ช่อฟ้าวัดป่าโนนจ่าหอม ปัจจัยยังไม่ครอบพอที่จะสร้างร่วมบุญติดต่อ 080-167-5445

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 28 ธันวาคม 2009.

  1. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างมากครับ
    ขออาราธนาพลังบารมีแห่งพระรัตนตรัย องค์พรหมเทพทั้งมวล
    มีสมเด็จองค์ปฐมต้นเป็นที่สุด บารมีแห่งหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่มั่น และพระอาจารย์ชยางกูร ได้โปรดดลบันดาลให้คุณ Rainnii และครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสวัสดี เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย คำว่า ไม่มี ไม่ดี ไม่รู้ จงอย่าพึงมีแก่ทุกท่าน ทุกชาติ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานครับ


    ตามกำหนดการ คุณเก๋แจ้งว่า จะมีพิธีถวายผ้าป่าตอน 8.30 น.วันนี้ครับ
    ตอนนี้น่าจะดำเนินการเรียบร้อยแล้ว พวกเราทุกคนที่ได้มีส่วนช่วยวิหารทานครั้งนี้ ขอให้ตั้งจิตร่วมอนุโมทนาบุญใหญ่นี้ และตั้งจิตอุทิศบุญใหญ่นี้ ให้แก่

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่ปกปักรักษาเรา เทวดาประจำตัวของเรา บิดามารดาท่านผู้มีคุณทุกชาติ กายทิพย์ที่มากับกายสิทธิ์ที่อยู่กับเรา ญาติมิตรทั้งปวง

    นายเวรเชื้อโรคที่ท่าถึงตัวเรา และท่านผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทุกท่าน ที่เสวยสุขอยู่ก็ดี เสวยทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี วิญญานเร่ร่อน สัมภเวสีทั้งหลาย ขอให้ได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับที่เราพึงมีพึงได้รับ ณ กาลปัจจุบันนี้เทอญ

    ท่านที่ประสงค์ร่วมสร้างช่อฟ้ากับคุณเก๋และคณะศิษย์ ยังสามารถร่วมบุญกันมาได้ครับ
    เนื่องจากการสร้างช่อฟ้าต้องใช้ปัจจัยสูง ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก อนุโมทนาสาธุการครับ


    วันนี้เรายังพร่อง ยังไม่เต็ม ก็ต้องเร่งบำเพ็ญบุญที่มีอานิสงฆ์สูง
    เพื่อค้ำชูชีวิตให้มีความดี ความงามทางจิตใจ และมีบารมีธรรมสูงขึ้น
    เพื่อวันหนึ่ง เราจะ "เต็ม" ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีภพชาติแก่เราอีกต่อไป

    ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านเป็นอย่างมากครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  2. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]
    ระหว่างที่รอคุณเก๋มา Update ภาพ
    ขออนุญาตนำภาพในหลวง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 53
    ครั้งที่เสด็จวางพวงมาลาที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมราชชนก และรูปหล่อสมเด็จพระศรีนครินทราฯ รวมทั้งเสด็จทอดพระเนตรแม่น้ำเจ้าพระยา...มาให้ชมกัน
     
  3. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม กับพญานาค

    นำมาให่อ่านกันระหว่างรอภาพจากคณะที่ไปวัดครับ<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>[​IMG]

    พญานาคกับหลวงปู่ชอบ ดูเหมือนจะมีความผูกพันกันเป็นพิเศษ แม้แต่ท่านอยู่ในวัด พญานาคก็ยังมาปรากฏกายให้ท่านได้เห็น ดั่งที่ท่านเล่าให้ศิษย์ฟังดังนี้....


    “เราอยู่วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ระยะหนึ่งเราสังเกตพบว่า ในบรรดาทายกทายิกาที่นำภัตตาหารมาถวายพระและฟังธรรมนั้น มีชายคนหนึ่งแม้แต่งกายพื้นเมืองธรรมดากว่าคนอื่น แต่ก็มีท่วงท่าสง่างามกว่าผู้คนที่มาทำบุญด้วยกันอย่างเห็นได้ชัด กิริยาอาการสำรวมกว่าคนธรรมดา อาหารที่เขานำมาถวายทุกครั้งนั้นเป็นอาหารพื้นเมืองธรรมดา แต่เมื่อได้ฉันแล้ว กลับมีรสโอชากว่าอาหารของคนอื่น แต่เราไม่อาจปลงใจได้ว่าเป็นของชายคนนั้น เพราะเราฉันรวมกันในบาตรด้วยการเคล้า เรามักจะอาศัยเวลาว่างจากการแสดงธรรมสอบถามชาวบ้านเสมอว่า เขานั้นเป็นใครมาจากไหน มีความเป็นอยู่อย่างไร จะได้รู้จักและสอนธรรมะได้อย่างสะดวกใจ และเราได้ถามถึงชายคนที่นำดอกไม้และภัตตาหารมาถวาย ทุกคนที่เราถามรู้ว่าหมายถึงใคร แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นใคร เพราะต่างคนต่างคิดว่าเป็นญาติของอีกคนหนึ่งต่อๆกันไป วันสุดท้ายที่เราพบชายผู้นั้นเขานำดอกไม้และภัตตาหารมาถวายเหมือนเคย ครั้นเราถามว่าบ้านโยมอยู่ที่ไหน ถามไถ่ผู้คนก็ไม่รู้จัก เขาก็อมยิ้มก่อนตอบว่าอยู่แถวนี้เองแหละพระคุณเจ้า กล่าวตอบเราแล้วก็ถอยฉากไปนั่งรอถวายภัตตาหาร หลังจากที่ได้ถวายภัตตาหารแล้วธรรมเนียมของคนบ้านนั้น จะตักอาหารที่เหลือจากการถวายพระแจกกันไปทั่วๆ จากนั้นก็นั่งกินกันเป็นกลุ่มๆ แต่ชายผู้นั้นกับนั่งกินคนเดียวไม่รวมกลุ่มกับคนอื่น เราจึงคอยดูเวลากลับ เขาก็เดินแบกถาดอาหารไปตรงสระน้ำหน้าวัด พอเห็นไม่มีใครสังเกตก็หายวับไปในสระนั้นเอง”

    ในวันหนึ่งเราได้พบกับเขาตามลำพังเราได้สนทนากับเขาถึงเรื่องที่เราอยากรู้
    “ท่านต้องการอะไรหรือ จึงขึ้นมาพบพระป่าอย่างเรา”
    “พระคุณเจ้ากระผมคือ นาคมานพ วิสัยพญานาคนั้นเคารพในผู้ทรงศีล ผู้ทรงคุณธรรม มนุษย์ผู้เป็นกัลยาณชนปรารถนาในการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา พญานาคก็ต้องการบำเพ็ญทานภาวนาและศีลด้วยเช่นกัน

    ครั้งเมื่อสมเด็จพระพุทธองค์ทรงเสวยพระชาติเป็นพญานาค ชื่อพระภูริทัตต์ ก็บำเพ็ญทานภาวนาจนตัวตายเหมือนกัน”

    “ศีลของพระคุณเจ้าหอมเหลือเกิน หอมไปไกล พวกกระผมจึงขึ้นมาบำเพ็ญทานถวายพระคุณเจ้า เพื่อเพิ่มพูนบารมีของตนสืบไป”

