย่างนี้เมื่อตายไปย่อมไปเป็นเทวดาชั้นสูง อย่างน้อยก็ดาวดึงส์ คือชั้น 3

    แต่ถ้าทำ 1 ล้าน ทำแล้วไม่สบายใจ คิดไปต่างๆนานา ว่าเงินที่ทำไป พระหรือทางวัด หรือคนอื่นจะเอาไปทำอะไร จะเม้มเอาไว้ใช้ หรือใช้ผิดประเภทหรือไม่?...ใจเป็นทุกข์ เกิดการบริภาษ ว่ากล่าว ตำหนิผู้อื่นไป

    บุญไม่ได้ลดหายน้อยลง...แต่มีกรรมที่ไม่ดีเข้ามาสนับสนุน และเมื่อตาย ไปเป็นเทวดาเหมือนกัน แต่มีกรรมไม่ดีมาสนับสนุน เป็นความทุกข์ ผลที่ได้รับนั้นจึงดูเหมือนน้อยลง แต่ไม่ได้น้อยลงด้วยผลบุญ หากแต่มีผลชั่ว เข้ามาร่วม...กลายเป็นทำดี แต่จิตคิดเลวไง...จิตไปไกลกว่า การกระทำจึงมาช้าไปหน่อย

    ส่วนคนที่ทำบุญ 1บาท ทำแล้วเบิกบานใจ สบายใจ ไม่ทุกข์ ไม่ตำหนิว่าใครจะเอาเงินไปทำอะไร ฉันให้แล้ว รวมทั้งเหลียวไปดูเพื่อนทำมากๆ ความอิจฉาไม่มี ไม่เร่าร้อนว่าทำได้ไม่เหมือนเขา แต่กลับพลอยโมทนายินดีกับเขาด้วยความยินดี ผลบุญจึงเพิ่มขึ้นทวีจากการพลอยยินดี

    เมื่อตายย่อมได้เป็นเทวดาอย่างน้อยก็ชั้นที่ 3 เหมือนกัน หากผู้ทำบุญด้วยปัจจัยน้อยกว่า และยังมีการภาวนามากกว่าผู้ให้ปัจจัยมาก การอยู่สวรรค์ชั้นสูงกว่าย่อมเกิดขึ้นด้วย...

    แต่ถ้ามีอะไรที่เหมือนกันหมดทุกอย่าง แต่ว่าเงินไม่เท่ากัน การได้รับผลบุญก็เท่ากัน คือเป็นเทวดาเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงความสะดวกสบาย ศักดาใหญ่ ก็หมายถึงรัศมีบารมีย่อมต่างกันด้วย

    ก็เหมือนกับมนุษย์บนโลกนี่แหละ คนมีเงินมาก แถมยังเป็นคนดีด้วย บริวารก็รักใคร่ เชื่อฟัง ยกย่องสรรเสริญ ดูตัวอย่าง พระเจ้าอยู่หัวฯ กับนายกฯสิ

    อธิบายอย่างนี้ คงจะเข้าใจนะ...สาธุจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2006
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ขอบคุณมากครับ

    เพื่อความกระจ่างอีกนิด

    จะเป็นแบบนี้ไหมครับ

    เทียบกับชาวนา หว่านเม็ดข้าวลงไปในนา

    คนทำบุญ 1 บาท คือ คนหว่านข้าวลงในนา 1 กำมือ
    คนทำบุญ 1 ล้านบาท คือ คนหว่านข้าวลงไปในนา 1 ล้าน กำมือ

    ผลที่ได้เหมือนกันคือ ได้ข้าว
    แต่เมื่อข้าวแก่ออกรวงย่อมได้ผลผลิตมากและน้อยต่างกันไป ตามที่เขาหว่านไว้
     
  4. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    คิดแล้วว่าจะต้องถามต่อมา...จริงอย่างคาดเดา

    ต้องขอชมเชยและอนุโมทนาบุญกับเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ ที่ใช้ ค.ว.ย ให้เกิดประโยชน์

