ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

วันที่ผมรับคลื่นพลังความคิด ของคุณ No. 19

ถัดจากนั้นต่อมาก็สัมผัสพลังความคิดของคุณสุดใจ
แต่เช้าเช่นกัน ช่วงเจ็ดโมงเช้าแต่แผ่วเบามาก

ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แปลว่าเป็นสัญญานขอความช่วยเหลือ
อะไรบางสิ่งบางอย่าง จึงเข้าไปเคลื่อนไหวในเขากะลา

 

เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติกับอาชีพแพทย์พยาบาล

เพื่อเป็นการเตือนสติ ให้ท่านทั้งหลายที่กำลังมุ่งคอยจ้องจับผิด การทำงานช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติของกลุ่มเขากะลา และกลุ่มอื่นๆ ที่กำลังร่วมมือกันทำงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขี้นในอนาคตอันใกล้นี้ ผมขออนุญาตยกตัวอย่างอาชีพแพทย์และพยาบาลมาเปรียบเทียบ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจ ในการทำงานเรื่องการเตือนภัยและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่ในขณะนี้นะครับ

ถ้าสมมุติว่าเราเจ็บไข้ไม่สบายอย่างหนัก จนไม่สามารถจะรักษาตัวเองได้แล้ว ก็มีความจำเป็นต้องไปหาแพทย์ เพื่อให้ทำการรักษาอาการของโรคที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ ถ้าเรามัวแต่เลือกแพทย์หรือพยาบาลที่ตัวเองถูกใจเท่านั้น เพราะไม่ชอบใจในความประพฤติส่วนตัวของแพทย์หรือพยาบาล ที่ตัวเองกำลังจะไปหานั้น ก็เท่ากับท่านปิดโอกาสหนทางหายจากโรคร้ายในตัวของท่านเอง เพราะแพทย์ที่ท่านไม่ชอบใจนั้น อาจจะเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญในโรคที่ท่านเป็นอยู่ก็เป็นไปได้

ยิ่งในสภาวะที่เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรง มีแต่คนบาดเจ็บล้มตายเกลี่อนไปหมดทุกหนทุกแห่งทุกๆสถานที่ แพทย์และพยาบาลย่อมมีความจำเป็นและไม่เพียงพอ แก่ความต้องการของคนที่จะไปขอให้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะยังมัวเกี่ยงเรื่องความประพฤติส่วนตัวของแพทย์ท่านนั้นอีกหรือไม่ หรือว่าท่านจะยอมเจ็บป่วยไปจนตาย เพียงเพราะไม่ชอบใจเป็นการส่วนตัวกับแพทย์ท่านนั้นๆ

การช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติ เป็นการร่วมมือร่วมใจของทุกกลุ่มทุกฝ่าย ที่มีจุดม่งหมายอย่างเดียวกัน คือต้องการจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติให้ได้มากที่สุดเท่าที่มากได้ แล้วใยบางท่านจะต้องมาทำตัวเป็นอุปสรรค ขัดขวางการทำงานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยเล่า ถ้าท่านไม่ชอบใจในวิธีการทำงานของกลุ่มเขากะลา ไม่ชอบใจในวิธีฝึกจิตของกลุ่มเขากะลา ก็เพียงแต่ท่านถอยออกมาดูอยู่ห่างๆ คอยเฝ้าสังเกตุการทำงานไปเรื่อยๆ จะไม่ดีกว่าหรือ หากทางกลุ่มเขากะลามีผลงานดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ในภายหน้าจริงอย่างที่ได้กล่าวอ้างเอาไว้ ท่านจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในผลของการกระทำของท่านในครั้งนี้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปดูงานวิทยาศาสตร์ท่างจิต ที่ห้างพันทิพย์งามวงศ์วาน เกือบทุกบูทก็ล้วนพูดถึงแต่เรื่องของภัยพิบัติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้แทบทั้งสิ้น ทุกกลุ่มต่างก็พยายามใช้ความสามารถพิเศษ(พลังจิต)ที่ตนเองมีอยู่ เพื่อนำมาเป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ให้ได้มากที่สุด แล้วตัวท่านเองหล่ะ คิดจะใช้ความสามารถพิเศษอะไรในตัวท่าน มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ในครั้งนี้บ้าง หรือเพียงแต่คิดมาระบายความแค้นส่วนตัวของท่านเท่านั้นเองน่ะหรือ?