    “เราขอถามท่านว่าเราเคยพบพวกท่านเนรมิตในรูปต่างๆมามาก เราต้องการทราบว่าท่านทำกันอย่างไร”
    “ขอให้พระคุณเจ้าได้โปรดทัศนาด้วยตาของท่านเอง”
    “เขากล่าวกับเราว่าเป็นนิมิตภาพเท่านั้น ผู้บารมีธรรมจึงได้เห็น ร่างของเขาหายวับไปแล้วปรากฏเป็นมานพหนุ่มรูปงามเดินเข้ามา แล้วหายวับไปเป็นคนแก่งกๆเงิ่นๆ เดินเข้ามาแล้วกลายเป็นสตรีรูปงาม กลายเป็นนายพรานขมังธนูดูโหด เขาบอกกับเราว่าการเนรมิตคือการคิด แล้วร่างก็เปลี่ยนไปอย่างต้องการ จะให้เป็นมนุษย์ครั้งละหลายๆคนก็ได้ เป็นสัตว์ป่าหลายๆตัวก็ได้ เป็นสัตว์ 2 อย่างพร้อมๆกันก็ได้ ศิษย์ที่ฟังท่านเล่าจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า เมื่อเนรมิตเป็นอะไรก็ได้แล้วรูปร่างจริงเป็นอย่างไร หลวงปู่ก็ตอบว่า เราเคยเห็นอยู่เหมือนกันในภาพผนังโบสถ์นั้นแหละ มี 3 หงอนบ้าง 4 หงอนบ้าง 7 หงอนบ้าง มาด้วยกันทั้งตัวผู้และตัวเมียก็เคยเห็น หงอนสีแดงมีแพรคอเหมือนม้า ลำตัวใหญ่ยาวเกล็ดสีดำเป็นมันเลื่อม บางครั้งเขาก็มาเป็นมนุษย์ทรงเครื่องแบบกษัตริย์สง่างามมาก มีข้าราชบริพารแห่แหนมาดังขบวนยุรยาตรพระราชา เราพบมาหลายแบบงูตัวเล็กๆก็มี ผ้าขาว ผู้หญิง เสือ มนุษย์ กษัตริย์ และอีกหลายอย่างสารพัดสารเพ ดังนั้นพญานาคจึงมีฤทธิ์ในด้านการแปลงกายเป็นพิเศษ”

    อีกครั้งหนึ่ง..
    คราวหนึ่ง...หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ธุดงค์ไปกับพระอาจารย์เหรียญ บนดอยสูงทางภาคเหนือ หลวงพ่อก็พบกับพญานาคอีก ดังเรื่องราวต่อไปนี้...
    “เราปักกลดอยู่ที่เนินเขา แต่ขึ้นไปบิณฑบาตบนดอยของพวกแม้ว แม้วเพิ่งรู้จักพระ วันแรกใส่ข้าวเปล่า วันที่สองเอาหมูสดๆ ที่ลวกน้ำเกลือกันเน่ามาใส่ เราต้องให้โยมที่ติดตามไปด้วยรับไว้แทน ไม่ให้ใส่ในบาตร เดือดร้อนโยมเมื่อกลับถึงที่ก็ต้องไปทำสุกมาถวาย วันต่อมาโยมที่ไปด้วยกันบอกกับพวกแม้วว่าพระต้องฉันอาหารสุก จึงได้อาหารสุกตามต้องการ เราได้ขึ้นไปแสวงหาวิเวกบนดอยโดยมีโยมช่วยกันสร้างที่พัก เราจึงได้แสวงวิเวกและบำเพ็ญเพียรอยู่บนนั้น คืนหนึ่งเรากำลังเดินจงกรม พลันก็เกิดแสงสว่างประหลาดพุ่งไปสู่เส้นทางที่เดินจงกรม และที่ปลายแสงนั้นพญานาคในรูปกายจริงก็ชำแรกดินขึ้นมาทันที เรากำหนดจิตถามเขาว่า “มาจากไหนหรือท่านนาคราช” เขาก็ตอบมาว่า “ข้าพเจ้าอยู่ตีนเขาลูกนี้ ในเขาลูกนี้มีลำธารลอดอยู่ภายใน ไหลผ่านลงไปที่เชิงเขาแล้วลงสู่ไร่นาชาวบ้าน ที่พระคุณเจ้าธุดงค์ผ่านมาคงจำได้นะ นั้นแหละขอรับเส้นทางเดินของข้าพเจ้า” หลังจากได้สนทนากับเราพอสมควรแล้ว เขาก็ชำแรกดินขึ้นมาทั้งตัวให้เห็นเป็นร่างอันแท้จริง หงอนสีแดงฉาน แผงที่คอเหมือนแผงคอม้า ลำตัวมีเกล็ดสีดำมะเมื่อม ส่วนหัวอยู่เบื้องหน้าเรา แต่ส่วนหางยาวไปจรดเขาอีกลูกหนึ่ง ศิษย์ถามว่าพญานาคมาหาหลวงปู่ด้วยเหตุใด หลวงปู่ตอบว่า “เขาบอกเราว่า ข้าพเจ้ามีความเย็นกายเย็นใจที่มีพระกัมมัฏฐานที่ประเสริฐเยี่ยงท่าน มาภาวนาแผ่ความสุขความเมตตาให้แก่สัตว์โลก เสียงที่ท่านสวดมนต์และแผ่เมตตาทำให้เย็นอกเย็นใจมีแต่ความสุข สุดจะทนอยู่ได้จึงขอขึ้นมาชมบารมี เพราะสมเด็จพระบรมศาสดาทรงมรพุทธดำรัสว่า การเห็นสมณะเป็นอุดมมงคลอันสูงสุด”
    จบเรื่องหลวงปู่ชอบ เพียงเท่านี้

    คัดลอกมาจากหนังสือ พระอริยสงฆ์เผชิญพญานาค

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  4. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ชาติที่ 6 ภู ริ ทั ต ช า ด ก

    [​IMG]

    ความโดยย่อ :

    ภูริทัตต์เป็นบุตรของนางสมุทรชากับท้าวธตรฐซึ่งเป็นพญานาค ท้าวธตรฐมีโอรส 4 องค์ เมื่อภูริทัตต์โตขึ้นก็ออกรักษาอุโบสถศีลในป่า จึงถูกพรามณ์จับไปแสดงให้ประชาชนดู เพื่อไม่ให้ศีลที่รักษาอยู่นั้นขาดภูริทัตต์ก็ไม่ได้ตอบโต้ พี่น้องของภูริทัตต์ได้พากันออกตามหาจนพบที่เมืองพาราณสี และได้พบกับพระราชาซึ่งเป็นลุงของภูริทัตต์ ทั้งหมดจึงรู้ว่าเป็นเครือญาติกัน พระราชาก็ได้พาภูริทัตต์และพี่น้องไปพบปู่ซึ่งบวชอยู่ในป่า เมื่อทุกคนได้พบหน้ากันแล้วก็ลากลับยังเมืองนาค ส่วนภูริทัตต์ขอบวชอยู่ในป่าเพื่อรักษาอุโบสถศีล


