หยุดเบาหวาน..หลีกหนีชีวิตขมๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 14 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    หยุดเบาหวาน... หลีกหนีชีวิตขม ๆ

    จรัญ ยั่งยืน...เรื่อง


    [​IMG]




    เมื่อพูดถึงโรคเบาหวานต้องบอกว่า น่าวิตก...น่าวิตก

    เพราะนอกจากตัวมันเองจะอันตรายแล้วยังเป็นเพื่อนกับโรคที่อันตรายอีกเป็นโขยง

    ไม่เชื่อก็ลองฟังความจาก แพทย์หญิงรสสุคนธ์ ลิขิตจิตถะ แห่งศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลนครธน ดูสิ

    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกถึงปีที่แล้ว มีคนเป็นเบาหวาน ทั่วโลก 250 ล้านคน คาดว่าอีก 20 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็น 360 ล้านคน หรือเพิ่มถึง 30% เลยเชียว

    คนไทยเองก็ไม่น้อยหน้า เป็นเบาหวานไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2539-40 มีอัตราความชุก 4.4% ขณะที่ปัจจุบันอัตราความชุกเพิ่มสูงถึง 7%

    เบาหวานมีฤทธิ์เดชอย่างไร ?

    คุณหมอรสสุคนธ์ บอกว่า เบาหวาน แบ่งเป็น เบาหวานชนิดที่ 1 ชนิดที่ 2 ชนิดที่มีสาเหตุเฉพาะ เช่น เกิดจากความผิดปกติทาง พันธุกรรม และชนิดที่เกิดในคนไข้ตั้งครรภ์

    โดยเบาหวานชนิดที่ 1 นั้นเกิดเนื่องจากขาดอินซูลิน เพราะตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ กลุ่มนี้จะต้องฉีดอินซูลินให้

    แต่เบาหวานยอดฮิตเป็นชนิดที่ 2 ชนิดนี้ตับอ่อนสร้างอินซูลินได้ แต่มีภาวะดื้ออินซูลิน พบมากถึง 95-97% ของคนเป็นเบาหวาน

    และที่น่าตกใจ ตอนนี้พบว่าวัยรุ่นอายุเพียง 18 ปีก็เป็นเบาหวานกัน นั่นเป็นเพราะพฤติกรรมการกินอาหารฟาสต์ฟู้ด ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โทรศัพท์ รีโมตฯ นั่งอยู่บนรถ กินข้าวบนรถ ออกกำลังกายกันน้อยลง

    จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเบาหวาน ?

    คุณหมอรสสุคนธ์บอกว่า เบาหวานมีทั้งแสดงอาการและไม่แสดงอาการ

    กลุ่มที่มีอาการ จะหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย คืนละหลาย ๆ หน ปัสสาวะมีมดมาขึ้น น้ำหนักลด ถ้าเป็นมากจะตามัว มือเท้าชา

    แต่โรคเบาหวานก็ไม่ได้มีอาการเสมอไป เพราะจะมีอาการต่อเมื่อค่าน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 180

    "วันก่อนเจอคนหนึ่ง เขาไม่เคยตรวจสุขภาพ มาเพราะตัวเองตามัวแล้วไปขับรถชน เลยมาตรวจการมองเห็นผิดปกติ เจอน้ำตาลขึ้นไปเกือบ 300"

    และเบาหวานเป็นโรคที่มีอัตราตายสูง คนไข้เจ็บป่วยบ่อย สิ้นเปลืองเงินทอง หากผู้หญิงเมื่อเป็นแล้วจะมีอัตราตายมากกว่าผู้ชายราวเท่าครึ่ง

    อีกทั้งพอเป็นเบาหวานแล้วจะมีโรคแทรกซ้อนตามมาเป็นโขยงทั้งที่เกิดจากตัวเบาหวานเอง ทั้งกลุ่มโรคที่เป็นร่วมกัน โดยภาวะแทรกซ้อนซึ่งมีทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง

    ภาวะเฉียบพลัน ประเภทหนึ่งคือ มีน้ำตาลต่ำ ช็อก หมดสติ เพราะสมองขาดน้ำตาลไปให้พลังงาน ต้องให้กลูโคส อีกประเภทคือน้ำตาลขึ้นเฉียบพลัน เลือดเป็นกรด หายใจหอบ เหนื่อย ถ้าน้ำตาลขึ้นมาก ๆ สมองจะบวม ซึม และหมดสติได้

    และเมื่อมีน้ำตาลในเลือดสูง เม็ดเลือดขาวจะจัดการเชื้อโรค ได้ไม่ดี หรือจะไปผ่าตัด ถ้าเจาะเลือดพบน้ำตาล 300 หมอก็ไม่ผ่าให้ เพราะจะทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย

    ส่วนกลุ่มเรื้อรัง เช่น เบาหวานขึ้นตา เลือดออกในตา ทำให้ตาบอดได้

    เบาหวานนั้นจะไปกับเส้นเลือดทั่วร่างกาย โรคที่ฮิตในปัจจุบัน คือเส้นเลือดหัวใจตีบ เพราะมีการอุดตัน ทำให้หัวใจขาดเลือด ส่วนเส้นเลือดที่ไปไตจะทำให้ไตวาย หรือว่าเส้นเลือดสมองอาจจะตีบหรือแตก ทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ และหากไปที่เส้นประสาทก็ทำให้ชาหรือปวดเหมือนโดนไฟชอร์ต

    แล้วจะรักษาเบาหวานยังไง ?