    ค. มาจากคำว่า คิด ว. มาจากคำว่า วิเคราะห์ ย. มาจากคำว่า แยกแยะ ถ้าคนไทย มี ค.ว.ย กันทุกคน คุณภาพชีวิต สังคมและประเทศย่อมจะมีคุณภาพ และก่อเกิดประสิทธิภาพอันดีด้วย ควยนี้มีได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ส่วนจะสั้น จะยาว นั้นก็ขึ้นอยู่ที่การพัฒนาของแต่ละบุคคล

    ถามมาดีมาก...ทำบุญ 1 บาท กับ ทำบุญ 1 ล้านบาท ได้ผลของการทำเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงปริมาณที่ทำ

    ตัวอย่างเช่น มีเงิน 1 บาท อยากสร้างส้วม เพื่อประโยชน์แก่คนทั่วไป เงินไม่พอ จึงต้องใช้อุบาย บอกคนมีเงินมากและมีจิตอยากจะทำเหมือนกัน พอได้เงินมา สร้างส้วมเสร็จ คนที่ให้ 1 บาทก็มีชื่อติดอยู่ที่ป้ายหน้าส้วม คนที่ให้ 1 ล้านบาทก็มีชื่อติดอยู่ที่ป้ายหน้าส้วมเหมือนกัน

    คนให้ 1 บาทยืนมองส้วมที่สร้างเสร็จแล้วใช้ประโยชน์แก่คนหมู่มากได้ ด้วยใจชื่นบาน อิ่มใจ ภูมิใจ คนที่ให้ 1 ล้านบาท ก็มองดูส้วมที่สร้างเสร็จ แล้วใช้ประโยชน์ได้ ด้วยใจชื่นบาน อิ่มเอมใจที่ได้ให้เงินสร้าง...

    หว่านพืชชนิดใด ย่อมได้พืชชนิดนั้น...แต่การหว่านพืชนั้น ถ้าจะให้ดี ผู้หว่านก็ต้องศึกษาปัจจัยรอบด้านด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าหว่าน

    ฉะนั้นหากผู้หว่าน หว่านพืชลงในดินดี ที่สมบูรณ์ พืชนั้นย่อมเจริญงอกงามสมบูรณ์ กว่าการหว่านพืชในดินที่ไม่สมบูรณ์

    ในทางพระพุทธศาสนาท่านสอนในเรื่องของ ปัญญาเป็นหลักใหญ่

    พืชที่เราจะหว่าน มีเพียงกำมือเดียว แต่เมื่อรวมกับพืชของผู้อื่นด้วย และหว่านลงในดินดี ผลผลิตที่ได้ออกมา ย่อมมีคุณภาพเดียวกัน เหมือนกัน แยกแยะไม่ได้ว่าต้นนี้ของเธอ เมล็ดนี้ของฉัน เพราะมันรวมกันเป็นข้าวที่มีคุณภาพ ในผืนนา ผืนดินที่อุดมสมบูรณ์เดียวกัน ผลผลิตที่ออกมาจึงเหมือนกัน

    อยากให้ช่วยกันคิดต่อจัง... จะได้รู้ว่า ค.ว.ย ของเรายาวหรือยัง?
    บอกหมดก็จะขาดรสชาติของการหยั่งรู้ไปนะ

    อย่านิ่งอย่างเดียว เพราะการนิ่งมี 2 แบบคือ นิ่งรู้ กับนิ่งเพราะไม่รู้ ก็คือ โง่ไงจ๊ะ...ขอชมค.ว.ย. เด็กไทยหน่อยจ้า สรุปที่แม่ชีพูดมาหน่อย อย่าฟังอย่างเดียวเดี๋ยวโง่ตายเลย

    ถ้าท่านเข้าใจ จงรู้ไว้เถิดว่า ดวงตาเห็นธรรมและการบรรลุธรรมได้เกิดกับท่านโดยลำดับแล้ว...สาธุ ธรรมะสวัสดี

    (ต้องรีบจบเดี๋ยวหลุดอีก)
     
  5. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    พอไปอ่าน ค.ว.ย แรกๆผมละเขินเลย 555555555
    ตอนแรกผมนึกว่าอะไร ที่แท้ก็คำมีความหมายนั่นเอง