    พระเจ้าสิบชาติ ชาติที่ ๖ พระภูริทัตต์ชาดก


    พระราชาพระองค์ หนึ่ง พระนามว่า "พรหมทัต" ครอง ราชสมบัติอยู่ที่เมืองพาราณสี พระโอรสทรงดำรง ตำแหน่งอุปราช อยู่ต่อมาพระราชาทรงระแวงว่า พระโอรสจะคิดขบถ แย่งราชสมบัติ จึงมีโองการให้ พระโอรสออกไปอยู่ให้ไกลเสียจากเมือง จนกว่าพระราชา จะสิ้นพระชนม์จึงให้กลับมารับราชสมบัติ พระโอรสก็ปฏิบัติ ตามบัญชา เสด็จไปบวชอยู่ที่บริเวณแม่น้ำชื่อว่า "ยุมนา" มีนางนาคตนหนึ่งสามีตาย ต้องอยู่แต่เพียงลำพัง เกิดความ ว้าเหว่จนไม่อาจทนอยู่ในนาคพิภพได้ จึงขึ้น มาจากน้ำ ท่องเที่ยวไปตามริมฝั่งมาจนถึงศาลาที่พักของพระราชบุตร นางนาคประสงค์จะลองใจดูว่า นักบวชผู้พำนักอยู่ในศาลานี้ จะเป็นผู้ที่บวชด้วยใจเลื่อมใสอย่างแท้จริงหรือไม่ จึงจัดประดับ ประดาที่นอนในศาลานั้นด้วยดอกไม้หอม และของทิพย์จาก เมืองนาค ครั้นพระราชบุตรกลับมา เห็นที่นอนจัดงดงาม น่าสบายก็ยินดีประทับนอนด้วยความสุขสบายตลอดคืน รุ่งเช้าก็ออกจากศาลาไป นางนาคก็แอบดู พบว่าที่นอน มีรอยคนนอน จึงรู้ว่านักบวชผู้นี้มิได้บวชด้วยความศรัธรา เต็มเปี่ยม ยังคงยินดีในของสวยงาม ตามวิสัยคนมีกิเลส จึงจัดเตรียมที่นอนไว้ดังเดิมอีก ในวันที่สาม พระราชบุตรมีความสงสัยว่า ใครเป็นผู้จัด ที่นอนอันสวยงามไว้ จึงไม่เสด็จออกไปป่า แต่แอบดูอยู่บริเวณ ศาลานั่นเอง เมื่อนางนาคเข้ามาตกแต่งที่นอน พระราชบุตร จึงไต่ถามนางว่า นางเป็นใครมาจากไหน นางนาคตอบว่า นางเป็นนาคชื่อมาณวิกา นางว้าเหว่าที่สามีตาย จึงออกมา ท่องเที่ยวไป พระราชบุตรมีความยินดีจึงบอกแก่นางว่า หากนางพึงพอใจจะอยู่ที่นี่ พระราชบุตรก็จะอยู่ด้วยกับนาง นางนาคมาณวิกาก็ยินดี ทั้งสองจึงอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา จนนางนาคประสูติโอรสองค์หนึ่ง ชื่อว่า "สาครพรหมทัต" ต่อมาก็ประสูติพระธิดาชื่อว่า "สมุทรชา" ครั้นเมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต บรรดาเสนาอำมาตย์ ทั้งหลายไม่มีผู้ใดทราบว่าพระราชบุตรประทับ อยู่ ณ ที่ใด บังเอิญพรานป่าผู้หนึ่งเข้ามาแจ้งข่าวว่า ตนได้เคยเที่ยวไปแถบ แม่น้ำยมุนา และได้พบพระราชบุตรประทับอยู่บริเวณนั้นอำมาตย์ จึงได้จัดกระบวนไปเชิญเสด็จพระราชบุตรกลับมาครองเมือง พระราชบุตรทรงถามนางนาคมาณวิกาว่า จะไปอยู่ เมืองพาราณสีด้วยกันหรือไม่ นางนาคทูลว่า "วิสัยนาค นั้นโกรธง่ายและมีฤทธิ์ร้าย หากหม่อมฉันเข้าไปอยู่ในวัง แล้วมีผู้ใดทำให้โกรธ เพียงหม่อมฉัน ถลึงตามอง ผู้นั้นก็จะ มอดไหม้ไป พระองค์พาโอรสธิดากลับไปเถิด ส่วนหม่อมฉัน ขอทูลลากลับไปอยู่เมืองนาค ตามเดิม" พระราชบุตรจึงพาโอรสธิดากลับไปพาราณสีเป็นพระราชา

    อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่โอรสธิดาเล่นน้ำอยู่ในสระ เกิดตกใจกลัวเต่า ตัวหนึ่ง พระบิดาจึงให้คนจับเต่านั้นไป ทิ้งที่วันน้ำวนในแม่น้ำ ยมุนา เต่าจมลงไปถึงเมืองนาค เมื่อถูกพวกนาคจับไว้ เต่าก็ออก อุบาย บอกแก่ นาคว่า "เราเป็นทูตของพระราชาพาราณสี พระองค์ ให้เรามาเฝ้าท้าวธตรฐ พระราชทานพระธิดาให้เป็นพระชายา ของท้าวธตรฐ เมืองพาราณสีกับนาคพิภพจะได้เป็นไมตรีกัน" ท้าวธตรฐทรงทราบก็ยินดี สั่งให้นาค ๔ ตนเป็นทูตนำ บรรณาการไปถวายพระราชาพาราณสีและขอรับตัว พระธิดามาเมืองนาค พระราชาทรงแปลกพระทัย จึงตรัสกับ นาคว่า "มนุษย์กับนาคนั้นต่างเผ่าพันธุ์กัน จะแต่งงานกัน นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้" เหล่านาคได้ฟังดังนั้น จึงกลับไปกราบทูลท้าวธตรฐว่า พระราชาพาราณสีทรงดูหมิ่นว่านาคเป็นเผ่าพันธุ์งู ไม่คู่ควรกับพระธิดา ท้าวธตรฐทรงพิโรธ ตรัสสั่งให้ฝูงนาค ขึ้นไปเมืองมนุษย์ ไปเที่ยวแผ่พังพานแสดง อิทธิฤทธิ์อำนาจ ตามที่ต่างๆ แต่มิให้ทำอันตรายชาวเมือง ชาวเมืองพากันเกรงกบัวนาคจนไม่เป็นอันทำมาหากิน ในที่สุดพระราชาก็จำพระทัยส่ง นางสมุทรชา ให้ไปเป็นชายา ท้าวธตรฐ นางสมุทรชาไปอยู่เมืองนาคโดยไม่รู้ว่าเป็นเมืองนาค เพราะท้าวธตรฐให้เหล่า บริวารแปลงกายเป็นมนุษย์ทั้งหมด นางอยู่นาคพิภพด้วยความสุขสบาย จนมีโอรส ๔ องค์ ชื่อว่า สุทัศนะ ทัตตะ สุโภคะ และ อริฏฐะ อยู่มาวันหนึ่ง อริฏฐะได้ฟังนาคเพื่อนเล่นบอกว่า พระมารดาของตนไม่ใช่นาค จึงทดลองดูโดยเนรมิต กายกลับเป็นงู ขณะที่กำลังกินนมแม่อยู่ นางสมุทรชาเห็นลูก กลายเป็นงูก็ตกพระทัย ปัดอริฏฐะตกจากตัก เล็บของนาง ไปข่วนเอานัยน์ตาอริฏฐะบอดไปข้างหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมา นางจึงรู้ว่าได้ลงมาอยู่เมืองนาค