การจะเป็นหมอต้องทำใจ....​

เมื่อมัจจุราชรอท่าหน้าทวาร.....หมอเทียบเปรียบปานพระเจ้า
เมื่อไข้หนักสุมรุมเร้า..............หมอคือเทพเจ้าจุติมา
ครั้นเจ็บหายคลายไข้รื้อ..........หมอคือสามัญมนุสสา
ครั้นหมอร้องขอค่ายา.............หมอคือผีห่าซาตาน !!!​

 

*** คำเตือน ****

หยุด...ไป....
หยุด...ไป....
หยุด...ไป....

ทุกคนรู้ดีรู้ชั่ว
หมดเวลาเล่นแล้ว !!!

สัจจะ คือสิ่งที่ต้องทำ ทำเพื่อสานต่อศาสนา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เพื่อความเข้าใจพระพุทธบาทนัมทานทีเกาะแก้วพิสดารภูเก็ต

การปรามาสในองค์พระรัตนตรัย และ รอยพระพุทธบาท ครับ

 

รอยพระพุทธบาท กับมณฑป ที่ชำรุดตามกาลเวลา (สมัยหลวงปู่คล้าย วาจาสิทธิ์ )รอ การสร้าง อีกครั้ง

 

เพราะอาจจะมีบางท่าน ไม่ใด้ ฌาณสมาบัติ ในการ มองดู รอยพระพุทธบาท ให้ดี การขอบารมี พระพุทธองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านสังเคราะห์ ว่า รอยพระพุทธบาท นัมทานที รอยที่ 5 ตามที่มี พระอาจารย์ ศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่าน บันทึกใว้ ในหนังสือ ตามรอยพระพุทธบาท ...

การขอขมาพระรัตนตรัย จึงสำคัยมากครับ ขอท่านจงเพ่งโทษ ของท่านด้วย

อัตตนา โจทย์ยัตตานัง....

จากท่านหนึ่งที่ ทริปแนะนำกรรมฐานมโนมยิทธิ..
จากรูปนี้จะเห็น หินที่เพิ่งปรากฏเป็นรอยพระหัตถ์ ซึ่งยกในพุทธลักษณะห้ามสมุทร ออกไปยังมหาสมุทรอินเดีย ทะเลอันดามัน

ซึ่งพระท่านบอกในสมาธิว่า เพิ่งปรากฏ เพื่อห้ามภัยพิบัติ ครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

<CENTER><B><BIG>ประวัติรอยพระพุทธบาท ๕ แห่ง</CENTER></B></BIG>


<DD>สําหรับรอยพระพุทธบาทที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ซึ่งได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้นมีอยู่ ๕ แห่ง ดังนี้คือ

๑. สุวัณณมาลิก
๒. สุวัณณบรรพต
๓. สุมนกูฏ
๔. โยนกปุระ
๕. นัมทานที

<DD>ตามความเชื่อของคนโบราณต่างมีความเชื่อถือมานานแล้วว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต หากได้มีโอกาสไปนมัสการรอยพระพุทธบาท นับว่ามีบุญวาสนาเป็นอย่างยิ่ง จึงมีประเพณีพากันเดินไปนมัสการรอยพระพุทธบาท โดยเตรียมเสบียงอาหารไปกินระหว่างทาง แม้สมัยหลวงพ่อบวชอยู่กับ หลวงปู่ปาน ท่านก็ได้นำคณะธุดงค์ไปกราบรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีเช่นกัน