    สรุป รวมๆแล้ว ทั้งสองคนเป็นเจ้าของข้าวในนา เพราะว่าได้ร่วมกันหว่านข้าว

    ทีนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวข้าวและนำข้าวไปสี ให้เป็นข้าวสาร
    ได้ข้าวสารมา 1ล้าน 1 กระสอบ (1,000,001 กระสอบ)
    และทุกขั้นตอน ทั้ง2คนยังช่วยกันตามส่วนเดิมคือ 1 ส่วนกับ 1ล้านส่วน

    ถึงเวลาแบ่งข้าวสาร
    2 คนทำการแบ่งข้าวสารเข้ายุ้งของตัวเอง

    ผมเข้าใจถูกไหมครับว่า

    คนที่หว่าน 1 ล้านกำมือและช่วย1ล้านส่วน จะได้ข้าวสาร 1 ล้านกระสอบ
    คนที่หว่าน 1 กำมือและช่วย1ส่วน จะได้ข้าวสาร 1 กระสอบ

    ได้ข้าวสารเหมือนกัน แต่ได้ปริมาณต่างกัน ได้ตามที่ตัวเองได้ทำไว้


    ความแตกต่าง
    การแบ่งข้าวสารก็เทียบได้กับ พี่น้องสองคนที่สร้างพระ เวลาตายไปแล้วเป็นเทวดาเสวยบุญ
    ทั้งสองคน จะได้อยู่สวรรค์ชั้นเดียวกันเนื่องจากสร้างพระร่วมกัน ตามอานิสงส์
    แต่ มีความสะดวกสบายและศักดิ์ดาและรัศมี
    รวมๆแล้วจะต่างกัน 1 ล้านเท่า ตามที่เขาได้ทำไว้
     
  6. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมจ้า...

    ข้อนี้ก็เหมือนกัน ความดี หรือบุญ มันตีราคาเป็นข้าวของไม่ได้...

    ต้องเข้าใจคำว่า บุญ ก่อนนะ...

    บุญ คือ ความดี ที่เราทำ ที่เราก่อให้เกิด และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสุข ให้เกิดแก่จิตใจของเรา คือให้เพื่อ สุขของตน เพราะการให้วัตถุของเรา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ให้แล้วเราไม่เดือดร้อน กลับทำให้สุขใจ ที่ได้ให้ ได้ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

    มีนิทานมาเล่าให้ฟัง ในครั้งก่อนอันยาวนาน มีชายคนหนึ่งยากจนเข็ญใจ แต่ว่าเป็นคนมีน้ำใจ ไม่นิ่งดูดาย ช่วยขนทรายเข้าวัด เพื่อพัฒนาชุมชนวัดร่วมกันกับผู้อื่น...เห็นชายคนหนึ่งร่ำรวยเงินทองมากมาย บริจาคเงินซื้อทรายเข้าวัด

    ชายผู้ยากจนจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า " เกิดชาติหน้าหนใด ขอการช่วยขนทรายเข้าวัดนี้ จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนนำส่งให้ข้าพเจ้า ร่ำรวยเงินทอง มากมายดุจดังเม็ดทรายกองนี้เทอญ ฯ ว่าแล้วก็ยกมือ สาธุ!!!!!!!

    แม่ชีขอสาธุ...ร่วมด้วยนะตรงนี้เลย...ขอให้ชาตินี้ ข้าพเจ้าเป็นผู้มีปัญญาอันล้ำเลิศ ก่อเกิดเป็นพลังอันมหาศาล ฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ ก้าวลุล่วงสู่พระนิพพานในชาตินี้เทอญ ฯ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...ของจงสำเร็จโดยฉับพลันแม้ว่ายังไม่ตายเทอญฯ......

    ใครฉลาดก็พลอยโมทนายินดี ก็จะได้บุญนี้ เหมือนกันทุกอย่างนะ...การพลอยโมทนายินดี จัดอยู่ในบุญกิริยาวัตถุ 10 ที่มีผลเท่ากันกับผู้ทำนะจ๊ะ....