    ครั้นเมื่อพระ โอรสทั้ง ๔ เติบโตขึ้น ท้าวธตรฐก็ทรงแบ่งสมบัติ ให้ครอบครองคนละเขต ทัตตะผู้เป็นโอรส องค์ที่สองนั้น มาเฝ้าพระบิามารดาอยู่เป็นประจำ ทัตตะเป็นผู้มีปัญญา เฉลียวฉลาดได้ช่วยพระบิดาแก้ไข ปัญหาต่างๆอยู่เป็นนิตย์ แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเทวดา ทัตตะก็แก้ไขได้จึงได้รับการยกย่อง สรรเสริญว่า เป็นผู้ปรีชาสามารถ ได้รับขนานนามว่า ภูริทัตต์ คือ ทัตตะผู้เรืองปัญญา ภูริทัตต์ได้เคยไปเห็นเทวโลก ว่าเป็นที่น่ารื่นรมย์จึงตั้งใจว่า จะรักษาอุโบสถศีลเพื่อจะได้ไปเกิดใน เทวโลก จึงทูล ขออนุญาตพระบิดา ก็ได้รับอนุญาต แต่ท้าวธตรฐสั่งว่า มิให้ออกไปรักษาอุโบสถนอก เขตเมืองนาค เพราะอาจ เป็นอันตราย ครั้นเมื่อรักษาศีลอยู่ในเมืองนาค ภูริทัตต์ รำคาญว่าพวกฝูงนาคบริวาร ได้ห้อมล้อม ปรนนิบัติเฉพาะ ตั้งแต่นั้นมา ภูริทัตต์ก็ขึ้นไปรักษาอุโบสถศีลอยู่ที่จอมปลวก ใกล้ต้นไทรริมแม่น้ำยมุนา ภูริทัตต์ตั้งจิต อธิษฐานว่า แม้ผู้ใดจะต้องการหนัง เอ็น กระดูก เลือดเนื้อของตน ก็จะยอมบริจาคให้ ขอเพียงให้ได้ รักษาศีลให้บริสุทธิ์

    ครั้งนั้นมี นายพรานชื่อ เนสาท ออกเที่ยวล่าสัตว์ เผอิญได้ พบภูริทัตต์เข้า สอบถามรู้ว่าเป็นโอรสของ ราชาแห่งนาค ภูริทัตต์เห็นว่าเนสาทเป็นพรานมีใจบาปหยาบช้า อาจเป็น อันตรายแก่ตน จึงบอกแก่ พรานเนสาทว่า "เราจะพาท่าน กับลูกชาย ไปอยู่เมืองนาคของเรา ท่านทั้งสองจะมีความสุข สบายในเมือง นาคนั้น" พรานเนสาทลงไปอยู่เมืองนาค ได้ไม่นาน เกิดคิดถึงเมืองมนุษย์จึงปรารภกับภูริทัตต์ว่า "ข้าพเจ้าอยากจะกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง แล้วจะออกบวช รักษาศีลอย่างท่านบ้าง" ภูริทัตต์รู้ด้วยปัญญาว่าพรานจะเป็นอันตรายแก่ตน แต่ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรดี จึงต้องพาพรานกลับไป เมืองมนุษย์ พรานพ่อลูกก็ออกล่าสัตว์ต่อไปตามเดิม มีพญาครุฑตนหนึ่งอาศัยอยู่บนต้นงิ้ว ทางมหาสมุทรด้านใต้ วันหนึ่งขณะออกไปจับนาคมากิน นาคเอาหางพันกิ่งไทรที่อยู่ ท้ายศาลาพระฤาษี จนต้นไทรถอนรากติดมาด้วย ครั้นครุฑ ฉีกท้องนาคกินมันเหลว แล้วทิ้งร่างนาคลงไป จึงเห็นว่า มีต้นไทรติดมาด้วย ครุฑรู้สึกว่าได้ทำผิด คือถอนเอา ต้นไทรที่พระฤาษี เคยอาศัยร่มเงา จึงแปลงกายเป็นหนุ่ม น้อยไปถามพระฤาษีว่า เมื่อต้นไทรถูกถอนเช่นนี้ กรรมจะตก อยู่กับใคร พระฤาษีตอบว่า "ทั้งครุฑและนาคต่างก็ไม่มี เจตนาจะถอนต้นไทรนั้น กรรมจึงไม่มีแก่ผู้ใดทั้งสิ้น"

    ครุฑดีใจ จึงบอกกับพระฤาษีว่าตนคือครุฑ เมื่อพระฤาษี ช่วยแก้ปัญหาให้ตนสบายใจขึ้นก็จะสอนมนต์ชื่อ อาลัมพายน์ อันเป็นมนต์สำหรับครุฑใช้จับนาค ให้แก่พระฤาษี อยู่มาวันหนึ่ง มีพราหมณ์ซึ่งเป็นหนี้ชาวเมืองมากมาย จนคิด ฆ่าตัวตาย จึงเข้าไปในป่า เผอิญได้พบพระฤาษี จึงเปลี่ยนใจ อยู่ปรนนิบัติพระฤาษีจนพระฤาษีพอใจ สอนมนต์อาลัมพายน์ ให้แก่พราหมณ์นั้น พราหมณ์เห็นทางจะเลี้ยงตนได้ จึงลา พระฤาษีไป เดินสาธยายมนต์ไปด้วย นาคที่ขึ้นมาเล่นน้ำ ได้ยินมนต์ก็ตกใจ นึกว่าครุฑมา ก็พากันหนีลงน้ำไปหมด ลืมดวงแก้วสารพักนึกเอาไว้บนฝั่ง พราหมณ์หยิบ ดวงแก้วนั้นไป ฝ่ายพรานเนสาทก็เที่ยวล่าสัตว์อยู่ เห็นพราหมณ์เดินถือ ดวงแก้วมา จำได้ว่าเหมือนดวงแก้วที่ภูริทัตต์ เคยให้ดู จึงออกปากขอ และบอกแก่พราหมณ์ว่า หากพราหมณ์ ต้องการอะไรก็จะหามาแลกเปลี่ยน พราหมณ์บอกว่าต้องการ รู้ที่อยู่ของนาค เพราะตนมีมนต์จับนาค พรานเนสาทจึงพา ไปบริเวณที่รู้ว่า ภูริทัตต์เคยรักษาศีลอยู่ เพราะความโลภ อยากได้ดวงแก้ว โสมทัตผู้เป็นลูกชาย เกิดความละอายใจที่บิดาไม่ซื่อสัตย์ คิดทำร้ายมิตร คือภูริทัตต์ จึงหลบหนีไป ระหว่างทาง เมื่อไปถึงที่ภูริทัตต์รักษาศีลอยู่