<DD>ต่อมาในสมัยปัจจุบันนี้ถนนหนทางดีขึ้น ประเพณีเดินไปนมัสการพระพุทธบาทก็เริ่มเสื่อมหายไป เพราะใครจะไปเมื่อไรก็ได้ เนื่องจากมีความสะดวกเกินไปนั่นเอง ความศรัทธาในเรื่อง "รอยพระพุทธบาท" จึงเริ่มจืดจางความสำคัญไป แต่ที่ยังมีความเชื่อความเลื่อมใสก็ยังมีอีกมากมาย เช่นที่รอยพระพุทธบาทบน เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

<DD>โดยเฉพาะเนื่องในวโรกาสครบรอบ ๖๐ พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีการจัดสร้าง รอยพระพุทธบาทจำลองทองคำ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองอีกด้วย เวลานี้หลังจากพระราชพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

<DD>สำหรับวัดของเรา อาจจะมีข่าวดีในเรื่องนี้บ้างก็ได้ นั่นคือจะมีการเททองรอยพระพุทธบาทจำลอง เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ที่โบสถ์เก่า เป็นการทดแทนรอยพระพุทธบาทเดิมที่หายไป ตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสองค์เก่าแล้วนั้น

<DD>ต่อไปขอนำความเชื่อถือของคนสมัยก่อน เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ยังปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ใบลาน หรือศิลาจารึก ยังสามารถค้นหามาอ้างอิงได้ เพื่อเป็นการสานต่อความเชื่อถือระหว่างคนสมัยก่อนกับคนสมัยนี้ และเพื่อสืบต่อไปยังคนรุ่นหลังอีก

<DD>ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงได้ริเริ่มฟื้นฟูรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับไว้เพื่อเรียกความศรัทธาให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ก่อนที่จะนำหลักฐานต่างๆ มาอ้างอิงนั้น ใคร่ขอนำหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาให้ทราบก่อน

<DD>ซึ่งตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายท่านวิเคราะห์แตกต่างกันไป ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่า รอยพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่ง ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น ในปัจจุบันนี้จะเป็นสถานที่ใด และอยู่ในประเทศไหนบ้าง เป็นต้น แต่บางแห่งก็วิเคราะห์ลงเป็นแนวเดียวกัน ที่มีปัญหาถกเถียงกันไม่มีที่สิ้นสุดจนถึงปัจจุบันนี้ มีด้วยกัน ๒ แห่ง คือ รอยพระพุทธบาทที่ ๔ และที่ ๕ คือ "โยนกปุระ" และ "นัมทานที"

<DD>ในตอนนี้ ผู้เขียนขอนำคำวิเคราะห์ของ ดร.นันทนา ชุติวงศ์ ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือ "รอยพระพุทธบาท" ที่ได้กล่าวถึงรอยพระพุทธบาทที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทยอินเดีย ลังกา และพม่า จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เมืองโบราณ โดยเฉพาะรอยพระพุทธบาท ๕ แห่งนั้น ท่านวิเคราะห์ไว้ในวงเล็บดังนี้

สุวัณณมาลิก คงจะได้แก่ที่ตั้งพระสถูป รุวันเวลิ ที่อนุราธปุระ ในลังกา
สัจจพันธ์คีรี คือเขาสุวรรณบรรพต ที่สระบุรี
สุมนกูฏ อันอาจจะหมายถึง "เขาสุมนกูฏ" ในลังกา หรือ "เขาพระบาทใหญ่" ที่สุโขทัย
แม่น้ำนัมทา ในอินเดียหรือในพม่า
โยนกปุระ โยนกปุระที่กล่าวถึงนี้ อาจจะหมายความถึงดินแดนภาคเหนือของไทย ที่เคยเป็นอาณาจักรล้านนา และ อาณาจักรโยนก
<DD>เมื่อนำหลักฐานต่างๆ เหล่านี้มาเทียบเคียงกันแล้ว ท่านผู้อ่านคงจะสรุปได้ว่า รอยพระพุทธบาทที่ ๔ ตามที่หากันมานานนั้น บัดนี้ได้เปิดเผยความจริงแล้ว รวมความว่า พระพุทธบาท ๕ รอยนั้น ประดิษฐานอยู่ที่ลังกา ๒ แห่ง คือ รอยที่ ๑ "สุวัณณมาลิก" และรอยที่ ๓ "สุมนกูฏ"