    เมื่อรู้จักโมทนาพลอยยินดี ก็จะมีปัญญา นี่ไง...มีเงินทำน้อย แต่ถ้าพลอยยินดีกับผู้อื่นที่ทำมาก แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ก็จะสมความปรารถนาดังตั้งใจ เพราะได้ใช้ปัญญาให้เกิดประโยชน์

    เอ้า...ช่วยสรุปอีกซิ....ปัญญาเริ่มมีกันแล้วนะ....อย่าฟังแม่ชีอย่างเดียว อยากได้ความคิดเก๋ๆ แต่องค์ธรรมไม่เปลี่ยนนะ...สาธุจ้า
     
  7. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    เห็นด้วยกับแม่ชีคะ อานิสงค์ของการทำบุญขึ้นอยู่กับสภาพจิตก่อนทำ ขณะที่่กำลังทำ และหลังจากที่ทำแล้ว ว่ารู้สึกอ่ิมเอิบใจไหม รู้สึกเสียดายไหม จริงอยู่ว่าการบริจาค 1 ล้านทำได้ยากกว่าบริจาค 1 บาท เพราะมีผู้ที่มีศักยภาพจะทำได้น่้อยกว่า

    แต่ถ้านับเรื่องการโมทนาบุญ ผู้โมทนาไม่ได้ทำเอง แต่ได้บุญเหมือนกัน คิดดู ไม่ได้ออกเงินสักบาท แต่ได้บุญเท่ากับคนที่บริจาคหนึ่งล้าน หรือร้อยล้านเพราะกล่าวอนุโมทนาเขาไปนั่นเอง
     
  8. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    ต่อนะ...

    กลัวหลุดจึงมาต่อใหม่จ้า...เรื่องนิทานยังไม่จบ พอผู้ชายที่ยากจนนี้ ตายไปมาเกิดในชาติใหม่ ต่อๆมา...โอ้โฮ รวยสุดๆเลย

    ถามว่าทำไมจึงรวย...ไม่ใช่เกิดมาแล้วรวยเลยนะ เกิดมาก็ยังจนอยู่ แต่อาศัยเป็นคนเจ้าปัญญา ไม่ท้อถอย ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า เจ๊งก็มาก แย่ก็เยอะ หนี้เป็นกระบุง...แต่ไม่ท้อและไม่ถอย

    จับจุดกิจการที่เจ๊ง...คิดพิจารณา วิเคราะห์ แยกแยะได้ ลงมือทำโดยไม่รอช้า ใช้ปัญญาอันแหลมคม ผสมกับความกล้า สุดท้ายทำอะไร ก็รวยทันตาเห็น ก็คนมันคิดและทำเป็นไง...

    เห็นไหม? ความรวยไม่ได้มาแบบว่า "ได้เลย " แต่ได้มาจาก" ปัญญา "ทำให้ได้เงินมา ไม่ทำงาน จะได้เงินมาไหม?

    ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น มันล้ำลึกนะ อ่านหยาบๆ จะไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ก่อนแม่ชีก็ง๊ง งง มันอะไรกันหว๋า...

    ตั้งต้นใหม่ มองธรรมชาติ ความเป็นจริงที่มันเกิดบนโลกใบนี้ เรื่องราวที่เกิดกับมนุษย์ และสัตว์ นั่งมองมันทุกวัน ดูทุกวัน ฟังทุกวัน คิดทุกวัน

    จึง เข้าใจ อ๋อ....ทันที

    อย่างเช่น ผู้ชายมีเมียได้หลายคนไม่ผิด เพราะลูกที่เกิดกับผู้หญิง ผู้ชายย่อมรู้ว่าเป็นลูกของตน เพราะผู้หญิงมีตนคนเดียว แต่ถ้าผู้หญิงมีสามีทีละหลายคนไม่ได้ เพราะลูกที่ออกมาไม่รู้ว่า เป็นลูกใคร