    ภูริทัตต์ลืม ตาขึ้นดูก็รู้ว่า พราหมณ์คิดทำร้ายตน แต่หากจะตอบโต้ ถ้าพราหมณ์เป็น อันตรายไป ศีลของตนก็จะขาด ภูริทัตต์ปรารถนาจะรักษาศีล ให้บริสุทธิ์จึงหลับตาเสีย ขดกายแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว พราหมณ์ก็ร่ายมนต์อาลัมพายน์ เข้าไปจับภูริทัตต์ไว้กด ศีรษะอ้า ปากออก เขย่าให้สำรอกอาหารออกมา และทำร้าย จนภูริทัตต์เจ็บปวดแทบสิ้นชีวิต แต่ก็มิได้โต้ตอบ พราหมณ์จับ ภูริทัตต์ใส่ย่ามตาข่าย แล้วนำไปออกแสดงให้ประชาชนดูเพื่อหาเงิน พราหมณ์บังคับให้ภูริทัตต์แสดงฤทธิ์ต่างๆ ให้เนรมิตตัวให้ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ให้ขด ให้คลาย แผ่พังพาน ให้ทำสีกายเป็น สีต่างๆ พ่นไฟ พ่นควัน พ่นน้ำ ภูริทัตต์ก็ยอมทุกอย่าง ชาวบ้าน ที่มาดูเวทนาสงสาร จึงให้ ข้าวของเงินทอง พราหมณ์ก็ยิ่งโลภ พาภูริทัตต์ไปเที่ยวแสดง จนมาถึงเมืองพาราณสี จึงกราบทูล พระ ราชาว่าจะให้นาคแสดงฤทธิ์ถวายให้ทอดพระเนตร ขณะนั้นสมุทรชา ผิดสังเกตที่ภูริทัตต์หายไป ไม่มาเฝ้า จึงถามหา ในที่สุดก็ทราบว่า ภูริทัตต์หายไป พี่น้องของภูริทัตต์ จึงทูลว่าจะออกติดตาม สุทัศนะจะไปโลกมนุษย์ สุโภคะไป ป่าหิมพานต์ อริฏฐะไป เทวโลกส่วนนางอัจจิมุข ผู้เป็นน้องสาว ต่างแม่ของภูริทัตต์ของตามไปกับสุทัศนะพี่ชายใหญ่ด้วย เมื่อติดตามมาถึงเมืองพาราณสี

    สุทัศนะก็ ได้ข่าวว่ามีนาค ถูกจับมาแสดงให้คนดู จึงตามไปจนถึงบริเวณที่แสดง ภูริทัตต์เห็นพี่ชาย จึงเลื้อยไข้าไปหาซบหัวร้องไห้อยู่ที่เท้า ของสุทัศนะแล้วจึงเลื้อยกลับไปเข้าที่ขัง ของตนตามเดิม พราหมณ์จึงบอกกับสุทัศนะว่า "ท่านไม่ต้องกลัว ถึงนาคจะ กัดท่านไม่ช้าก็จะหาย" สุทัศนะตอบว่า "เราไม่กลัวดอก นาคนี้ไม่มีพิษ ถึงกัดก็ไม่มีอันตราย" พราหมณ์หาว่าสุทัศนะ ดูหมิ่นว่าตน เอานาคไม่มีพิษมาแสดง จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น สุทัศนะจึงท้าว่า "เขียดตัวน้อยของเรานั้นยังมีพิษมากกว่า นาคของท่านเสียอีก จะเอามาลองฤทธิ์กันดูก็ได้" พราหมณ์ กล่าวว่าหากจะให้สู้กัน ก็ต้องมีเดิมพันจึงจะสมควร สุทัศนะจึง ทูลขอพระราชาพาราณสีให้เป็นผู้ประกันให้ตน โดยกล่าวว่า พระราชาจะได้ทอด พระเนตรการต่อสู้ระหว่างนาคกับเขียด เป็นการตอบแทน พระราชาก็ทรงยอมตกลงประกันให้แก่ สุทัศนะ สุทัศนะเรียก นางอัจจิมุข ออกมาจากมวยผมให้คายพิษ ลงบนฝ่ามือ ๓ หยด แล้วทูลว่า "พิษของเขียดน้อยนี้แรงนัก เพราะนางเป็นธิดาท้าวธตรฐ ราชาแห่งนาค หากพิษนี้หยดลง บนพื้นดิน พืชพันธุ์ไม้จะตายหมด หากโยนขึ้นไปในอากาศ ฝนจะไม่ตกไป 7 ปี ถ้าหยดลงในน้ำสัตว์น้ำจะตายหมด" พระราชาไม่ทราบจะทำอย่างไรดี สุทัศนะจึงทูลขอให้ ขุดบ่อ ๓ บ่อบ่อแรกใส่ยาพิษ บ่อที่สองใส่โคมัย บ่อที่สามใส่ยาทิพย์ แล้วจึงหยดพิษลงในบ่อแรก ก็เกิดควันลุกจนเป็นเปลวไฟ ลามไปติดบ่อที่สองและสาม จนกระทั่งยาทิพย์ไหม้หมด ไฟจึงดับ พราหมณ์ตัวร้าย ซึ่งยืนอยู่ข้างบ่อ ถูกไอพิษจนผิวหนังลอก กลายเป็นขี้เรื้อน ด่างไปทั้งตัว จึงร้องขึ้นว่า "ข้าพเจ้ากลัวแล้ว ข้าพเจ้าจะ ปล่อยนาคนั้นให้เป็นอิสระ" ภูริทัตต์ได้ยินดังนั้น ก็เลื้อยออกมาจากที่ขัง เนรมิตกาย เป็นมนุษย์ พระราชาจึงตรัสถามความเป็นมา ภูริทัตต์จึงตอบว่า "ข้าพเจ้าและพี่น้องเป็นโอรสธิดาของท้าวธตรฐราชาแห่งนาคกับ นางสมุทรชา ข้าพเจ้ายอมถูกจับมา ยอมให้พราหมณ์ทำร้ายจน บอบช้ำ เพราะปราถนาจะรักษาศีล บัดนี้ข้าพเจ้าเป็น อิสระแล้ว จึงขอลากลับไปเมืองนาคตามเดิม" พระราชาทรงดีพระทัยเพราะทราบว่าภูริทัตต์เป็นโอรสของ นางสมุทรชา น้องสาวของพระองค์ที่บิดายกให้แก่ราชานาคไป จึงเล่าให้ภูริทัตต์และพี่น้องทราบว่า เมื่อนางสมุทรชาไปสู่ เมืองนาคแล้ว พระบิดาก็เสียพระทัย จึงสละราชสมบัติ ออกบวช พระองค์จึงได้ครองเมืองพาราณสีต่อมา พระราชาประสงค์จะให้ นางสมุทรชาและบรรดาโอรสได้ไป เฝ้าพระบิดา จะได้ทรงดีพระทัย สุทัศนะทูลพระราชาว่า "ข้าพเจ้าจะ กลับไปทูลให้พระมารดาทราบ ขอให้พระองค์ ไปรออยู่ที่อาศรมของพระอัยกาเถิด ข้าพเจ้าจะพา พระมารดาและพี่น้องตามไปภายหลัง"