<DD>ส่วนรอยที่ ๒ "สุวรรณบรรพต" และรอยที่ ๔ "โยนกปุระ" และรอยที่ ๕ "นัมทา นที" ก็คงอยู่ในประเทศไทยนี่เอง ถ้าดูตามแผนที่ประเทศไทยแล้วจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าได้ประทับไว้ตั้งแต่เหนือจรดใต้ คือภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ภาคกลาง คือ สระบุรี และภาคใต้ คือ ภูเก็ต เป็นการครอบคลุมอาณาจักรและพุทธจักรไว้ด้วยกัน เป็นการประทับไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะรวมกันเป็นประเทศไทยอย่างสมัยปัจจุบันนี้ <DD><!-- google_ad_section_end --></DD>__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
ผม นาคา ขออนุญาติ ในการ นำบันทึก จากพระอาจารย์ ด้วยครับ

 

ทริปอุตรดิตถ์ 12-13 ธันวาคม 2552

 

ชมภาพต่อนะค่ะ มือใหม่หัดลงภาพค่ะ

 

นาคา ต้องขออนุญาติ กลุ่มเขากะลาอีกครั้งครับ

เพื่อให้หลายๆท่านเข้าใจ ในรอยพระพุทธบาท นัมทานที เกาะแก้วพิสดาร

ในบทสวด ขอขมา พระรัตนตรัย ..

วันทามิ พุทธัง ภะวะปาระติณณัง
ตืโลกะเกตุง ติภะเวกะนาถัง
โย โลกะเสฏโฐ สะกะลัง กิเลสัง
เฉต์วานะ โพเธสิ ชะนัง อะนันตัง ฯ
ยัง นัมมะทายะ นะทิยา ปุลิเน จะ ตีเร
ยัง สัจจะพันธะคิริเก สุมะนาจะลัคเค
ยัง ตัตถะ โยนะกะปุเร มุนิโน จะ ปาทัง
ตัง ปาทะลัญชะนะมะหัง สิระสา นะมามิ ฯ
สุวัณณะมาลิเก สุวัณณะปัพพะเต
สุมะนะกูเฏ โยนะกะปุเร นัมมะทายะ นะทิยา
ปัญจะปาทะวะรัง ฐานัง อะหัง วันทามิ ทูระโต ฯ

............อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
............นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
............ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
............ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย ฯ
อามันตะยามิ โว ภิกขะเว ปะฏิเวทะยามิ โว ภิกขะเว
ขะยะวะยะธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถาติ ฯ



พระพุทธบาทรอยแรกดั่งเดิม

 

ความเก่าแก่ของพระธาตุนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเรื่องราวตามอุรังค นิทาน ก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า วัดพระธาตุเชิงชุม เป็นสักขีสถานที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดชาวเมืองหนองหานหลวง และกล่าวว่าบริเวณนี้เป็นที่บรรจุพระบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กุกสันโธ โกนาคมโน กัสสะโป และโคตมะ ซึ่งก่อนจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ต้องไปประทับรอยพระบาทไว้ที่นั่นทุกพระองค์ และต่อไปพระพุทธเจ้าพระนามว่า ศรีอาริยเมตตรัย องค์ที่ 5 ในภัทกัปป์นี้ ก็จะประทับรอยพระบาทไว้เช่นกัน

 