    แพทย์หญิงรสสุคนธ์ บอกว่า กระบวนการรักษาขึ้นอยู่กับว่าเป็นรุนแรงขนาดไหน ถ้าเป็นไม่มากอาจจะแค่คุมอาหาร มาตรวจเพื่อระวังโรคแทรก เช่น ตรวจตาปีละหน ตรวจปัสสาวะหกเดือนครั้ง สำหรับคนที่เป็นปานกลางก็อาจจะกินยาตัวสองตัว แต่คนที่เป็นมากต้องกินยาหลายชนิด ยาชนิดใหม่ ๆ จะราคาแพงขึ้น รวมทั้งอาจใช้ยาฉีดซึ่งต้องเสียทั้งค่ายาและค่าอุปกรณ์ฉีดยา

    ถ้าหากมีโรคร่วมอื่น ๆ ด้วย ยิ่งจะเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น เช่นมีความดัน มีไขมันก็ต้องมีค่ายาเพิ่ม หรือถ้าลงไตก็ต้องมาฟอกเลือด

    เมื่อเป็นเบาหวานแล้วต้องควบคุมอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต กลุ่มข้าวแป้ง เผือก มัน ฟักทอง ข้าวโพด วุ้นเส้น (พวกนี้สามารถเปลี่ยนน้ำตาลได้) จะให้กิน 9 ส่วนต่อวัน วันหนึ่งกินข้าว 3 มื้อก็มื้อละ 3 ส่วน 1 ส่วนเท่ากับข้าว 1 ทัพพี หรือ ขนมปังจืด 1 แผ่น

    ส่วนโปรตีนเน้นอย่ากินมัน กินหนังสัตว์ทอด หากกินปลาจะ มีไขมันน้อยกว่ากินไก่

    ผลไม้ให้กินผลไม้สด ไม่เชื่อม ไม่หมัก ไม่ดอง ไม่จิ้ม โดยจะจำกัดปริมาณ วันหนึ่งกินได้ไม่เกิน 3 ส่วน เช่น กินส้มได้ 3 ลูก

    แล้วเหล้าบุหรี่เกี่ยวกับเบาหวานด้วยหรือเปล่า ?

    แพทย์หญิงรสสุคนธ์ บอกว่า ปกติคนที่เป็นเบาหวานนั้นจะมี ไตรกลีเซอไรด์ขึ้นอยู่แล้ว การสูบบุหรี่จะทำให้ไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้น น้ำตาลขึ้น และบุหรี่ยังเป็นปัจจัยหนึ่งของโรคหัวใจ ส่วนแอลกอฮอล์ก็ทำให้เกิดทั้งน้ำตาลสูงและน้ำตาลต่ำ

    แล้วใครบ้างล่ะที่เสี่ยงเป็นเบาหวาน ?

    แพทย์หญิงรสสุคนธ์ แจงว่า ถึงแม้คนที่ไม่มีอาการแต่มีน้ำหนักตัวมาก หรืออ้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงอันดับแรก ๆ ฉะนั้นคนอ้วนอายุสัก 25 ปี ควรมาเช็กเบาหวานได้แล้ว

    ต่อมาก็กลุ่มที่มีประวัติครอบครัวเป็น แม้อาจจะไม่เป็น 100% แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก หากไม่ออกกำลังกาย กินโดยไม่ระมัดระวัง

    เช่นเดียวกับเมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของอวัยวะมากขึ้น เมตาบอลิซึ่มน้อย อ้วนง่าย แอ็กทิวิตี้น้อย ตับอ่อนก็เสื่อม ฉะนั้นคนที่อายุเกิน 40 ปี จึงแนะนำให้มาเช็กสุขภาพ

    หรือกลุ่มผู้หญิงที่เป็นโรคถุงน้ำรังไข่ ซึ่งจะอ้วน มีสิวมาก ประจำเดือนขาด

    หรือผู้หญิงที่มีประวัติคลอดลูกตัวใหญ่ น้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง

    หรือคนที่เป็นโรคร่วมอื่น ๆ เช่น ความดันสูง ไขมันสูง โรคอ้วน โรคเกาต์ โรคข้อเสื่อม

    หรือคนที่วัน ๆ นั่งแต่ในออฟฟิศไม่ค่อยออกกำลังกายก็เสี่ยงเช่นกัน

    ฉะนั้นต้องตระหนักรู้ว่าของหวานมันนี่แหละ วันหนึ่งอาจจะทำให้ชีวิตคุณขมไม่น้อยเลยทีเดียว
    -------------
    [​IMG]
    http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02spo04110253&sectionid=0219&day=2010-02-11
     
  2. Soodyod

    Soodyod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +385
    I affraid that it might be a looping plan for me.
    I hope this is the last one.
     

แชร์หน้านี้

Loading...