    ทางฝ่ายพราน เนสาท ผู้ทำร้ายภูริทัตต์เพราะหวังดวงแก้ว สารพัดนึก เมื่อตอนที่พราหมณ์โยนดวงแก้วให้ นั้น รับไม่ทัน ดวงแก้วจึงตกลงบนพื้นและแทรกธรณีกลับไปสู่เมืองนาค พรานเนสาทจึงสูญเสียดวงแก้ว สูญเสียลูกชาย และเสียไมตรี กับภูริทัตต์ เที่ยวซัดเซพเนจรไป ครั้นได้ข่าวว่าพราหมณ์ผู้จับ นาคกลายเป็น โรคเรื้อนเพราะพิษนาค ก็ตกใจกลัว ปราถนา จะล้างบาป จึงไปยังริมน้ำยมุนา ประกาศว่า "ข้าพเจ้าได้ ทำร้ายมิตร คือ ภูริทัตต์ ข้าพเจ้าปราถนาจะล้างบาป" พรานกล่าวประกาศอยู่ หลายครั้ง เผอิญขณะนั้น สุโภคะกำลังเที่ยวตามหาภูริทัตต์อยู่ ได้ยินเข้าจึงโกรธแค้น เอาหางพันขาพราน ลากลงน้ำให้จมแล้ว ลากขึ้นมาบนดินไม่ให้ถึงตาย ทำอยู่เช่นนั้นหลายครั้งพราน จึงร้องถามว่า "นี่ตัวอะไรกัน ทำไมมาทำร้าย เราอยู่เช่นนี้ ทรมาณเราเล่นทำไม" สุโภคะตอบว่าตนเป็นลูกราชานาค พรานจึงรู้ว่าเป็นน้องภูริทัตต์ ก็อ้อนวอนขอให้ปล่อยและกล่าว แก่สุโภคะว่า "ท่านรู้หรือไม่ เราเป็นพราหมณ์ ท่านไม่ควร ฆ่าพราหมณ์ เพราะพราหมณ์เป็นผู้บูชาไฟ เป็นผู้ทรงเวทย์ และเลี้ยงชีพด้วยการขอ ท่านไม่ควรทำร้ายเรา" สุโภคะไม่ทราบจะตัดสินใจอย่างไร จึงพาพรานเนสาทลงไป เมืองนาค คิดจะไปขอถามความเห็นจากพี่น้อง

    เมื่อไปถึงประตู เมืองนาค ก็พบอริฏฐะนั่งรออยู่ อริฏฐะนั้นเป็นผู้เลื่อมใสพราหมณ์ ครั้นรู้ว่าพี่ชายจับพราหมณ์มา จึงกล่าวสรรเสริญคุณของพราหมณ์ สรรเสริญความยิ่งใหญ่แห่งพรหม และกล่าวว่าพราหมณ์เป็นบุคคล ที่ไม่สมควรจะถูกฆ่า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ การฆ่าพราหมณ์ซึ่ง เป็นผู้บูชาไฟนั้นจะทำ ให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง สุโภคะกำลังลังเลใจ ไม่ทราบจะทำอย่างไร พอดีภูริทัตต์กลับมาถึง ได้ยินคำของอริฏฐะจึงคิดว่า อริฏฐะ นั้นเป็นผู้เลื่อมใสพราหมณ์ และการบูชายัญของพราหมณ์ จำเป็นที่จะต้องกล่าววาจาหักล้าง มิให้ผู้ใด คล้อยตามในทางที่ผิด ภูริทัตต์จึงกล่าวชี้แจงแสดง ความเป็นจริง และในที่สุดได้กล่าวว่า "การบูชาไฟนั้น หาได้เป็น การบูชาสูงสุดไม่ หากเป็นเช่นนั้น คนเผาถ่าน คนเผาศพ ก็สมควรจะได้รับยกย่องว่าเป็นผู้บูชา ไฟยิ่งกว่าพราหมณ์ หากการบูชาไฟเป็นสูงสุด การเผาบ้านเมืองก็คงได้บุญสูงสุด แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ หากการบูชายัญจะเป็นบุญสูงสุดจริง พราหมณ์ก็น่าจะเผาตนเองถวายเป็นเครื่องบูชา แต่พราหมณ์กลับ บูชาด้วยชีวิตของผู้อื่น เหตุใดจึงไม่เผาตนเองเล่า" อริฏฐะกล่าวว่า พรหมเป็นผู้ทรงคุณยิ่งใหญ่ เป็นผู้สร้างโลก ภูริทัตต์ตอบว่า "หากพรหมสร้างโลกจริง ไฉนจึงสร้างให้โลก มีความทุกข์ ทำไมไม่สร้างให้โลกมีแต่ความสุข ทำไมพรหม ไม่สร้างให้ทุกคนมีความ เท่าเทียมกัน เหตุใดจึงแบ่งคนเป็น ชั้นวรรณะ คนที่อยู่ในวรรณะต่ำ เช่น ศูทร จะไม่มีโอกาสมี ความสุข เท่าเทียมผู้อื่นได้เลย พราหมณ์ต่างหากที่พยายาม ยกย่องวรรณะของตนขึ้นสูง และเหยียดหยามผู้อื่นให้ต่ำกว่า โดยอ้างว่าพราหมณ์เป็นผู้รับใช้พรหม เช่นนี้จะถือว่าพราหมณ์ ทรงคุณยิ่งใหญ่ได้อย่างไร" ภูริทัตต์กล่าววาจาหักล้างอริฏฐะด้วยความเป็นจริง ซิ่งอริฏฐะ ไม่อาจโต้เถียงได้ ในที่สุดภูริทัตต์จึงสั่งให้ นำพรานเนสาทไปเสีย จากเมืองนาค แต่ไม่ให้ทำอันตรายอย่างใด จากนั้นภูริทัตต์ก็พา พี่น้องและนางสมุทรชาผู้เป็นมารดา กลับไปเมืองมนุษย์ เพื่อไป เฝ้าพระบิดา พระเชษฐาของนางที่รอคอยอยู่แล้ว เมื่อญาติพี่น้องทั้งหลายพากันแยกย้ายกลับบ้านเมือง

    ภูริทัตต์ขออยู่ที่ศาลากับพระอัยกา บำเพ็ญเพียร รักษาอุโบสถศีล ด้วยความสงบ ดังที่ได้เคยตั้งปณิธานไว้ว่า "ข้าพเจ้าจะมั่นคงในการ รักษาศีลให้บริสุทธิ์ จะไม่ให้ศีลต้องมัวหมอง ไม่ว่าจะต้องเผชิญความ ทุกข์ยากอย่างไร ข้าพเจ้าจะอดทน อดกลั้น ตั้งมั่นอยู่ ในศีลตลอดไป"

    ที่มา : พระเจ้าสิบชาติ ชาติที่ ๖ พระภูริทัตต์ชาดก.
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3028516" vAlign=top><TD class=alt1>ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> </TD></TR><TR><TD class=thead colSpan=2>วันนี้ 10:44 AM</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2010
  5. metha9999