นิราศถลาง ​

<DD>สำหรับความนิยมของคนสมัยก่อน อาจจะหาหลักฐานได้ยาก พอดีมีผู้ส่งคำกลอนจากหนังสือวรรณกรรมของสุนทรภู่ ที่ได้บรรยายการเดินทางมายังดินแดนปักษ์ใต้ เมื่อเกือบ ๒๐๐ ปีที่ผ่านมา โดยบันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นบทกลอนดังนี้ <DD>มาประมาณโมงหนึ่งถึงพระบาท ที่กลางหาดเนินทรายชายสิงขร
พี่ยินดีปรีดาคลายอาวรณ์ ประณมกรอภิวาทบาทบงสุ์ <DD>
จุดธูปเทียนบุปผาบูชาพร้อม รินน้ำหอมปรายประชำระสรง
แล้วกราบกรานคลานหมอบยอบตัวลง เหมือนพบองค์โลกนาถพระศาสดา <DD>
พี่พบต้องมองแลพระลายลักษณ์ เหมือนประจักษ์จริงจังไม่กังขา
มีทั้งร้อยแปดอย่างกระจ่างตา เป็นดินฟ้าพรหมอินทร์สิ้นทั้งปวง <DD>
มีขอบเขาจักรวาฬวิมานมาศ ห้องอากาศเมรุไกรอันใหญ่หลวง
พระสุริยันจันทราดาราดวง มีทั้งห้วงนทีสีทันดร <DD>
นาคมนุษย์ครุฑาสุรารักษ์ ทั้งกงจักรห้องแก้วธนูศร
สกุณินกินนราวิชาธร มีไกรสรเสือช้างและกวางทราย <DD>
มีอยู่พร้อมเพริศพริ้งทุกสิ่งสรรพ์ ดูอนันต์นับยากด้วยมากหลาย
ยิ่งพิศดูก็ยิ่งงามอร่ามพราย ด้วยแสงทรายแวววามอร่ามเรือง <DD>
มีบัวบุษย์ผุดรับระยับวาบ ดูเปล่งปลาบแวววาวเขียวขาวเหลือง
พื้นพระบาทผุดผ่องดังทองประเทือง ดูรุ่งเรืองด้วยทรายนั้นหลายพรรณ <DD>
ตามริมรอบราบรื่นทั่วพื้นหาด ดังแก้วลาดแลรอบเป็นขอบขัณฑ์
ดูก็น่าผาสุกสนุกครัน ด้วยสีสันแสงพรายหลายประการ <DD>
พวกเพื่อนฝูงทั้งหลายน้อมกายกราบ ศิโรราบเรียบเรียงเคียงขนาน
พระสุริยงลงลับโพยมมาน ก็คิดอ่านสมโภชพระบาทา <DD>
บ้างรำเต้นเล่นตามประสายาก พิณพาทย์ปากฟังเสนาะเพราะนักหนา
บ้างก็นั่งตีกรับขับเสภา ตามวิชาใคร่ถนัดไม่ขัดกัน <DD>
อึกทึกกึกก้องทั้งท้องหาด ไหว้พระบาทปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
แต่นอนค้างกลางทรายอยู่หลายวัน บ้างชวนกันเที่ยวเล่นไม่เว้นวาย <DD>
บ้างเที่ยวเก็บว่านยากายสิทธิ์ ปรอทฤทธิ์พลวงแร่แม่เหล็กหลาย
พวกลายแทงก็แสวงไปตามลาย เที่ยวแยกย้ายมรรคาเข้าป่าไป <DD>
บ้างเที่ยวจับนกหนูลูกหมูเม่น มาเลี้ยงเล่นตามประสาอัชฌาสัย
บ้างลงเล่นยมนาชลาลัย เห็นเต่าใหญ่ขึ้นหาดดาษดา <DD>
ชวนกันจับขี่เล่นเช่นกับช้าง ให้คลานกลางหาดทรายชายพฤกษา
เต่ามันพาลงทะเลเสียงเฮฮา กลับขึ้นมาหัวร่อกันงอไป <DD>
เขาเที่ยวเล่นเป็นสุขสนุกสนาน ในกลางย่านยมนาชลาไหล
แต่ตัวพี่เศร้าสร้อยละห้อยใจ แสนอาลัยนิ่มนุชสุดประมาณ <DD>
ไหว้พระบาทยมนาแล้วลากลับ ก็เสร็จสรรพเรื่องราวที่กล่าวสาร
นิราศนุชสุดใจไปไกลนาน แต่งไว้อ่านอวดน้องลองปัญญา <DD>
ฉันเป็นศิษย์สุนทรยังอ่อนศักดิ์ พิไรรักมิ่งมิตรกนิษฐา
ประโลมโลกโศกศัลย์พรรณนา ยุติกาจบกันเท่านั้นเอย ฯ
<DD>๑. สุวรรณมาลิก (ลังกา)
<DD>๒. สุวรรณบรรพต (สระบุรี)
<DD>๓. สุมนกูฏ (ลังกา)
<DD>๔. โยนกปุระ (เชียงใหม่)
<DD>๕. นัมทานที (ภูเก็ต)