    แม่ชีไม่เชื่อ...แต่ได้หมาที่วัดมันทำให้ดู ตัวผู้ 2 ตัว ผลัดกันขึ้นขี่ตัวเมีย 1 ตัว สุดท้ายตัวเมียท้อง คลอดลูกออกมา 7 ตัว ลักษณะลูกไม่เหมือนกันเลย จึงนั่งถามลูกหมาตัวแรกว่า " ทำไมจึงไม่เหมือนกันนะ เจ้าเป็นลูกใคร ?" เสียงจิตแม่ชีตอบออกไปว่า "ตัวโน้นคือ พ่อฉัน" แม่ชีพยักหน้า "อ้าว...แล้วตัวนี้พ่อเธอตัวไหนกัน?" มีเสียงตอบจากจิตว่า "พ่อฉันตัวนี้" อ้าว..อย่างนี้แม่เธอก็เป็นนางกากีน่ะสิ...



    นี่คือหนึ่งในองค์ธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ "ว่าสตรีจะมีสามีทีละหลายคนไม่ได้" ส่วนผู้ชายมีได้ไม่ผิด....แต่ต้องไม่แย่งใคร ไม่เป็นหญิงต้องห้าม หรือผู้ปกครองไม่ยินยอมนะ


    เอ้า...อยากได้คำตอบมาอีกจัง...ช่วยหน่อยนะ สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2006
  9. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468

    สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ[b-wai]
     
  10. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    ขออนุญาต ตั้ง ข้อสังเกตสักเล็กน้อยนะครับ...

    บุญ เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ มีความเป็นทิพย์ในตัวเอง

    ข้าว เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ และไม่มีความเป็นทิพย์

    ดังนั้นจึงค่อนข้างยากที่จะนำบุญมาแผ่ให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน.. บางคนยากจนเข็ญใจ .. เห็นคนรวยเขาสละที่ดินสร้างสวนสาธารณะ คนจนแค่เอาดอกไม้ไปปลูกแค่ต้นเดียว ด้วยจิตดี.. เจ้าของที่ดินได้อานิสงส์เป็นอุทยานสวยขณะที่เจ้าของดอกไม้ต้นเดียว ก็ได้อานิสงส์เป็นอุทยานสวยเท่าเทียมกัน..

    เพราะบุญมีความเป็นทิพย์.. ผลแห่งอานิสงส์ไม่มีจำกัด ไม่มีสูตรการคำนวณ ใช้หลักคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้.. คำว่าทิพย์น่าจะไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ..

    ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ..
     
  11. rosey

    rosey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +1,345
    แหม.. ก็อดคิดต่อไปอีกนิด ๆ เจ้าค่ะ
    ก็ถ้า 1 บาทและครบ 1 ล้านคนนี่สิเจ้าค่ะ..
    จากจุดเล็ก ๆ ของผู้มองเห็น..
    ก็ถ้าเห็น.. ต้นข้าวที่พร้อมจะเติบโต เพื่อให้เก็บเกี่ยว...
    ดินที่ดีนั้น ผ่านร้อนผ่านฝนมานานยิ่งนัก..
    เก็บซับประสบการณ์อันมีค่ายิ่ง... มีความพร้อมที่จะ
    เป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ .. (เนื้อนาบุญ)
    ขาดแต่เพียงเมล็ดข้าวพร้อมปลูกลงนา.....
    ข้อสังเกตอีกนิดก็คือ ธรรมชาติของที่นานั้น..
    มักจะเป็นผู้สร้าง และก่อให้เกิด..
    ปัจจัยของเมล็ดเองก็นำหนุนส่ง...อยู่..
    เอ... แต่ตอนนี้ที่นาก็นำหนุนส่งเมล็ดอยู่
    มิใช่หรือเจ้าค่ะ....... สาธุ สาธุ สาธุ
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower




     
  12. rosey

    rosey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +1,345
    แม่ชีขอสาธุ...ร่วมด้วยนะตรงนี้เลย...ขอให้ชาตินี้ ข้าพเจ้าเป็นผู้มีปัญญาอันล้ำเลิศ ก่อเกิดเป็นพลังอันมหาศาล ฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ ก้าวลุล่วงสู่พระนิพพานในชาตินี้เทอญ ฯ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...ของจงสำเร็จโดยฉับพลันแม้ว่ายังไม่ตายเทอญฯ......