    metha9999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +232
    กลับมาถึงแล้วครับ ยอดผ้าป่า ได้ 228,577 บาท ขอนุโมทนากับทุกท่านที่ช่วยกันร่วมบุญครับ
    คุณเก๋มียอดถวายจากที่ญาติโยมบูชากายสิทธิ์ของวัดอีก 129,700 บาท อันนี้ช่วยรายจ่ายก่อสร้างส่วนอื่นของวัด เพราะมีการก่อสร้างพร้อมกันหลายงาน ถามหลวงพ่อว่าทำไม่ไม่ทำทีละอย่างครับ หลวงพ่อท่านบอกว่า เทวดาท่านมาเร่งให้ทำหลายอย่าง แต่ถ้าที่ทำตอนนี้เสร็จก็คงเหลือพระวิหารเป็นหลักใหญ่ๆ อย่างเดียว
    ในรูปเป็นพระวิหารที่เราจะทำช่อฟ้าประดับ มี 6 ขอบหลังคาก็ 6 ช่อ ที่ตรงกลางอีกหนึ่งช่อป็นช่อฟ้าเอก ดูแบบแล้ว สวยมากครับ
    พร้อมกันวันนี้ก็เป็นพิธีบวงสรวงพระตรีมูรติด้วย ก่อนถวายผ้าป่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • E2280974.JPG
      E2280974.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37 KB
      เปิดดู:
      82
    • E2280975.JPG
      E2280975.JPG
      ขนาดไฟล์:
      40.1 KB
      เปิดดู:
      74
    • E2280971.JPG
      E2280971.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      64
    • E2280966.JPG
      E2280966.JPG
      ขนาดไฟล์:
      43.2 KB
      เปิดดู:
      69
    • E2280946.JPG
      E2280946.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.5 KB
      เปิดดู:
      82
    • E2280956.JPG
      E2280956.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.8 KB
      เปิดดู:
      95
    • E2280958.JPG
      E2280958.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.4 KB
      เปิดดู:
      78
    • E2280990.JPG
      E2280990.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      70
  6. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    คุณเมธา :
    ถามหลวงพ่อว่าทำไม่ไม่ทำทีละอย่างครับ หลวงพ่อท่านบอกว่า เทวดาท่านมาเร่งให้ทำหลายอย่าง
    แต่ถ้าที่ทำตอนนี้เสร็จก็คงเหลือพระวิหารเป็นหลักใหญ่ๆ อย่างเดียว (อนุโมทนาบุญทุกประการครับ)


    ท่านที่ประสงค์ร่วมสร้างช่อฟ้ากับคุณเก๋และคณะศิษย์ ยังสามารถร่วมบุญกันมาได้ครับ
    เนื่องจากยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก อนุโมทนาสาธุการครับ

    ติดต่อเป็นเจ้าภาพงานบุญ โทร 080-772-1000 คุณเก๋ณัฐา<!-- google_ad_section_end -->

    วันนี้เรายังพร่อง ยังไม่เต็ม ก็ต้องเร่งบำเพ็ญบุญที่มีอานิสงฆ์สูง
    เพื่อค้ำชูชีวิตให้มีความดี ความงามทางจิตใจ และมีบารมีธรรมสูงขึ้น
    เพื่อวันหนึ่ง เราจะ "เต็ม" ไม่มีรัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีภพชาติแก่เราอีกต่อไป

    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 3028516" vAlign=top><TD class=alt1>ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญวัดป่าโนนจ่าหอมครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> </TD></TR><TR><TD class=thead colSpan=2>วันนี้ 10:44 AM</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2010
  7. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    การทำทาน

    ได้แก่ การสละทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตน ทานที่ได้ทำไปนั้น จะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมากหรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ ๓ ประการ ถ้าประกอบถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการต่อไปนี้แล้ว ทานนั้นย่อมมีผลมาก ได้บุญบารมีมาก กล่าวคือ

    องค์ประกอบข้อที่ ๑. วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์
    องค์ประกอบข้อที่ ๒. เจตนาในการสร้างทานต้องบริสุทธิ์
    องค์ประกอบข้อที่ ๓. เนื้อนาบุญต้องบริสุทธิ์

    ทำอย่างไรจึงจะได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ

    ข้อนี้ก็ย่อมขึ้นอยู่กับวาสนาของเราผู้ทำทานเป็นสำคัญ

    หากเราได้เคยสร้างสมอบรมสร้างบารมีมาด้วยดีในอดีตชาติเป็นอันมากแล้ว บารมีนั้นก็จะเป็นพลังวาสนาน้อมนำให้ได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญที่ประเสริฐ ทำทานครั้งใดก็มักโชคดี ได้พบกับท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปเสียทุกครั้ง

    หากบุญวาสนาของเราน้อยและไม่มั่นคง ก็จะได้พบกับท่านที่เป็นเนื้อนาบุญบ้าง ได้พบกับอลัชชีบ้าง คือดีและชั่วคละกันไป เช่นเดียวกับการซื้อสลากกินแบ่งสลากกินรวบ หากมีวาสนาบารมีเพราะได้เคยทำบุญให้ทานฝากกับสวรรค์ไว้ในชาติก่อน ๆ ก็ย่อมมีวาสนาให้ถูกรางวัลได้

    หากไม่มีวาสนาเพราะไม่เคยทำบุญทำทานฝากสวรรค์เอาไว้เลย ก็ไม่มีสมบัติสวรรค์อะไรที่จะให้เบิกได้ อยู่ ๆ ก็จะมาขอเบิก เช่นนี้ก็ยากที่จะถูกรางวัลได้

    ตัวอย่างที่ทำทานด้วยเจตนาอันไม่บริสุทธิ์

    ตัวอย่าง ๑ ทำทานเพราะอยากได้ ทำเอาหน้า ทำอวดผู้อื่น

    เช่น สร้างโรงเรียน โรงพยาบาลใส่ชื่อของตน ไปยืนถ่ายภาพลงโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อให้ได้รับความนิยมยกย่องนับถือ โดยที่แท้จริงแล้วตนมิได้มีเจตนาที่จะมุ่งสงเคราะห์ผู้ใด เรียกว่า "ทำทานด้วยความโลภ" ไม่ทำเพื่อขจัดความโลภ ทำทานด้วยความอยากได้ คืออยากได้หน้า ๆได้เกียรติ ได้สรรเสริญ ได้ความนิยมนับถือ

    ตัวอย่าง ๒ ทำทานด้วยความฝืนใจ ทำเพราะเสียไม่ได้

    เช่นทีพวกพ้องมาเรี่ยไร ตนเองไม่มีศรัทธาที่จะทำ หรือมีศรัทธาอยู่บ้างแต่มีทรัพย์น้อย เมื่อมีพวกมาเรี่ยไรบอกบุญ ต้องจำใจทำทานไปเพราะความเกรงใจพวกพ้อง หรือเกรงว่าจะเสียหน้า ตนจึงได้สละทรัพย์ทำทานไปด้วยความจำใจ ย่อมเป็นการทำทานด้วยความตระหนี่หวงแหน ทำทานด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ทำทานด้วยจิตเมตตาที่มุ่งจะสงเคราะห์ผู้อื่น ซึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย ให้ไปแล้วก็เป็นทุกข์ใจ บางครั้งก็นึกโกรธผู้ที่มาบอกบุญ เช่นนี้จิตย่อมเศร้าหมอง ได้บุญน้อย หากเสียดายมาก ๆ จนเกิดโทสะจริตกล้าแล้ว นอกจากจะไม่ได้บุญแล้ว ที่จะได้ก็คือบาป

    ตัวอย่าง ๓ ทำทานด้วยความโลภ

    คือทำทานเพราะว่าอยากได้นั่น อยากได้นี่ อยากเป็นนั่น อยากเป็นนี่ อันเป็นการทำทานเพราะว่าหวังสิ่งตอบแทน ไม่ใช่ทำทานเพราะมุ่งหมายที่จะขจัดความโลภ ความตระหนี่หวงแหนในทรัพย์ของตน เช่น ทำทานแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้ชาติหน้าได้เป็นเทวดา นางฟ้า ขอให้รูปสวย ขอให้ทำมาค้าขึ้น ขอให้รำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ทำทาน ๑๐๐ บาท แต่ขอให้ร่ำรวยนับล้าน ขอให้ถูกสลากกินแบ่งกินรวบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสมบัติสวรรค์ หากชาติก่อนไม่เคยได้ทำบุญใส่บาตรฝากสวรรค์เอาไว้ อยู่ๆก็มาขอเบิกในชาตินี้ จะมีที่ไหนให้เบิก การทำทานด้วยความโลภเช่นนี้ย่อมไม่ได้บุญอะไรเลย สิ่งที่จะได้พอกพูนเพิ่มให้มากและหนาขึ้นก็คือ"ความโลภ"

    ที่มา : �ҹ�ʧ�� �ͧ������ҧ�ح����� ( �ҹ, ���, ��ǹ� )

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาในงานบุญวัดป่าโนนจ่าหอมครับ
     
  8. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    Khundeaw

    ช่วงที่พวกเรารอคุณเก๋นำภาพมาให้ชม...