<DD>ข้อความในวงเล็บนั้น ผู้เขียนลงเอาไว้เพื่อความเข้าใจตามที่ได้ค้นคว้ามา ซึ่งจะหาอ่านรายละเอียดได้จากหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ฉบับ ที่ ๑๕๖, ๑๖๓, ๑๖๔ (ปี ๒๕๓๗) ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะรอยพระพุทธบาทที่ ๕ “นัมทานที” ซึ่งได้ยืนยันไว้เป็นหลักฐานจากหนังสือ “พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์”อ่านคำจารึกโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ มีใจความตามสำนวนสมัยเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมานี้เองว่า...

<DD>“บุญมุนี อยู่ถ้ำฤษี ผู้นำพุทธ สู่เกาะคนชาวน้ำ หมู่คนน้ำ เกาะแก้ว เข้ากราบไหว้ ห้อมล้อม พุทธสอนมาก หมู่คนขอรอยตีนไว้ ชายทเล พุทธเหยียบดิน ทำให้ใหญ่กว่า ๓ เท่า เมื่อวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือนอ้าย พุทธพัสสา ๒๒...”

<CENTER>ถ้าใช้สำนวนในปัจจุบันอ่านได้ดังนี้ </CENTER>
<DD>“พระปุณณะ อยู่ถ้ำฤษี (เขางู จ.ราชบุรี) ผู้นำพระพุทธเจ้า สู่เกาะคนชาวน้ำ (ชาวเล) หมู่คนน้ำ เกาะแก้ว เข้ากราบไหว้ ห้อมล้อม พระพุทธเจ้าสอนมาก หมู่คนขอรอยพระบาท ไว้ที่ชายทะเล...”

<DD>ท่านเจ้าคุณพระราชกวี ได้วินิจฉัยเรื่องนี้ ไว้อีกว่า

<DD>“เท่าที่ปรากฏรอยตีนพุทธนี้ ย่อมทรงแสดงให้เห็นหลักฐาน พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระองค์ว่า ได้เสด็จตั้งแต่ใต้สุดถึงเหนือสุดของ ดินแดน “สุวัณณภูมิ” จึงเสด็จเพื่อทรงเหยียบ แสดงรอยพระบาทเป็นประจักษ์พยานไว้ สัจจพันธ์คีรี (จังหวัดสระบุรี) และที่ เกาะแก้ว(เกาะแก้วพิสดาร?) หรือ “นิมมทานที” (ไทยว่า..นัมมะทา) ซึ่งเป็นที่เลื่องลือมานาน กระทั่งถึงต่างประเทศคือลังกาและชมพูทวีป เพราะคำใน “อรรถกถา” ยืนยันอยู่</DD>

 

จากภาพนี้ จะเห็น บันได ที่ข้ามก้อนหิน ด้านขวา เพื่อให้สาชุชน ใด้กราบรอยพระพุทธบาทอีก 1 รอย ซึ่ง สมัยพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธ์ ต้อง รอน้ำแห้ง จึงจะไต่หิน เพื่อ กราบใด้ (ส่วน ภูเขาด้านหลังก้อนหิน ที่เห็น คือ แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต )


​

 