    ใครฉลาดก็พลอยโมทนายินดี ก็จะได้บุญนี้ เหมือนกันทุกอย่างนะ...การพลอยโมทนายินดี จัดอยู่ในบุญกิริยาวัตถุ 10 ที่มีผลเท่ากันกับผู้ทำนะจ๊ะ....

    เมื่อรู้จักโมทนาพลอยยินดี ก็จะมีปัญญา นี่ไง...มีเงินทำน้อย แต่ถ้าพลอยยินดีกับผู้อื่นที่ทำมาก แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ก็จะสมความปรารถนาดังตั้งใจ เพราะได้ใช้ปัญญาให้เกิดประโยชน์

    .................................................................................
    อนุโมทนา กับแม่ชีณัฐทิพย์เจ้าค่า... สาธุ สาธุ สาธุ..
    [b-wai] [b-wai] [b-wai]


     
  13. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    ในโลกนี้มี รูป และนามคู่กันเสมอ รูปเกิด นามเกิด นามเกิด รูปเกิด รูปดับ นามดับ นามดับ รูปดับตาม

    ความดีที่เราทำด้วย กาย ทางวาจา และทางใจนั้นก่อเกิดเป็น บุญ นั้นคือ รูป ผลที่ได้ คือความสุข ที่เป็น นาม รูปและนามจึงคู่กันตลอด

    พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า "สิ่งใดที่มันมีมา ก็ต้องปล่อยให้มันมีไป "อย่าไปคัดค้านหรือวุ่นวายกับมันให้วุ่นวายเลย นั่นคือ อย่าไปลังเลและสงสัยกับมันให้มากมาย เพราะอาจจะเป็นโรคประสาทได้ในที่สุด ข้อนี้จัดอยู่ในนิวรณ์ธรรม

    เพียงเราทำในสิ่งที่ดีและถูกต้อง คือไม่เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน ไม่สั่งใครให้ทำแทนเรา โดยไปก่อกวนผู้อื่นให้วุ่นวาย และไม่ทำร้ายตนเองให้เดือดร้อน หรือเป็นทุกข์ นั่นคือความดี ที่ก่อเกิดเป็น บุญแล้ว

    การไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้นทำได้โดย - รู้จักพอ
    - รู้จักให้ คือให้อภัย ให้น้ำใจ และ ให้โอกาส
    - รู้จักทำใจ
    - รู้จักปล่อยวาง

    ถ้าทำอย่างที่กล่าวมาได้ ทุกข์จะมีมาแต่ไหน? จริงไหมคะ?....
    ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยที่ช่วยกันคิด วิเคราะห์ แยกแยะกับธรรมะร่วมกัน ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาอยู่ร่วมร่มธรรมเดียวกัน สาธุ...ด้วยเจ้าค่ะ ธรรมะสวัสดี
     
  14. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +745
    ได้เท่ากัน คือได้ทำบุญ เหมือนกัน ทำบุญ 1 บาท กับ 1 ล้านบาท ถ้ายังหวังอานิสงส์ต่างๆอยู่ ก็ไม่ถึงบุญ ไม่ถึงกุศล บุญกุศลนั้นไม่สามารถวัดกันได้ ไม่มีใครมานั่งบอกได้ว่า ได้อะไรเท่าไหร่
    สำคัญที่ว่า ท่านทำบุญกุศลด้วยจุดมุ่งหมายอะไร ประกอบด้วยปัญญาหรือไม่ ทำบุญหวังแค่มนุษย์สมบัติ สววรรค์สมบัติก็ได้แค่มนุษย์สวรรค์สมบัติ ทำบุญกุศลเพื่อละความยึดมั่นถือมั่นตนเองนั้นก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
    ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติญาณทัสสนะ คือทางที่ท่านให้ดำเนิน ทำให้เกิดขึ้นในตน เพื่อความหลุดพ้นจากภพ จากชาติ จากวัฏฏสงสาร
     
  15. สายลมแห่งความหวังดี

    สายลมแห่งความหวังดี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +11
    ขออนุโมทนาบุญกับแม่ชีด้วยครับ ทำให้เข้าใจมากเกิดปัญญา
     