    ผมขอคั่นเวลานำเอาภาพบางภาพจากหลวงพ่อมาลงให้ทุกท่านชม

    เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย....เป็นภาพบางภาพตอนบวงสรวง

    และเวียนเทียนวันมาฆะบูชา...ที่ปรากฎดวงธรรมเทวดาที่มาร่วมอนุโมทนาด้วย<!-- google_ad_section_end -->



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]



    </FIELDSET>
     
  9. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    แหมมารไม่มีนี่ถ้าบารมีจะไม่เกิดจริงๆค่ะเดี๋ยวรูปอย่างไรต้องรบกวนขอเป็นวันพรุ่งนี้เก๋จะลงให้ดูนะค่ะเพราะวันนี้เน็ตที่บ้านทำพิษเสียอีกแล้วค่า
     
  10. จิตโขง

    จิตโขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +181
    คุณเก๋ไม่ทราบผมจะร่วมสร้างพระปางนาคปรกนี้ที่ท่างวัดยังร่วมสร้างได้อีกไหมคับ
     
  11. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2010
  12. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773

    พระนาคปรกยังไม่มีท่านใดแสดงความเป็เจ้าภาพมาเลยค่ะพี่
    แล้วเก่ก็ยังไม่ได้บอกบุญด้วยค่ะ แต่ถ้ปรารถนาที่จะสร้าง
    ก็อธิษฐานจิตแล้วโอนปัจจัยมาได้ หรือจะรอให้เก๋บอกบุญสร้างแล้วค่ยอโอนก็
    ได้ค่ะ แต่ตอนนี้พระวิหารกำลังสร้างต้องบอกบุญสร้างวิหารไปก่อนรอขึ้นไป
    ผ้าป่าวันสงกรานต์จะรองคุยกับท่านดูเรื่องพระนาคปรกค่ะพี่
    อนุโมทนาค่ะ
     
  13. Kamnitta

    Kamnitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +131
    คุณเก๋ได้ประธานกิติมศักดิ์ ยกช่อฟ้าครบ หรือ ยังคะ พอดี อยู่ต่างประเทศ อยากร่วมทำบุญ
     
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ค่าช่อฟ้าจริงๆ 4 แสน แต่ไม่รวมค่าปั้นค่ะ
    แค่ค่าปั้นช่อฟ้าใบระกาเฉพาะค่าช่างเบ็ตเสร็จ 1,500,000 ค่ะ
    เก๋ก็เร่งหาปัจจัยอยู๋ค่ะ ก่อนหน้านี้มีพี่ท่านึงปิดยอดมาค่าช่อฟ้ามาให้
    รวมกับผ้าป่าช่อฟ้าแต่ก็ได้ประมาณแค่ 4 แสนเท่านั้นค่ะ
    ถ้าพี่มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพสามารถร่วมบุญเข้ามาได้้เรื่อยๆตามบัญชีด้านล่างค่ะ แล้วก็คอยดูความคืบหน้าได้ทางเว็บไซด์ได้คะพี่
    อนุโมทนาสาธุค่า

    [​IMG]


    [​IMG]
     
  15. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    [​IMG]

    สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยทุก ๆ ประการค่ะ :cool:
     
  16. หยกแดง

    หยกแดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +3,623
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ
    ขอให้บุญรักษาค่ะ
     
  17. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณเก๋ณัฐา [​IMG]

    สัญญาใจแห่งการร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนา ลูกหลานพญานาคทั้งหลายล้วนมีสัญญาเก่านี้มาทั้งสิ้น บางท่านยังรักษาสัญญา แต่น่าเสียดายที่บางท่านลืมไปแล้ว บางท่านก็ลืมไปว่านอกจากการที่จะไขว่คว้าหรือแสวงหาสมบัติของเหล่าพญานาคทั้งหลาย แต่วัตถุประสงค์ในการบูชากายสิทธิ์เหล่านั้นล้วนเป็นไปเพื่องานสืบทอดพระพุทธสานาทั้งสิ้น น่าเสียดายหลายท่านปล่อยให้กิเลสดึงหลงทางไปก็มีน่าเสียดายจริงๆค่ะ กิเลสไม่เคยนำเราให้ได้ดีหรอกค่ะ แต่ทุกอย่างคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม

    แต่สัญญาใจในการสืบทอดพระพุทธศาสนาที่ลูกหลานพญานาคคนนี้ได้เคยให้ไว้ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่องานสืบทอดพระพุทธศาสนาไม่เคยเปลี่ยนไปค่ะ ไม่ว่าชาติใดภพใดก็ตามที่เราเกิด เมื่อรับรู้ในเจตนาในการสืบทอดพระพุทธศาสนา ขอให้ญาติสนิทมิตรสหายคนที่เคยเกี่ยวข้องกับเราในทุกชาติทุกภพทุกภูมิ เทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและกายทิพย์ทุกกายทิพย์ที่เกี่ยวข้อง ให้มาช่วยกัน มาช่วยเราด้วย มาช่วยวัดด้วย

    อนุโมทนาสาธุการครับ

    อย่างไรพวกเราต้องสร้างวัดให้เสร็จไปด้วยกันนะค่ะ ญาติโยมทุกๆท่านอนุโมทนาสาธุค่า

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. pongning

    pongning Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +56
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ กุศลจิตอันบริสุทธิหาที่เปรียบมิได้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +2,177
    ทำบุญช่อฟ้า
    โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มเป้นจำนวนเงิน 100 บาท
    to A/c Name: CHAYANGKUL CHOTCHUNG
    FROM BANK BAYA
    TO BANG KTBA
    วันที่ 02/04/10 เวลา 11.10 ธนาคาร BAY สถานที่ 7779 ลำดับที่ 7722 ประเภทรายการ ORFT เข้าบัญชี 3130486607
    ขอโมทนาอย่างยิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2010
  20. ประตูสู่ทางสว่าง

    ประตูสู่ทางสว่าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,173
    วันนี้ผมได้โอนร่วมทำบุญจำนวน 300.- เวลา 13.24 น. C164b149 เลขที่ 530-2-75542-4

    ทำบุญก้อนอิฐ 50.-
    ทำบุญกระเบื้อง 150.-
    ทำบุญช่อฟ้า 100.-

    อนุโมทนากับทุก ๆ ท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...