ความเก่าแก่ของพระธาตุนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเรื่องราวตามอุรังค นิทาน ก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า วัดพระธาตุเชิงชุม เป็นสักขีสถานที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดชาวเมืองหนองหานหลวง และกล่าวว่าบริเวณนี้เป็นที่บรรจุพระบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กุกสันโธ โกนาคมโน กัสสะโป และโคตมะ ซึ่งก่อนจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ต้องไปประทับรอยพระบาทไว้ที่นั่นทุกพระองค์ และต่อไปพระพุทธเจ้าพระนามว่า ศรีอาริยเมตตรัย องค์ที่ 5 ในภัทกัปป์นี้ ก็จะประทับรอยพระบาทไว้เช่นกัน

 

ส่วนพระธาตุเชิงชุม ท่านอ.คนเมืองบัว กล่าวว่า สมัยอดีต ผมเป็นทหาร ใด้ร่วมบูรณะ องค์พระธาตุ สมัย องค์ท่านพระเจ้าชัยวรมัน ที่ 2

เมื่อ ทริป ถวายพระบรมสารีริกธาตุ คำชะโนด มีกระแส ส่งมาให้ ทุกท่านแวะ ที่ พระธาตุเชิงชุม และ หนองหาน เพื่อปลดปล่อย พลังบางอย่าง ที่ยังตกค้าง ที่หนองหาร

ภายในพระธาตุเชิงชุม มีเทวรูป ต่างๆ หน้าประตู ภายในพระธาตุเชิงชุม มีอักขระ ภาษา ขอม ซึ่ง ผม นาคา สมารถ ส่งจิต อ่านใด้ ...

เช่นเดียวกับ ที่ นั่งหน้าวัดพระพุทธบาทสระบุรี มีลมพัดมา และเสียงตามว่า เจ้าพ่อพญาแล ....ซึ่งเกี่ยวพันธ์ กันมา เมืองสีชมพูประตุ มิติ ที่ ชัยภูมิ ก่อนถึง ถ้ำวัวแดง
...
อย่าเชื่อตามกันมา ...อย่าเชื่อตามคำบอกเล่า

เมื่อ หลายปีก่อน ใด้มีพิธี อัญเชิญ ตราครุฑ ใมว้หน้าธนาคราร แห่งหนึ่งในภูเก็ต อาจารย์ ท่านถาม ว่า กลัวครุฑ ไหม

นาคา บอกว่า ครุฑ มาเป็น เทพบุตร ง้ดงามมาก นาคราช ทุกท่านเป็นเพื่อนกัน นาคราช เป็นเพื่อน กับ นาคา ...
ส่งจิต มาที่ นาคา แล้ว เธอจะ รู้ ว่า นาคราช ท่านใด...

 

อักขระ หน้าประตูด้านในพระธาตุเชิงชุม

เทวรูป พระธาตุเชิงชุม

 

บ้านธรรมะสุขใจ

 

พระธาตุบังพวน อดีตภพ เน้อ..

ทริป โยคาวจร แวะพระธาตุบังพวน กับนิมิต นางในพระราชวังเก่าน้อม ถวายดอกบัวแก้ว ครับ


โชดดี ที่ ท่านเจ้าอาวาส มีพิธี อัญเชิญ ฉัตรยอดพระธาตุองค์ใหม่ มาบูรณะ ครับ
หวัดดี ครับ คุณSriaraya5 ใด้เพลา คงใด้ สนทนาธรรม กันครับ แวะมาคุยกันบ้างครับ ใน ข้อความส่วนตัว ที่เปิดเผยใด้ อิอิอิ...

 

เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ
อาจารย์จักษวัชร์

๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๒

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยทั่วสากลจักรวาล และต่างดวงดาว
อำนวยอวยชัยให้ อาจารย์จักษวัชร์ หรือจารจุก
ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ สุขภาพแข็งแรง
มั่งมีศรีสุข นะครับ

 

อาจารย์ทานะบารมี เที่ยวนี้งานเข้าครับ
ทั้งรักษาโรค ถ่ายรูป ลงรูป ครบวงจร

ยอดเยี่ยมมากๆ
ขออนุโมทนาสาธุเยอะๆครับ