  16. กองทัพเทพ

    กองทัพเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +2,629
    อนุโมทนา

    มากราบแม่ชีณัฐทิพย์ วิสัชชนา วีระชัยปัญหา ด้วย

    คนปัจจุบัน เป็นอย่างนี้มาก เอา เงินตรามาเทียบค่าบุญ
    ๑ ล้าน บางคนก็ ทำเอาหน้า เหมือนกันแหละ

    บุญทำได้ตั้งหลายอย่าง หลายวิธี
    สรุป ว่า ทำบุญอย่าคิดมาก อย่าอธิษฐานมาก
    ขอ ให้ได้ นิพพาน ข้อเดียวพอ
    ถ้ายังไม่ถึง บุญเหล่านั้นก็ส่งผลลดหลั่นกันมาเอง

    ทำ ดี ย่อมได้ ดี

    โยม กล่าวไว้อย่างนี้ แม่ชีเห็นเป็นอย่างไร ครับ​
     
  17. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ใจใสเป็นบุญ ใจขุ่นเป็นบาป
    ก่อนทำบุญ ขณะกำลังทำบุญ และหลังทำบุญ ใจต้องผ่องใส ทั้ง ๓ วาระ
    สาธุ...
     
  18. เด็กใหม่คับ

    เด็กใหม่คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +152
    แล้วถ้าสมมติทำบุญให้โรงพยาบาล 100 ล้านเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยธรรมดา กับทำบุญเงิน ไม่กี่พันบาทเพื่อรักษาพระอรหันต์หนึ่งองค์ อย่างนี้อนิสงค์ที่ได้จะต่างกันมากขนาดไหน

    แล้วสมมติ เข้าป่าไปกับพระอรหันต์ พระไม่ได้ฉันอะไรหลายวันแล้ว ถ้าไม่ได้ฉันจะต้องตายแน่ๆ แล้วเราไปเจอพลไม้ ซึ่งมีสภาพใกล้เน่า ถ้ากินไปอาจป่วยได้ คนที่เดินทางด้วยควรจะถวายหรือไม่ ถวายไปแล้วจะเป็นบาปรึป่าว

    แล้วสุดท้ายมีอยู่สองคำกล่าวที่ว่า การให้อภัย เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ กับ ธรรมทาน เป็นทานชนะทานทั้งปวง ไม่ทราบว่าอันไหนให้อนิสงค์มากกว่ากัน
     
  19. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    ในโรงพยาบาลมีผู้มารับการรักษามากมายหลายชีวิต มีทั้งคนธรรมดา พระอริยะและแม้แต่พระอรหันต์ก็มี
    พระอรหันต์ไม่ได้มีอยู่แต่ในป่าที่ไหนกัน...

    แต่ถ้าเดินป่าเจอพระอาพาธ มีผลไม้ใกล้เน่ากลัวว่าฉันแล้วพระจะแย่ ก็เลือกเอาส่วนที่ไม่เน่าให้ท่านฉันสิ ป่าสมัยนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อนหรอกนะ

    ส่วนการให้อภัยเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่นั่นก็เพราะ คนเราจะให้อภัยใครสักคนบางครั้งมันยากยิ่งกว่าเข็นพระประธานขึ้นเขาเสียอีก เนื่องจากโกรธโมโหอิจฉาบ้าง เหล่านี้แหละที่มันยากแก่การให้อภัย
    ถ้าให้อภัยหรืออโหสิได้ก็นับว่าประเสริฐแล้ว

    ส่วนธรรมทาน เป็นการให้ธรรมะหรือแนะวิธีในการครองตนแก่บุคคลทั่วไป เพื่อให้ชีวิตมีความสุขและสังคมประเทศเกิดสันติร่วมกัน

    แต่เราจะเห็นได้ว่าการให้ธรรมะของคนบางคนก็เป็นที่มาของความแตกแยกก็มี คือให้ธรรมะผิดที่ ผิดคนนั่นเอง
    บุญรักษา/ธรรมะสวัสดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...